คุณสุกัญญาแจ้งเรื่องรับพนักงานใหม่ไปยังแผนกบุคคลเพื่อจัดเตรียมเอกสารและสัญญาต่างๆ ไว้รอหญิงสาวที่จะมาทำงานในวันจันทร์ หลังจากคุยกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลเสร็จแล้วเธอก็เดินกลับมาจากแผนกระหว่างนั้นก็เจอกับภาวินท์เจ้าของบริษัทที่ออกจากห้องประชุมมาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณภาวินท์”
“สวัสดีครับพี่สุ เรื่องรับพนักงานฝ่ายบัญชีเป็นยังไงบ้าง” เขาเรียกสุกัญญาด้วยความสนิทสนมเพราะเธอเป็นพนักงานสิบคนแรกที่เขารับเข้ามาทำงานตั้งแต่เปิดบริษัท ชายหนุ่มนับถือสุกัญญาเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง
“สุเรียกเข้ามาคุยวันนี้แล้วค่ะ”
“แล้วเป็นยังไงบ้างครับถูกใจพี่สุหรือเปล่า”
“พี่ว่าเด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้เลยนะคะเธอเคยทำงานในบริษัทXXXมาก่อน” สุกัญญาบอกข้อมูลของพนักงานคนใหม่ให้กับเจ้านายได้รับทราบ
“ถ้าเธอเคยทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงมาสมัครที่บริษัทเราล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่สุสืบดูแล้วใช่ไหม”
“พี่สืบดูแล้วค่ะ ในส่วนของการทำงานเธอเป็นคนทำงานใช้ได้เลยทีเดียวหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่นั่นพี่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง”
“แล้วเขาบอกไหมครับว่าทำไมเธอถึงลาออกแล้วมาทำงานกับเรา”
“จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเป็นความลับของพนักงานแต่พี่จะบอกคุณภาวินท์ก็ได้เพราะยังไงคุณก็เป็นเจ้านาย”
“ความลับอะไรเหรอครับพี่สุ”
“ก็คือเธอเลิกกับแฟนน่ะ ก็เลยไม่อยากทำงานที่เดียวกับแฟน”
“ถ้าเธอแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกแบบนี้ ผมกลัวว่าถ้าเกิดมาทำงานที่นี่แล้วทะเลาะกับแฟนขึ้นมาเธอจะไม่ลาออกอีกเหรอครับพี่สุ” ภาวินท์กลัวว่าพนักงานใหม่จะมีปัญหาและเขาก็ไม่อยากจะเปลี่ยนพนักงานบัญชีบ่อยๆ
“ถ้ามีแฟนแล้วเลิกกันธรรมดาก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะแต่เท่าที่พี่ฟังมาคือแฟนของเธอคบกับอีกคนหนึ่งในบริษัท ถ้าเจอแบบนี้พี่ก็คงจะลาออกเหมือนกันใครจะทนมองแฟนเก่ากับแฟนใหม่ได้ทุกวันล่ะคุณภาวินท์ว่าจริงไหม”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็น่าเห็นใจเธอเหมือนกันนะครับ ผมถึงไม่มีแฟนไงล่ะมีแล้วปวดหัวเปล่าๆ”
“ถึงคุณภาวินท์จะไม่มีแฟนแต่เดี๋ยวคุณท่านก็คงจะหาแฟนให้คุณภาวินท์เองแหละค่ะ”
“พี่สุอย่าพูดแบบนั้นสิผมยิ่งกลัวๆ อยู่”
“พี่พูดความจริงคุณภาวินท์พร้อมทุกอย่างแล้วพี่ว่าควรจะมีครอบครัวได้แล้ว ”
“ผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจเลย”
“เปิดใจหน่อยสิคะ ถ้าคุณภาวินท์ยังไม่คบหาใครเดี๋ยวคุณท่านก็ต้องหาผู้หญิงมาให้ พี่พูดแบบนี้พูดในฐานะคนที่รู้จักกับคุณมานานอย่าโกรธกันนะคะ”
“ผมไม่โกรธพี่สุหรอกครับพี่สุก็เหมือนพี่สาวของผมคนหนึ่ง”
“ถ้าไม่อยากให้คุณท่านหาแฟนให้จะให้พี่ช่วยหาก็ได้นะคะ”
“แม่ผมต้องให้พี่สุมาพูดเรื่องนี้กับผมแน่ๆ เลย ผมไม่อยากจะคุยกับพี่สุแล้วขอตัวก่อนนะครับ ว่าจะเข้าไปดูโครงการบ้านจัดสรรสักหน่อย”
“ทำไมเดี๋ยวนี้คุณภาวินท์ไปดูโครงการเองบ่อยจังคะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าแล้วโฆษิตล่ะคะ”
“เพลิงมีปัญหาทางบ้านนิดหน่อยนะผมเลยไปดูงานแทน”
“แบบนี้ก็คงเหนื่อยแย่ พี่ว่าคุณภาวินท์น่าจะหาผู้ช่วยสักคนเวลาออกไปดูไซต์งานจะได้ไม่ต้องขับรถเองให้เหนื่อย”
“ผมไม่อยากยุ่งยากนะครับพี่ ไปทำงานคนเดียวมันคล่องตัวกว่า อีกอย่างผมก็มีเลขาที่คอยรับงานอยู่ที่ออฟฟิศแล้วถ้ารับผู้ช่วยมาเพิ่มอีกก็เกรงว่าหน้าที่จะซ้ำซ้อนกัน”
“นั่นสิคะ พี่ก็ลืมคิดถึงข้อนี้ไปเลยถ้ายังไงคุณภาวินท์ก็หาเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ”
