ร่างสูงใหญ่ผู้ที่มีใบหน้าขยี้ใจเพศตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาสีน้ำข้าว คมจมูกโด่ง ริมฝีปากน่าสัมผัส กำลังดึงชุดสูทราคาแพงให้เข้าที่เพื่อเข้าไปในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ฉลองแต่งงานของพี่ชายคนโต
เคนตะทอดสายตามองหาคนตัวเล็กที่ถือวิสาสะเข้าห้องเขาในจังหวะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ก่อนจะเห็นหญิงสาวกำลังยืนหยอกล้อกับผู้ชายคนอื่นที่รายล้อมรอบตัวเธอ
ตึกตึก...เคนตะเข้าไปกระชากแขนเล็กออกจากในวงสนทนาทันที
“มาคุยกันหน่อย”
“ถ้าจะคุยก็คุยตรงนี้” คัพเค้กเหลียวหน้าไปยิ้มให้เพื่อนๆเพื่อไม่ให้พวกเขาสงสัยท่าทีเธอกับพี่ชาย
“...” เคนตะไม่เอ่ยอะไรต่อ นอกจากลากคนตัวเล็กออกนอกงาน
“อะไรเนี่ย ปล่อยนะเค้กเจ็บ” มือบางสะบัดจากการเกาะกุมด้วยความรู้สึกเจ็บ
ฟึ่บ!
“เมื่อกี้ ทำไมเรียกฉันว่าคุณ” เคนตะถามในสิ่งที่สงสัยพร้อมทั้งสะบัดแขนอย่างแรง
“ลากมาเพื่อถามเรื่องนี้ เนี่ยนะ!?”
“ตอบมา” เคนตะจ้องดวงตากลมโตเค้นหาคำตอบ
“เค้กไม่อยากเรียกพี่เคนว่าพี่ต่อหน้าคนอื่น ไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีพี่ชายบ้ากาม” คัพเค้กย่นจมูกอย่างเด็กเอาแต่ใจ ตอบกลับไปตามความรู้สึกจริง ๆ
“หึ พูดอย่างกับตัวเองดีนัก ไปยืนให้ผู้ชายมันแทะโลมมันดีตรงไหน” คราวนี้เคนตะถึงกับแสยะยิ้มหัวเราะนึกขำกับคำพูดเด็กไม่รู้จักโต ชอบต่อว่าคนอื่นทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำตัวไม่ต่างจากเขา
“นี่พี่เคน!!” คัพเค้กตวาดไม่พอใจ จ้องดวงตาสีน้ำข้าวอย่างเอาเรื่อง
หมับ!
“ต่อหน้าปู่ ต่อหน้าพี่คริส เธอจะทำตัวใสซื่อยังไงก็เรื่องของเธอ แต่สำหรับฉันเธอไม่ได้ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่ฉันหิ้วขึ้นเตียงเลยสักนิด” ก่อนที่เคนตะจะไล่สายตาต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนฉายรอยยิ้มมุมปากเมื่อเห็นร่องอกที่โผล่ออกมาอย่างตั้งใจ
“มันจะมากไปแล้วนะพี่เคน อย่าให้เค้กหมดความอดทนจนไม่เหลือคำว่าพี่” คัพเค้กกัดฟันแน่น ไม่คิดว่าเขาจะปากร้ายกับเธอได้ขนาดนี้
“เรื่องของเธอ เพราะฉันรู้ว่าเธอไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตานอกจากพี่คริสและไอ้คูเปอร์” ตลอดเวลาสี่ปีที่ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป เขาไม่จำเป็นต้องสวมบทพี่ชายที่แสนดีอีกในเมื่ออีกฝ่ายไม่ต้องการ
“รู้ตัวก็ดี”
“ฉันจะพูดกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย ห้ามไปตามหรือยุ่งวุ่นวายที่ห้องฉันอีก”
“คิดว่าอยากไปนักเหรอ ถ้าคุณปู่ไม่สั่ง เค้กไม่มีทางไปหรอก” ก่อนที่คัพเค้กจะสะบัดหน้าเพื่อเดินกลับเข้าไปในงาน
ทว่า...
“คุยกับพี่ชายเสร็จรึยัง” ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับคัพเค้กเข้ามาเอ่ยถาม เลื่อนสายตาไปมองเคนตะอย่างให้เกียรติ
“อือ” เธอพยักหน้าทันที
“งั้นเราไปต่อด้านนอกกันดีกว่า” ชายหนุ่มโน้มกระซิบเบา ๆ ถือวิสาสะจับมือบางคล้องแขนเพื่อออกจากจุดนั้น โดยที่คัพเค้กไม่คิดจะเหลียวหน้ามามองเคนตะหรือขออนุญาตเลยสักนิด นอกจากเดินพูดคุยส่งยิ้มอย่างสนิทสนมตลอดทางที่เดินออกไป
กึก!
