เวลาเที่ยงครึ่งพิมพ์พริมาก็เดินทางมาถึงตึกสูงแห่งหนึ่งเมื่อแจ้งกับประชาสัมพันธ์ด้านล่างตึกแล้วเขาก็ให้เธอขึ้นไปยังชั้นเก้าซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่น
ในการมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ทางบริษัทเรียกแค่พิมพ์พริมาคนเดียว เพราะตอนนี้พนักงานบัญชีคนเดิมลาออกอย่างกะทันหันทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลง ส่วนตำแหน่งอื่นตามที่ประกาศรับสมัครนั้นต้องรอให้ถึงวันหมดเขตแล้วจึงนัดให้มาสัมภาษณ์
คนที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้คือหัวหน้าแผนกบัญชีชื่อสุกัญญาซึ่งทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
คำถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกความรู้ทั่วไป การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทัศนคติในกาทำงานร่วมกันเป็นทีมรวมถึงความคิดเห็นส่วนตัวถ้าหากถูกเรียกมาทำงานในวันหยุดหรือต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับพิมพ์พริมาเลย
“ตกลงพี่รับว่านเขาทำงานเลยก็แล้วกันนะ พร้อมจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสุกัญญาหัวหน้าแผนกบัญชีบอกกับพิมพ์พริมาหลังจากคุยกันมาสักพัก
“วันจันทร์นี้ก็ได้ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบด้วยความมั่นใจเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวันและคิดว่าการร่วมงานวันจันทร์น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
“เริ่มงานได้เร็วกว่าที่พี่คิดไว้นะ แต่ก็ดีเพราะตอนนี้ที่แผนกก็ค่อนข้างจะยุ่งมาก”
“ค่ะพี่สุ”
“ตกลงวันจันทร์ว่านมาถึงก็เข้าไปขอบัตรประจำตัวและรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลก่อน จากนั้นก็ไปหาพี่ที่แผนกบัญชีนะ”
“ค่ะพี่สุ ขอบคุณนะคะที่รับว่านเข้าทำงาน”
“พี่เห็นประวัติการทำงานของว่านแล้วนะ ว่านเคยทำงานในบริษัทใหญ่มาก่อนการมาทำงานที่นี่ก็คงช่วยงานพี่ได้มาก”
“ว่านต่างหากที่ต้องขอคำแนะนำจากพี่ค่ะ ประสบการณ์ของว่านมันน้อยมากเมื่อเทียบกับพี่”
“พี่ก็ไม่รู้จะแนะนำว่านได้มากแค่ไหน เอาเป็นว่าเรามาช่วยกันทำงานดีกว่านะ”
“ค่ะพี่สุ”
“แต่ก่อนที่เราจะร่วมงานกันพี่ขอถามได้ไหมว่าทำไมว่านถึงลาออกจากบริษัทใหญ่ขนาดนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” สุกัญญาถามลูกน้องคนใหม่ แต่เรื่องนี้เธอไปสืบมาแล้วว่าที่พิมพ์พริมาลาออกจากงานนั้นไม่ใช่เพราะเรื่องงานเลย แต่เป็นเพราะเธอมีปัญหากับแฟนหนุ่มและไม่อยากจะทำงานในบริษัทเดียวกันก็เท่านั้น แต่ที่ต้องถามพิมพ์พริมาอีกครั้งก็เพราะอยากจะฟังคำตอบจากปากของเธอว่าจะตอบตรงกับเรื่องไปสืบมาหรือเปล่า
“ที่ว่านลาออกจากบริษัทเดิมว่านไม่มีปัญหาเรื่องงานหรอกค่ะแต่ว่านมีปัญหากับคนมากกว่า” หญิงสาวตอบไปตามความจริงเพราะถ้าจะร่วมงานกันเธอก็ไม่อยากจะปกปิดอะไร
“หมายถึงทะเลาะกับคนในแผนกเหรอ” สุกัญญาแกล้งถามต่อ
“เปล่าหรอกค่ะ ว่านไม่ได้ทะเลาะกับใครในแผนกแต่ว่านมีปัญหากับแฟนเก่าค่ะ แฟนเก่าของว่านกับแฟนใหม่ของเขาทำงานอยู่ที่นั่นว่านไม่อยากเจอพวกเขาก็เลยตัดสินใจลาออกค่ะ”
“แค่นั้นใช่มั้ยไม่ได้มีปัญหาอื่นแน่นะ”
“แน่ค่ะพี่สุ ว่านไม่มีปัญหากับใครในบริษัทเลยพี่สุจะโทรไปถามฝ่ายบุคคลที่นั่นก็ได้นะคะ การลาออกของว่านจะเรียกว่าการลาออกเพราะอกหักค่ะ”
“แล้วตอนนี้ทำใจเรื่องนั้นได้แล้วใช่ไหม”
“ทำใจได้แล้วค่ะ ว่านถึงมาสมัครงานและคิดว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะ”
“พี่ดีใจด้วยที่คิดได้และจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ การทำงานมันแสดงถึงความมีคุณค่าในตัวเอง ถ้าเรามีความรู้มีความสามารถมีงานทำเลี้ยงดูตัวเองได้บางครั้งผู้ชายก็ไม่จำเป็นสำหรับชีวิตหรอกนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่สุ ว่านก็คิดแบบพี่สุ แต่อาจจะคิดช้าไปหน่อยเลยปล่อยให้ตัวเองว่างงานเกือบสองเดือน”
“แต่ก็ถือว่าดีแล้วที่รู้ใจตนเองและกลับมารักตัวเอง มาเริ่มทำงานอีกครั้ง”
