“อืมม...” แกกระแอม “ถ้าคะแนนเป็นแบบนี้ก็ติดเอฟแน่นอน”
พูดจบก็มองลอดแว่นมาที่ผม ผมหน้าเสีย ถ้าติดเอฟก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับแพมแน่ กลายเป็นว่าผมจะทำให้อนาคตของแพมเสียหลังจากอยู่ในร่างเธอไม่กี่วันเท่านั้น ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร แกก็พูดต่ออีก
“ติดเอฟนี่เรื่องใหญ่นะ วิชานี้เปิดแค่เทอมเดียว ต้องรออีกหนึ่งปีถึงจะลงเรียนใหม่ได้”
อาจารย์พูด แกหันมามองหน้าผม โบว์คงจะรู้ว่าเธอจะติดเอฟด้วย เธอถึงร้องห่มร้องไห้จนตาแดงแบบนั้น จริงๆ แล้วถ้าเป็นผมเองก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ เพราะตอนเรียนก็ติดเอฟอยู่หลายตัว แต่นี่ไม่ใช่ เพราะมันคืออนาคตของแพม
“จริงเหรอคะ”
ผมพูดได้แค่นั้น อ้ำอึ้งจนไม่รู้จะทำยังไงต่อ
“ใช่...” อาจารย์พูดเสียงแข็ง แกเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “แต่ก็ยังมีทางแก้ไขนะ...”
ผมมองหน้าอาจารย์ คราวนี้แกถอดแว่นออกแล้วจ้องหน้าผม ก่อนจะเหลือบสายตาลงต่ำมองที่หน้าอกอีกรอบแบบจงใจ ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วว่าทางแก้ไขของแกหมายถึงอะไร อาจารย์มองหน้าผมอีกรอบเหมือนจะหยั่งเชิง ผมอึ้งไปสักพัก ไม่คิดว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้
“อาจารย์...อาจารย์หมายถึงอะไรคะ” ผมถาม เขายิ้มแล้วพูด
“ตามใจอาจารย์สักหน่อย...ไม่มีอะไรมากหรอก”
ผมกลืนน้ำลายเอื้อก
“ตามใจอะไรเหรอคะ...”
“หนูโอเคหรือเปล่าล่ะ”
เขาเปลี่ยนจากที่เรียกว่าคุณ กลายเป็นเรียกว่าหนูหน้าตาเฉย
“ก็ไม่รู้ว่าอาจารย์จะให้ตามใจเรื่องอะไร”
ผมถามกลับ รู้สึกใจเต้นตึกตัก ภาวนาไม่ให้ความต้องการของอาจารย์เป็นอย่างที่คิดเลย อาจารย์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แกลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาข้างหลังผม วางมือลงบนหัวแล้วลูบเบา ๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ทั่วไปก็คงคิดว่าเอ็นดูเด็ก แต่อาจารย์คงไม่ได้แค่รู้สึกแบบเด็กหรือผู้ใหญ่เท่านั้นแน่นอน เขาวางมือลงบนไหล่
“หนูนี่สวยดีนะ...ได้ยินว่าเป็นดาวคณะเหรอ..” เขาถาม ผมพยักหน้าเบา ๆ “ถ้าตามใจอาจารย์ ไม่แค่ผ่านนะ แต่อาจได้เอด้วยซ้ำ”
พอพูดจบ แกก็เดินไปนั่งเก้าอี้ แล้วเลื่อนมานั่งใกล้กับผมชนิดหัวเข่าแทบจะชนกันอยู่แล้ว ผมกลืนน้ำลาย มองหน้าแกที่ตอนนี้มีสีหน้ากระหยิ่มเหมือนผู้ที่กุมไพ่เหนือกว่า
“อาจารย์จะให้ทำอะไรเหรอคะ” ผมถามเสียงสั่น เขามองหน้าแล้วพูด
