เกริ่นนำ
“เอ่อ…สา เรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว?” ผมเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า ในขณะที่มีม่านหมอกเพื่อนสนิทของผมนั่งอยู่ด้วย
“เกือบปีแล้ว นายมีอะไรหรือเปล่า?” เธอยิ้มให้ผมจนเห็นฟันเรียงสวย ผมชอบเธอมาก ๆ อยากอยู่ใกล้ ๆ อยากเห็นรอยยิ้มแสนสดใสแบบนี้ทุกวัน
“จั่น…เอ่อ…” ผมเม้มปากเป็นเส้นตรงรวบรวมความกล้าของตัวเอง ผมอยากจะสารภาพความในใจกับเธอ
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ สารอฟังค่ะ” เธอส่งยิ้มหวาน พร้อมกับจับมือของผม ผมใช้มืออีกข้างมาจับมือของเธอเอาไว้แน่น
“จั่น กูไปซื้อน้ำก่อนนะ” ม่านหมอกว่าพร้อมลุกขึ้น
“อืม ซื้อมาเผื่อกูกับสาด้วยนะ” ผมพูดกับม่านหมอก ผมกับเธอสนิทกับมาก จะใช้มึงกูกันตลอด ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
“อืม” ม่านหมอกพยักหน้ารับคำ แล้วเดินไป
“ตลอดเวลาที่รู้จักกัน จั่นชอบริสามากนะ แล้วริสาล่ะรู้สึกอย่างไร?”
“สารู้สึกดีค่ะ ที่มีจั่นอยู่ใกล้ ๆ” ริสายิ้มพร้อมกับหลบสายตาผมอย่างเขินอาย
“รู้สึกเหมือนกันเลย” ผมว่าพลางยกมือขึ้นทัดผมให้ริสา
“ค่ะ”
“เป็นแฟนกับจั่นนะริสา”
“ค่ะ” คำตอบของริสาทำเอาผมยิ้มแก้มแทบแตก เมื่อได้ฟังคำตอบนั้น คำตอบที่ผมหวังมาตลอด ผมมองใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างรักใคร่ ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ผมย้ายออกมาจากบ้าน มาอยู่คอนโดของตัวเองตั้งแต่เรียนปี1 วันเวลาก็ผ่านมาหลายปีจนกระทั่งผมเรียนจบ เริ่มทำงานที่บริษัทของพ่อผม และผมกับริสาก็ปลูกต้นรักสุกงอมเต็มที่
“มึงพากูมาทำอะไรที่นี่วะ” ม่านหมอกเอ่ยถามผมขณะที่ผมขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของแฟนสาว ผมหยิบกล่องกำมะยี่สีดำออกมา จากนั้นก็ชูกล่องนั้นให้เพื่อนสนิทของผมดู
“กูจะขอริสาแต่งงาน” ผมพูดอย่างยิ้มแย้ม แต่คนฟังกลับหน้าซีดเผือด แววตาสั่นระริก ก่อนจะปรับเป็นแววตาราบเรียบ
“อ๋อ…” ม่านหมอกพยักหน้า ก่อนจะหันหน้าไปมองกระจกข้าง ๆ
“มึงว่าริสาจะดีใจไหมวะ?”
“คงดีใจมั้ง” ม่านหมอกพูดเสียงเรียบ แต่ไม่หันมามองผม
“หมอก มึงรอกูอยู่ในรถนะ เดี๋ยวกูไปหาริสาก่อน”
“อืม ไปเถอะ” ม่านหมอกหันมาพยัก พร้อมกับส่งยิ้มฝืน ๆ ให้ผม ก่อนเธอจะหันไปมองข้างทางแบบเดิม
ผมถือกล่องกำมะยี่สีดำเดินเข้าไปในบ้าน ผมกวาดสายตามองหาหญิงคนรัก แต่ก็ไม่เจอ ผมเดินขึ้นไปบนบ้านเธออย่างถือวิสาสะ เมื่อก่อนผมมาบ่อย แต่ช่วงหลัง ๆ ผมต้องช่วยครอบครัวทำงาน เลยไม่ค่อยได้มา แต่ผมก็ติดต่อกับเธอตลอด แค่พักหลัง ๆ เองที่ห่างกัน
ผมก้าวเท้าไปที่ห้องริสาอย่างผ่าวเบา ผมต้องการเซอร์ไพรส์คนรักของผม ประตูห้องของเธอไม่ได้ปิด ทำให้ผมได้เห็นชายหญิงในห้องอย่างชัดเจน ริสาใช้ท่อนแขนเรียวเล็กโอบรอบคอของชายหนุ่มที่โอบรอบเอวบางของเธอ
อารมณ์ผมเดือดถึงขีดสุด เมื่อได้เห็นทั้งสองพลอดรักกัน ผมปรี่เข้าไปกระชากไอ้บ้านั่นทันที
“ว้าย!” ริสากรีดร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อผมกระชากไอ้บ้านั่นออกมา
ผัวะ! ผัวะ! ผมประเคนหมัดใส่ใบหน้าคมคายของไอ้บ้านั่นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้เห็นว่ามันกำลังจูบแฟนของผมอยู่
“หยุด!”
