มาเฟียเฒ่าหยุดชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นรถคันโปรดของหลานชายคนกลางจอดอยู่ที่เดิม ทั้งๆที่ไม่ควรอยู่ตรงนี้
“เคนตะ ยังอยู่บ้านอีกเหรอ”
“ครับนายท่าน”
“คัพเค้กล่ะ” คางูยะถามถึงอีกคนเพราะในสมองพอจะประมวลบางอย่างได้
“คุณหนูออกไปมหา’ลัยได้สักพักแล้วครับ”
“ไปเอง!?” เขาเหลียวหน้ามองบอดี้การ์ด เลิกคิ้วเป็นคำถาม
“ครับ”
“ไปตามไอ้หลานชายตัวดีมาพบฉันหน่อย” ทำเอามาเฟียเฒ่าต้องหมุนตัวเข้าไปในบ้านอีกครั้ง เพื่อจัดการสิ่งที่เพิ่งจะออกคำสั่งเมือคืนนี้
ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาในห้องรับรองด้วยสีหน้าไม่สมอารมณ์นัก
“ทำไมไม่ไปส่งน้อง” ทันทีที่เคนตะเดินเข้ามา คางูยะถามออกไปอย่างไม่ลังเล
“ยัยเค้กไม่ยอมให้ผมไปส่งเอง” เคนตะรู้อยู่แล้วว่าปู่ของเขาจะต่อว่าเรื่องอะไร ทำให้เคนตะโยนความผิดให้กับน้องสาวตัวดีทันที
“แกโตมายังไงวะ ถึงได้ไม่มีปัญญาจัดการเรื่องง่ายๆ”
“ปู่ไม่รู้เหรอว่าผมโตมายังไง!?” เขายียวนออกไปตามนิสัยเดิมๆ
“อย่ามาย้อน ไอ้เคน!!” คางูยะถึงกับตะคอกเสียงดังลั่น จ้องใบหน้าคมของหลานชายอย่างคาดโทษ
“อ้าว ก็ปู่ถามเอง ผมย้อนตรงไหน”
“เคนตะ!!” เสียงเข้มเก็บกลั้นเก็บอารมณ์ไม่ให้ฟาดไม้เท้าใส่หน้าหลานชาย
“ครับ” ทว่าเคนตะยังคงไม่หยุดที่จะกวน ยักคิ้วพร้อมอมยิ้มมุมปาก
“ไปรอยัยเค้กที่มหา’ลัยไป” คางูยะควบคุมอารมณ์ ก่อนจะเอ่ยสั่งดีๆ
“ไม่ไปอ่ะ ไปแล้วเดี๋ยวยัยเค้กก็หาว่าผมไปง้อ”
“งั้นแกเตรียมตัวนอนขัดจรวดอยู่ที่ห้องได้เลย”
“...” เคนตะเงยหน้ามองคนเป็นปู่ทันที
“เดือนนี้ทั้งเดือนแกจะไม่ได้ส่วนแบ่งปันผลสักบาท!!” มาเฟียเฒ่าไม่ได้แค่ขู่ ทว่าคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ
“เฮ้ย!! ไม่ได้สิ ผมไม่มีทางมานั่งขัดจรวดตัวเองเด็ดขาด” ร่างสูงก้มมองเป้ากางเกง ส่ายหน้าไปมา เมื่อคิดว่าไม่มีเงินซื้อสาวๆมาบำเรอ
“งั้นลุกขึ้น แล้วไปทำตามคำสั่งฉันเดี๋ยวนี้” เมื่อคนเป็นปู่ถือไพ่เหนือกว่า ได้ทีก็รีบออกปากสั่งทันที
ฟู่~
เคนตะลุกขึ้นอย่างหัวเสีย ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องต่อรองให้เสียเวลา ในเมื่อคนที่มีอำนาจตัดช่องทางเดินเกมหมดแล้ว ส่วนตัวเขาทำได้แค่ขับรถออกไปตามพิกัดโดยเร็วเพื่อทำหน้าที่ตัวเองให้จบสิ้น
เอี๊ยดดด~
“นี่เหรอวะ คณะยัยเค้ก” ร่างสูงใหญ่ก้าวขาลงจากรถสปอร์ต กวาดสายตามองรอบๆ เพราะตอนนี้เขายืนอยู่ตึกคณะที่คัพเค้กเรียน
เคนตะสาวเท้าเข้าไปใต้ตึก โดยตลอดทางเดินต่างก็ได้ยินเสียงกรี๊ดและเสียงฮือฮาของสาวๆในคณะได้เป็นอย่างดี
“หึ คณะนี้เด็กหน้าตาโคตรดีทั้งนั้นเลยวะ” เขาเหลือบมองเป็นระยะเพื่อเช็กสาวๆที่เดินผ่านไปผ่านมา รู้สึกว่าการมาครั้งนี้คุ้มค่ายิ่งกว่าการนอนอยู่บ้านเฉยๆ ซะอีก รู้อย่างนี้เขาจะไม่ปฏิเสธให้เสียเวลา
ตึก!
ตึก!
