บรึ้นนน~คัพเค้กยืนระเบียงห้องนอนตัวเองมองรถสปอร์ตขับออกไปจนพ้นประตูหน้าบ้าน“เห้อ!! คิดว่าจะบังคับกันได้เหรอ” คนตัวเล็กแสยะยิ้มแล้วเอ่ยทันที ยังไงเธอก็จะไม่มีวันอยู่ใต้อำนาจคนหื่นกามแบบนั้นเด็ดขาด ผู้ชายที่ไว้ใจไม่ได้ ขนาดน้องสาวตัวเองยังทำได้ลงคอ ทว่า...เรื่องเมื่อคืนมันคือเรื่องจริงใช่ไหม ความสับสนยังคงวนเวียนในใจเหมือนเดิม แต่จะให้เธอทนต่อคงไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ควรออกไปด้านนอกให้สบายใจสักพัก“ทีตัวเองยังออกไปได้เลย” คัพเค้กย่นจมูกนาทีต่อมา แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนประเภทนั่นจะออกไปไหนได้ เธอจึงหมุนตัวเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายบ้างก่อนจะเปิดประตูด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแอ๊ดดดด~“มายืนทำอะไรหน้าห้องฉัน!?” ทันทีที่เปิดกลับเห็นบอดี้การ์ดประจำตระกูลยืนประกบข้างประตูซ้ายขวา ทั้ง ๆ ที่ชั้นนี้มันคือชั้นห้องพักที่ลูกน้องไม่ควรขึ้นมา ถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ“คุณเคนตะสั่งไว้ครับ” ชายฉกรรจ์ตอบคัพเค้กทันที“เพื่อ!?” น้ำเสียงประชดประชันดังก้องอย่างโกรธเคือง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครขัดใจหรืิอทำกับเธออย่างนี้มาก่อน“คุณเคนตะห้ามไม่ให้คุณหนูออกไปไหนจนกว่าคุณเคนตะจะกลับมา”“เหอะ!! ฝันไปเถอะ หลีกไป ฉันจะออกไปด
เมื่อโจโจ้ขับรถออกจากหน้าบ้านคัพเค้กได้สักระยะ จึงหันไปถามด้วยความสงสัย“บอกมาว่าทำไมต้องหนี มันเกิดอะไรขึ้น” โจโจ้เหลียวหน้ามองเพื่อนสาวพร้อมสลับมองถนนไปด้วย ยิ่งคัพเค้กเป็นหลานสาวคนเดียวของบ้าน ยิ่งน่าแปลกใจที่เด็กโดนสปอยมาโดยตลอดต้องวิ่งหนีบอดี้การ์ดและให้เขาอื่นมารับ“ฉันจะบอกนายยังไงดี” คัพเค้กคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง จะปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่พูดหรือจะระบายกับเพื่อนหนุ่มดี“เล่ามาเหอะ อยากรู้จะตายแล้วเนี่ย”“...” คนตัวเล็กได้แต่เงียบนิ่ง ถ้าหากเล่าไปมันก็ไม่มีไรดีขึ้นมา“หรือพี่เธอทำอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ” จู่ ๆ โจโจ้ก็หันมาขมวดคิ้วอย่างสงสัย แววตาเหมือนรู้อะไรบางอย่าง“นายคิดไร!?” ทำเอาคัพเค้กถามอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพี่ชายจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป“ก็ที่เธอเล่าว่าพี่เคนจูบไงวะ สรุปโดนพี่เขาจูบอีกใช่ไหม ยัยเค้ก”“...” คัพเค้กโล่งใจที่โจโจ้คิดแค่นั้น “นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ” ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง“เออดิวะ หรือมันมีมากกว่านั้น”“จะมีได้ไง ตลกแหละ” คัพเค้กเอ่ยกลบเกลื่อน“ไม่มีก็ดีไป”“...” คัพเค้กได้แต่ยิ้มจาง ๆ“แต่ทำไมเธอถึงไม่สนิทกับพี่เคน ทั้ง
