เมื่อเดินมาถึงห้องพักพิมพ์พริมาก็รีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องของตนเองกับภาวินท์ให้กับอรนลินฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนมาถึงการไปรับประทานส้มตำด้วยกันในวันนี้
“นุ่นคิดว่าพี่วินอะไรเนี่ยเขาจะต้องกำลังจีบว่านอยู่แน่ๆ เลยนะ” อรนลินตั้งข้อสังเกต
“ไม่หรอกมั้งนุ่น เราเพิ่งเจอกับพี่เขาได้แค่สามครั้งเอง”
“ต่อให้เจอกันแค่ครั้งเดียวถ้าคนเขาจะจีบเขาก็จีบ เท่าที่นุ่นฟังนะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังจีบว่านแน่นอน”
“แล้วว่านจะทำยังไงต่อล่ะนุ่น”
“จะมาถามนุ่นได้ยังไงล่ะ ว่านก็ต้องถามตัวเองสิว่าเอายังไงต่อว่านรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง”
“ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะ พี่วินก็แค่คนรู้จักคนหนึ่งเวลาคุยกับเขาก็เหมือนคุยกับเพื่อนกับพี่”
“ใจไม่เต้นแรงเลยเหรอ”
“ไม่นะ”
“คุยกับเขาแล้วรู้สึกรำคาญหรือเบื่อบ้างไหมล่ะ”
“ก็ไม่นะคุยกันได้เรื่อยๆ เจอกันแค่สามครั้งเองยังไม่รู้สึกเบื่อหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้เขาโอกาสเขาดูสิแต่ถ้าคุยแล้วเริ่มเบื่อหรือคิดว่าไม่ใช่ก็ถอยออกมา นุ่นว่าว่านเลิกกับพี่ภัทรมานานแล้วนะ จะคุยกับผู้ชายคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือผิดอะไรเลย”
“แค่คุยกันไม่กี่ครั้งเองว่านยังไม่อยากคิดอะไรมาก”
“นุ่นไม่อยากให้ว่านปิดกั้นตัวเองนะ” อรนลินอยากให้พิมพ์พริมาเปิดใจคบหากับคนอื่นดูบ้างเพราะตั้งแต่เลิกกับปิติภัทรเพื่อนของเธอก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องมาตลอด
“แต่ว่านยังเข็ดกับความรักอยู่เลยนะ แล้วพี่วินเขาก็เป็นวิศวกรเหมือนพี่ภัทรด้วยว่านเจ็บกับคนทำงานอาชีพนี้”
“แต่เขาไม่ใช่คนคนเดียวกันนะ ว่านพูดแบบนี้มันก็ไม่ยุติธรรมกับพี่วินเลยนะ”
“แต่ว่านว่าอาชีพนี้ค่อนข้างจะเจ้าชู้เหมือนกันนะ ดูอย่างพี่ชายของนุ่นสิเจ้าชู้ไม่เบาเลยทีเดียว”
“นุ่นก็ไม่เถียงหรอกว่าพี่ชายของนุ่นไม่เจ้าชู้ แต่คนที่ไม่เจ้าชู้ก็มีอย่างพ่อของนุ่นไงล่ะ พ่อจีบแม่ตั้งแต่สมัยเรียนและคบแค่แม่คนเดียวนุ่นเลยคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับอาชีพหรอกมันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า”
“แต่ว่านยังไม่อยากคิดอะไรไปไกลเลย บางทีเขาแค่อาจจะอยากคุยกับว่านเฉยๆ ไม่ได้เข้ามาจีบอย่างที่เราคิดกันอยู่หรอกนะ”
“แล้วถ้าเกิดเขามาจีบหรือขอเป็นแฟนล่ะ ว่านจะโอเคหรือเปล่า”
“ก็คงต้องดูกันอีกทีแต่ยังไม่ใช่เร็วนี้แน่ๆ”
“ทำไมเหรอว่าน”
“ก็วานเพิ่งเข้าทำงานใหม่ ตอนนี้อยากเต็มที่กับงานก่อนถ้าเกิดมีแฟนก็คงจะมีเวลาให้กับแฟนไม่เต็มที่”
“แล้วบริษัทที่ไปทำงานใหม่เป็นยังไงบ้างล่ะ เพื่อนร่วมงานดีไหม”
“ว่านว่าดีนะ มีรุ่นพี่สองคนแล้วก็รุ่นเดียวกันอีกหนึ่งคน ทุกคนทำงานกันเหมือนพี่น้องต่างจากบริษัทเดิมเลย”
“แล้วเงินเดือนล่ะว่านเขาให้เท่าเดิมหรือเปล่า”
“ช่วงทดลองงานเขาให้น้อยกว่าที่บริษัทเดิม แต่หลังทดลองงานแล้วก็จะได้มากกว่าที่เดิม”
“ว่านไปทำงานยังไงเหรอขับรถไปหรือนั่งรถเมล์ไป”
“ช่วงนี้ว่านนั่งรถเมล์ไปนะเพราะมันใกล้มากสิบนาทีก็ถึงบริษัทแล้วละ แต่ช่วงปลายเดือนหัวหน้าบอกว่าอาจจะต้องเลิกดึกถึงตอนนั้นว่านค่อยขับรถไปก็ได้”
“แบบนี้ก็ประหยัดค่าน้ำมันได้เยอะเลยนะ”
“อือ นุ่นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีเลยพรุ่งนี้นุ่นไม่ต้องมารับว่านที่หอพักนะ”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“ก็ว่านจะเป็นคนไปรับนุ่นเอง ไม่ได้ใช้รถมาหลายวันแล้วกลัวมันจะสตาร์ทไม่ติด ตกลงพรุ่งนี้เราจะไปไหนกันบ้างนะ”
“เราจะไปหาซื้อชุดสำหรับไปงานแต่งงานของพี่รหัส พอได้ชุดแล้วค่อยไปหาอะไรกินดีไหมว่านอยากกินอะไรล่ะ”
“กินชาบูกันดีไหมหรือจะหมูกระทะดี”
“ชาบูดีกว่านะว่านขี้เกียจปิ้ง”
“โอเคถ้างั้นก็ตกลงตามนั้นนะ”
พิมพ์พริมาคุยกับอรนลินอยู่อีกพักใหญ่ก่อนจะวางสายและอาบน้ำ
เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วหญิงสาวก็เปิดทีวีแล้วนอนดูซีรีส์เรื่องโปรดที่ดูค้างไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ดูไปได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งพอเห็นว่าคนที่โทรมาคือใครเธอก็เบาเสียงทีวีก่อนจะกดรับ
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีว่าน นอนหรือยัง”
“ยังไม่นอนเลยค่ะพี่วินล่ะคะไหนบอกว่าจะไปพักผ่อนแล้วทำไมโทรมาดึกแบบนี้ล่ะ”
“พี่กลับมาแล้วก็หลับไปสองชั่วโมงเพิ่งตื่นตอนนี้แหละ ว่านง่วงหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“แล้วทำอะไรอยู่ดึกแล้วนะ”
“กำลังดูซีรีส์อยู่ค่ะ ปกติคืนวันเสาร์ว่านก็จะนอนดึกอยู่แล้วเพราะพรุ่งนี้ไม่ต้องรีบตื่นไปทำงาน”
“พี่ไม่ได้โทรมากวนใช่ไหม”
“ไม่หรอกค่ะ พี่วินมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับพี่แค่อยากโทรคุยเฉยๆ”
ภาวินท์ชวนพิมพ์พริมาคุยอยู่เกือบสิบนาทีก่อนจะวางสาย
พิมพ์พริมาเริ่มเก็บเอาคำพูดของอรนลินมาคิดว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเข้ามาจีบเธอ หญิงสาวเริ่มลังเลแล้วว่าจากนี้จะทำยังไงต่อจะยอมให้เขาติดต่อมาแบบนี้ตลอดหรือจะตัดความสัมพันธ์เพราะเธอยังเข็ดกับผู้ชายที่เป็นวิศวกรอยู่แต่มันก็ไม่ยุติธรรมกับภาวินท์อย่างที่อรนลินพูดเพราะเขากับปิติภัทรไม่ใช่คนคนเดียวกัน
ถ้าผู้ชายคนนี้จะจีบเธอจริงๆ เธอก็จะลองให้โอกาสเขาดูสักครั้ง ถ้าคบกันเป็นแฟนไม่ได้ก็คบกันเป็นพี่เป็นน้องก็น่าจะได้อยู่เพราะเท่าที่ได้คุยกันอยู่หลายครั้ง ภาวินท์เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างใจเย็นและดูเป็นผู้ใหญ่การได้คุยกับเขามันทำให้เธอรู้สึกสบายใจเหมือนกับคุยกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
เมื่อวางสายแล้วหญิงสาวก็นั่งดูซีรีส์ต่อ โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวส่งเสี่ยงอีกครั้ง เมื่อเธอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าภาวินท์ส่งสติกเกอร์มาบอกฝันดีเธอก็ส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนบอกฝันดีกลับไปเมื่อขึ้นสัญลักษณ์ว่าอ่านแล้วหญิงสาวก็วางโทรศัพท์ลงจากนั้นก็นอนดูซีรีส์ต่อจนกระทั่งเกือบจะเที่ยงคืน
การอยู่คนเดียวในห้องพักแคบๆ ตั้งแต่เรียนจบมันทำให้บางวันพิมพ์พริมาก็รู้สึกเหงาและอยากจะกลับไปใช้ชีวิตกับมารดาที่บ้านเกิด แต่ถ้าหากกลับไปที่นั่นจริงๆ เธอก็ไม่รู้จะไปทำงานอะไรเพราะจังหวัดที่มารดาอยู่นั้นไม่ค่อยมีบริษัทมากเหมือนอย่างในกรุงเทพ การจะไปทำงานที่นั่นแล้วเรียกเงินเดือนสูงๆ ก็คงเป็นไปได้ยาก
หญิงสาวเป็นลูกคนเดียวบิดาเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว เธออาศัยอยู่กับมารดาสองคนจนกระทั่งจบมัธยมศึกษาปีที่หกก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ หลังเรียนจบก็ทำงานที่นี่และไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดกลับมารดาอีกเลย แต่ในทุกวันหยุดยาวก็จะกลับไปเยี่ยมท่านและโทรศัพท์คุยกับท่านเกือบทุกวัน
มารดาของเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพราะยังมีบ้านของคุณป้าและคุณน้าของเธออยู่ใกล้ๆ กันมันก็เลยทำให้พิมพ์พริมาไม่ค่อยห่วงมากเท่าไหร่ อีกทั้งท่านก็สุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย
“ตกลงเราจะจ้างคนงานเพิ่มนะ”“ผมว่าเราให้คนงานชุดเดิมเพิ่มเวลาทำงานดีกว่าไหมครับ”“ช่วงแรกก็คงต้องเป็นแบบนี้ไปก่อน แต่ถ้าใช้คนงานชุดเดิมแล้วเพิ่มเวลาทำงานนานๆ ผมกลัวว่าพวกเขาจะเหนื่อยและอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ประกาศรับสมัครเพิ่มไปเลยน่าจะดีกว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดให้ถามจากวิศวกรผู้ควบคุมโครงการนะ” ภาวินท์ซีอีโอหนุ่มเจ้าของบริษัทรับสร้างบ้านและออกบ้านแบบครบวงจรบอกกับโฟร์แมนที่คุมโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรสไตล์โมเดิร์นลักชูรี่ขนาดสามสิบยูนิตซึ่งวันนี้ชายหนุ่มเข้ามาคุยกับโฟร์แมนแทนหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งตอนนี้เขามีปัญหาส่วนตัวที่จะต้องไปจัดการจึงมาดูงานที่นี่ไม่ได้“แล้วคุณเพลิงเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ” โฟร์แมนหนุ่มถามถึงโฆษิตหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งไม่มาทำงานหลายวันแล้ว“น่าจะอีกสองวันน่ะ ระหว่างนี้คุณก็ประกาศรับสมัครคนงานเพิ่มนะ”“คุณภาวินท์จะให้เรารับคนงานเพิ่มมากแค่ไหนครับ”“ก็แล้วแต่คุณเห็นสมควรเลย แต่ก็ดูหน่อยนะว่าคนงานใหม่ที่รับเข้ามาเคยมีปัญหากับคนงานของเราหรือเปล่า” เขาเตือนโฟร์แมนเพราะคนงานก่อสร้างบางครั้งก็มีแบ่งพรรคแบ่งพวกและเขาก็กลัวว่าคนงานที่รับมาใหม่จะไม่ถูกกับค
