"ขอต้อนรับคุณชายหมอกลับจากเขาใหญ่คร้าบบบ" รพีภัทรถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เมื่อเดินเข้ามาถึงโต๊ะ ยังไม่ทันนั่งก็โดนหมอไทม์เพื่อนสนิทเอ่ยแซวซะก่อน
"ทำหน้าอะไรแบบนั้น พวกกูนัดมากินเหล้าแป๊บเดียวจะเป็นจะตาย"
"มึงมากกว่ามั้งไอ้หมอก" รพีภัทรตอบกลับทันที เมื่ออวัศย์เอ่ยพูดในสิ่งที่ปกติจะเป็นตัวเองที่มีปัญหาเรื่องนี้ ตั้งแต่มันมีแฟนก็เล่นหายหน้าหายตาออกจากวงสังคม จะนัดมันมากินเหล้าทั้งที เล่นชักแม่น้ำเป็นร้อยสาย จนพวกเขาถึงขั้นต้องโทรขอให้ใบชาเป็นคนเอ่ยปากพูด แต่ไอ้ตัวดีมาถึงก็นั่งซังกะตายจ้องแต่จะกลับบ้าน ถ้าวันนี้ไม่มีเหตุจริงๆ มันคงไม่โผล่มาอยู่ตรงนี้ เลิกงานแล้วหายหัวตลอด
แล้วก็เดาได้ไม่ยากว่าสาเหตุที่ทำให้มันต้องทิ้งเมียมานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพราะเขา
"กูก็อยากเจอเพื่อนเจอฝูงบ้างไง แล้วอยากรู้ด้วยว่าเพื่อนรักจะซื้ออะไรจากเขาใหญ่มาฝากบ้าง"
"นั่นดิ มีอะไรมาฝากเพื่อนบ้างน้าาา" ธารณ์ลากเสียงยาวถามต่อ
"มีตีนนี่ไง"
"ไอ้พีร์ไอ้คนหยาบ การมีเมียไม่ได้ทำให้มึงอ่อนโยนขึ้นเลยรึไง" ไทม์บ่นเพื่อนเซ็งๆ แสร้งทำสีหน้ารับไม่ได้
"พวกมึงไม่มีอะไรทำกันแล้วรึไง ถึงต้องมาตามเสือกเรื่องกูเนี่ย" รพีภัทรส่ายหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าแก้วตรงหน้าขึ้นมาดื่ม
"ไหนๆ มึงก็เปิดมาขนาดนี้แล้ว ให้กูเสือกหน่อยเถอะ" เมื่อรพีภัทรพูดมาขนาดนี้ อวัศย์จึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อน ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้ "ได้ข่าวว่ามึงไปตามเฝ้าเมียถึงกองถ่ายจริงเหรอวะ"
รพีภัทรถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย ตั้งแต่เมื่อวานที่เขากลับไปทำงานวันแรกหลังกลับจากสัมมนา ข่าวต่างๆ เกี่ยวกับเขาและภรรยาในนามดังว่อนในเน็ต ส่วนใหญ่จะเป็นข่าวซุบซิบที่เขาไปตามเฝ้าลัลนาในกองถ่าย อีกทั้งยังตั้งใจจัดสัมมนาให้ตรงวันกับเธอเพื่อที่จะได้ไปตามเฝ้าได้
มันมีคนคลั่งรักขนาดนั้นเลยเหรอ ถามจริง!?
ทั้งโดนสายตาแปลกๆ ของคนในโรงพยาบาลจ้องมอง ไหนจะข้อความข่าวที่ไอ้เพื่อนตัวดีส่งมาแซวอีก ยังมีเฮียพัชที่โทรมาเปรยๆ เรื่องจะลงทุนเปิดโรงแรมที่เขาใหญ่ เอาเข้าไป!
ทีแรกคิดว่าวันนี้อาการแปลกๆ ของทุกคนจะเริ่มหายไป แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แถมยังโดนลากตัวออกมากลางดึกอีกด้วย
"ว่ามา" คุยให้มันจบๆ ไปเลยแล้วกัน!