“ขอบคุณครับพี่สุ แต่พรุ่งนี้ก็เสาร์อาทิตย์แล้วผมคงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ว่าแต่พนักงานคนใหม่จะเข้ามาเริ่มงานได้ตอนไหนล่ะ”
“เธอจะเข้ามาวันจันทร์ค่ะ”
“เร็วอย่างงั้นเชียวเหรอครับ”
“ก็เธอว่างงานมาถึงสองเดือนแล้วนะ พี่สังเกตว่าเธอมีความกระตือรือร้นที่อยากจะเริ่มงาน”
“ผมหวังว่าคนที่รับเข้ามาใหม่จะช่วยงานพี่สุได้มากนะครับ”
“พี่เองก็หวังอย่างนั้นเหมือนกันพนักงานบัญชีที่ทำงานเก่งๆ มีความซื่อสัตย์และทำงานเข้าขากันได้ดีมันหายาก”
“ผมเห็นด้วยกับพี่นะครับ”
“พี่ยังนึกเสียดายอยู่เลยที่หญิงเขาลาออกไปแบบนั้น” สุกัญญาหมายถึงพนักงานชื่อหญิงที่ลาออกไปอย่างกะทันหันเพราะจะไปแต่งงานกับแฟนหนุ่มและย้ายตามไปทำงานที่ต่างจังหวัด
“มันก็ไม่แน่นะครับพี่สุบางทีพนักงานคนใหม่ที่พี่สุรับเข้ามาทำงานครั้งนี้จะทำงานได้ดีกว่าคนที่ลาออกไปก็ได้”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิเพราะพี่รู้สึกถูกชะตากับเธอมากๆ”
“ผมชักอยากจะรู้จักพนักงานคนใหม่แล้วสิ ถ้ายังไงมีโอกาสผมจะแวะไปที่แผนกนะ”
“ให้พี่พาเธอมาแนะนำให้คุณภาวินท์รู้จักดีไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าเธอมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น เอาไว้ผมจะแอบไปสังเกตเองก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะถ้ายังงั้นพี่ขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อคุยกับสุกัญญาเสร็จแล้วภาวินท์ก็ลงมายังลานจอดรถเขาขับรถไปดูโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่มีปัญหาเมื่อครั้งก่อนชายหนุ่มคุยกับโฟร์แมนอยู่พักใหญ่ก่อนจะเข้าไปนั่งพักในตู้คอนเทนเนอร์ที่ดัดแปลงเป็นออฟฟิศชั่วคราว
ภาวินท์ดูรายงานต่างๆ รวมถึงสรุปความคืบหน้าของการก่อสร้างแล้วสีหน้าก็เครียดเพราะโครงการล่าช้าไปกว่าที่คิดเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาฝนตกอย่างหนักทำให้การก่อสร้างทำได้อย่างไม่เต็มที่
ฤดูฝนถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของการทำงานลักษณะนี้แต่จะให้หยุดทำไปเลยมันก็เป็นไปได้ยากเพราะคนงานยังต้องกินต้องใช้จะให้หยุดอยู่บ้านเฉยๆ ระหว่างฤดูฝนก็คงเป็นไปไม่ได้
ชายหนุ่มตรวจเอกสารบางอย่างเสร็จจากนั้นเขาออกมาเดินดูคนงานและแวะคุยกับโฟร์แมนอีกเล็กน้อยก่อนจะขับรถออกมาจากโครงการ
ภาวินท์จอดรถที่หน้าก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมแต่ยังไม่ลงจากรถเพราะเขาจะรอเจอผู้หญิงคนเมื่อวานซึ่งเขาพลาดมากที่ไม่ได้ถามชื่อและขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงอยากจะเจอเธออีกครั้งบางทีอาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มกับดวงตากลมโตที่เห็นแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะลองทำความรู้จักเธอดู
ภาวินท์นั่งอยู่ในรถนานนับชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เห็นเธอมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะมาดักรอเจอเธออีกครั้งในวันอื่นเพราะตอนนี้เขาทั้งเหนื่อยและง่วงอยากจะพักผ่อนเต็มทีเนื่องจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาทำทั้งงานที่ออฟฟิศเลยขับรถมาดูไซต์งานก่อสร้างเกือบทุกวัน
เมื่อกลับมาถึงห้องก็พักอาบน้ำและเตรียมเข้านอนแต่ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นก็ยังอยู่ในความทรงจำ นานแล้วที่ภาวินท์ไม่เคย รู้สึกอยากจะทำความรู้จักกับใครมากๆ แบบนี้มาก่อน ถ้าจำไม่ผิดครั้งสุดท้ายที่ก็ตั้งแต่ตอนที่เรียนจบและเข้าทำงานใหม่ๆ
ผ่านมาตอนนี้ก็หลายปีแล้ว ภาวินท์รู้สึกว่าเธอมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เขาอยากทำความรู้จักมากขึ้นและเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ชายหนุ่มคิดว่าคงมีสักวันที่จะมีโอกาสได้เจอกับหญิงสาวอีกครั้งเพราะดูแล้วเธอน่าจะอาศัยอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น มันคงมีสักวันที่เธอออกมาทานก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม
เช้าวันจันทร์พิมพ์พริมาตื่นนอนตั้งแต่เช้าหญิงสาวนั่งรถเมล์มาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็นั่งรออยู่บริเวณโซนรับแขกของบริษัทเพื่อรอเวลาจะเข้าไปหาหัวหน้าแผนกบุคคล“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะว่าน”“สวัสดีค่ะพี่สุ” หญิงสาวยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายบัญชี“เข้าไปรอที่แผนกก่อนไหมล่ะ ฝ่ายบุคคลน่าจะยังไม่มาทำงานพี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับคนในแผนกก่อนจะไปทำเรื่องเอกสาร”“ได้ค่ะพี่สุ”หญิงสาวเดินตามสุกัญญาเข้ามาในแผนกซึ่งตอนนี้มีพนักงานคนหนึ่งมาทำงานก่อนหน้าเธอแล้วหนึ่งคน“กิ่งแก้วทำอะไรอยู่”“กิ่งกำลังหาไฟล์งานของปีที่แล้วอยู่น่ะ”“วางงานตรงหน้าก่อนได้ไหมสุมีพนักงานใหม่จะมาแนะนำให้รู้จัก” เมื่อหัวหน้าแผนกบอกแบบนั้นกิ่งแก้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มส่งยิ้มทักทายพนักงานใหม่“สวัสดีค่ะ” พิมพ์พริมายกมือไว้“ว่านคนนี้ชื่อกิ่งแก้วนะทำงานที่นี่มานานพอๆ กับพี่เลย”“สวัสดีค่ะพี่กิ่งแก้ว” หญิงสาวทักทายอีกครั้ง“สวัสดีจ้ะ เรียกพี่ว่ากิ่งก็ได้จ้ะ ยินดีต้อนรับสู่แผนกบัญชีของเรานะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง ยังไงว่านขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ พี่กิ่งสอนงานว่านด้วยนะคะ” หญิงสาวรีบฝากตัว“สุเล่าให้ฟังว่าว่านเคยท
สัปดาห์แรกของการทำงานผ่านไปได้ด้วยดีพิมพ์พริมารู้สึกมีความสุขมากกับที่ทำงานใหม่และเพื่อนร่วมงานใหม่ ช่วงแรกที่มาทำงานหญิงสาวเลิกงานในเวลาปกติคือห้าโมงเย็น แต่หัวหน้าแผนกก็แจ้งว่าช่วงปลายเดือนอาจจะต้องอยู่ทีโอทีและน่าจะเลิกงานประมาณเกือบสองทุ่ม ซึ่งพิมพ์พริมาคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย เพราะถึงจะเลิกงานเร็วเธอก็ต้องกลับไปเหงาอยู่คนเดียวที่ห้องวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์หญิงสาวออกจากบริษัทประมาณห้าโมงครึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลานั่งรถเมล์กลับหอพักเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะเย็นวันศุกร์ผู้โดยสารค่อนข้างมากกว่าปกติเธอกลับมาถึงห้องจัดการธุระส่วนตัวและนอนเล่นจนเผลอหลับและรู้สึกตัวตื่นอีกทีในเวลาเกือบจะสามทุ่มหญิงสาวรู้สึกหิวมากจึงเดินลงมาจากหอพักเพื่อไปยังบริเวณหน้าปากซอยซึ่งมีร้านอาหารอยู่หลายร้านที่เปิดจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำคนไม่มากเท่าไหร่ หลังจากสั่งเมนูโปรดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อและกลับมานั่งในจังหวะที่ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟพอดี“หายไปหลายวันเลยนอกใจพี่ไปกินร้านอื่นหรือเปล่า” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามลูกค้าประจำที่มักจะมารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่บ่อยๆ“ไม่ใช่หรอ
บ่ายวันเสาร์ภาวินท์ก็มาที่ร้านส้มตำตามเวลาที่นัดไว้ เขากำลังชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่พิมพ์พริมาจะมาที่ร้าน ขณะที่พนักงานในร้านก็มาถามว่าเขาจะสั่งอะไรบ้าง ชายหนุ่มลังเลถ้าหากเขาสั่งอาหารมาทานแล้วพิมพ์พริมาไม่มาตามนัด เขาก็น่าจะต้องทานคนเดียวซึ่งมันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะต้องนั่งรับประทานอาหารตามลำพัง“ผมขอโทรถามเพื่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยสั่งอาหาร” ชายหนุ่มบอกกับพนักงานของร้านจากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาหญิงสาวและรอสายอยู่นานแต่เธอก็ยังไม่ยอมรับ ภาวินท์เริ่มใจเสียเพราะคิดว่าพิมพ์พริมาจะเบี้ยวนัดเขาไลน์ไปหาเธอเพื่อถามว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหนและจะมาทานอาหารกับเขาหรือเปล่า แต่หญิงสาวก็ไม่อ่านข้อความ นั่นยิ่งทำให้ภาวินท์รู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะไปตามเธอที่หอพัก ขณะกำลังลุกจากเก้าอี้ก็เห็นเธอเดินเข้ามาในร้านพอดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ขอโทษนะคะพี่วินพอดีว่านคุยกับเพื่อนเพลินไปหน่อยเลยมาช้า”“แล้วเพื่อนอยู่ไหนล่ะ ไม่มากินกับเราเหรอ”“ว่านหมายถึงคุยโทรศัพท์ค่ะ พี่วินสั่งอาหารหรือยังคะ”“ยังเลยครับ พี่ไม่รู้ว่าว่านกินแบบไหน”“พี่วินล่ะกินเผ็ดได้ไหม”“ได้พอประมาณถ้าอย่างนั้นลองสั่
