"สวัสดีครับ"
"ไม่สะดวกค่ะ" ลัลนาสวนกลับทันทีเมื่อมีคนเดินเข้ามาทัก นี่น่าจะเป็นคนที่สามแล้วตั้งแต่เธอมานั่งตรงนี้ ดาราสาวไม่ได้หันไปมอง แต่รู้สึกได้ว่าผู้ชายร่างสูงที่เดินมาทักเดินห่างออกไปแล้ว
ลัลนาลอบถอนหายใจยาวกับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากเธออยากดื่มคนเดียวก็มักจะหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปที่คอนโด แต่นี่หลังจากที่ย้ายมาอยู่เพนท์เฮ้าส์ เธอจึงถือโอกาสรีโนเวทห้อง ทำให้วันนี้ที่นึกกรึ่มๆ อยากดื่ม ต้องอาศัยมาดื่มข้างนอกแทน
เพนท์เฮ้าส์ที่เธออยู่ยังไงก็เป็นของรพีภัทร หากเธอจะไปนั่งดื่มเป็นเมรีขี้เมาก็คงจะน่าเกลียดเกินไป
คนตัวเล็กเคลื่อนแว่นตาที่คาดอยู่บนศีรษะลงมาสวม เมื่อเห็นว่ามีหลายคนมองมาทางเธออย่างสนใจ ผับแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่ที่คัดคนพอสมควร มักจะเป็นไฮโซ หรือคนมีชื่อเสียงเข้ามาใช้บริการอยู่บ่อยๆ แต่กับเธอที่มักจะมีข่าวเรื่องแย่งผัวชาวบ้านบ้าง เป็นเด็กเสี่ยบ้าง ก็ไม่แปลกที่มักจะมีคนอยากเข้ามาลองของ
ชีวิตเธอจะมีใครรักเธอจริงๆ บ้างนะ..
ลัลนาเรียกบาร์เทนเดอร์พลางเอ่ยสั่งเครื่องดื่มมาอีกแก้ว รู้ว่าวันนี้ตนเองดื่มเยอะเป็นพิเศษ ปกติเธอมักจะดื่มเบียร์เย็นๆ ไม่เกินสองกระป๋องแล้วหลับไป แต่วันนี้รู้ตัวดีว่าตนเองไม่ค่อยปกติ....
วันนี้เธอมีนัดกับนักสืบที่ว่าจ้างให้สืบหาคนคนหนึ่งให้ คนที่หายออกจากชีวิตเธอไปนานหลายปี คนที่เธอมักจะหลอกตัวเองอยู่เสมอว่าเขาคงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ทิ้งเธอไป
คนนั้นก็คือแม่ของเธอเอง...
แม้ความเป็นจริงจะพยายามทำใจไว้อยู่แล้ว ว่าเรื่องราวมันอาจจะเลวร้ายกว่านั้น แต่...ไม่คิดว่าสิ่งที่รับรู้จะทำให้ปวดใจได้ขนาดนี้
เธอพยายามทุกอย่างให้ตัวเองได้อยู่ในวงการบันเทิง พยายามหาเงินให้เยอะๆ เผื่อวันไหนแม่กลับมาจะได้ไม่ลำบาก เธอยอมอยู่ในวงการยอมอยู่ในแสง เพื่อให้คนข้างนอกมองมาเห็น อย่างน้อยก็เป็นหนทางที่จะให้มารดาได้เห็นว่าเธออยู่ตรงนี้
เผื่อสักวันแม่จะกลับมา....
แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ ของตัวเอง คนที่เธอเฝ้ารอมาโดยตลอดตอนนี้มีชีวิตใหม่ไปแล้ว มีทั้งชีวิตที่ดี ชีวิตที่ไม่ต้องยากจนเหมือนเมื่อก่อน ชีวิตที่มีสามีที่ดี และที่สำคัญมีลูกสาวคนใหม่...
เธอโดนทิ้งอย่างแท้จริงแล้ว...
ลัลนากำลังจะยกแก้วในมือขึ้นดื่ม แต่ต้องร้องอุทานขึ้นอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ แก้วในมือถูกฉุดไป ดาราสาวหันมองคนมาใหม่ตาขวางทันที ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างเป็นตกใจ เมื่อเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่
"คุณพีร์?"