ปึง! ปลายเท้าปิดประตูคอนโดตามอารมณ์“เรามาคุยกันดี ๆ ได้ไหมพี่เคน” คัพเค้กอยากให้คนตรงหน้าใจเย็นลง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาร้อนเรื่องอะไรด้วยซ้ำ การมีแฟนมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ทำไมเขาถึงมีได้ แบบนี้มันไม่แฟร์สักนิด“จะคุยอะไร ในเมื่อสิ่งที่ฉันสั่งเธอไม่คิดจะทำตาม” เขาก้าวเท้าเดินตามคัพเค้กที่เริ่มจะเดินถอยหลังเรื่อย ๆ อย่างหวาดระแวง“ก็พี่เคนไม่มีเหตุผล”“ฉันไม่มีเหตุผลตรงไหนห๊ะ!!” เคนตะตะคอกตามอารมณ์เดือดดาล ทำเอาคัพเค้กสะดุ้งด้วยความตกใจ พี่เคนคนเดิมไม่หลงเหลือในความทรงจำของเธอแล้วจริง ๆ“สั่งให้บอดี้การ์ดมาเฝ้าเค้ก ให้เค้กอยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปใน ทำแบบนี้ทำไม” เธอถามอย่างไม่เข้าใจ ตลอดเวลาเกือบสี่ปีไม่เห็นเขาจะใส่ใจ ดูแลเธอสักนิด พอโดนปู่บังคับให้ดูแลก็ทำหน้าที่เกินที่คาดไว้“ฉันทำเพราะปกป้องตัวเธอเอง” เคนตะเท้าสะเอวพายมือไปยังคนตัวเล็ก“พี่เคนจะด่าว่าเค้กง่ายอีกนะสิที่ออกไปเที่ยวไปมั่วก็เลยอยากจะขัง ขีดเส้นให้เค้ก แบบนี้น่ะเหรอ” คัพเค้กตัดพ้อทันที สิ่งเดียวที่เขามองเธอก็มีแต่สายตาเหยียดหยาม แค่นั้นจริง ๆ“ใช่” และคำตอบที่หลุดจากปากเคนตะแบบไม่ต้องคิด ทำเอาคัพเค้กถึงกับหน้าชา จุกใน
คนตัวเล็กเดินออกมานั่งหน้าทีวีในห้องนั่งเล่นเพียงคนเดียว ความเหงาทำให้คัพเค้กทบทวนสิ่งที่เพิ่งเสียไป สิ่งที่คิดจะเก็บเอาไว้ให้คนรัก แต่ถูกทำลายด้วยฝีมือคนเคยรัก“ทำไมไม่เข้าไปนอน” ร่างสูงใหญ่ยืนพิงขอบประตูจ้องมองคัพเค้กได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่เห็นท่าทีว่าคนใจลอยจะเห็นเขาสักที จนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามไปก่อน“จะกลับบ้าน” คัพเค้กเอ่ยเสียงห้วน ๆ โดยไม่คิดจะหันไปมองต้นเสียง“มันดึกแล้ว จะกลับทำไม นอนที่นี่แหละ แล้วนี่จะกินไร เดี๋ยว...ฉันสั่งขึ้นมาให้” เคนตะหยุดนิ่ง ก่อนจะเอ่ยสรรพนามแทนตัวเองเหมือนเดิม“ไม่ ฉันจะกลับบ้าน” คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวออกจากโซฟา“พูดใหม่!!” เมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวเองที่เปลี่ยนไป คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ“...” คัพเค้กจ้องหน้าเคนตะไม่วางตาแล้วสาวเท้าไปหยิบกุญแจรถของเขาโดยไม่คิดจะเอ่ยขอให้เสียเวลาหมับ!“พูดใหม่!!” มือหนาคว้าแขนคัพเค้กเอาไว้ สั่งประโยคเดิมออกไปเสียงเข้ม “แล้วจะไปไหนห๊ะ!?”“อย่ามายุ่ง” เธอสะบัดแขนแต่ก็ไม่สามารถเป็นอิสระได้“จะเอาแต่ใจตัวเองไปถึงไหน” เคนตะส่ายหัวไปมาพร้อมทั้งแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมา“ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเอง แต่กำลังทำตามที่ต