เมื่อเดินมาถึงห้องพักพิมพ์พริมาก็รีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องของตนเองกับภาวินท์ให้กับอรนลินฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนมาถึงการไปรับประทานส้มตำด้วยกันในวันนี้“นุ่นคิดว่าพี่วินอะไรเนี่ยเขาจะต้องกำลังจีบว่านอยู่แน่ๆ เลยนะ” อรนลินตั้งข้อสังเกต“ไม่หรอกมั้งนุ่น เราเพิ่งเจอกับพี่เขาได้แค่สามครั้งเอง”“ต่อให้เจอกันแค่ครั้งเดียวถ้าคนเขาจะจีบเขาก็จีบ เท่าที่นุ่นฟังนะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังจีบว่านแน่นอน”“แล้วว่านจะทำยังไงต่อล่ะนุ่น”“จะมาถามนุ่นได้ยังไงล่ะ ว่านก็ต้องถามตัวเองสิว่าเอายังไงต่อว่านรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง”“ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะ พี่วินก็แค่คนรู้จักคนหนึ่งเวลาคุยกับเขาก็เหมือนคุยกับเพื่อนกับพี่”“ใจไม่เต้นแรงเลยเหรอ”“ไม่นะ”“คุยกับเขาแล้วรู้สึกรำคาญหรือเบื่อบ้างไหมล่ะ”“ก็ไม่นะคุยกันได้เรื่อยๆ เจอกันแค่สามครั้งเองยังไม่รู้สึกเบื่อหรอก”“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้เขาโอกาสเขาดูสิแต่ถ้าคุยแล้วเริ่มเบื่อหรือคิดว่าไม่ใช่ก็ถอยออกมา นุ่นว่าว่านเลิกกับพี่ภัทรมานานแล้วนะ จะคุยกับผู้ชายคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือผิดอะไรเลย”“แค่คุยกันไม่กี่ครั้งเองว่านยังไม่อยากคิดอะไรม
ช่วงนี้ภาวินท์มักจะโทรศัพท์มาหาพิมพ์พริมาเป็นประจำในช่วงเวลาเย็น บางวันเขาก็โทรศัพท์มาหาเธอในเวลาสามทุ่มเพื่อชวนหญิงสาวลงไปทานก๋วยเตี๋ยวถึงแม้ว่าพิมพ์พริมาจะทานข้าวแล้วแต่หญิงสาวก็ลงไปนั่งเป็นเพื่อนเขา พอทานเสร็จเขาก็เดินมาส่งที่หอแต่หญิงสาวก็ไม่เคยชวนเขาขึ้นไปข้างบนและเขาเองก็ไม่เคยขอขึ้นไปบนนั้น เพราะชายหนุ่มเป็นแบบนี้พิมพ์พริมาเลยไม่รู้สึกอึดอัดที่จะคุยกับภาวินท์เลย ในทางตรงกันข้ามหญิงสาวกลับรู้สึกสบายใจมากเธอรู้สึกว่าการได้คุยกับเขาทุกวันมันทำให้เธอนั้นหายเหงาไปได้มากทีเดียว“คืนนี้พี่อาจจะไม่โทรหาว่านะ” ภาวินท์บอกกับหญิงสาวเมื่อเดินมาถึงหน้าหอพักของเธอหลังจากที่เขาทานก๋วยเตี๋ยวอิ่มแล้ว“ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบรับสั้นๆ“ว่านจะไม่ถามเหรอครับว่าทำไม”“พี่วินคะ คนเราก็ต้องมีธุระส่วนตัวกันบ้าง” หญิงสาวรู้ว่าบางครั้งก็ไม่จำเป็นจะต้องบอกกับคนอื่นทุกเรื่อง“ที่ไม่ถามเพราะว่ารำคาญที่พี่โทรมาทุกวันใช่ไหม”“พี่วินก็ขี้น้อยใจเหมือนกันนะคะ ว่านไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกค่ะ”“ไม่รำคาญจริงๆ ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง“ทำไมถึงคิดว่าว่านจะรำคาญเหรอคะ”“ก็พี่โทรหาว่านก็ถามแต่คำถามเดิมๆ กินข้าวหรือยังทำงา
