“บ้าที่สุดเลย ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้กับฉัน” คัพเค้กระบายความในใจทั้งหมดที่มีให้ชายหนุ่มตรงกันข้ามฟัง
“นายลองคิดดูนะ ว่าพี่น้องที่ไหนเขาจูบกัน ถ้าลงโทษอย่างอื่นฉันพอเข้าใจ” เธอทิ้งตัวพิงโซฟา นึกเจ็บใจไม่หายที่ตัวเองต้องแสดงรสจูบที่ร้อนแรงกลับไป
“นายว่าพี่ฉันบ้ากามจนหน้ามืดตามัวรึเปล่า” ก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นจากเพื่อนหนุ่ม
“...” แต่แล้วสิ่งที่ได้คือความเงียบ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้น
“โจ้” คัพเค้กเอ่ยเรียกชื่อทันที
“...” เงียบ..ชายหนุ่มตรงข้ามเธอไม่ได้สนใจเสียงเรียกนั้น ทว่ากำลังใช้สายตาสื่อสารบางอย่างกับผู้หญิงโต๊ะอีกฝั่ง
กึก!
“โจโจ้!!” คัพเค้กกระแทกแก้วไวน์พร้อมโน้มหน้าไปตะโกนใส่หูเพื่อนหนุ่มเสียงดังลั่น
“เฮ้ย! อะไรวะ จะเสียงดังทำไมเนี่ย ฉันตกใจหมด” โจโจ้หันมาตะคอกทันที หน้าเหวอจนแทบหมดความหล่อ ยกมือขึ้นมาลูบแผงอกอย่างเรียกขวัญ
“เวอร์ชะมัด” เธอหย่อนตัวไปนั่งเหมือนเดิม ก่อนจะส่ายหน้าให้กับท่าทีโจโจ้ที่มีสถานะอื่นด้วยนอกจากความเป็นเพื่อน ก็เพราะความเสน่ห์แรงเป็นเหตุทำให้โจโจ้เลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟนกำมะลอไปพรางๆ ระหว่างที่คัพเค้กกำลังหาแฟนตัวจริง เขาจะได้เลิกทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาให้กับคัพเค้ก
“ไม่เวอร์เว้ย ลองมาเป็นฉันดู”
“ใครใช้ให้นายใจลอยล่ะ” คัพเค้กย่นจมูกอย่างต่อว่า
“เออๆ เถียงไปฉันก็ไม่ชนะ ตกลงทะเลาะไรกับพี่เคนวะ” โจโจ้ตัดบทละสายตาจากสาวๆในผับ หันมาสนใจแฟนสาวกำมะลอแทน
“สรุปไม่ได้ฟัง!?” ทำเอาคัพเค้กถึงกับกรอกตามองบนทันที
“เล่าใหม่สักรอบไม่เห็นเป็นไรเลย”
จนสุดท้ายคัพเค้กก็ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นใหม่อีกครั้ง ตั้งแต่คำดูถูกจนหน้าที่ใหม่ที่เคนตะเพิ่งได้รับจากปู่หมาดๆ และการลงโทษที่ผิดแปลกจากพี่น้องบ้านอื่น
“หะ!! พี่เคนจูบเธอ!?” ดวงตาคมถึงกับชะงักค้าง ถามย้ำเพื่อหวังว่าเขาจะหูฝาดไป
“อืม”
“พี่น้องบ้าไรวะ ฉันไม่เคยเห็นใครเขาทำกันอย่างนี้” โจโจ้ชักสีหน้าไม่พอใจ รู้สึกความผิดปกติที่อาจเป็นอันตรายต่อเพื่อนสาว
“ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆน่ะสิ” คัพเค้กพึมพำคนเดียวเบาๆ
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ” เสียงดนตรีในผับพอสมควรจนโจโจ้ต้องขมวดคิ้วถามใหม่อีกครั้ง
“ไม่มีไร” เพราะเป็นคำสั่งของปู่ คัพเค้กจึงไม่ไว้ใจที่จะเล่าความลับของครอบครัวให้ใครฟังตอนนี้
“ฉันว่าเรื่องนี้ต้องบอกพี่คริส เผื่อจะช่วยไรได้” โจโจ้เสนอความคิดเห็น
“ไม่เอาอ่ะ พี่คริสกับพี่สะใภ้ฉันไปฮันนีมูน ฉันไม่อยากให้เขาหมดสนุกแล้วต้องมาเครียดเรื่องของฉัน” เธอพ่นลมหายใจอย่างท้อ หมดหนทางเพราะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้...นอกจากตนเป็นที่พึ่งของตนเท่านั้น ณ เวลานี้
“ย้ายมาอยู่คอนโดดิ ห่างเอาไว้จนกว่าพี่คริสจะกลับมา”
“เดี๋ยวฉันมา” จู่ๆ คัพเค้กก็ลุกขึ้นยืน เดินตรงไปยังอีกฝั่ง
“ไปไหนวะ ยังคุยกันไม่จบเลย” ก่อนที่โจโจ้จะเห็นเป้าหมายของเพื่อนสาวที่เพิ่งจะเอ่ยถึงเมื่อตะกี้ “ไม่คิดจะฟังเลย ยัยเค้กนะยัยเค้ก” ก็เพราะคนที่คัพเค้กกำลังเดินไปหานั้นก็คือเคนตะ...และไม่ใช่แค่เดินเข้าไปทักเพียงอย่างเดียว ทว่าคนตัวเล็กกลับใจกล้าหย่อนสะโพกนั่งลงบนตักชายหนุ่มทันที
พึ่บ!
“คัพเค้ก!!” เคนตะตกใจไม่น้อยที่จู่ๆคนที่เข้ามานั่งในตักคือน้องสาวตัวดี และเลือกจังหวะเข้ามาในเวลาที่เขากำลังหลอกล่อเหยื่อรายใหม่พอดิบพอดี
“ขา~ คิดถึงเค้กใช่ไหมคะ ถึงได้ทำหน้าอย่างงี้” มือบางเลื่อนขึ้นไปคล้องคอ ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้วนรอบปลายคาง
“คุณเคน! ยัยนี่เป็นใคร ไหนว่าคุณโสดไงคะ” หญิงสาวอีกคนโวยวายขึ้นมาทันที
“เอ่อ...คือ”
ไม่ทันที่เคนตะได้อธิบายก็โดนมือบางเลืื่อนมาปิดปากเอาไว้
“เขาบอกเธอโสดเหรอ ถ้าโสดจริง เขาก็คงไม่หน้าเหวอตกใจที่เห็นฉันอยู่ตรงนี้หรอกนะ”
“ยัยเค้ก..อุ้ป!”
“ไม่เอาค่ะที่รัก เค้กมาง้อแล้วนี่ไง หายโกรธแล้วกลับกับเค้กนะ” คัพเค้กเอ่ยคำหวานแล้วใช้ปลายคางถูไถ่กับไหล่หนาอย่างออดอ้อน
“อ๊าย~ มีเมียอยู่แล้วยังจะหน้าด้านมาจีบฉันอีก ไอ้เลว!” เธอลุกขึ้นยืนพร้อมต่อว่าเสียงดังลั่น ก่อนจะกระทบเท้าแล้วเดินออกจากจุดนั้นทันที
ฟึ่บ!
“หึ สนุกจัง” คัพเค้กลุกขึ้นออกจากตักแล้วยืนกอดอก ยิ้มมุมปากที่ได้เอาคืน
“เธอแกล้งฉันเหรอวะ” เคนตะเงยหน้าถามออกไป
“เปล่า~” ก่อนที่คัพเค้กจะะลากเสียงยากแล้วหมุนตัวกลับที่โต๊ะตัวเอง
หมับ!
“จะไปไหน อยู่แสดงบทเมียฉันต่อดิ” เคนตะกระชากแขนแล้วโน้มไปกระซิบเสียงกระเส่า
“หยาบคาย!!”
“หยาบเหรอ เธอเป็นคนเริ่มก่อน”
“ใครกันแน่ที่เริ่มก่อน เลิกยุ่งกับเค้ก ไม่อย่างนั้นชีวิตไม่สงบสุขแน่” คัพเค้กสะบัดมือออกจากการเกาะกุม แล้วหมุนตัวอีกครั้ง ทว่าจู่ๆก็หันกลับมาใหม่เพื่อเอ่ยบางอย่าง “ถ้าพี่กล้าทำเลวใส่ฉันอีกครั้ง...เรื่องนี้ถึงหูพี่คริส” นิ้วเรียวชี้หน้าพร้อมทั้งเน้นเสียงทุกประโยคชัดเจน ก่อนจะเดินกลับโต๊ะไปจริงๆ
“ขู่เก่งเหมือนพี่คริสไม่มีผิด” เคนตะจ้องคนตัวเล็กไม่วางตา กัดฟันแล้วเอ่ยออกมาคนเดียว “คิดว่าฉันกลัวคำขู่เด็กอย่างเธอเหรอวะ” เรียวขายาวสาวตามหลังคนตัวเล็กทันที พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ยากจะคาดเดา
หมับ!“ปล่อยนะ..พี่เคน” คัพเค้กสะบัดตัวออกห่างจากร่างสูง“มาเที่ยวกับแฟนเหรอ พาไปแนะนำหน่อยสิ” เคนตะโอบเอวพร้อมยักคิ้วอย่างกวนๆ ในหัวมีแผนบางอย่าง“จะทำอะไร” คนตัวเล็กถามอย่างรู้ทัน“หึ คิดมากน่า พี่จะทำไรน้องสาวได้” เขาแสยะยิ้มมุมปาก แววตามีเลศนัยชัดเจน“อย่าคิดจะทำไรบ้าๆต่อหน้าแฟนเค้กนะ” คัพเค้กรีบข่มขู่ไว้ก่อน ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนแต่ก็แสดงออกมามากไม่ได้ ไม่รู้ว่าแผนนั่นคืออะไร แต่ที่แน่ๆไม่ดีกับตัวเธอหรือไม่ก็แฟนหนุ่มกำมะลอแน่นอน“...” เคนตะไม่รับปากกลับกระชากคนตัวเล็กไปที่โต๊ะทันที“ปล่อยได้แล้ว” เมื่อถึงโต๊ะคัพเค้กจึงแกะมือหนาออกจากเอว ทว่าอีกฝ่ายกดตัวเธอให้นั่งลงฝั่งเดียวกับเขา“นั่งข้างฉัน” ก่อนที่เคนตะจะกดเสียงเรียบนิ่ง“ไม่”ฟึ่บ! เคนตะออกแรงบีบหัวไหล่ไม่ให้คัพเค้กลุกออกไป ทำเอาชายหนุ่มอีกคนมองสลับไปมา ไม่รู้จะเอ่ยแทรกหรือหาจังหวะช่วยตอนไหนดี“คบกันนานยัง” เคนตะทำหน้าที่ผู้ปกครองทันที ถามในสิ่งที่อยากรู้มากกว่าหน้าที่“...” โจโจ้หันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งข้างพี่ชาย พยายามกระพริบตาบอกบางอย่างเป็นนัยน์ ๆ“ว่าไง ฉันถาม” เคนตะถามย้ำจ้องใบหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างเอาเรื่อง เรื่อง