"สรุปมึงตามไปเฝ้าคุณนาวเขาจริงเหรอวะ"
"เออ"
"เชี่ยยยย" สองเสียงประสานกันทันทีเมื่อเพื่อนเอ่ยปากยอมรับ
"พวกมึงจะตื่นเต้นอะไรนักหนา"
"คุณเพื่อนครับ อย่างมึงไปนั่งเฝ้าผู้หญิงจะไม่ให้กูตื่นเต้นยังไงไหว" อวัศย์ตอบกลับเพื่อนทันที เมื่อเห็นมันทำหน้าเซ็งๆ ไอ้คนเย็นชาเนี่ยนะ จะไปนั่งเฝ้าผู้หญิง ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาก็เถอะ
"มันไม่มีอะไรเลย เขาเกิดอุบัติเหตุกูก็แค่ไปช่วยดูเท่านั้น อีกอย่างกูกับเขาใครๆ ก็รู้ว่าแต่งงานกันแล้ว จะให้ปล่อยเขาไว้คนเดียว คนอื่นจะมองยังไง"
"มึงแคร์คนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ"
"นั่นดิ ยิ่งพูดยิ่งแปลกๆ" อวัศย์นั่งกอดอกพิงโซฟา นั่งมองไทม์ซักไซ้เพื่อนสนิท
"ไม่ใช่แค่กูสักหน่อย เขาก็เป็นคนมีชื่อเสียง"
"แต่สายกูที่รายงานมาไม่ใช่แบบนั้นนะ"
"เรื่อง?"
"ยังไงๆ วะมึง" ธารณ์รีบหันไปมองหมอกด้วยแววตาสนุก เมื่อเพื่อนมีข่าวจากวงใน
"สายกูรายงานมาว่ามึงไปนั่งเฝ้าที่กองก่อนคุณนาวเกิดอุบัติเหตุอีก"
"ก็เพราะมีคนเห็นไง ว่ากูอยู่ที่นั่น" รพีภัทรอธิบายบอกเพื่อน
"อยู่แล้วไง ต้องเฝ้าด้วยเหรอ"
"มึงจะอะไรไอ้หมอก ทีเมื่อก่อนมึงยังไปนั่งเฝ้าใบชาสอนหนังสือ แค่เด็กมายื่นลูกอมให้มึงก็แทบจะตบหัวทิ่ม"
"ถีบสิไอ้พีร์ ใครจะไปทำเด็กแบบนั้น" อวัศย์โวยวายเสียงดังทันที ใครมาได้ยินเข้าจะมองเขายังไง หาว่ารังแกเด็ก ตัวเขาไม่เคยทำกับเด็กสักหน่อย มีแค่ไปข่มขู่ผู้ปกครองนิดหน่อยเท่านั้นเอง ว่าให้สอนลูกสอนหลานให้หัดตั้งใจเรียน!
"มันต่างกันตรงที่นั่นคือใบชาไง...แล้วไอ้หมอกมันก็หลงเมีย มันก็ไม่แปลกที่จะไปตามเฝ้า ส่วนมึง..."
"..."
"นั่นสิ กูยอมรับกูหลงเมีย ส่วนมึง..."
"พอเลย จะมาคาดคั้นอะไรกู จะแดกไหมเหล้า"
"โมโหกลบเกลื่อนซะด้วย" ไทม์ยกแก้วในมือขึ้นดื่มอย่างอารมณ์ดี ส่วนอวัศย์หัวเราะในลำคอแผ่วเบาอย่างถูกใจ
"กูบอกไม่มีอะไร ก็คือไม่มี มันคืออุบัติเหตุแล้วข่าวก็เขียนเกินจริง" รพีภัทรเริ่มหงุดหงิดกับเรื่องบ้าๆ เดี๋ยวจะต้องไปเช็กสักหน่อยว่าคนที่เริ่มเขียนข่าวนี้มาจากสำนักไหน ช่องอะไร ที่โรงแรมได้มีสปอนไว้บ้างรึเปล่า!