“คุณหนู คุณหนูอย่าวิ่งค่า” “เค้กจะไปหาพี่เคน” คัพเค้กเหลียวหน้าลงมามองพี่เลี้ยง แล้ววิ่งขึ้นด้านบนต่อ “อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ อยู่ด้านล่างทานขนมก่อนนะคะ” พี่เลี้ยงเอ่ยห้ามเอาไว้ตามคำสั่งเคนตะ หลอกล่อด้วยของชอบของคุณหนู“ไม่ค่ะ เค้กอยากไปอวดกระเป๋าใบใหม่ที่คุณปู่เพิ่งส่งมาให้” คัพเค้กไม่ฟังคำเอ่ยห้ามจากพี่เลี้ยงแต่อย่างใด วิ่งขึ้นบันไดไปห้องนอนพี่ชายคนกลางทันทีเพราะในบรรดาพี่ชายทั้งหมด คงจะมีแค่เคนตะที่มีเวลาให้เธอและตามใจเธอที่สุด ไม่ว่าอยากได้อะไรเคนตะไม่เคยขัดใจเลยสักครั้งและมันคงจะเป็นแบบนั้นตลอดไปคัพเค้กในชุดยูนิฟอร์มมอต้นที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ถือกระเป๋าใบใหม่ของขวัญวันเรียนจบจากคางูยะ เธอเอื้อมมือเปิดประตูห้องโดยที่ไม่คิดจะขออนุญาตเจ้าของห้องเพราะเป็นเรื่องปกติที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว “ซื้ดดด~ อย่างนั้นแหละ ดีมาก” ภาพที่เห็นคือภาพของเคนตะกำลังนั่งปลายเตียง โดยมีหญิงสาวผมสีบรอนซ์กำลังก้ม ๆ เงย ๆ บริเวณหน้าขาเคนตะและเขากำลังใช้มือในการบังคับศีรษะให้ขยับเข้าออกพร้อมทั้งเสียงครางด้วยความสุขสมกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนั่นทำให้ตุบ! กระเป๋าแบรนด์ดังหล่นลงไปวางกับพื้น “คัพเค้ก!!” สายตาคมเหลือบ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงคัพเค้กเหยียบคันเร่งช้าลงเพราะไม่รู้ว่าจะไปไหนดี จะหนีไปอยู่กับโจโจ้ก็รู้ดีว่าเคนตะต้องหาเจอแน่นอน แต่ถ้าไปค้างที่อื่นที่ไม่ใช่คอนโดตัวเองก็ไม่รู้อีกจะไปที่ไหนดี ไม่เคยสักครั้งที่จะไปไหนมาไหนคนเดียว ยิ่งถ้าต่างจังหวัดด้วยแล้ว อย่างน้อย ๆ ต้องมีบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยคัพเค้กเลี้ยวเข้าห้างเพื่อซื้อโทรศัพท์ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยคิดหาทางอีกทีเมื่อได้สิ่งที่ต้องการอย่างแรกที่คััพเค้กทำก็คือติดต่อหา ‘คริสเตียน’“พี่คริส”(เปลี่ยนเบอร์โทรเหรอเค้ก มีอะไรรึเปล่า) ปลายสายถามอย่างงุนงงและสงสัย“ไม่มีไรหรอกค่า พี่คริสไปฮันนีมูนเป็นยังไงบ้าง ความสุขทะลักออกมายังคะ!?” น้ำเสียงอิจฉาพี่ชายเอ่ยถาม อยากจะมีความสุขกับเขาบ้าง แต่คงไม่มีวันนั้น(ถ้าอยู่บ้านแล้วเหงา ตามพี่มาไหม) คริสเตียนสัมผัสได้ถึงน้ำเสียง แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้มากความจึงเอ่ยชวนน้องสาวมาคลายเครียดแทนการอยู่บ้าน“ไม่เอาหรอกค่ะ ไปแล้วเดี๋ยวจะตาร้อนกว่าเดิม” คัพเค้กตอบกลับไปย่นจมูกส่ายหน้าอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ(หึ งั้นรอพี่กลับไทย ค่อยไปเชียงใหม่พร้อมกัน พี่จะพารวงข้าวไปพักที่นั้น)“โอเคค่า ฮันนีมูนให้สนุกนะ