บรึ้นนนน~“คออ่อนแล้วยังจะซ่าอีก เป็นภาระฉิบ!” เคนตะบ่นอย่างเอือมระอา สายตาเหลือบมองน้องสาวกับถนนสลับกันไปมา นับวันเขากับคัพเค้กความสัมพันธ์ไกลห่างออกไปทุกที ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนคงจะมีสิทธิ์เอ่ยเตือนได้บ้าง แต่มาตอนนี้คำพูดของเขาไม่มีอิทธิพลพอจะสั่งหรือเตือนคัพเค้กได้เลย“อื้ออ~” คัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึนเมา สมองพอจะจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ลาง ๆหมับ!“ร้อน เปิดแอร์ยังเนี่ย!!” มือบางเลื่อนไปกดด้านหน้ารถมั่ว ๆ โดยที่ยังคงหลับตาอยู่“ยัยเค้กอยู่นิ่ง ๆ” เคนตะบอกพร้อมปัดมือบางให้กลับไปตั้งบนหน้าขาเรียวเหมือนเดิม ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย“ก็คนมันร้อน โจ้เปิดแอร์ให้หน่อย” ทว่า...คัพเค้กไม่เพียงแต่ตะคอก แต่ยังเอ่ยถึงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมในรถด้วย“นั่งรถฉันอย่าเอ่ยถึงคนอื่น!!” ร่างสูงใหญ่เริ่มจะหัวเสีย แยกกันไม่ทันไรก็เอ่ยถึงอีกแล้ว น่าเจ็บนักขนาดเมาแล้วยังไม่ลืมไอ้เวรนั่นอีก“แล้วนายเป็นใคร!!” ศีรษะทุยสอดเข้าไปใต้วงแขนเงยหน้าถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ แววตาใสซื่อกระพริบถามอย่างน่าเอ็นดู“...” เคนตะถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อสบดวงตาหวาน กลิ่นประจำตัวน้องสาวลอยมาแตะจมูก ทำเอาเขากลืนน้ำ
“อื้ออ~”“ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเยอะเลยเรา” รุ่งเช้าในวันต่อมาคัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึน ๆ กำหมัดเล็ก ๆ เคาะศีรษะตัวเองเบา ๆ เพื่อคลายอาการปวดหัว ก่อนที่เธอจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียงจนผ้าห่มร่วงลงไปกองที่เอว ความเย็นของอากาศภายในห้องส่งผลให้เธอก้มมองเรือนร่างของตัวเอง“กรี๊ดดดดดด~” คัพเค้กกรีดร้องด้วยความตกใจ ทำไมเธอถึงได้...นอนเปลือยเปล่าอย่างนี้ มันเกิดอะไรขึ้น“เฮ้ย! หนวกหูเว้ยคนจะนอน” ทว่าคนที่นอนหลับอยู่ชะโงกหัวขึ้นตวาดอย่างรำคาญ“พะ...พี่เคน~” คนตัวเล็กดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าทันทีพร้อมกับหันไปมองต้นเสียงข้าง ๆ ด้วยความงุนงง“...” เคนตะฟุบหน้าลงบนหมอนอีกครั้งเพื่อหลับตานอนต่อ โชว์แผนหลังเปลือยเปล่าให้คัพเค้กได้เห็น โชคยังดีที่ด้านล่างพอจะมีผ้าห่มปิดอยู่ไม่อย่างนั้นคงจะเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“นี่มันอะไรกัน!!” คัพเค้กกัดฟันถามออกไป“...” แต่เคนตะยังคงนอนต่ออย่างไม่ใส่ใจหมับ!“ตื่นมาคุยให้รู้เรื่องนะ..พี่เคน!!” มือบางเขย่าหมัดกล้ามด้วยความแรง เรียกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาคุยให้รู้เรื่อง“โอ๊ยย~ ไม่รู้!?” เคนตะเสยผมขึ้นไปด้านบนแล้วตอนตะแคงข้าง ใช้มือเท้าคางถามอย่าง
ตึกตึก...คนตัวเล็กเดินวนไปวนมา สับสนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำไมเธอถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บหรือมีอาการอย่างที่เคยอ่านเจอในโซเชี่ยลเลยสักนิด แล้วถ้าไม่ได้เกิดขึ้นจริง คราบบ้า ๆ นั่นจะมาติดอยู่ที่ขาเธอได้ยังไงกัน“เลือดล่ะ” หลังจากชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกายเธอก็คิดไม่ตกจนสมองสั่งการบางอย่าง คัพเค้กในชุดคลุมอาบน้ำจึงสาวเท้าไปที่เตียงนอนดูสภาพยับยู่ยี่บนเตียง แต่ก็ไร้ร่องรอยของคราบเลือดฟึ่บ!“ทำไมถึงไม่มีเลือด” ก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลง ใช้มือนวดขมับตัวเองทันที“ไม่น่าซ่าเลยเรา แล้วอย่างงี้จะมองหน้ากันติดไหมเนี่ย ปกติก็เกลียดขี้หน้าจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาเกิดเรื่องบ้า ๆ ขึ้นอีก โอ๊ยยยย~ อยากจะบ้าตาย!!” คัพเค้กล้มตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเตียงที่เธอล้มลงไปนอนเพิ่งจะผ่านกิจกรรมมาสด ๆ ร้อน ๆคัพเค้กย่นจมูกแล้ววิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัว รีบใส่ชุดแต่งหน้าจะได้รีบออกจากบ้าน หนีหน้าคนนิสัยไม่ดีร่างสูงใหญ่เข้ามาในห้องอาหาร หลังจากนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่นานสองนาน“คัพเค้กยังไม่ลงมาอีกเหรอ” เคนตะถามแม่บ้านทันที“คุณหนูยังไม่ลงมาเลยค่ะ คุณเคนตะจะทานเลยไหม
