ผมสะดุ้งตื่นเช้ามืด เมื่อได้ยินเสียงไอแค่กๆ ดังมาจากข้างเตียง ผมชะโงกดูก็เห็นร่างของผมกระสับกระส่าย มือขยับมาวางที่หน้าอก
“น้ำ...”
เสียงแหบ ๆ ดังมา ผมรีบผวาไปหยิบน้ำมาค่อย ๆ กรอกใส่ปาก จนร่างของผมสงบลง ผมเขย่าตัวเบาๆ
“เป็นไงบ้าง”
ผมถามเบา ๆ ดวงตาของร่างตรงหน้าลืมขึ้นช้า ๆ ปรือมองผมแล้วจ้องมองแน่นิ่ง สายตานั้นเหมือนยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมองไปที่เพดานและรอบข้างตัวเอง
“ที่ไหน...แพมอยู่ไหน” ร่างของผมถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“แพม...ก็อยู่ในห้องแพมไง” ผมตอบ
เหมือนแพมในร่างผมจะยังไม่ได้สติเต็มร้อย ผมนั่งจ้องมองหน้า นานหลายนาทีก่อนที่เธอจะทำตาโตเมื่อเห็นร่างของเธออยู่ตรงหน้า เธอผวาจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องทรุดตัวลงนอนอีกรอบ
“อย่าเพิ่งรีบลุก...น้องหลับไปตั้งสองวันสองคืน” ผมบอก
“เกิดอะไรขึ้น ทำไม แพม...คุณ..ทำไมเป็นแบบนี้”
แพมถาม เธอทำตาโต ดูเหมือนเธอจะจำไม่ได้ที่ผมบุกเข้ามาปลุกปล้ำในห้องของเธอ
“เรื่องมันยาวน่ะครับ”
ผมพูด แพมพยายามยันตัวเองลุกขึ้น เธอสำรวจร่างกายของตนเองซึ่งก็คือร่างของผมนั่นแหละ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ เธอรู้ตัวแล้วว่าอยู่ในห้องของเธอเอง ก่อนจะมาจ้องมองหน้าผม แล้วมองชุดที่ผมใส่ แล้วมองหน้าผมอีกรอบ
“แพมฝันไปใช่มั้ย” เธอถามเสียงสั่น
“เป็นฝันก็ดีสิ...แต่ไม่ใช่เลย เราสลับร่างกัน...ได้ยังไงก็ไม่รู้” ผมพูด แพมมองหน้าผมแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “แต่ใจเย็น ๆ นะครับ เรามาช่วยกันแก้ปัญหาได้”
“แก้ปัญหาอะไรอะ จะแก้ยังไง” แพมพูดพลางขมวดคิ้ว ทำหน้าตื่น ส่วนผมหน้าเจื่อน เธอหันรีหันขวาง “เดี๋ยวนะ แพมมีสอบไม่ใช่เหรอ”
ผมบอกเธอว่าผมไปสอบให้แล้ว “จะบ้าเหรอ นั่นวิชาโหดหินเลยนะ...คุณจะทำได้เหรอ”
ผมแสร้งบอกไปว่าก็พอทำได้ ร่างของผมดูผอมซูบลงไปเมื่อหลับไปสองคืนเต็ม ๆ แพมในร่างผมนั่งคอตกแบบหมดอาลัยตายอยาก
“แล้วนี่เราจะทำยังไง...แพมจะทำยังไง”
“ใจเย็น ๆ นะ วันนี้วันเสาร์ ยังมีเวลาเสาร์อาทิตย์...พอวันจันทร์คุณต้องไปทำงาน ...ส่วนผมก็ต้องไปเรียนแทนคุณ”
ผมพูด แพมมองหน้าผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าต้องเป็นแบบนี้
