ผมเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียหลังจากช่วยตัวเองเสร็จสมสองครั้งติด ๆ กัน พอตื่นขึ้นก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมกลัดกระดุมนักศึกษาเข้าที่เดิม จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนต้องมานั่งหวีอยู่หน้ากระจก
จ้องมองน้องแพมในเงาสะท้อน เธอช่างมีเค้าโครงหน้าที่เพอร์เฟคและสวยอะไรเช่นนี้ มองตากลมโตที่มีแววขี้เล่น คิ้วโก่งอย่างเหมาะเจาะ จมูกมีสันโด่งรับลงมาถึงเรียวปากกระจับ สองแก้มมีเลือดฝาดจาง ๆ
ก่อนที่จะค่ำมืด ผมแอบเข้าไปในห้องของตัวเองตอนที่ไอ้เจยังไม่กลับ หวังจะเข้าไปเอาแล็ปท็อปของตัวเองมาใช้ในห้องของแพม แต่ก่อนที่ผมหันหลังกำลังจะเดินออกมาจากห้อง ไอ้เจยืนอยู่หน้าประตูห้อง มองหน้าผมด้วยความงุนงงเต็มประดา
ผมในร่างน้องแพมก็ยืนนิ่งอึ้งเช่นกัน ในมือถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์อยู่ ใครก็ตามมาเห็นตอนนี้ก็ต้องคิดว่าผมในร่างนักศึกษาสาวสวยคงกำลังขโมยคอมพิวเตอร์อยู่เป็นแน่
“ทำอะไรน่ะ...?”
ไอ้เจถามเสียงเข้ม ผมอึกอัก
“ปะ...เปล่า..” ผมหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำอย่างไร
“จะเอาคอมนั่นไปไหน...เอ.. น้องนี่ที่อยู่ในห้องตรงนู่นนี่...”
ไอ้เจพูด มันกับผมรู้ว่าแพมอยู่ห้องไหน ผมเงียบ มันพูดต่อ
“ขโมยของเหรอ” ไอ้เจถามโต้ง ๆ
ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร ไอ้เจขมวดคิ้วแล้วพูด
“ไม่ต้องหนีไปไหนนะ...ผมจะเรียกรปภ”
ชิบหายแล้ว ผมรีบห้ามมัน
“เดี๋ยว ๆ ...” ผมพูด ไอ้เจชะงัก “เจ..นี่กูเอง..”
คำพูดของผมมันฟังดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เพราะเป็นเสียงเล็ก ๆ ของน้องแพม แน่ล่ะว่าไอ้เจต้องอึ้งจชะงัก มันถามกลับ
“อะไร...กูไหน”
“กูเอง...เป้งไง”
ไอ้เจอ้าปากค้าง มันผงะถอยหลังเล็กน้อย
“อย่ามาพูดบ้า ๆ ...เดี๋ยวผมจะเรียกรปภ”
มันทำท่าจะเดินออกไป ผมคว้าข้อมือของมันไว้ เพื่อห้าม
“เดี๋ยว ๆ ..ฟังกูก่อน...” ผมพูดอีกพลางดึงแขนมัน ไอ้เจหันมามองหน้าผมด้วยความสับสนสุดขีด
“ไอ้เป้งเพื่อนผมมันเป็นผู้ชาย...ผอมกระหร่อง...น้องพูดอะไรเนี่ย..”
ผมมองหน้ามัน “นี่กูจริง ๆ ...ให้กูอธิบายก่อน..”