วันต่อมาคัพเค้กในชุดแซกกางเกงขายาวผูกโบว์ด้านหลังโชว์แผนหลังขาวเนียน ความจริงอากาศที่นี่ค่อยข้างหนาว ทว่าเธอยอมใส่ชุดนี้เพื่อที่จะออกมาถ่ายรูปกับดอกไม้ในสวน เมื่อเดินมาถึงล็อบบี้รีสอร์ตสายตาหวานเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นชิน“พี่เคน” เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาเคนตะที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอสายตาไปปะทะเข้ากับคนตัวเล็กก็รีบลุกขึ้นเดินไปหาในทันที“อยากไปเที่ยวที่ไหนไหม” ดวงตาสีน้ำข้าวจ้องมองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้าถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ“ยังไม่กลับไปอีกเหรอ” คัพเค้กกอดอกแววตาไม่ได้ญาติดีสักนิด ถามกลับไปเสียงแข็ง ๆ“เค้กกลับวันไหนพี่กลับวันนั้น” เขาตอบด้วยท่าทีอ่อนลง“พี่เคนกลับไปทำงานเถอะ สองสามวันจะกลับไป” ในเมื่อพี่ชายของเขาไม่ได้คิดจะย้อนเรื่องที่ทะเลาะกันเมื่อวาน เธอเองไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นมาอีก“พี่ว่าง ให้พี่อยู่กับเค้กนะ”“แต่เค้กอึดอัด” คัพเค้กบอกตรง ๆ“ทนหน่อยแล้วกัน แค่สองสามวันเอง” เคนตะยังคงดื้อด้าน เดินไปหยิบกล้องถ่ายรูปที่วางบนโต๊ะหน้าโซฟาขึ้นมาสะพายแล้วเดินกลับมาหาคัพเค้ก “ตกลงจะไปเที่ยวไหน”“เค้กไม่ได้พารถมา เดินเล่นในสวนรีสอร์ตนี่แหละ” คนตัวเล็กเผลอตอบอย่างลืมตัว“พี่เช่ารถไว
“ทำไมมองพี่แบบนั้น” เคนตะขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเดินกลับมาแล้วเห็นสายตาจับผิดจากคัพเค้ก“เปล่า” ทว่าคัพเค้กปฏิเสธ ไม่คิดจะล้ำเส้น“อยากถามไรก็ถาม จะได้ตอบ”“ก็บอกอยู่ว่าเปล่า”“แน่ใจ!?” เขายื่นหน้ามาใกล้ ๆ“เอ๊ะ!!” ทำให้คนตัวเล็กออกอาการหัวเสียขึ้นมา“โอเค ๆ เอาเสื้อใส่ไว้” ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ แล้วเดินวนไปด้านหลังสวมเสื้อคลุมไหล่มนวิ้ว~ คัพเค้กเบี่ยงไหล่ คว้าเสื้อมาสวมทับเอง ไม่แคร์สายตาที่มองเธออย่างเหนื่อย ๆ“อยากถ่ายรูปไหม” เคนตะเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากให้บรรยากาศดีขึ้นทว่า...อีกคนไม่ได้สนใจคำถามและทำเหมือนกับว่าเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น“เค้กหิว” คนตัวเล็กหมุนตัวเดินไปที่ร้านอาหาร ร้านที่เล็งไว้ตั้งแต่นั่งรถเข้ามาแล้วทำให้คนที่รอตามใจต้องเดินตามคัพเค้กไปร้านที่ทำด้วยไม้ไผ่อย่างขัดไม่ได้“เดี๋ยวพี่สั่งให้นะ” เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร เขาจึงเลือกที่จะทำหน้าที่ทันที“...” คัพเค้กไม่ได้คิดจะขัด เธอเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นแทนการสนทนา บรรยากาศรอบ ๆ ถึงแม้จะสวยสบายตาและเย็นสดชื่นกาย แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายก็ต่างร้อนรนใจ คนหนึ่งก็อยากจะให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ จะได้กลั