หญิงสาวร่างเล็กเดินพูดคุย หัวเราะกับชายหนุ่มร่างสูง โดยที่อีกฝ่ายโอบเอวบางไม่คิดจะปล่อยห่างจากตัว ทว่าดวงตากลมโตของคัพเค้กกลับโฟกัสใครบางคนที่นั่งกระดิกขาจ้องมองเธออยู่ด้วยท่าทีสมเพช
“พี่เคน!!”
“พี่เคน!!” คัพเค้กดีดตัวออกห่างจากเพื่อนหนุ่มทันทีที่เห็นพี่ชาย“...” เคนตะลุกขึ้นเดินไปขวางทางเดินไว้ ดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองชายหนุ่มอีกคนด้วยหางตา“พี่เคนมาทำไม” คนตัวเล็กถามออกไปอย่างสงสัยในเมื่อก่อนหน้านี้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว“สวัสดีครับ พี่เคน” ชายหนุ่มข้างคัพเค้กเอ่ยอย่างให้เกียรติทว่า...“แน่ใจว่ามาเรียน” เคนตะไม่ได้คิดจะตอบกลับ นอกจากหันไปถามน้องสาวตัวดี ด้วยสายตาดูหมิ่น“หมายความว่าไง”“...” เคนตะนิ่งแต่ใช้สายตาสื่อสารออกไปแทนคัพเค้กรู้ทันทีโดยไม่ต้องถามซ้ำ ทำให้เธอเลือกที่จะเอื้อมไปจับมือร่างสูงข้างๆเพื่อออกจากที่นี่“ไปเถอะโจ้ เค้กอยากกลับแล้ว”หมับ!“กลับกับฉัน ส่วนมึงปลอยมือจากน้องสาวกู” ทั้งๆที่คัพเค้กเป็นคนเอื้อมไปจับเอง แต่เคนตะเลือกที่จะให้อีกฝ่ายเป็นแกะมือออกไปเอง“คงไม่ได้อ่ะครับ ในเมื่อเค้กอยากกลับกับผม” โจโจ้เอ่ยทันที“พี่เคน ถอยไปดีกว่า เค้กว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะตอนเช้า”“พูดมาก!!” ทว่าเคนตะหันไปตะคอกพร้อมทั้งกระชากคนตัวเล็กจนหลุดจากมือหนาของโจโจ้“นี่พี่เคน เป็นบ้าไรเนี่ย เค้กอายรู้ไหม” คัพเค้กเหลียวหน้ามองรอบๆที่ตอนนี้เริ่มจะมีกลุ่มนักศึกษาให้ความสนใจกัน
คนตัวเล็กสาวเท้าตามทางฟุตบาท ปล่อยให้อารมณ์โมโหสงบนิ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ของเธอและพี่ชายจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้จุดที่ยากที่จะสานความเป็นพี่น้องกันอีก เพราะไม่มีพี่น้องคู่ไหนที่เขาลงโทษด้วยรสจูบที่แทบจะกลืนกินกันแบบนั้นหรอก นอกจากคนที่จิตใจตกต่ำทำได้แม้กระทั่งน้องสาวตัวเอง!“ไอ้พี่บ้า” คัพเค้กกัดฟันแล้วด่าทอถึงคนที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์เธอตอนนี้มากที่สุด ก่อนจะล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาบอดี้การ์ดประจำตระกูลทันทีที่ปลายสายกดรับ...“มารับฉันตามโลเคชั่นที่ส่งไป ด่วนที่สุด” เอ่ยจบก็ตัดสายทิ้งแล้วเดินเข้าร้านกาแฟ รอเวลาตามตามที่สั่งออกไปอีกด้านบรึ้นนน~ รถสปอร์ตหรูเร่งเครื่องออกจากจุดนั้นทันที เคนตะไม่คิดจะลงไปตามคนตัวเล็กที่วิ่งเตลิดไปไกล“เอาแต่ใจตัวเองชะมัด” มือหนาฟาดบนพวงมาลัย เจ็บใจที่ไม่สามารถพาคนตัวเล็กกลับบ้านได้ทว่า...“ทำไรลงไปวะ!!” ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่เขาลงโทษคัพเค้กอย่างลืมตัว มือหนาเลื่อนขึ้นมาขยี้ผมด้วยอารมณ์บางอย่างหวังเรียกสติให้ลืมรสจูบนั้น“ยัยเค้กนี่” จู่ๆ สายตาก็ไปปะทะเข้ากับรถตู้คันหนึ่งที่กำลังเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์ เดาได้ทันทีว่าในนั้นมีใคร ว่าแล้วเค
