แชร์

ท่ามกลางสายฝน

ผู้แต่ง: อิ่น เยว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-14 13:06:09

หลงอวี่ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงมองนางด้วยสายตาที่แฝงความห่วงใยโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้นกับคนตรงหน้า

“เจ้าจะรู้สึกอย่างไรถ้าหากว่าวันหนึ่งเจ้ากลับมีพลังอำนาจบางอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ และพลังนั้นอาจจะก่อให้เกิดภัยแก่ตนเองและผู้อื่นได้ เจ้าจะยอมละทิ้งมันไปหรือไม่เมื่อวันนั้นมาถึง?”

“พลังอันใดกันที่ข้าจะมี? หากข้ามีพลังยิ่งใหญ่ถึงขั้นก่อภัยได้จริง ชาวบ้านคงคลานมากราบแทบเท้าแล้วมั้ง! แต่ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยอะไรทิ้งไป เพราะถือมันเป็นพลังของข้า…แล้วท่านล่ะ มาถามข้าทำไม หรือว่าท่านคิดว่าตัวเองเป็นนักพรตผู้ศักดิ์สิทธิ์จนถึงขั้นมาสั่งสอนคนอย่างข้าหรือ”

หลงอวี่รู้ดีว่าการทำให้นางเข้าใจและยอมคืนดวงชะตานั้นจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ส่วนอวี้เสวี่ยหนิงนั้นกลับสะบัดหน้าหนีพลางแสดงท่าทีไม่แยแสต่อคำพูดของหลงอวี่และเดินจากไป

หลงอวี่และไห่เฟิงในคราบนักพรตไร้สังกัดพากันเข้าพักอาศัยในกระท่อมร้างท้ายเมือง กระท่อมที่ดูเก่าแก่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์และไม้ผุจนดูราวกับเป็นส่วนหนึ่งของป่าโดยรอบ เสียงใบไม้เสียดสีกันเบาๆ จากสายลมที่พัดผ่านทำให้เกิดบรรยากาศ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   บททดสอบ

    ในจวนของเจ้าเมืองไป๋หลิน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ชาวบ้านหลายคนมารวมตัวกันที่ลานหน้าจวนเพื่อพูดคุยถึงเหตุการณ์ฝนตกครั้งล่าสุดที่ชุ่มฉ่ำไปทั่วเมืองในกลุ่มชาวบ้านนั้นกลับมีนักพรตหนุ่มสองคนที่ดูสง่างามแต่แปลกตาเข้าร่วมด้วย หลงอวี่และไห่เฟิงยืนพูดคุยกับเจ้าเมืองอวี้เจียหรง ใบหน้าของหลงอวี่ดูเยือกเย็นและน่าเกรงขาม ขณะที่ไห่เฟิงกลับแสดงท่าทีเป็นมิตรและมีชีวิตชีวามากกว่าทำให้ชาวบ้านและคนของเจ้าเมืองเลือกที่จะมาปรึกษาเขาแทน“ด้วยความแปลกประหลาดของฝนที่ตกลงมาอย่างไม่คาดคิด ข้าเห็นว่าการจัดพิธีบวงสรวงเพื่อแสดงความขอบคุณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง”ไห่เฟิงกล่าวโดยมีหลงอวี่ที่ยืนอยู่ข้างกัน“และข้าเองก็ยังมีความเห็นว่า นักพรตที่มากด้วยประสบการณ์เช่นสหายของข้าคนนี้ เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้ทำพิธีมากที่สุด พวกท่านว่าอย่างไรกันบ้าง”อวี้เจียหรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าช้าๆ “นั่นเป็นความคิดที่ดีมากท่านนักพรต ข้าต้องขอรบกวนพวกท่านแล้ว”ไห่เฟิงแอบยิ้มพึงพอใจเมื่อเห็นทุกอย่างเริ่มเข้าทาง แต่ไม่ทันไร เสียงฝีเท้าของอวี้เสวี่ยหนิงดังขึ้นมา“ท่านพ่อ ทำไมถึงต้องมีการทำพิธีบวงสรว