ตึก!ตึก!ร่างสูงใหญ่เข้าไปด้านในโรงแรมหรูกวาดสายตามองหาเป้าหมายที่นัดไว้ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งมีเด็กหนุ่มหน้าใสเดินเข้ามาหา ส่งคีย์การ์ดให้และนำทางไปชั้นที่ต้องการความเป็นส่วนตัว“เชิญครับ” เด็กหนุ่มผายมือเปิดทาง ก่อนที่ห้องหรูจะเปิดให้เคนตะแทรกตัวเข้าไป“มาแล้วเหรอคะ” เจ้าของห้องเอ่ยทักทายทันที โปรยยิ้มเชิญชวนชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมีชั้นเชิง“...” เคนตะไม่ตอบ แต่ใช้สายตาสื่อความหมายบางอย่างแทน แค่แววตาแค่นี้ก็ทำเอาคนมองแทบจะคลานเข่าเข้าหาแล้ว“มานั่งก่อนสิคะ” ชาช่าจับมือและจูงไปนั่งโซฟากึ่งกลางห้อง“ไหนแดดดี้คุณล่ะครับ” เขาหย่อนตัวลงนั่งพาดมือขึ้นตั้งบนพนักด้วยท่าทีสบาย ถามหาคนที่ต้องการพบเขามากที่สุด“คุณเคนมาช้า แดดดี้รอไม่ไหวเลยออกไปด้านนอกแล้วล่ะค่ะ” เธอบอกพร้อมขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ใช้นิ้วเรียวเขี่ยเม็ดกระดุมเสื้อที่แหวกลงมาเกือบกลางอกเคนตะก้มมองการกระทำทุกอย่างเลื่อนมือลงไปรั้งท้ายทอยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้เจอแดดดี้คุณ”“อยากเจอขนาดนั้นเลยเหรอคะ จริงจังหรือเปล่า”“ผมดูเป็นคนไม่จริงจังเหรอ” นิ้วเรียวเปลี่ยนจากท้ายทอยเป็นลูบไหล่มนแทน“ก็คู่ควงคุณเยอะ...ช่าจะ
ครืดดด ครืดดดดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองโทรศัพท์ที่สั่นสักพักใหญ่แล้ว แต่เขายังคงขับรถต่อไปไม่ได้คิดจะรับสายหรือตัดสายทิ้งจนกระทั่งไม่นานเสียงโทรเข้าเงียบไปทว่า...มีข้อความส่งเข้ามาแทน‘โกรธเหรอ’‘พี่เคนรีบสายเค้กหน่อยนะ’เคนตะอ่านทุกข้อความ นิ้วเรียวหมายจะพิมพ์ตอบกลับ แต่จังหวะนั้นกลับมีสายเรียกเข้าซะก่อน“ครับ” เขาขานรับ วางโทรศัพท์ลงด้านข้างเหมือนเดิมเพื่อต่อสายซิ้งค์กับรถ(คุณเคนตะอยู่ไหนแล้วคะ)“อดใจคิดถึงผมไม่ไหวแล้วเหรอครับ” เคนตะหยอดไปเสียงหวาน ออดอ้อนสไตล์หนุ่มเจ้าสำราญ(รู้ใจตลอดเลย)“หึ”(แต่วันนี้อดไปก่อนนะแดดดี้มาด้วย) เธอบอกอย่างเซ็ง ๆ“หว่า~ แล้วคืนนี้ล่ะครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดายหนักหนา(ช่าทบต้นทบดอกให้เลยค่ะ)“แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นคู่ควงของผม”(แค่คู่ควงเองเหรอคะ)“...”(ถ้าช่าอยากได้มากกว่านั้น...คุณเคนจะให้ช่าได้ไหม) ชาช่าเว้นวรรคให้อีกฝ่ายคิดแล้วเอ่ยขออย่างที่รู้ความหมายกันดี“หึ ผมขอดูผลงานคืนนี้ก่อนแล้วกันว่าคุ้มกับสิ่งที่ผมต้องแลกไหม”(งั้นช่าทุ่มสุดตัวเลยค่ะ)“อยากให้ถึงคืนนี้เร็ว ๆ จัง”(ฮ่า ๆ ตกลงคุณเคนถึงไหนแล้วคะเนี่ย ยังไม่ตอบช่าเลย) ชาช่าหัวเราะกล
สนามบินเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เป้าหมายที่แท้จริงไม่ได้มาพักผ่อน ทว่าไมก้าต้องการมาสืบเรื่องน้องสาวที่ยังมีชีวิตอยู่และเมื่อรู้ข้อมูลบางอย่างว่าน้องสายเลือดเดียวกันอยู่เมืองไทย เขาจึงหาโอกาสมาที่นี่ทันที โดยให้ลูกน้องเก่าแก่ทำงานแทน“เชิญทางนี้ครับ”“...” เขาเดินตามเงียบ ๆ“พวกมันรอนายน้อยที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว” ลูกน้องที่เมืองไทยรายงาน“...”