ฟึ่บ!ฟึ่บ!"พี่เคน นอนไม่หลับเหรอคะ" คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นในกลางดึก เมื่อเสียงรบกวนดังมาทางฝั่งเตียงคนไข้"พี่รบกวนเค้กรึเปล่า พอดีรู้สึกคอแห้งน่ะ" ร่างหนาลุกขึ้นนั่งแล้วบอกเสียงแหบแผ่ว"ทำไมไม่บอกคะ" ว่าแล้วเธอก็ตวัดขาลงจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปที่เตียงทันทีหมับ! ทว่าแทนที่เธอจะได้รินน้ำให้กลับโดนรวบตัวขึ้นไปยังเตียงนอน ร่างหนาขึ้นคร่อมอย่างเร็วไว กันไม่ให้คัพเค้กหนีไปได้"พี่เคน โกหกเค้กอีกแล้วนะ""เปล่านะ พี่คอแห้งจริง ๆ" เคนตะขยิบตาเป็นเลศนัยบางอย่าง"ก็ปล่อยเค้กสิคะ จะรินน้ำให้อยู่นี่ไง" มือบางผลักอกแกร่งให้ขยับจากตัว"พี่ไม่ได้อยากกินน้ำเปล่า""...!?""แต่พี่อยากกินน้ำจาก..." มือหนาเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ "ตรงนี้!" ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงนอนตัวจิ๋ว"พี่เคน" คัพเค้กตาโตลุกว้าว เข้าใจสิ่งที่เคนตะต้องการทุกอย่าง"..." คราวนี้เคนตะไม่พูดอะไรให้เสียเวลาอีก เคลื่อนตัวเองลงต่ำ จนใบหน้าคมจดจ่อตรงเนินเนื้อที่มีกางเกงปกปิดไว้ลมหายใจโรยรินจนคนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความหวาดหวั่น ทำเอาคัพเค้กพลอยหายใจยากลำบากไปด้วย"พี่เคน อย่าทำนะคะ ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ" เสียงหวานเอ่ยห้ามไว้เพื่อจะยื้อไม่ให้เกินคว
เอี๊ยดดดด!รถสปอร์ตหรูจอดหน้าอาคารเรียน ดวงตาสีน้ำข้าวก้มมองเข็มนาฬิกาข้อมือ รอเวลาที่แฟนสาวเลิกเรียน เพื่อที่จะรับไปทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันแต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นคนตัวเล็กก้าวเท้าลงบันได เดินตรงมายังที่จอดรถก่อนที่รอยยิ้มคมคายจะหุบลงทันทีที่เห็นสายตาแทะโลมพวกนั่น จนต้องเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแล้วสาวเท้ายาว ๆ ไปหาอย่างรวดเร็ว"มองอะไรวะ!!" เสียงเกรี้ยวกราดตะคอกดังลั่นด้วยความไม่พอใจ กวาดสายตามองรอบ ๆ ใต้อาคาร"พี่เคน! หยุดก้าวร้าว" ทำเอาคัพเค้กกระตุกชายเสื้อตักเตือนทันควัน"ก็มันมองเค้กอ่ะ""แค่มองเอง ปกติป่ะ กลับเลยกลับไปที่รถเดี๋ยวนี้" มือบางคว้าแขนแฟนหนุ่มแล้วลากให้เดินออกจากจุดนั้นเคนตะถอนหายใจอย่างทำไรไม่ได้ สองขาก้าวตามแรงดึงจากคัพเค้ก แต่ไม่วายยังหันไปถลึงตาใส่หนุ่ม ๆ ที่มองแฟนสาวปึง!ทันทีที่ประตูรถถูกปิดสนิท ดวงตากลมโตหันมาจับจ้องหาเรื่องต้นเหตุให้เธออายเพื่อน ๆ ในคณะ"มองพี่แบบนี้ อย่าบอกนะว่าโกรธที่พี่แสดงความเป็นเจ้าของ""พี่ไปตะคอกอย่างงั้นได้ไง เค้กอายเพื่อน ๆ" เธอบอกตามสิ่งที่รู้สึก"อาย!?" ทว่าคนฟังกลับขมวดไม่เข้าใจ อายที่มีแฟนหรืออายที่เขาแสดงตัวตน แต่ไม่ว่าอันไห