บรึ้นนน~คัพเค้กยืนระเบียงห้องนอนตัวเองมองรถสปอร์ตขับออกไปจนพ้นประตูหน้าบ้าน“เห้อ!! คิดว่าจะบังคับกันได้เหรอ” คนตัวเล็กแสยะยิ้มแล้วเอ่ยทันที ยังไงเธอก็จะไม่มีวันอยู่ใต้อำนาจคนหื่นกามแบบนั้นเด็ดขาด ผู้ชายที่ไว้ใจไม่ได้ ขนาดน้องสาวตัวเองยังทำได้ลงคอ ทว่า...เรื่องเมื่อคืนมันคือเรื่องจริงใช่ไหม ความสับสนยังคงวนเวียนในใจเหมือนเดิม แต่จะให้เธอทนต่อคงไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ควรออกไปด้านนอกให้สบายใจสักพัก“ทีตัวเองยังออกไปได้เลย” คัพเค้กย่นจมูกนาทีต่อมา แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนประเภทนั่นจะออกไปไหนได้ เธอจึงหมุนตัวเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายบ้างก่อนจะเปิดประตูด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแอ๊ดดดด~“มายืนทำอะไรหน้าห้องฉัน!?” ทันทีที่เปิดกลับเห็นบอดี้การ์ดประจำตระกูลยืนประกบข้างประตูซ้ายขวา ทั้ง ๆ ที่ชั้นนี้มันคือชั้นห้องพักที่ลูกน้องไม่ควรขึ้นมา ถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ“คุณเคนตะสั่งไว้ครับ” ชายฉกรรจ์ตอบคัพเค้กทันที“เพื่อ!?” น้ำเสียงประชดประชันดังก้องอย่างโกรธเคือง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครขัดใจหรืิอทำกับเธออย่างนี้มาก่อน“คุณเคนตะห้ามไม่ให้คุณหนูออกไปไหนจนกว่าคุณเคนตะจะกลับมา”“เหอะ!! ฝันไปเถอะ หลีกไป ฉันจะออกไปด
เมื่อโจโจ้ขับรถออกจากหน้าบ้านคัพเค้กได้สักระยะ จึงหันไปถามด้วยความสงสัย“บอกมาว่าทำไมต้องหนี มันเกิดอะไรขึ้น” โจโจ้เหลียวหน้ามองเพื่อนสาวพร้อมสลับมองถนนไปด้วย ยิ่งคัพเค้กเป็นหลานสาวคนเดียวของบ้าน ยิ่งน่าแปลกใจที่เด็กโดนสปอยมาโดยตลอดต้องวิ่งหนีบอดี้การ์ดและให้เขาอื่นมารับ“ฉันจะบอกนายยังไงดี” คัพเค้กคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง จะปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่พูดหรือจะระบายกับเพื่อนหนุ่มดี“เล่ามาเหอะ อยากรู้จะตายแล้วเนี่ย”“...” คนตัวเล็กได้แต่เงียบนิ่ง ถ้าหากเล่าไปมันก็ไม่มีไรดีขึ้นมา“หรือพี่เธอทำอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ” จู่ ๆ โจโจ้ก็หันมาขมวดคิ้วอย่างสงสัย แววตาเหมือนรู้อะไรบางอย่าง“นายคิดไร!?” ทำเอาคัพเค้กถามอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพี่ชายจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป“ก็ที่เธอเล่าว่าพี่เคนจูบไงวะ สรุปโดนพี่เขาจูบอีกใช่ไหม ยัยเค้ก”“...” คัพเค้กโล่งใจที่โจโจ้คิดแค่นั้น “นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ” ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง“เออดิวะ หรือมันมีมากกว่านั้น”“จะมีได้ไง ตลกแหละ” คัพเค้กเอ่ยกลบเกลื่อน“ไม่มีก็ดีไป”“...” คัพเค้กได้แต่ยิ้มจาง ๆ“แต่ทำไมเธอถึงไม่สนิทกับพี่เคน ทั้ง