“ส่วนเรื่องคริสเตียน ตอนนี้มันกลับจากฮันนีมูนและน้องชายมันก็อยู่ที่นี่ด้วย”“ทั้งคู่!?” ไมก้าถามขึ้นบ้าง“แค่เคนตะ อีกคนมาไทยล่าสุดงานแต่งคริสเตียน”“อืม รีบไปโรงแรมกันก่อน”ไมก้าเข้าไปนั่งในรถเตรียมไปโรงแรมที่นัดสายสืบเอาไว้ อยากจะสืบเรื่องให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการตอบคำถามไรอันคฤหาสน์ตระกูลซามูเอลเช้าวันรุ่งขึ้นคัพเค้กเอ่ยปากไล่เคนตะให้ออกจากห้องตั้งแต่ฟ้าไม่สร่าง เหตุผลเดียวคือไม่อยากให้ใครเห็น“เช้าอยู่เลย ให้พี่นอนต่ออีกนิดนะ” เคนตะซุกหน้าลงตรงเนินอก แขนกอดรัดคนตัวเล็กไม่ยอมปล่อย“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวใครเห็นเข้า” เธอผลักเขาออกอีกครั้ง“ให้เขาเห็นไปสิ” คนดื้อด้านไม่สนอะไรทั้งนั้นนอนแนบหน้าบนเต้านิ่ม ๆ หลั
หลังจากเคนตะเข้าไปพูดคุยบางอย่างกับคริสเตียนได้สักพักใหญ่ ต่างก็แยกย้ายกันออกมา พี่คนโตขึ้นลิฟต์ไปหาเมียรักของเขาทันทีและเคนตะเองที่ใช้สายตามองหาร่างคุ้นชินรอบ ๆ ก่อนจะเห็นว่าลงมาจากห้องของคิมหันต์แล้วมุ่งตรงไปให้ห้องครัวที่เป็นบาร์เล็ก ๆ เหมาะกับทำอาหารที่ไม่ต้องใช้พวกน้ำมันเครื่องปรุงมากมาย“ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง” ร่างสูงใหญ่เข้าไปประกบด้านหลังเอ่ยเสียงเข้ม เคืองไม่น้อยที่ต้องได้ยินอะไรไม่เข้าหู“อะไรเหรอคะ” คัพเค้กหันไปขมวดคิ้วทำมึน ๆ ใส่“เค้กเข้าใจอย่ามาทำเฉไฉ” แต่สีหน้าท่าทางเคนตะไม่ได้นึกสนุกตาม“หึ” คนตัวเล็กยียวนหัวเราะกลับไป ไม่แคร์สายตาขวางโลกนั่นสักนิด“ไม่ตลกนะเค้ก!!” จนทนไม่ไหวค้องตะคอกเสียงต่ำ“อ้าว ก็ดูพี่เคนตะทำหน้าสิ จะไม่ให้ตลกได้ไง”“แล้วเพราะใครล่ะ ที่ทำให้หน้าพี่เป็นแบบนี้”“พี่เคนจะให้เค้กบอกพี่คริสตอนนี้รึไง เราตกลงกันแล้ว”“ตอนแรกก็รอได้ แต่ตอนนี้เริ่มชักจะไม่แน่ใจแล้ว” เคนตะเท้าสะเอว แสดงความไม่พอใจชัดเจน“รอไม่ไหวก็ต้องรอค่ะ”หมับ!“อย่ามาแกล้งพี่แบบนี้เค้ก” เขาคว้าวงแขนกระชากให้คัพเค้กมาอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์เหมือนเดิมพร้อมทั้งเข้าไปแนบชิดอย่างลืมตัว
“เขาคือพ่อเลี้ยงพี่รวงข้าวเหรอคะ” เมื่อเข้ามานั่งในรถ คัพเค้กถามในสิ่งที่สงสัยทันที“ใช่”“คือคนเดียวกับที่บังคับพี่รวงข้าวทำงานด้วยใช่ไหมคะ” เธอยังถามต่อ พิจารณาถึงใบหน้าชายแก่ที่กล้าเข้ามาทักทายอย่างที่คิดว่าตัวเองแน่ แต่ยังไม่รู้ตัวว่าจะเก็บปากไว้พูดได้อีกนานแค่ไหนกัน“อืม พวกมันต้องการชิปที่อยู่ในล็อกเก็ตเลยส่งรวงข้าวมาขโมย” เคนตะจึงเล่าสิ่งที่คัพเค้กอยากรู้ให้ฟัง“พี่คริสไม่น่าปล่อยให้มันยืนลอยนวลอยู่เลยหรือพี่รวงข้าวขอไว้” คัพเค้กเคียงคอถาม นิ่วหน้าอย่างคนที่ไม่ได้เกรงกลัวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สักนิด“...” ทำเอาเคนตะถึงกับหันไปมองท่าทางคนข้าง ๆ ด้วยแววตาพินิจ“พี่เคนมองเค้กแบบนั้นทำไม!?” เธอก้มสำรวจตัวเองว่าผิดปกติอะไรรึเปล่าถึงทำให้เคนตะจ้องเธอขนาดนั้น“โหดเหมือนกันนะเนี่ย พี่ชักจะกลัวแล้วสิ”“เขาไม่ได้เรียกว่าโหดค่ะ แค่ตัดเสี้ยนหนามออกจากชีวิตแค่นั้นเอง” คัพเค้กยักคิ้วกลับไป เลือดของมาเฟียในตัวละมั้งที่ทำให้เธอชิดกับสิ่งพวกนี้และไม่ชอบเห็นอะไรขวางหูขวางตา“เปล่าหรอก มันคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เรารู้คนบงการตัวจริง” เคนตะคลายข้อสงสัยให้คัพเค้กทันที“อ้าว ยังมีอีกเหรอ”“อืม แต่เร