กว่าที่ผมจะพูดปลอบใจแพมให้สงบลงได้ก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง กว่าที่ผมจะเกลี้ยกล่อมให้เธอไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายของผมก็เกือบชั่วโมงอีกเช่นกัน เธอทำท่าขยะแขยงอย่างมากที่ต้องสัมผัสร่างกายของผม ก็แน่ล่ะ จากเรือนร่างขาวโพลนตึงแน่น อยู่ดี ๆ ต้องมาอาบน้ำในร่างคล้ำ ๆ ของผม เป็นใครก็คงรับไม่ได้ แต่เดี๋ยวเธอก็ชินไปเองล่ะ ผมว่า
“แล้วมีใครรู้เรื่องนี้อีกมั้ย”
เธอถามหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ผมส่ายหัว แน่ล่ะผมโกหกเธอ เพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าไอ้เจเพื่อนผมมันก็รู้ แถมยังได้เห็นรูปร่างเปลือยเปล่าและยังใช้นิ้วจนเปียกแฉะไปแล้วด้วย เธอถอนหายใจออกมา พอผมจะไปอาบน้ำบ้างเธอทำท่าตกใจ แล้วบอกไม่ได้ ๆ จะเห็นรูปร่างของแพมได้ยังไง ผมบอกเธอว่าผมอาบไปหลายครั้งแล้วล่ะหรืออยากให้หมักหมมล่ะ แพมทำหน้าเหมือนเห็นผี ปล่อยให้ผมเดินเข้าไปอาบน้ำแต่โดยดี
หลังจากเราสองคนออกไปกินข้าวเช้ากันใกล้ ๆ อพาร์ทเมนท์ ก็กลับมานั่งคุยกันถึงรายละเอียดของกันและกัน แพมเล่าให้ฟังเกี่ยวกับคณะที่เรียน กำหนดการเรียนของเทอมนี้ บ้านพ่อแม่ที่อยู่ภาคเหนือ และเรื่องอื่น ๆ ผมพยักหน้าหงึก ๆ แล้วถามเธอว่า แล้วหนุ่ม ๆ ล่ะ แล้วพี่พอลล่ะ แพมตกใจ
“เจอพี่พอลแล้วเหรอ” เธอถาม ผมพยักหน้า แพมหน้าเสีย “แล้วไปทำอะไรน่าเกลียดหรือเปล่า”
ผมส่ายหัว เธอถอนหายใจแล้วบอก พี่พอลเป็นคนที่มาจีบเธอ แต่เธอยังไม่โอเคกับเขาสักเท่าไหร่
“ไม่โอเคอะไร...มันมาจับขาด้วย”
ผมพูด แพมอึ้งไป
“ก็...ก็...มันนิดหน่อยน่ะ..ก็ต้องมีบ้างปะ”
เธอบอกแบบเขิน ๆ ผมหัวเราะ ก่อนจะเล่าเรื่องของผมให้ฟังบ้าง ซึ่งไม่มีความน่าสนใจแม้แต่น้อย ทั้งชีวิตการทำงานและเรื่องส่วนตัว ก่อนจะบอกว่า ต่อไปนี้ แพมในร่างผมต้องไปนอนในห้องเดียวกับไอ้เจ เพราะผมบอกไปว่าผมไปเที่ยวต่างจังหวัด ตอนแรกแพมไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยไปตามสถานการณ์ เราสองคนผลัดกันเล่าเรื่องราวแลกเปลี่ยนกันตลอดทั้งสองวัน โดยไม่ได้ออกไปไหนเลย
เย็นวันอาทิตย์ แพมในร่างของผมแกล้งทำเป็นถือกระเป๋าเป้กลับเข้าห้องไปเจอไอ้เจ ซึ่งผมเตี๊ยมกับมันเรียบร้อยแล้ว มันประหลาดใจอยู่เหมือนกันที่อยู่ดี ๆ แพมในร่างผมก็ตื่นขึ้นมาซะอย่างนั้น