ปึง! ปลายเท้าปิดประตูคอนโดตามอารมณ์“เรามาคุยกันดี ๆ ได้ไหมพี่เคน” คัพเค้กอยากให้คนตรงหน้าใจเย็นลง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาร้อนเรื่องอะไรด้วยซ้ำ การมีแฟนมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ทำไมเขาถึงมีได้ แบบนี้มันไม่แฟร์สักนิด“จะคุยอะไร ในเมื่อสิ่งที่ฉันสั่งเธอไม่คิดจะทำตาม” เขาก้าวเท้าเดินตามคัพเค้กที่เริ่มจะเดินถอยหลังเรื่อย ๆ อย่างหวาดระแวง“ก็พี่เคนไม่มีเหตุผล”“ฉันไม่มีเหตุผลตรงไหนห๊ะ!!” เคนตะตะคอกตามอารมณ์เดือดดาล ทำเอาคัพเค้กสะดุ้งด้วยความตกใจ พี่เคนคนเดิมไม่หลงเหลือในความทรงจำของเธอแล้วจริง ๆ“สั่งให้บอดี้การ์ดมาเฝ้าเค้ก ให้เค้กอยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปใน ทำแบบนี้ทำไม” เธอถามอย่างไม่เข้าใจ ตลอดเวลาเกือบสี่ปีไม่เห็นเขาจะใส่ใจ ดูแลเธอสักนิด พอโดนปู่บังคับให้ดูแลก็ทำหน้าที่เกินที่คาดไว้“ฉันทำเพราะปกป้องตัวเธอเอง” เคนตะเท้าสะเอวพายมือไปยังคนตัวเล็ก“พี่เคนจะด่าว่าเค้กง่ายอีกนะสิที่ออกไปเที่ยวไปมั่วก็เลยอยากจะขัง ขีดเส้นให้เค้ก แบบนี้น่ะเหรอ” คัพเค้กตัดพ้อทันที สิ่งเดียวที่เขามองเธอก็มีแต่สายตาเหยียดหยาม แค่นั้นจริง ๆ“ใช่” และคำตอบที่หลุดจากปากเคนตะแบบไม่ต้องคิด ทำเอาคัพเค้กถึงกับหน้าชา จุกใน
คนตัวเล็กเดินออกมานั่งหน้าทีวีในห้องนั่งเล่นเพียงคนเดียว ความเหงาทำให้คัพเค้กทบทวนสิ่งที่เพิ่งเสียไป สิ่งที่คิดจะเก็บเอาไว้ให้คนรัก แต่ถูกทำลายด้วยฝีมือคนเคยรัก“ทำไมไม่เข้าไปนอน” ร่างสูงใหญ่ยืนพิงขอบประตูจ้องมองคัพเค้กได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่เห็นท่าทีว่าคนใจลอยจะเห็นเขาสักที จนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามไปก่อน“จะกลับบ้าน” คัพเค้กเอ่ยเสียงห้วน ๆ โดยไม่คิดจะหันไปมองต้นเสียง“มันดึกแล้ว จะกลับทำไม นอนที่นี่แหละ แล้วนี่จะกินไร เดี๋ยว...ฉันสั่งขึ้นมาให้” เคนตะหยุดนิ่ง ก่อนจะเอ่ยสรรพนามแทนตัวเองเหมือนเดิม“ไม่ ฉันจะกลับบ้าน” คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวออกจากโซฟา“พูดใหม่!!” เมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวเองที่เปลี่ยนไป คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ“...” คัพเค้กจ้องหน้าเคนตะไม่วางตาแล้วสาวเท้าไปหยิบกุญแจรถของเขาโดยไม่คิดจะเอ่ยขอให้เสียเวลาหมับ!“พูดใหม่!!” มือหนาคว้าแขนคัพเค้กเอาไว้ สั่งประโยคเดิมออกไปเสียงเข้ม “แล้วจะไปไหนห๊ะ!?”“อย่ามายุ่ง” เธอสะบัดแขนแต่ก็ไม่สามารถเป็นอิสระได้“จะเอาแต่ใจตัวเองไปถึงไหน” เคนตะส่ายหัวไปมาพร้อมทั้งแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมา“ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเอง แต่กำลังทำตามที่ต
ตึก!ตึก!ร่างสูงใหญ่เข้าไปด้านในโรงแรมหรูกวาดสายตามองหาเป้าหมายที่นัดไว้ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งมีเด็กหนุ่มหน้าใสเดินเข้ามาหา ส่งคีย์การ์ดให้และนำทางไปชั้นที่ต้องการความเป็นส่วนตัว“เชิญครับ” เด็กหนุ่มผายมือเปิดทาง ก่อนที่ห้องหรูจะเปิดให้เคนตะแทรกตัวเข้าไป“มาแล้วเหรอคะ” เจ้าของห้องเอ่ยทักทายทันที โปรยยิ้มเชิญชวนชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมีชั้นเชิง“...” เคนตะไม่ตอบ แต่ใช้สายตาสื่อความหมายบางอย่างแทน แค่แววตาแค่นี้ก็ทำเอาคนมองแทบจะคลานเข่าเข้าหาแล้ว“มานั่งก่อนสิคะ” ชาช่าจับมือและจูงไปนั่งโซฟากึ่งกลางห้อง“ไหนแดดดี้คุณล่ะครับ” เขาหย่อนตัวลงนั่งพาดมือขึ้นตั้งบนพนักด้วยท่าทีสบาย ถามหาคนที่ต้องการพบเขามากที่สุด“คุณเคนมาช้า แดดดี้รอไม่ไหวเลยออกไปด้านนอกแล้วล่ะค่ะ” เธอบอกพร้อมขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ใช้นิ้วเรียวเขี่ยเม็ดกระดุมเสื้อที่แหวกลงมาเกือบกลางอกเคนตะก้มมองการกระทำทุกอย่างเลื่อนมือลงไปรั้งท้ายทอยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้เจอแดดดี้คุณ”“อยากเจอขนาดนั้นเลยเหรอคะ จริงจังหรือเปล่า”“ผมดูเป็นคนไม่จริงจังเหรอ” นิ้วเรียวเปลี่ยนจากท้ายทอยเป็นลูบไหล่มนแทน“ก็คู่ควงคุณเยอะ...ช่าจะ