ยุโรปภายในห้องโถงใหญ่ที่มีชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับข้าง ๆ ที่มีชายวัยกลางคนนั่งรอฟังคำเอ่ยสั่ง“พรุ่งนี้ผมจะบินไปไทย คุณอาไรอันอยู่เคลียร์งานให้ผมด้วยนะ” ไมก้าบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไป“ทำไมบอกกระชั้นชิดแบบนี้ล่ะ ตอนแรกเราบอกว่าจะอยู่เคลียร์งานเองไม่ใช่เหรอ” ทำเอาชายวัยกลางคนถึงกับหน้างอ เพราะไม่ได้ทั้งตัวกับนิสัยลูกชายเจ้านายเก่า“ครับ จู่ ๆ ผมก็หมดไฟ ถ้าทำต่อกลัวงานจะไม่เข้าท่ากว่าเดิม ไหน ๆ คุณอาก็รู้งานกว่าผม ยังไงฝากด้วยนะครับ” ร่างสูงใหญ่ไม่ได้เอ่ยประชดแต่อย่างใด คนเดียวที่เขาไว้ใจและกล้าวางมือส่งมอบต่อมีเพียงไรอันเท่านั้น“อาจัดการงานเสร็จจะตามไป” เพราะไม่เคยขัดใจนายน้อยได้จึงต้องรับปากทันที“ไม่ต้องก็ได้ ผมแค่อยากไปพัก”“ไม่ดีมั้งครับ ถึงคริสเตียนมันจะไปฮันนีมูน แต่ในไทยก็ยังมีไอ้เคนตะอยู่ และที่สำคัญปู่ของมันก็พักอยู่ที่นั้นด้วย”“ผมไม่ได้ไปหาเรื่อง พวกมันคงไม่กล้า อย่างน้อยไอ้เคนตะมันก็รุ่นน้องผม คงไม่บ้าบิ่นเหมือนพี่ชายมัน” ไมก้านึกถึงหน้าเคนตะที่เป็นรุ่นน้องกว่า ถ้าจะเปิดศึกกันคนเดียวที่ต้องระวังคือพี่ชายมันต่างหาก ส่วนมาเฟียเฒ่านั่นไม่มีทางรักแกคนที่ด้อยกว่
เช้าวันใหม่ที่อะไร ๆ คงเปลี่ยนไป ความรู้สึกที่ก่อตัวชัดเจนขึ้นอีกครั้งหรือจะเป็นสถานะที่แปลเปลี่ยนจากพี่ชายน้องสาว กลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่แนบชิดอ้อมกอดที่เฝ้ารอมาตลอดสุดท้ายแล้วยังเป็นของเธอจริง ๆ ใช่ไหมแต่ที่แน่ ๆ เธอจะไม่ปล่อยมันไปอีก จะไม่ทำให้ตัวเองเสียของรักชิ้นนี้ให้ใครอีก“คิดอะไรอยู่...หืม!?” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามากอดทางด้านหลัง ในจังหวะที่คัพเค้กกำลังนั่งหวีผมหน้ากระจก“เค้กไม่ได้ฝันไปใช่่ไหมคะ พี่เคนคนเดิมของเค้กกลับมาจริง ๆ ใช่ไหมคะ” เธอถามอย่างที่ไม่คิดอยากจะคาใจอะไรอีกต่อไป ขอแค่คำพูดตรง ๆ ไม่ว่าจะได้ยินแบบไหนก็พร้อมจะทำใจรับ“ขอโทษที่พี่ทำตัวแบบนั้น พี่ไม่คิดว่าจะทำให้เราห่างเหินจนไม่เหมือนเดิม” เคนตะมองกระจกสบตาผ่านภาพสะท้อน แววตาที่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมเอ่ยออกมา“เค้กลืมหมดแล้ว ขอแค่พี่เคนสัญญาว่าจะไม่กลับไปเจ้าชู้อีกก็พอ” ทำให้คัพเค้กยอมทิ้งทุกอย่าง ยอมเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองคิดมากและที่สำคัญเธออยากเปิดรับเคนตะอย่างเต็มหัวใจฟึ่บ!“พี่สัญญา หัวใจพี่มีเค้กคนเดียวมาตลอด” เขาโน้มตัวลงไปพร้อมชูนิ้วก้อย เพื่อให้คำมั่น“ปากแบบนี้เชื่อได้จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย~”“หึ ลองดูก็ไม่เ
