เมื่อนึกตามคำพูดของอรนลินแล้วพิมพ์พริมาก็เริ่มคิดหนักเพราะเธอลาออกจากงานมาได้เกือบจะสองเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มงานที่ไหนถ้าหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินเก็บที่สะสมมาก็คงจะหมดลง
ก่อนหน้านี้หญิงสาวทำงานเป็นพนักงานบัญชีอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหากับแฟนหนุ่มที่ทำงานในบริษัทเดียวกันหญิงสาวจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพราะไม่อาจจะทนมองหน้าเขาอีกต่อไปได้
เธอคบกับปิติภัทรตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานในบริษัทและคุยกันเอาไว้ว่าจะเก็บเงินสักก้อนจากนั้นทั้งสองแต่งงานกัน แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเลยว่าแฟนของเธอจะแอบคบกับพนักงานในบริษัทอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งพอเธอรู้ก็บอกให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ปิติภัทรก็ทำตามตอนนั้นเธอยอมรับว่าดีใจมากที่เขาสำนึกผิดและกลับตัวได้แต่ผ่านไปไม่นานเขาก็แอบกลับไปคบกันอีก
หญิงสาวทนคบกับเขาต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจบอกเลิกเพราะยิ่งคบก็ยิ่งเสียใจ เงินที่ทั้งสองฝากร่วมกันเพื่อจะจัดงานแต่งงานพิมพ์พริมาก็เอาคืนมาทุกบาททุกสตางค์ และเมื่อดูยอดเงินฝากแล้วส่วนใหญ่จะเป็นตัวเธอเองมากกว่าที่โอนเข้าบัญชีเกือบทุกเดือนส่วนเขานานๆ ครั้งถึงจะโอนเข้าซึ่งก่อนหน้านั้นพิมพ์พริมาไม่ได้สนใจจะดูยอดเงินในบัญชีเลย เนื่องจากไว้ใจและรักเขามากแต่เมื่อเขานอกใจเธออีกเป็นครั้งที่สองพิมพ์พริมาก็ตัดสินใจเลิกอย่างเด็ดขาดและเอาเงินในส่วนของตนเองกลับคืนมาทุกบาททุกสตางค์ เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเธอ
หลังจากลาออกจากงานแล้วหญิงสาวก็ยังไม่ได้เริ่มสมัครงานที่ไหนเพราะยังเสียใจและรู้สึกเบื่อกับระบบการทำงาน แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็คิดว่าการใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ได้ทำอะไรมันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมาก วันนี้เธอจึงเข้าไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่งถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าบริษัทเดิมแต่เธอก็คิดว่ายังดีกว่าอยู่ห้องเฉยๆ
เธอมองแล้วว่าถ้าได้ทำงานที่นี่มันก็จะสะดวกสบายกับตนเองมากเนื่องจากบริษัทอยู่ไม่ไกลห้องพักต่างจากบริษัทเดิมที่อยู่ค่อนข้างไกลและใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน
พิมพ์พริมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าตอนนี้มีแต่คนสนใจว่าเธอกำลังคบหากับใครอยู่ หญิงสาวยิ้มเพราะหนึ่งในคนที่ถามก็คือเพื่อนสนิทของปิติภัทรซึ่งเดาว่าน่าจะมาสืบข่าวไปบอกให้ฝ่ายนั้นรู้แต่พิมพ์พริมาไม่ได้ตอบข้อความของใครเลยสักคนเพราะอยากให้ทุกอย่างมันเป็นปริศนาเธอยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าผู้ชายที่นั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวด้วย
เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อแต่งตัวดี หุ่นดีตรงกับสเปกผู้ชายที่เธอชอบ หญิงสาวไม่คิดว่าเขาเป็นพวกมิจฉาชีพหรือพวกที่หลอกรับประทานฟรีเพราะดูท่าทางแล้วเขาก็น่าจะเป็นคนไปทำงานเหมือนกับเธอ ซึ่งมันมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่คนทำงานหนักมากจนลืมพกกระเป๋าสตางค์ออกจากบ้านหรือทำงานจนลืมชาร์จแบตโทรศัพท์
เรื่องนี้มันก็เคยเกิดขึ้นกับเธอมาแล้วและตอนนั้นก็มีคนจ่ายค่าข้าวให้กับเธอที่เธอยอมช่วยเขาก็เพราะนึกถึงตนเองในอดีตที่เคยได้รับความช่วยเหลือ แต่ที่ขอถ่ายรูปก็เพราะนึกอยากจะทำอะไรที่มันสนุกๆ ดูบ้างและไม่คิดเลยว่ารูปถ่ายของเขาจะได้รับความสนใจจากเพื่อนในโซเชียลมากมายขนาดนี้
พิมพ์พริมานอนคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่งเผลอหลับและตกใจตื่นเมื่อได้ยินข้างห้องโวยวายตั้งแต่เช้า