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   ข้าไม่หวังสิ่งใด

    “ข้าทำไม่ได้! ทำไมมันถึงยากเช่นนี้ ท่านนักพรต!” หญิงสาวตะโกนออกมาและสะบัดมือด้วยความหงุดหงิด ลมที่หมุนรุนแรงขึ้นชั่วครู่ก่อนจะสงบลงเมื่อหลงอวี่ก้าวเข้ามาใกล้“นามของข้านั้นคือหลงอวี่ ไม่ใช่ท่านนักพรต”“ท่านนักพรตหลงอวี่ ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว และตอนนี้ก็หงุดหงิดมากๆ แล้วด้วย”“ความอดทนและการควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่งคือกุญแจสำคัญ หากเจ้าปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำหรือใจร้อน พลังนั้นจะต่อต้านเจ้าเอง” หลงอวี่กล่าวด้วยเสียงเรียบขณะยืนห่างจากนางเพียงไม่กี่ก้าว ดวงตาสีอำพันของเขาจ้องนางด้วยแววที่ไม่สามารถอ่านออก“ข้ารู้! แต่ข้าไม่มีความอดทนเหมือนท่าน ข้าเบื่อ!” อวี้เสวี่ยหนิงพูดพร้อมกับกอดอก นางหันหน้าหนีด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเตะก้อนหินเล็กๆ ข้างเท้าให้กระเด็นไปไกลหลงอวี่สูดลมหายใจเบาๆ ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำชั่วครู่ จากนั้นเขาก้าวเข้ามาใกล้นางอย่างช้าๆ“ถ้าเจ้าไม่อดทน เจ้าจะไม่เข้าใจพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้าเอง”เสียงของหลงอวี่นุ่มนวลและสงบนิ่งราวกับสายลมที่พัดเบา อวี้เสวี่ยหนิงที่ยังคงหงุดหงิดหันมามองเขา แต่เมื่อสบตากับแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นคงของเขา ความโกรธของนางก็เริ่มจางลงทีละน้อย

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   เศษเสี้ยวความทรงจำ

    ในขณะที่เสียงฝนยังคงตกกระทบพื้นดินอย่างต่อเนื่อง เสียงหัวใจของนางเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ พร้อมกับคำถามที่ก้องในหัว ทำไมหลงอวี่ถึงทำให้นางรู้สึกเช่นนี้?ในคืนหนึ่ง อวี้เสวี่ยหนิงฝันถึงภาพที่ชัดเจนจนแทบจะรู้สึกถึงลมหายใจของตนเอง นางยืนอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ปักลายทองที่ส่องประกายรอบตัว บ่งบอกถึงฐานะเซียนผู้ทรงอำนาจ มือเรียวงามของนางถือหินสีฟ้าเรืองแสงที่เปล่งแสงระยับราวกับดวงดาวเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดีดังขึ้นข้างกาย...“เจ้าแน่ใจหรือไม่ สืออิ่ง?”น้ำเสียงของหลงอวี่เจือด้วยความกังวล สืออิ่งสบตาเขาแล้วถอนหายใจเบาๆ“อวี่เอ๋อร์ ข้าไม่มีทางเลือกใดอีกแล้ว ฉินเฟิงต้องถูกผนึก พลังอันโหดร้ายนี้ไม่อาจปล่อยให้หลุดรอดได้ หากเราล้มเหลว มนุษย์และเซียนทุกคนจะต้องพบกับจุดจบที่น่ากลัว”หลงอวี่กำกระบี่ในมือแน่น “เจ้ารู้ดีว่าหากข้าต้องเสียเจ้าไป ข้าจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น”“เจ้าต้องเชื่อมั่นในข้านะ อวี่เอ๋อร์”ทันใดนั้น เสียงคำรามดังสนั่นจากหมอกหนาที่ลอยอยู่รอบตัว พื้นดินสั่นสะเทือนเมื่อมังกรฉินเฟิงปรากฏตัวเกล็ดสีดำที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าเป็นประกายท่ามกลางแสงของอัญมณี ดวงตาสีแดงฉานจ้องมองพวกเขาด้วยคว

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   ความทรงจำกลับคืน

    ความรู้สึกแปลกๆ แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของอวี้เสวี่ยหนิง ความร้อนที่ไหลเวียนจากศีรษะลงมาถึงปลายเท้าทำให้นางรู้สึกถึงพลังที่ไม่คุ้นเคยภาพความฝันในคืนก่อนปรากฏขึ้นในหัวอีกครั้ง ราวกับว่ามันไม่ได้เป็นเพียงภาพลวงที่เกิดขึ้นในจิตใจ แต่เป็นความทรงจำที่กลับมาอย่างชัดเจน“หากข้าคือสืออิ่งจริงๆ ข้าควรทำอย่างไรต่อไป?”คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจของนางไม่หยุด จู่ๆ แสงเรืองรองสีฟ้าก็ส่องสว่างขึ้นจากร่างของนางอวี้เสวี่ยหนิงสะดุ้งเล็กน้อย นึกถึงวันนั้นที่เดินทางไปยังศาลเจ้าหลงซานทันที ที่นั่นหญิงสาวได้พบกับหินขนาดเล็กก้อนหนึ่งที่ส่องแสงอย่างลึกลับก่อนจะหายวับไปในตอนนั้นที่หินก้อนนั้นหายไป อวี้เสวี่ยหนิงรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่ถูกปลดปล่อยออกมา แต่นางกลับไม่ใส่ใจมากนักจนมาถึงตอนนี้ในกระท่อมที่ห่างไกลจากความวุ่นวายของจวนของเจ้าเมือง อวี้เสวี่ยหนิงนั่งอยู่บนเบาะผ้าปักลายดอกไม้ที่วางอยู่บนพื้นห้องกลิ่นหอมจางๆ ของกำยานไม้กฤษณาที่ถูกจุดไว้ในมุมห้องแผ่ซ่านให้ความรู้สึกสงบ แต่นางไม่อาจหยุดความวุ่นวายในใจได้เลยดวงตาสีนิลของอวี้เสวี่ยหนิงจับจ้องไปที่หลงอวี่ นักพรตหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า สายตาเย็นชาของเข