ไอ้เจทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ สีหน้ามันมีความหวาดกลัวขึ้นมาเหมือนเห็นผี...แต่มันก็นิ่งเฉย เปิดโอกาสให้ผมพูด
ด้วยความอับจนหนทาง ผมต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไอ้เจฟังทั้งหมด ตั้งแต่ผมพยายามเข้าไปยัดเยียดความเป็นผัวให้แพม จนเกิดอุบัติเหตุทำให้ผมต้องมาอยู่ในร่างของสาวนักศึกษาสุดสวยนี้ตั้งแต่เมื่อคืน แน่ล่ะว่าไอ้เจไม่เชื่อผม มันถามคำถามที่มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ อย่างชื่อผู้หญิงที่ผ่านมาของมัน เรื่องตั้งแต่สมัยมหาลัย และเรื่องความลับของมันอีกมากมาย
พอผมตอบได้ทุกอย่าง ไอ้เจก็นั่งอึ้งเป็นรูปปั้นต้องคำสาบ หน้าตามันเหมือนเพิ่งเห็นผีสางตัวเป็น ๆ ตาเบิกโพลง มันลุกขึ้นเดินไปมาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะขอให้ผมพาไปดูร่างของผมเองที่ยังหลับใหล ผมพามันเข้าไปในห้องแพม ร่างของผมนอนอยู่ข้างเตียง เหมือนคนหลับสนิท ไอ้เจเขย่าหลายครั้งก็ไม่ตื่น
“ชิบหาย...นี่กูฝันไปใช่มั้ยเนี่ย” ไอ้เจพูด
“เออ กูก็อยากให้ฝันไปเหมือนกัน”
ผมบอกแล้วถอนหายใจ ไอ้เจมองหน้าผม ถามว่าแล้วมึงจะทำยังไงต่อ ผมบอกยังไม่รู้เลย เมื่อเช้าเพิ่งไปสอบมาด้วย คงต้องอยู่ในร่างแพมไปสักพักนึง แล้วค่อยแก้ปัญหาไปทีละเปราะ หาทางกลับคืนร่างของตัวเองให้ได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
“แล้วมึงแต่งชุดนักศึกษาแบบนี้ก็เป็นด้วยเหรอวะ”
ไอ้เจถาม มันยืนกอดอกมองหน้าผมที่นั่งอยู่ปลายเตียง
“ไม่เป็นก็ต้องเป็นล่ะวะ...ทำไงได้” ผมบอก “แม่งมีแต่คนมอง”
ไอ้เจหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก มันเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ...โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้
“แหงล่ะ ก็เรายังมองเลยนี่หว่า ทั้งสวยทั้งหุ่นดีแบบนี้” มันพูดแล้วเอียงคอมอง ก่อนจะปรากฎรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า “อย่างนี้มึงก็ได้เห็นของน้องแพมหมดเลยดิวะ”
“ก็เออดิวะ” ผมตอบ มันทำสีหน้าแปลก ๆ ผมมองหน้ามันแล้วถาม “เห็นแล้วทำไมวะ”
หน้าตาของไอ้เจดูเจ้าเล่ห์
“แล้วดีมั้ยวะ..” มันถามหน้าตาเฉย
“อะไรดีวะ” ผมถามตอบ
“เอ็กซ์มั้ยล่ะ” มันถามต่อ
“อะไรของมึงเนี่ย..กูเครียดอยู่นะ..” ผมตอบ ไอ้เจหัวเราะหึหึ
“เป็นกูกูก็เครียด ว่าแต่ขอกูดูบ้างดิ”
ผมด่ามันกลับทันที ไอ้เจทำหน้าผิดหวังแล้วบอกดูนิดเดียว ไม่เสียหายอะไรหรอก ทีมึงยังเห็นหมดเลย ผมด่ามันกลับว่าไม่เหมือนกัน ไอ้เจยังคะยั้นคะยอขอดูเรือนร่างน้องแพมให้ได้ แทนที่จะช่วยผมคิดแก้ปัญหามันกลับจะมาขอดูเรือนร่างของสาวสวยนักศึกษาคนนี้ จนสุดท้ายมันบอกว่า ถ้าอยากให้มันช่วยคิดหาทางออก ก็ต้องให้มันดูรูปร่างแพมเป็นการแลกเปลี่ยน
“มึงนี่มันทุเรศจริง ๆ”
ผมด่ามัน ไอ้เจยิ้มแล้วบอกให้ผมถอดเสื้อนักศึกษาออก คิดเสียว่าเป็นผู้ชายถอดเสื้อจะอายอะไร ไอ้เจพูดหน้าตาเฉย
ที่มันพูดก็ถูก ผมจะอายอะไรมัน นี่ไม่ใช่ร่างกายของผมสักหน่อย น้องแพมเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับผมด้วย ผมยอมทำตามคำขอของมัน ค่อย ๆ ปลดกระดุมออกจนหมด
ไอ้เจยืนทำตาโตอยู่ตรงหน้าผม พอสาบเสื้อนักศึกษาแยกออกจากกัน ก็เห็นร่องอกเบียดกันเป็นร่องสวยใต้บราสีขาว
“อื้อหืออ นมใหญ่อย่างที่คิด...จุ๊ๆๆ .”
มันพูดซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ ทำเอาผมอายอย่างบอกไม่ถูก จู่ ๆ สองแก้มก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียเฉย ๆ เมื่อรู้ว่าไอ้เจจ้องมองหน้าอกอยู่ ผมพยายามสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป เพราะตอนอยู่ในห้องกับมัน ผมก็ถอดเสื้อนั่งดูทีวีอย่างไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อย แล้วทำไมตอนนี้ผมถึงต้องอายมันด้วยเล่า
ไอ้เจบอกให้ผมถอดบราออกด้วย ผมลังเลครู่หนึ่ง รู้สึกหน้าร้อนมากขึ้น มือสั่นเล็กน้อยจนทำอะไรไม่ถูก จนไอ้เจต้องขยับตัวเอื้อมมือมาช่วยปลดตะขอบราที่ด้านหลังออก บราตัวจิ๋วเลื่อนหลุดออกจากตัว ผมยกมือขึ้นปิดหน้าอกของตัวเองไว้อย่างไม่รู้ตัว
“จะปิดทำไมวะ โอ้โห...ขาวจริงๆ สุดยอดดเลย”
ไอ้เจพูดด้วยเสียงหื่น มันแกะมือผมออก
ตอนนี้ผมนั่งเปลือยท่อนบนอล่างฉ่างต่อหน้ามัน ตาไอ้เจเบิกโพลงเหมือนเจอสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ผมรู้สึกอายจนแทบมุดแผ่นดินหนี ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอายมันด้วย รู้สึกร้อนหน้าไปจนถึงใบหูเหมือนกินเบียร์ไปหลายกระป๋อง ผมปล่อยให้มันมองแวบเดียว ก่อนจะยกมือขึ้นปิดไว้อีกรอบ แต่ไอ้เจก็ดึงมือผมออกอีก
“ไม่ต้องปิด...โอ้โห หัวนมโคตรสวยเลยมึง...” ไอ้เจพูด ผมยกมือขึ้นปิดอีกโดยแทบไม่รู้ตัว
“พอแล้วมั้ง...” ผมบอก แต่ไอ้เจรั้งข้อมือผมอีก
“ขอกูดูอีกหน่อย...ใหญ่จริง ๆ” มันพูดพลางจ้องเขม็ง “แล้วมึงจะหน้าแดงทำไมวะ”
ผมขยับตัวไปมองกระจกตรงหน้า ตอนนี้แก้มเนียนแดงระเรื่ออย่างที่มันบอกจริงๆ ด้วย ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงต้องอายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายด้วยกัน
...หรือว่าผมมาอยู่ในร่างสาวสวยอย่างแพม ผมจึงได้สัญชาตญาณบางอย่างของผู้หญิงมาด้วย ถ้าเป็นงั้นจริง ๆ แล้วผมควรจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
จู่ ๆ ไอ้เจก็ขยับมือมาลูบหน้าอกเบา ๆ จนผมสะดุ้งเฮือก ใจเต้นแรงขึ้นมาเฉย ๆ ผสมกับความรู้สึกหงุดหงิดที่มันมาจับอย่างไม่ทันตั้งตัวจนเกือบพลั้งมือตบมันไปแล้ว
“ดูเฉยๆ สิวะ” ผมบอกมัน
“ขอจับนิดเดียว...นมแน่นดีจริง ๆ”
ไอ้เจยังจะลูบต่อจนผมต้องเอียงตัวหลบ รู้สึกอายอย่างที่ไม่เป็นมาก่อน ผมบอกให้มันดูเฉย ๆ ไม่งั้นจะไม่ให้มันดูแล้ว ไอ้เจดึงเก้าอี้มานั่งตรงหน้าผม มันจ้องมองหน้าอกไม่วางตา
“นมสวยจริงๆ ... ยังไม่เคยเจอสวยใหญ่เท่านี้เลยว่ะ สุดยอดว่ะ”
“พอได้ยังวะ” ผมนั่งตัวเกร็ง หนีบขาแน่น ไอ้เจทำหน้าอย่างเสียไม่ได้ แล้วมันก็พูดขึ้น
“ขอดูข้างล่างด้วยดิวะ” มันพูดหน้าตาเฉย
“ไม่เอาเว้ย...” ผมปฏิเสธทันควัน
“นิดเดียวน่า”
ไอ้เจต่อรอง มันขยับตัวมาจับเข่าของผมแล้วแยกออกทันที ชายกระโปรงรั้งขึ้นไปจนถึงโคนขา ผมรีบหุบขาแล้วดันมันออก แต่ก็สู้แรงมันไม่ได้
“ขอดูเฉย ๆ อยากเห็นว่าหน้าสวย ๆ แบบนี้ น้องสาวจะสวยแค่ไหน” มันพูดแล้วหัวเราะแบบหื่นๆ ผมปัดมือมันออกแล้วบอก
“เออ ๆๆ ได้ ๆๆๆ แต่เดี๋ยวกูถอดเอง”
ผมรีบห้ามมันเพราะมันกำลังจะล้วงเข้าไปใต้กระโปรง ผมเลิกชายกระโปรงขึ้นอีก เผยให้เห็นชั้นในสีขาวตัวจิ๋ว ไอ้เจจ้องมองตาแทบถลน ผมรู้สึกอายแทบมุดแผ่นดินหนี ทั้ง ๆ ที่ตอนเรียนมหาลัย เราสองคนเคยแก้ผ้าเปลือยเปล่าตอนรับน้องกันมาแล้ว เห็นกันมาหมดไส้หมดพุงจนไม่มีความอายหลงเหลือต่อกัน
พอกระโปรงรั้งขึ้นมาเกือบถึงเอว ผมก็ค่อย ๆ ถอดกางเกงในลงไปที่ขาข้างหนึ่ง แล้วหนีบต้นขากันไว้แน่น ไอ้เจพึมพำไม่หยุดว่าขาวชิบหาย ผิวเนียนเหี้ย ๆ ผมใจเต้นตึกตัก ต้นขาของแพมขาวจนเห็นเส้นเลือดลาง ๆ ไอ้เจมาจับเข่าของผมแล้วค่อย ๆ แยกออกอย่างช้า ๆ กลีบร่องสาวของแพมปรากฏสู่สายตาของมัน
“อู้ออหหหหหู..”