“ถอดกระดุมเสื้อออกสิ”
ผมอึ้งกับคำขอแบบโต้ง ๆ จนต้องก้มหน้า เคยได้ยินข่าวเหมือนกันว่านักศึกษาใช้ร่างกายแลกเกรด แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอกับตัวแบบนี้ ผมนั่งนิ่งไม่ได้ทำตามคำขอของแก อาจารย์เอียงคอมองผมแล้วพูด
“อายเหรอ...จะให้ผมถอดให้มั้ย”
ถ้าเป็นปกติ การถอดเสื้อต่อหน้าผู้ชายมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ เหมือนกับตอนที่เปลือยเปล่าต่อหน้าไอ้เจมัน ไม่สิ คราวนี้ผมรู้สึกอายยิ่งกว่า เพราะเพิ่งเคยเจออาจารย์ครั้งแรกก็ต้องมาถอดเสื้อต่อหน้าแบบนี้ ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
อาจารย์ขยับมือมาที่กระดุมเสื้อ ผมชะงัก อยากจะปัดมือแกออกแต่ก็ไม่กล้าทำ ได้แต่ปล่อยให้อาจารย์ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดจนหมด แกดึงชายเสื้อออกจากกระโปรงแล้วเลิกสาบเสื้อนักศึกษาออก บราสีขาวที่ห่อหุ้มเต้านมอวบแทบไม่มิดปรากฏสู่สายตา อาจารย์ทำตาโตจ้องมองเขม็ง
“สวยจริงๆ ...หนูสวยมาก” อาจารย์พึมพำออกมา
ผมรู้สึกอายจนหน้าร้อนไปหมด อาจารย์ไม่รอช้า แกใช้สองมือลูบเบา ๆ บนนมนอกบรา ผมหันหน้าหนี รู้สึกอยากจะมุดแผ่นดินหนีซะตอนนี้ อยู่ดีๆ ก็ต้องมานั่งให้ใครก็ไม่รู้มาจับหน้าอก อาจารย์สอดมือเข้าไปที่สายบราแล้วรั้งลงทางแขน หน้าอกของแพมจึงเป็นอิสระจากพันธนาการ ผมยกมือขึ้นปิดโดยอัตโนมัติ
“ไม่ต้องปิดหรอก สวยแบบนี้ให้ผมดูชัด ๆ หน่อย” อาจารย์พูดแล้วแกะมือออก “จุ๊ ๆๆ หัวนมสวยมาก... สวยกว่าทุกคนเลย..น่าดูดมาก ๆ”
คำพูดอุจาดด้วยเสียงหื่นกามของอาจารย์ทำให้ผมหน้าชา สองมือหยาบกร้านของแกลูบที่หน้าอก แล้วบีบเคล้น ผมเบือนหน้าหนี แกบีบจนต้องห่อไหล่ นิ้วเขี่ยที่หัวนมสลับไปมา
“อาจารย์...ทำแบบนี้กับโบว์ด้วยเหรอคะ” ผมถามเสียงสั่น เขาหัวเราะ พลางใช้นิ้วบดบี้ที่หัวนมจนรู้สึกแปลบปลาบ
“หนูโบว์เขาไม่ยอมตามใจผมน่ะสิ... ก็ติดเอฟไปละกัน...ส่วนหนูแพมตามใจผมแบบนี้... อยากได้เกรดอะไรผมก็ให้ได้”
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าโบว์ไม่ได้ร้องไห้เพราะแค่ติดเอฟ แต่ยังเกือบถูกอาจารย์ล่วงเกินอีกต่างหาก อาจารย์บีบเคล้นนมอย่างมันมือ
“แน่นดีจริง ๆ ...หนูแพม” เขาพึมพำ หน้าตาไม่ได้ปกปิดความหื่นอยากเลย ตาจ้องถลนที่เต้านมอวบขาวได้รูป ยังไม่หยุดแค่นั้น เขาขยับมือมาลูบไล้ที่ต้นขาอีก ทำให้ต้องขยับหนีโดยอัตโนมัติ อาจารย์ไม่ได้สนใจอาการปัดป้อง แกลูบลึกขึ้นมาเฉียดที่เนินสาวจนต้องหนีบขาไว้แน่น แกหัวเราะหึหึในลำคอ
“ผิวขาวละเอียดดีมาก”
