คนตัวเล็กสาวเท้าตามทางฟุตบาท ปล่อยให้อารมณ์โมโหสงบนิ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ของเธอและพี่ชายจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้
จุดที่ยากที่จะสานความเป็นพี่น้องกันอีก เพราะไม่มีพี่น้องคู่ไหนที่เขาลงโทษด้วยรสจูบที่แทบจะกลืนกินกันแบบนั้นหรอก นอกจากคนที่จิตใจตกต่ำทำได้แม้กระทั่งน้องสาวตัวเอง!
“ไอ้พี่บ้า” คัพเค้กกัดฟันแล้วด่าทอถึงคนที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์เธอตอนนี้มากที่สุด ก่อนจะล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาบอดี้การ์ดประจำตระกูล
ทันทีที่ปลายสายกดรับ...
“มารับฉันตามโลเคชั่นที่ส่งไป ด่วนที่สุด” เอ่ยจบก็ตัดสายทิ้งแล้วเดินเข้าร้านกาแฟ รอเวลาตามตามที่สั่งออกไป
อีกด้าน
บรึ้นนน~ รถสปอร์ตหรูเร่งเครื่องออกจากจุดนั้นทันที เคนตะไม่คิดจะลงไปตามคนตัวเล็กที่วิ่งเตลิดไปไกล
“เอาแต่ใจตัวเองชะมัด” มือหนาฟาดบนพวงมาลัย เจ็บใจที่ไม่สามารถพาคนตัวเล็กกลับบ้านได้
ทว่า...
“ทำไรลงไปวะ!!” ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่เขาลงโทษคัพเค้กอย่างลืมตัว มือหนาเลื่อนขึ้นมาขยี้ผมด้วยอารมณ์บางอย่างหวังเรียกสติให้ลืมรสจูบนั้น
“ยัยเค้กนี่” จู่ๆ สายตาก็ไปปะทะเข้ากับรถตู้คันหนึ่งที่กำลังเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์ เดาได้ทันทีว่าในนั้นมีใคร ว่าแล้วเคนตะเร่งเครื่องแซงปาดหน้ารถอีกคันทันทีเพื่อที่จะเข้าไปในคฤหาสน์
เอี๊ยดดด~
“ขอโทษครับคุณหนู” บอดี้การ์ดเหลียวหน้ามาบอกคนตัวเล็ก
“รถใครอ่ะ” คัพเค้กไม่ทันได้มอง เอ่ยถามออกไป
“คุณเคนตะครับ”
“ฟู่~” คัพเค้กพ่นลมหายใจทันที ยังไม่ทันทำใจได้ เธอก็ต้องมาเจอเขาอีกแล้วเหรอ
เมื่อรถตู้เข้าไปจอดดที่ประจำของลานจอดรถ คนตัวเล็กตวัดขาลงจากรถเหลียวหน้ามองซ้ายมองขวา
“ดีที่รู้ตัว ไม่เสนอหน้ามาตอนนี้” คัพเค้กพึมพำคนเดียวก่อนจะหันไปหาบอดี้การ์ดที่ยืนเปิดประตูรถให้ “ไปเอารถให้ฉันด้วย” มือบางส่งกุญแจให้ร่างสูงแล้วรีบเข้าไปในบ้านเพื่อขึ้นไปห้องนอนตัวเอง
ตึก!
ตึก!
หมับ!
ปึง!
“พี่เคน” คัพเค้กเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่ถือวิสาสะลากเธอเข้ามาในห้องของเขาในจังหวะที่เธอเดินผ่านหน้าห้อง
“เรายังคุยกันไม่จบ หนีลงจากรถทำไมหะ” เคนตะเท้าสะเอวถามอย่างเดือดดาล
“คุยบ้าไรของพี่เคน ใครเขาคุยกันแบบนั้น”
“แต่เธอไม่มีสิทธิ์มาตบและด่าฉัน!!” เขาตะคอกสุดเสียง
“แต่พี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาจูบเค้กเหมือนกัน” ทว่าคัพเค้กเองก็ตะคอกกลับเช่นกัน
ทั้งคู่จ้องตาอย่างไม่ยอมแพ้เพราะต่างก็คิดว่าตัวเองไม่ผิด
“หวงตัว!?” เคนตะสาวสาวเข้าใกล้เรื่อยๆ
“...” คัพเค้กถอยหลังจนหลังแนบชิดติดฝาผนัง
“ไม่ใช่จูบแรกของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องเสียดายขนาดนั้นก็ได้”
“ถึงจะไม่ใช่จูบแรก แต่เค้กก็ไม่อยากได้รสจูบห่วยๆจากพี่เคน!!”
หมับ!
“ห่วยงั้นเหรอ” เคนตะบีบไหล่มนเข้าหาตัวอย่างแรง
“อืม ห่วยจนเค้กกลัวฝันร้ายเลยล่ะ” คนตัวเล็กเอ่ยสมเพชพร้อมแบะปากใส่เคนตะ
“เตรียมตัวฝันร้ายได้เลย ยัยเค้ก” ว่าแล้วก็โน้มลงไปประกบปากบางทันที
ทว่า...