“หึ ทำตัวอย่างกับเด็กใจแตก!!” เคนตะเค้นหัวเราะกับนิสัยน้องสาวตัวดีที่นับวันยิ่งทวีคูณความเปรี้ยว เห็นทีต้องส่งไม้ต่อให้พี่ชายคนโตดัดนิสัยเป็นจริงเป็นจังซะบ้าง
ตึก!ตึก!“กว่าแกจะโผล่หัวมาได้ ต้องให้ฉันรอถึงพรุ่งนี้เช้าเลยไหม” คางูยะเงยหน้ามองหลานชายอย่างไม่สมอารมณ์นัก ก่อนจะเอ่ยกระแหนะกระแหนออกไป“วันนี้วันดี ปู่จะอะไรนักหนา” เคนตะหย่อนตัวนั่งตรงกันข้าม สีหน้าท่าทางไม่ค่อยทุกข์ร้อน“ช่วยพี่แกสืบเรื่องฆาตกรตัวจริงสักที ไม่ใช่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ” มาเฟียเฒ่าไม่อยากต่อปากต่อคำนานจึงพูดสิ่งที่สำคัญที่สุดทันที“วันอื่นก็มี ค่อยคุยเรื่องนี้ก็ได้”“ฉันจะคุยวันนี้และตอนนี้ แกมีหน้าที่ฟังและทำตามเท่านั้น” คางูยะออกคำสั่งวางอำนาจอย่างที่เป็นมาตลอด เขาคงปล่อยให้มีทายาทคนที่สองอีกไม่ได้ถ้าเรื่องยังค้างคาอยู่แบบนี้“...” ทำเอาร่างสูงใหญ่ถึงกับพ่นลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย“ช่วงนี้ห้ามไปไหนจนกว่าพี่ชายแกจะฮันนีมูนเสร็จ จะลากผู้หญิงไปกินกี่คนก็เรื่องของแก แต่ต้องกลับไปนอนบ้าน”“...” เคนตะแบมือทั้งสองข้างอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าเหวอไปทันที คอนโดเขาก็มีทำไมต้องกลับไปนอนบ้าน ทั้งๆที่ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด“ต่อไปหน้าที่หลักของแกคือ...” คางูยะเอ่ยออกมาเว้นจังหวะเพื่อมองหน้าหลานชาย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ดูแลคัพเค้ก!!”“ไม่มีทาง!!” เคนตะรีบปฏิเสธคำสั่งนั้นอย่างไ
มาเฟียเฒ่าหยุดชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นรถคันโปรดของหลานชายคนกลางจอดอยู่ที่เดิม ทั้งๆที่ไม่ควรอยู่ตรงนี้“เคนตะ ยังอยู่บ้านอีกเหรอ”“ครับนายท่าน”“คัพเค้กล่ะ” คางูยะถามถึงอีกคนเพราะในสมองพอจะประมวลบางอย่างได้“คุณหนูออกไปมหา’ลัยได้สักพักแล้วครับ”“ไปเอง!?” เขาเหลียวหน้ามองบอดี้การ์ด เลิกคิ้วเป็นคำถาม“ครับ”“ไปตามไอ้หลานชายตัวดีมาพบฉันหน่อย” ทำเอามาเฟียเฒ่าต้องหมุนตัวเข้าไปในบ้านอีกครั้ง เพื่อจัดการสิ่งที่เพิ่งจะออกคำสั่งเมือคืนนี้ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาในห้องรับรองด้วยสีหน้าไม่สมอารมณ์นัก“ทำไมไม่ไปส่งน้อง” ทันทีที่เคนตะเดินเข้ามา คางูยะถามออกไปอย่างไม่ลังเล“ยัยเค้กไม่ยอมให้ผมไปส่งเอง” เคนตะรู้อยู่แล้วว่าปู่ของเขาจะต่อว่าเรื่องอะไร ทำให้เคนตะโยนความผิดให้กับน้องสาวตัวดีทันที“แกโตมายังไงวะ ถึงได้ไม่มีปัญญาจัดการเรื่องง่ายๆ”“ปู่ไม่รู้เหรอว่าผมโตมายังไง!?” เขายียวนออกไปตามนิสัยเดิมๆ“อย่ามาย้อน ไอ้เคน!!” คางูยะถึงกับตะคอกเสียงดังลั่น จ้องใบหน้าคมของหลานชายอย่างคาดโทษ“อ้าว ก็ปู่ถามเอง ผมย้อนตรงไหน”“เคนตะ!!” เสียงเข้มเก็บกลั้นเก็บอารมณ์ไม่ให้ฟาดไม้เท้าใส่หน้าหลานชาย“ครับ” ทว่าเค
