น้ำตาพี่เค้กไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง“ไม่เลย..ไม่เจ็บแล้ว พี่เค้กอย่าร้องสิ”“ไม่ต้องมาอวดเก่งเลย พี่รู้ว่าเราเจ็บ” พี่เค้กเอามือลูบหัวฉันเบาๆ“หนูไม่อยากให้พี่เค้กคิดมากหนิ ไม่อยากให้พี่เค้กเป็นห่วง”“จะไม่ให้พี่ห่วงได้ไง พี่เหลือแค่เรานะคะนิ้ง ตอนพี่รู้ว่าเราถูกรถชนพี่แทบอยากจะกลับไทยสะตอนนั้นเลย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะติดเรียนแถมยังลางานกระทันหันไม่ได้ด้วย” “หนูปลอดภัยแล้วนี่ไง ต่อไปหนูจะดูแลตัวเองดีๆหนูสัญญา” ฉันเอื้อมมือไปปาดน้ำตาออกจากแก้มพี่เค้ก“ดีมากเจ้าเด็กดื้อของพี่” พี่เค้กเอานิ้วมาเขี่ยจมูกฉันเบาๆ“พอหนุ่มแฟนเอ็งไปไหนแล้วละคะนิ้ง?” ยายถาม“ไปธุระจ้ะยาย” “จริงสิได้ข่าวว่าไปแอบมีแฟนไม่บอกพี่สักคำเลยนะ” พี่เค้กยืนกอดอกมองหน้าฉัน“งื้อ หนูตั้งใจจะบอกพี่เค้กแล้วแต่ไม่มีเวลาสักที”“เขาเป็นคนดีไหม ?”คำถามนี้ตอบยากจังแหะ เป็นคนดีไหม มันก็ไม่ ไม่เชิงจะเป็นคนดี แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ถ้าตอนยังไม่คบกันก็เลวมาก เลวสุดๆ แต่พอได้คบกับพี่คริสแล้ว พี่คริสก็ดีกับฉันนะ ถึงเขาจะเย็นชามากๆๆๆ ก็เหอะ“อื้ม..ดีสิเค้าดีกับหนูมากๆเลยแหละ ไม่เชื่อถามยายดูสิ”พี่เค้กหันไปมองยาย ยายยิ้มแล้วพยักหน้าใ
วันต่อมา ช่วงดึกๆ.... ฉันโทรหาพี่คริสทั้งวันพี่คริสรับสายฉันอยู่แค่ครั้งเดียวบอกว่าติดธุระ เสร็จแล้วจะโทรกลับ ฉันก็รอแล้วรออีกรอจนค่ำ แต่พี่คริสก็ไม่มีวี่แววจะโทรมาเลย โทรไปหาก็ไม่รับ ฉันนอนมองประตูห้องทั้งวันหวังว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาจะเป็นพี่คริส แต่ก็ผิดหวังตลอด…“หายไปไหนนะ ทำไมไม่เคยบอกกันเลย เฮ้อ” ฉันถอนหายใจออกมายาวๆน้อยใจอีกแล้วสิเรา บางทีพี่คริสอาจจะติดธุระจริงๆก็ได้...ฉันแค่คิดมากไปเอง ฉันคิดมากเรื่องพี่คริสจนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนได้ยินเสียงคนคุยกันดังเข้ามาในหู ทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆ ห้อง ภายในห้องเปิดไฟสะหลัวสะหลัวอยู่ ฉันมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นจะมีใคร แล้วเสียงคนคุยกันมันมาจากไหน..รึว่า ผะ ผี จะหลอกฉันรีบดึงผ้าขึ้นมาจะปิดหน้าแต่หางตาดันไปสะดุดตรงระเบียง มันเป็นเงาของผู้ชายกับผู้หญิง พอเห็นแค่นั้นฉันก็รู้ทันทีว่าคนที่อยู่ตรงด้านนอกระเบียงคือ พี่คริส กับพี่เค้ก พี่คริสมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วทำไม ทำไมถึงไปอยู่ตรงนั้นกับพี่เค้ก ฉันพยายามเงียบฟังว่าเขากำลังคุยอะไรกัน หัวใจดวงน้อยของฉันมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเลยตอนนี้ “พี่ค