แกพูดเบาๆ มือลูบคลึงไม่หยุด พยายามจะล้วงเข้ามา บางทีก็บีบลึกที่สะโพกอวบอิ่มของแพม จนแทบจะป้องกันไม่ได้
“พอ...พอแล้วดีกว่า...ค่ะ” ผมห้ามอาจารย์
แกยิ้มกระหยิ่ม แล้วดึงมือออกไป ผมหายใจแรงด้วยความเหนื่อยจากการปัดป้องมือปลาหมึกของแก อาจารย์อนุญาตให้ผมติดกระดุมเสื้อได้ ผมรีบติดจนครบ จัดชุดนักศึกษาให้เข้าที่ รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้
แต่อยู่ดี ๆ อาจารย์ก็ปลดเข็มขัดออก แล้วตามด้วยกางเกง ผมตกตะลึงกับการกระทำของชายวัยกลางคนตรงหน้า นั่งอึ้งขณะที่อาจารย์ควักท่อนเอ็นที่แข็งผงาดออกมา มันดำมะเมื่อมจนผมรู้สึกสะอิดสะเอียนเพียงแค่ได้เห็น
“อมให้ผมหน่อยสิ” อาจารย์พูดหน้าตาเรียบเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ผมแทบอยากจะวิ่งหนีออกนอกห้องเสียตอนนี้
“อะ...อะไรนะคะ”
อาจารย์ยิ้ม “อมให้ผมหน่อยสิ ทำให้ผมเสร็จในปากแล้วก็ไปได้”
คำขอสุดอุบาทว์ ทำผมรู้สึกชาไปทั้งตัว แค่มองยังไม่อยากจะมอง แต่จะให้ผมอมของผู้ชายเนี่ยนะ
“อาจารย์...อาจารย์จะให้ใช้ปากกับของอาจารย์” ผมถาม
“ก็ใช่น่ะสิ...อย่าบอกนะว่าไม่เคยอมให้ใคร สวยๆ อย่างหนูแพมน่าจะอมมาหลายแท่งแล้วมั้ง” อาจารย์พูดด้วยคำหยาบคาย ผมกลืนน้ำลาย ก้มหน้างุด เอ่ยถามอาจารย์เบา ๆ
"ที่นี่อาจจะไม่เหมาะ...ออกไปที่อื่นดีกว่ามั้ยคะ.."
อาจารย์ตาลุกวาว "ออกไปที่อื่นไม่ใช่แค่อมนะ...อาจารย์ขอเตือน.."
"อาจารย์จะทำอะไรอีกเหรอ" ผมถามอีก เขายิ้มแบบเจ้าเล่ห์แล้วพูดด้วยเสียงหื่นสุดขีด
"ผมจะเอาหนูน่ะสิ... หนูน่าเอาแบบนี้ผมไม่ปล่อยไว้หรอก"
ผมยิ้ม แล้วลุกขึ้นยืน อาจารย์ทำหน้างง ผมล้วงกระเป๋าถือแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดเปิดเสียงบทสนนทนาทั้งหมดระหว่างแพมกับอาจารย์ตั้งแต่ต้นให้ฟัง ทั้งขอให้ถอดเสื้อ ชมเรือนร่างของแพม กับขอให้ใช้ปากอมดูดและขอนอนด้วย ทั้งหมดเสียงดังฟังชัด ผมสังหรณ์ใจไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ จึงกดบันทึกเสียงไว้ได้ทันเวลาก่อนเข้าห้อง
อาจารย์หน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้ม ท่อนเนื้อเหี่ยวลงทันตา แกพยายามรีบสวมกางเกงกลับ แต่ผมก็รีบถ่ายรูปติดหน้าแบบชัดๆ ไว้ได้
“ทีนี้ อาจารย์ก็รู้แล้วนะว่าควรจะทำอย่างไร..” ผมพูด ก่อนจะนั่งลงข้างแกแล้วขู่ต่อ “ไม่ใช่แค่แพมนะที่ได้เกรดเอ...แต่โบว์ก็ต้องได้ด้วย ถ้าไม่อยากหมดอนาคตการเป็นอาจารย์...หรืออาจติดคุกด้วยมั้ง”
คราวนี้กลับกลายเป็นอาจารย์ที่ตัวสั่นงันงก ผมตะคอกข่มขู่อีก
“ที่พูดนี่เข้าใจมั้ย..”