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   ข้ากลับมาแล้ว

    อวี้เสวี่ยหนิงสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝัน ร่างกายของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หายใจหอบหนัก ดวงตากวาดมองไปรอบๆ พบว่าตนเองอยู่ในกระท่อมของหลงอวี่แสงเทียนที่ริบหรี่ฉายแสงสะท้อนใบหน้าของเขาที่นั่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาของเขาจ้องมองนางด้วยความตกใจและความโล่งใจที่ปนกัน“เจ้าฝันร้ายหรือ?” หลงอวี่เอ่ยถาม น้ำเสียงนั้นแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยที่ยากจะซ่อนเก็บไว้ “ข้าจำได้แล้ว... ข้าคือสืออิ่ง ข้าเคยรักท่าน และข้าเคยสละชีวิตของตัวเองเพื่อผนึกฉินเฟิง... ข้าจำเรื่องราวในอดีตทั้งหมดได้แล้ว อวี่เอ๋อร์”"สืออิ่ง..." หลงอวี่กุมมือนางอย่างแผ่ว เรียกคนรักด้วยเสียงที่นิ่มนวลราวกับต้องการขับกล่อมคนตรงหน้า ดวงตาคู่คมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอวี้เสวี่ยหนิง"เจ้าไม่ต้องเผชิญชะตากรรมนี้เพียงลำพังอีกแล้ว ต่อจากนี้ไป ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"น้ำตาแห่งความสุขไหลอาบแก้มนวลของอวี้เสวี่ยหนิง นางพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา ก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของหลงอวี่ราวกับเด็กน้อยที่ต้องการความอบอุ่น ดวงแขนของนางโอบรอบร่างสูงของเขาแน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปอย่างไรอย่างนั้นริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างแ

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   เงาอดีต

    สองขาเรียวยาวเกี่ยวสะโพกของร่างสูงโดยไม่สงวนท่าทีอีกต่อไป ส่วนร่างของชายหนุ่มนั้นก็เคลื่อนไหวรุนแรงขึ้น ส่วนลึกจ้วงแทงครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เว้นระยะ เมื่อกระทั้นตรงจุดที่ไวต่อสัมผัสเพียงไม่นานก็ปลดปล่อยความต้องการจนหมดสิ้นสายตาของทั้งคู่ล่องลอยราวกับกำลังอยู่ในภวังค์แห่งความสุขที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เวลาหลายร้อยปีที่ต้องพรากจากกันกลับกลายเป็นเพียงแค่ฝุ่นผงในความทรงจำหลงอวี่สะดุ้งตื่น มือที่วางข้างตัวนั้นเผลอกำแน่นจนกล้ามเนื้อปรากฏอย่างชัดเจน ลมหายใจหนักหน่วงและตื่นตัวเพราะรู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลกปลอมกำลังลอยกรุ่นผ่านหน้าต่างเข้ามาเขาหันไปมองอวี้เสวี่ยหนิง ใบหน้าของนางยังคงดูผ่อนคลาย ท่าทางสงบนิ่งและลมหายใจสม่ำเสมอทำให้หัวใจของหลงอวี่รู้สึกอบอุ่น รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่มุมปากเขาโดยไม่รู้ตัวแต่ทันทีที่ลมหายใจของเขาสัมผัสกับไอมารบางเบาที่แทรกผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างกายของเขาเกิดอาการสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อหลงอวี่ที่ไร้ซึ่งพลังจากหินดวงชะตาที่เคยประคองชีวิตอมตะไว้ ความกังวลจึงแทรกซึมลึกเข้ามาทันทีเมื่อไอมารลอยกรุ่นในอากาศและลอยมาทางเขาที่ไร้ซึ่งเกราะป้องกันใดๆหลงอวี่ค่อยๆ โ