เช้า... พี่เค้กกลับบ้านเห็นว่าตอนบ่ายจะมาหาฉันใหม่เมื่อคืนฉันแทบไม่ได้นอนเลยเกือบทั้งคืน สภาพจิตใจตอนนี้มันแย่มากจริงๆ ภาพพี่คริสกับพี่เค้กและคำพูดทุกคำพูดของพี่คริสยังคงวนเวียนอยู่ในหัวฉัน ฉันเหมือนคนจิตตก เหม่อลอย ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากนอนนิ่งๆ แล้วมองไปที่เพดานห้อง น้ำตายังคงไหลลงมาอาบแก้มไม่หยุด การร้องไห้ที่ไม่มีเสียงสะอื้น ฉันเพิ่งรู้ว่ามันทรมานมากกว่าร้องไห้ออกมาดังๆ สะอีก"พี่ไม่สน...พี่..พี่..ยังชอบเค้กอยู่นะ พี่ไม่เคยลืมเค้ก ""พี่จะเลิกกับคะนิ้ง" คำพูดของพี่คริส ทำไมถึงพูดได้แบบไม่ลังเลขนาดนี้นะ ที่ผ่านมาไม่เคยรักฉันเลยหรอ แล้วที่ขอฉันคบที่มาหวงมาหึงฉัน มันคืออะไร มาหลอกให้ฉันรักแล้วจะมาทิ้งกันง่ายๆแบบนี้หรอ ไม่ถามฉันหน่อยหรอว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันอยากเลิกรึป่าว ถ้าถามฉันตอนนี้ฉันคงตอบได้แบบไม่ลังเลว่า ฉันรักพี่คริส ฉันไม่อยากให้พี่คริสไปจากฉัน ถึงมันจะเจ็บที่ฉันรับรู้เรื่องเมื่อคืน แต่ฉันยอม ฉันยอมโง่ บางทีพี่คริสอาจจะแค่สับสนก็ได้...แกร็ก(เสียงประตูห้องเปิดเข้ามา) ฉันรีบปาดน้ำตาออกจากแก้มตัวเอง แล้วมองไปตรงประตู ภาพที่เห็นคือพี่คริสกำลังเดินตรงมาที่ฉัน เห็นหน
หลังจากพี่คริสออกไปก็เหลือแค่ฉันกับพี่เค้กสองคน “พี่เค้ก...”ฉันชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะพูด“หื้อ..มีอะไรหรอ ?”ฉันกลั้นหายใจก่อนจะถามคำถามที่คาใจออกไป “พี่เค้กกับพี่คริส ปะ เป็นอะไรกัน…” พี่เค้กชะงักแล้วมองหน้าฉัน “ทำไมถามพี่แบบนี้?”“ระ เรื่องเมื่อคืน...ที่พี่คริสกับพี่เค้กคุยกันหนูได้ยินทั้งหมด” พอพูดจบน้ำตาฉันมันก็เอ่อล้นเต็มสองตา พี่เค้กนั่งลงข้างเตียงแล้วจับมือฉันแน่น “ฟังพี่นะ พี่กับพี่คริสไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น พี่คริสเคยมาสาระภาพรักกับพี่แต่พี่มีคนที่พี่ชอบอยู่แล้วพี่ไม่เคยคิดอะไรกับพี่คริสเลย”“ตอนที่เราบอกว่าพี่คริสเป็นแฟนเราพี่แอบตกใจนิดหน่อย แต่พี่คิดว่าพี่คริสคงไม่อะไรกับพี่แล้วแหละ พี่ไม่คิดเลยว่าพี่คริสจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา”เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ถึงว่าทำไมตอนพี่คริสเจอพี่เค้กถึงตกใจขนาดนั้น แบบนี้พี่คริสคงชอบพี่เค้กมากเลยสินะตัดใจไม่ได้แล้วมาคบทำฉันเพื่ออะไร มาทำให้ฉันรักทำไมกัน มันเจ็บนะที่รู้ว่าเเฟนตัวเองชอบพี่สาวของตัวเองอะ ถ้าเป็นคนอื่นฉันจะไม่เจ็บเท่านี้เลย“พี่คริสชอบพี่เค้กมากเลยใช่ไหม” พูดจบน้ำตาฉันไหลมาอาบแก้มพี่เค้กถอนหายใจออกมายาวๆ “ทั้งๆ ที่รู้อยู