“พี่เคน!!” คัพเค้กดีดตัวออกห่างจากเพื่อนหนุ่มทันทีที่เห็นพี่ชาย“...” เคนตะลุกขึ้นเดินไปขวางทางเดินไว้ ดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองชายหนุ่มอีกคนด้วยหางตา“พี่เคนมาทำไม” คนตัวเล็กถามออกไปอย่างสงสัยในเมื่อก่อนหน้านี้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว“สวัสดีครับ พี่เคน” ชายหนุ่มข้างคัพเค้กเอ่ยอย่างให้เกียรติทว่า...“แน่ใจว่ามาเรียน” เคนตะไม่ได้คิดจะตอบกลับ นอกจากหันไปถามน้องสาวตัวดี ด้วยสายตาดูหมิ่น“หมายความว่าไง”“...” เคนตะนิ่งแต่ใช้สายตาสื่อสารออกไปแทนคัพเค้กรู้ทันทีโดยไม่ต้องถามซ้ำ ทำให้เธอเลือกที่จะเอื้อมไปจับมือร่างสูงข้างๆเพื่อออกจากที่นี่“ไปเถอะโจ้ เค้กอยากกลับแล้ว”หมับ!“กลับกับฉัน ส่วนมึงปลอยมือจากน้องสาวกู” ทั้งๆที่คัพเค้กเป็นคนเอื้อมไปจับเอง แต่เคนตะเลือกที่จะให้อีกฝ่ายเป็นแกะมือออกไปเอง“คงไม่ได้อ่ะครับ ในเมื่อเค้กอยากกลับกับผม” โจโจ้เอ่ยทันที“พี่เคน ถอยไปดีกว่า เค้กว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะตอนเช้า”“พูดมาก!!” ทว่าเคนตะหันไปตะคอกพร้อมทั้งกระชากคนตัวเล็กจนหลุดจากมือหนาของโจโจ้“นี่พี่เคน เป็นบ้าไรเนี่ย เค้กอายรู้ไหม” คัพเค้กเหลียวหน้ามองรอบๆที่ตอนนี้เริ่มจะมีกลุ่มนักศึกษาให้ความสนใจกัน
คนตัวเล็กสาวเท้าตามทางฟุตบาท ปล่อยให้อารมณ์โมโหสงบนิ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ของเธอและพี่ชายจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้จุดที่ยากที่จะสานความเป็นพี่น้องกันอีก เพราะไม่มีพี่น้องคู่ไหนที่เขาลงโทษด้วยรสจูบที่แทบจะกลืนกินกันแบบนั้นหรอก นอกจากคนที่จิตใจตกต่ำทำได้แม้กระทั่งน้องสาวตัวเอง!“ไอ้พี่บ้า” คัพเค้กกัดฟันแล้วด่าทอถึงคนที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์เธอตอนนี้มากที่สุด ก่อนจะล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาบอดี้การ์ดประจำตระกูลทันทีที่ปลายสายกดรับ...“มารับฉันตามโลเคชั่นที่ส่งไป ด่วนที่สุด” เอ่ยจบก็ตัดสายทิ้งแล้วเดินเข้าร้านกาแฟ รอเวลาตามตามที่สั่งออกไปอีกด้านบรึ้นนน~ รถสปอร์ตหรูเร่งเครื่องออกจากจุดนั้นทันที เคนตะไม่คิดจะลงไปตามคนตัวเล็กที่วิ่งเตลิดไปไกล“เอาแต่ใจตัวเองชะมัด” มือหนาฟาดบนพวงมาลัย เจ็บใจที่ไม่สามารถพาคนตัวเล็กกลับบ้านได้ทว่า...“ทำไรลงไปวะ!!” ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่เขาลงโทษคัพเค้กอย่างลืมตัว มือหนาเลื่อนขึ้นมาขยี้ผมด้วยอารมณ์บางอย่างหวังเรียกสติให้ลืมรสจูบนั้น“ยัยเค้กนี่” จู่ๆ สายตาก็ไปปะทะเข้ากับรถตู้คันหนึ่งที่กำลังเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์ เดาได้ทันทีว่าในนั้นมีใคร ว่าแล้วเค
“บ้าที่สุดเลย ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้กับฉัน” คัพเค้กระบายความในใจทั้งหมดที่มีให้ชายหนุ่มตรงกันข้ามฟัง“นายลองคิดดูนะ ว่าพี่น้องที่ไหนเขาจูบกัน ถ้าลงโทษอย่างอื่นฉันพอเข้าใจ” เธอทิ้งตัวพิงโซฟา นึกเจ็บใจไม่หายที่ตัวเองต้องแสดงรสจูบที่ร้อนแรงกลับไป“นายว่าพี่ฉันบ้ากามจนหน้ามืดตามัวรึเปล่า” ก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นจากเพื่อนหนุ่ม“...” แต่แล้วสิ่งที่ได้คือความเงียบ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้น“โจ้” คัพเค้กเอ่ยเรียกชื่อทันที“...” เงียบ..ชายหนุ่มตรงข้ามเธอไม่ได้สนใจเสียงเรียกนั้น ทว่ากำลังใช้สายตาสื่อสารบางอย่างกับผู้หญิงโต๊ะอีกฝั่งกึก!“โจโจ้!!” คัพเค้กกระแทกแก้วไวน์พร้อมโน้มหน้าไปตะโกนใส่หูเพื่อนหนุ่มเสียงดังลั่น“เฮ้ย! อะไรวะ จะเสียงดังทำไมเนี่ย ฉันตกใจหมด” โจโจ้หันมาตะคอกทันที หน้าเหวอจนแทบหมดความหล่อ ยกมือขึ้นมาลูบแผงอกอย่างเรียกขวัญ“เวอร์ชะมัด” เธอหย่อนตัวไปนั่งเหมือนเดิม ก่อนจะส่ายหน้าให้กับท่าทีโจโจ้ที่มีสถานะอื่นด้วยนอกจากความเป็นเพื่อน ก็เพราะความเสน่ห์แรงเป็นเหตุทำให้โจโจ้เลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟนกำมะลอไปพรางๆ ระหว่างที่คัพเค้กกำลังหาแฟนตัวจริง เขาจะไ