“ทำไมต้องหยุด!”
ผัวะ! ผัวะ!
“โอ๊ย! โอ๊ย!”
“จั่นไม่ปล่อยมันลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้หรอกนะ แม่ง! สารเลว! ไอ้เชี่ย!” ผมสบถถ้อยคำหยาบคาย ริสาเข้าไปประคองไอ้บ้านั่นขึ้น ผมกำหมัดแน่นจะเข้าไปชกมันอีกครั้ง
เพียะ!
ฝ่ามือเรียวเล็กของผู้หญิงที่ผมรักสะบัดลงใบหน้าคมคายของผมทันที จนหน้าของผมหันไปตามเเรงตบ แรงตบของเธอทำเอาผมชาไปทั้งใบหน้า ผมจับหน้าตัวเองพร้อมกับใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มตัวเอง
“หยุด อย่ามาทำร้ายเดรโกนะ” ริสาชี้หน้าผม พร้อมกับมองผมด้วยความโกรธ หัวใจของผมกระตุกวาบเมื่อได้เห็นท่าทางของเธอ
“ทะ…ทำไมสาถึงพูดแบบนี้?” ผมเสียงสั่นมองหน้าผู้หญิงที่ผมรักด้วยหัวใจเจ็บปวด เมื่อได้เห็นเธอปกป้องไอ้บ้านั่น
“เราเลิกกันเถอะ” คำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากบางเล็ก ทำเอาผมแทบทรุดไปกับพื้น ร่างกายของผมชาวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ากับสิ่งที่ได้ยิน
“มะ… ไม่” ผมพูดพร้อมกับส่ายหัวไปมา ผมไม่เลิกไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามผมก็ไม่เลิก ผมพยายามกอดร่างบางเล็ก ของหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้แน่น ๆ ผมอยากให้เธอได้รับรู้ความรักที่ผมมีให้เธอ มันมากล้นจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
“น่ารำคาญ ปล่อย” ริสาสะบัดตัวออก แต่ผมไม่ยอมปล่อยผมพยายามเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้เต็มที่
“สา ฮึก! ได้โปรดอย่าทำแบบนี้ ฮือ ๆ” น้ำตาลูกผู้ชายของผมไหลรินอาบแก้ม พยายามเหนี่ยวรั้งผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอไปจากผม
“ฉันไม่ได้รักนายแล้ว ต่อไปนี้เราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกัน ฉันจะได้ไปใช้ชีวิตใหม่ กับผู้ชายคนที่ดีกว่านาย”
“สา ฮึก!”
“ปล่อย”
“สา ฮือ ๆ อย่าไปจากจั่นเลย”
“ผู้หญิงเขาบอกให้ปล่อยไง” ผู้ชายที่อยู่กับริสาเข้ามาผลักผมจนล้มลง ผมหมดแรงจะลุกจะเดิน จะทำอะไรแล้ว ในเมื่อสิ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นความสุขกลับพังทลายลง
“สา สาต้องการอะไร จั่นจะหามาให้ทุกอย่าง” ผมพูดทั้งน้ำตา ความรักที่ผมกับเธอร่วมสร้างกันมามันพังทลายลง เมื่อต้องการไปอยู่กับคนอื่น ทำไมผมถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจผมได้ขนาดนี้
“ได้โปรด”
“ไปตายซะ!” ริสาเดินจับมือกันไปกับไอ้เดรโกอย่างไม่ไยดี ขณะที่ผมกำลังร้องไห้ฟูมฟาย
“ฮึก! สา อย่าไปเลย จั่นมีแหวนเพชรเม็ดใหญ่ จั่นตั้งใจจะเอามาขอสาแต่งงาน สาอย่าไปกับมันนะ” ผมจับมือของริสาเอาไว้พร้อมกับยื่นแหวนให้เธอดู
“แหวนเล็กนิดเดียว ฉันไม่ต้องการ” ริสาปัดกล่องแหวนของผมจนมันกระเด็นตกไป
“สา ฮึก! ตอบจั่นสิจั่นผิดอะไร?” ใจของผมมันเจ็บจนชาไปหมด ผมแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะประคองร่าง หูของผมมันอื้ออึง ตาของผมมันพร่ามัว เพราะถูกบดยังไปด้วยม่านน้ำตา ร่างกายของผมมันชาไร้ความรู้สึก หัวใจของผมมันกำลังหมดแรง มันเหมือนเต้นลงช้า ๆ และกำลังจะแตกสลาย
“...”