สัมผัสครั้งนี้ต่างจากครั้งแรกเพราะคนที่เป็นฝ่ายรุกกลับไม่ใช่เคนตะ แต่เป็นเรียวลิ้นเล็กของคัพเค้กที่แทรกซึมเข้าไปตวัดหยอกล้อกับเรียวลิ้นใหญ่ ทั้งขบทั้งเม้มและดูดจนเคนตะชะงัก มือบางเลื่อนขึ้นไปคล้องคอพร้อมทั้งกดศีรษะเคนตะให้เข้าใกล้ จนเคนตะต้องเลื่อนมือขึ้นไปแกะมือบางออกจากคอแล้วเป็นฝ่ายถอดริมฝีปากออกเอง
“หึ คิดว่าจูบเป็นคนเดียวรึไง” คัพเค้กแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะหมุนตัวเอื้อมมือเปิดประตู “จำไว้ว่าคนอย่างพี่สั่งสอนคนอย่างเค้กไม่ได้หรอก”
ปึง! บานประตูปิดลงสนิท ร่างสูงยืนนิ่งอึ้งคิดไม่ถึงว่าน้องสาวตัวดีจะใจกล้าได้ถึงเพียงนี้
“เธอคิดผิดแล้วล่ะ คัพเค้ก!!” เพราะรอยจูบเมื่อกี้กระตุ้นร่างกายเขาได้เป็นอย่างดี ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะนับถือเขาเป็นพี่ชาย เขาเองก็ไม่เคยเห็นคัพเค้กเป็นน้องสาว แล้วถ้าเขาจะสั่งสอนผู้หญิงสักคนให้อยู่ในโอวาท...เด็กอวดดีอย่างคัพเค้กไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่นอน...
“บ้าที่สุดเลย ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้กับฉัน” คัพเค้กระบายความในใจทั้งหมดที่มีให้ชายหนุ่มตรงกันข้ามฟัง“นายลองคิดดูนะ ว่าพี่น้องที่ไหนเขาจูบกัน ถ้าลงโทษอย่างอื่นฉันพอเข้าใจ” เธอทิ้งตัวพิงโซฟา นึกเจ็บใจไม่หายที่ตัวเองต้องแสดงรสจูบที่ร้อนแรงกลับไป“นายว่าพี่ฉันบ้ากามจนหน้ามืดตามัวรึเปล่า” ก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นจากเพื่อนหนุ่ม“...” แต่แล้วสิ่งที่ได้คือความเงียบ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้น“โจ้” คัพเค้กเอ่ยเรียกชื่อทันที“...” เงียบ..ชายหนุ่มตรงข้ามเธอไม่ได้สนใจเสียงเรียกนั้น ทว่ากำลังใช้สายตาสื่อสารบางอย่างกับผู้หญิงโต๊ะอีกฝั่งกึก!“โจโจ้!!” คัพเค้กกระแทกแก้วไวน์พร้อมโน้มหน้าไปตะโกนใส่หูเพื่อนหนุ่มเสียงดังลั่น“เฮ้ย! อะไรวะ จะเสียงดังทำไมเนี่ย ฉันตกใจหมด” โจโจ้หันมาตะคอกทันที หน้าเหวอจนแทบหมดความหล่อ ยกมือขึ้นมาลูบแผงอกอย่างเรียกขวัญ“เวอร์ชะมัด” เธอหย่อนตัวไปนั่งเหมือนเดิม ก่อนจะส่ายหน้าให้กับท่าทีโจโจ้ที่มีสถานะอื่นด้วยนอกจากความเป็นเพื่อน ก็เพราะความเสน่ห์แรงเป็นเหตุทำให้โจโจ้เลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟนกำมะลอไปพรางๆ ระหว่างที่คัพเค้กกำลังหาแฟนตัวจริง เขาจะไ
หมับ!“ปล่อยนะ..พี่เคน” คัพเค้กสะบัดตัวออกห่างจากร่างสูง“มาเที่ยวกับแฟนเหรอ พาไปแนะนำหน่อยสิ” เคนตะโอบเอวพร้อมยักคิ้วอย่างกวนๆ ในหัวมีแผนบางอย่าง“จะทำอะไร” คนตัวเล็กถามอย่างรู้ทัน“หึ คิดมากน่า พี่จะทำไรน้องสาวได้” เขาแสยะยิ้มมุมปาก แววตามีเลศนัยชัดเจน“อย่าคิดจะทำไรบ้าๆต่อหน้าแฟนเค้กนะ” คัพเค้กรีบข่มขู่ไว้ก่อน ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนแต่ก็แสดงออกมามากไม่ได้ ไม่รู้ว่าแผนนั่นคืออะไร แต่ที่แน่ๆไม่ดีกับตัวเธอหรือไม่ก็แฟนหนุ่มกำมะลอแน่นอน“...” เคนตะไม่รับปากกลับกระชากคนตัวเล็กไปที่โต๊ะทันที“ปล่อยได้แล้ว” เมื่อถึงโต๊ะคัพเค้กจึงแกะมือหนาออกจากเอว ทว่าอีกฝ่ายกดตัวเธอให้นั่งลงฝั่งเดียวกับเขา“นั่งข้างฉัน” ก่อนที่เคนตะจะกดเสียงเรียบนิ่ง“ไม่”ฟึ่บ! เคนตะออกแรงบีบหัวไหล่ไม่ให้คัพเค้กลุกออกไป ทำเอาชายหนุ่มอีกคนมองสลับไปมา ไม่รู้จะเอ่ยแทรกหรือหาจังหวะช่วยตอนไหนดี“คบกันนานยัง” เคนตะทำหน้าที่ผู้ปกครองทันที ถามในสิ่งที่อยากรู้มากกว่าหน้าที่“...” โจโจ้หันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งข้างพี่ชาย พยายามกระพริบตาบอกบางอย่างเป็นนัยน์ ๆ“ว่าไง ฉันถาม” เคนตะถามย้ำจ้องใบหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างเอาเรื่อง เรื่อง