“ลองบอกมาก่อนสิว่าคุณจะให้ผมทำอะไรถ้าเกิดเป็นเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาผมก็ซวยแย่สิ”“โธ่...คุณไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอะไรหรอกนะ ง่ายๆ เองตกลงไหม”“แน่นะครับ”“ค่ะ ฉันแค่จะขอยืมมือคุณแค่นั้น”“ยืมมือผมเอาไปทำอะไร” ชายหนุ่มมองเธออย่างสงสัย“เถอะน่า ตกลงไหมล่ะ”“อือ แล้วผมต้องทำยังไง” ภาวินท์ตอบตกลงเพราะเขาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะทำอะไรต่อ“คุณนั่งจับช้อนกับตะเกียบไว้แบบนั้นนะ ทำเหมือนกำลังจะกินก๋วยเตี๋ยว ฉันขอถ่ายรูปคุณแป๊บเดียวเอง”“ถ่ายรูปเหรอ”“ก็ใช่นะสิ”“จู่ๆ จะมาถ่ายรูปกันได้ไง”“ฉันไม่ถ่ายให้เห็นหน้าคุณหรอกน่า ฉันถ่ายแค่ข้อมือเองนะ”“แล้วคุณจะเอารูปผมไปทำอะไร”“ฉันก็แค่จะโพสต์ลงในสตอรี่ว่าฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชาย”“ผมว่าเหตุผลมันฟังดูแปลกๆ นะ”“ไม่แปลกหรอกน่าตกลงนะ” หญิงสาวไม่รอฟังคำตอบเธอถ่ายรูปเขาจากนั้นก็โพสต์ลงสตอรี่ทันที“นี่ไงคะ” พูดแล้วเธอยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่มดู“ก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้หวานมาก คืออะไร” เขาอ่านข้อความใต้ภาพแล้วถามขึ้นและมองหน้าเธอสลับกับโทรศัพท์“ก็หมายความว่าวันนี้ฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชายไงล่ะ”“จะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังแน่นะ”“ไม่หรอก เพราะไม่ได้เห็นหน้าคุ
พิมพ์พริมาเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วลัดเลาะเข้ามาในซอยประมาณสามร้อยเมตรก็ถึงหอพัก หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปยังไม่ทันได้อาบน้ำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเห็นว่าคนที่โทรศัพท์เข้ามาคือเพื่อนสนิทก็รีบกดรับสายทันที“เรื่องมันเป็นยังไงเล่ามาเดี๋ยวนี้นะว่าน” ปลายสายรีบถามโดยที่พิมพ์พริมายังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปเลยสักคำ“นุ่นหมายถึงอะไรว่านไม่เห็นเข้าใจที่นุ่นพูดเลย”“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย บอกนุ่นมานะว่าวันนี้ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับใคร”“ไปกินคนเดียวสิจะให้กับใครล่ะ” พิมพ์พริมาคิดว่าที่อรนลินโทรศัพท์มาถามแบบนี้ก็เพราะเห็นรูปที่เธอเพิ่งจะโพสต์ลงไปเมื่อครู่แน่ๆ“แน่ใจเหรอว่านว่าไปกินคนเดียว แล้วรูปผู้ชายที่โพสต์มาล่ะหมายความว่ายังไง บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้นะ ตอนนี้มีแฟนใหม่แล้วเหรอ” นุ่นหรืออรนลินคาดคั้นอย่างต้องการคำตอบ“ไม่ใช่แฟนใหม่หรอกนุ่น”“แล้วเขาเป็นใคร”“ว่านก็ไม่รู้จักเหมือนกัน”“ไม่รู้จักเขาแล้วไปกินก๋วยเตี๋ยวกับเขาได้ยังไง อย่าโกหกหน่อยเลยน่า”“ว่านพูดเรื่องจริงนะ เราก็แค่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันเพราะโต๊ะมันเต็ม”“นุ่นไม่เชื่อหรอก บอกความจริงมาดีกว่าอย่าให้นุ่นสงสั