แม้ว่าเมื่อคืนจะออกไปดื่มกับเพื่อนจนดึกแต่วันนี้ภาวินท์ก็ตื่นแต่เช้าเขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปดูหนังกับพิมพ์พริมาชายหนุ่มลงไปออกกำลังกายจากนั้นก็ขึ้นมาบนห้องแล้วเอาอาหารแช่แข็งที่อยู่ในตู้อุ่นเพื่อรับประทานก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวรอเวลาที่จะไปรับหญิงสาวที่หอพักเขานัดเธอไว้ประมาณเที่ยงซึ่งตอนนี้ก็เพิ่งจะสิบโมงเช้า ชายหนุ่มหยิบแท็บเล็ตตรงหน้าขึ้นมาทำงานเพื่อฆ่าเวลาแต่ยังอ่านรายงานการประชุมไปไม่ถึงไหนเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อนเมื่อเห็นว่าคนที่โทรศัพท์มาคือพิมพ์พริมาเขาก็กดรับสายทันที“สวัสดีครับว่านจะเปลี่ยนเวลาให้พี่ไปรับตอนนี้ใช่หรือเปล่า”“เปล่าค่ะพี่วิน ว่านจะโทรมาขอโทษพี่วิน” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทำให้คนฟังก็ใจเสีย“ขอโทษพี่เรื่องอะไร”“ว่านคงไปดูหนังกับพี่วินไม่ได้แล้วค่ะ”“อ้าวทำไมล่ะ เป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่าครับ”“น้าสาวของว่านโทรมาหาเมื่อกี้บอกว่าตอนนี้แม่เข้าห้องผ่าตัดอยู่ค่ะ”“แล้วแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า”“น้าบอกว่าว่าเป็นไส้ติ่งค่ะ หมอกำลังผ่าตัดอยู่ว่านคงต้องกลับไปหาแม่”“แล้วว่านจะไปยังไงครับ” เขาถามอย่างร้อนใจ“ขับรถไปเองค่ะ ขอโทษพี่วินด้วยนะคะเรื่
หลังจากรับประทานอาหารแล้วพิมพ์พริมาก็ซื้อผลไม้และขนมอีกหลายอย่างขึ้นไปให้มารดากับคุณป้าและคุณน้าบนห้อง ส่วนภาวินท์หลังจากส่งหญิงสาวที่โรงพยาบาลแล้วเขาก็ขับรถหาโรงแรมเพื่อเข้าพัก เสร็จเรียบร้อยก็อาบน้ำแต่งตัวก่อนจะกลับไปเยี่ยมมารดาของพิมพ์พริมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง“ว่านนึกว่าพี่วินจะพักผ่อนอยู่ห้องเสียอีกค่ะ” หญิงสาวถามเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาในห้องพักซึ่งตอนนี้เหลือแค่เธอกับมารดากำลังคุยกันเนื่องจากคุณป้าและคุณน้ากลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้ว“อยู่ห้องก็ไม่รู้จะทำอะไรครับ คุณแม่กับว่านอยากได้อะไรเพิ่มไหมหรือจะทานอะไรไหม ผมจะได้ไปซื้อให้”“ขอบใจจ้ะ แต่แม่มีอาหารของโรงพยาบาลแล้วนะ ว่านล่ะเย็นนี้หนูจะกินอะไร”“ว่านยังไม่หิวเลยค่ะ เพิ่งกินข้าวเที่ยวไปเมื่อกี้นี้เอง”“ของใช้ส่วนตัวล่ะลูกเอามาครบไหม”“คิดว่าครบค่ะ แล้วของแม่ล่ะคะมีอะไรอยากได้เพิ่มไหม”“ทางโรงพยาบาลเตรียมให้หมดแล้วจ้ะ แต่ว่าจะไม่หิวตอนดึกใช่ไหมลูก” คุณพิมพ์พรถามเพราะรู้ว่าลูกสาวชอบทานเวลาดึก“ก็ไม่แน่เหมือนกันค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นว่านไปซื้อมาไว้ก่อนดีไหม แม่กลัวว่าดึกๆ ร้านจะปิดกันหมด”“ถ้าว่านไม่อยากไปเดี๋ยวพี่ไปซื้อพวกแซนด์วิชกับขนม
พิมพ์พริมาซื้อราดหน้าจากร้านหน้าโรงพยาบาลขึ้นมาจากนั้นหญิงสาวก็รับประทานกับภาวินท์จนอิ่มก็คุยกันต่อจนกระทั่งสองทุ่ม ชายหนุ่มก็ขอตัวกลับเพราะอยากจะให้มารดาของหญิงสาวได้พักผ่อน“ผมไปก่อนนะครับแม่แล้วพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมแต่เช้า”“ไม่ต้องรีบมาแต่เช้าก็ได้วันนี้ก็ขับรถเหนื่อยแล้วพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ พรุ่งนี้จะต้องขับรถกลับอีก”“ใช่ค่ะพี่วินว่านไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หมอจะให้คุณแม่กลับบ้านตอนกี่โมง”“ถ้าหมออนุญาตให้กลับบ้านแล้วพี่ยังไม่มาว่านก็โทรศัพท์ตามพี่นะ พี่จะได้พาไปส่งที่บ้านได้”“ค่ะพี่วิน”“ผมไปก่อนนะครับแม่พักผ่อนเยอะๆ นะครับ”“จ้ะ ขอบใจมากนะวิน”“ว่านลงไปส่งไหมคะ”“ไม่เป็นไรครับว่านอยู่กับแม่เถอะพี่ไปคนเดียวได้ พี่ไปก่อนมีอะไรก็โทรหาพี่นะ”“ค่ะขอบคุณมากค่ะพี่วิน”เมื่อภาวินท์กลับออกไปแล้วพิมพ์พริมาก็อาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดเป็นกางเกงวอร์มกับเสื้อยืดก่อนจะขึ้นมานั่งบนเตียงกับมารดาซึ่งกำลังดูทีวีอยู่“แม่ยังเจ็บแผลอยู่ไหม”“ไม่เลยจ้ะไม่บอกแล้วว่าแผลมันเล็กมากๆ ว่านจะไปนอนพักผ่อนก็ได้นะวันนี้เดินทางมาก็น่าจะเหนื่อย”“ไม่เหนื่อยเลยค่ะแม่ว่านแอบงีบหลับมาบนรถด้วยซ้ำ”“ได้ยังไงล่ะว่าน ปล่อยให้พ