"เออ! ไม่มีก็ไม่มี รีบแดกเข้าไปเหล้าอะ อธิบายจนคอแห้งหมดแล้ว" ธารณ์เพยิดหน้าไปยังแก้วเครื่องดื่มที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะ
"แล้วนี่เมียมึงเป็นไงบ้าง"
"เมียห่าอะไร ไม่ใช่! กูไม่รู้ แล้วก็ไม่สนใจด้วย!!" รพีภัทรที่โดนกวนมาสักพักเริ่มหงุดหงิด ขึ้นเสียงตอบเพื่อนสนิท ไม่รู้จะถามจะกวนกันไปถึงไหน
"อ้อ..เขาคงหายดีแล้วแหละ ไม่งั้นคงไม่ไปนั่งกินเหล้าคนเดียวแบบนั้นหรอก แต่มึงไม่ต้องสนใจหรอกนะเขาไม่ใช่เมียมึงนี่" รพีภัทรหันขวับไปด้านหลังมองตามสายตาเพื่อนทันที ก่อนจะเห็นร่างบางคุ้นตาที่นั่งอยู่คนเดียวบนเก้าอี้บาร์
มาได้ยังไง!?
"สวัสดีครับ""ไม่สะดวกค่ะ" ลัลนาสวนกลับทันทีเมื่อมีคนเดินเข้ามาทัก นี่น่าจะเป็นคนที่สามแล้วตั้งแต่เธอมานั่งตรงนี้ ดาราสาวไม่ได้หันไปมอง แต่รู้สึกได้ว่าผู้ชายร่างสูงที่เดินมาทักเดินห่างออกไปแล้วลัลนาลอบถอนหายใจยาวกับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากเธออยากดื่มคนเดียวก็มักจะหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปที่คอนโด แต่นี่หลังจากที่ย้ายมาอยู่เพนท์เฮ้าส์ เธอจึงถือโอกาสรีโนเวทห้อง ทำให้วันนี้ที่นึกกรึ่มๆ อยากดื่ม ต้องอาศัยมาดื่มข้างนอกแทนเพนท์เฮ้าส์ที่เธออยู่ยังไงก็เป็นของรพีภัทร หากเธอจะไปนั่งดื่มเป็นเมรีขี้เมาก็คงจะน่าเกลียดเกินไปคนตัวเล็กเคลื่อนแว่นตาที่คาดอยู่บนศีรษะลงมาสวม เมื่อเห็นว่ามีหลายคนมองมาทางเธออย่างสนใจ ผับแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่ที่คัดคนพอสมควร มักจะเป็นไฮโซ หรือคนมีชื่อเสียงเข้ามาใช้บริการอยู่บ่อยๆ แต่กับเธอที่มักจะมีข่าวเรื่องแย่งผัวชาวบ้านบ้าง เป็นเด็กเสี่ยบ้าง ก็ไม่แปลกที่มักจะมีคนอยากเข้ามาลองของชีวิตเธอจะมีใครรักเธอจริงๆ บ้างนะ..ลัลนาเรียกบาร์เทนเดอร์พลางเอ่ยสั่งเครื่องดื่มมาอีกแก้ว รู้ว่าวันนี้ตนเองดื่มเยอะเป็นพิเศษ ปกติเธอมักจะดื่มเบียร์เย็นๆ ไม่เกินสองกระป๋อง
"เมาก็หลับไปก่อน" รพีภัทรปรายตามองคนตัวเล็กที่นอนเอนบนเบาะข้างคนขับ หันข้างมองเขาตาแป๋ว"บอกแล้วไงว่าไม่เมา""..." เมื่อเห็นเธอยืนยันแบบนั้นเขาก็ไม่สาวความยาวต่อความยืด เปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาจนเกินไป ถึงอย่างนั้นก็ยังรับรู้ถึงสายตาที่มองมา"คุณพีร์""ครับ?" เขาหันมองเธอเล็กน้อย เลิกคิ้วเป็นคำถาม เมื่อเห็นเธอเอ่ยเรียกชื่อ แต่ไม่พูดอะไรต่อ"ทำไมคุณถึงไม่มีแฟน" "ยังไม่จบกับเรื่องนี้อีกรึไง" รพีภัทรถามย้อนกลับน้ำเสียงดุ ไม่ตอบคำถาม "ก็คุณไม่ตอบคำถามสักทีล่ะ""ก็ไม่มีอะไร แค่ไม่อยากมี" เขาอธิบายสั้นๆ จนคนตัวเล็กเบ้ปากหงุดหงิด ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบกัน!"