“ทำไมเราต้องมาเจอเรื่องทุเรศๆ ตลอดเลยเนี่ย” หญิงสาวใบหน้าสวย ดวงตากลมโต จมูกเชิดรั้น รับกับปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อนกำลังยืนลังเลกับสถานการณ์ตรงหน้า ก่อนที่จะยืนพิงผนังเพื่อตัดสินใจบางอย่าง“เอาหว่า เปิดก็เปิด” มือบางเอื้อมไปเพื่อแตะคีย์การ์ด ทว่าเธอก็ชักมือกลับ เปลี่ยนใจหมุนตัวสาวเท้าไปฝั่งลิฟต์ของโรงแรมแทนตึกตึก...คนตัวเล็กที่มีส่วนสูงเพียงร้อยหกสิบเซนติเมตรเท่านั้น แต่เธอกลับมีเรียวขาที่สวยและสมส่วนจนเป็นจุดดึงดูดต่อเพศตรงข้าม สะโพกมนส่ายไปมา ในระหว่างเดิน แล้วกดลิฟต์รัว ๆ ตามอารมณ์ขุ่นเคืองกี่ครั้งแล้วที่เธอต้องมาเจอสถานการณ์อย่างเมื่อกี้ ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เธอเพิ่งจะเปลี่ยนคำนำหน้าเป็นนางสาว คัพเค้กจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดีเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องพี่ชายคนกลางเพื่ออวดกระเป๋าใบใหม่ที่คางูยะเพิ่งส่งมาให้ แต่แล้วสิ่งที่เห็นกลับทำให้คัพเค้กยืนอึ้งและชาไปทั้งตัว จนเวลาผ่านไปสี่ปีเธอก็ไม่สามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างปกติอีกเลย...ไม่รู้เป็นเพราะอะไรแค่รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าหน้าให้ติดเหมือนเก่าได้อีก“เห้อ!!” คัพเค้กหมุนตัวกลับไปเปิดประตูห้องอีกครั้ง เพราะถ้าเธอไม่สามารถตามเขาลงไปในงานได้ มีหวั
ร่างสูงใหญ่ผู้ที่มีใบหน้าขยี้ใจเพศตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาสีน้ำข้าว คมจมูกโด่ง ริมฝีปากน่าสัมผัส กำลังดึงชุดสูทราคาแพงให้เข้าที่เพื่อเข้าไปในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ฉลองแต่งงานของพี่ชายคนโตเคนตะทอดสายตามองหาคนตัวเล็กที่ถือวิสาสะเข้าห้องเขาในจังหวะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ก่อนจะเห็นหญิงสาวกำลังยืนหยอกล้อกับผู้ชายคนอื่นที่รายล้อมรอบตัวเธอตึกตึก...เคนตะเข้าไปกระชากแขนเล็กออกจากในวงสนทนาทันที“มาคุยกันหน่อย”“ถ้าจะคุยก็คุยตรงนี้” คัพเค้กเหลียวหน้าไปยิ้มให้เพื่อนๆเพื่อไม่ให้พวกเขาสงสัยท่าทีเธอกับพี่ชาย“...” เคนตะไม่เอ่ยอะไรต่อ นอกจากลากคนตัวเล็กออกนอกงาน“อะไรเนี่ย ปล่อยนะเค้กเจ็บ” มือบางสะบัดจากการเกาะกุมด้วยความรู้สึกเจ็บฟึ่บ!“เมื่อกี้ ทำไมเรียกฉันว่าคุณ” เคนตะถามในสิ่งที่สงสัยพร้อมทั้งสะบัดแขนอย่างแรง“ลากมาเพื่อถามเรื่องนี้ เนี่ยนะ!?”“ตอบมา” เคนตะจ้องดวงตากลมโตเค้นหาคำตอบ“เค้กไม่อยากเรียกพี่เคนว่าพี่ต่อหน้าคนอื่น ไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีพี่ชายบ้ากาม” คัพเค้กย่นจมูกอย่างเด็กเอาแต่ใจ ตอบกลับไปตามความรู้สึกจริง ๆ“หึ พูดอย่างกับตัวเองดีนัก ไปยืนให้ผู้ชายมันแทะโลมมันดีตรงไหน” คราวนี้เคนตะถึง