เช้าวันใหม่....ตื่นมาก็ไม่เจอพี่คริสแล้ว ฉันรีบหยิบโทรศัพท์มาดูเผื่อว่าพี่คริสจะส่งข้อความอะไรมาบอกว่าไปไหน แต่ไม่เลย พี่คริสไม่ได้ส่งข้อความอะไรมาให้ฉันเลยณ มหาวิทยาลัย...ลูกน้องของพี่คริสเป็นคนขับรถมาส่งฉันที่มหาวิทยาลัยจริงๆ ฉันยังไม่หายดีเท่าไหร่หรอกยังเจ็บขานิดหน่อย แต่ไม่อยากหยุดเรียนหลายวันกลัวว่าจะเรียนตามเพื่อนไม่ทัน“นี่ชีดรายงานทั้งหมดฉันเก็บไว้ให้” มินยื่นกระดาษมาให้ฉัน“แต้งกิ้วมากนะ” ฉันยิ้มจางๆ “อื้อ อลินกับอลันละ ไปไหน ?” “เห็นอลินบอกว่าจะไปเยี่ยมญาติที่ฮารีซูสหนะ อลันก็ไปด้วย คงจะหยุดเรียนสักอาทิตย์”“อ๋อ...” “หายเร็วแบบนี้คงได้กำลังใจดีละสิแก คิดแล้วก็อิจฉาอีคะคิ้งผู้ที่ครอบครองหัวใจของพี่คริส”“นั่นดิ ผู้ชายที่พวกเราต่างพากันแย่งชิงสุดท้ายเสร็จอีคะนิ้งทำบุญมาด้วยอะไร”พอได้ยินพวกมันพูดแบบนี้แล้วโคตรจะจุกเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงยิ้มร่าที่ได้ยินแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ ฉันไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าตอนนี้ระหว่างฉันกับพี่คริสมันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว“คะนิ้ง แกเป็นอะไร?” มินเขย่าตัวฉัน เบาๆ ทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย“เหม่อถึงผัวอยู่ละสิ โอ้ยฉันอิจๆๆๆๆ”
ณ คอนโดพี่คริส...ฉันรู้ดีว่าพี่คริสพาฉันมาที่คอนโดทำไม พอมาถึงพี่คริสก็รุกฉันหนักมาก เสื้อผ้ากระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ไม่รู้ทำไมวันนี้พี่คริสถึงหื่นขนาดนี่ เรามีอะไรกันหลายรอบมาก จนฉันต้องร้องห้ามเพราะฉันไม่ไหวแล้ว จริงๆ หลังจากใส่เสื้อผ้าเสร็จ...สายตาฉันดันมองเห็นต่างหูคู่หนึ่งวางหน้าโต๊ะบนหัวนอน เมื่อกี้ไม่ทันสังเกต ฉันหยิบขึ้นมาดู แน่นอนว่ามันคือของผู้หญิงและมันไม่ใช่ของฉัน“นี่มันของใครคะ” ฉันจ้องหน้าพี่คริสตาเขม็ง อารมณ์ตอนตอนนี้มันเริ่มเดือดขึ้นมาแล้ว เห็นแบบนี้ใครจะใจเย็นได้“ไม่รู้” พี่คริสพูดตอบหน้านิ่งๆ เหมือนไม่รู้สึกตกใจอะไรเลยที่ฉันเห็นต่างหูของผู้หญิิงอยู่ในห้อง“พี่จะไม่รู้ได้ไง นี่มันห้องพี่นะพี่คริส พี่มีคนอื่นใช่ไหมพามันมาที่นี่หรอ พี่เอากับมันแล้วใช่ไหม !!” ฉันตะคอกเสียงดังแต่กลับไร้คำตอบอะไรจากคนตรงหน้า พี่คริสเงียบไม่พูดอะไรสักคำ“ตอบมาสิ พี่พาผู้หญิงมาเอาใช่ไหมอีเลขานั่นใช่ไหม !!” ฉันพูดเสียงดัง ยอมรับว่ามันโมโหมากจริงๆ ตอนนี้“เรื่องแค่นี้จะเสียงดังทำไมวะ ทำไมเธอชอบทำตัวน่ารำคาญตลอดเลยวะคะนิ้ง !!” เหมือนพี่คริสอัดอั้นมาก จู่ๆ เขาก็ตะคอกกลับตอกหน้าฉันเสียงดั