เมื่อนึกตามคำพูดของอรนลินแล้วพิมพ์พริมาก็เริ่มคิดหนักเพราะเธอลาออกจากงานมาได้เกือบจะสองเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มงานที่ไหนถ้าหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินเก็บที่สะสมมาก็คงจะหมดลงก่อนหน้านี้หญิงสาวทำงานเป็นพนักงานบัญชีอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหากับแฟนหนุ่มที่ทำงานในบริษัทเดียวกันหญิงสาวจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพราะไม่อาจจะทนมองหน้าเขาอีกต่อไปได้เธอคบกับปิติภัทรตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานในบริษัทและคุยกันเอาไว้ว่าจะเก็บเงินสักก้อนจากนั้นทั้งสองแต่งงานกัน แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเลยว่าแฟนของเธอจะแอบคบกับพนักงานในบริษัทอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งพอเธอรู้ก็บอกให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ปิติภัทรก็ทำตามตอนนั้นเธอยอมรับว่าดีใจมากที่เขาสำนึกผิดและกลับตัวได้แต่ผ่านไปไม่นานเขาก็แอบกลับไปคบกันอีกหญิงสาวทนคบกับเขาต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจบอกเลิกเพราะยิ่งคบก็ยิ่งเสียใจ เงินที่ทั้งสองฝากร่วมกันเพื่อจะจัดงานแต่งงานพิมพ์พริมาก็เอาคืนมาทุกบาททุกสตางค์ และเมื่อดูยอดเงินฝากแล้วส่วนใหญ่จะเป็นตัวเธอเองมากกว่าที่โอนเข้าบัญชีเกือบทุกเดือนส่วนเขานานๆ ครั้งถึงจะโอนเข้าซึ่งก่อนหน้านั้นพิมพ์พริมาไม่ได้สนใจจะดูยอดเงินในบัญชีเลย
เวลาเที่ยงครึ่งพิมพ์พริมาก็เดินทางมาถึงตึกสูงแห่งหนึ่งเมื่อแจ้งกับประชาสัมพันธ์ด้านล่างตึกแล้วเขาก็ให้เธอขึ้นไปยังชั้นเก้าซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่นในการมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ทางบริษัทเรียกแค่พิมพ์พริมาคนเดียว เพราะตอนนี้พนักงานบัญชีคนเดิมลาออกอย่างกะทันหันทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลง ส่วนตำแหน่งอื่นตามที่ประกาศรับสมัครนั้นต้องรอให้ถึงวันหมดเขตแล้วจึงนัดให้มาสัมภาษณ์คนที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้คือหัวหน้าแผนกบัญชีชื่อสุกัญญาซึ่งทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งคำถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกความรู้ทั่วไป การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทัศนคติในกาทำงานร่วมกันเป็นทีมรวมถึงความคิดเห็นส่วนตัวถ้าหากถูกเรียกมาทำงานในวันหยุดหรือต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับพิมพ์พริมาเลย“ตกลงพี่รับว่านเขาทำงานเลยก็แล้วกันนะ พร้อมจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสุกัญญาหัวหน้าแผนกบัญชีบอกกับพิมพ์พริมาหลังจากคุยกันมาสักพัก“วันจันทร์นี้ก็ได้ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบด้วยความมั่นใจเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวันและคิดว่าการร่วมงานวันจันทร์น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“เริ่มงานได้เร็วกว่าที่พี่คิดไว้
คุณสุกัญญาแจ้งเรื่องรับพนักงานใหม่ไปยังแผนกบุคคลเพื่อจัดเตรียมเอกสารและสัญญาต่างๆ ไว้รอหญิงสาวที่จะมาทำงานในวันจันทร์ หลังจากคุยกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลเสร็จแล้วเธอก็เดินกลับมาจากแผนกระหว่างนั้นก็เจอกับภาวินท์เจ้าของบริษัทที่ออกจากห้องประชุมมาพอดี“สวัสดีค่ะคุณภาวินท์”“สวัสดีครับพี่สุ เรื่องรับพนักงานฝ่ายบัญชีเป็นยังไงบ้าง” เขาเรียกสุกัญญาด้วยความสนิทสนมเพราะเธอเป็นพนักงานสิบคนแรกที่เขารับเข้ามาทำงานตั้งแต่เปิดบริษัท ชายหนุ่มนับถือสุกัญญาเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง“สุเรียกเข้ามาคุยวันนี้แล้วค่ะ”“แล้วเป็นยังไงบ้างครับถูกใจพี่สุหรือเปล่า”“พี่ว่าเด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้เลยนะคะเธอเคยทำงานในบริษัทXXXมาก่อน” สุกัญญาบอกข้อมูลของพนักงานคนใหม่ให้กับเจ้านายได้รับทราบ“ถ้าเธอเคยทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงมาสมัครที่บริษัทเราล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่สุสืบดูแล้วใช่ไหม”“พี่สืบดูแล้วค่ะ ในส่วนของการทำงานเธอเป็นคนทำงานใช้ได้เลยทีเดียวหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่นั่นพี่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง”“แล้วเขาบอกไหมครับว่าทำไมเธอถึงลาออกแล้วมาทำงานกับเรา”“จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเป็นความลับของพนักงานแต่พี่จะบอกคุณภาวินท์ก