บรึ้นนนน~“คออ่อนแล้วยังจะซ่าอีก เป็นภาระฉิบ!” เคนตะบ่นอย่างเอือมระอา สายตาเหลือบมองน้องสาวกับถนนสลับกันไปมา นับวันเขากับคัพเค้กความสัมพันธ์ไกลห่างออกไปทุกที ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนคงจะมีสิทธิ์เอ่ยเตือนได้บ้าง แต่มาตอนนี้คำพูดของเขาไม่มีอิทธิพลพอจะสั่งหรือเตือนคัพเค้กได้เลย“อื้ออ~” คัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึนเมา สมองพอจะจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ลาง ๆหมับ!“ร้อน เปิดแอร์ยังเนี่ย!!” มือบางเลื่อนไปกดด้านหน้ารถมั่ว ๆ โดยที่ยังคงหลับตาอยู่“ยัยเค้กอยู่นิ่ง ๆ” เคนตะบอกพร้อมปัดมือบางให้กลับไปตั้งบนหน้าขาเรียวเหมือนเดิม ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย“ก็คนมันร้อน โจ้เปิดแอร์ให้หน่อย” ทว่า...คัพเค้กไม่เพียงแต่ตะคอก แต่ยังเอ่ยถึงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมในรถด้วย“นั่งรถฉันอย่าเอ่ยถึงคนอื่น!!” ร่างสูงใหญ่เริ่มจะหัวเสีย แยกกันไม่ทันไรก็เอ่ยถึงอีกแล้ว น่าเจ็บนักขนาดเมาแล้วยังไม่ลืมไอ้เวรนั่นอีก“แล้วนายเป็นใคร!!” ศีรษะทุยสอดเข้าไปใต้วงแขนเงยหน้าถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ แววตาใสซื่อกระพริบถามอย่างน่าเอ็นดู“...” เคนตะถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อสบดวงตาหวาน กลิ่นประจำตัวน้องสาวลอยมาแตะจมูก ทำเอาเขากลืนน้ำ
“อื้ออ~”“ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเยอะเลยเรา” รุ่งเช้าในวันต่อมาคัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึน ๆ กำหมัดเล็ก ๆ เคาะศีรษะตัวเองเบา ๆ เพื่อคลายอาการปวดหัว ก่อนที่เธอจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียงจนผ้าห่มร่วงลงไปกองที่เอว ความเย็นของอากาศภายในห้องส่งผลให้เธอก้มมองเรือนร่างของตัวเอง“กรี๊ดดดดดด~” คัพเค้กกรีดร้องด้วยความตกใจ ทำไมเธอถึงได้...นอนเปลือยเปล่าอย่างนี้ มันเกิดอะไรขึ้น“เฮ้ย! หนวกหูเว้ยคนจะนอน” ทว่าคนที่นอนหลับอยู่ชะโงกหัวขึ้นตวาดอย่างรำคาญ“พะ...พี่เคน~” คนตัวเล็กดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าทันทีพร้อมกับหันไปมองต้นเสียงข้าง ๆ ด้วยความงุนงง“...” เคนตะฟุบหน้าลงบนหมอนอีกครั้งเพื่อหลับตานอนต่อ โชว์แผนหลังเปลือยเปล่าให้คัพเค้กได้เห็น โชคยังดีที่ด้านล่างพอจะมีผ้าห่มปิดอยู่ไม่อย่างนั้นคงจะเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“นี่มันอะไรกัน!!” คัพเค้กกัดฟันถามออกไป“...” แต่เคนตะยังคงนอนต่ออย่างไม่ใส่ใจหมับ!“ตื่นมาคุยให้รู้เรื่องนะ..พี่เคน!!” มือบางเขย่าหมัดกล้ามด้วยความแรง เรียกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาคุยให้รู้เรื่อง“โอ๊ยย~ ไม่รู้!?” เคนตะเสยผมขึ้นไปด้านบนแล้วตอนตะแคงข้าง ใช้มือเท้าคางถามอย่าง
