ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น
เกริ่นนำ“เอ่อ…สา เรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว?” ผมเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า ในขณะที่มีม่านหมอกเพื่อนสนิทของผมนั่งอยู่ด้วย“เกือบปีแล้ว นายมีอะไรหรือเปล่า?” เธอยิ้มให้ผมจนเห็นฟันเรียงสวย ผมชอบเธอมาก ๆ อยากอยู่ใกล้ ๆ อยากเห็นรอยยิ้มแสนสดใสแบบนี้ทุกวัน“จั่น…เอ่อ…” ผมเม้มปากเป็นเส้นตรงรวบรวมความกล้าของตัวเอง ผมอยากจะสารภาพความในใจกับเธอ “มีอะไรก็พูดมาเถอะ สารอฟังค่ะ” เธอส่งยิ้มหวาน พร้อมกับจับมือของผม ผมใช้มืออีกข้างมาจับมือของเธอเอาไว้แน่น “จั่น กูไปซื้อน้ำก่อนนะ” ม่านหมอกว่าพร้อมลุกขึ้น “อืม ซื้อมาเผื่อกูกับสาด้วยนะ” ผมพูดกับม่านหมอก ผมกับเธอสนิทกับมาก จะใช้มึงกูกันตลอด ถือว่าเป็นเรื่องปกติ“อืม” ม่านหมอกพยักหน้ารับคำ แล้วเดินไป“ตลอดเวลาที่รู้จักกัน จั่นชอบริสามากนะ แล้วริสาล่ะรู้สึกอย่างไร?” “สารู้สึกดีค่ะ ที่มีจั่นอยู่ใกล้ ๆ” ริสายิ้มพร้อมกับหลบสายตาผมอย่างเขินอาย“รู้สึกเหมือนกันเลย” ผมว่าพลางยกมือขึ้นทัดผมให้ริสา“ค่ะ” “เป็นแฟนกับจั่นนะริสา” “ค่ะ” คำตอบของริสาทำเอาผมยิ้มแก้มแทบแตก เมื่อได้ฟังคำตอบนั้น คำตอบที่ผมหวังมาตลอด ผมมองใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างรักใคร่ ก่อนจะก้ม
Chapter 1ม่านหมอก… TALK...ฉันนั่งรอเพื่อนรักของฉันอยู่ที่รถ ยอมรับว่าฉันเสียใจ ที่ปั้นจั่นไม่เคยรับรู้ว่าฉันรักเขามากแค่ไหน ปั้นจั่นคบกับริสา ไม่ใช่ว่าฉันไม่เจ็บ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันได้แต่เฝ้ามองทั้งสองพลอดรักกันอย่างมีความสุข ซึ่งมันต่างจากหัวใจของฉันที่ทุกข์ระทมตรอมตรมมาตลอดฉันรักผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง...ฉันจะแสดงความรู้สึกกับเพื่อนได้อย่างไรกัน ว่าฉันรักเขามากกว่าเพื่อน ถ้าฉันสารภาพออกไป ฉันก็กลัวความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับปั้นจั่นมันจะแย่ลง ฉันกลัวเสียเพื่อนรักฉันกลัวเสียผู้ชายที่ฉันรักไปฉันเลือกที่จะเงียบและดูเพื่อนรักของฉันมีความสุข ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บ แต่ฉันก็ยังมีเขาอยู่ข้าง ๆฉันมองร่างของชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเดินออกมาจากบ้าน เขาเดินไปเตะกระถางต้นไม้ แล้วเดินไปนั่งรถสปอร์ตหรูอย่างไม่สบอารมณ์ ผ่านไปสักพักริสาก็เดินออกมาจากบ้านแล้วเดินไปขึ้นรถสปอร์ตหรูแล้วขับออกไปฉันขมวดคิ้วมุ่นในเมื่อปั้นจั่นบอกว่าจะไปขอริสาแต่งงาน แล้วทำไมริสาถึงไปกับผู้ชายอีกคน แล้วเพื่อนสนิทของฉันทำไมถึงไม่ออกมา สมองของฉันมันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด ฉันนั่งอยู่บนรถอย่างร