เรื่องที่พิมพ์พริมากับภาวินท์คบหาเป็นแฟนกันมีคนรู้ไม่มากเท่าไหร่ แม้ว่าทั้งสองจะมาทำงานตั้งแต่เช้าและกลับคอนโดมิเนียมพร้อมกันในตอนเย็น แต่เรื่องมันก็ยังคงเป็นความลับเนื่องจากพิมพ์พริมาไม่เคยแสดงตัวว่าตนเองเป็นแฟนของเจ้าของบริษัทและขณะอยู่ที่บริษัทภาวินท์ก็พยายามวางตัวไม่เดินมาหาคนรักในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากกลัวว่าหญิงสาวจะอึดอัดแต่หลังจากกำหนดการแต่งงานและการ์ดแต่งงานถูกแจกออกไปตามแผนกต่างๆ ทุกคนก็รู้ความจริงสายตาที่มองพิมพ์พริมาของบางคนเปลี่ยนไปแต่บางคนก็ยังคงมองเธออย่างเดิม หญิงสาวเองก็วางตัวดีเคยพูดคุยทักทายหรือไหว้ใครก็ทำแบบนั้นตลอดมัน เลยทำให้คนอื่นยอมรับมากขึ้นหลังจากหญิงสาวเข้าทำงานในบริษัทได้ครบหนึ่งปีทั้งสองก็แต่งงานกันงานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่จังหวัดพิจิตรภาวินท์และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวรวมถึงญาติสนิทไปร่วมงานกันที่นั่นก่อนจะกลับมาฉลองพิธีมงคลสมรสที่กรุงเทพซึ่งจัดค่อนข้างใหญ่เพราะภาวินท์อยากให้พนักงานทุกคนได้เข้าร่วมและถือโอกาสเลี้ยงทุกคนไปในตัว“เหนื่อยไหมว่าน” เขาถามหลังจากที่อยู่กันตามลำพังในห้องสวีทของโรงแรม“เหนื่อยมากค่ะ แต่ก็มีความสุขมากๆ ด้วย”“พี่ก็มีความสุขมากเห
เมื่อได้คุยกับหัวหน้าแล้วพิมพ์พริมาก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ยังมีอีกสองด่านที่เธอจะต้องผ่านให้ได้ก็คือการบอกกับนารีรัตน์และพี่กิ่งแก้ว สำหรับพี่กิ่งแก้วหญิงสาวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาส่วนนารีรัตน์นั้นต้องค่อยๆ พูด แต่เท่าที่ได้รู้จักกันมาประมาณสามเดือนก็พอจะรู้ว่านารีรัตน์เป็นคนที่พูดเยอะ แต่จิตใจค่อนข้างดี ถ้าหากมีเหตุผลที่ดีพอเธอเชื่อเหลือเกินว่านารีรัตน์จะต้องไม่โกรธที่เธอปิดบังแบบนี้ในบ่ายวันหนึ่งพิมพ์พริมาได้มีโอกาสออกไปวางบิลกับพี่กิ่งแก้วเลยถือโอกาสนี้บอกพี่กิ่งแก้วว่าตนเองกำลังคบหาอยู่กับภาวินท์ เธอตกใจมากเพราะไม่คิดว่าคนใกล้ตัวของตัวเองคือผู้หญิงผู้โชคดีที่ทุกคนพูดถึงมาตลอดหลายวันนี้“พี่กิ่งไม่โกรธว่านใช่ไหมคะ ที่ว่านปิดบังความจริงมานานหลายเดือน”“พี่ไม่โกรธหรอกจ้ะ พี่เข้าใจดีเพราะถ้าหากเป็นพี่ก็ไม่กล้าบอกทุกคนตอนที่ตัวเองยังไม่ผ่านการทดลองงานหรอกเพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ลำบากใจน่าจะเป็นพี่สุมากกว่า”“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธและยังเข้าใจว่าน ที่ว่านบอกพี่แบบนี้ไม่ใช่อยากจะอวดว่าตัวเองเป็นแฟนเจ้าของบริษัทแต่ที่บอกเพราะไม่อยากจะปิดบังค่ะ ว่านอยากให้พี่มองว่าว่านเป็นน้องสาวและเพื่อนร่วม
เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินมาหาสุกัญญาที่โต๊ะทำงาน“หาเก้าอี้มานั่งก่อนสิว่าน”พิมพ์พริมาลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมาข้างโต๊ะทำงานของสุกัญญาก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเรื่องนี้ยังไง“มีอะไรจะพูดกับพี่ ท่าทางเครียดเลยนะ”“พี่สุคะ ที่นี่มีกฎว่าถ้าจะคบใครก็ต้องเปิดเผยใช่ไหมคะห้ามแอบคบหากันใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ ว่านถามแบบนี้หมายถึงว่านกำลังคบใครในบริษัทอยู่หรือเปล่า”“ใช่ค่ะ แต่ว่านไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะบอกคนอื่นดีไหม”“ทำไมล่ะหรือคนที่คบอยู่เขาไม่อยากให้ว่านบอกคนอื่น”“เขาให้บอกได้ค่ะแต่ว่านกลัวว่าบอกไปแล้วมันจะไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ว่านกลัวมันจะกระทบกับการทำงานและเพื่อนร่วมงานแต่ถ้าว่านไม่บอกแล้วมีคนมารู้ทีหลังก็กลัวจะเกิดปัญหา อีกอย่างว่านก็ไม่ค่อยอยากจะปิดบังเพื่อนร่วมงานเท่าไหร่แต่ จ่ๆ จะให้พูดออกไปตรงมันก็ดูไม่ดี”“ว่านกำลังจะพูดอะไรเหรอ พี่ตามไม่ทันเลย”“ก่อนที่ว่าจะบอกว่ากำลังคบกับใครว่านขอถามพี่สุหน่อยได้ไหม”“ได้สิ”“เรื่องการประเมินงานของว่านที่สุพิจารณาจากอะไรคะ”“ก็พิจารณาจากการทำงานไงล่ะ แล้วก็การทำงานเป็นทีมรวมถึงการมาทำงานตรงเวลา ทำไมว่านถามพี่แ
