ตอนแรกผมลังเลที่จะออกไปข้างนอกตามคำชวนของมันเพราะไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร แต่ไอ้เจก็บอกว่า ผมต้องออกไปเปิดหูเปิดตาและทำตัวให้คุ้นชินกับการอยู่ในร่างของน้องแพมบ้าง
ไอ้เจชวนผมออกไปกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงานของมัน มันถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าของแพมแล้วเลือกชุดใหม่ให้ผมอีกต่างหากเพราะเกรงว่าชุดนักศึกษาจะเข้าร้านอาหารกึ่งผับไม่ได้ ผมต้องสวมกางเกงขาสั้นกุดที่ชายกางเกงค่อนข้างบานของน้องแพม เปลี่ยนเสื้อนักศึกษาเป็นเสื้อยืดรัดรูปตามที่มันเลือกให้ ไอ้เจเห็นแล้วจุ๊ปาก มันบอกคนสวยใส่อะไรก็สวยแฮะ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับมันเท่าไหร่ที่จะแต่งตัวแบบนี้ เพราะอยากใส่กางเกงขายาวมากกว่า
“ใส่แบบนี้แหละ...หุ่นดี ขาสวยแบบนี้ก็ต้องโชว์หน่อย ปกติมึงก็ไม่มีหมามองอยู่แล้วนี่หว่า คราวนี้ผู้ชายได้มองกันทั้งร้าน” ไอ้เจพูด แล้วหัวเราะร่า
มันขับรถไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากอพาร์ทเมนท์มากนัก พอไปถึง เพื่อนของไอ้เจนั่งกินกันอยู่ก่อนแล้ว มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เห็นแล้วผมอยากจะกลับบ้านเลยเพราะแทบจะไม่มีสาว ๆ เป็นอาหารตา จะมีก็แต่พริตตี้เชียร์เบียร์ที่เดินกันขวักไขว่ มิน่าล่ะ ร้านนี้ผู้ชายถึงเยอะก็เพราะพริตตี้เยอะนี่เอง
เพื่อนของไอ้เจทำหน้างงที่เห็นสาวสวยเดินตามหลังมาด้วย แต่ละคนยิ้มกริ่มแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้ไอ้เจ ทำนองว่าพาเด็กใหม่มาอีกแล้ว หลังจากทักทายกันเรียบร้อยมันก็หันมาแนะนำผม
“นี่น้องแพม...”
ผมยิ้มแห้ง ๆ แล้วยกมือไหว้เพื่อนไอ้เจอย่างเสียไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ปกติผมไม่ค่อยไหว้ใครหรอกครับ ไอ้เจแนะนำพี่ ๆ ที่ทำงานของมันซึ่งผมก็รู้จักบางคนอยู่แล้ว
“นี่พี่จีน...พี่สอง...พี่พจน์...แล้วก็พี่แดง”
ผมรู้จักพี่พจน์กับพี่แดง สองคนนี้แก่กว่าผมหลายปี น่าจะราว 40 เป็นพวกคอทองแดงขนานแท้ ดื่มหนักและโผงผางเสียงดัง แถมไอ้เจเล่าว่าพี่พจน์กับพี่แดงยังเป็นเสือผู้หญิงตัวพ่อ ส่วนพี่จีนกับพี่สองนี่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก ดูแล้วน่าจะอายุไล่เลี่ยกับผมและไอ้เจ พอแนะนำตัวกันเสร็จ ไอ้เจก็เสิร์ฟเบียร์ทันที ตอนแรกผมอยากจะขอแค่น้ำเปล่า แต่จิบเบียร์แก้เซ็งหน่อยก็ดีเหมือนกัน
ปกติแล้ว ผมก็เป็นพวกดื่มหนักอยู่เหมือนกัน เบียร์ 3-4 ขวดทำผมแค่มึน ๆ ตึง ๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้ผมอยู่ในร่างน้องแพม สาวนักศึกษาเรือนร่างบอบบางอ้อนแอ้น ผมคาดไม่ถึงว่าเบียร์แค่ 3-4 อึกก็ทำเอาหน้าร้อนเสียแล้ว เพื่อน ๆ ของไอ้เจคุยกันสนุกสนานเฮฮา ดนตรีสดเล่นเพลงไปเรื่อยเปื่อย
“น้องแพมยังเรียนอยู่เหรอครับ” พี่พจน์เอ่ยถาม ผมพยักหน้าแล้วยิ้มแห่ะๆ “แล้วไปรู้จักกับไอ้เจได้ยังไงล่ะนี่”
พี่พจน์ถามต่อ ผมหันไปมองหน้าไอ้เจ มันตอบให้ว่าเป็นเพื่อนของน้องนักศึกษาฝึกงานที่ออฟฟิศ พี่พจน์และพี่แดงยังชวนผมคุยต่อ ผมก็พยักเพยิดรับฟังไปตามเรื่อง ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ออกจะรำคาญมากกว่า เพราะรู้ดีว่าสองคนนี้หน้าหม้อทั้ง ๆ ที่มีเมียเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว
พอเบียร์เข้าสู่แก้วใบโตแก้วที่สอง ผมก็รู้สึกมึน ๆ กรึ่ม ๆ ราวกับกินไป 3-4 ขวดแล้ว ไอ้เจหันมามองหน้าผม มันกระซิบข้างหูบอกว่าผมหน้าแดงแล้ว ผมกระซิบบอกมันว่า อยู่ในร่างน้องแพมแล้วรู้สึกเมาเร็วกว่าเดิมหลายเท่า มันหัวเราะออกมาแล้วส่ายหัว
“พี่แดงมองมึงใหญ่เลย” มันกระซิบบอกอีก
ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าทั้งพี่พจน์และพี่แดง มองหน้าอกอวบที่ดันเสื้อยืดรัดรูปออกมาเป็นก้อนอยู่เป็นระยะจนผมรู้สึกรำคาญ ผมเองก็ยอมรับว่าชอบมองทั้งนม ก้น และขาของสาว ๆ แต่ก็ต้องมีศิลปะในการมองหน่อย ไม่ใช่มองกันโต้ง ๆ แบบนี้
อยู่ดี ๆ ไอ้เจมันก็วางมือลงบนต้นขาขาวเนียนของแพม ซึ่งตอนนี้ก็เป็นขาของผมนั่นแหละ ผมดึงมือมันออกแล้วขยับปากถาม ทำอะไรของมึง ไอ้เจไม่สนใจมันขยับมือมาวางอีก ผมก็ดึงมือมันออกอีก แล้วจ้องมองหน้ามันเขม็ง ส่งสัญญาณว่าให้หยุดทำ ไอ้เจยิ้มแล้วกระซิบบอกผม
“มึงดูสายตาพี่พจน์กับพี่แดงจะกินมึงอยู่แล้ว กูต้องแสดงความเป็นเจ้าของหน่อย หรือมึงอยากให้เค้ามาก้อล้อก้อติกมึงล่ะ”
สิ้นเสียงมัน ผมหน้าเจื่อนไปในทันที ไอ้เจหัวเราะหึหึก่อนจะวางมือแปะลงบนขาของผม คราวนี้ผมต้องปล่อยให้มันทำตามใจชอบ มันนั่งเบียดตัวผมแสดงตัวตนว่าเป็นเจ้าของให้พี่พจน์กับพี่แดงเห็นชัด ๆ บางครั้งมันโอบเอว ลูบหลัง แล้วลูบขาเบา ๆ ทำเอาผมรู้สึกวูบวาบแบบแปลก ๆ แถมฤทธิ์เบียร์ยังทำให้หัวใจเต้นถี่
แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้มันลูบคลำ พลางนั่งฟังคุยกันเรื่องที่ไม่มีสาระเอาเลย ส่วนใหญ่จะพูดถึงสาวๆ แบบลามก จริง ๆ แล้วผมก็อยากจะร่วมแจมนินทาสาว ๆ ด้วยแต่ตอนนี้ได้แต่นั่งเงียบ ๆ แทน
ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เกือบจะเข้าผิดห้องแต่ดีที่รู้ตัวเสียก่อน ผมรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้เข้าห้องน้ำสาธารณะแบบนี้ แต่ก็อย่างที่ไอ้เจมันบอก ผมต้องทำตัวให้ชินและคุ้นเคยเข้าไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับเป็นเหมือนเดิมเมื่อไหร่ พอออกมาจากห้องน้ำก็เจอไอ้เจหน้าห้อง
“เป็นไง...เมายังวะ” มันถาม ผมพยักหน้าตอบรับเพราะรู้สึกมึนๆ อยู่เหมือนกัน “พี่แดงแม่งบอก น้องแพมเซ็กส์ดี...น่าเอามาก เค้าอยากนอนกับมึงน่ะ...ฮ่าๆๆๆ .”