ตึกตึก...คนตัวเล็กเดินวนไปวนมา สับสนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำไมเธอถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บหรือมีอาการอย่างที่เคยอ่านเจอในโซเชี่ยลเลยสักนิด แล้วถ้าไม่ได้เกิดขึ้นจริง คราบบ้า ๆ นั่นจะมาติดอยู่ที่ขาเธอได้ยังไงกัน“เลือดล่ะ” หลังจากชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกายเธอก็คิดไม่ตกจนสมองสั่งการบางอย่าง คัพเค้กในชุดคลุมอาบน้ำจึงสาวเท้าไปที่เตียงนอนดูสภาพยับยู่ยี่บนเตียง แต่ก็ไร้ร่องรอยของคราบเลือดฟึ่บ!“ทำไมถึงไม่มีเลือด” ก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลง ใช้มือนวดขมับตัวเองทันที“ไม่น่าซ่าเลยเรา แล้วอย่างงี้จะมองหน้ากันติดไหมเนี่ย ปกติก็เกลียดขี้หน้าจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาเกิดเรื่องบ้า ๆ ขึ้นอีก โอ๊ยยยย~ อยากจะบ้าตาย!!” คัพเค้กล้มตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเตียงที่เธอล้มลงไปนอนเพิ่งจะผ่านกิจกรรมมาสด ๆ ร้อน ๆคัพเค้กย่นจมูกแล้ววิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัว รีบใส่ชุดแต่งหน้าจะได้รีบออกจากบ้าน หนีหน้าคนนิสัยไม่ดีร่างสูงใหญ่เข้ามาในห้องอาหาร หลังจากนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่นานสองนาน“คัพเค้กยังไม่ลงมาอีกเหรอ” เคนตะถามแม่บ้านทันที“คุณหนูยังไม่ลงมาเลยค่ะ คุณเคนตะจะทานเลยไหม
บรึ้นนน~คัพเค้กยืนระเบียงห้องนอนตัวเองมองรถสปอร์ตขับออกไปจนพ้นประตูหน้าบ้าน“เห้อ!! คิดว่าจะบังคับกันได้เหรอ” คนตัวเล็กแสยะยิ้มแล้วเอ่ยทันที ยังไงเธอก็จะไม่มีวันอยู่ใต้อำนาจคนหื่นกามแบบนั้นเด็ดขาด ผู้ชายที่ไว้ใจไม่ได้ ขนาดน้องสาวตัวเองยังทำได้ลงคอ ทว่า...เรื่องเมื่อคืนมันคือเรื่องจริงใช่ไหม ความสับสนยังคงวนเวียนในใจเหมือนเดิม แต่จะให้เธอทนต่อคงไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ควรออกไปด้านนอกให้สบายใจสักพัก“ทีตัวเองยังออกไปได้เลย” คัพเค้กย่นจมูกนาทีต่อมา แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนประเภทนั่นจะออกไปไหนได้ เธอจึงหมุนตัวเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายบ้างก่อนจะเปิดประตูด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแอ๊ดดดด~“มายืนทำอะไรหน้าห้องฉัน!?” ทันทีที่เปิดกลับเห็นบอดี้การ์ดประจำตระกูลยืนประกบข้างประตูซ้ายขวา ทั้ง ๆ ที่ชั้นนี้มันคือชั้นห้องพักที่ลูกน้องไม่ควรขึ้นมา ถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ“คุณเคนตะสั่งไว้ครับ” ชายฉกรรจ์ตอบคัพเค้กทันที“เพื่อ!?” น้ำเสียงประชดประชันดังก้องอย่างโกรธเคือง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครขัดใจหรืิอทำกับเธออย่างนี้มาก่อน“คุณเคนตะห้ามไม่ให้คุณหนูออกไปไหนจนกว่าคุณเคนตะจะกลับมา”“เหอะ!! ฝันไปเถอะ หลีกไป ฉันจะออกไปด
เมื่อโจโจ้ขับรถออกจากหน้าบ้านคัพเค้กได้สักระยะ จึงหันไปถามด้วยความสงสัย“บอกมาว่าทำไมต้องหนี มันเกิดอะไรขึ้น” โจโจ้เหลียวหน้ามองเพื่อนสาวพร้อมสลับมองถนนไปด้วย ยิ่งคัพเค้กเป็นหลานสาวคนเดียวของบ้าน ยิ่งน่าแปลกใจที่เด็กโดนสปอยมาโดยตลอดต้องวิ่งหนีบอดี้การ์ดและให้เขาอื่นมารับ“ฉันจะบอกนายยังไงดี” คัพเค้กคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง จะปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่พูดหรือจะระบายกับเพื่อนหนุ่มดี“เล่ามาเหอะ อยากรู้จะตายแล้วเนี่ย”“...” คนตัวเล็กได้แต่เงียบนิ่ง ถ้าหากเล่าไปมันก็ไม่มีไรดีขึ้นมา“หรือพี่เธอทำอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ” จู่ ๆ โจโจ้ก็หันมาขมวดคิ้วอย่างสงสัย