“บ้าที่สุดเลย ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้กับฉัน” คัพเค้กระบายความในใจทั้งหมดที่มีให้ชายหนุ่มตรงกันข้ามฟัง“นายลองคิดดูนะ ว่าพี่น้องที่ไหนเขาจูบกัน ถ้าลงโทษอย่างอื่นฉันพอเข้าใจ” เธอทิ้งตัวพิงโซฟา นึกเจ็บใจไม่หายที่ตัวเองต้องแสดงรสจูบที่ร้อนแรงกลับไป“นายว่าพี่ฉันบ้ากามจนหน้ามืดตามัวรึเปล่า” ก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นจากเพื่อนหนุ่ม“...” แต่แล้วสิ่งที่ได้คือความเงียบ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้น“โจ้” คัพเค้กเอ่ยเรียกชื่อทันที“...” เงียบ..ชายหนุ่มตรงข้ามเธอไม่ได้สนใจเสียงเรียกนั้น ทว่ากำลังใช้สายตาสื่อสารบางอย่างกับผู้หญิงโต๊ะอีกฝั่งกึก!“โจโจ้!!” คัพเค้กกระแทกแก้วไวน์พร้อมโน้มหน้าไปตะโกนใส่หูเพื่อนหนุ่มเสียงดังลั่น“เฮ้ย! อะไรวะ จะเสียงดังทำไมเนี่ย ฉันตกใจหมด” โจโจ้หันมาตะคอกทันที หน้าเหวอจนแทบหมดความหล่อ ยกมือขึ้นมาลูบแผงอกอย่างเรียกขวัญ“เวอร์ชะมัด” เธอหย่อนตัวไปนั่งเหมือนเดิม ก่อนจะส่ายหน้าให้กับท่าทีโจโจ้ที่มีสถานะอื่นด้วยนอกจากความเป็นเพื่อน ก็เพราะความเสน่ห์แรงเป็นเหตุทำให้โจโจ้เลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟนกำมะลอไปพรางๆ ระหว่างที่คัพเค้กกำลังหาแฟนตัวจริง เขาจะไ
หมับ!“ปล่อยนะ..พี่เคน” คัพเค้กสะบัดตัวออกห่างจากร่างสูง“มาเที่ยวกับแฟนเหรอ พาไปแนะนำหน่อยสิ” เคนตะโอบเอวพร้อมยักคิ้วอย่างกวนๆ ในหัวมีแผนบางอย่าง“จะทำอะไร” คนตัวเล็กถามอย่างรู้ทัน“หึ คิดมากน่า พี่จะทำไรน้องสาวได้” เขาแสยะยิ้มมุมปาก แววตามีเลศนัยชัดเจน“อย่าคิดจะทำไรบ้าๆต่อหน้าแฟนเค้กนะ” คัพเค้กรีบข่มขู่ไว้ก่อน ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนแต่ก็แสดงออกมามากไม่ได้ ไม่รู้ว่าแผนนั่นคืออะไร แต่ที่แน่ๆไม่ดีกับตัวเธอหรือไม่ก็แฟนหนุ่มกำมะลอแน่นอน“...” เคนตะไม่รับปากกลับกระชากคนตัวเล็กไปที่โต๊ะทันที“ปล่อยได้แล้ว” เมื่อถึงโต๊ะคัพเค้กจึงแกะมือหนาออกจากเอว ทว่าอีกฝ่ายกดตัวเธอให้นั่งลงฝั่งเดียวกับเขา“นั่งข้างฉัน” ก่อนที่เคนตะจะกดเสียงเรียบนิ่ง“ไม่”ฟึ่บ! เคนตะออกแรงบีบหัวไหล่ไม่ให้คัพเค้กลุกออกไป ทำเอาชายหนุ่มอีกคนมองสลับไปมา ไม่รู้จะเอ่ยแทรกหรือหาจังหวะช่วยตอนไหนดี“คบกันนานยัง” เคนตะทำหน้าที่ผู้ปกครองทันที ถามในสิ่งที่อยากรู้มากกว่าหน้าที่“...” โจโจ้หันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งข้างพี่ชาย พยายามกระพริบตาบอกบางอย่างเป็นนัยน์ ๆ“ว่าไง ฉันถาม” เคนตะถามย้ำจ้องใบหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างเอาเรื่อง เรื่อง
บรึ้นนนน~“คออ่อนแล้วยังจะซ่าอีก เป็นภาระฉิบ!” เคนตะบ่นอย่างเอือมระอา สายตาเหลือบมองน้องสาวกับถนนสลับกันไปมา นับวันเขากับคัพเค้กความสัมพันธ์ไกลห่างออกไปทุกที ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนคงจะมีสิทธิ์เอ่ยเตือนได้บ้าง แต่มาตอนนี้คำพูดของเขาไม่มีอิทธิพลพอจะสั่งหรือเตือนคัพเค้กได้เลย“อื้ออ~” คัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึนเมา สมองพอจะจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ลาง ๆหมับ!“ร้อน เปิดแอร์ยังเนี่ย!!” มือบางเลื่อนไปกดด้านหน้ารถมั่ว ๆ โดยที่ยังคงหลับตาอยู่“ยัยเค้กอยู่นิ่ง ๆ” เคนตะบอกพร้อมปัดมือบางให้กลับไปตั้งบนหน้าขาเรียวเหมือนเดิม ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย“ก็คนมันร้อน โจ้เปิดแอร์ให้หน่อย” ทว่า...คัพเค้กไม่เพียงแต่ตะคอก แต่ยังเอ่ยถึงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมในรถด้วย“นั่งรถฉันอย่าเอ่ยถึงคนอื่น!!” ร่างสูงใหญ่เริ่มจะหัวเสีย แยกกันไม่ทันไรก็เอ่ยถึงอีกแล้ว น่าเจ็บนักขนาดเมาแล้วยังไม่ลืมไอ้เวรนั่นอีก“แล้วนายเป็นใคร!!” ศีรษะทุยสอดเข้าไปใต้วงแขนเงยหน้าถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ แววตาใสซื่อกระพริบถามอย่างน่าเอ็นดู“...” เคนตะถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อสบดวงตาหวาน กลิ่นประจำตัวน้องสาวลอยมาแตะจมูก ทำเอาเขากลืนน้ำ