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   ฉินเฟิง

    ดวงตาของอวี้เสวี่ยหนิงเปิดขึ้นช้าๆ พร้อมกับแก้มสีแดงที่ร้อนผ่าว เผยให้เห็นความเขินอายเล็กน้อยที่ไม่อาจปกปิดได้ หลงอวี่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงมองนางด้วยสายตาอบอุ่น ดวงตาสีอำพันของเขาสะท้อนความห่วงใยอย่างชัดเจน“เจ็บหรือไม่?”“ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว อวี่เอ๋อร์”หลงอวี่คอยประคองนางให้ลุกขึ้นอย่างอ่อนโยน ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย แต่เบื้องหลังดวงตาคู่นั้นกลับซ่อนความกังวลที่ไม่อาจปิดบังได้ความคิดภายในใจของหลงอวี่กำลังกลัว ว่านางในดวงใจของเขาอาจจะต้องพบเจอกับม่อหลี่และอันตรายที่อาจมาถึงในเร็ววัน แต่เขากลับเลือกที่จะเก็บความกังวลนั้นไว้ในใจ และดูแลคนตรงหน้าให้ดีที่สุด“เจ้าต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หนิงเอ๋อร์ หากเจ้ารู้สึกไม่พร้อมที่จะกลับจวน ข้าจะไปแจ้งท่านเจ้าเมืองเอง” หลงอวี่กล่าวด้วยความห่วงใยอวี้เสวี่ยหนิงยิ้มบางๆ แม้จะรู้ดีว่าตนเองคือสืออิ่งกลับชาติมาเกิด แต่ร่างกายนี้ก็ยังเป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองอยู่ดี“ไม่เป็นไรหรอก ข้ากลับไหว หากข้าไม่กลับไป ท่านพ่อคงเอาข้าตายแน่”ตำนานเกี่ยวกับการกำเนิดของมังกรฉินเฟิงนั้น ว่ากันว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนได้มีสายฟ้าหลายเส้นผ่าลงมาทำเอาฟ้าร้อง

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   ความแค้น

    ม่อหลี่ก้าวเดินไปตามทางเดินมืดภายในหอคอยร้างที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางหุบเขา นางมีเพียงโคมไฟสลัวเพียงดวงเดียวที่ส่องนำทาง"ตระกูลของข้าไม่ควรจะต้องพบเจอกับความอัปยศเช่นนี้ พวกเซียนละมังกรตัวอื่นกีดกันพวกเรามานานเกินไปแล้ว!" ม่อหลี่พึมพำ ดวงตาสีดำสนิทของนางเป็นประกายเย็นชา พลางย้อนนึกถึงอดีตที่แสนเจ็บปวดไม่ว่าหันหน้าไปทางไหนหรือเจอใครก็ตาม หากคนเหล่านั้นรู้ว่านางเป็นคนจากตระกูลม่อ พวกเขาก็จะรังเกียจทันทีและตราหน้านางว่าเป็นมารร้าย ถูกบรรดาเซียนกลั่นแกล้งและทุบตี เสมือนว่าพวกเขาระบายความแค้นลงที่นางนอกจากนี้ ตระกูลของนางยังถูกเหล่ามังกรตราหน้าว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้คนทั่วไปมองว่ามังกรทุกตัวชั่วร้ายเหมือนกับฉินเฟิ่ง จนยิ่งทำให้หาผู้ศรัทธาได้ยากขึ้นกว่าเดิมครั้งหนึ่ง ตระกูลม่อเคยเป็นที่เคารพนับถือในฐานะผู้จงรักภักดีต่อมังกรฉินเฟิง ว่ากันว่าความมั่งคั่งและอำนาจของตระกูลนี้ได้มาจากการสักการะมัน โดยพวกเขาได้สังเวยชีวิตผู้คนและสรรพสัตว์มากมายเพื่อเอาใจมังกร และได้รับสิ่งตอบแทนกลับมามากมายทั้งเงินทองและพลังปราณอันล้นเหลือแต่เมื่อมังกรฉินเฟิงนั้นถูกผนึกด้วยฝีมือของเทพธิดาสืออิ่ง ตระกูลของนางก็พลิกผั