อาจารย์พยักหน้าหงึกอย่างว่าง่าย ผมใช้มือตบไหล่อาจารย์เบาๆ แล้วพูด
“ดีมาก... อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกล่ะ” พอพูดจบผมก็ลุกเดินออกจากห้องไป
โบว์นั่งตาแดงรอผมอยู่ด้านนอกอาคาร ผมเดินยิ้มเข้าไปหาเธอ โบว์สงสัยว่าทำไมผมไม่มีอาการตกใจใดๆ เลย ผมบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่ต้องเป็นห่วง โบว์ยังซึมไม่หาย ผมชวนเธอให้ไปที่ห้องของแพมก่อน นั่งเล่นสักพักแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้ โบว์โอเคตามนั้น
แพมในร่างของผมไลน์มาบอกว่า เธอกลับถึงห้องแล้วแต่เจชวนออกไปข้างนอกต่อ เธอจึงต้องออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมนึกขำในใจ ไม่รู้ว่าไอ้เจจะพาไปกินเหล้าที่ไหน เพื่อนผมมันแสบได้เรื่องดีจริง ๆพอถึงห้อง โบว์ก็ถามผมอย่างอ้อมแอ้มด้วยความอายว่า อาจารย์ว่าอย่างไรบ้าง ผมยิ้มแล้วเปิดเสียงบทสนทนาทั้งหมดให้ฟัง ดูโบว์ตกใจอย่างมากที่ผมกล้าทำและพูดกับอาจารย์แบบนั้น เธอเล่าให้ฟังว่าอาจารย์คนนี้มีชื่อเสียงด้านมืดมานานแล้ว ไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัวเอง ผมบอกเธอว่ามันต้องมีใครสักคนกล้าทำแบบนี้ ไม่งั้นอาจารย์ก็จะเหิมเกริมทำกับนักศึกษาสาว ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ“ขอบคุณแพมมากนะ” โบว์บอก สาวน้อยน้ำตาซึมลงอาบแก้มผมใช้มือปาดน้ำตาออก โบว์ซบลงที่ไหล่ของผม ผมกอดเธอไว้ เรือนร่างของโบว์นุ่มดีเหลือเกิน ผมปล่อยให้เธอระบายความอัดอั้นจนพอใจเส้นผมและกลิ่นกายของโบว์หอมกรุ่น ทำเอาใจเต้นแรงขึ้นมา ผมสูดดมความหอมหวานที่ไรผมข้างแก้ม จูบเบาๆ แล้วไล้ปากมาที่พวงแก้มเนียน หอมเบาๆ มาถึงติ่งหูจนโบว์เอียงคอหนี ผมสัมผัสได้ว่าเธอขนลุกไปทั้งแขน แต่ไม่ได้ผละหนีใด ๆ ผมจูบไซ้ที่แก้มเนียนนั้นแล้วไล้ไปถึงหลังใบหู สาวน้อยตัวเกร็ง“นี่...แพม”เธอเรียกชื่อผม
“โห...กินเหล้ามาเหรอ” ผมถาม“อืออ...เจเค้าชวนไปน่ะ” เธอพูดแล้วเดินเข้ามาในห้อง “แต่แปลกอะ...แพมกินตั้งเยอะยังไม่ค่อยเมาเลย”แหงล่ะ ก็เธออยู่ในร่างผมนี่นา ผมเป็นคนกินเหล้าเยอะอยู่แล้ว ผมปิดประตูแล้วถาม“แล้วไอ้เจล่ะ”“ยังนั่งกินเหล้ากันอยู่ที่ร้านเลย” เธอบอกแล้วเดินมานั่งบนเตียง“ไปแถวไหนกันมาเนี่ย..” ผมถามแบบขำๆ ก่อนจะมานั่งบนเตียงข้างๆ เธอ“เจเค้าพาไปเลานจ์น่ะ กับพวกพี่แดง พี่พจน์” แพมในร่างของผมพูด “พวกนั้นลามกมาก..”ผมหัวเราะออกมา ว่าแล้วว่าไอ้เจต้องทำอะไรแผลง ๆ“เหรอ แล้วสนุกมั้ยล่ะ” ผมถาม แพมหันมามองหน้าผม“ก็...ก็...สนุกดี...แพมไม่เคยไป... แต่มัน”เธอพูดแล้วชะงักไว้แค่นั้น“แต่มันอะไรเหรอ” ผมถาม“มันแปลก ๆ”แพมพูดแล้วนิ่งเงียบ ผมเอียงคอมองใบหน้าของผมเอง หน้าคล้ำๆ ตอนนี้ก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมถามว่าแปลกยังไง เธอนิ่งไปครู่นึงแล้วเอ่ยเบา ๆ“มัน...มันแข็งอะ” เธอบอก ผมตาโตแล้วถามทันที“อะไรแข็ง” แพมอ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากพูด ผมถามอีก “เกิดอะไรขึ้นเหรอแพม”เธอก้มลงมองเป้ากางเกงตัวเองแล้วพูดแบบเขิน ๆ“พอมีผู้หญิงมานั่งตัก หรือมากอด...มันก็แข็งเลย” เธอสารภาพ ไม่รู้ว่าผมจะหัวเราะหรือสงสารเ