ห้องพักของเธอเป็นห้องพักราคาถูกมีห้องนอนหนึ่งห้องในห้องน้ำเล็กๆ กับระเบียงสำหรับตากเสื้อผ้า คนที่พักอาศัยก็เป็นวัยทำงานซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้ชีวิตข้างนอกและใช้หอพักเป็นแค่ที่พักผ่อนหลับนอน
เสียงโวยวายยังคงดังมาเรื่อยๆ ทำให้คนที่คิดว่าจะตื่นสายต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงไปหาอะไรทานในตอนเช้าก่อนจะกลับมาที่ห้องอีกครั้ง
วันนี้เธอคิดว่าจะลองหางานในอินเตอร์เน็ตดูว่ามีที่ไหนรับสมัครพนักงานบัญชีเพิ่มอีกหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันได้เปิดแท็บเล็ตเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวมองเบอร์ที่โทรเข้ามาซึ่งไม่ใช่เบอร์ที่เธอบันทึกไว้ พิมพ์พริมาลังเลเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ” เธอรับสายและไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะกลัวว่าฝ่ายที่โทรศัพท์เข้ามานั้นจะเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้
“ใช่เบอร์คุณพิมพ์พริมาไหมคะ”
“ใช่ค่ะดิฉันกำลังพูดอยู่ คุณโทรมาจากไหนคะ”
“ฉันโทรจากฝ่ายบุคคลบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่นค่ะ เมื่อวานคุณมายื่นใบสมัครไว้ใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าเอกสารมีปัญหาหรือขาดเหลืออะไรหรือเปล่าคะ”
“เอกสารไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ทางเราอยากจะเชิญคุณมาสัมภาษณ์วันนี้สะดวกหรือเปล่า”
“สะดวกค่ะ”
“เราจะให้เวลาคุณเตรียมตัวแล้วนัดมาเจอกันในตอนบ่ายวันนี้นะคะ”
“ได้ค่ะ” พิมพ์พริมารีบตอบตกลงทันทีเธอไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกโทรศัพท์ตามเข้าสัมภาษณ์งานเร็วขนาดนี้ แต่เมื่อโอกาสมาถึงก็ต้องรีบคว้าไว้
“ฉันต้องเตรียมเอกสารอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ” หญิงสาวรีบถามด้วยความตื่นเต้นเธอยากเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
“เอกสารที่คุณยื่นมาเมื่อวานก็น่าจะครบแล้ว คงไม่ต้องเตรียมมาแล้วล่ะค่ะ บ่ายโมงคุณมาแต่ตัวเปล่าได้เลย” ฝ่ายบุคคลย้ำกับเธออีกครั้ง
“ได้ค่ะฉันจะเข้าตามเวลานัดค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เมื่อวางสายจากฝ่ายบุคคลแล้วพิมพ์พริมาก็รีบศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างซึ่งก่อนหน้านี้เธออยู่ในบริษัทใหญ่มาก่อนการเข้าไปสัมภาษณ์งานในบริษัทที่มีขนาดเล็กกว่าจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ที่หญิงสาวตื่นเต้นก็เพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้สัมภาษณ์งาน
เธอจำได้ดีว่าตอนเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ เธอไม่ได้ไปสมัครงานที่ไหนเลยเพราะเธอเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จึงได้เข้าทำงานในบริษัทใหญ่ซึ่งจองตัวมากับทางมหาวิทยาลัยมันจึงทำเธอตื่นเต้นมากกับการไปสัมภาษณ์งานในครั้งนี้แต่พิมพ์พริมาก็คิดว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมามันคงช่วยเธอได้มาก
เวลาเที่ยงครึ่งพิมพ์พริมาก็เดินทางมาถึงตึกสูงแห่งหนึ่งเมื่อแจ้งกับประชาสัมพันธ์ด้านล่างตึกแล้วเขาก็ให้เธอขึ้นไปยังชั้นเก้าซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่นในการมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ทางบริษัทเรียกแค่พิมพ์พริมาคนเดียว เพราะตอนนี้พนักงานบัญชีคนเดิมลาออกอย่างกะทันหันทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลง ส่วนตำแหน่งอื่นตามที่ประกาศรับสมัครนั้นต้องรอให้ถึงวันหมดเขตแล้วจึงนัดให้มาสัมภาษณ์คนที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้คือหัวหน้าแผนกบัญชีชื่อสุกัญญาซึ่งทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งคำถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกความรู้ทั่วไป การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทัศนคติในกาทำงานร่วมกันเป็นทีมรวมถึงความคิดเห็นส่วนตัวถ้าหากถูกเรียกมาทำงานในวันหยุดหรือต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับพิมพ์พริมาเลย“ตกลงพี่รับว่านเขาทำงานเลยก็แล้วกันนะ พร้อมจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสุกัญญาหัวหน้าแผนกบัญชีบอกกับพิมพ์พริมาหลังจากคุยกันมาสักพัก“วันจันทร์นี้ก็ได้ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบด้วยความมั่นใจเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวันและคิดว่าการร่วมงานวันจันทร์น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“เริ่มงานได้เร็วกว่าที่พี่คิดไว้