มันลากเสียงยาวราว ตาเบิกโพลงเต็มที่ ผมอายจนหน้าร้อนฉ่าไปหมด
“พอ...พอแล้วมั้ง”
ผมพยายามควบคุมไม่ให้เสียงสั่น รู้สึกใจเต้นระรัว คล้ายกับกำลังยืนแก้ผ้าต่อหน้าธารกำนัลคนเป็นร้อยยังไงยังงั้น มันจ้องมองไม่วางตา แถมยังขยับมามองใกล้ ๆ อีก ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่ปลายเตียง กึ่งเปลือยเปล่า เสื้อนักศึกษาคาอยู่บนตัว กระโปรงรั้งขึ้นมาบนเอว
เรียวขาถูกไอ้เจจับอ้าออกกว้างอีก จนผมต้องเอนยันแขนไว้กับเตียง มันจ้องมองกลีบแคมอย่างน่าเกลียดและไม่เกรงใจใด ๆ แถมมันยังเผลอเลียปากเฉยเลย
ผมยังไม่ทันตั้งตัว มันก็ลูบไล้มาที่ต้นขาของผมจนเกือบถูกปากร่อง ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมือหยาบของมันสัมผัส กระตุ้นความรู้สึกวูบวาบ ผมรีบดันมันออกแล้วลุกขึ้นดึงกางเกงในขึ้นมาสวมทันที
“พอแล้วเว้ยยย”
ผมลุกพรวดขึ้นยืน จัดกระโปรงลงมาให้เข้าที่ ไอ้เจยังตาโตไม่หาย มันนั่งเอนหลังพิงพนัก มองผมหัวจรดเท้าแล้วยิ้มแห่ะๆ
“สวยจริงๆ ว่ะ..ขอโทษทีลืมตัวหน่อย สวยไปทั้งตัวแบบนี้ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่” ไอ้เจพึมพำ “จากผู้ชายหน้าตาหมายังไม่เหลียวมอง ตอนนี้กลายมาเป็นนางฟ้าแบบนี้ได้ไงวะเนี่ย”
“นั่นน่ะสิ”
ผมพูด พลางกลัดกระดุมเสื้อนักศึกษาแล้วนั่งลงทำหน้ากลุ้มใจ
“ตอนนี้มึงหน้าแดงมากเลยไอ้เป้ง” ไอ้เจพูดแล้วหัวเราะ “อย่าบอกนะว่ามึงอายกู ที่กูมองของมึง เอ้อ ของน้องแพม”
ผมมองหน้ามัน “กูก็ไม่รู้ว่ะ...แต่กูอาย”
ผมไม่กล้าบอกมันว่าแค่ถูกมือไอ้พี่พอลกับมันสัมผัสต้นขา ผมก็รู้สึกวูบวาบแปลก ๆ หรือผมจะได้ความรู้สึกผู้หญิงมาด้วยจริง ๆ เนี่ย ผมไม่ได้เป็นตุ๊ดหรือเกย์นะ ผมคิดฟุ้งซ่านอยู่ในใจ ไอ้เจทำหน้าครุ่นคิด
“กูว่ามึงอาจยังมีความคิดเป็นผู้ชายในแบบของมึงอยู่ แต่ก็มีอารมณ์ความรู้สึกแบบผู้หญิงด้วยน่ะสิ ก็มึงอยู่ในร่างน้องแพมแบบนี้นี่หว่า มันก็ต้องมีบ้างเปล่าวะ”
ผมถอนหายใจออกมา มันช่างซับซ้อนและเข้าใจยากเสียเหลือเกิน
“แล้วกูจะทำไงดีวะ”
“กูว่ามึงอยู่แบบนี้ก็เครียดเปล่าๆ ..” ไอ้เจพูดแล้วหัวเราะหึหึ “ออกไปข้างนอกกับกูดีกว่า... วันนี้กูมีนัดกับเพื่อนที่ทำงาน...ทิ้งร่างไอ้เป้ง เอ้ย ร่างมึงเองไว้ที่นี่ล่ะ”