หรือคุณจะเป็นอย่างที่เขาว่ากัน""เป็นอะไร....แล้วใครว่า?""เป็นเกย์ไง" รพีภัทรถอนหายใจเซ็งๆ เบื่อกับข่าวลือที่มักจะได้ยินผ่านหู"...""ไม่ตอบซะด้วย ฉันเข้าใจนะคุณไม่ต้องปิดหรอก ถือซะว่าเป็นเพื่อนสาวกัน"ถึงแม้เธอจะรู้สึกเหมือนอกหักครั้งแรกในชีวิตก็เถอะ!"นอนไปเถอะ" เขาบอกปัดเสียงเนือยๆ เมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่มีท่าทีหยุดซักไซ้"ถ้าคุณเป็นเกย์จริงๆ อยากลองกับผู้หญิงไหม"เอี๊ยดดดดด"ว๊ายยย!!"ลัลนาร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเสียง
คนตัวเล็กที่เพิ่งปิดประตูห้อง เมื่อหันหลังกลับมาก็เจอเข้ากับแววตาดุดันที่ยังคงจ้องมองกันอยู่ แผ่นหลังเธอเหยียดตรงเกร็งขึ้นอัตโนมัติเมื่อเขาสาวเท้าเข้ามาใกล้"คะ..คุณ" ลัลนาลอบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะถอนสายตาหนีไปทางอื่นดื้อๆ เมื่อคุณหมอหนุ่มเข้ามาประชิดตัว"ว่าไง...ยังอยากให้ลองอยู่ไหม" ร่างเล็กหดตัวลงเมื่อถูกสายตาดุๆ จ้องมอง มือไม้เกะกะไปเสียหมด"ฉันขอโทษ ฉันก็แค่ได้ยินมา""เหอะ! ใครกันแน่ที่หูเบา" คนเคยโดนกล่าวหาว่าหูเบาเอ่ยประชดกลับไป"แต่เรื่องนั้นฉันยังยืนยันคำเดิมนะ" รพีภัทรก้มใบหน้าสบตาคนตัวเล็กทันทีเมื่อเธอพูดจบ มุ่นหัวคิ้วมึนงงเมื่อเธอยังยืนยันคำเดิม"คุณเมาขนาดนั้นเลย?""สรุปคุณอยากมีอะไรกับฉันไหม?" รพีภัทรเผยสีหน้าคาดไม่ถึงเมื่อภรรยาในนามเอ่ยแบบนั้นขึ้นมาดื้อๆ ก่อนสีหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นระแวดระวังไม่ไว้ใจ"คุณเป็นอะไร""ฉันก็เป็นภรรยาคุณไง""นาวอย่ากวน" เสียงดุๆ เอ่ยปรามขึ้นเมื่อเธอยังพูดทีเล่นทีจริงไปซะหมด "เรื่องแบบนี้อย่าพูดเล่น""ฉันไม่ได้พูดเล่น" ความเจ็บช้ำ เสียใจ และโดดเดี่ยวที่ได้เผชิญมาในวันนี้ ทำให้เธอตัดสินใจพูดมันออกไป อย่างน้อยก็ขอมีค่ากับใครสักคน แค่ในเวลาคืนนี้ก็
"คุณน้องทำไมวันนี้อ่อมจังคะ เอนนอร์จี้หายไปไหนหมด" ลัลนายิ้มแหยๆ ส่งผ่านทางกระจกเมื่อช่างแต่งหน้าที่กำลังซับหน้าให้เธออยู่เอ่ยถามขึ้น"ช่วงนี้ถ่ายละครดึกทุกวันเลยค่ะ" ส่วนเธอก็ได้แต่ตอบกลางๆ พอเป็นพิธี จะให้พูดได้ยังไงล่ะว่าเหนื่อยเพราะอะไรแค่คิดสองแก้มแดงก็เห่อร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อเช้าหลังจากเธอตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงกว้างในห้องตนเอง ข้างๆ มีร่างสูงนอนคว่ำหน้าอยู่กับเตียง ในขณะที่ร่างกายตนเองมีเพียงชุดนอนสีขาวสวมทับอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นเขา ที่หามาใส่ให้เธอ เพราะจำได้ว่าหลังจากที่เขาใช้ของที่ซื้อมาจนหมดกล่อง ร่างกายเธอก็ชัตดาวน์ไปดื้อๆ ไม่รับรู้เรื่องราวต่อจากนั้นลัลนารีบกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ทันที เนื่องจากวันนี้มีถ่ายแบบตอนเช้าเมื่อคนตัวสูงเริ่มขยับตัว กลัวเขาจะตื่นก่อนแล้วไม่รู้จะทำยังไง ก่อนจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อยรวมถึงแต่งหน้าบางๆ และใช้คอนซีลเลอร์ปิดร่องรอยสีกุหลาบที่เขาทำไว้ เกรงว่าหากไปถึงสตูดิโอที่ใช้ถ่ายแบบด้วยสภาพนี้ พี่ๆ ช่างแต่งหน้าจะวี๊ดว๊ายตกใจไปกันใหญ่ ที่สำคัญต้องโดนแซวจนอยากจะมุดหน้าลงดินแน่นอนก็ร่องรอยขนาดนี้ใครดูก็รู้ว่าเมื่อคืนผ่านศึกหนักอ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่เมื่อคืนดังอยู่ค่อนคืน กลับเกิดขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด คนตัวเล็กวาดมือไปด้านหลังสัมผัสโดนหน้าท้องแข็งคัดที่เขยื้อนตามแรงสะโพก ใบหน้าหวานคว่ำลงส่ายไปมาบนหมอนใบใหญ่ เมื่อแรงกระแทกจากด้านหลังถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องครางกระเส่ากรีดร้องทุกครั้งเมื่อความแข็งแกร่งแทรกลึกเข้ามาภายใน ราวกับมีพายุลูกใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง"บะ..เบาก่อน" คนตัวเล็กทั้งเอ่ยร้อง เอ่ยครางเสียงสั่นให้คนเหนือร่างผ่อนจังหวะลง เมื่อเธอคล้ายจะไปถึงปลายทางอีกครั้งหลังจากเสร็จสมไปแล้วหนึ่งรอบ"เสร็จเลย!" เสียงเข้มเอ่ยขึ้นด้วยความเครียดคล้ายออกคำสั่ง ก่อนสะโพกหนาจะกระทั้นเป็นจังหวะถี่ยิบเพื่อส่งเธอไปยังปลายทาง ร่างทั้งร่างสั่นไหวทรงตัวได้ยากเต็มที ร่างกายท่อนบนค่อยๆ ทรุดลงก่อนเธอจะแนบแก้มกับผ้าปูที่นอน ปลดปล่อยเสียงครางดังก้องทั่วห้องร่างบอบบางสั่นสะท้าน และกระตุกตอบรับจังหวะการสอดใส่ ก่อนเลือดทุกหยดในร่างกายจะเดือดพล่าน ความรู้สึกเสียวปลาบเซ็นซ่านไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะปลดปล่อยความต้องการออกมาจนหมดความแข็งขึงที่ยังสอดประสานเสียดสีกับช่องทางรักอีกไม่กี่ครั้งก่อนส่วนที่ฝังตัวจะเกร็งสะท
"เพิ่งรู้ว่าถ้าหยุดงานสักวันแล้วจะทำให้อารมณ์ดีได้ขนาดนี้ กูขอลาสักอาทิตย์ดีกว่า ว่าไหมไอ้หมอก" รพีภัทรเงยหน้าจากหน้าจอแม็คบุ๊คที่กำลังอ่านประวัติคนไข้อยู่ เมื่อเห็นท่าทางของไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองที่เดินเข้าห้องมาด้วยสีหน้าระรื่น ก็ออกอาการเซ็งน้อยๆ ก่อนจะก้มหน้าทำงานเหมือนเดิม"น้อยๆ หน่อยไอ้พีร์ ไอ้หมอกไม่ใช่เห็บหมัดนะ จะได้ทำหน้ารังเกียจขนาดนั้น""อ้าว! ไอ้ไทม์เกี่ยวอะไรกับกู