"..."
"มาได้ไงคะ" ตอนเล่นละครแล้วเจอบทบาทนี้ เธอยังคิดอยู่เลยว่าเป็นคำถามโง่เง่ามาก เขาจะมาได้ไงล่ะ ก็ต้องขับรถมาสิ! แต่พอมาเจอกับตัว พร้อมกับสายตาที่จ้องเขม็งมา ก็เข้าใจได้ทันที ว่าอาการที่ตกใจจนคิดอะไรไม่ออกมันเป็นยังไง
ว่าแต่..จะตกใจทำไม ในเมื่อเธอก็บรรลุนิติภาวะแล้ว การที่นั่งดื่มแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี
"กลับได้แล้ว"
"คุณกลับไปก่อนได้เลยค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักฉันจะกลับ" เธอหันใบหน้าหนีเขา มองไปยังหน้าเวทีแทน ไม่สนใจคนที่ยืนกดดันอยู่ข้างๆ
"คุณดื่มเยอะแล้ว" เขาที่ลอบสังเกตมาสักพักเอ่ยเตือน
"ฉันยังไม่เมา"
"หมดแก้วนี้เมาแน่" ลัลนาชำเลืองมอง Long Island ในมือเขา ก่อนที่คนตัวสูงจะกระดกดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
"คุณพีร์!" เรื่องอะไรมากินของคนอื่น!
"กลับได้แล้ว" รพีภัทรบอกเธอสั้นๆ ก่อนจะพยักหน้าเรียกบริกรหนุ่มที่เมียงมองอยู่ก่อนแล้วเข้ามาหา ยื่นบัตรสีดำเงาให้เด็กหนุ่มจัดการอย่างรู้หน้าที่
"คุณจะมาบังคับคนอื่นทำไม คุณมาดื่มฉันยังไม่เห็นกวนเลย" รพีภัทรถอนหายใจยาวอย่างหงุดหงิด ก็ไอ้ที่เขาต้องมานี่ก็เพราะเรื่องเธอทั้งนั้นแหละ!
"ผมดื่มแต่รู้ตัว รู้ลิมิตตัวเอง ส่วนคุณไม่ใช่"
"ไม่ใช่อะไร ฉันไม่ได้เมา!" ลัลนาเขยิบตัวลุกออกจากเก้าอี้ทรงสูง ก่อนจะเสียหลักประชิดตัวคุณหมอหนุ่มที่ยืนกันไว้อยู่แล้ว
คิดไว้มีผิดที่ไหน ถ้าลุกต้องเซเนี่ย!
"ยังไง สรุปเมาไหม?"
"แค่เสียหลักเฉยๆ" คนตัวเล็กผละตัวออกจากร่างสูง ยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์แทน ไม่ยอมรับว่าตนเองเมา ถึงแม้จะรู้สึกกรึ่มๆ เล็กน้อย
"ผมไปส่ง" รพีภัทรเมื่อรับบัตรคืนจากบริกรหนุ่มเรียบร้อย ก็หันมาบอกเธอ ส่วนคนตัวเล็กรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
"ฉันจะกลับเอง"
"รถก็ไม่ได้เอามาไม่ใช่รึไง?" รพีภัทรจำได้ว่ายังเห็นรถเธอจอดอยู่ที่ลานจอด นี่คงจะกะเมาเต็มที่แล้วเรียกรถกลับ
ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเลย น่าตีชะมัด!
"..."