เช้าวันจันทร์พิมพ์พริมาตื่นนอนตั้งแต่เช้าหญิงสาวนั่งรถเมล์มาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็นั่งรออยู่บริเวณโซนรับแขกของบริษัทเพื่อรอเวลาจะเข้าไปหาหัวหน้าแผนกบุคคล“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะว่าน”“สวัสดีค่ะพี่สุ” หญิงสาวยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายบัญชี“เข้าไปรอที่แผนกก่อนไหมล่ะ ฝ่ายบุคคลน่าจะยังไม่มาทำงานพี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับคนในแผนกก่อนจะไปทำเรื่องเอกสาร”“ได้ค่ะพี่สุ”หญิงสาวเดินตามสุกัญญาเข้ามาในแผนกซึ่งตอนนี้มีพนักงานคนหนึ่งมาทำงานก่อนหน้าเธอแล้วหนึ่งคน“กิ่งแก้วทำอะไรอยู่”“กิ่งกำลังหาไฟล์งานของปีที่แล้วอยู่น่ะ”“วางงานตรงหน้าก่อนได้ไหมสุมีพนักงานใหม่จะมาแนะนำให้รู้จัก” เมื่อหัวหน้าแผนกบอกแบบนั้นกิ่งแก้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มส่งยิ้มทักทายพนักงานใหม่“สวัสดีค่ะ” พิมพ์พริมายกมือไว้“ว่านคนนี้ชื่อกิ่งแก้วนะทำงานที่นี่มานานพอๆ กับพี่เลย”“สวัสดีค่ะพี่กิ่งแก้ว” หญิงสาวทักทายอีกครั้ง“สวัสดีจ้ะ เรียกพี่ว่ากิ่งก็ได้จ้ะ ยินดีต้อนรับสู่แผนกบัญชีของเรานะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง ยังไงว่านขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ พี่กิ่งสอนงานว่านด้วยนะคะ” หญิงสาวรีบฝากตัว“สุเล่าให้ฟังว่าว่านเคยท
สัปดาห์แรกของการทำงานผ่านไปได้ด้วยดีพิมพ์พริมารู้สึกมีความสุขมากกับที่ทำงานใหม่และเพื่อนร่วมงานใหม่ ช่วงแรกที่มาทำงานหญิงสาวเลิกงานในเวลาปกติคือห้าโมงเย็น แต่หัวหน้าแผนกก็แจ้งว่าช่วงปลายเดือนอาจจะต้องอยู่ทีโอทีและน่าจะเลิกงานประมาณเกือบสองทุ่ม ซึ่งพิมพ์พริมาคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย เพราะถึงจะเลิกงานเร็วเธอก็ต้องกลับไปเหงาอยู่คนเดียวที่ห้องวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์หญิงสาวออกจากบริษัทประมาณห้าโมงครึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลานั่งรถเมล์กลับหอพักเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะเย็นวันศุกร์ผู้โดยสารค่อนข้างมากกว่าปกติเธอกลับมาถึงห้องจัดการธุระส่วนตัวและนอนเล่นจนเผลอหลับและรู้สึกตัวตื่นอีกทีในเวลาเกือบจะสามทุ่มหญิงสาวรู้สึกหิวมากจึงเดินลงมาจากหอพักเพื่อไปยังบริเวณหน้าปากซอยซึ่งมีร้านอาหารอยู่หลายร้านที่เปิดจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำคนไม่มากเท่าไหร่ หลังจากสั่งเมนูโปรดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อและกลับมานั่งในจังหวะที่ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟพอดี“หายไปหลายวันเลยนอกใจพี่ไปกินร้านอื่นหรือเปล่า” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามลูกค้าประจำที่มักจะมารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่บ่อยๆ“ไม่ใช่หรอ
เมื่อเดินมาถึงห้องพักพิมพ์พริมาก็รีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องของตนเองกับภาวินท์ให้กับอรนลินฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนมาถึงการไปรับประทานส้มตำด้วยกันในวันนี้“นุ่นคิดว่าพี่วินอะไรเนี่ยเขาจะต้องกำลังจีบว่านอยู่แน่ๆ เลยนะ” อรนลินตั้งข้อสังเกต“ไม่หรอกมั้งนุ่น เราเพิ่งเจอกับพี่เขาได้แค่สามครั้งเอง”“ต่อให้เจอกันแค่ครั้งเดียวถ้าคนเขาจะจีบเขาก็จีบ เท่าที่นุ่นฟังนะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังจีบว่านแน่นอน”“แล้วว่านจะทำยังไงต่อล่ะนุ่น”“จะมาถามนุ่นได้ยังไงล่ะ ว่านก็ต้องถามตัวเองสิว่าเอายังไงต่อว่านรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง”“ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะ พี่วินก็แค่คนรู้จักคนหนึ่งเวลาคุยกับเขาก็เหมือนคุยกับเพื่อนกับพี่”“ใจไม่เต้นแรงเลยเหรอ”“ไม่นะ”“คุยกับเขาแล้วรู้สึกรำคาญหรือเบื่อบ้างไหมล่ะ”“ก็ไม่นะคุยกันได้เรื่อยๆ เจอกันแค่สามครั้งเองยังไม่รู้สึกเบื่อหรอก”“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้เขาโอกาสเขาดูสิแต่ถ้าคุยแล้วเริ่มเบื่อหรือคิดว่าไม่ใช่ก็ถอยออกมา นุ่นว่าว่านเลิกกับพี่ภัทรมานานแล้วนะ จะคุยกับผู้ชายคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือผิดอะไรเลย”“แค่คุยกันไม่กี่ครั้งเองว่านยังไม่อยากคิดอะไรม