“อื้ออ~”“ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเยอะเลยเรา” รุ่งเช้าในวันต่อมาคัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึน ๆ กำหมัดเล็ก ๆ เคาะศีรษะตัวเองเบา ๆ เพื่อคลายอาการปวดหัว ก่อนที่เธอจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียงจนผ้าห่มร่วงลงไปกองที่เอว ความเย็นของอากาศภายในห้องส่งผลให้เธอก้มมองเรือนร่างของตัวเอง“กรี๊ดดดดดด~” คัพเค้กกรีดร้องด้วยความตกใจ ทำไมเธอถึงได้...นอนเปลือยเปล่าอย่างนี้ มันเกิดอะไรขึ้น“เฮ้ย! หนวกหูเว้ยคนจะนอน” ทว่าคนที่นอนหลับอยู่ชะโงกหัวขึ้นตวาดอย่างรำคาญ“พะ...พี่เคน~” คนตัวเล็กดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าทันทีพร้อมกับหันไปมองต้นเสียงข้าง ๆ ด้วยความงุนงง“...” เคนตะฟุบหน้าลงบนหมอนอีกครั้งเพื่อหลับตานอนต่อ โชว์แผนหลังเปลือยเปล่าให้คัพเค้กได้เห็น โชคยังดีที่ด้านล่างพอจะมีผ้าห่มปิดอยู่ไม่อย่างนั้นคงจะเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“นี่มันอะไรกัน!!” คัพเค้กกัดฟันถามออกไป“...” แต่เคนตะยังคงนอนต่ออย่างไม่ใส่ใจหมับ!“ตื่นมาคุยให้รู้เรื่องนะ..พี่เคน!!” มือบางเขย่าหมัดกล้ามด้วยความแรง เรียกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาคุยให้รู้เรื่อง“โอ๊ยย~ ไม่รู้!?” เคนตะเสยผมขึ้นไปด้านบนแล้วตอนตะแคงข้าง ใช้มือเท้าคางถามอย่าง
ตึกตึก...คนตัวเล็กเดินวนไปวนมา สับสนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำไมเธอถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บหรือมีอาการอย่างที่เคยอ่านเจอในโซเชี่ยลเลยสักนิด แล้วถ้าไม่ได้เกิดขึ้นจริง คราบบ้า ๆ นั่นจะมาติดอยู่ที่ขาเธอได้ยังไงกัน“เลือดล่ะ” หลังจากชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกายเธอก็คิดไม่ตกจนสมองสั่งการบางอย่าง คัพเค้กในชุดคลุมอาบน้ำจึงสาวเท้าไปที่เตียงนอนดูสภาพยับยู่ยี่บนเตียง แต่ก็ไร้ร่องรอยของคราบเลือดฟึ่บ!“ทำไมถึงไม่มีเลือด” ก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลง ใช้มือนวดขมับตัวเองทันที“ไม่น่าซ่าเลยเรา แล้วอย่างงี้จะมองหน้ากันติดไหมเนี่ย ปกติก็เกลียดขี้หน้าจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาเกิดเรื่องบ้า ๆ ขึ้นอีก โอ๊ยยยย~ อยากจะบ้าตาย!!” คัพเค้กล้มตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเตียงที่เธอล้มลงไปนอนเพิ่งจะผ่านกิจกรรมมาสด ๆ ร้อน ๆคัพเค้กย่นจมูกแล้ววิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัว รีบใส่ชุดแต่งหน้าจะได้รีบออกจากบ้าน หนีหน้าคนนิสัยไม่ดีร่างสูงใหญ่เข้ามาในห้องอาหาร หลังจากนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่นานสองนาน“คัพเค้กยังไม่ลงมาอีกเหรอ” เคนตะถามแม่บ้านทันที“คุณหนูยังไม่ลงมาเลยค่ะ คุณเคนตะจะทานเลยไหม