"นาวอย่าดื้อ อยู่ที่นี่คนเยอะแยะ แล้วตอนนี้เราก็เริ่มเป็นจุดสนใจแล้วด้วย" ลัลนาแอบชำเลืองตาสำรวจมองรอบๆ เป็นอย่างที่เขาว่า เริ่มมีคนหยุดมองเธอกับรพีภัทรแล้วจริงๆ
เมื่อเห็นว่ากำลังจะนำความเดือดร้อนมาให้คนอื่น ร่างบางจึงหยิบกระเป๋าออกเดินนำทันที ในขณะที่คนตัวสูงเดินมาประชิดด้านหลัง
"ขอโทษครับ"
"ไม่เป็น.../ระวังหน่อย" ลัลนากำลังจะตอบคนที่เดินถอยหลังมาชนเธอว่าไม่เป็นไร เพราะความจริงแล้วยังไม่ถึงกับโดนตัวเธอ คนที่ยืนประชิดเธอจากด้านหลังเอามือกันไว้อยู่ แต่ก็ไม่ทันเสียงดุๆ ของคุณหมอหนุ่มที่เอ่ยเตือนไปก่อน
ความจริงลัลนาคิดว่าเขาจะตำหนิเธอที่เดินไม่ระวัง แต่เมื่อเห็นสายตาดุๆ จ้องมองไปยังคนที่มาชนเธอก็รู้ได้ทันที ว่าคนที่เขาต่อว่าคือคนอื่น
ผู้ชายคนนั้นผงกหัวขอโทษอีกหน ก่อนจะเดินหายไปกับฝูงคนที่เบียดเสียดกันแน่นกลางฟลอร์
"เขยิบมานี่" เขาบอกเธอเสียงเรียบ ออกแรงดึงคนตัวเล็กมายืนข้างกันแทน ก่อนจะยกแขนโอบไหล่เธอไว้หลวมๆ แต่กลับทำให้คนที่เพิ่งหัวใจแห้งเหี่ยวบอบช้ำ กลับมาเต้นแรงอีกครั้งอย่างไม่มีเหตุผล ปลายนิ้วสั่นไหวที่สัมผัสโดนหัวไหล่มนในชุดเปิดไหล่ยิ่งทำให้เธอราวกับตกอยู่ในห้วงอารมณ์ฝัน เสียงเพลงที่ดังกึกก้องไม่อาจดังเท่าเสียงหัวใจที่สั่นไหวอยู่ภายใน
ไม่หรอก...เธออาจแค่กำลังอ่อนแอ ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยสักนิด!
แล้วถ้าคิดล่ะ!...จะรู้ได้ไงว่าคิด? หรือว่าเธอจะลองพิสูจน์ดี
"เมาก็หลับไปก่อน" รพีภัทรปรายตามองคนตัวเล็กที่นอนเอนบนเบาะข้างคนขับ หันข้างมองเขาตาแป๋ว"บอกแล้วไงว่าไม่เมา""..." เมื่อเห็นเธอยืนยันแบบนั้นเขาก็ไม่สาวความยาวต่อความยืด เปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาจนเกินไป ถึงอย่างนั้นก็ยังรับรู้ถึงสายตาที่มองมา"คุณพีร์""ครับ?" เขาหันมองเธอเล็กน้อย เลิกคิ้วเป็นคำถาม เมื่อเห็นเธอเอ่ยเรียกชื่อ แต่ไม่พูดอะไรต่อ"ทำไมคุณถึงไม่มีแฟน" "ยังไม่จบกับเรื่องนี้อีกรึไง" รพีภัทรถามย้อนกลับน้ำเสียงดุ ไม่ตอบคำถาม "ก็คุณไม่ตอบคำถามสักทีล่ะ""ก็ไม่มีอะไร แค่ไม่อยากมี" เขาอธิบายสั้นๆ จนคนตัวเล็กเบ้ปากหงุดหงิด ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบกัน!"หรือคุณจะเป็นอย่างที่เขาว่ากัน""เป็นอะไร....แล้วใครว่า?""เป็นเกย์ไง" รพีภัทรถอนหายใจเซ็งๆ เบื่อกับข่าวลือที่มักจะได้ยินผ่านหู"...""ไม่ตอบซะด้วย ฉันเข้าใจนะคุณไม่ต้องปิดหรอก ถือซะว่าเป็นเพื่อนสาวกัน"ถึงแม้เธอจะรู้สึกเหมือนอกหักครั้งแรกในชีวิตก็เถอะ!"นอนไปเถอะ" เขาบอกปัดเสียงเนือยๆ เมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่มีท่าทีหยุดซักไซ้"ถ้าคุณเป็นเกย์จริงๆ อยากลองกับผู้หญิงไหม"เอี๊ยดดดดด"ว๊ายยย!!"ลัลนาร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเสียง
คนตัวเล็กที่เพิ่งปิดประตูห้อง เมื่อหันหลังกลับมาก็เจอเข้ากับแววตาดุดันที่ยังคงจ้องมองกันอยู่ แผ่นหลังเธอเหยียดตรงเกร็งขึ้นอัตโนมัติเมื่อเขาสาวเท้าเข้ามาใกล้"คะ..คุณ" ลัลนาลอบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะถอนสายตาหนีไปทางอื่นดื้อๆ เมื่อคุณหมอหนุ่มเข้ามาประชิดตัว"ว่าไง...ยังอยากให้ลองอยู่ไหม" ร่างเล็กหดตัวลงเมื่อถูกสายตาดุๆ จ้องมอง มือไม้เกะกะไปเสียหมด"ฉันขอโทษ ฉันก็แค่ได้ยินมา""เหอะ! ใครกันแน่ที่หูเบา" คนเคยโดนกล่าวหาว่าหูเบาเอ่ยประชดกลับไป"แต่เรื่องนั้นฉันยังยืนยันคำเดิมนะ" รพีภัทรก้มใบหน้าสบตาคนตัวเล็กทันทีเมื่อเธอพูดจบ มุ่นหัวคิ้วมึนงงเมื่อเธอยังยืนยันคำเดิม"คุณเมาขนาดนั้นเลย?""สรุปคุณอยากมีอะไรกับฉันไหม?" รพีภัทรเผยสีหน้าคาดไม่ถึงเมื่อภรรยาในนามเอ่ยแบบนั้นขึ้นมาดื้อๆ ก่อนสีหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นระแวดระวังไม่ไว้ใจ"คุณเป็นอะไร""ฉันก็เป็นภรรยาคุณไง""นาวอย่ากวน" เสียงดุๆ เอ่ยปรามขึ้นเมื่อเธอยังพูดทีเล่นทีจริงไปซะหมด "เรื่องแบบนี้อย่าพูดเล่น""ฉันไม่ได้พูดเล่น" ความเจ็บช้ำ เสียใจ และโดดเดี่ยวที่ได้เผชิญมาในวันนี้ ทำให้เธอตัดสินใจพูดมันออกไป อย่างน้อยก็ขอมีค่ากับใครสักคน แค่ในเวลาคืนนี้ก็
"คุณน้องทำไมวันนี้อ่อมจังคะ เอนนอร์จี้หายไปไหนหมด" ลัลนายิ้มแหยๆ ส่งผ่านทางกระจกเมื่อช่างแต่งหน้าที่กำลังซับหน้าให้เธออยู่เอ่ยถามขึ้น"ช่วงนี้ถ่ายละครดึกทุกวันเลยค่ะ" ส่วนเธอก็ได้แต่ตอบกลางๆ พอเป็นพิธี จะให้พูดได้ยังไงล่ะว่าเหนื่อยเพราะอะไรแค่คิดสองแก้มแดงก็เห่อร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อเช้าหลังจากเธอตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงกว้างในห้องตนเอง ข้างๆ มีร่างสูงนอนคว่ำหน้าอยู่กับเตียง ในขณะที่ร่างกายตนเองมีเพียงชุดนอนสีขาวสวมทับอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นเขา ที่หามาใส่ให้เธอ เพราะจำได้ว่าหลังจากที่เขาใช้ของที่ซื้อมาจนหมดกล่อง ร่างกายเธอก็ชัตดาวน์ไปดื้อๆ ไม่รับรู้เรื่องราวต่อจากนั้นลัลนารีบกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ทันที เนื่องจากวันนี้มีถ่ายแบบตอนเช้าเมื่อคนตัวสูงเริ่มขยับตัว กลัวเขาจะตื่นก่อนแล้วไม่รู้จะทำยังไง ก่อนจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อยรวมถึงแต่งหน้าบางๆ และใช้คอนซีลเลอร์ปิดร่องรอยสีกุหลาบที่เขาทำไว้ เกรงว่าหากไปถึงสตูดิโอที่ใช้ถ่ายแบบด้วยสภาพนี้ พี่ๆ ช่างแต่งหน้าจะวี๊ดว๊ายตกใจไปกันใหญ่ ที่สำคัญต้องโดนแซวจนอยากจะมุดหน้าลงดินแน่นอนก็ร่องรอยขนาดนี้ใครดูก็รู้ว่าเมื่อคืนผ่านศึกหนักอ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่เมื่อคืนดังอยู่ค่อนคืน กลับเกิดขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด คนตัวเล็กวาดมือไปด้านหลังสัมผัสโดนหน้าท้องแข็งคัดที่เขยื้อนตามแรงสะโพก ใบหน้าหวานคว่ำลงส่ายไปมาบนหมอนใบใหญ่ เมื่อแรงกระแทกจากด้านหลังถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องครางกระเส่ากรีดร้องทุกครั้งเมื่อความแข็งแกร่งแทรกลึกเข้ามาภายใน ราวกับมีพายุลูกใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง"บะ..เบาก่อน" คนตัวเล็กทั้งเอ่ยร้อง เอ่ยครางเสียงสั่นให้คนเหนือร่างผ่อนจังหวะลง เมื่อเธอคล้ายจะไปถึงปลายทางอีกครั้งหลังจากเสร็จสมไปแล้วหนึ่งรอบ"เสร็จเลย!" เสียงเข้มเอ่ยขึ้นด้วยความเครียดคล้ายออกคำสั่ง ก่อนสะโพกหนาจะกระทั้นเป็นจังหวะถี่ยิบเพื่อส่งเธอไปยังปลายทาง ร่างทั้งร่างสั่นไหวทรงตัวได้ยากเต็มที ร่างกายท่อนบนค่อยๆ ทรุดลงก่อนเธอจะแนบแก้มกับผ้าปูที่นอน ปลดปล่อยเสียงครางดังก้องทั่วห้องร่างบอบบางสั่นสะท้าน และกระตุกตอบรับจังหวะการสอดใส่ ก่อนเลือดทุกหยดในร่างกายจะเดือดพล่าน ความรู้สึกเสียวปลาบเซ็นซ่านไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะปลดปล่อยความต้องการออกมาจนหมดความแข็งขึงที่ยังสอดประสานเสียดสีกับช่องทางรักอีกไม่กี่ครั้งก่อนส่วนที่ฝังตัวจะเกร็งสะท
"เพิ่งรู้ว่าถ้าหยุดงานสักวันแล้วจะทำให้อารมณ์ดีได้ขนาดนี้ กูขอลาสักอาทิตย์ดีกว่า ว่าไหมไอ้หมอก" รพีภัทรเงยหน้าจากหน้าจอแม็คบุ๊คที่กำลังอ่านประวัติคนไข้อยู่ เมื่อเห็นท่าทางของไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองที่เดินเข้าห้องมาด้วยสีหน้าระรื่น ก็ออกอาการเซ็งน้อยๆ ก่อนจะก้มหน้าทำงานเหมือนเดิม"น้อยๆ หน่อยไอ้พีร์ ไอ้หมอกไม่ใช่เห็บหมัดนะ จะได้ทำหน้ารังเกียจขนาดนั้น""อ้าว! ไอ้ไทม์เกี่ยวอะไรกับกู มึงสิหน้าเห็บ" อวัศย์ถึงกับหันไปโวยวายเอาเรื่องที่ธารณ์เอาชื่อตนเองไปเปรียบเทียบกับเห็บหมัด ทั้งๆ ที่ดูก็รู้ว่ารพีภัทรทำหน้าเซ็งมันนั่นแหละ"ช่างเถอะใครจะหน้าเห็บก็ช่าง แต่มีคนหน้าระรื่นมาทำงานว่ะ"ธารณ์รีบจบบทสนทนาที่ดูจะไหลลื่นไปไกล เปิดประเด็นถึงเรื่องที่ได้ยินมา"อ้าว! ก็แค่คนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยลาหยุด แต่อยู่ดีๆ ก็ขอลากะทันหันก็ต้องหน้าระรื่นเป็นธรรมดา" อวัศย์รับมุกเพื่อน เดินไปนั่งไขว่ห้างรอดูเรื่องสนุกที่โซฟากลางห้องต่อ"ว่าแต่...ถ้าแค่หยุดเฉยๆ จะอารมณ์ดีแบบนี้เลยเหรอวะ ได้ข่าวว่ามีคนเหมาน้ำส้มหน้าโรงบาลเลี้ยงคนทั้งแผนกเลยนะมึง""เฮ้ย! แผนกไหนวะมึง"รพีภัทรถอนหายใจยาว วางปากกา ก่อนจะนั่งเอนตัวกอดอกพิงเก