แววตาเหมือนรู้อะไรบางอย่าง“นายคิดไร!?” ทำเอาคัพเค้กถามอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพี่ชายจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป“ก็ที่เธอเล่าว่าพี่เคนจูบไงวะ สรุปโดนพี่เขาจูบอีกใช่ไหม ยัยเค้ก”“...” คัพเค้กโล่งใจที่โจโจ้คิดแค่นั้น “นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ” ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง“เออดิวะ หรือมันมีมากกว่านั้น”“จะมีได้ไง ตลกแหละ” คัพเค้กเอ่ยกลบเกลื่อน“ไม่มีก็ดีไป”“...” คัพเค้กได้แต่ยิ้มจาง ๆ“แต่ทำไมเธอถึงไม่สนิทกับพี่เคน ทั้ง
ปึง! ปลายเท้าปิดประตูคอนโดตามอารมณ์“เรามาคุยกันดี ๆ ได้ไหมพี่เคน” คัพเค้กอยากให้คนตรงหน้าใจเย็นลง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาร้อนเรื่องอะไรด้วยซ้ำ การมีแฟนมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ทำไมเขาถึงมีได้ แบบนี้มันไม่แฟร์สักนิด“จะคุยอะไร ในเมื่อสิ่งที่ฉันสั่งเธอไม่คิดจะทำตาม” เขาก้าวเท้าเดินตามคัพเค้กที่เริ่มจะเดินถอยหลังเรื่อย ๆ อย่างหวาดระแวง“ก็พี่เคนไม่มีเหตุผล”“ฉันไม่มีเหตุผลตรงไหนห๊ะ!!” เคนตะตะคอกตามอารมณ์เดือดดาล ทำเอาคัพเค้กสะดุ้งด้วยความตกใจ พี่เคนคนเดิมไม่หลงเหลือในความทรงจำของเธอแล้วจริง ๆ“สั่งให้บอดี้การ์ดมาเฝ้าเค้ก ให้เค้กอยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปใน ทำแบบนี้ทำไม” เธอถามอย่างไม่เข้าใจ ตลอดเวลาเกือบสี่ปีไม่เห็นเขาจะใส่ใจ ดูแลเธอสักนิด พอโดนปู่บังคับให้ดูแลก็ทำหน้าที่เกินที่คาดไว้“ฉันทำเพราะปกป้องตัวเธอเอง” เคนตะเท้าสะเอวพายมือไปยังคนตัวเล็ก“พี่เคนจะด่าว่าเค้กง่ายอีกนะสิที่ออกไปเที่ยวไปมั่วก็เลยอยากจะขัง ขีดเส้นให้เค้ก แบบนี้น่ะเหรอ” คัพเค้กตัดพ้อทันที สิ่งเดียวที่เขามองเธอก็มีแต่สายตาเหยียดหยาม แค่นั้นจริง ๆ“ใช่” และคำตอบที่หลุดจากปากเคนตะแบบไม่ต้องคิด ทำเอาคัพเค้กถึงกับหน้าชา จุกใน
รถสปอร์ตจอดหน้าคฤหาสน์ตระกูลซามูเอล ไมก้าเดินเข้าไปด้านในโดยไม่สนบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้า“เข้าไม่ได้!!”“ถอยไป!” เขากดเสียงทุ้มต่ำ จับจ้องไปด้านหน้าเพียงอย่างเดียว“บอกว่าเข้าไม่ได้ไงวะ” บอดี้การ์ดราวสิบคนเข้ามายืนขวางเป็นทางยาว“...” แต่ไมก้าไม่สนดันตัวเองเพื่อจะเข้าไปให้ได้ วันนี้เขาต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือใคร“เฮ้ย! ไปบอกนายว่าคุณไมก้าบุกเข้ามาที่นี่” ลูกน้องที่ยืนด้านหน้าสุดกระซิบบอกข้าง ๆ อย่างไว“ได้ลูกพี่”“หลีกไปไงวะ” ตอนนี้ไมก้าทั้งดันทั้งผลัก แต่ก็ไม่สามารถทะลายกำแพงจากแขนหนาของบอดี้การ์ดได้เลยจนกระทั่งลูกน้องวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อหาเจ้านายหนุ่ม ที่ตอนนี้กำลังนั่งดูบางอย่างในโทรศัพท์‘อย่าลืมส่งคนมา วันนี้ผมลงมือแล้ว’ ข้อความจากเคนตะส่งตรงเข้าโทรศัพท์มือถือคริสเตียน“มีไร!?” เห็นสีหน้าลูกหน้าแปลกเลยถามทันที“เอ่อ...คุณไมก้าบุกมาที่นี่ครับ”“อืม” คริสเตียนพยักหน้ารับรู้ จนสายตาเหลือบไปเห็นลูกน้องคนสนิท “ไอ้อะเดล ทำไมมึงไม่ตามคัพเค้ก”“คุณหนูไปกับเพื่อนสนิทครับ ไม่ให้ผมตามไป”คริสเตียนพยักหน้าอีกครั้งอย่างเข้าใจเพราะรู้ว่า เพื่อนสนิทคัพเค้กคนนี