หมับ!“ปล่อยนะ..พี่เคน” คัพเค้กสะบัดตัวออกห่างจากร่างสูง“มาเที่ยวกับแฟนเหรอ พาไปแนะนำหน่อยสิ” เคนตะโอบเอวพร้อมยักคิ้วอย่างกวนๆ ในหัวมีแผนบางอย่าง“จะทำอะไร” คนตัวเล็กถามอย่างรู้ทัน“หึ คิดมากน่า พี่จะทำไรน้องสาวได้” เขาแสยะยิ้มมุมปาก แววตามีเลศนัยชัดเจน“อย่าคิดจะทำไรบ้าๆต่อหน้าแฟนเค้กนะ” คัพเค้กรีบข่มขู่ไว้ก่อน ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนแต่ก็แสดงออกมามากไม่ได้ ไม่รู้ว่าแผนนั่นคืออะไร แต่ที่แน่ๆไม่ดีกับตัวเธอหรือไม่ก็แฟนหนุ่มกำมะลอแน่นอน“...” เคนตะไม่รับปากกลับกระชากคนตัวเล็กไปที่โต๊ะทันที“ปล่อยได้แล้ว” เมื่อถึงโต๊ะคัพเค้กจึงแกะมือหนาออกจากเอว ทว่าอีกฝ่ายกดตัวเธอให้นั่งลงฝั่งเดียวกับเขา“นั่งข้างฉัน” ก่อนที่เคนตะจะกดเสียงเรียบนิ่ง“ไม่”ฟึ่บ! เคนตะออกแรงบีบหัวไหล่ไม่ให้คัพเค้กลุกออกไป ทำเอาชายหนุ่มอีกคนมองสลับไปมา ไม่รู้จะเอ่ยแทรกหรือหาจังหวะช่วยตอนไหนดี“คบกันนานยัง” เคนตะทำหน้าที่ผู้ปกครองทันที ถามในสิ่งที่อยากรู้มากกว่าหน้าที่“...” โจโจ้หันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งข้างพี่ชาย พยายามกระพริบตาบอกบางอย่างเป็นนัยน์ ๆ“ว่าไง ฉันถาม” เคนตะถามย้ำจ้องใบหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างเอาเรื่อง เรื่อง
บรึ้นนนน~“คออ่อนแล้วยังจะซ่าอีก เป็นภาระฉิบ!” เคนตะบ่นอย่างเอือมระอา สายตาเหลือบมองน้องสาวกับถนนสลับกันไปมา นับวันเขากับคัพเค้กความสัมพันธ์ไกลห่างออกไปทุกที ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนคงจะมีสิทธิ์เอ่ยเตือนได้บ้าง แต่มาตอนนี้คำพูดของเขาไม่มีอิทธิพลพอจะสั่งหรือเตือนคัพเค้กได้เลย“อื้ออ~” คัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึนเมา สมองพอจะจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ลาง ๆหมับ!“ร้อน เปิดแอร์ยังเนี่ย!!” มือบางเลื่อนไปกดด้านหน้ารถมั่ว ๆ โดยที่ยังคงหลับตาอยู่“ยัยเค้กอยู่นิ่ง ๆ” เคนตะบอกพร้อมปัดมือบางให้กลับไปตั้งบนหน้าขาเรียวเหมือนเดิม ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย“ก็คนมันร้อน โจ้เปิดแอร์ให้หน่อย” ทว่า...คัพเค้กไม่เพียงแต่ตะคอก แต่ยังเอ่ยถึงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมในรถด้วย“นั่งรถฉันอย่าเอ่ยถึงคนอื่น!!” ร่างสูงใหญ่เริ่มจะหัวเสีย แยกกันไม่ทันไรก็เอ่ยถึงอีกแล้ว น่าเจ็บนักขนาดเมาแล้วยังไม่ลืมไอ้เวรนั่นอีก“แล้วนายเป็นใคร!!” ศีรษะทุยสอดเข้าไปใต้วงแขนเงยหน้าถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ แววตาใสซื่อกระพริบถามอย่างน่าเอ็นดู“...” เคนตะถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อสบดวงตาหวาน กลิ่นประจำตัวน้องสาวลอยมาแตะจมูก ทำเอาเขากลืนน้ำ