ครืดดด ครืดดดดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองโทรศัพท์ที่สั่นสักพักใหญ่แล้ว แต่เขายังคงขับรถต่อไปไม่ได้คิดจะรับสายหรือตัดสายทิ้งจนกระทั่งไม่นานเสียงโทรเข้าเงียบไปทว่า...มีข้อความส่งเข้ามาแทน‘โกรธเหรอ’‘พี่เคนรีบสายเค้กหน่อยนะ’เคนตะอ่านทุกข้อความ นิ้วเรียวหมายจะพิมพ์ตอบกลับ แต่จังหวะนั้นกลับมีสายเรียกเข้าซะก่อน“ครับ” เขาขานรับ วางโทรศัพท์ลงด้านข้างเหมือนเดิมเพื่อต่อสายซิ้งค์กับรถ(คุณเคนตะอยู่ไหนแล้วคะ)“อดใจคิดถึงผมไม่ไหวแล้วเหรอครับ” เคนตะหยอดไปเสียงหวาน ออดอ้อนสไตล์หนุ่มเจ้าสำราญ(รู้ใจตลอดเลย)“หึ”(แต่วันนี้อดไปก่อนนะแดดดี้มาด้วย) เธอบอกอย่างเซ็ง ๆ“หว่า~ แล้วคืนนี้ล่ะครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดายหนักหนา(ช่าทบต้นทบดอกให้เลยค่ะ)“แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นคู่ควงของผม”(แค่คู่ควงเองเหรอคะ)“...”(ถ้าช่าอยากได้มากกว่านั้น...คุณเคนจะให้ช่าได้ไหม) ชาช่าเว้นวรรคให้อีกฝ่ายคิดแล้วเอ่ยขออย่างที่รู้ความหมายกันดี“หึ ผมขอดูผลงานคืนนี้ก่อนแล้วกันว่าคุ้มกับสิ่งที่ผมต้องแลกไหม”(งั้นช่าทุ่มสุดตัวเลยค่ะ)“อยากให้ถึงคืนนี้เร็ว ๆ จัง”(ฮ่า ๆ ตกลงคุณเคนถึงไหนแล้วคะเนี่ย ยังไม่ตอบช่าเลย) ชาช่าหัวเราะกล
สนามบินเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เป้าหมายที่แท้จริงไม่ได้มาพักผ่อน ทว่าไมก้าต้องการมาสืบเรื่องน้องสาวที่ยังมีชีวิตอยู่และเมื่อรู้ข้อมูลบางอย่างว่าน้องสายเลือดเดียวกันอยู่เมืองไทย เขาจึงหาโอกาสมาที่นี่ทันที โดยให้ลูกน้องเก่าแก่ทำงานแทน“เชิญทางนี้ครับ”“...” เขาเดินตามเงียบ ๆ“พวกมันรอนายน้อยที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว” ลูกน้องที่เมืองไทยรายงาน“...”“ส่วนเรื่องคริสเตียน ตอนนี้มันกลับจากฮันนีมูนและน้องชายมันก็อยู่ที่นี่ด้วย”“ทั้งคู่!?” ไมก้าถามขึ้นบ้าง“แค่เคนตะ อีกคนมาไทยล่าสุดงานแต่งคริสเตียน”“อืม รีบไปโรงแรมกันก่อน”ไมก้าเข้าไปนั่งในรถเตรียมไปโรงแรมที่นัดสายสืบเอาไว้ อยากจะสืบเรื่องให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการตอบคำถามไรอันคฤหาสน์ตระกูลซามูเอลเช้าวันรุ่งขึ้นคัพเค้กเอ่ยปากไล่เคนตะให้ออกจากห้องตั้งแต่ฟ้าไม่สร่าง เหตุผลเดียวคือไม่อยากให้ใครเห็น“เช้าอยู่เลย ให้พี่นอนต่ออีกนิดนะ” เคนตะซุกหน้าลงตรงเนินอก แขนกอดรัดคนตัวเล็กไม่ยอมปล่อย“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวใครเห็นเข้า” เธอผลักเขาออกอีกครั้ง“ให้เขาเห็นไปสิ” คนดื้อด้านไม่สนอะไรทั้งนั้นนอนแนบหน้าบนเต้านิ่ม ๆ หลั
หลังจากเคนตะเข้าไปพูดคุยบางอย่างกับคริสเตียนได้สักพักใหญ่ ต่างก็แยกย้ายกันออกมา พี่คนโตขึ้นลิฟต์ไปหาเมียรักของเขาทันทีและเคนตะเองที่ใช้สายตามองหาร่างคุ้นชินรอบ ๆ ก่อนจะเห็นว่าลงมาจากห้องของคิมหันต์แล้วมุ่งตรงไปให้ห้องครัวที่เป็นบาร์เล็ก ๆ เหมาะกับทำอาหารที่ไม่ต้องใช้พวกน้ำมันเครื่องปรุงมากมาย“ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง” ร่างสูงใหญ่เข้าไปประกบด้านหลังเอ่ยเสียงเข้ม เคืองไม่น้อยที่ต้องได้ยินอะไรไม่เข้าหู“อะไรเหรอคะ” คัพเค้กหันไปขมวดคิ้วทำมึน ๆ ใส่“เค้กเข้าใจอย่ามาทำเฉไฉ” แต่สีหน้าท่าทางเคนตะไม่ได้นึกสนุกตาม“หึ” คนตัวเล็กยียวนหัวเราะกลับไป ไม่แคร์สายตาขวางโลกนั่นสักนิด“ไม่ตลกนะเค้ก!!” จนทนไม่ไหวค้องตะคอกเสียงต่ำ“อ้าว ก็ดูพี่เคนตะทำหน้าสิ จะไม่ให้ตลกได้ไง”“แล้วเพราะใครล่ะ ที่ทำให้หน้าพี่เป็นแบบนี้”“พี่เคนจะให้เค้กบอกพี่คริสตอนนี้รึไง เราตกลงกันแล้ว”“ตอนแรกก็รอได้ แต่ตอนนี้เริ่มชักจะไม่แน่ใจแล้ว” เคนตะเท้าสะเอว แสดงความไม่พอใจชัดเจน“รอไม่ไหวก็ต้องรอค่ะ”หมับ!“อย่ามาแกล้งพี่แบบนี้เค้ก” เขาคว้าวงแขนกระชากให้คัพเค้กมาอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์เหมือนเดิมพร้อมทั้งเข้าไปแนบชิดอย่างลืมตัว