“ดีใจด้วยนะว่านดีใจเรื่องอะไรคะพี่สุ” พิมพ์พริมาหันไปถามหัวหน้าที่เดินยิ้มเข้ามาแต่ไกล“ลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้ว่านทำงานที่นี่สามเดือนแล้วนะ และผลการประเมินมันก็ออกมาแล้ว”“ว่านผ่านใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามด้วยความดีใจเพราะเห็นสีหน้าของพี่สุกัญญาก็พอจะเดาออก“ใช่จ้ะผ่านแล้วเดี๋ยวเคลียร์งานข้างหน้าเสร็จ ก็ไปเปลี่ยนบัตรพนักงานที่แผนกบุคคลนะอาจจะต้องเซ็นสัญญาบางอย่างเพิ่มเติมก่อนเซ็นก็ดูให้ดีๆ ล่ะ”“ค่ะพี่สุ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็รีบทำงานตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย“พี่สุคะว่านขอไปแผนกบุคคลก่อนนะคะ”พิมพ์พริมาเดินไปที่แผนกบุคคลอย่างมีความสุขเพราะเธอเองก็ลุ้นมาหลายวันแล้วว่าตนเองจะผ่านการทดลองงานไหม“สวัสดีค่ะพี่จิตรา”“สวัสดีจ้ะว่านพี่ดีใจด้วยนะผ่านการทดลองงานแล้ว นี่ก็เป็นรายละเอียดและสัญญาของพนักงานประจำจ้ะว่านอ่านก่อนเซ็นนะ”“ค่ะพี่จิตรา” หญิงสาวนั่งอ่านสัญญาการทำงานซึ่งไม่ได้แตกต่างจากบริษัทเดิมมากนักเมื่ออ่านอย่างละเอียดและทำความเข้าใจและดูว่าไม่มีตรงไหนที่ตัวเองจะถูกเอาเปรียบก็รีบเซ็นชื่อลงไปในนั้น“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่จิตรา ถ้ายังงั้นว่านขอไปทำงานที่แผนกนะคะ”“ได้จ้ะ
การเจรจากับมารดาของพิมพ์พริมาและญาติของเธอผ่านไปได้ด้วยดี มารดาของหญิงสาวยอมให้ภาวินท์หมั้นหมายกับพิมพ์พริมาไว้ก่อน ส่วนงานแต่งงานนั้นจะตามมาหลังจากครบหนึ่งปีหลังจากทั้งสองได้คบหากันอย่างจริงจังคุณพิมพ์พรมารดาของพิมพ์พริมารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอรุ่นพี่อีกครั้ง เธอยังจำคำพูดของคุณวสันต์บิดาของภาวินท์ในอดีตได้ดี ว่าถ้าหากพิมพ์พริมาโตขึ้นก็อยากให้หมั้นหมายกับลูกชายของตนเพื่อจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ซึ่งไม่คิดเลยว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นจริงได้แต่สิ่งที่พิมพ์พริมายังกังวลอยู่ตอนนี้ก็คือสถานะของตนเองในบริษัทเพราะยังต้องคอยหลบซ่อนสายตาของคนอื่นๆ และปกปิดเรื่องที่ตนเองกับภาวินท์คบหากันไว้ให้ได้นานที่สุด ช่วงนี้ชายหนุ่มมักจะแวะมาแผนกบัญชีบ่อยๆ บางครั้งก็มักจะสั่งอาหารมาให้พนักงานทุกคนในบริษัทซึ่งพิมพ์พริมารู้ดีว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะเธออยากให้เธอได้ทานของอร่อยๆ“พี่วินคะว่านว่าพี่วินไม่ต้องเลี้ยงอาหารพนักงานทุกคนในบริษัทก็ได้นะคะว่านเกรงใจพี่วิน”“พี่ก็ไม่ได้เลี้ยงทุกวันสักหน่อย”“แต่พี่วินเลี้ยงทุกอาทิตย์เลยนะคะ ว่านถามพี่สุแล้วแต่ก่อนพี่วินไม่ได้เลี้ยงบ่อยแบบนี้ แล้วอาหารแต่ละอย่างก็ไม่ใช่ถู
พิมพ์พริมาหอบเหนื่อยอย่างหนักช่องทางรักของหญิงสาวบีบรัดแท่งร้อนแรงและถี่ไปตามสัญชาตญาณที่ไม่อาจคุมได้ภาวินท์เองก็ปวดร้าวไปทั่วท่อนเอ็นแต่ต้องพยายามข่มอารมณ์ของตนเองไว้ให้นานที่สุดเพราะอยากมอบความสุขให้กับคนรักอย่างเต็มที่“อ่าห์....ว่านจ๋าครั้งนี้เสร็จแรงมากรัดพี่จะขาดอยู่แล้ว”“พี่วินขา...”“ดีไหมว่าน ชอบไหม”“พี่วิน....เสียวอีกแล้วว่านเสียวอีกแล้ว...อ่ะ...อื้อ...”เสียงหวานเรียกอย่างคนละเมอความเสียวพุ่งสูงอีกครั้ง ภาวินท์จับขาข้างหนึ่งพาดไปบนบ่าและตอกสะโพกเข้าหาอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง“สุดยอดมากว่าน เอามันที่สุดเลยที่รัก ใกล้แล้วใช่ไหม ตอดพี่แรงแบบนี้ พี่ชอบจัง อ่าห์เสียวมากที่รัก....อ่าห์....พี่เสียวมาก”เสียงภาวินท์แหบพร่าแรงตอดรัดกำลังทำให้เขาเสียวมากขึ้นและอีกไม่นานก็คงจะถึงขอบสวรรค์“อื้อ....พี่วินขา....ว่านจะไม่ไหวแล้วนะคะ ว่านเสียว....”เสียงเธอหอบกระชั้นชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองก็กำลังจะแตะขอบสวรรค์ ความเป็นสาวของเธอบีบรัดจนเขาแทบจะขาดใจ ไม่คิดเลยว่าความสุขจะมากมายถึงเพียงนี้สะโพกสอบถาโถมแรงขึ้นเร็วขึ้นจนคนรักเกร็งสะท้านกรีดร้องอีกครั้งชายหนุ่มกระแทกกร