ตึก!ตึก!“กว่าแกจะโผล่หัวมาได้ ต้องให้ฉันรอถึงพรุ่งนี้เช้าเลยไหม” คางูยะเงยหน้ามองหลานชายอย่างไม่สมอารมณ์นัก ก่อนจะเอ่ยกระแหนะกระแหนออกไป“วันนี้วันดี ปู่จะอะไรนักหนา” เคนตะหย่อนตัวนั่งตรงกันข้าม สีหน้าท่าทางไม่ค่อยทุกข์ร้อน“ช่วยพี่แกสืบเรื่องฆาตกรตัวจริงสักที ไม่ใช่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ” มาเฟียเฒ่าไม่อยากต่อปากต่อคำนานจึงพูดสิ่งที่สำคัญที่สุดทันที“วันอื่นก็มี ค่อยคุยเรื่องนี้ก็ได้”“ฉันจะคุยวันนี้และตอนนี้ แกมีหน้าที่ฟังและทำตามเท่านั้น” คางูยะออกคำสั่งวางอำนาจอย่างที่เป็นมาตลอด เขาคงปล่อยให้มีทายาทคนที่สองอีกไม่ได้ถ้าเรื่องยังค้างคาอยู่แบบนี้“...” ทำเอาร่างสูงใหญ่ถึงกับพ่นลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย“ช่วงนี้ห้ามไปไหนจนกว่าพี่ชายแกจะฮันนีมูนเสร็จ จะลากผู้หญิงไปกินกี่คนก็เรื่องของแก แต่ต้องกลับไปนอนบ้าน”“...” เคนตะแบมือทั้งสองข้างอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าเหวอไปทันที คอนโดเขาก็มีทำไมต้องกลับไปนอนบ้าน ทั้งๆที่ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด“ต่อไปหน้าที่หลักของแกคือ...” คางูยะเอ่ยออกมาเว้นจังหวะเพื่อมองหน้าหลานชาย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ดูแลคัพเค้ก!!”“ไม่มีทาง!!” เคนตะรีบปฏิเสธคำสั่งนั้นอย่างไ
มาเฟียเฒ่าหยุดชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นรถคันโปรดของหลานชายคนกลางจอดอยู่ที่เดิม ทั้งๆที่ไม่ควรอยู่ตรงนี้“เคนตะ ยังอยู่บ้านอีกเหรอ”“ครับนายท่าน”“คัพเค้กล่ะ” คางูยะถามถึงอีกคนเพราะในสมองพอจะประมวลบางอย่างได้“คุณหนูออกไปมหา’ลัยได้สักพักแล้วครับ”“ไปเอง!?” เขาเหลียวหน้ามองบอดี้การ์ด เลิกคิ้วเป็นคำถาม“ครับ”“ไปตามไอ้หลานชายตัวดีมาพบฉันหน่อย” ทำเอามาเฟียเฒ่าต้องหมุนตัวเข้าไปในบ้านอีกครั้ง เพื่อจัดการสิ่งที่เพิ่งจะออกคำสั่งเมือคืนนี้ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาในห้องรับรองด้วยสีหน้าไม่สมอารมณ์นัก“ทำไมไม่ไปส่งน้อง” ทันทีที่เคนตะเดินเข้ามา คางูยะถามออกไปอย่างไม่ลังเล“ยัยเค้กไม่ยอมให้ผมไปส่งเอง” เคนตะรู้อยู่แล้วว่าปู่ของเขาจะต่อว่าเรื่องอะไร ทำให้เคนตะโยนความผิดให้กับน้องสาวตัวดีทันที“แกโตมายังไงวะ ถึงได้ไม่มีปัญญาจัดการเรื่องง่ายๆ”“ปู่ไม่รู้เหรอว่าผมโตมายังไง!?” เขายียวนออกไปตามนิสัยเดิมๆ“อย่ามาย้อน ไอ้เคน!!” คางูยะถึงกับตะคอกเสียงดังลั่น จ้องใบหน้าคมของหลานชายอย่างคาดโทษ“อ้าว ก็ปู่ถามเอง ผมย้อนตรงไหน”“เคนตะ!!” เสียงเข้มเก็บกลั้นเก็บอารมณ์ไม่ให้ฟาดไม้เท้าใส่หน้าหลานชาย“ครับ” ทว่าเค
“พี่เคน!!” คัพเค้กดีดตัวออกห่างจากเพื่อนหนุ่มทันทีที่เห็นพี่ชาย“...” เคนตะลุกขึ้นเดินไปขวางทางเดินไว้ ดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองชายหนุ่มอีกคนด้วยหางตา“พี่เคนมาทำไม” คนตัวเล็กถามออกไปอย่างสงสัยในเมื่อก่อนหน้านี้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว“สวัสดีครับ พี่เคน” ชายหนุ่มข้างคัพเค้กเอ่ยอย่างให้เกียรติทว่า...