Chapter 2สวัสดีค่ะฉันชื่อม่านหมอก หมอกเหมือนชื่อ ความรักที่มืดมนหม่นหมอง มีรักกับเขาทั้งทีกลับไม่เคยสดใสเลย ได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้เปิดเผยไม่ได้ และรักเขาข้างเดียวอีกต่างหาก เฮ้อ! ฉันเป็นคนอีสานเข้ามาหาเรียนที่กรุงเทพฯ ฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่เป็นชาวนา กว่าฉันเรียนจบนาผืนน้อยและวัวที่พ่อเคยมี ก็ขายส่งควายอย่างฉันเรียนเกือบหมด ฉันมีน้องสาว1คนแก่นแก้วแสนซน อายุ8ปี พอฉันเรียนจบ ภาระทุกอย่างก็ตกมาที่ฉัน ฉันต้องส่งเงินกลับบ้านทุกเดือน หลังจากหักค่าห้องค่ากิน เงินทั้งหมดที่เหลือฉันส่งกลับบ้านหมดฉันไม่เคยปริปากบ่น ฉันอยากจะมีเงินส่งกลับบ้านเยอะ ๆ พ่อแม่จะได้สบาย ดีนะที่ฉันเรียนจบ แล้วได้ทำงานกับเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน และผู้ชายคนนั้นคือปั้นจั่นก๊อก! ก๊อก! แกรก! เสียงเคาะประตูดังถี่ ๆ ตามด้วยเสียงเปิดประตูเข้ามา พี่ปั้นสิบเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง“หมอก ไอ้ปั้นจั่นอกแตกตายยังวะ!” พี่ปั้นสิบถามฉัน แล้ววางข้าวของลงบนโต๊ะ“ไม่ตายก็เหมือนตายแหละพี่ ร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุดเลย ไม่รู้มันเอาน้ำตาจากที่ไหนมาผลิตนักหนา” ฉันบ่นกระปอดกระแปด พร้อมกับทรุดกายลงนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ปั้นจ
Chapter 3“กูจะกลับแล้วนะปั้นจั่น” ฉันเขย่าตัวของปั้นจั่น เเต่กลับนิ่งเงียบ ฉันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นอยู่นาน ลมหายใจของปั้นจั่นดังสม่ำเสมอคราบน้ำตา ยังติดอยู่ที่ใบหน้าคมเข้มนั้น ฉันกลอกตามองบนก่อนจะพยุงร่างของปั้นจั่นขึ้นเพื่อไปนอนบนเตียง ฉันจะมาปล่อยนอนตรงนี้ไม่ได้หรอก ถ้าเกิดว่าหนาวเขาจะทำอย่างไรล่ะ เมาหนักขนาดนี้“โอ้ย ตัวมึงนี่ทำไมมันอ่อนปวกเปียกแบบนี้วะ” ฉันพยายามพยุงปั้นจั่นขึ้น แต่เขาก็ล้มไปนอนกับพื้นเหมือนเดิม“...”“มึงแดกช้างหรือไงวะ? ทำไมตัวมึงหนักขนาดนี้” ฉันบ่นพร้อมกับพยายามลากร่างของปั้นจั่นไปในห้องปึก! ปึก! เสียงหัวปั้นจั่นชนกับขอบประตูบ้าง ชนขอบตู้บ้าง เฮ้อ! ก็ตัวปั้นจั่นหนักขนาดนั้น จะให้ฉันทำยังไง?“ฮึก!” ปั้นจั่นสะอื้นในลำคอ“ตัวมึงหนักชะมัดเลยวะ” ฉันลากปั้นจั่นไปที่เตียงจนสำเร็จจากนั้นก็ดึงเขาขึ้นไปบนเตียง แล้วห่มผ้าให้ “ริสา จั่นรักนิสานะ ฮึก!” ปั้นจั่นกอดฉันเอาไว้ หัวใจของฉันเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เขารั้งร่างบางของฉัน แล้วฝังจมูกลงบนซอกคออ่อนของฉัน กลิ่นกายของปั้นจั่นหอมอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นเหล้า เคล้ากลิ่นบุรุษเพศ ชวนสะยิวใจไม่น้อยปั้นจั่นนิ่งไปอ้อม