“บอกจั่นมาสิ ฮือ ๆ” ผมร้องไห้ราวกับเด็กน้อยเสียขวัญ ผมสะอื้นตัวโยนกอดร่างของผู้หญิงที่ผมรักจากทางด้านหลัง
“ฉันจะไปรอที่รถนะ” เดรโกพูดอย่างหงุดหงิดแล้วเดินออกไป ริสาแกะมือของผมออก แล้วหันมาประจันหน้ากับผม
“สาไม่ได้รักนายแล้วปั้นจั่น ปล่อยสาไปมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเถอะ” ริสาว่าจบแล้วเดินออกไป เธอไม่แม้จะหันมามองผมด้วยซ้ำ
เรื่องนี้เพื่อนแอบรักเพื่อนนะคะ และมีคำหยาบค่ะ
Chapter 1ม่านหมอก… TALK...ฉันนั่งรอเพื่อนรักของฉันอยู่ที่รถ ยอมรับว่าฉันเสียใจ ที่ปั้นจั่นไม่เคยรับรู้ว่าฉันรักเขามากแค่ไหน ปั้นจั่นคบกับริสา ไม่ใช่ว่าฉันไม่เจ็บ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันได้แต่เฝ้ามองทั้งสองพลอดรักกันอย่างมีความสุข ซึ่งมันต่างจากหัวใจของฉันที่ทุกข์ระทมตรอมตรมมาตลอดฉันรักผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง...ฉันจะแสดงความรู้สึกกับเพื่อนได้อย่างไรกัน ว่าฉันรักเขามากกว่าเพื่อน ถ้าฉันสารภาพออกไป ฉันก็กลัวความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับปั้นจั่นมันจะแย่ลง ฉันกลัวเสียเพื่อนรักฉันกลัวเสียผู้ชายที่ฉันรักไปฉันเลือกที่จะเงียบและดูเพื่อนรักของฉันมีความสุข ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บ แต่ฉันก็ยังมีเขาอยู่ข้าง ๆฉันมองร่างของชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเดินออกมาจากบ้าน เขาเดินไปเตะกระถางต้นไม้ แล้วเดินไปนั่งรถสปอร์ตหรูอย่างไม่สบอารมณ์ ผ่านไปสักพักริสาก็เดินออกมาจากบ้านแล้วเดินไปขึ้นรถสปอร์ตหรูแล้วขับออกไปฉันขมวดคิ้วมุ่นในเมื่อปั้นจั่นบอกว่าจะไปขอริสาแต่งงาน แล้วทำไมริสาถึงไปกับผู้ชายอีกคน แล้วเพื่อนสนิทของฉันทำไมถึงไม่ออกมา สมองของฉันมันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด ฉันนั่งอยู่บนรถอย่างร
Chapter 2สวัสดีค่ะฉันชื่อม่านหมอก หมอกเหมือนชื่อ ความรักที่มืดมนหม่นหมอง มีรักกับเขาทั้งทีกลับไม่เคยสดใสเลย ได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้เปิดเผยไม่ได้ และรักเขาข้างเดียวอีกต่างหาก เฮ้อ! ฉันเป็นคนอีสานเข้ามาหาเรียนที่กรุงเทพฯ ฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่เป็นชาวนา กว่าฉันเรียนจบนาผืนน้อยและวัวที่พ่อเคยมี ก็ขายส่งควายอย่างฉันเรียนเกือบหมด ฉันมีน้องสาว1คนแก่นแก้วแสนซน อายุ8ปี พอฉันเรียนจบ ภาระทุกอย่างก็ตกมาที่ฉัน ฉันต้องส่งเงินกลับบ้านทุกเดือน หลังจากหักค่าห้องค่ากิน เงินทั้งหมดที่เหลือฉันส่งกลับบ้านหมดฉันไม่เคยปริปากบ่น ฉันอยากจะมีเงินส่งกลับบ้านเยอะ ๆ พ่อแม่จะได้สบาย ดีนะที่ฉันเรียนจบ แล้วได้ทำงานกับเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน และผู้ชายคนนั้นคือปั้นจั่นก๊อก! ก๊อก! แกรก! เสียงเคาะประตูดังถี่ ๆ ตามด้วยเสียงเปิดประตูเข้ามา พี่ปั้นสิบเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง“หมอก ไอ้ปั้นจั่นอกแตกตายยังวะ!” พี่ปั้นสิบถามฉัน แล้ววางข้าวของลงบนโต๊ะ“ไม่ตายก็เหมือนตายแหละพี่ ร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุดเลย ไม่รู้มันเอาน้ำตาจากที่ไหนมาผลิตนักหนา” ฉันบ่นกระปอดกระแปด พร้อมกับทรุดกายลงนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ปั้นจ