บรึ้นนน~คัพเค้กยืนระเบียงห้องนอนตัวเองมองรถสปอร์ตขับออกไปจนพ้นประตูหน้าบ้าน“เห้อ!! คิดว่าจะบังคับกันได้เหรอ” คนตัวเล็กแสยะยิ้มแล้วเอ่ยทันที ยังไงเธอก็จะไม่มีวันอยู่ใต้อำนาจคนหื่นกามแบบนั้นเด็ดขาด ผู้ชายที่ไว้ใจไม่ได้ ขนาดน้องสาวตัวเองยังทำได้ลงคอ ทว่า...เรื่องเมื่อคืนมันคือเรื่องจริงใช่ไหม ความสับสนยังคงวนเวียนในใจเหมือนเดิม แต่จะให้เธอทนต่อคงไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ควรออกไปด้านนอกให้สบายใจสักพัก“ทีตัวเองยังออกไปได้เลย” คัพเค้กย่นจมูกนาทีต่อมา แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนประเภทนั่นจะออกไปไหนได้ เธอจึงหมุนตัวเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายบ้างก่อนจะเปิดประตูด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแอ๊ดดดด~“มายืนทำอะไรหน้าห้องฉัน!?” ทันทีที่เปิดกลับเห็นบอดี้การ์ดประจำตระกูลยืนประกบข้างประตูซ้ายขวา ทั้ง ๆ ที่ชั้นนี้มันคือชั้นห้องพักที่ลูกน้องไม่ควรขึ้นมา ถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ“คุณเคนตะสั่งไว้ครับ” ชายฉกรรจ์ตอบคัพเค้กทันที“เพื่อ!?” น้ำเสียงประชดประชันดังก้องอย่างโกรธเคือง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครขัดใจหรืิอทำกับเธออย่างนี้มาก่อน“คุณเคนตะห้ามไม่ให้คุณหนูออกไปไหนจนกว่าคุณเคนตะจะกลับมา”“เหอะ!! ฝันไปเถอะ หลีกไป ฉันจะออกไปด
ตึก!ตึก!ร่างสูงใหญ่เข้าไปด้านในโรงแรมหรูกวาดสายตามองหาเป้าหมายที่นัดไว้ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งมีเด็กหนุ่มหน้าใสเดินเข้ามาหา ส่งคีย์การ์ดให้และนำทางไปชั้นที่ต้องการความเป็นส่วนตัว“เชิญครับ” เด็กหนุ่มผายมือเปิดทาง ก่อนที่ห้องหรูจะเปิดให้เคนตะแทรกตัวเข้าไป“มาแล้วเหรอคะ” เจ้าของห้องเอ่ยทักทายทันที โปรยยิ้มเชิญชวนชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมีชั้นเชิง“...” เคนตะไม่ตอบ แต่ใช้สายตาสื่อความหมายบางอย่างแทน แค่แววตาแค่นี้ก็ทำเอาคนมองแทบจะคลานเข่าเข้าหาแล้ว“มานั่งก่อนสิคะ” ชาช่าจับมือและจูงไปนั่งโซฟากึ่งกลางห้อง“ไหนแดดดี้คุณล่ะครับ” เขาหย่อนตัวลงนั่งพาดมือขึ้นตั้งบนพนักด้วยท่าทีสบาย ถามหาคนที่ต้องการพบเขามากที่สุด“คุณเคนมาช้า แดดดี้รอไม่ไหวเลยออกไปด้านนอกแล้วล่ะค่ะ” เธอบอกพร้อมขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ใช้นิ้วเรียวเขี่ยเม็ดกระดุมเสื้อที่แหวกลงมาเกือบกลางอกเคนตะก้มมองการกระทำทุกอย่างเลื่อนมือลงไปรั้งท้ายทอยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้เจอแดดดี้คุณ”“อยากเจอขนาดนั้นเลยเหรอคะ จริงจังหรือเปล่า”“ผมดูเป็นคนไม่จริงจังเหรอ” นิ้วเรียวเปลี่ยนจากท้ายทอยเป็นลูบไหล่มนแทน“ก็คู่ควงคุณเยอะ...ช่าจะ
ครืดดด ครืดดดดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองโทรศัพท์ที่สั่นสักพักใหญ่แล้ว แต่เขายังคงขับรถต่อไปไม่ได้คิดจะรับสายหรือตัดสายทิ้งจนกระทั่งไม่นานเสียงโทรเข้าเงียบไปทว่า...มีข้อความส่งเข้ามาแทน‘โกรธเหรอ’‘พี่เคนรีบสายเค้กหน่อยนะ’เคนตะอ่านทุกข้อความ นิ้วเรียวหมายจะพิมพ์ตอบกลับ แต่จังหวะนั้นกลับมีสายเรียกเข้าซะก่อน“ครับ” เขาขานรับ วางโทรศัพท์ลงด้านข้างเหมือนเดิมเพื่อต่อสายซิ้งค์กับรถ(คุณเคนตะอยู่ไหนแล้วคะ)“อดใจคิดถึงผมไม่ไหวแล้วเหรอครับ” เคนตะหยอดไปเสียงหวาน ออดอ้อนสไตล์หนุ่มเจ้าสำราญ(รู้ใจตลอดเลย)“หึ”(แต่วันนี้อดไปก่อนนะแดดดี้มาด้วย) เธอบอกอย่างเซ็ง ๆ“หว่า~ แล้วคืนนี้ล่ะครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดายหนักหนา(ช่าทบต้นทบดอกให้เลยค่ะ)“แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นคู่ควงของผม”(แค่คู่ควงเองเหรอคะ)“...”