ตอนแรกผมลังเลที่จะออกไปข้างนอกตามคำชวนของมันเพราะไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร แต่ไอ้เจก็บอกว่า ผมต้องออกไปเปิดหูเปิดตาและทำตัวให้คุ้นชินกับการอยู่ในร่างของน้องแพมบ้างไอ้เจชวนผมออกไปกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงานของมัน มันถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าของแพมแล้วเลือกชุดใหม่ให้ผมอีกต่างหากเพราะเกรงว่าชุดนักศึกษาจะเข้าร้านอาหารกึ่งผับไม่ได้ ผมต้องสวมกางเกงขาสั้นกุดที่ชายกางเกงค่อนข้างบานของน้องแพม เปลี่ยนเสื้อนักศึกษาเป็นเสื้อยืดรัดรูปตามที่มันเลือกให้ ไอ้เจเห็นแล้วจุ๊ปาก มันบอกคนสวยใส่อะไรก็สวยแฮะ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับมันเท่าไหร่ที่จะแต่งตัวแบบนี้ เพราะอยากใส่กางเกงขายาวมากกว่า“ใส่แบบนี้แหละ...หุ่นดี ขาสวยแบบนี้ก็ต้องโชว์หน่อย ปกติมึงก็ไม่มีหมามองอยู่แล้วนี่หว่า คราวนี้ผู้ชายได้มองกันทั้งร้าน” ไอ้เจพูด แล้วหัวเราะร่ามันขับรถไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากอพาร์ทเมนท์มากนัก พอไปถึง เพื่อนของไอ้เจนั่งกินกันอยู่ก่อนแล้ว มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เห็นแล้วผมอยากจะกลับบ้านเลยเพราะแทบจะไม่มีสาว ๆ เป็นอาหารตา จะมีก็แต่พริตตี้เชียร์เบียร์ที่เดินกันขวักไขว่ มิน่าล่ะ ร้านนี้ผู้ชายถึงเยอะก็เพราะพริตตี้เยอะนี่เองเพื่อ
ผมใจเต้นโครมคราม ไอ้เจไม่ได้รู้เลยว่า แค่มือมาสัมผัสหน้าขาผมก็ใจเต้นวูบวาบแล้ว ตอนนี้มือมันล้วงคลำอยู่ที่เนินสาวถึงแม้จะมีชั้นใจขวางกั้น แต่ก็ทำเอาผมสยิวแบบแปลก ๆ มันต่างจากที่ผมลูบคลำช่วยตัวเองจนเสร็จสมไปสองครั้งเมื่อตอนบ่าย มือหยาบ ๆ ของเพศตรงข้าม กระตุ้นความรู้สึกแปลกประหลาดได้มากกว่ามือผู้หญิงอันนุ่มนิ่มของตัวเอง...หรือนี่จะเป็นอารมณ์แบบธรรมชาติที่อยู่ในตัวผู้หญิงทุกคน“เสียหายดิวะ...อึ้ยยย...พอแล้ว”ผมร้องห้ามมัน แต่ไอ้เจก็ล้วงมือลึกเข้าไปใต้กางเกงในจนได้ มันวางมือไปบนเนินสาวทำเอาผมสะดุ้งหนีบขาไว้แน่น พยายามเบี่ยงตัวให้หลุดพ้นแต่สู้แรงมันไม่ได้เลย แรงน้องแพมช่างน้อยนิด ผมดันแขนมันเหมือนกำลังดันเสาคอนกรีตต้นใหญ่ยักษ์ที่ไม่ขยับใด ๆ ไอ้เจหัวเราะแล้วพูด“มึงรู้มั้ย เมื่อตอนเย็น...แค่ได้เห็นรูปร่างน้องแพม...น้องชายกูลุกตั้งเลย...สุดยอดจริง ๆ ตอนนี้ขอกูจับหน่อยเถอะ”ผมปฏิเสธมันเสียงแข็ง แต่มันก็แทบไม่ฟัง นิ้วของมันกลับบดบี้ลงบนกลีบสาวจนผมตัวกระตุกเฮือก พยายามดึงแขนมันออกอย่างไร้ผล ไอ้เจเกี่ยวนิ้วเบา ๆ ไปที่เม็ดสวาท ความสยิวซ่านพลุ่งพล่านขึ้นมาซะอย่างนั้น ใจเต้นโครมคราม พยายามอดกลั้นคว