คุณสุกัญญาแจ้งเรื่องรับพนักงานใหม่ไปยังแผนกบุคคลเพื่อจัดเตรียมเอกสารและสัญญาต่างๆ ไว้รอหญิงสาวที่จะมาทำงานในวันจันทร์ หลังจากคุยกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลเสร็จแล้วเธอก็เดินกลับมาจากแผนกระหว่างนั้นก็เจอกับภาวินท์เจ้าของบริษัทที่ออกจากห้องประชุมมาพอดี“สวัสดีค่ะคุณภาวินท์”“สวัสดีครับพี่สุ เรื่องรับพนักงานฝ่ายบัญชีเป็นยังไงบ้าง” เขาเรียกสุกัญญาด้วยความสนิทสนมเพราะเธอเป็นพนักงานสิบคนแรกที่เขารับเข้ามาทำงานตั้งแต่เปิดบริษัท ชายหนุ่มนับถือสุกัญญาเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง“สุเรียกเข้ามาคุยวันนี้แล้วค่ะ”“แล้วเป็นยังไงบ้างครับถูกใจพี่สุหรือเปล่า”“พี่ว่าเด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้เลยนะคะเธอเคยทำงานในบริษัทXXXมาก่อน” สุกัญญาบอกข้อมูลของพนักงานคนใหม่ให้กับเจ้านายได้รับทราบ“ถ้าเธอเคยทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงมาสมัครที่บริษัทเราล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่สุสืบดูแล้วใช่ไหม”“พี่สืบดูแล้วค่ะ ในส่วนของการทำงานเธอเป็นคนทำงานใช้ได้เลยทีเดียวหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่นั่นพี่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง”“แล้วเขาบอกไหมครับว่าทำไมเธอถึงลาออกแล้วมาทำงานกับเรา”“จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเป็นความลับของพนักงานแต่พี่จะบอกคุณภาวินท์ก
เช้าวันจันทร์พิมพ์พริมาตื่นนอนตั้งแต่เช้าหญิงสาวนั่งรถเมล์มาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็นั่งรออยู่บริเวณโซนรับแขกของบริษัทเพื่อรอเวลาจะเข้าไปหาหัวหน้าแผนกบุคคล“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะว่าน”“สวัสดีค่ะพี่สุ” หญิงสาวยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายบัญชี“เข้าไปรอที่แผนกก่อนไหมล่ะ ฝ่ายบุคคลน่าจะยังไม่มาทำงานพี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับคนในแผนกก่อนจะไปทำเรื่องเอกสาร”“ได้ค่ะพี่สุ”หญิงสาวเดินตามสุกัญญาเข้ามาในแผนกซึ่งตอนนี้มีพนักงานคนหนึ่งมาทำงานก่อนหน้าเธอแล้วหนึ่งคน“กิ่งแก้วทำอะไรอยู่”“กิ่งกำลังหาไฟล์งานของปีที่แล้วอยู่น่ะ”“วางงานตรงหน้าก่อนได้ไหมสุมีพนักงานใหม่จะมาแนะนำให้รู้จัก” เมื่อหัวหน้าแผนกบอกแบบนั้นกิ่งแก้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มส่งยิ้มทักทายพนักงานใหม่“สวัสดีค่ะ” พิมพ์พริมายกมือไว้“ว่านคนนี้ชื่อกิ่งแก้วนะทำงานที่นี่มานานพอๆ กับพี่เลย”“สวัสดีค่ะพี่กิ่งแก้ว” หญิงสาวทักทายอีกครั้ง“สวัสดีจ้ะ เรียกพี่ว่ากิ่งก็ได้จ้ะ ยินดีต้อนรับสู่แผนกบัญชีของเรานะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง ยังไงว่านขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ พี่กิ่งสอนงานว่านด้วยนะคะ” หญิงสาวรีบฝากตัว“สุเล่าให้ฟังว่าว่านเคยท