“แน่ใจว่ามาเรียน” เคนตะไม่ได้คิดจะตอบกลับ นอกจากหันไปถามน้องสาวตัวดี ด้วยสายตาดูหมิ่น“หมายความว่าไง”“...” เคนตะนิ่งแต่ใช้สายตาสื่อสารออกไปแทนคัพเค้กรู้ทันทีโดยไม่ต้องถามซ้ำ ทำให้เธอเลือกที่จะเอื้อมไปจับมือร่างสูงข้างๆเพื่อออกจากที่นี่“ไปเถอะโจ้ เค้กอยากกลับแล้ว”หมับ!“กลับกับฉัน ส่วนมึงปลอยมือจากน้องสาวกู” ทั้งๆที่คัพเค้กเป็นคนเอื้อมไปจับเอง แต่เคนตะเลือกที่จะให้อีกฝ่ายเป็นแกะมือออกไปเอง“คงไม่ได้อ่ะครับ ในเมื่อเค้กอยากกลับกับผม” โจโจ้เอ่ยทันที“พี่เคน ถอยไปดีกว่า เค้กว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะตอนเช้า”“พูดมาก!!” ทว่าเคนตะหันไปตะคอกพร้อมทั้งกระชากคนตัวเล็กจนหลุดจากมือหนาของโจโจ้“นี่พี่เคน เป็นบ้าไรเนี่ย เค้กอายรู้ไหม” คัพเค้กเหลียวหน้ามองรอบๆที่ตอนนี้เริ่มจะมีกลุ่มนักศึกษาให้ความสนใจกัน
คนตัวเล็กสาวเท้าตามทางฟุตบาท ปล่อยให้อารมณ์โมโหสงบนิ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ของเธอและพี่ชายจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้จุดที่ยากที่จะสานความเป็นพี่น้องกันอีก เพราะไม่มีพี่น้องคู่ไหนที่เขาลงโทษด้วยรสจูบที่แทบจะกลืนกินกันแบบนั้นหรอก นอกจากคนที่จิตใจตกต่ำทำได้แม้กระทั่งน้องสาวตัวเอง!“ไอ้พี่บ้า” คัพเค้กกัดฟันแล้วด่าทอถึงคนที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์เธอตอนนี้มากที่สุด ก่อนจะล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาบอดี้การ์ดประจำตระกูลทันทีที่ปลายสายกดรับ...“มารับฉันตามโลเคชั่นที่ส่งไป ด่วนที่สุด” เอ่ยจบก็ตัดสายทิ้งแล้วเดินเข้าร้านกาแฟ รอเวลาตามตามที่สั่งออกไปอีกด้านบรึ้นนน~ รถสปอร์ตหรูเร่งเครื่องออกจากจุดนั้นทันที เคนตะไม่คิดจะลงไปตามคนตัวเล็กที่วิ่งเตลิดไปไกล“เอาแต่ใจตัวเองชะมัด” มือหนาฟาดบนพวงมาลัย เจ็บใจที่ไม่สามารถพาคนตัวเล็กกลับบ้านได้ทว่า...“ทำไรลงไปวะ!!” ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่เขาลงโทษคัพเค้กอย่างลืมตัว มือหนาเลื่อนขึ้นมาขยี้ผมด้วยอารมณ์บางอย่างหวังเรียกสติให้ลืมรสจูบนั้น“ยัยเค้กนี่” จู่ๆ สายตาก็ไปปะทะเข้ากับรถตู้คันหนึ่งที่กำลังเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์ เดาได้ทันทีว่าในนั้นมีใคร ว่าแล้วเค
เอี๊ยดดดด!รถสปอร์ตหรูจอดหน้าอาคารเรียน ดวงตาสีน้ำข้าวก้มมองเข็มนาฬิกาข้อมือ รอเวลาที่แฟนสาวเลิกเรียน เพื่อที่จะรับไปทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันแต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นคนตัวเล็กก้าวเท้าลงบันได เดินตรงมายังที่จอดรถก่อนที่รอยยิ้มคมคายจะหุบลงทันทีที่เห็นสายตาแทะโลมพวกนั่น จนต้องเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแล้วสาวเท้ายาว ๆ ไปหาอย่างรวดเร็ว"มองอะไรวะ!!" เสียงเกรี้ยวกราดตะคอกดังลั่นด้วยความไม่พอใจ กวาดสายตามองรอบ ๆ ใต้อาคาร"พี่เคน! หยุดก้าวร้าว" ทำเอาคัพเค้กกระตุกชายเสื้อตักเตือนทันควัน"ก็มันมองเค้กอ่ะ""แค่มองเอง ปกติป่ะ กลับเลยกลับไปที่รถเดี๋ยวนี้" มือบางคว้าแขนแฟนหนุ่มแล้วลากให้เดินออกจากจุดนั้นเคนตะถอนหายใจอย่างทำไรไม่ได้ สองขาก้าวตามแรงดึงจากคัพเค้ก แต่ไม่วายยังหันไปถลึงตาใส่หนุ่ม ๆ ที่มองแฟนสาวปึง!