“เขาคือพ่อเลี้ยงพี่รวงข้าวเหรอคะ” เมื่อเข้ามานั่งในรถ คัพเค้กถามในสิ่งที่สงสัยทันที“ใช่”“คือคนเดียวกับที่บังคับพี่รวงข้าวทำงานด้วยใช่ไหมคะ” เธอยังถามต่อ พิจารณาถึงใบหน้าชายแก่ที่กล้าเข้ามาทักทายอย่างที่คิดว่าตัวเองแน่ แต่ยังไม่รู้ตัวว่าจะเก็บปากไว้พูดได้อีกนานแค่ไหนกัน“อืม พวกมันต้องการชิปที่อยู่ในล็อกเก็ตเลยส่งรวงข้าวมาขโมย” เคนตะจึงเล่าสิ่งที่คัพเค้กอยากรู้ให้ฟัง“พี่คริสไม่น่าปล่อยให้มันยืนลอยนวลอยู่เลยหรือพี่รวงข้าวขอไว้” คัพเค้กเคียงคอถาม นิ่วหน้าอย่างคนที่ไม่ได้เกรงกลัวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สักนิด“...” ทำเอาเคนตะถึงกับหันไปมองท่าทางคนข้าง ๆ ด้วยแววตาพินิจ“พี่เคนมองเค้กแบบนั้นทำไม!?” เธอก้มสำรวจตัวเองว่าผิดปกติอะไรรึเปล่าถึงทำให้เคนตะจ้องเธอขนาดนั้น“โหดเหมือนกันนะเนี่ย พี่ชักจะกลัวแล้วสิ”“เขาไม่ได้เรียกว่าโหดค่ะ แค่ตัดเสี้ยนหนามออกจากชีวิตแค่นั้นเอง” คัพเค้กยักคิ้วกลับไป เลือดของมาเฟียในตัวละมั้งที่ทำให้เธอชิดกับสิ่งพวกนี้และไม่ชอบเห็นอะไรขวางหูขวางตา“เปล่าหรอก มันคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เรารู้คนบงการตัวจริง” เคนตะคลายข้อสงสัยให้คัพเค้กทันที“อ้าว ยังมีอีกเหรอ”“อืม แต่เร
ยุโรปภายในห้องโถงใหญ่ที่มีชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับข้าง ๆ ที่มีชายวัยกลางคนนั่งรอฟังคำเอ่ยสั่ง“พรุ่งนี้ผมจะบินไปไทย คุณอาไรอันอยู่เคลียร์งานให้ผมด้วยนะ” ไมก้าบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไป“ทำไมบอกกระชั้นชิดแบบนี้ล่ะ ตอนแรกเราบอกว่าจะอยู่เคลียร์งานเองไม่ใช่เหรอ” ทำเอาชายวัยกลางคนถึงกับหน้างอ เพราะไม่ได้ทั้งตัวกับนิสัยลูกชายเจ้านายเก่า“ครับ จู่ ๆ ผมก็หมดไฟ ถ้าทำต่อกลัวงานจะไม่เข้าท่ากว่าเดิม ไหน ๆ คุณอาก็รู้งานกว่าผม ยังไงฝากด้วยนะครับ” ร่างสูงใหญ่ไม่ได้เอ่ยประชดแต่อย่างใด คนเดียวที่เขาไว้ใจและกล้าวางมือส่งมอบต่อมีเพียงไรอันเท่านั้น“อาจัดการงานเสร็จจะตามไป” เพราะไม่เคยขัดใจนายน้อยได้จึงต้องรับปากทันที“ไม่ต้องก็ได้ ผมแค่อยากไปพัก”“ไม่ดีมั้งครับ ถึงคริสเตียนมันจะไปฮันนีมูน แต่ในไทยก็ยังมีไอ้เคนตะอยู่ และที่สำคัญปู่ของมันก็พักอยู่ที่นั้นด้วย”“ผมไม่ได้ไปหาเรื่อง พวกมันคงไม่กล้า อย่างน้อยไอ้เคนตะมันก็รุ่นน้องผม คงไม่บ้าบิ่นเหมือนพี่ชายมัน” ไมก้านึกถึงหน้าเคนตะที่เป็นรุ่นน้องกว่า ถ้าจะเปิดศึกกันคนเดียวที่ต้องระวังคือพี่ชายมันต่างหาก ส่วนมาเฟียเฒ่านั่นไม่มีทางรักแกคนที่ด้อยกว่
เช้าวันใหม่ที่อะไร ๆ คงเปลี่ยนไป ความรู้สึกที่ก่อตัวชัดเจนขึ้นอีกครั้งหรือจะเป็นสถานะที่แปลเปลี่ยนจากพี่ชายน้องสาว กลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่แนบชิดอ้อมกอดที่เฝ้ารอมาตลอดสุดท้ายแล้วยังเป็นของเธอจริง ๆ ใช่ไหมแต่ที่แน่ ๆ เธอจะไม่ปล่อยมันไปอีก จะไม่ทำให้ตัวเองเสียของรักชิ้นนี้ให้ใครอีก“คิดอะไรอยู่...หืม!?” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามากอดทางด้านหลัง ในจังหวะที่คัพเค้กกำลังนั่งหวีผมหน้ากระจก“เค้กไม่ได้ฝันไปใช่่ไหมคะ พี่เคนคนเดิมของเค้กกลับมาจริง ๆ ใช่ไหมคะ” เธอถามอย่างที่ไม่คิดอยากจะคาใจอะไรอีกต่อไป ขอแค่คำพูดตรง ๆ ไม่ว่าจะได้ยินแบบไหนก็พร้อมจะทำใจรับ“ขอโทษที่พี่ทำตัวแบบนั้น พี่ไม่คิดว่าจะทำให้เราห่างเหินจนไม่เหมือนเดิม” เคนตะมองกระจกสบตาผ่านภาพสะท้อน แววตาที่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมเอ่ยออกมา“เค้กลืมหมดแล้ว ขอแค่พี่เคนสัญญาว่าจะไม่กลับไปเจ้าชู้อีกก็พอ” ทำให้คัพเค้กยอมทิ้งทุกอย่าง ยอมเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองคิดมากและที่สำคัญเธออยากเปิดรับเคนตะอย่างเต็มหัวใจฟึ่บ!“พี่สัญญา หัวใจพี่มีเค้กคนเดียวมาตลอด” เขาโน้มตัวลงไปพร้อมชูนิ้วก้อย เพื่อให้คำมั่น“ปากแบบนี้เชื่อได้จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย~”“หึ ลองดูก็ไม่เ
คนตัวเล็กกระตุกเกร็งเสร็จสมตามที่เคนตะนำทาง เขายันตัวลุกขึ้นไปคร่อมแล้วใช้ปลายแก่นกายลูบไล้ปากทางที่เปียกชื้น“อ๊าย! พะพอก่อน” ไม่ทันที่เคนตะจะได้แทรกตัวตนเข้าไป คัพเค้กก็ยกสะโพกขยับตัวหนี ไม่ใช่อาการลังเลแต่เธอยังไม่ชินกับขนาดของเขามากกว่า“ต่อเลยนะ พี่เจ็บจนมันจะระเบิดอยู่แล้ว” เคนตะก้มสายตาให้คัพเค้กมองตาม“อึก!” ทำเอาคนที่สัมผัสได้ถึงขนาดต้องกลืนน้ำลายเมื่อเห็นชัดเต็มสองตา“นะครับ พี่อยากมีความสุขเหมือนกับเค้กบ้าง” เขาซุกใบหน้าลงไปคลอเคลียพวงแก้ม จูบเบา ๆ ให้พอรู้สึกจักจี้ ส่วนมือปลาหมึกนั่นยังคงลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งไม่ปล่อยห่าง“ครั้งนี้มันไม่เจ็บแล้วใช่ไหมคะ”จุ๊บ! เคนตะจูบหนัก ๆ ตรงปลายจมูก“ไม่ครับ พี่จะทำให้เค้กของพี่มีความสุขที่สุด” ก่อนจะเลื่อนลงมาประกบปากดูดเร้าอารมณ์แล้วค่อย ๆ แทรกแก่นกายเข้าไปทีละนิด มือซ้ายลูบเส้นผมที่นุ่มมือ ส่วนมือขวายกเรียวขาของคนใต้ร่างให้กว้างกว่าเดิม แล้วกระแทกเข้าไปผ่านความฉ่ำวาวจนสุดลำ“อ้ะ!” คัพเค้กสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่เข้ามา มันอบอุ่นจนยากจะผลักไสฟึ่บ!“เจ็บเหรอ” เขาถามอย่างเป็นห่วง“มะ..ไม่ค่ะ” เธอขยุ้มผ้าปูที่นอน ส่ายหน้าปฏิเสธไปมา“
“ทำไมมองพี่แบบนั้น” เคนตะขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเดินกลับมาแล้วเห็นสายตาจับผิดจากคัพเค้ก“เปล่า” ทว่าคัพเค้กปฏิเสธ ไม่คิดจะล้ำเส้น“อยากถามไรก็ถาม จะได้ตอบ”“ก็บอกอยู่ว่าเปล่า”“แน่ใจ!?” เขายื่นหน้ามาใกล้ ๆ“เอ๊ะ!!” ทำให้คนตัวเล็กออกอาการหัวเสียขึ้นมา“โอเค ๆ เอาเสื้อใส่ไว้” ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ แล้วเดินวนไปด้านหลังสวมเสื้อคลุมไหล่มนวิ้ว~ คัพเค้กเบี่ยงไหล่ คว้าเสื้อมาสวมทับเอง ไม่แคร์สายตาที่มองเธออย่างเหนื่อย ๆ“อยากถ่ายรูปไหม” เคนตะเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากให้บรรยากาศดีขึ้นทว่า...อีกคนไม่ได้สนใจคำถามและทำเหมือนกับว่าเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น“เค้กหิว” คนตัวเล็กหมุนตัวเดินไปที่ร้านอาหาร ร้านที่เล็งไว้ตั้งแต่นั่งรถเข้ามาแล้วทำให้คนที่รอตามใจต้องเดินตามคัพเค้กไปร้านที่ทำด้วยไม้ไผ่อย่างขัดไม่ได้“เดี๋ยวพี่สั่งให้นะ” เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร เขาจึงเลือกที่จะทำหน้าที่ทันที“...” คัพเค้กไม่ได้คิดจะขัด เธอเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นแทนการสนทนา บรรยากาศรอบ ๆ ถึงแม้จะสวยสบายตาและเย็นสดชื่นกาย แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายก็ต่างร้อนรนใจ คนหนึ่งก็อยากจะให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ จะได้กลั