บทล่าสุด

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   รักนิรันดร์

    อวี้เสวี่ยหนิงเริ่มฝึกฝนการบำเพ็ญเพียรทุกวันโดยมีหลงอวี่คอยแนะนำและช่วยเหลือ บางครั้งเมื่อเสวี่ยหนิงเหนื่อยอ่อนจากการฝึก หลงอวี่ก็จะยื่นน้ำชาถ้วยเล็กให้กับนาง“พักสักหน่อยเถอะหนิงเอ๋อร์ ฝึกหนักไปเจ้าจะเหนื่อยล้า” เสวี่ยหนิงรับจอกน้ำชามาจิบเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเขาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน“ข้ารู้… ขอบใจที่อยู่ข้างข้าเสมอ อวี่เอ๋อร์”นอกจากการทำสมาธิเพื่อฝึกวิชาเซียนแล้ว พวกเขายังทำการบำเพ็ญเพียรคู่โดยการซวงซิวกันเพื่อผสมผสานของพลังหยินและหยาง ช่วยให้เกิดความกลมกลืนและเสริมพลังของกันและกัน“หนิงเอ๋อร์ เจ้างามมาก” ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องกระทบลงมายังลาดไหล่ขาวเนียนที่กำลังนั่งสางผมอยู่หน้ากระจก เขาไม่สามารถละสายตาออกไปจากร่างบางได้เลยส่วนอวี้เสวี่ยหนิงที่ได้ยินดังนั้น ลอบมองสามีของนางผ่านกระจก สายตาของทั้งสองสบกัน ก่อนที่จะรู้ตัวร่างบางของนางก็ถูกอุ้มขึ้นมาและพาไปยังเตียงนอนและวางนางลงอย่างแผ่วเบาใบหน้างามขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีนางก็ยังไม่ชินกับใบหน้าที่งดงามของคนตรงหน้าเสียที“อวี่เอ๋อร์”“ขอบคุณที่เจ้ากลับมา ไม่ว่าจะสืออิ่งหรือเสวี่ยหนิงแต่เจ้าก็คือเจ้า ขอบคุณที่เจ้ารักและมอบ

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   การลาจาก

    "หนิงเอ๋อร์" หลงอวี่กระซิบเสียงนุ่มเบาข้างหูของหญิงสาว “ข้าเข้าใจ... หากเจ้าต้องการเลือกเส้นทางของตนเอง เจ้าเป็นคนเดียวที่รู้หัวใจตัวเองดีที่สุด”“อวี่เอ๋อร์...”“หนิงเอ๋อร์ ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ ”อวี้เสวี่ยหนิงหันมองหลงอวี่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน "ข้าเคยคิดว่าชีวิตที่ได้อยู่กับท่านพ่อก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อได้พบท่าน ข้ากลับรู้สึกว่ามีอีกเส้นทางที่เรียกร้องให้ข้าเดินไป"หลงอวี่กระชับมือของนาง "เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่เจ้ามีโอกาสเป็นเซียนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ จะได้สัมผัส หากเจ้าเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ ข้าสัญญาว่าข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ มิใช่ว่าเจ้าจะกลับมาหาท่านพ่อของเจ้าไม่ได้อีกเสียหน่อย"นางพยักหน้าอย่างช้าๆ "ข้ารู้... แต่ท่านพ่ออาจจะเสียใจที่ข้าต้องจากท่านไปไกล ข้ายังมีหลายสิ่งที่ยังไม่ได้ตอบแทน และข้าไม่รู้ว่าจะบอกท่านอย่างไรดี"ในขณะนั้นเอง อวี้เจียหรงก็ปรากฏกายออกมาจากเงามืด เมื่อเขาได้ยินถึงความตั้งใจของบุตรสาว ดวงตาที่เคยเข้มแข็งก็สั่นไหวเล็กน้อย"หนิงเอ๋อร์... หากการเลือกเส้นทางนี้คือความสุขของเจ้าพ่อก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เจ้าต

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   เผชิญหน้าครั้งสุดท้าย 2/2