มึงสิหน้าเห็บ" อวัศย์ถึงกับหันไปโวยวายเอาเรื่องที่ธารณ์เอาชื่อตนเองไปเปรียบเทียบกับเห็บหมัด ทั้งๆ ที่ดูก็รู้ว่ารพีภัทรทำหน้าเซ็งมันนั่นแหละ"ช่างเถอะใครจะหน้าเห็บก็ช่าง แต่มีคนหน้าระรื่นมาทำงานว่ะ"ธารณ์รีบจบบทสนทนาที่ดูจะไหลลื่นไปไกล เปิดประเด็นถึงเรื่องที่ได้ยินมา"อ้าว! ก็แค่คนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยลาหยุด แต่อยู่ดีๆ ก็ขอลากะทันหันก็ต้องหน้าระรื่นเป็นธรรมดา" อวัศย์รับมุกเพื่อน เดินไปนั่งไขว่ห้างรอดูเรื่องสนุกที่โซฟากลางห้องต่อ"ว่าแต่...ถ้าแค่หยุดเฉยๆ จะอารมณ์ดีแบบนี้เลยเหรอวะ ได้ข่าวว่ามีคนเหมาน้ำส้มหน้าโรงบาลเลี้ยงคนทั้งแผนกเลยนะมึง""เฮ้ย! แผนกไหนวะมึง"รพีภัทรถอนหายใจยาว วางปากกา ก่อนจะนั่งเอนตัวกอดอกพิงเก
คนตัวเล็กเดินหาวออกมาจากห้องนอนตนเอง หลังจากที่คนตัวสูงเพิ่งลุกออกไปเมื่อชั่วโมงก่อน เธออาบน้ำจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องมา ได้กลิ่นอาหารโชยมาจนถึงกับลอบกลืนน้ำลาย ยิ่งหลังๆ ได้มีโอกาสชิมอาหารฝีมือเขาบ่อยๆ ยิ่งติดใจ ติดใจทั้งอาหาร ทั้งคนทำ ไม่รู้ว่างานดีขนาดนี้หลุดรอดมาถึงเธอได้ไงลัลนาเดินมาถึงโต๊ะอาหารขนาดเล็กในห้องครัว ด้วยความที่พวกเธออยู่กันแค่สองคนจึงชอบนั่งกินบนโต๊ะเล็กในห้องครัวมากกว่าห้องอาหารด้านนอกที่มีโต๊ะขนาดใหญ่อยู่ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมีเพียงอาหารวางอยู่ กวาดสายตามองรอบๆ เห็นคุณหมอหนุ่มยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกระเบียง ในชุดเรียบร้อยพร้อมไปทำงานคนตัวเล็กเดินมานั่งรอที่โต๊ะ ที่มีข้าวต้มกุ้งร้อนๆ วางอยู่ ฝั่งเธอมีน้ำส้มคั้นสีสวยพร้อมน้ำเปล่าวางอยู่อย่างละแก้ว ส่วนเขามีเพียงกาแฟแก้วเล็กสีดำวางแน่นิ่งอยู่ คล้ายว่าเขายังไม่ทันได้แตะต้องอะไรแต่มีสายเข้าเสียก่อนลัลนายกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม เมื่อได้ชิมก็พยักหน้าอย่างถูกใจเหมือนเดิมกับรสชาติที่เขาทำ ก่อนจะเงยหน้ายกยิ้มกว้างให้คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา ก่อนรอยยิ้มจะเริ่มหายไปเมื่อเห็นท่าทางบึ้งตึงของคนที่เพิ่งเดิ
"น้องนาวนั่งรถไปกับมินนี่นะ ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว" ศศิธรบอกนางร้ายสาวด้วยสีหน้าเกรงใจ เรื่องราวคราวก่อนยังเป็นเรื่องให้พูดถึงในกองอยู่เป็นพักๆ ยิ่งหลังๆ ถ้าเป็นไปได้ทุกคนจะรู้ดีและพยายามจับทั้งคู่แยกกันให้มากที่สุด แต่คราวนี้จำเป็นจริงๆ เนื่องจากวันนี้เป็นการมาถ่ายทำที่ต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นเรื่องยานพาหนะนะ ความสะดวกสบายต่างๆ ก็ย่อมไม่ครบครันเท่าตอนอยู่ที่กรุงเทพฯ วันนี้มีฉากที่ต้องเปลี่ยนโลเคชั่นโดยรถตู้คันหนึ่งขนนักแสดงทั้งหมดไปแล้ว เหลือเพียงสองนางเอกและนางร้ายที่เพิ่งเข้าฉากกันเสร็จ เลยต้องเดินทางไปตามหลังทุกคน ส่วนทีมงานที่เหลือจะตามไปอีกคันหลังจากที่เคลียร์ของเรียบร้อย"นาวไม่ติดหรอกค่ะ แล้ว...