สัปดาห์แรกของการทำงานผ่านไปได้ด้วยดีพิมพ์พริมารู้สึกมีความสุขมากกับที่ทำงานใหม่และเพื่อนร่วมงานใหม่ ช่วงแรกที่มาทำงานหญิงสาวเลิกงานในเวลาปกติคือห้าโมงเย็น แต่หัวหน้าแผนกก็แจ้งว่าช่วงปลายเดือนอาจจะต้องอยู่ทีโอทีและน่าจะเลิกงานประมาณเกือบสองทุ่ม ซึ่งพิมพ์พริมาคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย เพราะถึงจะเลิกงานเร็วเธอก็ต้องกลับไปเหงาอยู่คนเดียวที่ห้องวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์หญิงสาวออกจากบริษัทประมาณห้าโมงครึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลานั่งรถเมล์กลับหอพักเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะเย็นวันศุกร์ผู้โดยสารค่อนข้างมากกว่าปกติเธอกลับมาถึงห้องจัดการธุระส่วนตัวและนอนเล่นจนเผลอหลับและรู้สึกตัวตื่นอีกทีในเวลาเกือบจะสามทุ่มหญิงสาวรู้สึกหิวมากจึงเดินลงมาจากหอพักเพื่อไปยังบริเวณหน้าปากซอยซึ่งมีร้านอาหารอยู่หลายร้านที่เปิดจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำคนไม่มากเท่าไหร่ หลังจากสั่งเมนูโปรดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อและกลับมานั่งในจังหวะที่ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟพอดี“หายไปหลายวันเลยนอกใจพี่ไปกินร้านอื่นหรือเปล่า” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามลูกค้าประจำที่มักจะมารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่บ่อยๆ“ไม่ใช่หรอ
บ่ายวันเสาร์ภาวินท์ก็มาที่ร้านส้มตำตามเวลาที่นัดไว้ เขากำลังชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่พิมพ์พริมาจะมาที่ร้าน ขณะที่พนักงานในร้านก็มาถามว่าเขาจะสั่งอะไรบ้าง ชายหนุ่มลังเลถ้าหากเขาสั่งอาหารมาทานแล้วพิมพ์พริมาไม่มาตามนัด เขาก็น่าจะต้องทานคนเดียวซึ่งมันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะต้องนั่งรับประทานอาหารตามลำพัง“ผมขอโทรถามเพื่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยสั่งอาหาร” ชายหนุ่มบอกกับพนักงานของร้านจากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาหญิงสาวและรอสายอยู่นานแต่เธอก็ยังไม่ยอมรับ ภาวินท์เริ่มใจเสียเพราะคิดว่าพิมพ์พริมาจะเบี้ยวนัดเขาไลน์ไปหาเธอเพื่อถามว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหนและจะมาทานอาหารกับเขาหรือเปล่า แต่หญิงสาวก็ไม่อ่านข้อความ นั่นยิ่งทำให้ภาวินท์รู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะไปตามเธอที่หอพัก ขณะกำลังลุกจากเก้าอี้ก็เห็นเธอเดินเข้ามาในร้านพอดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ขอโทษนะคะพี่วินพอดีว่านคุยกับเพื่อนเพลินไปหน่อยเลยมาช้า”“แล้วเพื่อนอยู่ไหนล่ะ ไม่มากินกับเราเหรอ”“ว่านหมายถึงคุยโทรศัพท์ค่ะ พี่วินสั่งอาหารหรือยังคะ”“ยังเลยครับ พี่ไม่รู้ว่าว่านกินแบบไหน”“พี่วินล่ะกินเผ็ดได้ไหม”“ได้พอประมาณถ้าอย่างนั้นลองสั่
เมื่อเดินมาถึงห้องพักพิมพ์พริมาก็รีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องของตนเองกับภาวินท์ให้กับอรนลินฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนมาถึงการไปรับประทานส้มตำด้วยกันในวันนี้“นุ่นคิดว่าพี่วินอะไรเนี่ยเขาจะต้องกำลังจีบว่านอยู่แน่ๆ เลยนะ” อรนลินตั้งข้อสังเกต“ไม่หรอกมั้งนุ่น เราเพิ่งเจอกับพี่เขาได้แค่สามครั้งเอง”“ต่อให้เจอกันแค่ครั้งเดียวถ้าคนเขาจะจีบเขาก็จีบ เท่าที่นุ่นฟังนะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังจีบว่านแน่นอน”“แล้วว่านจะทำยังไงต่อล่ะนุ่น”“จะมาถามนุ่นได้ยังไงล่ะ ว่านก็ต้องถามตัวเองสิว่าเอายังไงต่อว่านรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง”“ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะ พี่วินก็แค่คนรู้จักคนหนึ่งเวลาคุยกับเขาก็เหมือนคุยกับเพื่อนกับพี่”“ใจไม่เต้นแรงเลยเหรอ”“ไม่นะ”“คุยกับเขาแล้วรู้สึกรำคาญหรือเบื่อบ้างไหมล่ะ”“ก็ไม่นะคุยกันได้เรื่อยๆ เจอกันแค่สามครั้งเองยังไม่รู้สึกเบื่อหรอก”“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้เขาโอกาสเขาดูสิแต่ถ้าคุยแล้วเริ่มเบื่อหรือคิดว่าไม่ใช่ก็ถอยออกมา นุ่นว่าว่านเลิกกับพี่ภัทรมานานแล้วนะ จะคุยกับผู้ชายคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือผิดอะไรเลย”“แค่คุยกันไม่กี่ครั้งเองว่านยังไม่อยากคิดอะไรม