“ค่ะพี่สุ ว่านคิดว่าคงไม่มีใครรักเราเท่ากับตัวเราหรอกค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูแล้วไม่หลงเหลือความเศร้าสักนิด
สุกัญญารู้สึกถูกชะตากับลูกน้องคนใหม่เป็นอย่างมากเพราะเรื่องที่เธอตอบมันเป็นความจริงทั้งหมด อีกครั้งหญิงสาวยังตอบด้วยท่าทางที่มั่นใจไม่มีอะไรปิดบังมันเลยทำให้เธอคิดว่าจะทำงานกับพิมพ์พริมาได้เป็นอย่างดี
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นวันนี้ว่านกลับไปก่อนนะ แล้วเจอกันวันจันทร์”
“ได้ค่ะพี่สุ ว่านขอบคุณอีกครั้งนะคะที่พี่สุให้โอกาสว่านได้กลับมาทำงาน”
เมื่อบอกลาหัวหน้าแผนกบัญชีแล้วพิมพ์พริมาก็นั่งรถเมล์ กลับมายังห้องพักซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงสิบนาทีเท่านั้นแต่เธอไม่รู้ว่าในวันทำงานปกติอาจจะต้องเผื่อเวลาไว้ซักครึ่งชั่วโมงเพราะรถน่าจะติดและคนใช้บริการรถเมล์ก็น่าจะมากกว่าเวลาบ่ายแบบนี้
หญิงสาวรีบโทรศัพท์ไปหาอรนลินเพื่อนรักเพื่อบอกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะเริ่มงานในวันจันทร์หน้า
“ดีใจด้วยนะว่าน ไปสมัครงานเมื่อวานแต่บริษัทรับเข้าทำงานวันนี้ว่านโชคดีมากๆ เลย”
“ว่านก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะรับเข้าทำงานเร็วขนาดนี้”
“เขาบอกเหตุผลหรือเปล่า”
“เขาบอกว่าพนักงานบัญชีคนเก่าลาออกกะทันหันก็เลยอยากได้คนที่พร้อมจะเริ่มงานเลย”
“อย่างนี้เราต้องฉลองกันดีไหม”
“ดีสิ แต่นุ่นจะว่างเหรอ”
“ว่างสิ ตอนนี้ว่านอยู่ไหนเหรอ”
“เพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อกี้ นุ่นล่ะ”
“นุ่นออกมาเจอลูกค้าแถวหอพักของว่านพอดี เดี๋ยวนุ่นแวะรับนะแล้วเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีไหม”
“ไม่ต้องกลับไปทำงานต่อเหรอ”
“ไม่หรอกบ่ายวันศุกร์แบบนี้ใครเขากลับเข้าไปทำงานกันล่ะว่าน ให้นุ่นไปรับนะ”อรนลินพูดแล้วหัวเราะเพราะบริษัทที่เธอทำอยู่เป็นบริษัทของครอบครัวการจะเลิกงานก่อนเวลามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
“ได้สินุ่นอยากกินอะไรเดี๋ยวว่านเลี้ยงเอง”
“ได้ยังไงล่ะนุ่นต้องเป็นคนเลี้ยงฉลองให้กับว่านสิเพราะว่านเพิ่งได้งานอยากกินอะไรล่ะว่ามา ชาบูปิ้งย่างดีไหมหรือจะเลือกเป็นส้มตำแซ่บๆ”
“ขอเป็นส้มตำแซ่บๆ ดีกว่านะกินร้านหน้าปากซอยดีไหม”
“อือ”
“งั้นว่านลงไปสั่งไว้รอนะพอนุ่นมาถึงจะได้กินพอดี ว่าแต่อีกนานไหมกว่าจะมาถึง”
“ประมาณยี่สิบนาที”
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวว่านลงไปสั่งไว้รอนะ นุ่นจอดรถที่หน้าร้านได้เลยไม่ต้องเข้ามาที่หอ”
“สั่งเยอะๆ นะว่านตอนนี้นุ่นหิวมากเลย”
“ได้สิ รีบมานะ”
เมื่อวางสายจากอรนลินแล้วหญิงสาวก็รีบไปยังร้านส้มตำที่อยู่หน้าปากซอย เธอสั่งเมนูที่ชอบรับประทานกันเป็นประจำ รอไม่นานนักรถของอรนลินก็มาจอดที่หน้าร้าน
คุณสุกัญญาแจ้งเรื่องรับพนักงานใหม่ไปยังแผนกบุคคลเพื่อจัดเตรียมเอกสารและสัญญาต่างๆ ไว้รอหญิงสาวที่จะมาทำงานในวันจันทร์ หลังจากคุยกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลเสร็จแล้วเธอก็เดินกลับมาจากแผนกระหว่างนั้นก็เจอกับภาวินท์เจ้าของบริษัทที่ออกจากห้องประชุมมาพอดี“สวัสดีค่ะคุณภาวินท์”“สวัสดีครับพี่สุ เรื่องรับพนักงานฝ่ายบัญชีเป็นยังไงบ้าง” เขาเรียกสุกัญญาด้วยความสนิทสนมเพราะเธอเป็นพนักงานสิบคนแรกที่เขารับเข้ามาทำงานตั้งแต่เปิดบริษัท ชายหนุ่มนับถือสุกัญญาเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง“สุเรียกเข้ามาคุยวันนี้แล้วค่ะ”“แล้วเป็นยังไงบ้างครับถูกใจพี่สุหรือเปล่า”“พี่ว่าเด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้เลยนะคะเธอเคยทำงานในบริษัทXXXมาก่อน” สุกัญญาบอกข้อมูลของพนักงานคนใหม่ให้กับเจ้านายได้รับทราบ“ถ้าเธอเคยทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงมาสมัครที่บริษัทเราล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่สุสืบดูแล้วใช่ไหม”“พี่สืบดูแล้วค่ะ ในส่วนของการทำงานเธอเป็นคนทำงานใช้ได้เลยทีเดียวหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่นั่นพี่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง”“แล้วเขาบอกไหมครับว่าทำไมเธอถึงลาออกแล้วมาทำงานกับเรา”“จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเป็นความลับของพนักงานแต่พี่จะบอกคุณภาวินท์ก