(ถ้าช่าอยากได้มากกว่านั้น...คุณเคนจะให้ช่าได้ไหม) ชาช่าเว้นวรรคให้อีกฝ่ายคิดแล้วเอ่ยขออย่างที่รู้ความหมายกันดี“หึ ผมขอดูผลงานคืนนี้ก่อนแล้วกันว่าคุ้มกับสิ่งที่ผมต้องแลกไหม”(งั้นช่าทุ่มสุดตัวเลยค่ะ)“อยากให้ถึงคืนนี้เร็ว ๆ จัง”(ฮ่า ๆ ตกลงคุณเคนถึงไหนแล้วคะเนี่ย ยังไม่ตอบช่าเลย) ชาช่าหัวเราะกล
สนามบินเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เป้าหมายที่แท้จริงไม่ได้มาพักผ่อน ทว่าไมก้าต้องการมาสืบเรื่องน้องสาวที่ยังมีชีวิตอยู่และเมื่อรู้ข้อมูลบางอย่างว่าน้องสายเลือดเดียวกันอยู่เมืองไทย เขาจึงหาโอกาสมาที่นี่ทันที โดยให้ลูกน้องเก่าแก่ทำงานแทน“เชิญทางนี้ครับ”“...” เขาเดินตามเงียบ ๆ“พวกมันรอนายน้อยที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว” ลูกน้องที่เมืองไทยรายงาน“...”“ส่วนเรื่องคริสเตียน ตอนนี้มันกลับจากฮันนีมูนและน้องชายมันก็อยู่ที่นี่ด้วย”“ทั้งคู่!?” ไมก้าถามขึ้นบ้าง“แค่เคนตะ อีกคนมาไทยล่าสุดงานแต่งคริสเตียน”“อืม รีบไปโรงแรมกันก่อน”ไมก้าเข้าไปนั่งในรถเตรียมไปโรงแรมที่นัดสายสืบเอาไว้ อยากจะสืบเรื่องให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการตอบคำถามไรอันคฤหาสน์ตระกูลซามูเอลเช้าวันรุ่งขึ้นคัพเค้กเอ่ยปากไล่เคนตะให้ออกจากห้องตั้งแต่ฟ้าไม่สร่าง เหตุผลเดียวคือไม่อยากให้ใครเห็น“เช้าอยู่เลย ให้พี่นอนต่ออีกนิดนะ” เคนตะซุกหน้าลงตรงเนินอก แขนกอดรัดคนตัวเล็กไม่ยอมปล่อย“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวใครเห็นเข้า” เธอผลักเขาออกอีกครั้ง“ให้เขาเห็นไปสิ” คนดื้อด้านไม่สนอะไรทั้งนั้นนอนแนบหน้าบนเต้านิ่ม ๆ หลั
หลังจากเคนตะเข้าไปพูดคุยบางอย่างกับคริสเตียนได้สักพักใหญ่ ต่างก็แยกย้ายกันออกมา พี่คนโตขึ้นลิฟต์ไปหาเมียรักของเขาทันทีและเคนตะเองที่ใช้สายตามองหาร่างคุ้นชินรอบ ๆ ก่อนจะเห็นว่าลงมาจากห้องของคิมหันต์แล้วมุ่งตรงไปให้ห้องครัวที่เป็นบาร์เล็ก ๆ เหมาะกับทำอาหารที่ไม่ต้องใช้พวกน้ำมันเครื่องปรุงมากมาย“ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง” ร่างสูงใหญ่เข้าไปประกบด้านหลังเอ่ยเสียงเข้ม เคืองไม่น้อยที่ต้องได้ยินอะไรไม่เข้าหู“อะไรเหรอคะ” คัพเค้กหันไปขมวดคิ้วทำมึน ๆ ใส่“เค้กเข้าใจอย่ามาทำเฉไฉ” แต่สีหน้าท่าทางเคนตะไม่ได้นึกสนุกตาม“หึ” คนตัวเล็กยียวนหัวเราะกลับไป ไม่แคร์สายตาขวางโลกนั่นสักนิด“ไม่ตลกนะเค้ก!!” จนทนไม่ไหวค้องตะคอกเสียงต่ำ“อ้าว ก็ดูพี่เคนตะทำหน้าสิ จะไม่ให้ตลกได้ไง”“แล้วเพราะใครล่ะ ที่ทำให้หน้าพี่เป็นแบบนี้”“พี่เคนจะให้เค้กบอกพี่คริสตอนนี้รึไง เราตกลงกันแล้ว”“ตอนแรกก็รอได้ แต่ตอนนี้เริ่มชักจะไม่แน่ใจแล้ว” เคนตะเท้าสะเอว แสดงความไม่พอใจชัดเจน“รอไม่ไหวก็ต้องรอค่ะ”หมับ!“อย่ามาแกล้งพี่แบบนี้เค้ก” เขาคว้าวงแขนกระชากให้คัพเค้กมาอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์เหมือนเดิมพร้อมทั้งเข้าไปแนบชิดอย่างลืมตัว