ทันทีที่ประตูรถถูกปิดสนิท ดวงตากลมโตหันมาจับจ้องหาเรื่องต้นเหตุให้เธออายเพื่อน ๆ ในคณะ"มองพี่แบบนี้ อย่าบอกนะว่าโกรธที่พี่แสดงความเป็นเจ้าของ""พี่ไปตะคอกอย่างงั้นได้ไง เค้กอายเพื่อน ๆ" เธอบอกตามสิ่งที่รู้สึก"อาย!?" ทว่าคนฟังกลับขมวดไม่เข้าใจ อายที่มีแฟนหรืออายที่เขาแสดงตัวตน แต่ไม่ว่าอันไห
ฟึ่บ!ฟึ่บ!"พี่เคน นอนไม่หลับเหรอคะ" คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นในกลางดึก เมื่อเสียงรบกวนดังมาทางฝั่งเตียงคนไข้"พี่รบกวนเค้กรึเปล่า พอดีรู้สึกคอแห้งน่ะ" ร่างหนาลุกขึ้นนั่งแล้วบอกเสียงแหบแผ่ว"ทำไมไม่บอกคะ" ว่าแล้วเธอก็ตวัดขาลงจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปที่เตียงทันทีหมับ! ทว่าแทนที่เธอจะได้รินน้ำให้กลับโดนรวบตัวขึ้นไปยังเตียงนอน ร่างหนาขึ้นคร่อมอย่างเร็วไว กันไม่ให้คัพเค้กหนีไปได้"พี่เคน โกหกเค้กอีกแล้วนะ""เปล่านะ พี่คอแห้งจริง ๆ" เคนตะขยิบตาเป็นเลศนัยบางอย่าง"ก็ปล่อยเค้กสิคะ จะรินน้ำให้อยู่นี่ไง" มือบางผลักอกแกร่งให้ขยับจากตัว"พี่ไม่ได้อยากกินน้ำเปล่า""...!?""แต่พี่อยากกินน้ำจาก..." มือหนาเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ "ตรงนี้!" ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงนอนตัวจิ๋ว"พี่เคน" คัพเค้กตาโตลุกว้าว เข้าใจสิ่งที่เคนตะต้องการทุกอย่าง"..." คราวนี้เคนตะไม่พูดอะไรให้เสียเวลาอีก เคลื่อนตัวเองลงต่ำ จนใบหน้าคมจดจ่อตรงเนินเนื้อที่มีกางเกงปกปิดไว้ลมหายใจโรยรินจนคนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความหวาดหวั่น ทำเอาคัพเค้กพลอยหายใจยากลำบากไปด้วย"พี่เคน อย่าทำนะคะ ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ" เสียงหวานเอ่ยห้ามไว้เพื่อจะยื้อไม่ให้เกินคว
ร่างใหญ่ทั้งสองเข้ามาในห้องด้วยความเงียบขรึม ปกติก็เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบเข้าไปอีก จากสีหน้า ท่าทาง คงไม่ใช่เรื่องดีนัก"พี่คริส คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ" คัพเค้กเป็นคนเอ่ยถามคนแรกพี่คนโตส่ายหน้าเศร้าหมอง "ไม่ค่อยดี""..." ทุกคนเงียบรอฟังประโยคถัดไป"สมองได้รับกระทบกระเทือน จนเส้นโลหิตแตก อาจจะทำให้ปู่เป็นอัมพาตตลอดไป"สิ้นคำพูดคริสเตียนทุกคนต่างหน้าสลด คนที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ตระกูลกำลังอยู่ในช่วงอันตรายของชีวิต คนเป็นหลานต่างร้อนใจ ไม่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวพวกเขาอีก"เค้กจะหาคุณหมอเก่ง ๆ มารักษาให้คุณปู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม""อืม ฉันจะช่วยอีกแรง ปู่พวกนายต้องหาย" ไมก้าเอ่ยปลอบบ้างทำให้คริสเตียนพยักหน้ารับกลับไป "แล้วนี่มึงเป็นไงบ้าง""ผมไม่เป็นไรง่าย ๆ หรอกน่า" เคนตะบอกพี่ชายคนโตด้วยท่าทีสบาย"หึ กูบอกแล้วให้ฝึกรับมือไว้บ้าง" เพราะไม่ว่าคริสเตียนจะเอ่ยเตือนกี่ครั้ง เคนตะก็ไม่เคยทำตาม บอกแค่ไม่ชอบงานที่ใช้ความรุนแรง ผลสุดท้ายของการไม่รู้วิธีรับมือก็เจ็บตัวอย่างที่เห็น"ผมยอมเพราะผู้หญิงของผมต่างหาก" เคนตะเถียงต่อ"รู้ แต่ถ้ามึงฝึกมือ ว่องไวกว่านี้ ก็อาจจะไม่โด
วันต่อมาคนตัวเล็กเฝ้าดูอาการร่างหนาที่นอนไม่ได้สติไม่ห่างจากเตียง ทั้งกังวลทั้งเป็นห่วง เพราะเวลานี้คัพเค้กรู้เรื่องทั้งหมดจากคริสเตียน สาเหตุที่เคนตะไม่ต้องการเข้าใกล้ หนีหน้า เป็นเพราะไม่อยากให้เธอเป็นอันตราย เมื่อรู้ความจริงหัวใจก็ชื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่บอบช้ำเพราะเรื่องเข้าใจผิด“พี่เคน ฟื้นได้แล้ว” เธอลูบมือหนากระตุ้นให้อีกฝ่ายรับสัมผัสเพื่อจะช่วยให้เคนตะรู้ตัว“เค้กอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่เคน...พี่เคนอย่าทิ้งเค้กนะ ต้องฟื้นมาอยู่กับเค้ก”คัพเค้กยังคงคราญครางไม่ห่าง สีหน้าเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่ร่างสูงที่นอนอยู่ตรงหน้า แต่ยังมีคางูยะปู่ของเธอที่อาการน่าเป็นห่วงก๊อก ๆ ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูพอจะทำให้คนตัวเล็กหลุดจากภวังค์ เหลียวหน้าไปมองแขกใหม่ทันที“มันยังไม่ฟื้นอีกเหรอ” คริสเตียนเดินนำหน้าและเป็นคนเอ่ยถาม“...” ตามด้วยคูเปอร์ที่เข้าห้องมาเงียบขรึม เหลือบมองพี่ชายเพียงหางตา ไม่สามารถความรู้สึกให้ใครได้เห็น“ยังเลยค่ะ” คัพเค้กตอบเศร้า ๆ“อาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว น้องเค้กไม่ต้องกังวลนะ” รวงข้าวเข้ามาปลอบ ไม่ให้เธอคิดมาก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสามเข้ามาเจอกับหมอประจำไข้ของเ
โรงพยาบาลคนตัวเล็กเดินวนไปวนมาหน้าห้องฉุกเฉิน ภายในห้องคือเคนตะและคางูยะที่ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดี"หยุดเดินได้แล้วเค้ก" คริสเตียนเอ่ยห้ามหลังจากนั่งมองน้องสาวหลายชั่วโมง"เค้กเป็นห่วง ไม่รู้ข้างในเป็นยังไงบ้าง""ถึงมือหมอแล้ว ทุกคนต้องปลอดภัย""เค้กก็ห่วงอยู่ดี" คนตัวเล็กยังคงเดินต่อคริสเตียนทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองต่อไป ก่อนที่โทรศัพท์จะมีเสียงเรียกเข้า"พี่ไปรับสายรวงข้าวก่อนนะ" เขาบอกน้องสาวแล้วก้าวเท้าออกจากจุดนั้นทันที"ข้าวไม่ต้องตามมา หมอออกจากห้องแล้วเดี๋ยวพี่โทรไปบอกนะ""พี่ไม่เป็นไร""คร้าบบบ""เฮ้ย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" จู่ ๆ คริสเตียนก็หันไปเห็นด้านหลังตัวเองที่มีไมก้าและคูเปอร์ยืนนิ่งอยู่สักพักแล้ว"ตั้งแต่มึงทำเสียงสอง" ไมก้าตอบทันควันต่างจากคูเปอร์ที่ยืนล้วงกระเป๋านิ่งเฉย"เวรเฮ้ย!" เขาหันไปสบถใส่ไมก้าแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ "เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ""หึ" อดีตเพื่อนสนิทแสยะยิ้มออกมา ไม่เคยเห็นมุมนี้ของเพื่อนมาก่อน"เป็นไงวะ" ทว่าคริสเตียนเลิกสนใจเลือกที่จะถามเรื่องที่โกดังแทน"เรียบร้อย" ไมก้าเป็นคนตอบเหมือนเดิม"แน่ใจ" ทำให้คริสเตียนต้องถามย้ำกับคูเปอร์เพื่อความมั่นใจ