ฉันเดินออกมาจากห้องของพี่คริส เดิน ทั้งๆ ที่ยังร้องไห้อยู่อย่างนั่นแหละ พี่คริสก็ไม่ได้ตามฉันออกมานะ มันก็ดีแล้วที่พี่คริสไม่ตามออกมา ให้มันจบแค่นี้แหละดีที่สุดแล้วฉันเดินออกจากคอนโด ด้วยสภาพที่แบบเดินไปด้วยร้องไห้ไปด้วย เดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปไหนแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเดินไปเพื่ออะไร สมองตอนนี้มันคิดอะไรไม่ออกเลย มันพังมากจริงๆ ความรู้สึกฉันตอนนี้ระหว่างทางที่ฉันเดิน คนที่เดินผ่านไปมามองฉันราวกับฉันเป็นคนบ้า แต่ฉันไม่แคร์ใครจะมองฉันยังไงก็ช่างเขา รู้แค่ว่าตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้ว ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทำไมความรักต้องมาพร้อมกับความทุกข์แล้วต้องจบด้วยน้ำตา ให้ฉันมีความสุขมากกว่านี้ไม่ได้หรือไง...กริ่ง~ โทรศัพท์ฉันเข้า เป็นเบอร์ของมะปรางโทรเข้ามาฉันตัดสินใจกดรับสาย แล้วก็เงียบฟังว่ามันพูดอะไรมะปราง: ไฮ..ชะนี อยู่ไหนคะ วันนี้ฉันกับเดอะแก๊งค์จะไปเที่ยวผับ ว่าไงชะนีติดผัวแบบนี้แกจะได้ไปด้วยรึป่าวพอได้ยินคำว่าชะนีติดผัวเท่านั้นแหละ..ฉันร้องไห้สะอื้นออกา ดังๆ เลยมะปราง: เฮ้ยย คะนิ้งแกเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เสียงมะปรางมันดูจะตกใจมากที่ได้ยินฉันร้องไห้ฉัน: ฉันผิดอะไรแก...อึ
"....อีคะนิ้งงงง ~" เสียงพวกเพื่อนฉันตะโกนเรียก มะปราง จิน มิน มันวิ่งมาทางฉันหน้าตาตื่น พอมาถึงพวกมันก็หอบหายใจแรงๆ “อะไรของพวกแก เสียงดังทำไม”“ฉันก็คิดว่าแกหนีมากระโดดน้ำฆ่าตัวตาย !!” “นั่นสิ ตื่นมาก็ไม่เจอใจหายใจคว่ำหมด”“บ้า ฉันไม่คิดสั้นขนาดนั้นหรอก” “โล่งอกไปที !!” จินถอนหายใจออกมา ยาวๆ“กลับกันเถอะพวกแก ป่านนี้ยายคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว”“เออใช่ ป่านนี้แม่ฉันถือไม้เรียวรอหน้าบ้านแล้ว !!”“อื้อเครๆ กลับบ้านกัน” ณ บ้านของฉัน โชคดีที่วันนี้ไม่มีเรียน...“อ้าว คะนิ้ง เอ็งไปไหนมา ไปอยู่กับผัวมาไง” ได้ยินยายทักแบบนี้แล้วฉันถึงกับสะอึกเลย“ปะ..เปล่ายาย หนูไปทะเลกับเพื่อนมา หนูขอไปนอนก่อนนะรู้สึก เพลียๆ ยังไงไม่รู้” ฉันตอบอย่างขอไปที พูดจบฉันก็รีบเดินเข้าห้องนอน...ภายในห้องนอน...ฉันทิ้งตัวลงบนที่นอน แหงนหน้ามองเพดานบ้าน น้ำใสๆ ไหลออกจากตาช้าๆ เมื่อไรกัน เมื่อไหร่ที่ฉันจะลืมเขาได้สักที ความรู้สึกแบบนี้มันทรมารดีจัง ทำไมฉันอ่อนแอแบบนี้นะ พออยู่คนเดียวทีไรคิดฟุ้งซ่านทุกทีตัดมาวันจันทร์ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ฉันเก็บตัวเองอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน ฉันนอนร้องไห้แทบทุกคืน ไม่สิทั้งวันทั