บ่ายวันเสาร์ภาวินท์ก็มาที่ร้านส้มตำตามเวลาที่นัดไว้ เขากำลังชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่พิมพ์พริมาจะมาที่ร้าน ขณะที่พนักงานในร้านก็มาถามว่าเขาจะสั่งอะไรบ้าง ชายหนุ่มลังเลถ้าหากเขาสั่งอาหารมาทานแล้วพิมพ์พริมาไม่มาตามนัด เขาก็น่าจะต้องทานคนเดียวซึ่งมันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะต้องนั่งรับประทานอาหารตามลำพัง“ผมขอโทรถามเพื่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยสั่งอาหาร” ชายหนุ่มบอกกับพนักงานของร้านจากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาหญิงสาวและรอสายอยู่นานแต่เธอก็ยังไม่ยอมรับ ภาวินท์เริ่มใจเสียเพราะคิดว่าพิมพ์พริมาจะเบี้ยวนัดเขาไลน์ไปหาเธอเพื่อถามว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหนและจะมาทานอาหารกับเขาหรือเปล่า แต่หญิงสาวก็ไม่อ่านข้อความ นั่นยิ่งทำให้ภาวินท์รู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะไปตามเธอที่หอพัก ขณะกำลังลุกจากเก้าอี้ก็เห็นเธอเดินเข้ามาในร้านพอดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ขอโทษนะคะพี่วินพอดีว่านคุยกับเพื่อนเพลินไปหน่อยเลยมาช้า”“แล้วเพื่อนอยู่ไหนล่ะ ไม่มากินกับเราเหรอ”“ว่านหมายถึงคุยโทรศัพท์ค่ะ พี่วินสั่งอาหารหรือยังคะ”“ยังเลยครับ พี่ไม่รู้ว่าว่านกินแบบไหน”“พี่วินล่ะกินเผ็ดได้ไหม”“ได้พอประมาณถ้าอย่างนั้นลองสั่
สัปดาห์แรกของการทำงานผ่านไปได้ด้วยดีพิมพ์พริมารู้สึกมีความสุขมากกับที่ทำงานใหม่และเพื่อนร่วมงานใหม่ ช่วงแรกที่มาทำงานหญิงสาวเลิกงานในเวลาปกติคือห้าโมงเย็น แต่หัวหน้าแผนกก็แจ้งว่าช่วงปลายเดือนอาจจะต้องอยู่ทีโอทีและน่าจะเลิกงานประมาณเกือบสองทุ่ม ซึ่งพิมพ์พริมาคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย เพราะถึงจะเลิกงานเร็วเธอก็ต้องกลับไปเหงาอยู่คนเดียวที่ห้องวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์หญิงสาวออกจากบริษัทประมาณห้าโมงครึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลานั่งรถเมล์กลับหอพักเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะเย็นวันศุกร์ผู้โดยสารค่อนข้างมากกว่าปกติเธอกลับมาถึงห้องจัดการธุระส่วนตัวและนอนเล่นจนเผลอหลับและรู้สึกตัวตื่นอีกทีในเวลาเกือบจะสามทุ่มหญิงสาวรู้สึกหิวมากจึงเดินลงมาจากหอพักเพื่อไปยังบริเวณหน้าปากซอยซึ่งมีร้านอาหารอยู่หลายร้านที่เปิดจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำคนไม่มากเท่าไหร่ หลังจากสั่งเมนูโปรดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อและกลับมานั่งในจังหวะที่ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟพอดี“หายไปหลายวันเลยนอกใจพี่ไปกินร้านอื่นหรือเปล่า” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามลูกค้าประจำที่มักจะมารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่บ่อยๆ“ไม่ใช่หรอ
เช้าวันจันทร์พิมพ์พริมาตื่นนอนตั้งแต่เช้าหญิงสาวนั่งรถเมล์มาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็นั่งรออยู่บริเวณโซนรับแขกของบริษัทเพื่อรอเวลาจะเข้าไปหาหัวหน้าแผนกบุคคล“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะว่าน”“สวัสดีค่ะพี่สุ” หญิงสาวยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายบัญชี“เข้าไปรอที่แผนกก่อนไหมล่ะ ฝ่ายบุคคลน่าจะยังไม่มาทำงานพี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับคนในแผนกก่อนจะไปทำเรื่องเอกสาร”“ได้ค่ะพี่สุ”หญิงสาวเดินตามสุกัญญาเข้ามาในแผนกซึ่งตอนนี้มีพนักงานคนหนึ่งมาทำงานก่อนหน้าเธอแล้วหนึ่งคน“กิ่งแก้วทำอะไรอยู่”“กิ่งกำลังหาไฟล์งานของปีที่แล้วอยู่น่ะ”“วางงานตรงหน้าก่อนได้ไหมสุมีพนักงานใหม่จะมาแนะนำให้รู้จัก” เมื่อหัวหน้าแผนกบอกแบบนั้นกิ่งแก้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มส่งยิ้มทักทายพนักงานใหม่“สวัสดีค่ะ” พิมพ์พริมายกมือไว้“ว่านคนนี้ชื่อกิ่งแก้วนะทำงานที่นี่มานานพอๆ กับพี่เลย”“สวัสดีค่ะพี่กิ่งแก้ว” หญิงสาวทักทายอีกครั้ง“สวัสดีจ้ะ เรียกพี่ว่ากิ่งก็ได้จ้ะ ยินดีต้อนรับสู่แผนกบัญชีของเรานะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง ยังไงว่านขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ พี่กิ่งสอนงานว่านด้วยนะคะ” หญิงสาวรีบฝากตัว“สุเล่าให้ฟังว่าว่านเคยท