Chapter 3“กูจะกลับแล้วนะปั้นจั่น” ฉันเขย่าตัวของปั้นจั่น เเต่กลับนิ่งเงียบ ฉันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นอยู่นาน ลมหายใจของปั้นจั่นดังสม่ำเสมอคราบน้ำตา ยังติดอยู่ที่ใบหน้าคมเข้มนั้น ฉันกลอกตามองบนก่อนจะพยุงร่างของปั้นจั่นขึ้นเพื่อไปนอนบนเตียง ฉันจะมาปล่อยนอนตรงนี้ไม่ได้หรอก ถ้าเกิดว่าหนาวเขาจะทำอย่างไรล่ะ เมาหนักขนาดนี้“โอ้ย ตัวมึงนี่ทำไมมันอ่อนปวกเปียกแบบนี้วะ” ฉันพยายามพยุงปั้นจั่นขึ้น แต่เขาก็ล้มไปนอนกับพื้นเหมือนเดิม“...”“มึงแดกช้างหรือไงวะ? ทำไมตัวมึงหนักขนาดนี้” ฉันบ่นพร้อมกับพยายามลากร่างของปั้นจั่นไปในห้องปึก! ปึก! เสียงหัวปั้นจั่นชนกับขอบประตูบ้าง ชนขอบตู้บ้าง เฮ้อ! ก็ตัวปั้นจั่นหนักขนาดนั้น จะให้ฉันทำยังไง?“ฮึก!” ปั้นจั่นสะอื้นในลำคอ“ตัวมึงหนักชะมัดเลยวะ” ฉันลากปั้นจั่นไปที่เตียงจนสำเร็จจากนั้นก็ดึงเขาขึ้นไปบนเตียง แล้วห่มผ้าให้ “ริสา จั่นรักนิสานะ ฮึก!” ปั้นจั่นกอดฉันเอาไว้ หัวใจของฉันเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เขารั้งร่างบางของฉัน แล้วฝังจมูกลงบนซอกคออ่อนของฉัน กลิ่นกายของปั้นจั่นหอมอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นเหล้า เคล้ากลิ่นบุรุษเพศ ชวนสะยิวใจไม่น้อยปั้นจั่นนิ่งไปอ้อม
Chapter 4“พี่ปั้นสิบให้กูดูแลมึง กูไปไม่ได้หรอกถ้ากูไปแล้วใครจะดูแลมึงล่ะ” “ไม่ต้องมาดูแลกู!” ปั้นจั่นผลักบ่าฉันแรง ๆ เจ็บวะ! เจ็บเชี่ย ๆ ที่เห็นคนที่รักทำแบบนี้“ปั้นจั่น” “คำว่าเพื่อนมันจบลง ตั้งแต่มึงบอกว่ารักกูแล้วแหละ” “มันต้องจบอยู่แล้วเพราะกูคิดกับมึงมากกว่าเพื่อน ให้กูคิดกลับไปเป็นเพื่อนกูทำไม่ได้จริง ๆ”“มึงจะไปไหนก็ไปหมอกต่างคนต่างอยู่ ต่อไปนี้เลิกข้องเกี่ยวกัน” “มึงคิดหรือเปล่า? ก่อนที่มึงจะพูดออกมา” “กูคิดดีแล้ว”“ไหนมึงบอกว่าเราจะไม่ทิ้งกันไงไอ้ปั้นจั่น”“คำพูดนั้นกูเคยพูดกับเพื่อนกู ตอนนี้มึงไม่ใช่แล้ว”“มึงต้องการแบบนั้นใช่ไหมปั้นจั่น? มึงต้องการให้กูออกไปจากชีวิตมึงใช่ไหม? มึงแค่พูดออกมาเลย กูจะได้ไม่ต้องทนกับความรู้สึกเจ็บปวดที่กูต้องมองมึงพลอดรักกับคนอื่น กูจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับมึงอีก” ฉันพูดพร้อมกับจ้องหน้าปั้นจั่นด้วยความเจ็บปวด ถ้าเขาพูดออกมาว่า ต้องการให้ฉันออกไปจากชีวิตเขาฉันก็จะไป มันคงไม่มีอะไรเจ็บไปมากกว่านี้แล้วแหละฉันควรจะออกไปจากชีวิตของปั้นจั่นตั้งนานแล้ว เพราะความรักงี่เง่าของฉัน ที่ฉันต้องทนมองดูคนที่ฉันรักรักกับคนอื่น เพราะคำว่าเพื่อนที่เข
Chapter 5ม่านหมอก… TALK...“นี่คีย์การ์ดห้องคอนโดดีดิว ห้องของเธอ” คนที่ชื่อสายฟ้ายื่นคีย์การ์ดให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไว้อย่างนอบน้อม ส่วนคุณพายุเดินเข้ามา แล้วไปหยุดยืนที่หน้าต่าง เขาหยิบบุหรี่ราคาแพงขึ้นมาสูบ แล้วพ่นควันขาวลอยคลุ้ง แค่ได้กลิ่นฉันจะเป็นลม ฉันไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ มันเหม็นแค่ได้กลิ่นฉันก็จะตายแล้ว ฉันยกมือขึ้นมาปิดจมูกอย่างอดไม่ได้ สายตาคมเข้มนั้นตวัดมองฉันสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันไปมองผ่านอากาศอันเวิ้งว้างนอกกระจกใส“ลูกน้องของผมน่าจะกำลังไปขนของเธอไปที่คอนโดแล้ว ไปดูความเรียบร้อย พรุ่งนี้มาทำงาน” คุณสายฟ้ายิ้มให้ฉัน ฉันยังงง ๆ เขารู้ได้ไงว่าฉันพักที่ไหน ฉันได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันกลับก่อนนะคะ” ฉันยกมือไหว้อีกครั้ง“ครับ” ฉันหยิบซองเงินเดือนล่วงหน้าและคีย์การ์ดออกมาด้วย ในใจก็คิดไปเรื่อย ให้ฉันไปอยู่คอนโด คงจะเป็นคอนโดธรรมดาไม่หรูอะไรหรอก แค่พนักงาน เขาคงไม่ให้อยู่เลิศหรูหรอกมั้ง ฉันนั่งรถมาที่ห้องเช่าของตัวเอง ปรากฏว่ามีผู้ชาย5-6คน ขนของฉันมาไว้บนรถเรียบร้อยแล้ว“จะไปพร้อมพวกผมเลยไหมครับ?” ชายเสื้อลายถามฉัน ฉันยังงงกลางดงผู้ชายอยู่เลย