เช้าตรู่วันจันทร์ แพมมาหาที่ห้องตั้งแต่เช้าเพราะเธอบอกว่าจะมาแต่งตัวและแต่งหน้าให้ก่อนไปเรียน ผมคิดว่าดีเหมือนกัน เพราะผมทำไม่เป็นอยู่แล้ว และนี่ก็เป็นร่างกายของเธอด้วย เธออยากจะทำอะไรก็ตามใจ
“อย่าไปคุยกับผู้ชายสุ่มสี่สุ่มห้านะ”
เธอกำชับ ผมบอกว่าผมเป็นผู้ชายจะไปคุยกับผู้ชายทำไมล่ะ ผมเข้าใจว่าเธอห่วงภาพลักษณ์การเป็นดาวคณะของเธอ แพมบอกด้วยว่า รู้สึกแปลกพิลึกที่ต้องอยู่ในห้องกับผู้ชาย แถมไอ้เจยังมองเธอแบบแปลก ๆ ผมแกล้งหัวเราะแล้วบอกอย่าคิดมาก
ผมออกไปที่มหาลัย การกลับมาเป็นนักศึกษาอีกครั้งก็ดีอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องเครียดกับเรื่องงานเลย ผมใช้เวลาไม่นานก็เริ่มคุ้นชินต่อสายตาผู้ชายที่จ้องมองมา ส่วนผมเองก็ลอบมองนักศึกษาสาว ๆ อยู่เหมือนกัน แถมยังได้อยู่ใกล้ชิดกับสาวๆ อีก มันดีตรงนี้แหละ
แต่ชั่วโมงเรียนวันนี้ใช้เวลาเกือบทั้งวันจนผมรู้สึกเหนื่อยอยู่เหมือนกัน หลังเลิกเรียนช่วงเย็น โบว์บอกว่าอาจารย์ประจำวิชาที่ผมเพิ่งสอบไปเมื่อวันก่อนเรียกพบทั้งแพมและโบว์ เราสองคนไปที่ห้องของอาจารย์ โบว์เข้าไปพบก่อน
ระหว่างรอโบว์พบกับอาจารย์ซึงนานพอสมควร แพมกับผมคุยไลน์กันตลอด เธอบอกว่างานน่าเบื่อมาก ทนทำอยู่ได้ไง ผมบอกให้ทนไปก่อน จนกว่าจะหาทางสลับร่างคืนได้ ดูแล้วเธอเซ็งอย่างมาก เธอถามผมว่าทำไมยังไม่กลับห้อง ผมบอกรอพบอาจารย์ พอเธอรู้ชื่ออาจารย์ ดูจะตกใจพอสมควร เธอบอกว่าระวังนะ อาจารย์คนนี้มีชื่อเสียงในด้านไม่ดี
ยังไม่ทันที่ผมจะถามต่อ โบว์ก็เดินออกมาจากห้องอาจารย์ เธอตาแดงก่ำเหมือนเพิ่งร้องไห้ กระซิบบอกผมว่าเดี๋ยวรอกลับด้วยกันนะ ผมพยักหน้าแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง
อาจารย์รูปร่างท้วม เขานั่งอยู่ที่โต๊ะ มองลอดแว่นมาที่เรือนร่างของแพม สายตาของเขามองแพมในชุดนักศึกษาหัวจรดเท้า
“เชิญนั่ง”
อาจารย์พูดด้วยเสียงเรียบเฉย ผมนั่งลงข้างโต๊ะอาจารย์ด้วยความสงบเสงี่ยม แกเปิดเอกสารบางอย่างดูสลับไปมาแล้วพูด
“คุณทำข้อสอบไม่ได้เลยนี่”
แกพูดโดยไม่มองหน้า ผมนั่งเงียบ ก็จริงของแก ผมแทบจะทำไม่ได้เลย ก็ผมไม่ได้เรียน และไม่ได้อ่านหนังสือมาเลยนี่นา ผมไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ จึงได้แต่นั่งเงียบ
อาจารย์เหลือบมองแวบหนึ่ง แกปราดตามองหน้าอกอวบใต้ชุดนักศึกษา แล้วมองผ่านๆ ไปที่เรียวขา กระโปรงนักศึกษาสั้นเต่อ เลิกสูงขึ้นมาอีกเมื่อนั่งแบบนี้...