“อื้ออ~”“ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเยอะเลยเรา” รุ่งเช้าในวันต่อมาคัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึน ๆ กำหมัดเล็ก ๆ เคาะศีรษะตัวเองเบา ๆ เพื่อคลายอาการปวดหัว ก่อนที่เธอจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียงจนผ้าห่มร่วงลงไปกองที่เอว ความเย็นของอากาศภายในห้องส่งผลให้เธอก้มมองเรือนร่างของตัวเอง“กรี๊ดดดดดด~” คัพเค้กกรีดร้องด้วยความตกใจ ทำไมเธอถึงได้...นอนเปลือยเปล่าอย่างนี้ มันเกิดอะไรขึ้น“เฮ้ย! หนวกหูเว้ยคนจะนอน” ทว่าคนที่นอนหลับอยู่ชะโงกหัวขึ้นตวาดอย่างรำคาญ“พะ...พี่เคน~” คนตัวเล็กดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าทันทีพร้อมกับหันไปมองต้นเสียงข้าง ๆ ด้วยความงุนงง“...” เคนตะฟุบหน้าลงบนหมอนอีกครั้งเพื่อหลับตานอนต่อ โชว์แผนหลังเปลือยเปล่าให้คัพเค้กได้เห็น โชคยังดีที่ด้านล่างพอจะมีผ้าห่มปิดอยู่ไม่อย่างนั้นคงจะเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“นี่มันอะไรกัน!!” คัพเค้กกัดฟันถามออกไป“...” แต่เคนตะยังคงนอนต่ออย่างไม่ใส่ใจหมับ!“ตื่นมาคุยให้รู้เรื่องนะ..พี่เคน!!” มือบางเขย่าหมัดกล้ามด้วยความแรง เรียกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาคุยให้รู้เรื่อง“โอ๊ยย~ ไม่รู้!?” เคนตะเสยผมขึ้นไปด้านบนแล้วตอนตะแคงข้าง ใช้มือเท้าคางถามอย่าง
รถสปอร์ตจอดหน้าคฤหาสน์ตระกูลซามูเอล ไมก้าเดินเข้าไปด้านในโดยไม่สนบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้า“เข้าไม่ได้!!”“ถอยไป!” เขากดเสียงทุ้มต่ำ จับจ้องไปด้านหน้าเพียงอย่างเดียว“บอกว่าเข้าไม่ได้ไงวะ” บอดี้การ์ดราวสิบคนเข้ามายืนขวางเป็นทางยาว“...” แต่ไมก้าไม่สนดันตัวเองเพื่อจะเข้าไปให้ได้ วันนี้เขาต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือใคร“เฮ้ย! ไปบอกนายว่าคุณไมก้าบุกเข้ามาที่นี่” ลูกน้องที่ยืนด้านหน้าสุดกระซิบบอกข้าง ๆ อย่างไว“ได้ลูกพี่”“หลีกไปไงวะ” ตอนนี้ไมก้าทั้งดันทั้งผลัก แต่ก็ไม่สามารถทะลายกำแพงจากแขนหนาของบอดี้การ์ดได้เลยจนกระทั่งลูกน้องวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อหาเจ้านายหนุ่ม ที่ตอนนี้กำลังนั่งดูบางอย่างในโทรศัพท์‘อย่าลืมส่งคนมา วันนี้ผมลงมือแล้ว’ ข้อความจากเคนตะส่งตรงเข้าโทรศัพท์มือถือคริสเตียน“มีไร!?” เห็นสีหน้าลูกหน้าแปลกเลยถามทันที“เอ่อ...คุณไมก้าบุกมาที่นี่ครับ”“อืม” คริสเตียนพยักหน้ารับรู้ จนสายตาเหลือบไปเห็นลูกน้องคนสนิท “ไอ้อะเดล ทำไมมึงไม่ตามคัพเค้ก”“คุณหนูไปกับเพื่อนสนิทครับ ไม่ให้ผมตามไป”คริสเตียนพยักหน้าอีกครั้งอย่างเข้าใจเพราะรู้ว่า เพื่อนสนิทคัพเค้กคนนี
โรงแรมหรู (สองวันต่อมา)ชายวัยกลางคนเข้ามาในโรงแรมเพื่อพบเจ้านายตัวเอง“นายน้อยล่ะ”“ด้านในครับ”ตึกตึก! ไมก้าหยุดนิ่ง มองคนที่กล้าขัดคำสั่ง และมาปรากฏตัวตรงหน้าในวินาทีนี้“อาไรอันจะมา ทำไมไม่บอกผมก่อน” เขาถามเสียงนิ่งเรียบ“อาเคลียร์งานเสร็จหมดแล้ว ก็เลยตามมา”“แต่ผมไม่ได้จะมาอยู่ไทยนาน ไม่จำเป็น” ไมก้าเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า“ช่วงนี้นายน้อยดูมีลับลมคมใน นายน้อยคิดจะทำอะไร” ชายวัยกลางคนถามอย่างเป็นห่วง“เปล่าครับ ผมโตแล้วเลยอยากใช้ชีวิตตามใจตัวเองบ้าง บางทีมันก็เหนื่อยที่ต้องทำงาน ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ”“...” ไรอันถึงกับยิ้มมุมปาก ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากเจ้านาย“ผมขอละครับ ให้ความเป็นส่วนตัวผมบ้าง”“อาไม่ได้จะล้ำเส้น แค่อยากซัพพอร์ตก็เท่านั้น แต่ถ้านายน้อยอึดอัด อาก็จะกลับยุโรป” ชายวัยกลางคนตัดพ้อทันทีแล้วหมุนตัวเพื่อออกจากห้อง“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ก่อนที่ไมก้าจะกล่าวต่อ“ผม แต่อาจะกลับไปดูงานอื่นต่อ นายน้อยไว้ใจอาเถอะ แค่ตามมาดูให้หายห่วง”“ขอบคุณอามากครับ อาดีกับผมเสมอ”ไรอันโค้งศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องฟึ่บ! ไมก้าทิ้งตัวนั่งบนโซฟากลางห้อง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเมื่อมี
โรงแรมหรูร่างสูงใหญ่ตวัดขาลงจากรถสปอร์ตแล้วมุ่งหน้าเข้าโรงแรม เดินเข้าไปดักหน้าร่างสูงอีกคนที่กำลังออกจากที่นั้น“ขอคุยด้วยหน่อย”“ไม่ว่าง” ไมก้าไม่หันไปสบตา เลี่ยงตัวเองเดินหน้าต่อ“แต่เรื่องนี้สำคัญ” เคนตะไม่ละความพยายาม ยังคงรั้งโดยประโยคที่คิดว่าอีกฝ่ายต้องสนใจ“...” แต่ไมก้าไม่กล่าวอะไร“แค่แป๊บเดียว คุยจบจะลุกออกไปก็ได้”ไมก้าตัดสินใจหมุนตัวเข้าโรงแรมอีกครั้ง ทว่าเคนตะกลับเอ่ยต่อ “ขอเปิดห้องนะ”“งั้นกูไม่คุย” ดวงตาคมตวัดมามองด้วยหางตา ปกติแล้วถ้าเป็นคริสเตียนจะเป็นเขาเองที่เข้าไปหาเรื่อง แต่กับเคนตะเขารู้ว่าร่างสูงใหญ่ไม่ได้อย่างยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจ จึงไม่อยากใส่ใจนัก“ถ้าไม่สำคัญ กูจะมาคุยกับมึงก่อนมั้ย”“เออ เปิดก็เปิด”ภายในห้องส่วนตัว ทั้งคู่ต่างจ้องหน้ากันสักพักใหญ่ ก่อนที่คนที่คิดจะเจรจากล่าวออกมาก่อน“เรื่อง...คนที่ฆ่าพ่อแม่เรา”“หึ เรื่องนี้มึงกลับไปถามปู่มึงเองเถอะ น่าจะรู้รายละเอียดดี” ไมก้าคิดมาตลอดว่าเรื่องนี้ต้องมีคนรื้อฟื้นขึ้นสักวัน และเขาเองก็รอเวลานี้มานาน เวลาที่จะได้ชำระแค้นให้กับวงตระกูล“จนป่านนี้มึงยังเข้าใจว่าเป็นปู่กูอีกเหรอวะ” เคนตะถามกลับทันที“กูไม่รู้
ห้องลับสองพี่น้องนั่งประชุมภายในห้องลับโดยมีปลายสายจากญี่ปุ่นร่วมวางแผนด้วย(สรุปว่ามันเป็นใคร) คูเปอร์ถามด้วยความสงสัยและเหนื่อยกับการต้องลุ้นอยู่ตลอด“ยังไม่เคยเห็นหน้า กูจะรู้ไหม” เคนตะที่ทำงานนี้หลักบอกอย่างกวน ๆ“อะไรของมึง ทำไมยืดเยื้อจังวะ” คริสเตียนส่ายหน้ากับผลงานที่ล่าช้า“นัดกี่ครั้ง มันก็ไม่มา อุตส่าห์ไปดักรอก่อน แต่ก็ไม่เจอ แล้วแบบนี้กูจะเอาอะไรมายืนยันกับพวกมึง”“มึงคิดจะขโมยข้อมูลอย่างที่รวงข้าวเคยทำเหรอ”“ไม่แน่ใจวะ” เคนตะไม่สามารถตอบได้เลยว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร ไม่รู้เป้าหมายต้องการจะฆ่าเขาหรือล่วงความลับกันแน่ “นี่ปู่เงียบ ๆ ไปไม่รู้มีแผนอะไรรึเปล่า” ก่อนจะนึกถึงอีกคนที่ตั้งแต่สั่งให้ดูแลคัพเค้กก็ไม่ยอมออกจากห้อง ปรากฏให้เห็น(รีบลงมือ) ปลายสายจากญี่ปุ่นเงียบฟังพี่ ๆ พูดอยู่นาน สุดท้ายก็ปริปากเอ่ยสั่ง“ลงมือเองเลยไหม มึงถนัดงานโหด ๆ ไม่ใช่เหรอ” เคนตะสั่งบ้าง ความจริงงานนี้น่าจะเหมาะกับคริสเตียนหรือไม่ก็คูเปอร์มากกว่า โดยเฉพาะน้องชายที่มีนิสัยเด็ดขาดและใจนิ่ง ไม่โลเลง่าย ๆ ทว่าไม่ว่ากี่ครั้งเป้าหมายก็ยังเลือกเขาในการเข้างาน ผลสรุปเลยต้องเป็นเขาที่ต้องลงมื