ผมสะดุ้งตื่นเช้ามืด เมื่อได้ยินเสียงไอแค่กๆ ดังมาจากข้างเตียง ผมชะโงกดูก็เห็นร่างของผมกระสับกระส่าย มือขยับมาวางที่หน้าอก“น้ำ...”เสียงแหบ ๆ ดังมา ผมรีบผวาไปหยิบน้ำมาค่อย ๆ กรอกใส่ปาก จนร่างของผมสงบลง ผมเขย่าตัวเบาๆ“เป็นไงบ้าง”ผมถามเบา ๆ ดวงตาของร่างตรงหน้าลืมขึ้นช้า ๆ ปรือมองผมแล้วจ้องมองแน่นิ่ง สายตานั้นเหมือนยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมองไปที่เพดานและรอบข้างตัวเอง“ที่ไหน...แพมอยู่ไหน” ร่างของผมถามด้วยเสียงแผ่วเบา“แพม...ก็อยู่ในห้องแพมไง” ผมตอบเหมือนแพมในร่างผมจะยังไม่ได้สติเต็มร้อย ผมนั่งจ้องมองหน้า นานหลายนาทีก่อนที่เธอจะทำตาโตเมื่อเห็นร่างของเธออยู่ตรงหน้า เธอผวาจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องทรุดตัวลงนอนอีกรอบ“อย่าเพิ่งรีบลุก...น้องหลับไปตั้งสองวันสองคืน” ผมบอก“เกิดอะไรขึ้น ทำไม แพม...คุณ..ทำไมเป็นแบบนี้”แพมถาม เธอทำตาโต ดูเหมือนเธอจะจำไม่ได้ที่ผมบุกเข้ามาปลุกปล้ำในห้องของเธอ“เรื่องมันยาวน่ะครับ”ผมพูด แพมพยายามยันตัวเองลุกขึ้น เธอสำรวจร่างกายของตนเองซึ่งก็คือร่างของผมนั่นแหละ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ เธอรู้ตัวแล้วว่าอยู่ในห้องของเธอเอง ก่อนจะมาจ้องมองหน้าผม แล้วมองชุดที่ผมใส
“อืมม...” แกกระแอม “ถ้าคะแนนเป็นแบบนี้ก็ติดเอฟแน่นอน”พูดจบก็มองลอดแว่นมาที่ผม ผมหน้าเสีย ถ้าติดเอฟก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับแพมแน่ กลายเป็นว่าผมจะทำให้อนาคตของแพมเสียหลังจากอยู่ในร่างเธอไม่กี่วันเท่านั้น ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร แกก็พูดต่ออีก“ติดเอฟนี่เรื่องใหญ่นะ วิชานี้เปิดแค่เทอมเดียว ต้องรออีกหนึ่งปีถึงจะลงเรียนใหม่ได้”อาจารย์พูด แกหันมามองหน้าผม โบว์คงจะรู้ว่าเธอจะติดเอฟด้วย เธอถึงร้องห่มร้องไห้จนตาแดงแบบนั้น จริงๆ แล้วถ้าเป็นผมเองก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ เพราะตอนเรียนก็ติดเอฟอยู่หลายตัว แต่นี่ไม่ใช่ เพราะมันคืออนาคตของแพม“จริงเหรอคะ”ผมพูดได้แค่นั้น อ้ำอึ้งจนไม่รู้จะทำยังไงต่อ“ใช่...” อาจารย์พูดเสียงแข็ง แกเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “แต่ก็ยังมีทางแก้ไขนะ...”ผมมองหน้าอาจารย์ คราวนี้แกถอดแว่นออกแล้วจ้องหน้าผม ก่อนจะเหลือบสายตาลงต่ำมองที่หน้าอกอีกรอบแบบจงใจ ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วว่าทางแก้ไขของแกหมายถึงอะไร อาจารย์มองหน้าผมอีกรอบเหมือนจะหยั่งเชิง ผมอึ้งไปสักพัก ไม่คิดว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้“อาจารย์...อาจารย์หมายถึงอะไรคะ” ผมถาม เขายิ้มแล้วพูด“ตามใจอาจารย์สักหน