เช้าวันจันทร์พิมพ์พริมาตื่นนอนตั้งแต่เช้าหญิงสาวนั่งรถเมล์มาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็นั่งรออยู่บริเวณโซนรับแขกของบริษัทเพื่อรอเวลาจะเข้าไปหาหัวหน้าแผนกบุคคล“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะว่าน”“สวัสดีค่ะพี่สุ” หญิงสาวยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายบัญชี“เข้าไปรอที่แผนกก่อนไหมล่ะ ฝ่ายบุคคลน่าจะยังไม่มาทำงานพี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับคนในแผนกก่อนจะไปทำเรื่องเอกสาร”“ได้ค่ะพี่สุ”หญิงสาวเดินตามสุกัญญาเข้ามาในแผนกซึ่งตอนนี้มีพนักงานคนหนึ่งมาทำงานก่อนหน้าเธอแล้วหนึ่งคน“กิ่งแก้วทำอะไรอยู่”“กิ่งกำลังหาไฟล์งานของปีที่แล้วอยู่น่ะ”“วางงานตรงหน้าก่อนได้ไหมสุมีพนักงานใหม่จะมาแนะนำให้รู้จัก” เมื่อหัวหน้าแผนกบอกแบบนั้นกิ่งแก้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มส่งยิ้มทักทายพนักงานใหม่“สวัสดีค่ะ” พิมพ์พริมายกมือไว้“ว่านคนนี้ชื่อกิ่งแก้วนะทำงานที่นี่มานานพอๆ กับพี่เลย”“สวัสดีค่ะพี่กิ่งแก้ว” หญิงสาวทักทายอีกครั้ง“สวัสดีจ้ะ เรียกพี่ว่ากิ่งก็ได้จ้ะ ยินดีต้อนรับสู่แผนกบัญชีของเรานะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง ยังไงว่านขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ พี่กิ่งสอนงานว่านด้วยนะคะ” หญิงสาวรีบฝากตัว“สุเล่าให้ฟังว่าว่านเคยท
สัปดาห์แรกของการทำงานผ่านไปได้ด้วยดีพิมพ์พริมารู้สึกมีความสุขมากกับที่ทำงานใหม่และเพื่อนร่วมงานใหม่ ช่วงแรกที่มาทำงานหญิงสาวเลิกงานในเวลาปกติคือห้าโมงเย็น แต่หัวหน้าแผนกก็แจ้งว่าช่วงปลายเดือนอาจจะต้องอยู่ทีโอทีและน่าจะเลิกงานประมาณเกือบสองทุ่ม ซึ่งพิมพ์พริมาคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย เพราะถึงจะเลิกงานเร็วเธอก็ต้องกลับไปเหงาอยู่คนเดียวที่ห้องวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์หญิงสาวออกจากบริษัทประมาณห้าโมงครึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลานั่งรถเมล์กลับหอพักเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะเย็นวันศุกร์ผู้โดยสารค่อนข้างมากกว่าปกติเธอกลับมาถึงห้องจัดการธุระส่วนตัวและนอนเล่นจนเผลอหลับและรู้สึกตัวตื่นอีกทีในเวลาเกือบจะสามทุ่มหญิงสาวรู้สึกหิวมากจึงเดินลงมาจากหอพักเพื่อไปยังบริเวณหน้าปากซอยซึ่งมีร้านอาหารอยู่หลายร้านที่เปิดจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำคนไม่มากเท่าไหร่ หลังจากสั่งเมนูโปรดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อและกลับมานั่งในจังหวะที่ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟพอดี“หายไปหลายวันเลยนอกใจพี่ไปกินร้านอื่นหรือเปล่า” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามลูกค้าประจำที่มักจะมารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่บ่อยๆ“ไม่ใช่หรอ
บ่ายวันเสาร์ภาวินท์ก็มาที่ร้านส้มตำตามเวลาที่นัดไว้ เขากำลังชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่พิมพ์พริมาจะมาที่ร้าน ขณะที่พนักงานในร้านก็มาถามว่าเขาจะสั่งอะไรบ้าง ชายหนุ่มลังเลถ้าหากเขาสั่งอาหารมาทานแล้วพิมพ์พริมาไม่มาตามนัด เขาก็น่าจะต้องทานคนเดียวซึ่งมันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะต้องนั่งรับประทานอาหารตามลำพัง“ผมขอโทรถามเพื่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยสั่งอาหาร” ชายหนุ่มบอกกับพนักงานของร้านจากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาหญิงสาวและรอสายอยู่นานแต่เธอก็ยังไม่ยอมรับ ภาวินท์เริ่มใจเสียเพราะคิดว่าพิมพ์พริมาจะเบี้ยวนัดเขาไลน์ไปหาเธอเพื่อถามว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหนและจะมาทานอาหารกับเขาหรือเปล่า แต่หญิงสาวก็ไม่อ่านข้อความ นั่นยิ่งทำให้ภาวินท์รู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะไปตามเธอที่หอพัก ขณะกำลังลุกจากเก้าอี้ก็เห็นเธอเดินเข้ามาในร้านพอดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ขอโทษนะคะพี่วินพอดีว่านคุยกับเพื่อนเพลินไปหน่อยเลยมาช้า”“แล้วเพื่อนอยู่ไหนล่ะ ไม่มากินกับเราเหรอ”“ว่านหมายถึงคุยโทรศัพท์ค่ะ พี่วินสั่งอาหารหรือยังคะ”“ยังเลยครับ พี่ไม่รู้ว่าว่านกินแบบไหน”“พี่วินล่ะกินเผ็ดได้ไหม”“ได้พอประมาณถ้าอย่างนั้นลองสั่
เมื่อเดินมาถึงห้องพักพิมพ์พริมาก็รีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องของตนเองกับภาวินท์ให้กับอรนลินฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนมาถึงการไปรับประทานส้มตำด้วยกันในวันนี้“นุ่นคิดว่าพี่วินอะไรเนี่ยเขาจะต้องกำลังจีบว่านอยู่แน่ๆ เลยนะ” อรนลินตั้งข้อสังเกต“ไม่หรอกมั้งนุ่น เราเพิ่งเจอกับพี่เขาได้แค่สามครั้งเอง”“ต่อให้เจอกันแค่ครั้งเดียวถ้าคนเขาจะจีบเขาก็จีบ เท่าที่นุ่นฟังนะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังจีบว่านแน่นอน”“แล้วว่านจะทำยังไงต่อล่ะนุ่น”“จะมาถามนุ่นได้ยังไงล่ะ ว่านก็ต้องถามตัวเองสิว่าเอายังไงต่อว่านรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง”“ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะ พี่วินก็แค่คนรู้จักคนหนึ่งเวลาคุยกับเขาก็เหมือนคุยกับเพื่อนกับพี่”“ใจไม่เต้นแรงเลยเหรอ”“ไม่นะ”“คุยกับเขาแล้วรู้สึกรำคาญหรือเบื่อบ้างไหมล่ะ”“ก็ไม่นะคุยกันได้เรื่อยๆ เจอกันแค่สามครั้งเองยังไม่รู้สึกเบื่อหรอก”“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้เขาโอกาสเขาดูสิแต่ถ้าคุยแล้วเริ่มเบื่อหรือคิดว่าไม่ใช่ก็ถอยออกมา นุ่นว่าว่านเลิกกับพี่ภัทรมานานแล้วนะ จะคุยกับผู้ชายคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือผิดอะไรเลย”“แค่คุยกันไม่กี่ครั้งเองว่านยังไม่อยากคิดอะไรม
“ตกลงเราจะจ้างคนงานเพิ่มนะ”“ผมว่าเราให้คนงานชุดเดิมเพิ่มเวลาทำงานดีกว่าไหมครับ”“ช่วงแรกก็คงต้องเป็นแบบนี้ไปก่อน แต่ถ้าใช้คนงานชุดเดิมแล้วเพิ่มเวลาทำงานนานๆ ผมกลัวว่าพวกเขาจะเหนื่อยและอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ประกาศรับสมัครเพิ่มไปเลยน่าจะดีกว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดให้ถามจากวิศวกรผู้ควบคุมโครงการนะ” ภาวินท์ซีอีโอหนุ่มเจ้าของบริษัทรับสร้างบ้านและออกบ้านแบบครบวงจรบอกกับโฟร์แมนที่คุมโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรสไตล์โมเดิร์นลักชูรี่ขนาดสามสิบยูนิตซึ่งวันนี้ชายหนุ่มเข้ามาคุยกับโฟร์แมนแทนหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งตอนนี้เขามีปัญหาส่วนตัวที่จะต้องไปจัดการจึงมาดูงานที่นี่ไม่ได้“แล้วคุณเพลิงเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ” โฟร์แมนหนุ่มถามถึงโฆษิตหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งไม่มาทำงานหลายวันแล้ว“น่าจะอีกสองวันน่ะ ระหว่างนี้คุณก็ประกาศรับสมัครคนงานเพิ่มนะ”“คุณภาวินท์จะให้เรารับคนงานเพิ่มมากแค่ไหนครับ”“ก็แล้วแต่คุณเห็นสมควรเลย แต่ก็ดูหน่อยนะว่าคนงานใหม่ที่รับเข้ามาเคยมีปัญหากับคนงานของเราหรือเปล่า” เขาเตือนโฟร์แมนเพราะคนงานก่อสร้างบางครั้งก็มีแบ่งพรรคแบ่งพวกและเขาก็กลัวว่าคนงานที่รับมาใหม่จะไม่ถูกกับค