“ตกลงเราจะจ้างคนงานเพิ่มนะ”“ผมว่าเราให้คนงานชุดเดิมเพิ่มเวลาทำงานดีกว่าไหมครับ”“ช่วงแรกก็คงต้องเป็นแบบนี้ไปก่อน แต่ถ้าใช้คนงานชุดเดิมแล้วเพิ่มเวลาทำงานนานๆ ผมกลัวว่าพวกเขาจะเหนื่อยและอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ประกาศรับสมัครเพิ่มไปเลยน่าจะดีกว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดให้ถามจากวิศวกรผู้ควบคุมโครงการนะ” ภาวินท์ซีอีโอหนุ่มเจ้าของบริษัทรับสร้างบ้านและออกบ้านแบบครบวงจรบอกกับโฟร์แมนที่คุมโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรสไตล์โมเดิร์นลักชูรี่ขนาดสามสิบยูนิตซึ่งวันนี้ชายหนุ่มเข้ามาคุยกับโฟร์แมนแทนหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งตอนนี้เขามีปัญหาส่วนตัวที่จะต้องไปจัดการจึงมาดูงานที่นี่ไม่ได้“แล้วคุณเพลิงเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ” โฟร์แมนหนุ่มถามถึงโฆษิตหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งไม่มาทำงานหลายวันแล้ว“น่าจะอีกสองวันน่ะ ระหว่างนี้คุณก็ประกาศรับสมัครคนงานเพิ่มนะ”“คุณภาวินท์จะให้เรารับคนงานเพิ่มมากแค่ไหนครับ”“ก็แล้วแต่คุณเห็นสมควรเลย แต่ก็ดูหน่อยนะว่าคนงานใหม่ที่รับเข้ามาเคยมีปัญหากับคนงานของเราหรือเปล่า” เขาเตือนโฟร์แมนเพราะคนงานก่อสร้างบางครั้งก็มีแบ่งพรรคแบ่งพวกและเขาก็กลัวว่าคนงานที่รับมาใหม่จะไม่ถูกกับค
“ลองบอกมาก่อนสิว่าคุณจะให้ผมทำอะไรถ้าเกิดเป็นเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาผมก็ซวยแย่สิ”“โธ่...คุณไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอะไรหรอกนะ ง่ายๆ เองตกลงไหม”“แน่นะครับ”“ค่ะ ฉันแค่จะขอยืมมือคุณแค่นั้น”“ยืมมือผมเอาไปทำอะไร” ชายหนุ่มมองเธออย่างสงสัย“เถอะน่า ตกลงไหมล่ะ”“อือ แล้วผมต้องทำยังไง” ภาวินท์ตอบตกลงเพราะเขาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะทำอะไรต่อ“คุณนั่งจับช้อนกับตะเกียบไว้แบบนั้นนะ ทำเหมือนกำลังจะกินก๋วยเตี๋ยว ฉันขอถ่ายรูปคุณแป๊บเดียวเอง”“ถ่ายรูปเหรอ”“ก็ใช่นะสิ”“จู่ๆ จะมาถ่ายรูปกันได้ไง”“ฉันไม่ถ่ายให้เห็นหน้าคุณหรอกน่า ฉันถ่ายแค่ข้อมือเองนะ”“แล้วคุณจะเอารูปผมไปทำอะไร”“ฉันก็แค่จะโพสต์ลงในสตอรี่ว่าฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชาย”“ผมว่าเหตุผลมันฟังดูแปลกๆ นะ”“ไม่แปลกหรอกน่าตกลงนะ” หญิงสาวไม่รอฟังคำตอบเธอถ่ายรูปเขาจากนั้นก็โพสต์ลงสตอรี่ทันที“นี่ไงคะ” พูดแล้วเธอยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่มดู“ก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้หวานมาก คืออะไร” เขาอ่านข้อความใต้ภาพแล้วถามขึ้นและมองหน้าเธอสลับกับโทรศัพท์“ก็หมายความว่าวันนี้ฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชายไงล่ะ”“จะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังแน่นะ”“ไม่หรอก เพราะไม่ได้เห็นหน้าคุ
เมื่อเดินมาถึงห้องพักพิมพ์พริมาก็รีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องของตนเองกับภาวินท์ให้กับอรนลินฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนมาถึงการไปรับประทานส้มตำด้วยกันในวันนี้“นุ่นคิดว่าพี่วินอะไรเนี่ยเขาจะต้องกำลังจีบว่านอยู่แน่ๆ เลยนะ” อรนลินตั้งข้อสังเกต“ไม่หรอกมั้งนุ่น เราเพิ่งเจอกับพี่เขาได้แค่สามครั้งเอง”“ต่อให้เจอกันแค่ครั้งเดียวถ้าคนเขาจะจีบเขาก็จีบ เท่าที่นุ่นฟังนะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังจีบว่านแน่นอน”“แล้วว่านจะทำยังไงต่อล่ะนุ่น”“จะมาถามนุ่นได้ยังไงล่ะ ว่านก็ต้องถามตัวเองสิว่าเอายังไงต่อว่านรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง”“ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะ พี่วินก็แค่คนรู้จักคนหนึ่งเวลาคุยกับเขาก็เหมือนคุยกับเพื่อนกับพี่”“ใจไม่เต้นแรงเลยเหรอ”“ไม่นะ”“คุยกับเขาแล้วรู้สึกรำคาญหรือเบื่อบ้างไหมล่ะ”“ก็ไม่นะคุยกันได้เรื่อยๆ เจอกันแค่สามครั้งเองยังไม่รู้สึกเบื่อหรอก”“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้เขาโอกาสเขาดูสิแต่ถ้าคุยแล้วเริ่มเบื่อหรือคิดว่าไม่ใช่ก็ถอยออกมา นุ่นว่าว่านเลิกกับพี่ภัทรมานานแล้วนะ จะคุยกับผู้ชายคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือผิดอะไรเลย”“แค่คุยกันไม่กี่ครั้งเองว่านยังไม่อยากคิดอะไรม