“เขาคือพ่อเลี้ยงพี่รวงข้าวเหรอคะ” เมื่อเข้ามานั่งในรถ คัพเค้กถามในสิ่งที่สงสัยทันที“ใช่”“คือคนเดียวกับที่บังคับพี่รวงข้าวทำงานด้วยใช่ไหมคะ” เธอยังถามต่อ พิจารณาถึงใบหน้าชายแก่ที่กล้าเข้ามาทักทายอย่างที่คิดว่าตัวเองแน่ แต่ยังไม่รู้ตัวว่าจะเก็บปากไว้พูดได้อีกนานแค่ไหนกัน“อืม พวกมันต้องการชิปที่อยู่ในล็อกเก็ตเลยส่งรวงข้าวมาขโมย” เคนตะจึงเล่าสิ่งที่คัพเค้กอยากรู้ให้ฟัง“พี่คริสไม่น่าปล่อยให้มันยืนลอยนวลอยู่เลยหรือพี่รวงข้าวขอไว้” คัพเค้กเคียงคอถาม นิ่วหน้าอย่างคนที่ไม่ได้เกรงกลัวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สักนิด“...” ทำเอาเคนตะถึงกับหันไปมองท่าทางคนข้าง ๆ ด้วยแววตาพินิจ“พี่เคนมองเค้กแบบนั้นทำไม!?” เธอก้มสำรวจตัวเองว่าผิดปกติอะไรรึเปล่าถึงทำให้เคนตะจ้องเธอขนาดนั้น“โหดเหมือนกันนะเนี่ย พี่ชักจะกลัวแล้วสิ”“เขาไม่ได้เรียกว่าโหดค่ะ แค่ตัดเสี้ยนหนามออกจากชีวิตแค่นั้นเอง” คัพเค้กยักคิ้วกลับไป เลือดของมาเฟียในตัวละมั้งที่ทำให้เธอชิดกับสิ่งพวกนี้และไม่ชอบเห็นอะไรขวางหูขวางตา“เปล่าหรอก มันคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เรารู้คนบงการตัวจริง” เคนตะคลายข้อสงสัยให้คัพเค้กทันที“อ้าว ยังมีอีกเหรอ”“อืม แต่เร
ยุโรปภายในห้องโถงใหญ่ที่มีชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับข้าง ๆ ที่มีชายวัยกลางคนนั่งรอฟังคำเอ่ยสั่ง“พรุ่งนี้ผมจะบินไปไทย คุณอาไรอันอยู่เคลียร์งานให้ผมด้วยนะ” ไมก้าบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไป“ทำไมบอกกระชั้นชิดแบบนี้ล่ะ ตอนแรกเราบอกว่าจะอยู่เคลียร์งานเองไม่ใช่เหรอ” ทำเอาชายวัยกลางคนถึงกับหน้างอ เพราะไม่ได้ทั้งตัวกับนิสัยลูกชายเจ้านายเก่า“ครับ จู่ ๆ ผมก็หมดไฟ ถ้าทำต่อกลัวงานจะไม่เข้าท่ากว่าเดิม ไหน ๆ คุณอาก็รู้งานกว่าผม ยังไงฝากด้วยนะครับ” ร่างสูงใหญ่ไม่ได้เอ่ยประชดแต่อย่างใด คนเดียวที่เขาไว้ใจและกล้าวางมือส่งมอบต่อมีเพียงไรอันเท่านั้น“อาจัดการงานเสร็จจะตามไป” เพราะไม่เคยขัดใจนายน้อยได้จึงต้องรับปากทันที“ไม่ต้องก็ได้ ผมแค่อยากไปพัก”“ไม่ดีมั้งครับ ถึงคริสเตียนมันจะไปฮันนีมูน แต่ในไทยก็ยังมีไอ้เคนตะอยู่ และที่สำคัญปู่ของมันก็พักอยู่ที่นั้นด้วย”“ผมไม่ได้ไปหาเรื่อง พวกมันคงไม่กล้า อย่างน้อยไอ้เคนตะมันก็รุ่นน้องผม คงไม่บ้าบิ่นเหมือนพี่ชายมัน” ไมก้านึกถึงหน้าเคนตะที่เป็นรุ่นน้องกว่า ถ้าจะเปิดศึกกันคนเดียวที่ต้องระวังคือพี่ชายมันต่างหาก ส่วนมาเฟียเฒ่านั่นไม่มีทางรักแกคนที่ด้อยกว่
เช้าวันใหม่ที่อะไร ๆ คงเปลี่ยนไป ความรู้สึกที่ก่อตัวชัดเจนขึ้นอีกครั้งหรือจะเป็นสถานะที่แปลเปลี่ยนจากพี่ชายน้องสาว กลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่แนบชิดอ้อมกอดที่เฝ้ารอมาตลอดสุดท้ายแล้วยังเป็นของเธอจริง ๆ ใช่ไหมแต่ที่แน่ ๆ เธอจะไม่ปล่อยมันไปอีก จะไม่ทำให้ตัวเองเสียของรักชิ้นนี้ให้ใครอีก“คิดอะไรอยู่...หืม!?” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามากอดทางด้านหลัง ในจังหวะที่คัพเค้กกำลังนั่งหวีผมหน้ากระจก“เค้กไม่ได้ฝันไปใช่่ไหมคะ พี่เคนคนเดิมของเค้กกลับมาจริง ๆ ใช่ไหมคะ” เธอถามอย่างที่ไม่คิดอยากจะคาใจอะไรอีกต่อไป ขอแค่คำพูดตรง ๆ ไม่ว่าจะได้ยินแบบไหนก็พร้อมจะทำใจรับ“ขอโทษที่พี่ทำตัวแบบนั้น พี่ไม่คิดว่าจะทำให้เราห่างเหินจนไม่เหมือนเดิม” เคนตะมองกระจกสบตาผ่านภาพสะท้อน แววตาที่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมเอ่ยออกมา“เค้กลืมหมดแล้ว ขอแค่พี่เคนสัญญาว่าจะไม่กลับไปเจ้าชู้อีกก็พอ” ทำให้คัพเค้กยอมทิ้งทุกอย่าง ยอมเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองคิดมากและที่สำคัญเธออยากเปิดรับเคนตะอย่างเต็มหัวใจฟึ่บ!