คนตัวเล็กกระตุกเกร็งเสร็จสมตามที่เคนตะนำทาง เขายันตัวลุกขึ้นไปคร่อมแล้วใช้ปลายแก่นกายลูบไล้ปากทางที่เปียกชื้น“อ๊าย! พะพอก่อน” ไม่ทันที่เคนตะจะได้แทรกตัวตนเข้าไป คัพเค้กก็ยกสะโพกขยับตัวหนี ไม่ใช่อาการลังเลแต่เธอยังไม่ชินกับขนาดของเขามากกว่า“ต่อเลยนะ พี่เจ็บจนมันจะระเบิดอยู่แล้ว” เคนตะก้มสายตาให้คัพเค้กมองตาม“อึก!” ทำเอาคนที่สัมผัสได้ถึงขนาดต้องกลืนน้ำลายเมื่อเห็นชัดเต็มสองตา“นะครับ พี่อยากมีความสุขเหมือนกับเค้กบ้าง” เขาซุกใบหน้าลงไปคลอเคลียพวงแก้ม จูบเบา ๆ ให้พอรู้สึกจักจี้ ส่วนมือปลาหมึกนั่นยังคงลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งไม่ปล่อยห่าง“ครั้งนี้มันไม่เจ็บแล้วใช่ไหมคะ”จุ๊บ! เคนตะจูบหนัก ๆ ตรงปลายจมูก“ไม่ครับ พี่จะทำให้เค้กของพี่มีความสุขที่สุด” ก่อนจะเลื่อนลงมาประกบปากดูดเร้าอารมณ์แล้วค่อย ๆ แทรกแก่นกายเข้าไปทีละนิด มือซ้ายลูบเส้นผมที่นุ่มมือ ส่วนมือขวายกเรียวขาของคนใต้ร่างให้กว้างกว่าเดิม แล้วกระแทกเข้าไปผ่านความฉ่ำวาวจนสุดลำ“อ้ะ!” คัพเค้กสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่เข้ามา มันอบอุ่นจนยากจะผลักไสฟึ่บ!“เจ็บเหรอ” เขาถามอย่างเป็นห่วง“มะ..ไม่ค่ะ” เธอขยุ้มผ้าปูที่นอน ส่ายหน้าปฏิเสธไปมา“
“ทำไมมองพี่แบบนั้น” เคนตะขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเดินกลับมาแล้วเห็นสายตาจับผิดจากคัพเค้ก“เปล่า” ทว่าคัพเค้กปฏิเสธ ไม่คิดจะล้ำเส้น“อยากถามไรก็ถาม จะได้ตอบ”“ก็บอกอยู่ว่าเปล่า”“แน่ใจ!?” เขายื่นหน้ามาใกล้ ๆ“เอ๊ะ!!” ทำให้คนตัวเล็กออกอาการหัวเสียขึ้นมา“โอเค ๆ เอาเสื้อใส่ไว้” ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ แล้วเดินวนไปด้านหลังสวมเสื้อคลุมไหล่มนวิ้ว~ คัพเค้กเบี่ยงไหล่ คว้าเสื้อมาสวมทับเอง ไม่แคร์สายตาที่มองเธออย่างเหนื่อย ๆ“อยากถ่ายรูปไหม” เคนตะเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากให้บรรยากาศดีขึ้นทว่า...อีกคนไม่ได้สนใจคำถามและทำเหมือนกับว่าเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น“เค้กหิว” คนตัวเล็กหมุนตัวเดินไปที่ร้านอาหาร ร้านที่เล็งไว้ตั้งแต่นั่งรถเข้ามาแล้วทำให้คนที่รอตามใจต้องเดินตามคัพเค้กไปร้านที่ทำด้วยไม้ไผ่อย่างขัดไม่ได้“เดี๋ยวพี่สั่งให้นะ” เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร เขาจึงเลือกที่จะทำหน้าที่ทันที“...” คัพเค้กไม่ได้คิดจะขัด เธอเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นแทนการสนทนา บรรยากาศรอบ ๆ ถึงแม้จะสวยสบายตาและเย็นสดชื่นกาย แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายก็ต่างร้อนรนใจ คนหนึ่งก็อยากจะให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ จะได้กลั