มันพูดหน้าตาเฉยแล้วหัวเราะได้สะใจมาก ผมส่ายหัวแล้วบอกมัน
“กลับเถอะว่ะ..ไม่เห็นสนุกเลย..” ผมพูดแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ “กินนิดเดียวก็เมาแล้วว่ะ”
“เออๆ ...อีกแปปนึง..เดี๋ยวกลับแล้ว..ไปรอที่โต๊ะก่อนเลย..เดี๋ยวเยี่ยวแปป..”
ผมเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ พี่แดงยิ้มให้ผม ด้วยความที่เป็นคนผิวเข้ม ฤทธิ์เบียร์เลยทำให้หน้าตาดูก่ำเข้มดุดันมากขึ้น ผมยิ้มตอบแบบเสียไม่ได้ พยายามไม่มองหน้าทั้งสี่คนมากนัก ผมเสหันไปมองทางอื่น แต่ก็รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาที่หน้าอกอวบใหญ่ของแพม จนผมต้องยกมือขึ้นกอดอกไว้
“น้องแพม” พี่แดงพูด “ระวังไอ้เจมันไว้นะ พี่ขอเตือน มันน่ะเสือผู้หญิงเลย”
เขาพูดจบแล้วหัวเราะ ผมรู้อยู่แล้วว่าไอ้เจมันเสือผู้หญิง ก็ผมเป็นเพื่อนกับมันมาตั้งนาน
“เหรอครับ...เอ้อ เหรอคะ...จะระวังนะคะ”
ผมตอบเบาๆ พี่แดงยิ้มกริ่ม
“แต่ถ้าเป็นพี่...พี่รักจริงหวังแต่งนะจ๊ะ”
พี่แดงพูดจบแล้วหันไปหัวเราะกับพี่พจน์ ผมยิ้มแหย ๆ กับคำพูดแซวสาวแบบไม่มีชั้นเชิง ไอ้เจกลับมานั่งที่แล้ว มันยกแก้วขึ้นชนกับพวกพี่ๆ แต่ผมหยุดดื่มไปนานแล้ว เพราะกลัวจะผล็อยหลับไปกลางโต๊ะ
พอถึงเวลากลับ พวกพี่ๆ ยังนั่งกันต่อ ผมยกมือไหว้ลา แต่ละคนทำหน้าละห้อยเหมือนไม่อยากให้ผมกลับ แต่ผมก็บอกว่าง่วงนอนแล้ว พี่แดงแซวไอ้เจว่าพาน้องเค้าไปนอนดีๆ ล่ะ ส่งให้ถึงเตียงเลยนะ แล้วหัวเราะกันครืน ผมรีบเดินออกมาเพราะอายโต๊ะอื่น พอขึ้นมาบนรถได้ ผมก็ปรับเบาะเอนลงเล็กน้อย นอนหลับตาด้วยความมึน
“ถึงห้องแล้วปลุกด้วยนะ”
ผมบอกมัน ไอ้เจรับปากเออออ แต่พอรถเคลื่อนมาได้เล็กน้อย มันก็ขยับมือมาวางที่ขาของผมอีก
“พอๆๆ แล้ว...มึงขับรถไปเลย”
ผมนอนหลับตาแล้วบอกมัน
“โทดทีว่ะ แต่กูอดใจไม่ไหวจริง ๆ ขาวเหลือเกิน” ไอ้เจใช้มือนึงขับรถ อีกมือก็ลูบที่ต้นขาไม่หยุด “ถึงมึงจะอยู่ในร่างน้องเค้า... กูก็ยอมวะ”
“ยอมอะไรของมึง” ผมพยายามดึงมือที่กำลังจะล้วงเข้าไปใต้กางเกงออก แต่สู้แรงมันไม่ค่อยได้ “เดี๋ยวรถก็ชนหรอก...พอแล้ววว”
ผมบิดเอวหนีเพราะตอนนี้มันล้วงลงไปถึงเนินสาวบนชั้นในแล้ว
“ยอมเอาน้องแพมไง...ขอกูจับหน่อยดิวะ จะหวงทำไม” มันพูด ขณะมือรุกล้ำจุดสงวน ตายังมองไปบนถนน “มึงก็แค่อยู่เฉยๆ ให้กูจับ...ไม่เห็นเสียหายอะไรเลย”