Chapter 6ม่านหมอก… TALK...“หมอก ตรงนี้ผมว่าแก้ก็ดีนะ”“แต่หมอกว่ามันโอเคแล้วนะคะคุณสายฟ้า” ฉันพูดขณะยื่นภาพภาพสินค้าตัวใหม่ที่ฉันออกแบบอีกอันให้คุณสายฟ้าดูบริษัทที่ฉันทำงาน ทำเกี่ยวกับส่งออกสินค้าพวกของเล่นเด็ก ส่งออกไปทั่วโลก“แต่ผมว่ามันแปลก ๆ อยู่ดี”“แปลกยังไงคะ? หมอกว่าโอเคแล้ว เพราะมันปลอดภัยกับเด็กด้วย อุปกรณ์ที่เราจะเอามาผลิตก็มีคุณภาพ ตามสโลแกนของบริษัทเลยค่ะ ปลอดภัย มีคุณภาพ และคุ้มค่า“พายุมาดูให้กูหน่อย” คุณสายฟ้าเอ่ยกับคุณพายุ ฉันหันไปมองเขา เขาเอนกายพิงพนักพิงพร้อมใช้ขาพาดบนโต๊ะทำงานอย่างสบายอารมณ์“มึงว่าไงก็ตามนั้นแหละ” คุณพายุพูดออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน เฮ้อ! สบายเหลือเกินพ่อคุณ“งั้นหมอกแก้ตรงนี้นิดหน่อยนะ”“ก็ได้ค่ะ”“ครับ” ฉันลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากห้อง ฉันทรุดกายลงบนโต๊ะทำงานแล้วก็ทำงานต่อ“แก้งานเหรอ?” พี่ต่อถามฉันขณะจิบกาแฟไปด้วย“ค่ะ”“สู้ ๆ นะ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่ต่อ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานตั้งแต่ที่ฉันมาทำงานที่บริษัทของคุณสายฟ้ากับพายุ ฉันก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี ทุกคนเป็นมิตรกับฉันมาก มันทำให้ฉันลืมความทุกข์ระหว่างฉันกับปั้นจั่นไปได้
Chapter 7ฉันแต่งตัวในชุดธรรมดา ธรรมดามากกกก ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้น แต่งหน้าอ่อน ๆ รวบผมเป็นหางม้า ฉันหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนกระเป๋าอีกข้างใส่เงิน200 แต่งแบบบ้านสุด ๆ ฉันหยิบคีย์การ์ดแล้วใส่กระเป๋าข้างที่ฉันใส่เงินแล้วเดินออกมา ฉันขี้เกียจสะพายกระเป๋า เพราะต่อให้เอาไปก็ไม่มีของอะไรมากมายที่จะใส่ โทรศัพท์ของฉันก็รุ่นธรรมดาพอใช้ได้ มีตังค์แค่ 200 พกติดตัวไปก็พอแล้วก๊อก! ก๊อก! แกร่ก! เสียงเปิดประตูเข้ามา เป็นแพรว ที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงกระโปรงคลุมเข่า ใบหน้าทรงผมจัดหนักจัดเต็มดูสวยมาก ๆ ซึ่งมันต่างกับฉันลิบลับฉันดูธรรมดามากจนไม่รู้จะธรรมดายังไง“แกแต่งชุดอะไรวะ” แพรวขมวดคิ้วเป็นปมเอ่ยถามฉัน“ก็แค่ไปฉลองวันเกิด จะอะไรกันนักหนา แต่งแบบไหน ก็ไปได้หมดแหละ” “ก็ไม่อะไร แต่มันเชย” “ช่างเถอะ ไปกันดีกว่า” “อืม แล้วกระเป๋าแกล่ะ” “ไม่เอา ไปแบบนี้แหละ เอาเงินกับโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงไปก็พอ” “แกนี่ง่ายชะมัด” “อืม ไปเถอะ” “ห้องแกทำไมดีจังวะ ห้องฉันฉันไม่หรูเท่าแกเลย”“ไม่รู้” ฉันพูดพร้อมกับเดินไปที่ลิฟท์ ฉันยืนเงียบคิดอะไรไปเรื่อย พอลิฟท์เปิดออก ฉันก็มายืนรอกับพวกพี่ก้องกับพี
Chapter 8ปั้นจั่น...ผมประคองร่างบาง ที่กำลังเมามายของม่านหมอกขึ้น ทุกคำพูดทุกการกระทำที่เธอทำกับผม ทำไมผมถึงรู้สึกแปลก ๆ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึก ผมเป็นเพื่อนกับม่านหมอกมาตั้งหลายปี ผมเสียเพื่อนที่สนิทที่สุดไป จะให้ผมไม่รู้สึกอะไรมันก็คงจะไม่ใช่แต่จะให้ผมทำอย่างไร ในเมื่อผมเป็นฝ่ายไล่เธอไปเองภาพเธอกำลังร้องไห้ชี้หน้าผมแล้ววิ่งออกไปจากห้อง มันเป็นภาพที่อยู่ในหัวของผมอยู่ตลอด ผมทำเกินไปไหม? ที่ตัดสัมพันธ์กับเธอแบบนั้น โดยไม่รักษาน้ำใจของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อผมคิดกับเธอแค่เพื่อน มันเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงแม้ว่าความรู้สึกของผม มันจะอดเคว้งคว้างที่ไม่มีเธอไม่ได้ก็ตามชีวิตที่ผ่านมา ผมกลับม่านหมอก จะทำงานกินข้าวดูหนังฟังเพลง ทำแทบทุกอย่างร่วมกัน มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าใครคนหนึ่งหายไป เราจะรู้สึกเคว้งคว้างผมพ่นลมหายใจออกมาแรง พร้อมกับจ้องใบหน้าของม่านหมอก เธอพยายามแกะผมมือผมออกจากตัวของเธอ“ปล่อยกู” “กูจะพามึงไปล้างตัวเอง” “ไม่ต้องยุ่ง!” “ไม่ยุ่งไม่ได้! เมาเป็นหมาขนาดนี้ จะ ไปห้องน้ำเองได้ยังไงวะ กูบอกว่าอย่าดื่มเยอะมึงก็ไม่เชื่อกู แล้วดูสภาพมึงตอนนี้สิ ดูได้ท
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น้
ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
ปั้นจั่นTALKผมจูบหมอกเร่าร้อนราวทะเลเดือด จูบราวกับสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง ผมประคองใบหน้าของหมอก จูบเน้นๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอม่านหมอกขัดขืนในตอนแรกพยายามผลักผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ วันนี้ผมต้องได้เมียคืน พี่ชายพี่สาวพ่อแม่และทุกคนๆช่วยกันวางแผนขนาดนี้ผมต้องตีมึนเอาไว้ผมดันเธอไปชิดกำแพงในขณะที่จูบเธอไปด้วย มือของผมเลื่อนลงต่ำมาบีบเค้นที่อกอวบของเธอ มืออีกข้างก็ถลกกระโปรงแล้วสอดมือเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วม่านหมอกสะดุ้งทันทีที่มือผมสัมผัส ผมกดคลำลากตามร่องยาวปริ่มน้ำ ม่านหมอกพยายามต่อต้าน ร่างกายเธอเริ่มบิดไปมาผมกรีดนิ้วจนกระทั่งเจอเม็ดทับทิม“อ้ะ ...ปะ... ปั้นจั่น” ม่านหมอกครางเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อปากเป็นอิสระ ผมทนมามากพอแล้ว ผมไม่ได้ปลดปล่อยมา10ปี และวันนี้ผมจะไม่ทน“หมอกจ๋า จั่นอยาก” ผมพูดเสียงกระเส่า รู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แก่นกายของผมมันปวดหนึบจนแทบจะปริแตก มันผงาดชี้โด่พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา“พะ... พอ... ยะ... หยุดสักที”“หยุดทำไม? นี่คือความสุขนะหมอก”“มะ... ไม่เอา พะ... พอ” ม่านหมอกพูดอยู่แค่นั้นวนไปมา ผมไ
“หมอกไปกรุงเทพก่อนนะพ่อ” ฉันเอ่ยกับพ่อสุนทรในขณะที่ท่านกำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้อง วันนี้ท่านให้คนมาทำถนนทางไปบ้านของฉันกับบ้านที่ปั้นจั่นเคยอาศัยอยู่ และคนงานกำลังฟังอย่างตั้งใจ“อันนารบเร้าให้พาไปหาพ่อมันละสิ”“ใช่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังของพ่อ พ่อไม่ชอบปั้นจั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านอาจจะไม่พอใจที่ฉันจะพาอันนาไปหาเขา“...”“พ่อคะ...” ฉันเม้นปากพร้อมกับเรียกท่าน“ไปเถอะ ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว หมอกมั่นคงกับมัน มันก็มั่นคงกับหมอก พ่อคงไม่ห้ามอะไรแล้ว เพราะที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวให้พ่อเห็นแล้ว”“ค่ะ”“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ” อันนาเช้าไปกอดพ่อสุนทร“รักเหมือนกันครับ ไปกับคุณแม่ก็บอกคุณแม่ให้ขับรถดีๆด้วยนะ”“ค่ะ”“ให้ไอ้วัดไปขับรถให้ไหม? ““ไม่เป็นไรค่ะ หมอกขับเองดีกว่า”“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อคุยงานกับพวกคนงานก่อน”“ค่ะ”“รีบไปเถอะค่ะแม่”ฉันรีบพาบุตรสาวไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปโดยที่มีสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย“ ซื้อของฝากไปฝากคุณย่าด้วยนะแม่”“ได้จ้ะ” ฉันขับรถไปถึงร้านของฝากแล้วพาบุตรสาวไปเลือกของตามต้องการ“เอาไปเยอะๆเลยนะคะคุณแม่”“จ้า”ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปั้นจั่นTALK“ปั้นจั่น เดือนนี้จะไปหาหมอกกับลูกใหม่?” แม่ผมเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่สาวของผม“ผมอยากไปจะแย่แล้วครับแม่ คราวก่อนเหมือนหมอกจะใจอ่อนกับผมแล้ว ถ้าผมไปพูดหยอดเธอบ่อยๆ อีกไม่นานคงจะใจอ่อน” ผมเอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า งานเยอะมาก เยอะสุด ๆ เลยครับ“เดี๋ยวแม่โทรไปชวนหมอกมาเที่ยวดีกว่า หลายปีแล้วนะที่หมอกไม่มากรุงเทพ แม่อยากให้หมอกมาอยู่กรุงเทพมาก ๆ อยากให้หลานมาเรียนที่นี่ด้วย”“หมอกก็คงปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแหละครับ เฮ้อ!”“แต่แม่อยากให้หมอกกับแกคืนดีกันสักที”“ผมก็พยายามอยู่ครับ”“แกพยายามไม่มากพอนะสิ แม่อยากให้หมอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ผมทำหน้าเศร้า“แกก็ช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงหน่อยสิวะ” พี่ปั้นสิบเดินเข้ามา วันนี้วันอะไร ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันมาหาผม“ทำยังไง?” ผมขมวดคิ้วเข้มชนกัน “มึงก็เอาม่านหมอกกับมาเป็นเมียมึงสิวะ ผ่านมาหลายปีแล้ว กูว่าม่านหมอกคงใจอ่อนแล้วแหละ” พี่ปั้นสิบเอ่ย“บ้าน่า หมอกโกรธกูจะทำยังไงล่ะ กูกลัวเธอโกรธ” ผมเอ่ย ผมกลัวหมอกโกรธจริง กลัวมากเพราะหมอกเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง ถ้าได้โกรธผมเอง เธอคง
Chapter 60ฉันมองปั้นจั่นที่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันรู้ว่าเขาเจ็บแต่ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องให้เขาออกไปจากชีวิตฉันตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ฉันดูใจร้ายมากไหมคะ? ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องทำ มันต้องจบได้แล้ว “หมอก ฮึก” ปั้นจั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นหัวใจของฉันเจ็บหนึบ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักเขา มันคือความรักที่มั่นคงมาก ฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนเขาได้ และฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้เหมือนกัน“กลับไปทำหน้าที่ลูกเถอะ กูจะบอกเขาว่ามึงเป็นพ่อ กูสัญญาจะดูแลเขาให้ดี”“ฮึก ๆ ฮื่อ ๆ” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ปั้นจั่นมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ็บปวด เขาต้องเจ็บอยู่แล้ว การจากลามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เขาจูบที่หน้าผากลูกของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งลูกให้แม่ของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วเดินมาหาฉันหมับ!เขาสวมกอดฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันร้องไห้ไม่ต่างกัน มันเจ็บนะคะที่ยังรักแต่ต้องจากกัน ฉันกอดตอบเขาอ้อมกอดนี้มันเคยเป็นเป็นของฉัน แต่มันเป็นเพียงอดีตแล้ว มันเจ็บนะคะที่ต้องจากทั้งที่ยังรัก แต่วันเวลาผ่านไปทุกความเจ็บปวดมันจะผ่านพ้นไป “ขอให้มึงโชคดี ไปทำหน้าที่ของมึงซะเถอะ” ฉันพูดเสียงส