แพมในร่างของผมไลน์มาบอกว่า เธอกลับถึงห้องแล้วแต่เจชวนออกไปข้างนอกต่อ เธอจึงต้องออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมนึกขำในใจ ไม่รู้ว่าไอ้เจจะพาไปกินเหล้าที่ไหน เพื่อนผมมันแสบได้เรื่องดีจริง ๆพอถึงห้อง โบว์ก็ถามผมอย่างอ้อมแอ้มด้วยความอายว่า อาจารย์ว่าอย่างไรบ้าง ผมยิ้มแล้วเปิดเสียงบทสนทนาทั้งหมดให้ฟัง ดูโบว์ตกใจอย่างมากที่ผมกล้าทำและพูดกับอาจารย์แบบนั้น เธอเล่าให้ฟังว่าอาจารย์คนนี้มีชื่อเสียงด้านมืดมานานแล้ว ไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัวเอง ผมบอกเธอว่ามันต้องมีใครสักคนกล้าทำแบบนี้ ไม่งั้นอาจารย์ก็จะเหิมเกริมทำกับนักศึกษาสาว ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ“ขอบคุณแพมมากนะ” โบว์บอก สาวน้อยน้ำตาซึมลงอาบแก้มผมใช้มือปาดน้ำตาออก โบว์ซบลงที่ไหล่ของผม ผมกอดเธอไว้ เรือนร่างของโบว์นุ่มดีเหลือเกิน ผมปล่อยให้เธอระบายความอัดอั้นจนพอใจเส้นผมและกลิ่นกายของโบว์หอมกรุ่น ทำเอาใจเต้นแรงขึ้นมา ผมสูดดมความหอมหวานที่ไรผมข้างแก้ม จูบเบาๆ แล้วไล้ปากมาที่พวงแก้มเนียน หอมเบาๆ มาถึงติ่งหูจนโบว์เอียงคอหนี ผมสัมผัสได้ว่าเธอขนลุกไปทั้งแขน แต่ไม่ได้ผละหนีใด ๆ ผมจูบไซ้ที่แก้มเนียนนั้นแล้วไล้ไปถึงหลังใบหู สาวน้อยตัวเกร็ง“นี่...แพม”เธอเรียกชื่อผม
“โห...กินเหล้ามาเหรอ” ผมถาม“อืออ...เจเค้าชวนไปน่ะ” เธอพูดแล้วเดินเข้ามาในห้อง “แต่แปลกอะ...แพมกินตั้งเยอะยังไม่ค่อยเมาเลย”แหงล่ะ ก็เธออยู่ในร่างผมนี่นา ผมเป็นคนกินเหล้าเยอะอยู่แล้ว ผมปิดประตูแล้วถาม“แล้วไอ้เจล่ะ”“ยังนั่งกินเหล้ากันอยู่ที่ร้านเลย” เธอบอกแล้วเดินมานั่งบนเตียง“ไปแถวไหนกันมาเนี่ย..” ผมถามแบบขำๆ ก่อนจะมานั่งบนเตียงข้างๆ เธอ“เจเค้าพาไปเลานจ์น่ะ กับพวกพี่แดง พี่พจน์” แพมในร่างของผมพูด “พวกนั้นลามกมาก..”ผมหัวเราะออกมา ว่าแล้วว่าไอ้เจต้องทำอะไรแผลง ๆ“เหรอ แล้วสนุกมั้ยล่ะ” ผมถาม แพมหันมามองหน้าผม“ก็...ก็...สนุกดี...แพมไม่เคยไป... แต่มัน”เธอพูดแล้วชะงักไว้แค่นั้น“แต่มันอะไรเหรอ” ผมถาม“มันแปลก ๆ”แพมพูดแล้วนิ่งเงียบ ผมเอียงคอมองใบหน้าของผมเอง หน้าคล้ำๆ ตอนนี้ก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมถามว่าแปลกยังไง เธอนิ่งไปครู่นึงแล้วเอ่ยเบา ๆ“มัน...มันแข็งอะ” เธอบอก ผมตาโตแล้วถามทันที“อะไรแข็ง” แพมอ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากพูด ผมถามอีก “เกิดอะไรขึ้นเหรอแพม”เธอก้มลงมองเป้ากางเกงตัวเองแล้วพูดแบบเขิน ๆ“พอมีผู้หญิงมานั่งตัก หรือมากอด...มันก็แข็งเลย” เธอสารภาพ ไม่รู้ว่าผมจะหัวเราะหรือสงสารเ