นู่นล่ะคะ" ลัลนาตอบกลับอย่างไม่คิดมาก ตัวเธอไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เกรงว่าคนที่มีปัญหาจะเป็นอีกคนมากกว่า"มินนี่โอเค นั่งอยู่บนรถแล้ว" นี่อาจเป็นเรื่องที่ศศิธรแปลกใจที่สุดของวันเลยก็ว่าได้ ที่มนิสราไม่เรื่องมากที่จะต้องนั่งรถไปคู่กับลัลนา ทีแรกยังแอบกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกันเมื่อผู้ช่วยผู้กำกับบอกแบบนั้นลัลนาจึงก้าวขึ้นรถตู้ตามไปอีกคน ในขณะที่นางเอกสาวนั่งชิดติดหน้าต่างตัวเธอก็นั่งชิ
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้
"อ้าวเฮีย" รพีภัทรที่เพิ่งเดินมาถึงบ้าน เอ่ยทักพี่ชายตนเองที่เดินเข้ามาเจอกันที่หน้าบ้านของตนเอง คาดว่าคงมีอะไรจะคุยด้วย เพราะดึกขนาดนี้แล้วพัชระยังอยู่รอ "มีอะไรรึเปล่าเฮีย""ไปคุยในบ้านสิ" รพีภัทรเปิดประตูให้พี่ชายเข้าบ้าน ในขณะที่ตนเองเดินไปนั่งที่โซฟาข้างพี่ชายตนเอง"พรุ่งนี้หยุดรึไงถึงกลับบ้าน" ปกติตัวเขาหากจะกลับมานอนบ้านก็เพราะว่าแม่โทรตาม แต่วันนี้แม่ไม่ได้โทรตาม ก็ไม่แปลกใจที่พัชระจะถามขึ้นเมื่อเห็นรถเขาเข้าบ้านมา"เปล่าหรอกเฮีย ไม่อยากอยู่เพนท์เฮ้าส์" ในนั้นมีแต่ความทรงจำของเธอกับเขาเต็มไปหมด ยิ่งอยู่ยิ่งคิดถึง ทีแรกจะกลับคอนโด แต่อยู่ๆ เกิดคิดถึงบ้านขึ้นมาจึงขับอ้อมกลับมานอนบ้านดีกว่า เพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ บ้านคือที่พักใจที่ดีที่สุด"แม่ให้เอามาให้" รพีภัทรปรายตามองซองเอกสารที่เพิ่งเห็นเมื่อวานจากผู้เป็นแม่ เมื่อวานเขาไม่ยอมรับและออกมาเลย ไม่คิดจะเซนต์อยู่แล้วไอ้เอกสารบ้าๆนี่!"...""วางไว้นี่นะ" พัชระไม่สนใจเช่นเดิม หันหน้ามองนอกหน้าต่าง พยายามคิดว่าตอนนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหนสงสัยจะต้องพึ่งเฮียแล้วจริงๆ"เฮีย""ว่าไง" พัชระที่รอฟังอยู่แล้วตอบรับทันที
"ไม่รับจริงเหรอ เขาน่าจะโทรเป็นร้อยสายแล้วมั้ง""ไม่ถึงหรอก..." แค่เกือบๆ เท่านั้นเองหลังจากเมื่อวันก่อนที่ลัลนาคุยกับรพีภัทรจบ เห็นสีหน้าอึ้งตกใจของคนตัวสูง ตัวเธอก็รีบออกจากบ้านมาทันที ปล่อยให้เขายืนช็อกอยู่นั่นแหละ คงไม่คิดว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เมื่อวานช่วงเช้าเธอจึงตัดสินใจทำบางอย่าง นั่นคือจัดการเรื่องหย่า