บ่ายวันเสาร์ภาวินท์ก็มาที่ร้านส้มตำตามเวลาที่นัดไว้ เขากำลังชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่พิมพ์พริมาจะมาที่ร้าน ขณะที่พนักงานในร้านก็มาถามว่าเขาจะสั่งอะไรบ้าง ชายหนุ่มลังเลถ้าหากเขาสั่งอาหารมาทานแล้วพิมพ์พริมาไม่มาตามนัด เขาก็น่าจะต้องทานคนเดียวซึ่งมันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะต้องนั่งรับประทานอาหารตามลำพัง“ผมขอโทรถามเพื่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยสั่งอาหาร” ชายหนุ่มบอกกับพนักงานของร้านจากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาหญิงสาวและรอสายอยู่นานแต่เธอก็ยังไม่ยอมรับ ภาวินท์เริ่มใจเสียเพราะคิดว่าพิมพ์พริมาจะเบี้ยวนัดเขาไลน์ไปหาเธอเพื่อถามว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหนและจะมาทานอาหารกับเขาหรือเปล่า แต่หญิงสาวก็ไม่อ่านข้อความ นั่นยิ่งทำให้ภาวินท์รู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะไปตามเธอที่หอพัก ขณะกำลังลุกจากเก้าอี้ก็เห็นเธอเดินเข้ามาในร้านพอดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ขอโทษนะคะพี่วินพอดีว่านคุยกับเพื่อนเพลินไปหน่อยเลยมาช้า”“แล้วเพื่อนอยู่ไหนล่ะ ไม่มากินกับเราเหรอ”“ว่านหมายถึงคุยโทรศัพท์ค่ะ พี่วินสั่งอาหารหรือยังคะ”“ยังเลยครับ พี่ไม่รู้ว่าว่านกินแบบไหน”“พี่วินล่ะกินเผ็ดได้ไหม”“ได้พอประมาณถ้าอย่างนั้นลองสั่
สัปดาห์แรกของการทำงานผ่านไปได้ด้วยดีพิมพ์พริมารู้สึกมีความสุขมากกับที่ทำงานใหม่และเพื่อนร่วมงานใหม่ ช่วงแรกที่มาทำงานหญิงสาวเลิกงานในเวลาปกติคือห้าโมงเย็น แต่หัวหน้าแผนกก็แจ้งว่าช่วงปลายเดือนอาจจะต้องอยู่ทีโอทีและน่าจะเลิกงานประมาณเกือบสองทุ่ม ซึ่งพิมพ์พริมาคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย เพราะถึงจะเลิกงานเร็วเธอก็ต้องกลับไปเหงาอยู่คนเดียวที่ห้องวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์หญิงสาวออกจากบริษัทประมาณห้าโมงครึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลานั่งรถเมล์กลับหอพักเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะเย็นวันศุกร์ผู้โดยสารค่อนข้างมากกว่าปกติเธอกลับมาถึงห้องจัดการธุระส่วนตัวและนอนเล่นจนเผลอหลับและรู้สึกตัวตื่นอีกทีในเวลาเกือบจะสามทุ่มหญิงสาวรู้สึกหิวมากจึงเดินลงมาจากหอพักเพื่อไปยังบริเวณหน้าปากซอยซึ่งมีร้านอาหารอยู่หลายร้านที่เปิดจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำคนไม่มากเท่าไหร่ หลังจากสั่งเมนูโปรดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อและกลับมานั่งในจังหวะที่ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟพอดี“หายไปหลายวันเลยนอกใจพี่ไปกินร้านอื่นหรือเปล่า” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามลูกค้าประจำที่มักจะมารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่บ่อยๆ“ไม่ใช่หรอ
เช้าวันจันทร์พิมพ์พริมาตื่นนอนตั้งแต่เช้าหญิงสาวนั่งรถเมล์มาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็นั่งรออยู่บริเวณโซนรับแขกของบริษัทเพื่อรอเวลาจะเข้าไปหาหัวหน้าแผนกบุคคล“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะว่าน”“สวัสดีค่ะพี่สุ” หญิงสาวยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายบัญชี“เข้าไปรอที่แผนกก่อนไหมล่ะ ฝ่ายบุคคลน่าจะยังไม่มาทำงานพี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับคนในแผนกก่อนจะไปทำเรื่องเอกสาร”“ได้ค่ะพี่สุ”หญิงสาวเดินตามสุกัญญาเข้ามาในแผนกซึ่งตอนนี้มีพนักงานคนหนึ่งมาทำงานก่อนหน้าเธอแล้วหนึ่งคน“กิ่งแก้วทำอะไรอยู่”“กิ่งกำลังหาไฟล์งานของปีที่แล้วอยู่น่ะ”“วางงานตรงหน้าก่อนได้ไหมสุมีพนักงานใหม่จะมาแนะนำให้รู้จัก” เมื่อหัวหน้าแผนกบอกแบบนั้นกิ่งแก้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มส่งยิ้มทักทายพนักงานใหม่“สวัสดีค่ะ” พิมพ์พริมายกมือไว้“ว่านคนนี้ชื่อกิ่งแก้วนะทำงานที่นี่มานานพอๆ กับพี่เลย”“สวัสดีค่ะพี่กิ่งแก้ว” หญิงสาวทักทายอีกครั้ง“สวัสดีจ้ะ เรียกพี่ว่ากิ่งก็ได้จ้ะ ยินดีต้อนรับสู่แผนกบัญชีของเรานะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง ยังไงว่านขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ พี่กิ่งสอนงานว่านด้วยนะคะ” หญิงสาวรีบฝากตัว“สุเล่าให้ฟังว่าว่านเคยท