"อาเป็นคนฆ่าพ่อแม่ผมเหรอ!?""จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งพูดความหลังกันเลยหลาน ทักทายน้องสาวสายเลือดเดียวกันก่อนสิ" ไรอันพยักหน้าไปฝั่งคัพเค้กที่ใบหน้าซีดเซียว มองหน้าแต่ละคนสลับกันหมับ! มือหนาคว้าปลายคางคัพเค้กบีบรั้งให้เชิดขึ้น"มองหน้าพี่ชายแท้ ๆ คุณหนูชัด ๆ สิจ้ะ""..." เคนตะพยายามลุกขึ้นไปหา ทว่าสภาพตอนนี้แทบดูไม่ได้ ทั้งเสียเลือด ทั้งบวมซ้ำ"อาทำแบบนี้ หมายความว่าไง ตลอดเวลาที่ผ่านมามันคือแผนของอาทั้งหมดเหรอ" คนที่เคยไว้ใจที่สุด กลับหักหลังไม่มีชิ้นดี"ถึงขนาดนี้ยังต้องถามอีกเหรอวะ" คริสเตียนเหลือบไปมองไมก้า เอ๋ยเสริมอย่างรำคาญ"ในเมื่อพ่อแม่พวกมึงไม่เคยเห็นหัวกู แล้วทำไมกูจะทำไม่ได้วะ""เหตุผลแค่นี้!?" คริสเตียนตะคอกถาม"ลองถามปู่มึงสิ ว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกไหม""...""บอกหลานสิวะ ความเหี้ยของมึง บอกให้ทุกคนรับรู้ว่าที่คนอื่นเดือดร้อนเป็นเพราะมึง!!""มันเป็นเพราะสันดานมึงเอง...ไรอัน" เคนตะลุกขึ้นยืนแล้วข่มเสียงใส่ แววตาจับจ้องไปยังคนตัวเล็กไม่คลาดสายตา"งั้นกูจะแสดงสันดานที่แท้จริงให้เห็น เริ่มจากเมียมึงก่อนแล้วกัน"คำพูดของไรอันทำเอาไมก้าหันขวับไปมองเคนตะ ต่างกับคางูยะที่นิ่งเฉยเพราะรู้ก่อ
น้ำข้นสีแดงไหลรินอาบแผงอก แต่ทว่าผู้ชายอกสามศอกอย่างเคนตะยังคงนิ่งไม่แสดงอาการบาดเจ็บให้ได้เห็น“เลือด!” คนตัวเล็กถอดสีหน้า มือไม้ชา ปากสั่น ทำไมทุกอย่างเริ่มจะเลวร้ายแบบนี้“กูใส่เสื้อกันกระสุน ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะสาวน้อย” จู่ ๆ ชายสวมหน้ากากเอ่ยขึ้นอย่างมั่นหน้า“ฉันไม่ได้หมายถึงแก ไอ้แก่!!” ความเกรี้ยวกราดของคัพเค้กแสดงออกมาให้เห็นเพี๊ยะ! ส่งผลให้ฝ่ามือหนาฟาดใส่แก้มนวลเต็มแรงทำเอาร่างสูงรีบถลาตัวเข้าไปช่วย แต่ไม่สามารถเข้าถึงตัวคัพเค้กได้ “ปล่อยผู้หญิง แล้วมึงอยากทำอะไรกับกูก็เชิญ”“จะบ้าเหรอพี่เคน พูดงี้มีแต่ตายกับตาย” คัพเค้กเอามือลูบขอบปากที่บวมปูดขึ้นทันตา ตะคอกใส่ผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งหวง“หึ ถึงมันไม่พูดผัวมึงก็ตายอยู่ดี”“ฉันไม่มีผัว” ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน ทว่าคนตัวเล็กยังคงขุ่นเคืองเรื่องก่อนหน้านี้ไม่หาย รักมากแค่ไหนก็ต้องห้ามใจ “เขาเป็นพี่ชายฉัน!”“กูอยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าไหมพ่อเลี้ยง”“ก็หัวเราะออกมาสิ ใครเอามือไปอุดปากแกเล่า ประสาท”หมับ! “อีนี่ กูจะให้มึงแดกกระสุนก่อนพี่ ๆ มึง เอาไหมห๊ะ”คัพเค้กกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกภัยจะมาเพราะปากตัวเอง เมื่อมือหน