“อืมม...” แกกระแอม “ถ้าคะแนนเป็นแบบนี้ก็ติดเอฟแน่นอน”พูดจบก็มองลอดแว่นมาที่ผม ผมหน้าเสีย ถ้าติดเอฟก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับแพมแน่ กลายเป็นว่าผมจะทำให้อนาคตของแพมเสียหลังจากอยู่ในร่างเธอไม่กี่วันเท่านั้น ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร แกก็พูดต่ออีก“ติดเอฟนี่เรื่องใหญ่นะ วิชานี้เปิดแค่เทอมเดียว ต้องรออีกหนึ่งปีถึงจะลงเรียนใหม่ได้”อาจารย์พูด แกหันมามองหน้าผม โบว์คงจะรู้ว่าเธอจะติดเอฟด้วย เธอถึงร้องห่มร้องไห้จนตาแดงแบบนั้น จริงๆ แล้วถ้าเป็นผมเองก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ เพราะตอนเรียนก็ติดเอฟอยู่หลายตัว แต่นี่ไม่ใช่ เพราะมันคืออนาคตของแพม“จริงเหรอคะ”ผมพูดได้แค่นั้น อ้ำอึ้งจนไม่รู้จะทำยังไงต่อ“ใช่...” อาจารย์พูดเสียงแข็ง แกเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “แต่ก็ยังมีทางแก้ไขนะ...”ผมมองหน้าอาจารย์ คราวนี้แกถอดแว่นออกแล้วจ้องหน้าผม ก่อนจะเหลือบสายตาลงต่ำมองที่หน้าอกอีกรอบแบบจงใจ ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วว่าทางแก้ไขของแกหมายถึงอะไร อาจารย์มองหน้าผมอีกรอบเหมือนจะหยั่งเชิง ผมอึ้งไปสักพัก ไม่คิดว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้“อาจารย์...อาจารย์หมายถึงอะไรคะ” ผมถาม เขายิ้มแล้วพูด“ตามใจอาจารย์สักหน
แพมในร่างของผมไลน์มาบอกว่า เธอกลับถึงห้องแล้วแต่เจชวนออกไปข้างนอกต่อ เธอจึงต้องออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมนึกขำในใจ ไม่รู้ว่าไอ้เจจะพาไปกินเหล้าที่ไหน เพื่อนผมมันแสบได้เรื่องดีจริง ๆพอถึงห้อง โบว์ก็ถามผมอย่างอ้อมแอ้มด้วยความอายว่า อาจารย์ว่าอย่างไรบ้าง ผมยิ้มแล้วเปิดเสียงบทสนทนาทั้งหมดให้ฟัง ดูโบว์ตกใจอย่างมากที่ผมกล้าทำและพูดกับอาจารย์แบบนั้น เธอเล่าให้ฟังว่าอาจารย์คนนี้มีชื่อเสียงด้านมืดมานานแล้ว ไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัวเอง ผมบอกเธอว่ามันต้องมีใครสักคนกล้าทำแบบนี้ ไม่งั้นอาจารย์ก็จะเหิมเกริมทำกับนักศึกษาสาว ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ“ขอบคุณแพมมากนะ” โบว์บอก สาวน้อยน้ำตาซึมลงอาบแก้มผมใช้มือปาดน้ำตาออก โบว์ซบลงที่ไหล่ของผม ผมกอดเธอไว้ เรือนร่างของโบว์นุ่มดีเหลือเกิน ผมปล่อยให้เธอระบายความอัดอั้นจนพอใจเส้นผมและกลิ่นกายของโบว์หอมกรุ่น ทำเอาใจเต้นแรงขึ้นมา ผมสูดดมความหอมหวานที่ไรผมข้างแก้ม จูบเบาๆ แล้วไล้ปากมาที่พวงแก้มเนียน หอมเบาๆ มาถึงติ่งหูจนโบว์เอียงคอหนี ผมสัมผัสได้ว่าเธอขนลุกไปทั้งแขน แต่ไม่ได้ผละหนีใด ๆ ผมจูบไซ้ที่แก้มเนียนนั้นแล้วไล้ไปถึงหลังใบหู สาวน้อยตัวเกร็ง“นี่...แพม”เธอเรียกชื่อผม
“โห...กินเหล้ามาเหรอ” ผมถาม“อืออ...เจเค้าชวนไปน่ะ” เธอพูดแล้วเดินเข้ามาในห้อง “แต่แปลกอะ...แพมกินตั้งเยอะยังไม่ค่อยเมาเลย”แหงล่ะ ก็เธออยู่ในร่างผมนี่นา ผมเป็นคนกินเหล้าเยอะอยู่แล้ว ผมปิดประตูแล้วถาม“แล้วไอ้เจล่ะ”“ยังนั่งกินเหล้ากันอยู่ที่ร้านเลย” เธอบอกแล้วเดินมานั่งบนเตียง“ไปแถวไหนกันมาเนี่ย..” ผมถามแบบขำๆ ก่อนจะมานั่งบนเตียงข้างๆ เธอ“เจเค้าพาไปเลานจ์น่ะ กับพวกพี่แดง พี่พจน์” แพมในร่างของผมพูด “พวกนั้นลามกมาก..”ผมหัวเราะออกมา ว่าแล้วว่าไอ้เจต้องทำอะไรแผลง ๆ“เหรอ แล้วสนุกมั้ยล่ะ” ผมถาม แพมหันมามองหน้าผม“ก็...ก็...สนุกดี...แพมไม่เคยไป... แต่มัน”เธอพูดแล้วชะงักไว้แค่นั้น“แต่มันอะไรเหรอ” ผมถาม“มันแปลก ๆ”แพมพูดแล้วนิ่งเงียบ ผมเอียงคอมองใบหน้าของผมเอง หน้าคล้ำๆ ตอนนี้ก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมถามว่าแปลกยังไง เธอนิ่งไปครู่นึงแล้วเอ่ยเบา ๆ“มัน...มันแข็งอะ” เธอบอก ผมตาโตแล้วถามทันที“อะไรแข็ง” แพมอ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากพูด ผมถามอีก “เกิดอะไรขึ้นเหรอแพม”เธอก้มลงมองเป้ากางเกงตัวเองแล้วพูดแบบเขิน ๆ“พอมีผู้หญิงมานั่งตัก หรือมากอด...มันก็แข็งเลย” เธอสารภาพ ไม่รู้ว่าผมจะหัวเราะหรือสงสารเ
เวลาผ่านไปอีกวัน เราสองคนพยายามทำความคุ้นเคยในการทำหน้าที่สลับกัน แต่ที่ผมลำบากใจก็คือ การต้องเจอกับไอ้พี่พอลด้วย แพมบอกว่าผมต้องไปงานแต่งงานเพื่อนของพี่พอลในคืนวันพรุ่งนี้ แพมอ้อนวอนให้ผมไปเพราะดูแล้วเธอเองก็คงชอบ ๆ พี่พอลอยู่เหมือนกัน จึงไม่อยากให้ผมปฏิเสธเขาแพมเตรียมชุดมาให้ผมใส่ด้วย มันเป็นชุดแส็กเดรสกระโปรงสั้นสีดำ ผมลองใส่อย่างไม่เต็มใจเอาเสียเลย ถึงแม้ร่างกายจะเป็นสาวสวยหุ่นดีเพียงใด ใส่แล้วสวยขนาดไหน แต่ผมก็ยังรู้สึกแบบผู้ชายจึงช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบากใจ แต่แพมก็ขอร้องว่างานนี้พลาดไม่ได้เพราะเป็นงานแต่งเพื่อนสนิทของพี่พอล ต้องดูดีหน่อย ผมก็ต้องยอมเลยตามเลย พอลองสวมดูแล้วก็แปลกใจที่ชุดเดรสมันพอดีตัวเป๊ะ แพมบอกว่าชุดนี้ตัดมาเป็นพิเศษเลย ความรัดรูปกำลังดีทำให้อวดสัดส่วนทรวดทรงของสาวสวยอย่างชัดเจน เอวคอดกิ่วกับสะโพกกลมกลึง หน้าอกไม่ต้องพูดถึงเพราะโชว์เนินวับ ๆ แวม ๆ จนแทบจะก้มไม่ได้เลยทีเดียว ผมหมุนตัวไปมาหน้ากระจกแล้วรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด ใส่ชุดสวย ๆ แล้วทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้อย่างไรก็ไม่อาจหาคำตอบได้ หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งอารมณ์แบบผู้หญิง ใส่ชุดสวยแล้วมั่นใจเต็มร้อยแต่