คุณสุกัญญาแจ้งเรื่องรับพนักงานใหม่ไปยังแผนกบุคคลเพื่อจัดเตรียมเอกสารและสัญญาต่างๆ ไว้รอหญิงสาวที่จะมาทำงานในวันจันทร์ หลังจากคุยกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลเสร็จแล้วเธอก็เดินกลับมาจากแผนกระหว่างนั้นก็เจอกับภาวินท์เจ้าของบริษัทที่ออกจากห้องประชุมมาพอดี“สวัสดีค่ะคุณภาวินท์”“สวัสดีครับพี่สุ เรื่องรับพนักงานฝ่ายบัญชีเป็นยังไงบ้าง” เขาเรียกสุกัญญาด้วยความสนิทสนมเพราะเธอเป็นพนักงานสิบคนแรกที่เขารับเข้ามาทำงานตั้งแต่เปิดบริษัท ชายหนุ่มนับถือสุกัญญาเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง“สุเรียกเข้ามาคุยวันนี้แล้วค่ะ”“แล้วเป็นยังไงบ้างครับถูกใจพี่สุหรือเปล่า”“พี่ว่าเด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้เลยนะคะเธอเคยทำงานในบริษัทXXXมาก่อน” สุกัญญาบอกข้อมูลของพนักงานคนใหม่ให้กับเจ้านายได้รับทราบ“ถ้าเธอเคยทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงมาสมัครที่บริษัทเราล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่สุสืบดูแล้วใช่ไหม”“พี่สืบดูแล้วค่ะ ในส่วนของการทำงานเธอเป็นคนทำงานใช้ได้เลยทีเดียวหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่นั่นพี่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง”“แล้วเขาบอกไหมครับว่าทำไมเธอถึงลาออกแล้วมาทำงานกับเรา”“จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเป็นความลับของพนักงานแต่พี่จะบอกคุณภาวินท์ก
เวลาเที่ยงครึ่งพิมพ์พริมาก็เดินทางมาถึงตึกสูงแห่งหนึ่งเมื่อแจ้งกับประชาสัมพันธ์ด้านล่างตึกแล้วเขาก็ให้เธอขึ้นไปยังชั้นเก้าซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่นในการมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ทางบริษัทเรียกแค่พิมพ์พริมาคนเดียว เพราะตอนนี้พนักงานบัญชีคนเดิมลาออกอย่างกะทันหันทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลง ส่วนตำแหน่งอื่นตามที่ประกาศรับสมัครนั้นต้องรอให้ถึงวันหมดเขตแล้วจึงนัดให้มาสัมภาษณ์คนที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้คือหัวหน้าแผนกบัญชีชื่อสุกัญญาซึ่งทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งคำถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกความรู้ทั่วไป การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทัศนคติในกาทำงานร่วมกันเป็นทีมรวมถึงความคิดเห็นส่วนตัวถ้าหากถูกเรียกมาทำงานในวันหยุดหรือต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับพิมพ์พริมาเลย“ตกลงพี่รับว่านเขาทำงานเลยก็แล้วกันนะ พร้อมจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสุกัญญาหัวหน้าแผนกบัญชีบอกกับพิมพ์พริมาหลังจากคุยกันมาสักพัก“วันจันทร์นี้ก็ได้ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบด้วยความมั่นใจเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวันและคิดว่าการร่วมงานวันจันทร์น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“เริ่มงานได้เร็วกว่าที่พี่คิดไว้