    ในช่วงวินาทีที่ม่อหลี่พุ่งเข้าหาอวี้เสวี่ยหนิงด้วยความโกรธที่ถูกหญิงสาวหลอกล่อจนมังกรที่ตนอุตส่าห์ปลุกขึ้นมาถูกผนึกลงอีกครั้งหลินจื่อเฟยที่เป็นเพียงคนธรรมดาก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิด นางกระโจนเข้าสู่ลานพิธีอีกครั้ง พลางผลักอวี้เสวี่ยหนิงให้พ้นรัศมีการโจมตีของม่อหลี่“ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำร้ายสหายของข้าหรอกนะ นางมารร้าย!” หลินจื่อเฟยพุ่งเข้าไปขวางม่อหลี่ทันที ในใจไร้ซึ่งความกลัวใดๆสายตาของหลินจื่อเฟยประสานกับไห่เฟิงที่อยู่ใกล้ที่สุด ราวกับส่งสัญญาณให้เขาช่วยหลอกล่อม่อหลี่อีกแรงไห่เฟิงสบตานางเพียงเสี้ยววินาที ความเงียบกลับหนักแน่นอย่างน่าประหลาด ก่อนที่เขาจะรู้ตัวรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ดวงตาที่เคยคมดุดันอ่อนลงอย่างไม่คาดคิด ขณะที่เขามองหลินจื่อเฟย ราวกับว่าเขาจะเผลอลืมทุกสิ่งรอบตัวไปเสียแล้ว“ตั้งสติหน่อยสิ ท่านนักพรต!”“ข้าขอโทษ...แม่นางน้อย ข้าจะทำเดี๋ยวนี้แหละ”ไห่เฟิงส่งคลื่นวารีโจมตีใส่ม่อหลี่ นางจึงเสียสมดุล ท่ามกลางแรงกดดันจากการโจมตีประสานของไห่เฟิงและหลงอวี่ไห่เฟิงเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียว เขาร่ายกระแสพลังน้ำด้วยฝ่ามือข้างหนึ่งส่งกระแสวารีโถมเข้าใส่ม่อหลี่ นา

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   เผชิญหน้าครั้งสุดท้าย 1/2

    หลงอวี่ไม่รั้งรอให้ม่อหลี่ทำการปลุกมังกรฉินเฟิงจนเสร็จสิ้น เขาและไห่เฟิงพุ่งเข้าจู่โจมพร้อมกัน รัศมีพลังของพวกเขาประสานกันจนเปล่งแสงราวสายฟ้าฟาดไห่เฟิงเริ่มโจมตีด้วยกระบวนท่าที่รวดเร็วและใช้พลังลมกรรโชกที่รุนแรง ทำให้ม่านพลังรอบตัวม่อหลี่สั่นสะท้าน รอยร้าวค่อยๆ ปรากฏขึ้นตามแนวพลังที่ม่อหลี่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวขณะที่หลงอวี่ควบคุมกระแสน้ำพุ่งเป็นเกลียวรอบลานพิธีเพื่อล้อมม่อหลี่ไว้ไม่ให้หลบหนีม่อหลี่หันมาแสยะยิ้มใส่ ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ม่อหลี่ได้ซ่อนแผนการอันร้ายกาจไว้ระหว่างที่หลงอวี่และไห่เฟิงมุ่งโจมตีและพยายามป้องกันไม่ให้นางหลบหนี ม่อหลี่ก็แอบร่ายมนตร์ต้องห้ามบทหนึ่งที่นางได้ศึกษาจากคัมภีร์โบราณ นางร่ายมนตร์นี้อย่างเงียบเชียบโดยใช้เลือดของนางเอง สร้างพันธะระหว่างตัวนางและมังกรโบราณ“พวกเจ้า…คิดว่าข้านั้นมีแค่ตัวคนเดียวหรือ?”เลือดของม่อหลี่หยดลงบนพื้นและซึมลงในดิน บิดเบี้ยวเป็นลวดลายประหลาดที่เชื่อมโยงเข้ากับผนึกโบราณที่กำลังแตกออกทันใดนั้นเสียงกัมปนาทดังก้องทั่วลานพิธี ผนึกโบราณที่บิดเบี้ยวกลับแตกออก กลิ่นอายมืดดำเย็นเยียบแผ่ซ่านออกจากรอยร้าวที่ขยายตัว ก้อนห

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   ให้อภัย

    อวี้เถียนเถียนมองดูอวี้เสวี่ยหนิงและหลงอวี่ที่เคียงข้างกัน ประคับประคองและบอกรักกันอย่างจริงใจ ภาพนั้นยิ่งทำให้นางปวดใจมากความอิจฉาและความเกลียดชังที่เคยฝังลึกพลันสลายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกผิดและสำนึกในสิ่งที่ได้ทำลงไป"นี่ข้าทำอะไรลงไป…ข้าไม่อยากเป็นคนเลวเลยสักนิด"อวี้เถียนเถียนพึมพำด้วยเสียงสั่น ก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าและวิ่งไปผลักม่อหลี่ที่กำลังใช้สมาธิเปิดประตูนรกม่อหลี่เซไปเล็กน้อยเมื่อถูกผลัก จนประตูที่นางกำลังเปิดกลับหยุดชะงักก่อนที่จะปิดลงอีกครั้ง ความโกรธพลุ่งพล่านในดวงตาของม่อหลี่"เจ้าบังอาจขัดขวางข้าอย่างนั้นหรือ? ทำแบบนี้แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือ?" ม่อหลี่เอ่ยเสียงกร้าว มือข้างหนึ่งยกขึ้นหมายจะทำร้ายอวี้เถียนเถียนอวี้เสวี่ยหนิงเห็นเหตุการณ์นั้นจึงรีบเข้าไปยืนขวางหน้าอวี้เถียนเถียน" เจ้าเกลียดน้องสาวของเจ้ามาตลอดไม่ใช่หรือ แล้วจะปกป้องมันทำไม?"อวี้เสวี่ยหนิงหันมองอวี้เถียนเถียนด้วยแววตาอ่อนโยนที่นางเองไม่เคยคาดคิดจะมี"เพราะข้ารู้แล้วว่าการปล่อยวางความแค้นคือหนทางเดียวที่จะนำไปสู่ความสงบ ข้าไม่ต้องการเห็นการสูญเสียอีกแล้ว แม้ว่าข้าจะเคยโกรธและเกลียดพวกเขามาก แต่