ลมแอร์พัดผ่านผิวขาวเนียนที่โผล่จากผ้าห่ม ทว่าคนตัวเล็กไม่ได้รู้สึกแหนบหนาวเลยสักนิด ไม่รู้เป็นเพราะความร้อนรุ่มในร่างกายหรือไออุ่นจากคนข้าง ๆ ที่นอนกอดเธออยู่เพราะตอนนี้เขาและเธอไม่มีเสื้อผ้าติดตัว นอนกอดกันโดยที่เนื้อแนบสัมผัสกันอย่างว้าวุ้น ขยับติดนิดเดียวก็เล่นเอาเสียวซ่านเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านตลอดเวลา“พี่เคน”“อือ” เขาขานรับเพียงในลำคอ“เรื่องของเรา...” คัพเค้กสลัดความร้อนรุ่มออกจากหัวก่อน อยากพูดในสิ่งสำคัญสำหรับเขาและเธอมากกว่า“...” เคนตะนอนฟังเงียบ ๆ คาดเดาได้ตั้งแต่เธอเรียกชื่อเขาแล้ว“เค้กพร้อมแล้วนะคะ เค้กไม่อยากพิสูจน์อะไรอีกแล้ว” เธอพร้อมแล้วเพราะตอนนี้บาดแผลในอดีตมันไม่หลงเหลืออีกแล้ว ในหัวใจตอนนี้มีแต่คำว่า ‘รัก’ คำเดียวแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเข้ามายืนตรงกลางใจ ยืนที่เดิมที่เขาอยู่มาตลอด“ไม่อยากพิสูจน์แล้วเหรอ”“ไม่แล้วค่ะ เราจะบอกเรื่องของเรากันพรุ่งนี้ดีไหมคะ” คัพเค้กเงยหน้าขึ้นไปสบตาและรอคำตอบ“...” เขาส่งยิ้มเพียงแววตา ก่อนจะพยักหน้ารับ“ทำไมพี่เคนดูไม่ดีใจเลย” คนชั่งสังเกตขมวดคิ้วถาม“คิดมากอีกแล้วที่รักของพี่” เคนตะจึงก้มลงมาจูบขมับหนัก ๆ เพื่อปลอบโยนแต่แล
ห้องเช่าอพาร์ตเม้นต์สองหนุ่มมาเฟียลงจากรถตัวเองแล้วยืนมองตึกห้องเช่าที่ออกจะทรุดโทรม ข้าง ๆ มีคนงานตั้งวงนั่งเมาสุรากันตั้งแต่หัววัน สภาพแต่ละคนแทบจะดูไม่ได้ หากดึกดื่นคงจะอันตรายน่าดูถ้าเดินผ่านกลุ่มขี้เมาพวกนี้“พี่แน่ใจนะว่าแพรพักอยู่ที่นี่” เคนตะส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อทอดสายตามองสภาพแวดล้อม“ไอ้อดัมเป็นคนสืบ” แค่คริสเตียนเอ่ยชื่อลูกน้องคนนี้ก็สามารถเรียกความมั่นใจให้กับเคนตะได้แล้วตั้งแต่กลับจากฮันนีมูนเขาก็สั่งให้อดัมทำหน้าที่นี้โดยปิดเป็นความลับไม่ให้คางูยะรู้ว่ากำลังตามหาผู้หญิงที่ชื่อ แพร์พีญา หรือ แพร ผู้หญิงที่ขาดการติดต่อจากพวกเขาเกือบห้าปีเต็ม“ว้าววว หล่อจัง มีไรถามแนนนี่ได้นะคะ แนนนี่เป็นเจ้าของตึกนี้” ลูกสาวเจ้าของอพาร์ตเมนต์ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า รีบวิ่งแจ้นเข้ามาทักทาย“ตึกนี้มีคนพักชื่อแพร์พีญารึเปล่า” เคนตะเป็นฝ่ายถามก่อน“แพร์พีญา!” มืออวบเกาศีรษะตัวเอง ทวนชื่อนั้นซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่คุ้นหรือเคยได้ยินมาก่อน“รู้จักไหม” ร่างสูงใหญ่ของคนเป็นน้องถามอีกครั้ง“ไม่อ่ะค่ะ”“...” ทำให้เคนตะหันไปมองหน้าคริสเตียนถามด้วยสายตาว่าจะเอาไงต่อ“แน่ใจนะว่าไม่เคยได้ยิน” เสียงนิ่งเรียบเอ่ยออกม
ตึก!ตึก!ร่างสูงใหญ่เข้าไปด้านในโรงแรมหรูกวาดสายตามองหาเป้าหมายที่นัดไว้ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งมีเด็กหนุ่มหน้าใสเดินเข้ามาหา ส่งคีย์การ์ดให้และนำทางไปชั้นที่ต้องการความเป็นส่วนตัว“เชิญครับ” เด็กหนุ่มผายมือเปิดทาง ก่อนที่ห้องหรูจะเปิดให้เคนตะแทรกตัวเข้าไป“มาแล้วเหรอคะ” เจ้าของห้องเอ่ยทักทายทันที โปรยยิ้มเชิญชวนชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมีชั้นเชิง“...” เคนตะไม่ตอบ แต่ใช้สายตาสื่อความหมายบางอย่างแทน แค่แววตาแค่นี้ก็ทำเอาคนมองแทบจะคลานเข่าเข้าหาแล้ว“มานั่งก่อนสิคะ” ชาช่าจับมือและจูงไปนั่งโซฟากึ่งกลางห้อง“ไหนแดดดี้คุณล่ะครับ” เขาหย่อนตัวลงนั่งพาดมือขึ้นตั้งบนพนักด้วยท่าทีสบาย