เธอเซนต์ใบหย่าทิ้งไว้โดยนำไปฝากไว้กับคุณหญิงรจณี เหลือแค่เขาเซนต์ในส่วนของตนเองทุกอย่างก็จบ นี่คงเป็นคำกล่าวที่เธอมักได้ยินมาเสมอ เจ็บแต่จบมันเป็นอย่างนี้นี่เองตอนนี้เธอทั้งเจ็บ ทั้งทรมานเลยล่ะ แต่ใครจะไปคิด ว่าคนเพื่อนไม่มีอย่างเธอ สุดท้ายเวลาแบบนี้ ดันมาอาศัยอยู่กับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะญาติดีกันได้"ไม่ถึงอะไร ฉันเห็นเขาโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อวาน" มนิสราบ่นคนที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟากลางห้องเสียงเครียด ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์ดังเป็นระยะๆ ตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็น"..." ลัลนาไม่ตอบอะไร ได้แต่มองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีทั้งข้อความสลับกับสายเรียกเข้าไม่หยุดไม่ทำการทำงานรึไงส่วนคนข้างๆ ก็พูดเป่าหูตลอดว่าให้เธอรับสาย เรื่องของเรื่องคือเธอนัดคุยกับอชิระและมนิสราเรื่องที่เป
ลัลนาเดินเข้าห้องมาด้วยใจลอยๆ สมองคิดถึงแต่เรื่องที่เพิ่งเจอมา ภายในใจบอบช้ำจนไม่เหลือชิ้นดี ที่ผ่านมาเคยคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองถูกทิ้ง แต่ไม่มีครั้งไหนจะยืนยันความคิดนั้นได้ดีเท่าครั้งนี้เลยเธอถูกทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะนับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่อชิระไปเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้เลยว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ยังไงลัลนาค่อนข้างมั่นใจว่าพระเอกหนุ่มน่าจะได้ยินทุกอย่างที่เธอคุยกับมารดา เพราะดูจากสีหน้าเจื่อนๆ ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไร พาเธอกลับมาส่งบ้านโดยไม่ถามอะไรสักคำ ปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองเงียบๆลัลนาเปิดไฟในห้องนอนคอนโดของตนเอง เธอพักอยู่ที่คอนโดเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ก็ตั้งแต่กลับจากหัวหินนั่นแหละ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นงานเลี้ยงก็กร่อยๆ ไปโดยปริยาย เธอเห็นท่าทางแปลกๆ ของหมอทั้งสามคนแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร บวกกับพัชระออกความเห็นให้นอนหนึ่งคืนและแยกย้ายกันกลับเลย เพราะวราลีดูขวัญเสียไม่น้อยหลังจากนั้นเธอก็เริ่มหาข้ออ้างกลับมานอนคอนโดตนเองที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จ อ้างถึงเรื่องถ่ายละครที่ช่วงนี้ต้องเลิกดึก บวกกับกองถ่ายใกล้กับคอนโดมากกว่า ประจวบกับเขามีขึ้นเวรต