คนตัวเล็กเดินหาวออกมาจากห้องนอนตนเอง หลังจากที่คนตัวสูงเพิ่งลุกออกไปเมื่อชั่วโมงก่อน เธออาบน้ำจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องมา ได้กลิ่นอาหารโชยมาจนถึงกับลอบกลืนน้ำลาย ยิ่งหลังๆ ได้มีโอกาสชิมอาหารฝีมือเขาบ่อยๆ ยิ่งติดใจ ติดใจทั้งอาหาร ทั้งคนทำ ไม่รู้ว่างานดีขนาดนี้หลุดรอดมาถึงเธอได้ไงลัลนาเดินมาถึงโต๊ะอาหารขนาดเล็กในห้องครัว ด้วยความที่พวกเธออยู่กันแค่สองคนจึงชอบนั่งกินบนโต๊ะเล็กในห้องครัวมากกว่าห้องอาหารด้านนอกที่มีโต๊ะขนาดใหญ่อยู่ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมีเพียงอาหารวางอยู่ กวาดสายตามองรอบๆ เห็นคุณหมอหนุ่มยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกระเบียง ในชุดเรียบร้อยพร้อมไปทำงานคนตัวเล็กเดินมานั่งรอที่โต๊ะ ที่มีข้าวต้มกุ้งร้อนๆ วางอยู่ ฝั่งเธอมีน้ำส้มคั้นสีสวยพร้อมน้ำเปล่าวางอยู่อย่างละแก้ว ส่วนเขามีเพียงกาแฟแก้วเล็กสีดำวางแน่นิ่งอยู่ คล้ายว่าเขายังไม่ทันได้แตะต้องอะไรแต่มีสายเข้าเสียก่อนลัลนายกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม เมื่อได้ชิมก็พยักหน้าอย่างถูกใจเหมือนเดิมกับรสชาติที่เขาทำ ก่อนจะเงยหน้ายกยิ้มกว้างให้คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา ก่อนรอยยิ้มจะเริ่มหายไปเมื่อเห็นท่าทางบึ้งตึงของคนที่เพิ่งเดิ
"น้องนาวนั่งรถไปกับมินนี่นะ ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว" ศศิธรบอกนางร้ายสาวด้วยสีหน้าเกรงใจ เรื่องราวคราวก่อนยังเป็นเรื่องให้พูดถึงในกองอยู่เป็นพักๆ ยิ่งหลังๆ ถ้าเป็นไปได้ทุกคนจะรู้ดีและพยายามจับทั้งคู่แยกกันให้มากที่สุด แต่คราวนี้จำเป็นจริงๆ เนื่องจากวันนี้เป็นการมาถ่ายทำที่ต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นเรื่องยานพาหนะนะ ความสะดวกสบายต่างๆ ก็ย่อมไม่ครบครันเท่าตอนอยู่ที่กรุงเทพฯ วันนี้มีฉากที่ต้องเปลี่ยนโลเคชั่นโดยรถตู้คันหนึ่งขนนักแสดงทั้งหมดไปแล้ว เหลือเพียงสองนางเอกและนางร้ายที่เพิ่งเข้าฉากกันเสร็จ เลยต้องเดินทางไปตามหลังทุกคน ส่วนทีมงานที่เหลือจะตามไปอีกคันหลังจากที่เคลียร์ของเรียบร้อย"นาวไม่ติดหรอกค่ะ แล้ว...นู่นล่ะคะ" ลัลนาตอบกลับอย่างไม่คิดมาก ตัวเธอไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เกรงว่าคนที่มีปัญหาจะเป็นอีกคนมากกว่า"มินนี่โอเค นั่งอยู่บนรถแล้ว" นี่อาจเป็นเรื่องที่ศศิธรแปลกใจที่สุดของวันเลยก็ว่าได้ ที่มนิสราไม่เรื่องมากที่จะต้องนั่งรถไปคู่กับลัลนา ทีแรกยังแอบกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกันเมื่อผู้ช่วยผู้กำกับบอกแบบนั้นลัลนาจึงก้าวขึ้นรถตู้ตามไปอีกคน ในขณะที่นางเอกสาวนั่งชิดติดหน้าต่างตัวเธอก็นั่งชิ