ผมใจเต้นโครมคราม ไอ้เจไม่ได้รู้เลยว่า แค่มือมาสัมผัสหน้าขาผมก็ใจเต้นวูบวาบแล้ว ตอนนี้มือมันล้วงคลำอยู่ที่เนินสาวถึงแม้จะมีชั้นใจขวางกั้น แต่ก็ทำเอาผมสยิวแบบแปลก ๆ มันต่างจากที่ผมลูบคลำช่วยตัวเองจนเสร็จสมไปสองครั้งเมื่อตอนบ่าย มือหยาบ ๆ ของเพศตรงข้าม กระตุ้นความรู้สึกแปลกประหลาดได้มากกว่ามือผู้หญิงอันนุ่มนิ่มของตัวเอง...หรือนี่จะเป็นอารมณ์แบบธรรมชาติที่อยู่ในตัวผู้หญิงทุกคน“เสียหายดิวะ...อึ้ยยย...พอแล้ว”ผมร้องห้ามมัน แต่ไอ้เจก็ล้วงมือลึกเข้าไปใต้กางเกงในจนได้ มันวางมือไปบนเนินสาวทำเอาผมสะดุ้งหนีบขาไว้แน่น พยายามเบี่ยงตัวให้หลุดพ้นแต่สู้แรงมันไม่ได้เลย แรงน้องแพมช่างน้อยนิด ผมดันแขนมันเหมือนกำลังดันเสาคอนกรีตต้นใหญ่ยักษ์ที่ไม่ขยับใด ๆ ไอ้เจหัวเราะแล้วพูด“มึงรู้มั้ย เมื่อตอนเย็น...แค่ได้เห็นรูปร่างน้องแพม...น้องชายกูลุกตั้งเลย...สุดยอดจริง ๆ ตอนนี้ขอกูจับหน่อยเถอะ”ผมปฏิเสธมันเสียงแข็ง แต่มันก็แทบไม่ฟัง นิ้วของมันกลับบดบี้ลงบนกลีบสาวจนผมตัวกระตุกเฮือก พยายามดึงแขนมันออกอย่างไร้ผล ไอ้เจเกี่ยวนิ้วเบา ๆ ไปที่เม็ดสวาท ความสยิวซ่านพลุ่งพล่านขึ้นมาซะอย่างนั้น ใจเต้นโครมคราม พยายามอดกลั้นคว
ผมสะดุ้งตื่นเช้ามืด เมื่อได้ยินเสียงไอแค่กๆ ดังมาจากข้างเตียง ผมชะโงกดูก็เห็นร่างของผมกระสับกระส่าย มือขยับมาวางที่หน้าอก“น้ำ...”เสียงแหบ ๆ ดังมา ผมรีบผวาไปหยิบน้ำมาค่อย ๆ กรอกใส่ปาก จนร่างของผมสงบลง ผมเขย่าตัวเบาๆ“เป็นไงบ้าง”ผมถามเบา ๆ ดวงตาของร่างตรงหน้าลืมขึ้นช้า ๆ ปรือมองผมแล้วจ้องมองแน่นิ่ง สายตานั้นเหมือนยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมองไปที่เพดานและรอบข้างตัวเอง“ที่ไหน...แพมอยู่ไหน” ร่างของผมถามด้วยเสียงแผ่วเบา“แพม...ก็อยู่ในห้องแพมไง” ผมตอบเหมือนแพมในร่างผมจะยังไม่ได้สติเต็มร้อย ผมนั่งจ้องมองหน้า นานหลายนาทีก่อนที่เธอจะทำตาโตเมื่อเห็นร่างของเธออยู่ตรงหน้า เธอผวาจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องทรุดตัวลงนอนอีกรอบ“อย่าเพิ่งรีบลุก...น้องหลับไปตั้งสองวันสองคืน” ผมบอก“เกิดอะไรขึ้น ทำไม แพม...คุณ..ทำไมเป็นแบบนี้”แพมถาม เธอทำตาโต ดูเหมือนเธอจะจำไม่ได้ที่ผมบุกเข้ามาปลุกปล้ำในห้องของเธอ“เรื่องมันยาวน่ะครับ”ผมพูด แพมพยายามยันตัวเองลุกขึ้น เธอสำรวจร่างกายของตนเองซึ่งก็คือร่างของผมนั่นแหละ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ เธอรู้ตัวแล้วว่าอยู่ในห้องของเธอเอง ก่อนจะมาจ้องมองหน้าผม แล้วมองชุดที่ผมใส