“ลองบอกมาก่อนสิว่าคุณจะให้ผมทำอะไรถ้าเกิดเป็นเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาผมก็ซวยแย่สิ”“โธ่...คุณไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอะไรหรอกนะ ง่ายๆ เองตกลงไหม”“แน่นะครับ”“ค่ะ ฉันแค่จะขอยืมมือคุณแค่นั้น”“ยืมมือผมเอาไปทำอะไร” ชายหนุ่มมองเธออย่างสงสัย“เถอะน่า ตกลงไหมล่ะ”“อือ แล้วผมต้องทำยังไง” ภาวินท์ตอบตกลงเพราะเขาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะทำอะไรต่อ“คุณนั่งจับช้อนกับตะเกียบไว้แบบนั้นนะ ทำเหมือนกำลังจะกินก๋วยเตี๋ยว ฉันขอถ่ายรูปคุณแป๊บเดียวเอง”“ถ่ายรูปเหรอ”“ก็ใช่นะสิ”“จู่ๆ จะมาถ่ายรูปกันได้ไง”“ฉันไม่ถ่ายให้เห็นหน้าคุณหรอกน่า ฉันถ่ายแค่ข้อมือเองนะ”“แล้วคุณจะเอารูปผมไปทำอะไร”“ฉันก็แค่จะโพสต์ลงในสตอรี่ว่าฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชาย”“ผมว่าเหตุผลมันฟังดูแปลกๆ นะ”“ไม่แปลกหรอกน่าตกลงนะ” หญิงสาวไม่รอฟังคำตอบเธอถ่ายรูปเขาจากนั้นก็โพสต์ลงสตอรี่ทันที“นี่ไงคะ” พูดแล้วเธอยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่มดู“ก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้หวานมาก คืออะไร” เขาอ่านข้อความใต้ภาพแล้วถามขึ้นและมองหน้าเธอสลับกับโทรศัพท์“ก็หมายความว่าวันนี้ฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชายไงล่ะ”“จะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังแน่นะ”“ไม่หรอก เพราะไม่ได้เห็นหน้าคุ
พิมพ์พริมาเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วลัดเลาะเข้ามาในซอยประมาณสามร้อยเมตรก็ถึงหอพัก หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปยังไม่ทันได้อาบน้ำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเห็นว่าคนที่โทรศัพท์เข้ามาคือเพื่อนสนิทก็รีบกดรับสายทันที“เรื่องมันเป็นยังไงเล่ามาเดี๋ยวนี้นะว่าน” ปลายสายรีบถามโดยที่พิมพ์พริมายังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปเลยสักคำ“นุ่นหมายถึงอะไรว่านไม่เห็นเข้าใจที่นุ่นพูดเลย”“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย บอกนุ่นมานะว่าวันนี้ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับใคร”“ไปกินคนเดียวสิจะให้กับใครล่ะ” พิมพ์พริมาคิดว่าที่อรนลินโทรศัพท์มาถามแบบนี้ก็เพราะเห็นรูปที่เธอเพิ่งจะโพสต์ลงไปเมื่อครู่แน่ๆ“แน่ใจเหรอว่านว่าไปกินคนเดียว แล้วรูปผู้ชายที่โพสต์มาล่ะหมายความว่ายังไง บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้นะ ตอนนี้มีแฟนใหม่แล้วเหรอ” นุ่นหรืออรนลินคาดคั้นอย่างต้องการคำตอบ“ไม่ใช่แฟนใหม่หรอกนุ่น”“แล้วเขาเป็นใคร”“ว่านก็ไม่รู้จักเหมือนกัน”“ไม่รู้จักเขาแล้วไปกินก๋วยเตี๋ยวกับเขาได้ยังไง อย่าโกหกหน่อยเลยน่า”“ว่านพูดเรื่องจริงนะ เราก็แค่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันเพราะโต๊ะมันเต็ม”“นุ่นไม่เชื่อหรอก บอกความจริงมาดีกว่าอย่าให้นุ่นสงสั
เมื่อเดินมาถึงห้องพักพิมพ์พริมาก็รีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องของตนเองกับภาวินท์ให้กับอรนลินฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนมาถึงการไปรับประทานส้มตำด้วยกันในวันนี้“นุ่นคิดว่าพี่วินอะไรเนี่ยเขาจะต้องกำลังจีบว่านอยู่แน่ๆ เลยนะ” อรนลินตั้งข้อสังเกต“ไม่หรอกมั้งนุ่น เราเพิ่งเจอกับพี่เขาได้แค่สามครั้งเอง”“ต่อให้เจอกันแค่ครั้งเดียวถ้าคนเขาจะจีบเขาก็จีบ เท่าที่นุ่นฟังนะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังจีบว่านแน่นอน”“แล้วว่านจะทำยังไงต่อล่ะนุ่น”“จะมาถามนุ่นได้ยังไงล่ะ ว่านก็ต้องถามตัวเองสิว่าเอายังไงต่อว่านรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง”“ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะ พี่วินก็แค่คนรู้จักคนหนึ่งเวลาคุยกับเขาก็เหมือนคุยกับเพื่อนกับพี่”“ใจไม่เต้นแรงเลยเหรอ”“ไม่นะ”“คุยกับเขาแล้วรู้สึกรำคาญหรือเบื่อบ้างไหมล่ะ”“ก็ไม่นะคุยกันได้เรื่อยๆ เจอกันแค่สามครั้งเองยังไม่รู้สึกเบื่อหรอก”“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้เขาโอกาสเขาดูสิแต่ถ้าคุยแล้วเริ่มเบื่อหรือคิดว่าไม่ใช่ก็ถอยออกมา นุ่นว่าว่านเลิกกับพี่ภัทรมานานแล้วนะ จะคุยกับผู้ชายคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือผิดอะไรเลย”“แค่คุยกันไม่กี่ครั้งเองว่านยังไม่อยากคิดอะไรม