เมื่อสองขาย่างเข้ามาในโกดัง สิ่งแรกที่ปรากฏตรงหน้าคือชายวัยกลางคนที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดี“น้องกูอยู่ที่ไหน!!”“หึ แค่น้องเองเหรอวะ” พ่อเลี้ยงธนินสวนกลับทันที สมเพชพวกถือดีตัวเองเป็นใหญ่ แต่สุดท้ายก็กินน้องตัวเอง ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายขนาดเชลยก็ยังยกย่องเป็นเมีย“...” แววตาสีน้ำข้าวกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้มีแค่พ่อเลี้ยงธนินและลูกน้อง ไร้ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลัง“ใจเย็นสิวะ กว่ากูจะเดินมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลยนะ จะรีบจบเกมไปถึงไหน” แค่เห็นสายตาก็รู้แล้วว่าเคนตะกำลังมองหาอะไร เขาจึงเอ่ยดักไว้“ปล่อยน้องกู แล้วเรื่องของเรากูจะให้มึงสะสางได้เต็มที่” เคนตะกดเสียงต่ำ ข่มอารมณ์ไม่ให้ระเบิดตอนนี้ ไม่งั้นทุกอย่างคงจบแหง่แน่“เรียกพี่ชายมึงมาก่อนสิ เดี๋ยวกูปล่อย” ทว่าพ่อเลี้ยงธนินไม่เคลิ้มตาม บอกสิ่งที่ต้องการ“...” มาเฟียหนุ่มรู้ดีว่านี้คือแผน และเขาจำเป็นต้องเล่นตามแผน“จะให้ดีหน่อย ก็เรียกท่านคางูยะเฒ่าแก่ที่ใกล้ตายมาสะสางความหลังกัน ขาดไปสักคนงานนี้ไม่สนุกนะ”“จะให้ปู่กูออกมา มึงก็ควรเรียกหมาขี้ขลาดออกมาด้วย” เสียงเข้มตอกกลับไปเช่นกัน อยากจะเห็นหน้าเต็มทีแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใครพ่อเลี้ยงธน
“อะไรนะ!!” ไมก้าตะคอกอย่างตกใจ ความลับที่เก็บมาเกือบยี่สิบปีถูกเปิดเผยในวันที่น้องสาวเขาโดนจับตัวไป “น้องสาวฉันโดนจับตัวไปงั้นเหรอ”“อืม ไอ้เคนบอกอย่างนั้น” คริสเตียนพยักหน้ายืนยัน“มันดูน้องสาวกูยังไง ถึงได้ประมาท ถ้าน้องสาวกูเป็นไรไป กูไม่เอาพวกมึงไว้แน่” เขาลุกขึ้นชี้หน้าด้วยความโมโห“ที่มึงพูดถึงก็น้องสาวกูเหมือนกัน” ตามด้วยคริสเตียนที่ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายกับคนหัวร้อน แต่เขาเองก็ร้อนใจไม่ต่างกัน "แล้วมึงจะไปไหน""ตามหาน้องสิวะ" ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์กดหาใครบางคน"ทำไร!?""ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่อง""แต่มึงจำเป็นต้องบอก""หึ ถึงพวกมึงจะเลี้ยงน้องกูมา แต่ก็ไม่สามารถชดเชยชีวิตพ่อแม่กูได้""แล้วชีวิตพ่อแม่กูล่ะ" คริสเตียนถามอย่างข่มอารมณ์ อุตส่าห์ไม่คิดถึงอดีต แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น"กรรมตามสนองมั้ง!!" ไมก้าเค้นเสียงพร้อมรอยยิ้ม เขาเชื่อและปักใจกับสิ่งที่เห็นหมับ!"ไอ้ไมค์!!" คราวนี้มือหนาของคริสเตียนกระชากคอเสื้อฝั่งตรงข้ามทันที"หยุดทะเลาะก่อนเถอะครับ ชีวิตคุณหนูสำคัญกว่าจะมาต่อว่าเรื่องอดีตที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือฆาตกร" อดัมเข้าห้ามเมื่อเห็นท่าไม่ดี นอกจากจะเสียเวลาแล้วจ