“อืมม...” แกกระแอม “ถ้าคะแนนเป็นแบบนี้ก็ติดเอฟแน่นอน”พูดจบก็มองลอดแว่นมาที่ผม ผมหน้าเสีย ถ้าติดเอฟก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับแพมแน่ กลายเป็นว่าผมจะทำให้อนาคตของแพมเสียหลังจากอยู่ในร่างเธอไม่กี่วันเท่านั้น ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร แกก็พูดต่ออีก“ติดเอฟนี่เรื่องใหญ่นะ วิชานี้เปิดแค่เทอมเดียว ต้องรออีกหนึ่งปีถึงจะลงเรียนใหม่ได้”อาจารย์พูด แกหันมามองหน้าผม โบว์คงจะรู้ว่าเธอจะติดเอฟด้วย เธอถึงร้องห่มร้องไห้จนตาแดงแบบนั้น จริงๆ แล้วถ้าเป็นผมเองก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ เพราะตอนเรียนก็ติดเอฟอยู่หลายตัว แต่นี่ไม่ใช่ เพราะมันคืออนาคตของแพม“จริงเหรอคะ”ผมพูดได้แค่นั้น อ้ำอึ้งจนไม่รู้จะทำยังไงต่อ“ใช่...” อาจารย์พูดเสียงแข็ง แกเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “แต่ก็ยังมีทางแก้ไขนะ...”ผมมองหน้าอาจารย์ คราวนี้แกถอดแว่นออกแล้วจ้องหน้าผม ก่อนจะเหลือบสายตาลงต่ำมองที่หน้าอกอีกรอบแบบจงใจ ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วว่าทางแก้ไขของแกหมายถึงอะไร อาจารย์มองหน้าผมอีกรอบเหมือนจะหยั่งเชิง ผมอึ้งไปสักพัก ไม่คิดว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้“อาจารย์...อาจารย์หมายถึงอะไรคะ” ผมถาม เขายิ้มแล้วพูด“ตามใจอาจารย์สักหน
แพมในร่างของผมไลน์มาบอกว่า เธอกลับถึงห้องแล้วแต่เจชวนออกไปข้างนอกต่อ เธอจึงต้องออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมนึกขำในใจ ไม่รู้ว่าไอ้เจจะพาไปกินเหล้าที่ไหน เพื่อนผมมันแสบได้เรื่องดีจริง ๆพอถึงห้อง โบว์ก็ถามผมอย่างอ้อมแอ้มด้วยความอายว่า อาจารย์ว่าอย่างไรบ้าง ผมยิ้มแล้วเปิดเสียงบทสนทนาทั้งหมดให้ฟัง ดูโบว์ตกใจอย่างมากที่ผมกล้าทำและพูดกับอาจารย์แบบนั้น เธอเล่าให้ฟังว่าอาจารย์คนนี้มีชื่อเสียงด้านมืดมานานแล้ว ไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัวเอง ผมบอกเธอว่ามันต้องมีใครสักคนกล้าทำแบบนี้ ไม่งั้นอาจารย์ก็จะเหิมเกริมทำกับนักศึกษาสาว ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ“ขอบคุณแพมมากนะ” โบว์บอก สาวน้อยน้ำตาซึมลงอาบแก้มผมใช้มือปาดน้ำตาออก โบว์ซบลงที่ไหล่ของผม ผมกอดเธอไว้ เรือนร่างของโบว์นุ่มดีเหลือเกิน ผมปล่อยให้เธอระบายความอัดอั้นจนพอใจเส้นผมและกลิ่นกายของโบว์หอมกรุ่น ทำเอาใจเต้นแรงขึ้นมา ผมสูดดมความหอมหวานที่ไรผมข้างแก้ม จูบเบาๆ แล้วไล้ปากมาที่พวงแก้มเนียน หอมเบาๆ มาถึงติ่งหูจนโบว์เอียงคอหนี ผมสัมผัสได้ว่าเธอขนลุกไปทั้งแขน แต่ไม่ได้ผละหนีใด ๆ ผมจูบไซ้ที่แก้มเนียนนั้นแล้วไล้ไปถึงหลังใบหู สาวน้อยตัวเกร็ง“นี่...แพม”เธอเรียกชื่อผม