"เราค่อยๆ คุยกันดีกว่าไหมคุณบอย ปล่อยพวกฉันไปเถอะ" ยิ่งเห็นท่าทีอ่อนลงของคนตรงหน้าลัลนาก็รีบพูดอาศัยจังหวะนี้เกลี้ยกล่อม ในขณะที่มนิสราขยับตัวมาใกล้ลัลนามากขึ้น นั่งลุ้นคำตอบไปด้วยกัน"คุณไม่โกรธผมแล้วจริงๆ ใช่ไหม""ใช่ฉันไม่เคยโกรธคุณเลย""ฉันดีใจด้วยนะมะนาว เธอได้สมหวังกับคุณบอยเขาสักที" มนิสราพูดเสริมทัพ ใบหน้าตื้นตันใจ ต้องขอบคุณการแสดงในวงการหลายปีที่ผ่านมาของเธอกับมนิสราที่ทำให้ไอ้โจรนี่เริ่มเชื่อเมื่อเห็นท่าทีแบบนั้น บอยจึงเอื้อมมือไปแกะเชือกมะนาวก่อน เมื่อคลายปมสำเร็จ มะนาวจึงหันไปช่วยแก้มัดให้มินนี่ต่อ เมื่อเป็นอิสระทั้งสองจึงเริ่มสอดส่องสายตาสำรวจบริเวณโดยรอบ"ถ้างั้นเราไปกันเถอะคุณนาว""ปะ..ไปไหนคะ" ลัลนาผงะตกใจเมื่ออยู่ๆ โดนคนโรคจิตเข้าประชิดตัว"ก็ไปห้องของเราไง ผมจะชดเชยเวลาที่ผ่านมาให้คุณเอง"โคตรน้ำเน่า! ละครเรื่องล่าสุดที่เธอเล่นยังไม่มีบทน้ำเน่าแบบนี้เลย"คุณบอยใจเย็นๆ ก่อนสิคะ ฉันไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้สักเท่าไหร่" เธอจึงหาข้ออ้างต่อ จับมือกับมนิสราแน่น"ทำไม?""กะ...ก็มีกล้องเต็มไปหมดเลย แถมมีคนอื่นอยู่ด้วย""ไม่เป็นไรถ้าอย่างนั้นไปอีกห้องกับผม" เขาดึงมือเธอให้เด
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้
"อ้าวเฮีย" รพีภัทรที่เพิ่งเดินมาถึงบ้าน เอ่ยทักพี่ชายตนเองที่เดินเข้ามาเจอกันที่หน้าบ้านของตนเอง คาดว่าคงมีอะไรจะคุยด้วย เพราะดึกขนาดนี้แล้วพัชระยังอยู่รอ "มีอะไรรึเปล่าเฮีย""ไปคุยในบ้านสิ" รพีภัทรเปิดประตูให้พี่ชายเข้าบ้าน ในขณะที่ตนเองเดินไปนั่งที่โซฟาข้างพี่ชายตนเอง"พรุ่งนี้หยุดรึไงถึงกลับบ้าน" ปกติตัวเขาหากจะกลับมานอนบ้านก็เพราะว่าแม่โทรตาม แต่วันนี้แม่ไม่ได้โทรตาม ก็ไม่แปลกใจที่พัชระจะถามขึ้นเมื่อเห็นรถเขาเข้าบ้านมา"เปล่าหรอกเฮีย ไม่อยากอยู่เพนท์เฮ้าส์" ในนั้นมีแต่ความทรงจำของเธอกับเขาเต็มไปหมด ยิ่งอยู่ยิ่งคิดถึง ทีแรกจะกลับคอนโด แต่อยู่ๆ เกิดคิดถึงบ้านขึ้นมาจึงขับอ้อมกลับมานอนบ้านดีกว่า เพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ บ้านคือที่พักใจที่ดีที่สุด"แม่ให้เอามาให้" รพีภัทรปรายตามองซองเอกสารที่เพิ่งเห็นเมื่อวานจากผู้เป็นแม่ เมื่อวานเขาไม่ยอมรับและออกมาเลย ไม่คิดจะเซนต์อยู่แล้วไอ้เอกสารบ้าๆนี่!"...""วางไว้นี่นะ" พัชระไม่สนใจเช่นเดิม หันหน้ามองนอกหน้าต่าง พยายามคิดว่าตอนนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหนสงสัยจะต้องพึ่งเฮียแล้วจริงๆ"เฮีย""ว่าไง" พัชระที่รอฟังอยู่แล้วตอบรับทันที