คุณสุกัญญาแจ้งเรื่องรับพนักงานใหม่ไปยังแผนกบุคคลเพื่อจัดเตรียมเอกสารและสัญญาต่างๆ ไว้รอหญิงสาวที่จะมาทำงานในวันจันทร์ หลังจากคุยกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลเสร็จแล้วเธอก็เดินกลับมาจากแผนกระหว่างนั้นก็เจอกับภาวินท์เจ้าของบริษัทที่ออกจากห้องประชุมมาพอดี“สวัสดีค่ะคุณภาวินท์”“สวัสดีครับพี่สุ เรื่องรับพนักงานฝ่ายบัญชีเป็นยังไงบ้าง” เขาเรียกสุกัญญาด้วยความสนิทสนมเพราะเธอเป็นพนักงานสิบคนแรกที่เขารับเข้ามาทำงานตั้งแต่เปิดบริษัท ชายหนุ่มนับถือสุกัญญาเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง“สุเรียกเข้ามาคุยวันนี้แล้วค่ะ”“แล้วเป็นยังไงบ้างครับถูกใจพี่สุหรือเปล่า”“พี่ว่าเด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้เลยนะคะเธอเคยทำงานในบริษัทXXXมาก่อน” สุกัญญาบอกข้อมูลของพนักงานคนใหม่ให้กับเจ้านายได้รับทราบ“ถ้าเธอเคยทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงมาสมัครที่บริษัทเราล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่สุสืบดูแล้วใช่ไหม”“พี่สืบดูแล้วค่ะ ในส่วนของการทำงานเธอเป็นคนทำงานใช้ได้เลยทีเดียวหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่นั่นพี่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง”“แล้วเขาบอกไหมครับว่าทำไมเธอถึงลาออกแล้วมาทำงานกับเรา”“จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเป็นความลับของพนักงานแต่พี่จะบอกคุณภาวินท์ก
เวลาเที่ยงครึ่งพิมพ์พริมาก็เดินทางมาถึงตึกสูงแห่งหนึ่งเมื่อแจ้งกับประชาสัมพันธ์ด้านล่างตึกแล้วเขาก็ให้เธอขึ้นไปยังชั้นเก้าซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่นในการมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ทางบริษัทเรียกแค่พิมพ์พริมาคนเดียว เพราะตอนนี้พนักงานบัญชีคนเดิมลาออกอย่างกะทันหันทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลง ส่วนตำแหน่งอื่นตามที่ประกาศรับสมัครนั้นต้องรอให้ถึงวันหมดเขตแล้วจึงนัดให้มาสัมภาษณ์คนที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้คือหัวหน้าแผนกบัญชีชื่อสุกัญญาซึ่งทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งคำถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกความรู้ทั่วไป การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทัศนคติในกาทำงานร่วมกันเป็นทีมรวมถึงความคิดเห็นส่วนตัวถ้าหากถูกเรียกมาทำงานในวันหยุดหรือต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับพิมพ์พริมาเลย“ตกลงพี่รับว่านเขาทำงานเลยก็แล้วกันนะ พร้อมจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสุกัญญาหัวหน้าแผนกบัญชีบอกกับพิมพ์พริมาหลังจากคุยกันมาสักพัก“วันจันทร์นี้ก็ได้ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบด้วยความมั่นใจเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวันและคิดว่าการร่วมงานวันจันทร์น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“เริ่มงานได้เร็วกว่าที่พี่คิดไว้