Chapter 59ม่านหมอกTALKใครจะว่าฉันใจดำฉันก็ไม่สนหรอกค่ะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรักตัวเอง การที่ไม่พาตัวเองไปเจ็บปวดมันดีที่สุดแล้ว ผู้หญิงอย่างเราถ้ามีรักดีก็จะมีแค่รักเดียวแต่ถ้ามันไม่ดีเราก็ขอเลือกรักตัวเองและก้าวไปข้างหน้าดีกว่าฉันจะไม่อยู่เพื่อคบกับใครคนไหนอีก แต่ฉันจะอยู่เพื่อลูก ฉันจะอยู่เพื่อเป็นแม่ที่ดีให้กับเขา ส่วนพ่อของลูกที่เคยกระทำเรื่องเลวทรามฉันจะปล่อยให้มันผ่านไปถ้าเขาอยากมาหาลูกฉันก็จะให้เขามา ฉันจะไม่กีดกันเขาแต่ขออย่างเดียวให้เขาเลิกพยายามที่จะเอาฉันกลับไปเป็นครอบครัวเดิมกับเขา เพราะมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบไปแล้วและมันไม่สามารถ กลับไปเป็นได้อีกฉันรักเขามากนะคะ แต่ฉันต้องเลือกแบบนี้ฉันไม่สามารถอยู่กับคนที่เคยหักหลังฉันได้ และผู้หญิงอย่างเรา ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องจมปลักดักดาน เราไม่จำเป็นต้องมีชีวิตคู่หรอกค่ะถ้าชีวิตคู่มันเฮงซวย เราใช้ชีวิตเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงดูลูกของเราให้มีความสุข และนั่นมันจะเป็นความสุขที่สุดของผู้หญิงอย่างเราฉันปฏิญาณกับตัวเองเอาไว้แล้วว่า ภายภาคหน้าต่อให้มีคนเข้ามาในชีวิตฉันอีก ฉันก็จะไม่แต่งงานก
Chapter 58ผมจ้องหน้าม่านหมอกน้ำตาคลอ เธอยื่นข้อเสนอแบบนี้มาผมควรทำอย่างไร ผมควรออกไปจากชีวิตของเธอตามที่เธอขอร้อง หรือผมควรยื้อเวลาออกไปให้นานกว่าเดิม“มะ... หมอก”“ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวไป!” ม่านหมอกเอ่ยเสียงกร้าวจ้องมองผมด้วยแววตากระด้าง“หมอกอย่าต่อรองกับจั่นแบบนี้เลยนะ ให้จั่นไปกับหมอกด้วยนะ ฮึก” ผมพูดเสียงสั่นเครือ รู้สึกปวดหัวใจมากเลยครับ ผมอยากไปกับหมอกแต่ผมไม่อยากจากหมอกกับลูกไป ผมอยากดูแลอยากทำหน้าที่ผัวหน้าที่พ่อ ผมอยากชดใช้และแก้ตัวในสิ่งที่ผมทำผิดพลาด แต่เหมือนผู้หญิงตรงน่าจะไม่ให้โอกาสผมเลย“มึงอยากดูลูกมึง ทำไมมึงไม่ไปดูกับริสาผู้หญิงคนนั้นก็ท้องลูกของมึงเหมือนกัน ลูกของมึงไม่ได้มีแค่กับกูหรอก ลูกของมึงยังมีอยู่กับริสามึงไปดูแลซะเลิกมายุ่งวุ่นวายกับกูเสียที” เธอพูดเสียงสั่นพร้อมกับผินหน้าไปมองอย่างอื่น ผมรู้ว่าเธอเจ็บปวดและไม่สามารถเชื่อใจผมได้ ผมทำผิดจริง แต่ผมอยากได้โอกาสและผมจะไม่มีวันทำมันอีก“ที่ผ่านมาจั่นโง่เอง จั่นคิดว่าริสาท้องลูกของจั่นเพราะเธอเอาหลักฐานมายืนยัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเธอไม่ได้ท้องลูกของจั่น”“มึงรักมันมากไม่ใช่เหรอ? มึงก็ไปเลี้ยงดูมันสิ”“ห
Chapter 57ปั้นจั่นผมมองไปที่หน้าต่างอย่างเสียดาย ม่านหมอกปิดหน้าต่าง ไม่สนใจที่จะปรายตาผมเลยแม้แต่น้อย“เฮ้อ” ผมก้มหน้าก้มตาทำงานครับหลังจากม่านหมอกไม่สนใจ ในเมื่อผมต้องการที่จะง้อเธอผมก็ต้องทำงานให้ดีไม่อย่างนั้นตาสุนทรก็คงจะด่าผมเปิงครับ“เอาไม้ไผ่ไปผ่าให้หน่อย” คนงานอีกคนสั่งผม ผมรีบทำครับ แต่ติดปัญหาตรงที่ผมทำไม่เป็น“มันทำยังไงครับ?”“โอ้ยยยย พวกคนกรุงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจริง ๆ มาดูวิธีสิ จะได้ทำเป็น เขาจ้างมาทุกคนมาทำงาน นายจะมากินแรงคนอื่นไม่ได้หรอกนะจะบอกให้” ชายรูปร่างกำยำผิวพรรณหยาบกระด้างเลยพร้อมกับทำท่าทางไม่พอใจ เขาหยิบมีดขึ้นมา พร้อมกับทาไม้ไผ่ดังโป๊ะเลยครับ“ผ่ายาวเลยใช่ไหม?”“เออ รีบทำ จะมาทำเล่นๆแบบนี้ไม่ได้นะ มันเสียเวลาคนอื่น”“ครับ” ผมผ่าไม้ไผ่ตามที่เขาบอก และแน่นอนมันทำให้มือผมถูกคมของไม้ไผ่บาดมือจนเลือดสาดเลยครับ“ตายแล้วเลือดออก” ป้ามณีพูดเสียงดัง “ติดพาสเตอร์ก่อนเร็ว” ชายคนงานอีกคนรีบเอาพาสเตอร์มาเเปะแผลให้ผม อย่างน้อยทุกคนยังมีน้ำใจครับ“ทำอะไรก็ต้องระวังนะจะมาทำเล่นๆไม่ได้เดี๋ยวมือขาดไม่รู้ตัว การทำงานทุกอย่างมันต้องมีสติและระมัดระวัง” ผู้ชายฟันเหยินๆพูดกั