โรงแรมหรู (สองวันต่อมา)ชายวัยกลางคนเข้ามาในโรงแรมเพื่อพบเจ้านายตัวเอง“นายน้อยล่ะ”“ด้านในครับ”ตึกตึก! ไมก้าหยุดนิ่ง มองคนที่กล้าขัดคำสั่ง และมาปรากฏตัวตรงหน้าในวินาทีนี้“อาไรอันจะมา ทำไมไม่บอกผมก่อน” เขาถามเสียงนิ่งเรียบ“อาเคลียร์งานเสร็จหมดแล้ว ก็เลยตามมา”“แต่ผมไม่ได้จะมาอยู่ไทยนาน ไม่จำเป็น” ไมก้าเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า“ช่วงนี้นายน้อยดูมีลับลมคมใน นายน้อยคิดจะทำอะไร” ชายวัยกลางคนถามอย่างเป็นห่วง“เปล่าครับ ผมโตแล้วเลยอยากใช้ชีวิตตามใจตัวเองบ้าง บางทีมันก็เหนื่อยที่ต้องทำงาน ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ”“...” ไรอันถึงกับยิ้มมุมปาก ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากเจ้านาย“ผมขอละครับ ให้ความเป็นส่วนตัวผมบ้าง”“อาไม่ได้จะล้ำเส้น แค่อยากซัพพอร์ตก็เท่านั้น แต่ถ้านายน้อยอึดอัด อาก็จะกลับยุโรป” ชายวัยกลางคนตัดพ้อทันทีแล้วหมุนตัวเพื่อออกจากห้อง“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ก่อนที่ไมก้าจะกล่าวต่อ“ผม แต่อาจะกลับไปดูงานอื่นต่อ นายน้อยไว้ใจอาเถอะ แค่ตามมาดูให้หายห่วง”“ขอบคุณอามากครับ อาดีกับผมเสมอ”ไรอันโค้งศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องฟึ่บ! ไมก้าทิ้งตัวนั่งบนโซฟากลางห้อง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเมื่อมี
โรงแรมหรูร่างสูงใหญ่ตวัดขาลงจากรถสปอร์ตแล้วมุ่งหน้าเข้าโรงแรม เดินเข้าไปดักหน้าร่างสูงอีกคนที่กำลังออกจากที่นั้น“ขอคุยด้วยหน่อย”“ไม่ว่าง” ไมก้าไม่หันไปสบตา เลี่ยงตัวเองเดินหน้าต่อ“แต่เรื่องนี้สำคัญ” เคนตะไม่ละความพยายาม ยังคงรั้งโดยประโยคที่คิดว่าอีกฝ่ายต้องสนใจ“...” แต่ไมก้าไม่กล่าวอะไร“แค่แป๊บเดียว คุยจบจะลุกออกไปก็ได้”ไมก้าตัดสินใจหมุนตัวเข้าโรงแรมอีกครั้ง ทว่าเคนตะกลับเอ่ยต่อ “ขอเปิดห้องนะ”“งั้นกูไม่คุย” ดวงตาคมตวัดมามองด้วยหางตา ปกติแล้วถ้าเป็นคริสเตียนจะเป็นเขาเองที่เข้าไปหาเรื่อง แต่กับเคนตะเขารู้ว่าร่างสูงใหญ่ไม่ได้อย่างยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจ จึงไม่อยากใส่ใจนัก“ถ้าไม่สำคัญ กูจะมาคุยกับมึงก่อนมั้ย”“เออ เปิดก็เปิด”ภายในห้องส่วนตัว ทั้งคู่ต่างจ้องหน้ากันสักพักใหญ่ ก่อนที่คนที่คิดจะเจรจากล่าวออกมาก่อน“เรื่อง...คนที่ฆ่าพ่อแม่เรา”“หึ เรื่องนี้มึงกลับไปถามปู่มึงเองเถอะ น่าจะรู้รายละเอียดดี” ไมก้าคิดมาตลอดว่าเรื่องนี้ต้องมีคนรื้อฟื้นขึ้นสักวัน และเขาเองก็รอเวลานี้มานาน เวลาที่จะได้ชำระแค้นให้กับวงตระกูล“จนป่านนี้มึงยังเข้าใจว่าเป็นปู่กูอีกเหรอวะ” เคนตะถามกลับทันที“กูไม่รู้
ห้องลับสองพี่น้องนั่งประชุมภายในห้องลับโดยมีปลายสายจากญี่ปุ่นร่วมวางแผนด้วย(สรุปว่ามันเป็นใคร) คูเปอร์ถามด้วยความสงสัยและเหนื่อยกับการต้องลุ้นอยู่ตลอด“ยังไม่เคยเห็นหน้า กูจะรู้ไหม” เคนตะที่ทำงานนี้หลักบอกอย่างกวน ๆ“อะไรของมึง ทำไมยืดเยื้อจังวะ” คริสเตียนส่ายหน้ากับผลงานที่ล่าช้า“นัดกี่ครั้ง มันก็ไม่มา อุตส่าห์ไปดักรอก่อน แต่ก็ไม่เจอ แล้วแบบนี้กูจะเอาอะไรมายืนยันกับพวกมึง”“มึงคิดจะขโมยข้อมูลอย่างที่รวงข้าวเคยทำเหรอ”“ไม่แน่ใจวะ” เคนตะไม่สามารถตอบได้เลยว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร ไม่รู้เป้าหมายต้องการจะฆ่าเขาหรือล่วงความลับกันแน่ “นี่ปู่เงียบ ๆ ไปไม่รู้มีแผนอะไรรึเปล่า” ก่อนจะนึกถึงอีกคนที่ตั้งแต่สั่งให้ดูแลคัพเค้กก็ไม่ยอมออกจากห้อง ปรากฏให้เห็น(รีบลงมือ) ปลายสายจากญี่ปุ่นเงียบฟังพี่ ๆ พูดอยู่นาน สุดท้ายก็ปริปากเอ่ยสั่ง“ลงมือเองเลยไหม มึงถนัดงานโหด ๆ ไม่ใช่เหรอ” เคนตะสั่งบ้าง ความจริงงานนี้น่าจะเหมาะกับคริสเตียนหรือไม่ก็คูเปอร์มากกว่า โดยเฉพาะน้องชายที่มีนิสัยเด็ดขาดและใจนิ่ง ไม่โลเลง่าย ๆ ทว่าไม่ว่ากี่ครั้งเป้าหมายก็ยังเลือกเขาในการเข้างาน ผลสรุปเลยต้องเป็นเขาที่ต้องลงมื