“โห...กินเหล้ามาเหรอ” ผมถาม“อืออ...เจเค้าชวนไปน่ะ” เธอพูดแล้วเดินเข้ามาในห้อง “แต่แปลกอะ...แพมกินตั้งเยอะยังไม่ค่อยเมาเลย”แหงล่ะ ก็เธออยู่ในร่างผมนี่นา ผมเป็นคนกินเหล้าเยอะอยู่แล้ว ผมปิดประตูแล้วถาม“แล้วไอ้เจล่ะ”“ยังนั่งกินเหล้ากันอยู่ที่ร้านเลย” เธอบอกแล้วเดินมานั่งบนเตียง“ไปแถวไหนกันมาเนี่ย..” ผมถามแบบขำๆ ก่อนจะมานั่งบนเตียงข้างๆ เธอ“เจเค้าพาไปเลานจ์น่ะ กับพวกพี่แดง พี่พจน์” แพมในร่างของผมพูด “พวกนั้นลามกมาก..”ผมหัวเราะออกมา ว่าแล้วว่าไอ้เจต้องทำอะไรแผลง ๆ“เหรอ แล้วสนุกมั้ยล่ะ” ผมถาม แพมหันมามองหน้าผม“ก็...ก็...สนุกดี...แพมไม่เคยไป... แต่มัน”เธอพูดแล้วชะงักไว้แค่นั้น“แต่มันอะไรเหรอ” ผมถาม“มันแปลก ๆ”แพมพูดแล้วนิ่งเงียบ ผมเอียงคอมองใบหน้าของผมเอง หน้าคล้ำๆ ตอนนี้ก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมถามว่าแปลกยังไง เธอนิ่งไปครู่นึงแล้วเอ่ยเบา ๆ“มัน...มันแข็งอะ” เธอบอก ผมตาโตแล้วถามทันที“อะไรแข็ง” แพมอ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากพูด ผมถามอีก “เกิดอะไรขึ้นเหรอแพม”เธอก้มลงมองเป้ากางเกงตัวเองแล้วพูดแบบเขิน ๆ“พอมีผู้หญิงมานั่งตัก หรือมากอด...มันก็แข็งเลย” เธอสารภาพ ไม่รู้ว่าผมจะหัวเราะหรือสงสารเ
เวลาผ่านไปอีกวัน เราสองคนพยายามทำความคุ้นเคยในการทำหน้าที่สลับกัน แต่ที่ผมลำบากใจก็คือ การต้องเจอกับไอ้พี่พอลด้วย แพมบอกว่าผมต้องไปงานแต่งงานเพื่อนของพี่พอลในคืนวันพรุ่งนี้ แพมอ้อนวอนให้ผมไปเพราะดูแล้วเธอเองก็คงชอบ ๆ พี่พอลอยู่เหมือนกัน จึงไม่อยากให้ผมปฏิเสธเขาแพมเตรียมชุดมาให้ผมใส่ด้วย มันเป็นชุดแส็กเดรสกระโปรงสั้นสีดำ ผมลองใส่อย่างไม่เต็มใจเอาเสียเลย ถึงแม้ร่างกายจะเป็นสาวสวยหุ่นดีเพียงใด ใส่แล้วสวยขนาดไหน แต่ผมก็ยังรู้สึกแบบผู้ชายจึงช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบากใจ แต่แพมก็ขอร้องว่างานนี้พลาดไม่ได้เพราะเป็นงานแต่งเพื่อนสนิทของพี่พอล ต้องดูดีหน่อย ผมก็ต้องยอมเลยตามเลย พอลองสวมดูแล้วก็แปลกใจที่ชุดเดรสมันพอดีตัวเป๊ะ แพมบอกว่าชุดนี้ตัดมาเป็นพิเศษเลย ความรัดรูปกำลังดีทำให้อวดสัดส่วนทรวดทรงของสาวสวยอย่างชัดเจน เอวคอดกิ่วกับสะโพกกลมกลึง หน้าอกไม่ต้องพูดถึงเพราะโชว์เนินวับ ๆ แวม ๆ จนแทบจะก้มไม่ได้เลยทีเดียว ผมหมุนตัวไปมาหน้ากระจกแล้วรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด ใส่ชุดสวย ๆ แล้วทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้อย่างไรก็ไม่อาจหาคำตอบได้ หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งอารมณ์แบบผู้หญิง ใส่ชุดสวยแล้วมั่นใจเต็มร้อยแต่