เมื่อนึกตามคำพูดของอรนลินแล้วพิมพ์พริมาก็เริ่มคิดหนักเพราะเธอลาออกจากงานมาได้เกือบจะสองเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มงานที่ไหนถ้าหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินเก็บที่สะสมมาก็คงจะหมดลงก่อนหน้านี้หญิงสาวทำงานเป็นพนักงานบัญชีอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหากับแฟนหนุ่มที่ทำงานในบริษัทเดียวกันหญิงสาวจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพราะไม่อาจจะทนมองหน้าเขาอีกต่อไปได้เธอคบกับปิติภัทรตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานในบริษัทและคุยกันเอาไว้ว่าจะเก็บเงินสักก้อนจากนั้นทั้งสองแต่งงานกัน แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเลยว่าแฟนของเธอจะแอบคบกับพนักงานในบริษัทอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งพอเธอรู้ก็บอกให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ปิติภัทรก็ทำตามตอนนั้นเธอยอมรับว่าดีใจมากที่เขาสำนึกผิดและกลับตัวได้แต่ผ่านไปไม่นานเขาก็แอบกลับไปคบกันอีกหญิงสาวทนคบกับเขาต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจบอกเลิกเพราะยิ่งคบก็ยิ่งเสียใจ เงินที่ทั้งสองฝากร่วมกันเพื่อจะจัดงานแต่งงานพิมพ์พริมาก็เอาคืนมาทุกบาททุกสตางค์ และเมื่อดูยอดเงินฝากแล้วส่วนใหญ่จะเป็นตัวเธอเองมากกว่าที่โอนเข้าบัญชีเกือบทุกเดือนส่วนเขานานๆ ครั้งถึงจะโอนเข้าซึ่งก่อนหน้านั้นพิมพ์พริมาไม่ได้สนใจจะดูยอดเงินในบัญชีเลย
พิมพ์พริมาเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วลัดเลาะเข้ามาในซอยประมาณสามร้อยเมตรก็ถึงหอพัก หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปยังไม่ทันได้อาบน้ำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเห็นว่าคนที่โทรศัพท์เข้ามาคือเพื่อนสนิทก็รีบกดรับสายทันที“เรื่องมันเป็นยังไงเล่ามาเดี๋ยวนี้นะว่าน” ปลายสายรีบถามโดยที่พิมพ์พริมายังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปเลยสักคำ“นุ่นหมายถึงอะไรว่านไม่เห็นเข้าใจที่นุ่นพูดเลย”“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย บอกนุ่นมานะว่าวันนี้ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับใคร”“ไปกินคนเดียวสิจะให้กับใครล่ะ” พิมพ์พริมาคิดว่าที่อรนลินโทรศัพท์มาถามแบบนี้ก็เพราะเห็นรูปที่เธอเพิ่งจะโพสต์ลงไปเมื่อครู่แน่ๆ“แน่ใจเหรอว่านว่าไปกินคนเดียว แล้วรูปผู้ชายที่โพสต์มาล่ะหมายความว่ายังไง บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้นะ ตอนนี้มีแฟนใหม่แล้วเหรอ” นุ่นหรืออรนลินคาดคั้นอย่างต้องการคำตอบ“ไม่ใช่แฟนใหม่หรอกนุ่น”“แล้วเขาเป็นใคร”“ว่านก็ไม่รู้จักเหมือนกัน”“ไม่รู้จักเขาแล้วไปกินก๋วยเตี๋ยวกับเขาได้ยังไง อย่าโกหกหน่อยเลยน่า”“ว่านพูดเรื่องจริงนะ เราก็แค่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันเพราะโต๊ะมันเต็ม”“นุ่นไม่เชื่อหรอก บอกความจริงมาดีกว่าอย่าให้นุ่นสงสั
“ลองบอกมาก่อนสิว่าคุณจะให้ผมทำอะไรถ้าเกิดเป็นเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาผมก็ซวยแย่สิ”“โธ่...คุณไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอะไรหรอกนะ ง่ายๆ เองตกลงไหม”“แน่นะครับ”“ค่ะ ฉันแค่จะขอยืมมือคุณแค่นั้น”“ยืมมือผมเอาไปทำอะไร” ชายหนุ่มมองเธออย่างสงสัย“เถอะน่า ตกลงไหมล่ะ”“อือ แล้วผมต้องทำยังไง” ภาวินท์ตอบตกลงเพราะเขาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะทำอะไรต่อ“คุณนั่งจับช้อนกับตะเกียบไว้แบบนั้นนะ ทำเหมือนกำลังจะกินก๋วยเตี๋ยว ฉันขอถ่ายรูปคุณแป๊บเดียวเอง”“ถ่ายรูปเหรอ”“ก็ใช่นะสิ”“จู่ๆ จะมาถ่ายรูปกันได้ไง”“ฉันไม่ถ่ายให้เห็นหน้าคุณหรอกน่า ฉันถ่ายแค่ข้อมือเองนะ”“แล้วคุณจะเอารูปผมไปทำอะไร”“ฉันก็แค่จะโพสต์ลงในสตอรี่ว่าฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชาย”“ผมว่าเหตุผลมันฟังดูแปลกๆ นะ”“ไม่แปลกหรอกน่าตกลงนะ” หญิงสาวไม่รอฟังคำตอบเธอถ่ายรูปเขาจากนั้นก็โพสต์ลงสตอรี่ทันที“นี่ไงคะ” พูดแล้วเธอยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่มดู“ก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้หวานมาก คืออะไร” เขาอ่านข้อความใต้ภาพแล้วถามขึ้นและมองหน้าเธอสลับกับโทรศัพท์“ก็หมายความว่าวันนี้ฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชายไงล่ะ”“จะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังแน่นะ”“ไม่หรอก เพราะไม่ได้เห็นหน้าคุ