บ่ายวันเสาร์ภาวินท์ก็มาที่ร้านส้มตำตามเวลาที่นัดไว้ เขากำลังชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่พิมพ์พริมาจะมาที่ร้าน ขณะที่พนักงานในร้านก็มาถามว่าเขาจะสั่งอะไรบ้าง ชายหนุ่มลังเลถ้าหากเขาสั่งอาหารมาทานแล้วพิมพ์พริมาไม่มาตามนัด เขาก็น่าจะต้องทานคนเดียวซึ่งมันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะต้องนั่งรับประทานอาหารตามลำพัง“ผมขอโทรถามเพื่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยสั่งอาหาร” ชายหนุ่มบอกกับพนักงานของร้านจากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาหญิงสาวและรอสายอยู่นานแต่เธอก็ยังไม่ยอมรับ ภาวินท์เริ่มใจเสียเพราะคิดว่าพิมพ์พริมาจะเบี้ยวนัดเขาไลน์ไปหาเธอเพื่อถามว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหนและจะมาทานอาหารกับเขาหรือเปล่า แต่หญิงสาวก็ไม่อ่านข้อความ นั่นยิ่งทำให้ภาวินท์รู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะไปตามเธอที่หอพัก ขณะกำลังลุกจากเก้าอี้ก็เห็นเธอเดินเข้ามาในร้านพอดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ขอโทษนะคะพี่วินพอดีว่านคุยกับเพื่อนเพลินไปหน่อยเลยมาช้า”“แล้วเพื่อนอยู่ไหนล่ะ ไม่มากินกับเราเหรอ”“ว่านหมายถึงคุยโทรศัพท์ค่ะ พี่วินสั่งอาหารหรือยังคะ”“ยังเลยครับ พี่ไม่รู้ว่าว่านกินแบบไหน”“พี่วินล่ะกินเผ็ดได้ไหม”“ได้พอประมาณถ้าอย่างนั้นลองสั่
สัปดาห์แรกของการทำงานผ่านไปได้ด้วยดีพิมพ์พริมารู้สึกมีความสุขมากกับที่ทำงานใหม่และเพื่อนร่วมงานใหม่ ช่วงแรกที่มาทำงานหญิงสาวเลิกงานในเวลาปกติคือห้าโมงเย็น แต่หัวหน้าแผนกก็แจ้งว่าช่วงปลายเดือนอาจจะต้องอยู่ทีโอทีและน่าจะเลิกงานประมาณเกือบสองทุ่ม ซึ่งพิมพ์พริมาคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย เพราะถึงจะเลิกงานเร็วเธอก็ต้องกลับไปเหงาอยู่คนเดียวที่ห้องวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์หญิงสาวออกจากบริษัทประมาณห้าโมงครึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลานั่งรถเมล์กลับหอพักเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะเย็นวันศุกร์ผู้โดยสารค่อนข้างมากกว่าปกติเธอกลับมาถึงห้องจัดการธุระส่วนตัวและนอนเล่นจนเผลอหลับและรู้สึกตัวตื่นอีกทีในเวลาเกือบจะสามทุ่มหญิงสาวรู้สึกหิวมากจึงเดินลงมาจากหอพักเพื่อไปยังบริเวณหน้าปากซอยซึ่งมีร้านอาหารอยู่หลายร้านที่เปิดจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำคนไม่มากเท่าไหร่ หลังจากสั่งเมนูโปรดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อและกลับมานั่งในจังหวะที่ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟพอดี“หายไปหลายวันเลยนอกใจพี่ไปกินร้านอื่นหรือเปล่า” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามลูกค้าประจำที่มักจะมารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่บ่อยๆ“ไม่ใช่หรอ
เช้าวันจันทร์พิมพ์พริมาตื่นนอนตั้งแต่เช้าหญิงสาวนั่งรถเมล์มาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็นั่งรออยู่บริเวณโซนรับแขกของบริษัทเพื่อรอเวลาจะเข้าไปหาหัวหน้าแผนกบุคคล“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะว่าน”“สวัสดีค่ะพี่สุ” หญิงสาวยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายบัญชี“เข้าไปรอที่แผนกก่อนไหมล่ะ ฝ่ายบุคคลน่าจะยังไม่มาทำงานพี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับคนในแผนกก่อนจะไปทำเรื่องเอกสาร”“ได้ค่ะพี่สุ”หญิงสาวเดินตามสุกัญญาเข้ามาในแผนกซึ่งตอนนี้มีพนักงานคนหนึ่งมาทำงานก่อนหน้าเธอแล้วหนึ่งคน“กิ่งแก้วทำอะไรอยู่”“กิ่งกำลังหาไฟล์งานของปีที่แล้วอยู่น่ะ”“วางงานตรงหน้าก่อนได้ไหมสุมีพนักงานใหม่จะมาแนะนำให้รู้จัก” เมื่อหัวหน้าแผนกบอกแบบนั้นกิ่งแก้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มส่งยิ้มทักทายพนักงานใหม่“สวัสดีค่ะ” พิมพ์พริมายกมือไว้“ว่านคนนี้ชื่อกิ่งแก้วนะทำงานที่นี่มานานพอๆ กับพี่เลย”“สวัสดีค่ะพี่กิ่งแก้ว” หญิงสาวทักทายอีกครั้ง“สวัสดีจ้ะ เรียกพี่ว่ากิ่งก็ได้จ้ะ ยินดีต้อนรับสู่แผนกบัญชีของเรานะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง ยังไงว่านขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ พี่กิ่งสอนงานว่านด้วยนะคะ” หญิงสาวรีบฝากตัว“สุเล่าให้ฟังว่าว่านเคยท