เวลาผ่านไปอีกวัน เราสองคนพยายามทำความคุ้นเคยในการทำหน้าที่สลับกัน แต่ที่ผมลำบากใจก็คือ การต้องเจอกับไอ้พี่พอลด้วย แพมบอกว่าผมต้องไปงานแต่งงานเพื่อนของพี่พอลในคืนวันพรุ่งนี้ แพมอ้อนวอนให้ผมไปเพราะดูแล้วเธอเองก็คงชอบ ๆ พี่พอลอยู่เหมือนกัน จึงไม่อยากให้ผมปฏิเสธเขาแพมเตรียมชุดมาให้ผมใส่ด้วย มันเป็นชุดแส็กเดรสกระโปรงสั้นสีดำ ผมลองใส่อย่างไม่เต็มใจเอาเสียเลย ถึงแม้ร่างกายจะเป็นสาวสวยหุ่นดีเพียงใด ใส่แล้วสวยขนาดไหน แต่ผมก็ยังรู้สึกแบบผู้ชายจึงช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบากใจ แต่แพมก็ขอร้องว่างานนี้พลาดไม่ได้เพราะเป็นงานแต่งเพื่อนสนิทของพี่พอล ต้องดูดีหน่อย ผมก็ต้องยอมเลยตามเลย พอลองสวมดูแล้วก็แปลกใจที่ชุดเดรสมันพอดีตัวเป๊ะ แพมบอกว่าชุดนี้ตัดมาเป็นพิเศษเลย ความรัดรูปกำลังดีทำให้อวดสัดส่วนทรวดทรงของสาวสวยอย่างชัดเจน เอวคอดกิ่วกับสะโพกกลมกลึง หน้าอกไม่ต้องพูดถึงเพราะโชว์เนินวับ ๆ แวม ๆ จนแทบจะก้มไม่ได้เลยทีเดียว ผมหมุนตัวไปมาหน้ากระจกแล้วรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด ใส่ชุดสวย ๆ แล้วทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้อย่างไรก็ไม่อาจหาคำตอบได้ หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งอารมณ์แบบผู้หญิง ใส่ชุดสวยแล้วมั่นใจเต็มร้อยแต่
“ฝนจะตกอะไรทุกเย็นวะเนี่ย”ผมสบถโทษฟ้าฝน ก่อนวิ่งเข้าอพาร์ทเมนท์ของตนเอง ตัวเปียกมะล่อกมะแล่กหัวจรดเท้า ขณะกำลังไล่น้ำออกจากรองเท้าอยู่นั้น ก็เห็นสาวสวยนักศึกษาลงมาจากรถยนต์คันหรู...เธอชายตามองผมด้วยหางตา ผมลอบมองหุ่นระทวยตามไปจนเธอเดินขึ้นลิฟต์ไปใคร ๆ ก็เรียกผมว่า “ไอ้เป้ง” เพราะผมเป็นพนักงานออฟฟิศจน ๆ คนหนึ่งในฝ่ายเดินเอกสาร หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแมสเซนเจอร์แต่ประจำอยู่ในออฟฟิศนั่นล่ะครับ ทำหน้าที่เดินแจกจดหมาย เอกสาร และยังทำงานอื่น ๆ จิปาถะในออฟฟิศ ตั้งแต่ซ่อมเครื่องปรินเตอร์ไปจนถึงช่วยเปลี่ยนหลอดไฟด้วยความที่ตอนเรียนหนังสือผมไม่ได้ตั้งใจสักเท่าไหร่ สอบเข้ามหาลัยดัง ๆ ก็ไม่ได้ จบออกมา 3-4 ปีแล้วก็เลยหางานทำยากหน่อย จนต้องเป็นพนักงานออฟฟิศต๊อกต๋อยไปวัน ๆผมไม่ใช่แค่เป็นพนักงานจน ๆ เท่านั้นนะครับ แต่ยอมรับว่าหน้าตาของผมก็ไม่ได้เรื่องได้ราวเสียด้วย ด้วยความเป็นเด็กต่างจังหวัด รูปร่างหน้าตาสามัญประจำบ้าน ไม่ค่อยมีผู้หญิงเหลียวมอง มีแต่ผมที่ชอบมองสาว ๆ สวย ๆ ขาว ๆ หมวย ๆ และยิ่งเป็นสาวนักศึกษาด้วยแล้ว ผมยิ่งเหลียวมองจนบางครั้งถูกมองกลับด้วยหางตาแบบเหยียดหยามกันเลยทีเดียวอพาร์ทเมนท์ที่ผ