“ฝนจะตกอะไรทุกเย็นวะเนี่ย”ผมสบถโทษฟ้าฝน ก่อนวิ่งเข้าอพาร์ทเมนท์ของตนเอง ตัวเปียกมะล่อกมะแล่กหัวจรดเท้า ขณะกำลังไล่น้ำออกจากรองเท้าอยู่นั้น ก็เห็นสาวสวยนักศึกษาลงมาจากรถยนต์คันหรู...เธอชายตามองผมด้วยหางตา ผมลอบมองหุ่นระทวยตามไปจนเธอเดินขึ้นลิฟต์ไปใคร ๆ ก็เรียกผมว่า “ไอ้เป้ง” เพราะผมเป็นพนักงานออฟฟิศจน ๆ คนหนึ่งในฝ่ายเดินเอกสาร หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแมสเซนเจอร์แต่ประจำอยู่ในออฟฟิศนั่นล่ะครับ ทำหน้าที่เดินแจกจดหมาย เอกสาร และยังทำงานอื่น ๆ จิปาถะในออฟฟิศ ตั้งแต่ซ่อมเครื่องปรินเตอร์ไปจนถึงช่วยเปลี่ยนหลอดไฟด้วยความที่ตอนเรียนหนังสือผมไม่ได้ตั้งใจสักเท่าไหร่ สอบเข้ามหาลัยดัง ๆ ก็ไม่ได้ จบออกมา 3-4 ปีแล้วก็เลยหางานทำยากหน่อย จนต้องเป็นพนักงานออฟฟิศต๊อกต๋อยไปวัน ๆผมไม่ใช่แค่เป็นพนักงานจน ๆ เท่านั้นนะครับ แต่ยอมรับว่าหน้าตาของผมก็ไม่ได้เรื่องได้ราวเสียด้วย ด้วยความเป็นเด็กต่างจังหวัด รูปร่างหน้าตาสามัญประจำบ้าน ไม่ค่อยมีผู้หญิงเหลียวมอง มีแต่ผมที่ชอบมองสาว ๆ สวย ๆ ขาว ๆ หมวย ๆ และยิ่งเป็นสาวนักศึกษาด้วยแล้ว ผมยิ่งเหลียวมองจนบางครั้งถูกมองกลับด้วยหางตาแบบเหยียดหยามกันเลยทีเดียวอพาร์ทเมนท์ที่ผ
ผมลืมตาขึ้นด้วยอาการปวดหัวตุบ ๆ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หายใจไม่ออก แน่นท้อง ปวดเนื้อปวดตัว เวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ พอสติกลับคืนมาเล็กน้อย ผมก็รู้ตัวแล้วว่ายังอยู่ในห้องของแพมตายแล้วกู ผมจับต้นชนปลายได้แล้ว ความเมาทำให้ผมเหิมเกริม หมายจะบุกยัดเยียดขืนใจมอบความเป็นผัวให้นักศึกษาสาว แต่กลับพลาดท่าตกเตียงจนสลบ รู้สึกหวาดกลัวที่จะถูกตำรวจจับจนตัวสั่นสะท้านพอชันตัวขึ้นได้ ผมก็จะลุกขึ้น แต่มีแขนผู้ชายวางพาดบนตัวของผม ผมดึงออกอย่างยากลำบากเพราะเรี่ยวแรงหดหาย ชายคนนั้นนอนตะแคงหันหลังให้ผม รูปร่างผอม พอผมยืนขึ้นมาได้ก็มานั่งแปะอยู่บนขอบเตียง มือกุมขมับเพราะรู้สึกปวดหัวผมมองชายที่กำลังนอนอยู่เหมือนไม่ได้สติด้วยความสงสัย แต่พอเขม้นมองอีกครั้ง ใจผมก็หายวาบนั่นมันตัวผมเองที่นอนอยู่กับพื้น!ผมตกใจแทบสิ้นสติ ก้มลงมองตัวเอง ตอนนี้ผมอยู่ในชุดนักศึกษาสาวยับยู่ยี่ กระโปรงสั้นร่นขึ้นมาถึงโคนขา ผมนิ่งอึ้งไปเกือบนาทีราวถูกสาบ ก่อนจะพยายามรวบรวมสติที่ใกล้จะแตกเป็นเสี่ยง ผมคงกำลังฝันไปเป็นแน่ นี่คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินสโลสเลไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งภาพสะท้อนตรงหน้าไม่ใช่ผม
ผมสะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความหวังว่าผมจะคืนร่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะผมยังอยู่ในร่างของน้องแพม ส่วนร่างของผมยังนอนหลับไม่ได้สติ หายใจเป็นจังหวะเหมือนคนหลับลึก ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ คราวนี้ผมรู้วิธีการรวบผมไว้ไม่ให้เปียกเพราะมันแห้งยากเหลือเกิน ผมไม่อาจเข้าใจได้ว่าสาวๆ เค้าใช้ชีวิตอยู่กันได้อย่างไรในการที่ต้องทำผมให้แห้งทุกวันแบบนี้ถัดจากอาบน้ำ ผมก็ต้องมาแต่งตัวซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน โดยเฉพาะการใส่บราที่ทุลักทุเล หน้าอกหน้าใจอวบใหญ่ของแพมทำให้รู้สึกอึดอัดยังไงบอกไม่ถูก แต่เมื่อสวมบราเข้าที่แล้วผมก็รู้สึกดีขึ้น ก่อนที่จะต้องมาใส่ชุดนักศึกษาที่ต้องใช้เวลาทำใจและทำตัวให้คุ้นชินอยู่สักพัก เพราะเสื้อมันตัวเล็กและรัดลำตัวมาก ส่วนกระโปรงก็สั้น แถมยังผ่าด้านหลังอีกไม่ว่าจะลุกยืนหรือทรุดตัวลงนั่ง ทำอย่างไรก็ดูเหมือนจะโป๊ตลอดเวลา ต้องลองลุกและนั่งอยู่หลายครั้งถึงจะรู้วิธี และผมก็ต้องหนีบเข่าให้ชิดกันโดยอัตโนมัติเพราะกางเกงชั้นในทำท่าจะปรากฎสู่สายตาสาธารณชนอยู่เรื่อยแน่นอนว่าผมไม่รู้วิธีแต่งหน้าหรือทาแป้งทาครีมแบบที่ผู้หญิงเค้าทำกันหรอกครับ ลำพังแ
ผมเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียหลังจากช่วยตัวเองเสร็จสมสองครั้งติด ๆ กัน พอตื่นขึ้นก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมกลัดกระดุมนักศึกษาเข้าที่เดิม จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนต้องมานั่งหวีอยู่หน้ากระจกจ้องมองน้องแพมในเงาสะท้อน เธอช่างมีเค้าโครงหน้าที่เพอร์เฟคและสวยอะไรเช่นนี้ มองตากลมโตที่มีแววขี้เล่น คิ้วโก่งอย่างเหมาะเจาะ จมูกมีสันโด่งรับลงมาถึงเรียวปากกระจับ สองแก้มมีเลือดฝาดจาง ๆก่อนที่จะค่ำมืด ผมแอบเข้าไปในห้องของตัวเองตอนที่ไอ้เจยังไม่กลับ หวังจะเข้าไปเอาแล็ปท็อปของตัวเองมาใช้ในห้องของแพม แต่ก่อนที่ผมหันหลังกำลังจะเดินออกมาจากห้อง ไอ้เจยืนอยู่หน้าประตูห้อง มองหน้าผมด้วยความงุนงงเต็มประดาผมในร่างน้องแพมก็ยืนนิ่งอึ้งเช่นกัน ในมือถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์อยู่ ใครก็ตามมาเห็นตอนนี้ก็ต้องคิดว่าผมในร่างนักศึกษาสาวสวยคงกำลังขโมยคอมพิวเตอร์อยู่เป็นแน่“ทำอะไรน่ะ...?”ไอ้เจถามเสียงเข้ม ผมอึกอัก“ปะ...เปล่า..” ผมหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำอย่างไร“จะเอาคอมนั่นไปไหน...เอ.. น้องนี่ที่อยู่ในห้องตรงนู่นนี่...”ไอ้เจพูด มันกับผมรู้ว่าแพมอยู่ห้องไหน ผมเงียบ มันพูดต่อ“ขโมยของเหรอ” ไอ้เจถามโต้