ถามหาคนที่ต้องการพบเขามากที่สุด“คุณเคนมาช้า แดดดี้รอไม่ไหวเลยออกไปด้านนอกแล้วล่ะค่ะ” เธอบอกพร้อมขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ใช้นิ้วเรียวเขี่ยเม็ดกระดุมเสื้อที่แหวกลงมาเกือบกลางอกเคนตะก้มมองการกระทำทุกอย่างเลื่อนมือลงไปรั้งท้ายทอยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้เจอแดดดี้คุณ”“อยากเจอขนาดนั้นเลยเหรอคะ จริงจังหรือเปล่า”“ผมดูเป็นคนไม่จริงจังเหรอ” นิ้วเรียวเปลี่ยนจากท้ายทอยเป็นลูบไหล่มนแทน“ก็คู่ควงคุณเยอะ...ช่าจะ
ครืดดด ครืดดดดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองโทรศัพท์ที่สั่นสักพักใหญ่แล้ว แต่เขายังคงขับรถต่อไปไม่ได้คิดจะรับสายหรือตัดสายทิ้งจนกระทั่งไม่นานเสียงโทรเข้าเงียบไปทว่า...มีข้อความส่งเข้ามาแทน‘โกรธเหรอ’‘พี่เคนรีบสายเค้กหน่อยนะ’เคนตะอ่านทุกข้อความ นิ้วเรียวหมายจะพิมพ์ตอบกลับ แต่จังหวะนั้นกลับมีสายเรียกเข้าซะก่อน“ครับ” เขาขานรับ วางโทรศัพท์ลงด้านข้างเหมือนเดิมเพื่อต่อสายซิ้งค์กับรถ(คุณเคนตะอยู่ไหนแล้วคะ)“อดใจคิดถึงผมไม่ไหวแล้วเหรอครับ” เคนตะหยอดไปเสียงหวาน ออดอ้อนสไตล์หนุ่มเจ้าสำราญ(รู้ใจตลอดเลย)“หึ”(แต่วันนี้อดไปก่อนนะแดดดี้มาด้วย) เธอบอกอย่างเซ็ง ๆ“หว่า~ แล้วคืนนี้ล่ะครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดายหนักหนา(ช่าทบต้นทบดอกให้เลยค่ะ)“แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นคู่ควงของผม”(แค่คู่ควงเองเหรอคะ)“...”(ถ้าช่าอยากได้มากกว่านั้น...คุณเคนจะให้ช่าได้ไหม) ชาช่าเว้นวรรคให้อีกฝ่ายคิดแล้วเอ่ยขออย่างที่รู้ความหมายกันดี“หึ ผมขอดูผลงานคืนนี้ก่อนแล้วกันว่าคุ้มกับสิ่งที่ผมต้องแลกไหม”(งั้นช่าทุ่มสุดตัวเลยค่ะ)“อยากให้ถึงคืนนี้เร็ว ๆ จัง”(ฮ่า ๆ ตกลงคุณเคนถึงไหนแล้วคะเนี่ย ยังไม่ตอบช่าเลย) ชาช่าหัวเราะกล
สนามบินเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เป้าหมายที่แท้จริงไม่ได้มาพักผ่อน ทว่าไมก้าต้องการมาสืบเรื่องน้องสาวที่ยังมีชีวิตอยู่และเมื่อรู้ข้อมูลบางอย่างว่าน้องสายเลือดเดียวกันอยู่เมืองไทย เขาจึงหาโอกาสมาที่นี่ทันที โดยให้ลูกน้องเก่าแก่ทำงานแทน“เชิญทางนี้ครับ”“...” เขาเดินตามเงียบ ๆ“พวกมันรอนายน้อยที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว” ลูกน้องที่เมืองไทยรายงาน“...”“ส่วนเรื่องคริสเตียน ตอนนี้มันกลับจากฮันนีมูนและน้องชายมันก็อยู่ที่นี่ด้วย”“ทั้งคู่!?” ไมก้าถามขึ้นบ้าง“แค่เคนตะ อีกคนมาไทยล่าสุดงานแต่งคริสเตียน”“อืม รีบไปโรงแรมกันก่อน”ไมก้าเข้าไปนั่งในรถเตรียมไปโรงแรมที่นัดสายสืบเอาไว้ อยากจะสืบเรื่องให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการตอบคำถามไรอันคฤหาสน์ตระกูลซามูเอลเช้าวันรุ่งขึ้นคัพเค้กเอ่ยปากไล่เคนตะให้ออกจากห้องตั้งแต่ฟ้าไม่สร่าง เหตุผลเดียวคือไม่อยากให้ใครเห็น“เช้าอยู่เลย ให้พี่นอนต่ออีกนิดนะ” เคนตะซุกหน้าลงตรงเนินอก แขนกอดรัดคนตัวเล็กไม่ยอมปล่อย“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวใครเห็นเข้า” เธอผลักเขาออกอีกครั้ง“ให้เขาเห็นไปสิ” คนดื้อด้านไม่สนอะไรทั้งนั้นนอนแนบหน้าบนเต้านิ่ม ๆ หลั