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   คืนดวง

    “เถียนเอ๋อร์ เจ้าทำสิ่งใดลงไปเจ้ารู้ตัวหรือไม่” อวี้เจียหรงเอ่ยด้วยความเสียใจ แม้จะรู้ดีว่าเขาเองเป็นต้นเหตุของความบาดหมางนี้ เพราะเป็นเขาที่รักบุตรทั้งสองไม่เท่ากัน ทำให้พวกนางต้องผิดใจกันมาตลอดอวี้เถียนเถียนหลับตาลง ดวงตาของนางแดงก่ำ น้ำตาเอ่อไหลออกมาราวกับปิดกั้นความรู้สึกไม่ไหวอีกต่อไป“ท่านพ่อ แล้วท่านเคยรักข้าบ้างหรือไม่? ท่านเอาแต่ตามใจพี่สาวจนข้านั้นเหมือนคนไร้ตัวตน ข้าโตมาใต้เงาของนาง ท่านรักบุตรทั้งสองไม่เท่ากัน ท่านทำให้ข้ารู้สึกเหมือนไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเลย”นางกลืนสะอื้นลงคอแล้วกล่าวต่อ “แม้แต่มารดาของข้าเอง นางไม่ได้สนใจความรู้สึกของข้าด้วยซ้ำ วันๆ เอาแต่พร่ำเรื่องสมบัติ เรื่องวิธีการที่จะครอบครองทรัพย์สินของท่าน นางไม่เคยให้ข้ารู้สึกว่าข้ามีคุณค่าเพียงพอสำหรับนาง”“เถียนเอ๋อร์ แม่ขอโทษ” ฮูหยินอวี้ตกใจเป้นอย่างมากกับคำพูดของบุตรสาว ที่ผ่านมานางถูกความโลภเข้าครอบงำจนเผอทำร้ายจิตใจของบุตรสาวโดยที่ไม่รู้ตัว“ข้าเพียงแค่อยากให้ใครสักคนรักข้า สักครั้งหนึ่ง...แต่แม้แต่ท่านนักพรตหลงอวี่ก็ไม่เคยแลข้าเลย ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้เขามองมาที่ข้า ให้เขาสนใจในตัวข้า แม้จะเป็นเ

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   แย่งชิง

    ในที่สุดก็ถึงเวลาทำพิธี หลงอวี่ยืนอยู่ท่ามกลางลานพิธี เขาเริ่มสวดบทสวดซึ่งถ้อยคำและน้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นราวกับว่าเขากำลังปลุกพลังบางอย่างให้ตื่นขึ้นเพื่อต่อต้านอำนาจชั่วร้ายที่อาจคืบคลานเข้ามาข้างกายของเขา ไห่เฟิงเองก็จับจ้องไปรอบๆ ราวกับพยายามมองหาสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้เงามืด“ข้ารู้สึกได้...เหมือนมีสายตากำลังจับจ้องพวกเราอยู่”หลงอวี่หยุดชั่วครู่ ก่อนจะหันไปสบตากับไห่เฟิง ทั้งสองเพียงพยักหน้าให้กันเบาๆ โดยไม่ต้องเอ่ยคำใดแม้พิธีกรรมนี้จะถูกกล่าวขานว่าเป็นการเรียกฝนให้เมืองไป๋หลินรับพรแห่งความอุดมสมบูรณ์ตามฤดูกาล แต่ในสายตาของพวกเขาทั้งสอง การประกอบพิธีนั้นมีจุดประสงค์ที่ลึกซึ้งกว่านี้ทั้งสองรู้ดีว่าเมื่อเสียงสวดโบราณของพวกเขาจบลง มันไม่เพียงเพื่อทำให้ท้องฟ้าสงบตามที่กล่าวไว้เท่านั้น แต่มันยังช่วยเสริมแรงผนึกอันซับซ้อนที่กักขังบางสิ่งที่อยู่ใต้พื้นที่พวกเขากำลังเหยียบอยู่ สิ่งชั่วร้ายที่ไม่ควรถูกปลุกขึ้นมาจู่ๆ สายลมที่กลับพัดแรงขึ้น เมฆมืดเข้าครอบคลุมท้องฟ้าทันที ทุกคนในลานพิธีพากันมองไปรอบด้านด้วยความหวาดหวั่นม่อหลี่ปรากฏตัวออกจากเงามืด ร่างของนางโอบล้อมด้วยไอมืดที่หนาแน่