“พี่สัญญา หัวใจพี่มีเค้กคนเดียวมาตลอด” เขาโน้มตัวลงไปพร้อมชูนิ้วก้อย เพื่อให้คำมั่น“ปากแบบนี้เชื่อได้จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย~”“หึ ลองดูก็ไม่เ
คนตัวเล็กกระตุกเกร็งเสร็จสมตามที่เคนตะนำทาง เขายันตัวลุกขึ้นไปคร่อมแล้วใช้ปลายแก่นกายลูบไล้ปากทางที่เปียกชื้น“อ๊าย! พะพอก่อน” ไม่ทันที่เคนตะจะได้แทรกตัวตนเข้าไป คัพเค้กก็ยกสะโพกขยับตัวหนี ไม่ใช่อาการลังเลแต่เธอยังไม่ชินกับขนาดของเขามากกว่า“ต่อเลยนะ พี่เจ็บจนมันจะระเบิดอยู่แล้ว” เคนตะก้มสายตาให้คัพเค้กมองตาม“อึก!” ทำเอาคนที่สัมผัสได้ถึงขนาดต้องกลืนน้ำลายเมื่อเห็นชัดเต็มสองตา“นะครับ พี่อยากมีความสุขเหมือนกับเค้กบ้าง” เขาซุกใบหน้าลงไปคลอเคลียพวงแก้ม จูบเบา ๆ ให้พอรู้สึกจักจี้ ส่วนมือปลาหมึกนั่นยังคงลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งไม่ปล่อยห่าง“ครั้งนี้มันไม่เจ็บแล้วใช่ไหมคะ”จุ๊บ! เคนตะจูบหนัก ๆ ตรงปลายจมูก“ไม่ครับ พี่จะทำให้เค้กของพี่มีความสุขที่สุด” ก่อนจะเลื่อนลงมาประกบปากดูดเร้าอารมณ์แล้วค่อย ๆ แทรกแก่นกายเข้าไปทีละนิด มือซ้ายลูบเส้นผมที่นุ่มมือ ส่วนมือขวายกเรียวขาของคนใต้ร่างให้กว้างกว่าเดิม แล้วกระแทกเข้าไปผ่านความฉ่ำวาวจนสุดลำ“อ้ะ!” คัพเค้กสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่เข้ามา มันอบอุ่นจนยากจะผลักไสฟึ่บ!“เจ็บเหรอ” เขาถามอย่างเป็นห่วง“มะ..ไม่ค่ะ” เธอขยุ้มผ้าปูที่นอน ส่ายหน้าปฏิเสธไปมา“
“ทำไมมองพี่แบบนั้น” เคนตะขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเดินกลับมาแล้วเห็นสายตาจับผิดจากคัพเค้ก“เปล่า” ทว่าคัพเค้กปฏิเสธ ไม่คิดจะล้ำเส้น“อยากถามไรก็ถาม จะได้ตอบ”“ก็บอกอยู่ว่าเปล่า”“แน่ใจ!?” เขายื่นหน้ามาใกล้ ๆ“เอ๊ะ!!” ทำให้คนตัวเล็กออกอาการหัวเสียขึ้นมา“โอเค ๆ เอาเสื้อใส่ไว้” ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ แล้วเดินวนไปด้านหลังสวมเสื้อคลุมไหล่มนวิ้ว~ คัพเค้กเบี่ยงไหล่ คว้าเสื้อมาสวมทับเอง ไม่แคร์สายตาที่มองเธออย่างเหนื่อย ๆ“อยากถ่ายรูปไหม” เคนตะเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากให้บรรยากาศดีขึ้นทว่า...อีกคนไม่ได้สนใจคำถามและทำเหมือนกับว่าเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น“เค้กหิว” คนตัวเล็กหมุนตัวเดินไปที่ร้านอาหาร ร้านที่เล็งไว้ตั้งแต่นั่งรถเข้ามาแล้วทำให้คนที่รอตามใจต้องเดินตามคัพเค้กไปร้านที่ทำด้วยไม้ไผ่อย่างขัดไม่ได้“เดี๋ยวพี่สั่งให้นะ” เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร เขาจึงเลือกที่จะทำหน้าที่ทันที“...” คัพเค้กไม่ได้คิดจะขัด เธอเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นแทนการสนทนา บรรยากาศรอบ ๆ ถึงแม้จะสวยสบายตาและเย็นสดชื่นกาย แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายก็ต่างร้อนรนใจ คนหนึ่งก็อยากจะให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ จะได้กลั