“ฝนจะตกอะไรทุกเย็นวะเนี่ย”ผมสบถโทษฟ้าฝน ก่อนวิ่งเข้าอพาร์ทเมนท์ของตนเอง ตัวเปียกมะล่อกมะแล่กหัวจรดเท้า ขณะกำลังไล่น้ำออกจากรองเท้าอยู่นั้น ก็เห็นสาวสวยนักศึกษาลงมาจากรถยนต์คันหรู...เธอชายตามองผมด้วยหางตา ผมลอบมองหุ่นระทวยตามไปจนเธอเดินขึ้นลิฟต์ไปใคร ๆ ก็เรียกผมว่า “ไอ้เป้ง” เพราะผมเป็นพนักงานออฟฟิศจน ๆ คนหนึ่งในฝ่ายเดินเอกสาร หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแมสเซนเจอร์แต่ประจำอยู่ในออฟฟิศนั่นล่ะครับ ทำหน้าที่เดินแจกจดหมาย เอกสาร และยังทำงานอื่น ๆ จิปาถะในออฟฟิศ ตั้งแต่ซ่อมเครื่องปรินเตอร์ไปจนถึงช่วยเปลี่ยนหลอดไฟด้วยความที่ตอนเรียนหนังสือผมไม่ได้ตั้งใจสักเท่าไหร่ สอบเข้ามหาลัยดัง ๆ ก็ไม่ได้ จบออกมา 3-4 ปีแล้วก็เลยหางานทำยากหน่อย จนต้องเป็นพนักงานออฟฟิศต๊อกต๋อยไปวัน ๆผมไม่ใช่แค่เป็นพนักงานจน ๆ เท่านั้นนะครับ แต่ยอมรับว่าหน้าตาของผมก็ไม่ได้เรื่องได้ราวเสียด้วย ด้วยความเป็นเด็กต่างจังหวัด รูปร่างหน้าตาสามัญประจำบ้าน ไม่ค่อยมีผู้หญิงเหลียวมอง มีแต่ผมที่ชอบมองสาว ๆ สวย ๆ ขาว ๆ หมวย ๆ และยิ่งเป็นสาวนักศึกษาด้วยแล้ว ผมยิ่งเหลียวมองจนบางครั้งถูกมองกลับด้วยหางตาแบบเหยียดหยามกันเลยทีเดียวอพาร์ทเมนท์ที่ผ
ผมลืมตาขึ้นด้วยอาการปวดหัวตุบ ๆ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หายใจไม่ออก แน่นท้อง ปวดเนื้อปวดตัว เวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ พอสติกลับคืนมาเล็กน้อย ผมก็รู้ตัวแล้วว่ายังอยู่ในห้องของแพมตายแล้วกู ผมจับต้นชนปลายได้แล้ว ความเมาทำให้ผมเหิมเกริม หมายจะบุกยัดเยียดขืนใจมอบความเป็นผัวให้นักศึกษาสาว แต่กลับพลาดท่าตกเตียงจนสลบ รู้สึกหวาดกลัวที่จะถูกตำรวจจับจนตัวสั่นสะท้านพอชันตัวขึ้นได้ ผมก็จะลุกขึ้น แต่มีแขนผู้ชายวางพาดบนตัวของผม ผมดึงออกอย่างยากลำบากเพราะเรี่ยวแรงหดหาย ชายคนนั้นนอนตะแคงหันหลังให้ผม รูปร่างผอม พอผมยืนขึ้นมาได้ก็มานั่งแปะอยู่บนขอบเตียง มือกุมขมับเพราะรู้สึกปวดหัวผมมองชายที่กำลังนอนอยู่เหมือนไม่ได้สติด้วยความสงสัย แต่พอเขม้นมองอีกครั้ง ใจผมก็หายวาบนั่นมันตัวผมเองที่นอนอยู่กับพื้น!ผมตกใจแทบสิ้นสติ ก้มลงมองตัวเอง ตอนนี้ผมอยู่ในชุดนักศึกษาสาวยับยู่ยี่ กระโปรงสั้นร่นขึ้นมาถึงโคนขา ผมนิ่งอึ้งไปเกือบนาทีราวถูกสาบ ก่อนจะพยายามรวบรวมสติที่ใกล้จะแตกเป็นเสี่ยง ผมคงกำลังฝันไปเป็นแน่ นี่คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินสโลสเลไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งภาพสะท้อนตรงหน้าไม่ใช่ผม