คุณสุกัญญาแจ้งเรื่องรับพนักงานใหม่ไปยังแผนกบุคคลเพื่อจัดเตรียมเอกสารและสัญญาต่างๆ ไว้รอหญิงสาวที่จะมาทำงานในวันจันทร์ หลังจากคุยกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลเสร็จแล้วเธอก็เดินกลับมาจากแผนกระหว่างนั้นก็เจอกับภาวินท์เจ้าของบริษัทที่ออกจากห้องประชุมมาพอดี“สวัสดีค่ะคุณภาวินท์”“สวัสดีครับพี่สุ เรื่องรับพนักงานฝ่ายบัญชีเป็นยังไงบ้าง” เขาเรียกสุกัญญาด้วยความสนิทสนมเพราะเธอเป็นพนักงานสิบคนแรกที่เขารับเข้ามาทำงานตั้งแต่เปิดบริษัท ชายหนุ่มนับถือสุกัญญาเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง“สุเรียกเข้ามาคุยวันนี้แล้วค่ะ”“แล้วเป็นยังไงบ้างครับถูกใจพี่สุหรือเปล่า”“พี่ว่าเด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้เลยนะคะเธอเคยทำงานในบริษัทXXXมาก่อน” สุกัญญาบอกข้อมูลของพนักงานคนใหม่ให้กับเจ้านายได้รับทราบ“ถ้าเธอเคยทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงมาสมัครที่บริษัทเราล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่สุสืบดูแล้วใช่ไหม”“พี่สืบดูแล้วค่ะ ในส่วนของการทำงานเธอเป็นคนทำงานใช้ได้เลยทีเดียวหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่นั่นพี่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง”“แล้วเขาบอกไหมครับว่าทำไมเธอถึงลาออกแล้วมาทำงานกับเรา”“จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเป็นความลับของพนักงานแต่พี่จะบอกคุณภาวินท์ก
เวลาเที่ยงครึ่งพิมพ์พริมาก็เดินทางมาถึงตึกสูงแห่งหนึ่งเมื่อแจ้งกับประชาสัมพันธ์ด้านล่างตึกแล้วเขาก็ให้เธอขึ้นไปยังชั้นเก้าซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่นในการมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ทางบริษัทเรียกแค่พิมพ์พริมาคนเดียว เพราะตอนนี้พนักงานบัญชีคนเดิมลาออกอย่างกะทันหันทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลง ส่วนตำแหน่งอื่นตามที่ประกาศรับสมัครนั้นต้องรอให้ถึงวันหมดเขตแล้วจึงนัดให้มาสัมภาษณ์คนที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้คือหัวหน้าแผนกบัญชีชื่อสุกัญญาซึ่งทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งคำถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกความรู้ทั่วไป การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทัศนคติในกาทำงานร่วมกันเป็นทีมรวมถึงความคิดเห็นส่วนตัวถ้าหากถูกเรียกมาทำงานในวันหยุดหรือต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับพิมพ์พริมาเลย“ตกลงพี่รับว่านเขาทำงานเลยก็แล้วกันนะ พร้อมจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสุกัญญาหัวหน้าแผนกบัญชีบอกกับพิมพ์พริมาหลังจากคุยกันมาสักพัก“วันจันทร์นี้ก็ได้ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบด้วยความมั่นใจเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวันและคิดว่าการร่วมงานวันจันทร์น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“เริ่มงานได้เร็วกว่าที่พี่คิดไว้