เมื่อนึกตามคำพูดของอรนลินแล้วพิมพ์พริมาก็เริ่มคิดหนักเพราะเธอลาออกจากงานมาได้เกือบจะสองเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มงานที่ไหนถ้าหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินเก็บที่สะสมมาก็คงจะหมดลงก่อนหน้านี้หญิงสาวทำงานเป็นพนักงานบัญชีอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหากับแฟนหนุ่มที่ทำงานในบริษัทเดียวกันหญิงสาวจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพราะไม่อาจจะทนมองหน้าเขาอีกต่อไปได้เธอคบกับปิติภัทรตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานในบริษัทและคุยกันเอาไว้ว่าจะเก็บเงินสักก้อนจากนั้นทั้งสองแต่งงานกัน แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเลยว่าแฟนของเธอจะแอบคบกับพนักงานในบริษัทอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งพอเธอรู้ก็บอกให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ปิติภัทรก็ทำตามตอนนั้นเธอยอมรับว่าดีใจมากที่เขาสำนึกผิดและกลับตัวได้แต่ผ่านไปไม่นานเขาก็แอบกลับไปคบกันอีกหญิงสาวทนคบกับเขาต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจบอกเลิกเพราะยิ่งคบก็ยิ่งเสียใจ เงินที่ทั้งสองฝากร่วมกันเพื่อจะจัดงานแต่งงานพิมพ์พริมาก็เอาคืนมาทุกบาททุกสตางค์ และเมื่อดูยอดเงินฝากแล้วส่วนใหญ่จะเป็นตัวเธอเองมากกว่าที่โอนเข้าบัญชีเกือบทุกเดือนส่วนเขานานๆ ครั้งถึงจะโอนเข้าซึ่งก่อนหน้านั้นพิมพ์พริมาไม่ได้สนใจจะดูยอดเงินในบัญชีเลย
พิมพ์พริมาเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วลัดเลาะเข้ามาในซอยประมาณสามร้อยเมตรก็ถึงหอพัก หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปยังไม่ทันได้อาบน้ำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเห็นว่าคนที่โทรศัพท์เข้ามาคือเพื่อนสนิทก็รีบกดรับสายทันที“เรื่องมันเป็นยังไงเล่ามาเดี๋ยวนี้นะว่าน” ปลายสายรีบถามโดยที่พิมพ์พริมายังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปเลยสักคำ“นุ่นหมายถึงอะไรว่านไม่เห็นเข้าใจที่นุ่นพูดเลย”“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย บอกนุ่นมานะว่าวันนี้ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับใคร”“ไปกินคนเดียวสิจะให้กับใครล่ะ” พิมพ์พริมาคิดว่าที่อรนลินโทรศัพท์มาถามแบบนี้ก็เพราะเห็นรูปที่เธอเพิ่งจะโพสต์ลงไปเมื่อครู่แน่ๆ“แน่ใจเหรอว่านว่าไปกินคนเดียว แล้วรูปผู้ชายที่โพสต์มาล่ะหมายความว่ายังไง บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้นะ ตอนนี้มีแฟนใหม่แล้วเหรอ” นุ่นหรืออรนลินคาดคั้นอย่างต้องการคำตอบ“ไม่ใช่แฟนใหม่หรอกนุ่น”“แล้วเขาเป็นใคร”“ว่านก็ไม่รู้จักเหมือนกัน”“ไม่รู้จักเขาแล้วไปกินก๋วยเตี๋ยวกับเขาได้ยังไง อย่าโกหกหน่อยเลยน่า”“ว่านพูดเรื่องจริงนะ เราก็แค่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันเพราะโต๊ะมันเต็ม”“นุ่นไม่เชื่อหรอก บอกความจริงมาดีกว่าอย่าให้นุ่นสงสั
“ลองบอกมาก่อนสิว่าคุณจะให้ผมทำอะไรถ้าเกิดเป็นเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาผมก็ซวยแย่สิ”“โธ่...คุณไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอะไรหรอกนะ ง่ายๆ เองตกลงไหม”“แน่นะครับ”“ค่ะ ฉันแค่จะขอยืมมือคุณแค่นั้น”“ยืมมือผมเอาไปทำอะไร” ชายหนุ่มมองเธออย่างสงสัย“เถอะน่า ตกลงไหมล่ะ”“อือ แล้วผมต้องทำยังไง” ภาวินท์ตอบตกลงเพราะเขาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะทำอะไรต่อ“คุณนั่งจับช้อนกับตะเกียบไว้แบบนั้นนะ ทำเหมือนกำลังจะกินก๋วยเตี๋ยว ฉันขอถ่ายรูปคุณแป๊บเดียวเอง”“ถ่ายรูปเหรอ”“ก็ใช่นะสิ”“จู่ๆ จะมาถ่ายรูปกันได้ไง”“ฉันไม่ถ่ายให้เห็นหน้าคุณหรอกน่า ฉันถ่ายแค่ข้อมือเองนะ”“แล้วคุณจะเอารูปผมไปทำอะไร”“ฉันก็แค่จะโพสต์ลงในสตอรี่ว่าฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชาย”“ผมว่าเหตุผลมันฟังดูแปลกๆ นะ”“ไม่แปลกหรอกน่าตกลงนะ” หญิงสาวไม่รอฟังคำตอบเธอถ่ายรูปเขาจากนั้นก็โพสต์ลงสตอรี่ทันที“นี่ไงคะ” พูดแล้วเธอยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่มดู“ก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้หวานมาก คืออะไร” เขาอ่านข้อความใต้ภาพแล้วถามขึ้นและมองหน้าเธอสลับกับโทรศัพท์“ก็หมายความว่าวันนี้ฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชายไงล่ะ”“จะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังแน่นะ”“ไม่หรอก เพราะไม่ได้เห็นหน้าคุ