เวลาผ่านไปอีกวัน เราสองคนพยายามทำความคุ้นเคยในการทำหน้าที่สลับกัน แต่ที่ผมลำบากใจก็คือ การต้องเจอกับไอ้พี่พอลด้วย แพมบอกว่าผมต้องไปงานแต่งงานเพื่อนของพี่พอลในคืนวันพรุ่งนี้ แพมอ้อนวอนให้ผมไปเพราะดูแล้วเธอเองก็คงชอบ ๆ พี่พอลอยู่เหมือนกัน จึงไม่อยากให้ผมปฏิเสธเขาแพมเตรียมชุดมาให้ผมใส่ด้วย มันเป็นชุดแส็กเดรสกระโปรงสั้นสีดำ ผมลองใส่อย่างไม่เต็มใจเอาเสียเลย ถึงแม้ร่างกายจะเป็นสาวสวยหุ่นดีเพียงใด ใส่แล้วสวยขนาดไหน แต่ผมก็ยังรู้สึกแบบผู้ชายจึงช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบากใจ แต่แพมก็ขอร้องว่างานนี้พลาดไม่ได้เพราะเป็นงานแต่งเพื่อนสนิทของพี่พอล ต้องดูดีหน่อย ผมก็ต้องยอมเลยตามเลย พอลองสวมดูแล้วก็แปลกใจที่ชุดเดรสมันพอดีตัวเป๊ะ แพมบอกว่าชุดนี้ตัดมาเป็นพิเศษเลย ความรัดรูปกำลังดีทำให้อวดสัดส่วนทรวดทรงของสาวสวยอย่างชัดเจน เอวคอดกิ่วกับสะโพกกลมกลึง หน้าอกไม่ต้องพูดถึงเพราะโชว์เนินวับ ๆ แวม ๆ จนแทบจะก้มไม่ได้เลยทีเดียว ผมหมุนตัวไปมาหน้ากระจกแล้วรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด ใส่ชุดสวย ๆ แล้วทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้อย่างไรก็ไม่อาจหาคำตอบได้ หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งอารมณ์แบบผู้หญิง ใส่ชุดสวยแล้วมั่นใจเต็มร้อยแต่
“ฝนจะตกอะไรทุกเย็นวะเนี่ย”ผมสบถโทษฟ้าฝน ก่อนวิ่งเข้าอพาร์ทเมนท์ของตนเอง ตัวเปียกมะล่อกมะแล่กหัวจรดเท้า ขณะกำลังไล่น้ำออกจากรองเท้าอยู่นั้น ก็เห็นสาวสวยนักศึกษาลงมาจากรถยนต์คันหรู...เธอชายตามองผมด้วยหางตา ผมลอบมองหุ่นระทวยตามไปจนเธอเดินขึ้นลิฟต์ไปใคร ๆ ก็เรียกผมว่า “ไอ้เป้ง” เพราะผมเป็นพนักงานออฟฟิศจน ๆ คนหนึ่งในฝ่ายเดินเอกสาร หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแมสเซนเจอร์แต่ประจำอยู่ในออฟฟิศนั่นล่ะครับ ทำหน้าที่เดินแจกจดหมาย เอกสาร และยังทำงานอื่น ๆ จิปาถะในออฟฟิศ ตั้งแต่ซ่อมเครื่องปรินเตอร์ไปจนถึงช่วยเปลี่ยนหลอดไฟด้วยความที่ตอนเรียนหนังสือผมไม่ได้ตั้งใจสักเท่าไหร่ สอบเข้ามหาลัยดัง ๆ ก็ไม่ได้ จบออกมา 3-4 ปีแล้วก็เลยหางานทำยากหน่อย จนต้องเป็นพนักงานออฟฟิศต๊อกต๋อยไปวัน ๆผมไม่ใช่แค่เป็นพนักงานจน ๆ เท่านั้นนะครับ แต่ยอมรับว่าหน้าตาของผมก็ไม่ได้เรื่องได้ราวเสียด้วย ด้วยความเป็นเด็กต่างจังหวัด รูปร่างหน้าตาสามัญประจำบ้าน ไม่ค่อยมีผู้หญิงเหลียวมอง มีแต่ผมที่ชอบมองสาว ๆ สวย ๆ ขาว ๆ หมวย ๆ และยิ่งเป็นสาวนักศึกษาด้วยแล้ว ผมยิ่งเหลียวมองจนบางครั้งถูกมองกลับด้วยหางตาแบบเหยียดหยามกันเลยทีเดียวอพาร์ทเมนท์ที่ผ