"ไม่รับจริงเหรอ เขาน่าจะโทรเป็นร้อยสายแล้วมั้ง""ไม่ถึงหรอก..." แค่เกือบๆ เท่านั้นเองหลังจากเมื่อวันก่อนที่ลัลนาคุยกับรพีภัทรจบ เห็นสีหน้าอึ้งตกใจของคนตัวสูง ตัวเธอก็รีบออกจากบ้านมาทันที ปล่อยให้เขายืนช็อกอยู่นั่นแหละ คงไม่คิดว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เมื่อวานช่วงเช้าเธอจึงตัดสินใจทำบางอย่าง นั่นคือจัดการเรื่องหย่า เธอเซนต์ใบหย่าทิ้งไว้โดยนำไปฝากไว้กับคุณหญิงรจณี เหลือแค่เขาเซนต์ในส่วนของตนเองทุกอย่างก็จบ นี่คงเป็นคำกล่าวที่เธอมักได้ยินมาเสมอ เจ็บแต่จบมันเป็นอย่างนี้นี่เองตอนนี้เธอทั้งเจ็บ ทั้งทรมานเลยล่ะ แต่ใครจะไปคิด ว่าคนเพื่อนไม่มีอย่างเธอ สุดท้ายเวลาแบบนี้ ดันมาอาศัยอยู่กับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะญาติดีกันได้"ไม่ถึงอะไร ฉันเห็นเขาโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อวาน" มนิสราบ่นคนที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟากลางห้องเสียงเครียด ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์ดังเป็นระยะๆ ตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็น"..." ลัลนาไม่ตอบอะไร ได้แต่มองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีทั้งข้อความสลับกับสายเรียกเข้าไม่หยุดไม่ทำการทำงานรึไงส่วนคนข้างๆ ก็พูดเป่าหูตลอดว่าให้เธอรับสาย เรื่องของเรื่องคือเธอนัดคุยกับอชิระและมนิสราเรื่องที่เป
ลัลนาเดินเข้าห้องมาด้วยใจลอยๆ สมองคิดถึงแต่เรื่องที่เพิ่งเจอมา ภายในใจบอบช้ำจนไม่เหลือชิ้นดี ที่ผ่านมาเคยคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองถูกทิ้ง แต่ไม่มีครั้งไหนจะยืนยันความคิดนั้นได้ดีเท่าครั้งนี้เลยเธอถูกทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะนับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่อชิระไปเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้เลยว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ยังไงลัลนาค่อนข้างมั่นใจว่าพระเอกหนุ่มน่าจะได้ยินทุกอย่างที่เธอคุยกับมารดา เพราะดูจากสีหน้าเจื่อนๆ ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไร พาเธอกลับมาส่งบ้านโดยไม่ถามอะไรสักคำ ปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองเงียบๆลัลนาเปิดไฟในห้องนอนคอนโดของตนเอง เธอพักอยู่ที่คอนโดเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ก็ตั้งแต่กลับจากหัวหินนั่นแหละ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นงานเลี้ยงก็กร่อยๆ ไปโดยปริยาย เธอเห็นท่าทางแปลกๆ ของหมอทั้งสามคนแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร บวกกับพัชระออกความเห็นให้นอนหนึ่งคืนและแยกย้ายกันกลับเลย เพราะวราลีดูขวัญเสียไม่น้อยหลังจากนั้นเธอก็เริ่มหาข้ออ้างกลับมานอนคอนโดตนเองที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จ อ้างถึงเรื่องถ่ายละครที่ช่วงนี้ต้องเลิกดึก บวกกับกองถ่ายใกล้กับคอนโดมากกว่า ประจวบกับเขามีขึ้นเวรต