เมื่อนึกตามคำพูดของอรนลินแล้วพิมพ์พริมาก็เริ่มคิดหนักเพราะเธอลาออกจากงานมาได้เกือบจะสองเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มงานที่ไหนถ้าหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินเก็บที่สะสมมาก็คงจะหมดลงก่อนหน้านี้หญิงสาวทำงานเป็นพนักงานบัญชีอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหากับแฟนหนุ่มที่ทำงานในบริษัทเดียวกันหญิงสาวจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพราะไม่อาจจะทนมองหน้าเขาอีกต่อไปได้เธอคบกับปิติภัทรตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานในบริษัทและคุยกันเอาไว้ว่าจะเก็บเงินสักก้อนจากนั้นทั้งสองแต่งงานกัน แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเลยว่าแฟนของเธอจะแอบคบกับพนักงานในบริษัทอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งพอเธอรู้ก็บอกให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ปิติภัทรก็ทำตามตอนนั้นเธอยอมรับว่าดีใจมากที่เขาสำนึกผิดและกลับตัวได้แต่ผ่านไปไม่นานเขาก็แอบกลับไปคบกันอีกหญิงสาวทนคบกับเขาต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจบอกเลิกเพราะยิ่งคบก็ยิ่งเสียใจ เงินที่ทั้งสองฝากร่วมกันเพื่อจะจัดงานแต่งงานพิมพ์พริมาก็เอาคืนมาทุกบาททุกสตางค์ และเมื่อดูยอดเงินฝากแล้วส่วนใหญ่จะเป็นตัวเธอเองมากกว่าที่โอนเข้าบัญชีเกือบทุกเดือนส่วนเขานานๆ ครั้งถึงจะโอนเข้าซึ่งก่อนหน้านั้นพิมพ์พริมาไม่ได้สนใจจะดูยอดเงินในบัญชีเลย
พิมพ์พริมาเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วลัดเลาะเข้ามาในซอยประมาณสามร้อยเมตรก็ถึงหอพัก หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปยังไม่ทันได้อาบน้ำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเห็นว่าคนที่โทรศัพท์เข้ามาคือเพื่อนสนิทก็รีบกดรับสายทันที“เรื่องมันเป็นยังไงเล่ามาเดี๋ยวนี้นะว่าน” ปลายสายรีบถามโดยที่พิมพ์พริมายังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปเลยสักคำ“นุ่นหมายถึงอะไรว่านไม่เห็นเข้าใจที่นุ่นพูดเลย”“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย บอกนุ่นมานะว่าวันนี้ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับใคร”“ไปกินคนเดียวสิจะให้กับใครล่ะ” พิมพ์พริมาคิดว่าที่อรนลินโทรศัพท์มาถามแบบนี้ก็เพราะเห็นรูปที่เธอเพิ่งจะโพสต์ลงไปเมื่อครู่แน่ๆ“แน่ใจเหรอว่านว่าไปกินคนเดียว แล้วรูปผู้ชายที่โพสต์มาล่ะหมายความว่ายังไง บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้นะ ตอนนี้มีแฟนใหม่แล้วเหรอ” นุ่นหรืออรนลินคาดคั้นอย่างต้องการคำตอบ“ไม่ใช่แฟนใหม่หรอกนุ่น”“แล้วเขาเป็นใคร”“ว่านก็ไม่รู้จักเหมือนกัน”“ไม่รู้จักเขาแล้วไปกินก๋วยเตี๋ยวกับเขาได้ยังไง อย่าโกหกหน่อยเลยน่า”“ว่านพูดเรื่องจริงนะ เราก็แค่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันเพราะโต๊ะมันเต็ม”“นุ่นไม่เชื่อหรอก บอกความจริงมาดีกว่าอย่าให้นุ่นสงสั
“ลองบอกมาก่อนสิว่าคุณจะให้ผมทำอะไรถ้าเกิดเป็นเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาผมก็ซวยแย่สิ”“โธ่...คุณไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอะไรหรอกนะ ง่ายๆ เองตกลงไหม”“แน่นะครับ”“ค่ะ ฉันแค่จะขอยืมมือคุณแค่นั้น”“ยืมมือผมเอาไปทำอะไร” ชายหนุ่มมองเธออย่างสงสัย“เถอะน่า ตกลงไหมล่ะ”“อือ แล้วผมต้องทำยังไง” ภาวินท์ตอบตกลงเพราะเขาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะทำอะไรต่อ“คุณนั่งจับช้อนกับตะเกียบไว้แบบนั้นนะ ทำเหมือนกำลังจะกินก๋วยเตี๋ยว ฉันขอถ่ายรูปคุณแป๊บเดียวเอง”“ถ่ายรูปเหรอ”“ก็ใช่นะสิ”“จู่ๆ จะมาถ่ายรูปกันได้ไง”“ฉันไม่ถ่ายให้เห็นหน้าคุณหรอกน่า ฉันถ่ายแค่ข้อมือเองนะ”“แล้วคุณจะเอารูปผมไปทำอะไร”“ฉันก็แค่จะโพสต์ลงในสตอรี่ว่าฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชาย”“ผมว่าเหตุผลมันฟังดูแปลกๆ นะ”“ไม่แปลกหรอกน่าตกลงนะ” หญิงสาวไม่รอฟังคำตอบเธอถ่ายรูปเขาจากนั้นก็โพสต์ลงสตอรี่ทันที“นี่ไงคะ” พูดแล้วเธอยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่มดู“ก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้หวานมาก คืออะไร” เขาอ่านข้อความใต้ภาพแล้วถามขึ้นและมองหน้าเธอสลับกับโทรศัพท์“ก็หมายความว่าวันนี้ฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชายไงล่ะ”“จะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังแน่นะ”“ไม่หรอก เพราะไม่ได้เห็นหน้าคุ