เมื่อกลับถึงคอนโดมิเนียมทั้งสองคนก็รีบรับประทานอาหารด้วยความหิวก่อนจะอาบน้ำและมานั่งดูทีวีด้วยกันในห้องรับแขก“พี่วินคะพรุ่งนี้เราจะไปบ้านว่านกันจริงๆ ใช่ไหม”“จริงสิพี่จองตั๋วเครื่องบินไว้แล้วนะ”การเดินทางไปพิจิตรครั้งนี้ชายหนุ่มจะไปกับบิดามารดาเขาเลยเลือกที่จะนั่งเครื่องบินไปลงที่จังหวัดพิษณุโลกจากนั้นก็เช่ารถจากที่นั่นขับรถไปพิจิตรเพราะจะใช้เวลาน้อยกว่าการขับรถไปจากกรุงเทพ อีกอย่างเขาก็ไม่อยากให้บิดามารดาของตนเองนั่งรถนาน“เราจะไปกันกี่โมงคะพี่วิน” เพราะเขาเป็นคนจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินทั้งหมดหญิงสาวเลยไม่แน่ว่าจะออกเดินทางกี่โมง“ไปเที่ยวบ่ายโมงครับ ไปถึงพิษณุโลกพ่อกับแม่พี่จะแวะไหว้พระก่อนแล้วค่อยเดินทางไปพิจิตร”“พ่อกับแม่พี่จะค้างที่นั่นกี่คืนคะ”“หนึ่งคืนครับ ท่านจะเดินทางกลับบ่ายวันอาทิตย์ส่วนว่านกับพี่จะกลับวันจันทร์ตอนบ่าย ว่านจะได้อยู่กับแม่สองคืนดีไหม”“ดีค่ะขอบคุณพี่วินมากเลยนะคะ ว่านคืนนี้เรารีบนอนกันเถอะค่ะพรุ่งนี้จะได้รีบเดินทาง”“พี่ก็บอกแล้วว่าเดินทางบ่ายโมงเราตื่นสายหน่อยก็ได้จากนั้นก็ไปเอากระเป๋าที่หอพักว่านแล้วก็ไปรับพ่อกับแม่เหลือเวลาอีกเยอะเพราะฉะนั้นคืนนี้ไ
วันนี้เป็นช่วงวันศุกร์ปลายเดือนพนักงานแผนกอื่นๆ ก็เลิกงานกลับบ้านกันไปแล้วยังเหลือแค่แผนกบัญชีที่กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นเพราะจะต้องรีบเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนระหว่างที่ทำงานกันอยู่ภาวินท์ที่เลิกงานช้ากว่าทุกวันก็เดินมายังแผนกบัญชีเพื่อทักทายกับพนักงานทุกคน“คุณภาวินท์ยังไม่กลับเหรอคะ” กิ่งแก้วที่เห็นเจ้านายหนุ่มก็รีบทักทาย“ผมเห็นว่ายังเปิดไฟอยู่ก็เลยเดินมาดูน่ะ สิ้นเดือนแบบนี้ทำงานหนักกันหน่อยนะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพวกเราอยากเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จเพราะรู้ว่าพนักงานทุกคนก็อยากจะได้เงินเดือนตรงเวลา” สุกัญญาตอบเจ้านายส่วนพิมพ์พริมาและนารีรัตน์นั่งก้มหน้าทำงานอยู่“ว่านมานี่หน่อยสิ” เธอเรียกให้หญิงสาวที่ยังไม่เคยเจอกับเจ้านายให้ลุกมา“ค่ะพี่สุ”“พี่จะแนะนำให้รู้จักนี่คุณภาวินท์เจ้าของบริษัทของเรา”“สวัสดีค่ะคุณภาวินท์” หญิงสาวยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าแต่ไม่กล้าสบตาเพราะกลัวจะผิดสังเกต“มาทำงานที่นี่นานแล้วเหรอ”เขาถามแล้วแอบยิ้มที่มุมปาก“เกือบจะหนึ่งเดือนแล้วค่ะคุณภาวินท์”“เป็นไงบ้างล่ะได้ข่าวว่าเคยทำงานที่บริษัทใหญ่มาก่อนมาทำงานบริษัทเล็กแบบนี้ปรับตัวได้มั๊ย”“ได้ค่ะ ไม
การกลับมาทำงานอีกครั้งในเช้าวันอังคารทำให้พิมพ์พริมารู้สึกตื่นเต้นและระแวงเป็นอย่างมากเธอกลัวจะเจอกับภาวินท์ในที่ทำงานและจะแสดงพิรุธออกมาทำให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอและซีอีโอหนุ่มพิมพ์พริมารู้ว่าการเก็บความลับในเรื่องนี้มันค่อนข้างยากแต่ก็จะพยายามทำให้ได้เพราะไม่อยากให้ใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับภาวินท์ หญิงสาวกลัวว่ามันอาจจะมีผลกับการประเมินในช่วงทดลองงานอีกทั้งคนอื่นก็คงจะคิดว่าที่เธอได้เข้ามาทำงานที่นี่เพราะใช้เส้นสายของภาวินท์แม้จะรู้ดีว่าความจริงคืออะไรแต่บางครั้งก็ยากที่จะห้ามเสียงนินทาของคนอื่น“สาวๆ จ๊ะ วันนี้ตอนกลางวันไม่ต้องลงไปกินข้าวข้างล่างนะ” สุกัญญาหัวหน้าแผนกเดินมาบอกกับลูกน้องอีกสามคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่“ทำไมล่ะคะพี่สุหรือว่าวันนี้พี่สุใจดีซื้ออาหารมาเลี้ยงพวกเราคะ” นารีรัตน์ถามหัวหน้าด้วยความสงสัยเพราะปกติแล้วตอนกลางวันแบบนี้ทุกคนจะแยกย้ายกันลงไปรับประทานอาหารก่อนจะกลับขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถึงเวลาทำงานในช่วงบ่าย“มีคนใจดีเลี้ยงอาหารพวกเราน่ะ แต่ไม่ใช่พี่หรอกนะ”“ใครเหรอคะพี่สุ” พิมพ์พริมาถามบ้างเพราะตั้งแต่มาทำงานที่นี่ก็ไม่เห็นจะมีการเลี้ยงอาหารกลางวันแบบ