ลมแอร์พัดผ่านผิวขาวเนียนที่โผล่จากผ้าห่ม ทว่าคนตัวเล็กไม่ได้รู้สึกแหนบหนาวเลยสักนิด ไม่รู้เป็นเพราะความร้อนรุ่มในร่างกายหรือไออุ่นจากคนข้าง ๆ ที่นอนกอดเธออยู่เพราะตอนนี้เขาและเธอไม่มีเสื้อผ้าติดตัว นอนกอดกันโดยที่เนื้อแนบสัมผัสกันอย่างว้าวุ้น ขยับติดนิดเดียวก็เล่นเอาเสียวซ่านเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านตลอดเวลา“พี่เคน”“อือ” เขาขานรับเพียงในลำคอ“เรื่องของเรา...” คัพเค้กสลัดความร้อนรุ่มออกจากหัวก่อน อยากพูดในสิ่งสำคัญสำหรับเขาและเธอมากกว่า“...” เคนตะนอนฟังเงียบ ๆ คาดเดาได้ตั้งแต่เธอเรียกชื่อเขาแล้ว“เค้กพร้อมแล้วนะคะ เค้กไม่อยากพิสูจน์อะไรอีกแล้ว” เธอพร้อมแล้วเพราะตอนนี้บาดแผลในอดีตมันไม่หลงเหลืออีกแล้ว ในหัวใจตอนนี้มีแต่คำว่า ‘รัก’ คำเดียวแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเข้ามายืนตรงกลางใจ ยืนที่เดิมที่เขาอยู่มาตลอด“ไม่อยากพิสูจน์แล้วเหรอ”“ไม่แล้วค่ะ เราจะบอกเรื่องของเรากันพรุ่งนี้ดีไหมคะ” คัพเค้กเงยหน้าขึ้นไปสบตาและรอคำตอบ“...” เขาส่งยิ้มเพียงแววตา ก่อนจะพยักหน้ารับ“ทำไมพี่เคนดูไม่ดีใจเลย” คนชั่งสังเกตขมวดคิ้วถาม“คิดมากอีกแล้วที่รักของพี่” เคนตะจึงก้มลงมาจูบขมับหนัก ๆ เพื่อปลอบโยนแต่แล
ห้องเช่าอพาร์ตเม้นต์สองหนุ่มมาเฟียลงจากรถตัวเองแล้วยืนมองตึกห้องเช่าที่ออกจะทรุดโทรม ข้าง ๆ มีคนงานตั้งวงนั่งเมาสุรากันตั้งแต่หัววัน สภาพแต่ละคนแทบจะดูไม่ได้ หากดึกดื่นคงจะอันตรายน่าดูถ้าเดินผ่านกลุ่มขี้เมาพวกนี้“พี่แน่ใจนะว่าแพรพักอยู่ที่นี่” เคนตะส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อทอดสายตามองสภาพแวดล้อม“ไอ้อดัมเป็นคนสืบ” แค่คริสเตียนเอ่ยชื่อลูกน้องคนนี้ก็สามารถเรียกความมั่นใจให้กับเคนตะได้แล้วตั้งแต่กลับจากฮันนีมูนเขาก็สั่งให้อดัมทำหน้าที่นี้โดยปิดเป็นความลับไม่ให้คางูยะรู้ว่ากำลังตามหาผู้หญิงที่ชื่อ แพร์พีญา หรือ แพร ผู้หญิงที่ขาดการติดต่อจากพวกเขาเกือบห้าปีเต็ม“ว้าววว หล่อจัง มีไรถามแนนนี่ได้นะคะ แนนนี่เป็นเจ้าของตึกนี้” ลูกสาวเจ้าของอพาร์ตเมนต์ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า รีบวิ่งแจ้นเข้ามาทักทาย“ตึกนี้มีคนพักชื่อแพร์พีญารึเปล่า” เคนตะเป็นฝ่ายถามก่อน“แพร์พีญา!” มืออวบเกาศีรษะตัวเอง ทวนชื่อนั้นซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่คุ้นหรือเคยได้ยินมาก่อน“รู้จักไหม” ร่างสูงใหญ่ของคนเป็นน้องถามอีกครั้ง“ไม่อ่ะค่ะ”“...” ทำให้เคนตะหันไปมองหน้าคริสเตียนถามด้วยสายตาว่าจะเอาไงต่อ“แน่ใจนะว่าไม่เคยได้ยิน” เสียงนิ่งเรียบเอ่ยออกม
ตึก!ตึก!ร่างสูงใหญ่เข้าไปด้านในโรงแรมหรูกวาดสายตามองหาเป้าหมายที่นัดไว้ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งมีเด็กหนุ่มหน้าใสเดินเข้ามาหา ส่งคีย์การ์ดให้และนำทางไปชั้นที่ต้องการความเป็นส่วนตัว“เชิญครับ” เด็กหนุ่มผายมือเปิดทาง ก่อนที่ห้องหรูจะเปิดให้เคนตะแทรกตัวเข้าไป“มาแล้วเหรอคะ” เจ้าของห้องเอ่ยทักทายทันที โปรยยิ้มเชิญชวนชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมีชั้นเชิง“...” เคนตะไม่ตอบ แต่ใช้สายตาสื่อความหมายบางอย่างแทน แค่แววตาแค่นี้ก็ทำเอาคนมองแทบจะคลานเข่าเข้าหาแล้ว“มานั่งก่อนสิคะ” ชาช่าจับมือและจูงไปนั่งโซฟากึ่งกลางห้อง“ไหนแดดดี้คุณล่ะครับ” เขาหย่อนตัวลงนั่งพาดมือขึ้นตั้งบนพนักด้วยท่าทีสบาย ถามหาคนที่ต้องการพบเขามากที่สุด“คุณเคนมาช้า แดดดี้รอไม่ไหวเลยออกไปด้านนอกแล้วล่ะค่ะ” เธอบอกพร้อมขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ใช้นิ้วเรียวเขี่ยเม็ดกระดุมเสื้อที่แหวกลงมาเกือบกลางอกเคนตะก้มมองการกระทำทุกอย่างเลื่อนมือลงไปรั้งท้ายทอยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้เจอแดดดี้คุณ”“อยากเจอขนาดนั้นเลยเหรอคะ จริงจังหรือเปล่า”“ผมดูเป็นคนไม่จริงจังเหรอ” นิ้วเรียวเปลี่ยนจากท้ายทอยเป็นลูบไหล่มนแทน“ก็คู่ควงคุณเยอะ...ช่าจะ
ครืดดด ครืดดดดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองโทรศัพท์ที่สั่นสักพักใหญ่แล้ว แต่เขายังคงขับรถต่อไปไม่ได้คิดจะรับสายหรือตัดสายทิ้งจนกระทั่งไม่นานเสียงโทรเข้าเงียบไปทว่า...มีข้อความส่งเข้ามาแทน‘โกรธเหรอ’‘พี่เคนรีบสายเค้กหน่อยนะ’เคนตะอ่านทุกข้อความ นิ้วเรียวหมายจะพิมพ์ตอบกลับ แต่จังหวะนั้นกลับมีสายเรียกเข้าซะก่อน“ครับ” เขาขานรับ วางโทรศัพท์ลงด้านข้างเหมือนเดิมเพื่อต่อสายซิ้งค์กับรถ(คุณเคนตะอยู่ไหนแล้วคะ)“อดใจคิดถึงผมไม่ไหวแล้วเหรอครับ” เคนตะหยอดไปเสียงหวาน ออดอ้อนสไตล์หนุ่มเจ้าสำราญ(รู้ใจตลอดเลย)“หึ”(แต่วันนี้อดไปก่อนนะแดดดี้มาด้วย) เธอบอกอย่างเซ็ง ๆ“หว่า~ แล้วคืนนี้ล่ะครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดายหนักหนา(ช่าทบต้นทบดอกให้เลยค่ะ)“แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นคู่ควงของผม”(แค่คู่ควงเองเหรอคะ)“...”(ถ้าช่าอยากได้มากกว่านั้น...คุณเคนจะให้ช่าได้ไหม) ชาช่าเว้นวรรคให้อีกฝ่ายคิดแล้วเอ่ยขออย่างที่รู้ความหมายกันดี“หึ ผมขอดูผลงานคืนนี้ก่อนแล้วกันว่าคุ้มกับสิ่งที่ผมต้องแลกไหม”(งั้นช่าทุ่มสุดตัวเลยค่ะ)“อยากให้ถึงคืนนี้เร็ว ๆ จัง”(ฮ่า ๆ ตกลงคุณเคนถึงไหนแล้วคะเนี่ย ยังไม่ตอบช่าเลย) ชาช่าหัวเราะกล
สนามบินเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เป้าหมายที่แท้จริงไม่ได้มาพักผ่อน ทว่าไมก้าต้องการมาสืบเรื่องน้องสาวที่ยังมีชีวิตอยู่และเมื่อรู้ข้อมูลบางอย่างว่าน้องสายเลือดเดียวกันอยู่เมืองไทย เขาจึงหาโอกาสมาที่นี่ทันที โดยให้ลูกน้องเก่าแก่ทำงานแทน“เชิญทางนี้ครับ”“...” เขาเดินตามเงียบ ๆ“พวกมันรอนายน้อยที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว” ลูกน้องที่เมืองไทยรายงาน“...”“ส่วนเรื่องคริสเตียน ตอนนี้มันกลับจากฮันนีมูนและน้องชายมันก็อยู่ที่นี่ด้วย”“ทั้งคู่!?” ไมก้าถามขึ้นบ้าง“แค่เคนตะ อีกคนมาไทยล่าสุดงานแต่งคริสเตียน”“อืม รีบไปโรงแรมกันก่อน”ไมก้าเข้าไปนั่งในรถเตรียมไปโรงแรมที่นัดสายสืบเอาไว้ อยากจะสืบเรื่องให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการตอบคำถามไรอันคฤหาสน์ตระกูลซามูเอลเช้าวันรุ่งขึ้นคัพเค้กเอ่ยปากไล่เคนตะให้ออกจากห้องตั้งแต่ฟ้าไม่สร่าง เหตุผลเดียวคือไม่อยากให้ใครเห็น“เช้าอยู่เลย ให้พี่นอนต่ออีกนิดนะ” เคนตะซุกหน้าลงตรงเนินอก แขนกอดรัดคนตัวเล็กไม่ยอมปล่อย“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวใครเห็นเข้า” เธอผลักเขาออกอีกครั้ง“ให้เขาเห็นไปสิ” คนดื้อด้านไม่สนอะไรทั้งนั้นนอนแนบหน้าบนเต้านิ่ม ๆ หลั