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   พิธีกรรม

    หลังจากดำเนินแผนการได้สำเร็จลุล่วงไอวี่เถียนเถียนก็รีบกลับเข้าห้องนอนของนางทันที โดยหวังว่าจะไม่มีใครเห็นนางวิ่งออกมาจากห้องนอนของพี่สาวร่างบางยอบกายลงนอนกับเตียงนุ่ม พลางคิดถึงใครบางคนที่นางแอบคะนึงหามาได้สักพักวันหนึ่งในยามที่ฝนโปรยปราย อวี้เถียนเถียนได้ขออนุญาตจากมารดาออกมาเที่ยวเล่นตามประสาเด็กสาวที่เพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาไม่นานขณะนั้นเอง นางเห็นอวี้เสวี่ยหนิงกำลังช่วยชาวบ้านสร้างที่เก็บน้ำฝน ทำไมพี่สาวของนางจึงสนิทกับชาวบ้านถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่นางจำได้ว่าชาวบ้านเคยรังเกียจชังพี่สาวของตนมากแค่ไหนตั้งแต่จำความได้ สตรีตรงหน้านั้นชอบทำตัวร้ายกาจต่ออวี้เถียนเถียนและมารดาของนาง ทั้งๆ ที่อวี้เสวี่ยหนิงก็ได้รับความรักจากท่านพ่อและผู้คนในจวนอย่างล้นหลาม แต่สตรีผู้นี้ก็ยังชอบทำตัวน่ารังเกียจอยู่เสมอขณะที่อวี้เถียนเถียนกำลังจะเดินจากไป ฝนที่ทำให้ถนนลื่นกลับทำให้นางเสียหลักล้มลง ทว่าก่อนที่ใบหน้าจะกระแทกพื้น ก็มีมือหนายื่นมาประคองไว้ทัน“ระวังทางเดินด้วย คุณหนูน้อย” เสียงทุ้มเอ่ยเตือนดรุณีน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยนเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายด้วยความตกใจ ชายหน

  • เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร   เงาริษยา

    ม่อหลี่เดินเข้ามากลางโถงใหญ่ มือเรียวเล็กของนางกำลังถือหินผนึกเทียมสีดำสนิทก้อนหนึ่ง ขณะที่ม่อหลี่จ้องมองมัน แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยแผนการใหม่ที่สลับซับซ้อน นางยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางหรี่ตามองหินผนึกที่สั่นสะเทือนราวกับต้องการที่จะปลดปล่อยพลังของมันออกมาม่อหลี่เริ่มคิดถึงแผนการลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งผนึกของสืออิ่งที่อยู่ในหินดวงชะตาของหลงอวี่ นางรุ้มาบ้างว่าอวี้เสวี่ยหนิงร่างใหม่ของสืออิ่งนั้นมีสายสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับครอบครัวสักเท่าไหร่ “อวี้เถียนเถียน…นางเป็นคนที่เหมาะที่สุด” ม่อหลี่พูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ม่อหลี่สะบัดผ้าคลุมสีดำตัดแดงของตนก่อนก้าวออกจากห้องโถง มุ่งหน้าไปยังจวนของเจ้าเมืองอวี้เจียหรงเพื่อดำเนินแผนการล่อลวงเหยื่อให้มาติดกับเมื่อมาถึงจวนของตระกูลอวี้ ม่อหลี่ค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ร่างบางที่กำลังยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ในสวนอย่างเงียบเชียบ ดูท่าทางคงจะหงุดหงิดเรื่องของพี่สาวต่างมารดาเป็นแน่“แม่นางอวี้เถียนเถียน”อวี้เถียนเถียนหันมาด้วยความประหลาดใจและสงสัย “เจ้าเป็นใคร? เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร ถ้ายังไม่หยุดเดินเข้ามาจ้าจะตะโกนเรียกคนมาช่วยเดี๋ยวนี้!”“อย่าโวยวายไป ข้ารู้

DMCA.com Protection Status