ผมลืมตาขึ้นด้วยอาการปวดหัวตุบ ๆ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หายใจไม่ออก แน่นท้อง ปวดเนื้อปวดตัว เวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ พอสติกลับคืนมาเล็กน้อย ผมก็รู้ตัวแล้วว่ายังอยู่ในห้องของแพมตายแล้วกู ผมจับต้นชนปลายได้แล้ว ความเมาทำให้ผมเหิมเกริม หมายจะบุกยัดเยียดขืนใจมอบความเป็นผัวให้นักศึกษาสาว แต่กลับพลาดท่าตกเตียงจนสลบ รู้สึกหวาดกลัวที่จะถูกตำรวจจับจนตัวสั่นสะท้านพอชันตัวขึ้นได้ ผมก็จะลุกขึ้น แต่มีแขนผู้ชายวางพาดบนตัวของผม ผมดึงออกอย่างยากลำบากเพราะเรี่ยวแรงหดหาย ชายคนนั้นนอนตะแคงหันหลังให้ผม รูปร่างผอม พอผมยืนขึ้นมาได้ก็มานั่งแปะอยู่บนขอบเตียง มือกุมขมับเพราะรู้สึกปวดหัวผมมองชายที่กำลังนอนอยู่เหมือนไม่ได้สติด้วยความสงสัย แต่พอเขม้นมองอีกครั้ง ใจผมก็หายวาบนั่นมันตัวผมเองที่นอนอยู่กับพื้น!ผมตกใจแทบสิ้นสติ ก้มลงมองตัวเอง ตอนนี้ผมอยู่ในชุดนักศึกษาสาวยับยู่ยี่ กระโปรงสั้นร่นขึ้นมาถึงโคนขา ผมนิ่งอึ้งไปเกือบนาทีราวถูกสาบ ก่อนจะพยายามรวบรวมสติที่ใกล้จะแตกเป็นเสี่ยง ผมคงกำลังฝันไปเป็นแน่ นี่คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินสโลสเลไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งภาพสะท้อนตรงหน้าไม่ใช่ผม
ผมสะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความหวังว่าผมจะคืนร่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะผมยังอยู่ในร่างของน้องแพม ส่วนร่างของผมยังนอนหลับไม่ได้สติ หายใจเป็นจังหวะเหมือนคนหลับลึก ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ คราวนี้ผมรู้วิธีการรวบผมไว้ไม่ให้เปียกเพราะมันแห้งยากเหลือเกิน ผมไม่อาจเข้าใจได้ว่าสาวๆ เค้าใช้ชีวิตอยู่กันได้อย่างไรในการที่ต้องทำผมให้แห้งทุกวันแบบนี้ถัดจากอาบน้ำ ผมก็ต้องมาแต่งตัวซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน โดยเฉพาะการใส่บราที่ทุลักทุเล หน้าอกหน้าใจอวบใหญ่ของแพมทำให้รู้สึกอึดอัดยังไงบอกไม่ถูก แต่เมื่อสวมบราเข้าที่แล้วผมก็รู้สึกดีขึ้น ก่อนที่จะต้องมาใส่ชุดนักศึกษาที่ต้องใช้เวลาทำใจและทำตัวให้คุ้นชินอยู่สักพัก เพราะเสื้อมันตัวเล็กและรัดลำตัวมาก ส่วนกระโปรงก็สั้น แถมยังผ่าด้านหลังอีกไม่ว่าจะลุกยืนหรือทรุดตัวลงนั่ง ทำอย่างไรก็ดูเหมือนจะโป๊ตลอดเวลา ต้องลองลุกและนั่งอยู่หลายครั้งถึงจะรู้วิธี และผมก็ต้องหนีบเข่าให้ชิดกันโดยอัตโนมัติเพราะกางเกงชั้นในทำท่าจะปรากฎสู่สายตาสาธารณชนอยู่เรื่อยแน่นอนว่าผมไม่รู้วิธีแต่งหน้าหรือทาแป้งทาครีมแบบที่ผู้หญิงเค้าทำกันหรอกครับ ลำพังแ
ผมเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียหลังจากช่วยตัวเองเสร็จสมสองครั้งติด ๆ กัน พอตื่นขึ้นก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมกลัดกระดุมนักศึกษาเข้าที่เดิม จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนต้องมานั่งหวีอยู่หน้ากระจกจ้องมองน้องแพมในเงาสะท้อน เธอช่างมีเค้าโครงหน้าที่เพอร์เฟคและสวยอะไรเช่นนี้ มองตากลมโตที่มีแววขี้เล่น คิ้วโก่งอย่างเหมาะเจาะ จมูกมีสันโด่งรับลงมาถึงเรียวปากกระจับ สองแก้มมีเลือดฝาดจาง ๆก่อนที่จะค่ำมืด ผมแอบเข้าไปในห้องของตัวเองตอนที่ไอ้เจยังไม่กลับ หวังจะเข้าไปเอาแล็ปท็อปของตัวเองมาใช้ในห้องของแพม แต่ก่อนที่ผมหันหลังกำลังจะเดินออกมาจากห้อง ไอ้เจยืนอยู่หน้าประตูห้อง มองหน้าผมด้วยความงุนงงเต็มประดาผมในร่างน้องแพมก็ยืนนิ่งอึ้งเช่นกัน ในมือถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์อยู่ ใครก็ตามมาเห็นตอนนี้ก็ต้องคิดว่าผมในร่างนักศึกษาสาวสวยคงกำลังขโมยคอมพิวเตอร์อยู่เป็นแน่“ทำอะไรน่ะ...?”ไอ้เจถามเสียงเข้ม ผมอึกอัก“ปะ...เปล่า..” ผมหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำอย่างไร“จะเอาคอมนั่นไปไหน...เอ.. น้องนี่ที่อยู่ในห้องตรงนู่นนี่...”ไอ้เจพูด มันกับผมรู้ว่าแพมอยู่ห้องไหน ผมเงียบ มันพูดต่อ“ขโมยของเหรอ” ไอ้เจถามโต้
ตอนแรกผมลังเลที่จะออกไปข้างนอกตามคำชวนของมันเพราะไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร แต่ไอ้เจก็บอกว่า ผมต้องออกไปเปิดหูเปิดตาและทำตัวให้คุ้นชินกับการอยู่ในร่างของน้องแพมบ้างไอ้เจชวนผมออกไปกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงานของมัน มันถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าของแพมแล้วเลือกชุดใหม่ให้ผมอีกต่างหากเพราะเกรงว่าชุดนักศึกษาจะเข้าร้านอาหารกึ่งผับไม่ได้ ผมต้องสวมกางเกงขาสั้นกุดที่ชายกางเกงค่อนข้างบานของน้องแพม เปลี่ยนเสื้อนักศึกษาเป็นเสื้อยืดรัดรูปตามที่มันเลือกให้ ไอ้เจเห็นแล้วจุ๊ปาก มันบอกคนสวยใส่อะไรก็สวยแฮะ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับมันเท่าไหร่ที่จะแต่งตัวแบบนี้ เพราะอยากใส่กางเกงขายาวมากกว่า“ใส่แบบนี้แหละ...หุ่นดี ขาสวยแบบนี้ก็ต้องโชว์หน่อย ปกติมึงก็ไม่มีหมามองอยู่แล้วนี่หว่า คราวนี้ผู้ชายได้มองกันทั้งร้าน” ไอ้เจพูด แล้วหัวเราะร่ามันขับรถไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากอพาร์ทเมนท์มากนัก พอไปถึง เพื่อนของไอ้เจนั่งกินกันอยู่ก่อนแล้ว มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เห็นแล้วผมอยากจะกลับบ้านเลยเพราะแทบจะไม่มีสาว ๆ เป็นอาหารตา จะมีก็แต่พริตตี้เชียร์เบียร์ที่เดินกันขวักไขว่ มิน่าล่ะ ร้านนี้ผู้ชายถึงเยอะก็เพราะพริตตี้เยอะนี่เองเพื่อ