Chapter 4“พี่ปั้นสิบให้กูดูแลมึง กูไปไม่ได้หรอกถ้ากูไปแล้วใครจะดูแลมึงล่ะ” “ไม่ต้องมาดูแลกู!” ปั้นจั่นผลักบ่าฉันแรง ๆ เจ็บวะ! เจ็บเชี่ย ๆ ที่เห็นคนที่รักทำแบบนี้“ปั้นจั่น” “คำว่าเพื่อนมันจบลง ตั้งแต่มึงบอกว่ารักกูแล้วแหละ” “มันต้องจบอยู่แล้วเพราะกูคิดกับมึงมากกว่าเพื่อน ให้กูคิดกลับไปเป็นเพื่อนกูทำไม่ได้จริง ๆ”“มึงจะไปไหนก็ไปหมอกต่างคนต่างอยู่ ต่อไปนี้เลิกข้องเกี่ยวกัน” “มึงคิดหรือเปล่า? ก่อนที่มึงจะพูดออกมา” “กูคิดดีแล้ว”“ไหนมึงบอกว่าเราจะไม่ทิ้งกันไงไอ้ปั้นจั่น”“คำพูดนั้นกูเคยพูดกับเพื่อนกู ตอนนี้มึงไม่ใช่แล้ว”“มึงต้องการแบบนั้นใช่ไหมปั้นจั่น? มึงต้องการให้กูออกไปจากชีวิตมึงใช่ไหม? มึงแค่พูดออกมาเลย กูจะได้ไม่ต้องทนกับความรู้สึกเจ็บปวดที่กูต้องมองมึงพลอดรักกับคนอื่น กูจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับมึงอีก” ฉันพูดพร้อมกับจ้องหน้าปั้นจั่นด้วยความเจ็บปวด ถ้าเขาพูดออกมาว่า ต้องการให้ฉันออกไปจากชีวิตเขาฉันก็จะไป มันคงไม่มีอะไรเจ็บไปมากกว่านี้แล้วแหละฉันควรจะออกไปจากชีวิตของปั้นจั่นตั้งนานแล้ว เพราะความรักงี่เง่าของฉัน ที่ฉันต้องทนมองดูคนที่ฉันรักรักกับคนอื่น เพราะคำว่าเพื่อนที่เข
Chapter 5ม่านหมอก… TALK...“นี่คีย์การ์ดห้องคอนโดดีดิว ห้องของเธอ” คนที่ชื่อสายฟ้ายื่นคีย์การ์ดให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไว้อย่างนอบน้อม ส่วนคุณพายุเดินเข้ามา แล้วไปหยุดยืนที่หน้าต่าง เขาหยิบบุหรี่ราคาแพงขึ้นมาสูบ แล้วพ่นควันขาวลอยคลุ้ง แค่ได้กลิ่นฉันจะเป็นลม ฉันไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ มันเหม็นแค่ได้กลิ่นฉันก็จะตายแล้ว ฉันยกมือขึ้นมาปิดจมูกอย่างอดไม่ได้ สายตาคมเข้มนั้นตวัดมองฉันสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันไปมองผ่านอากาศอันเวิ้งว้างนอกกระจกใส“ลูกน้องของผมน่าจะกำลังไปขนของเธอไปที่คอนโดแล้ว ไปดูความเรียบร้อย พรุ่งนี้มาทำงาน” คุณสายฟ้ายิ้มให้ฉัน ฉันยังงง ๆ เขารู้ได้ไงว่าฉันพักที่ไหน ฉันได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันกลับก่อนนะคะ” ฉันยกมือไหว้อีกครั้ง“ครับ” ฉันหยิบซองเงินเดือนล่วงหน้าและคีย์การ์ดออกมาด้วย ในใจก็คิดไปเรื่อย ให้ฉันไปอยู่คอนโด คงจะเป็นคอนโดธรรมดาไม่หรูอะไรหรอก แค่พนักงาน เขาคงไม่ให้อยู่เลิศหรูหรอกมั้ง ฉันนั่งรถมาที่ห้องเช่าของตัวเอง ปรากฏว่ามีผู้ชาย5-6คน ขนของฉันมาไว้บนรถเรียบร้อยแล้ว“จะไปพร้อมพวกผมเลยไหมครับ?” ชายเสื้อลายถามฉัน ฉันยังงงกลางดงผู้ชายอยู่เลย
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น
ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
ปั้นจั่นTALKผมจูบหมอกเร่าร้อนราวทะเลเดือด จูบราวกับสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง ผมประคองใบหน้าของหมอก จูบเน้นๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอม่านหมอกขัดขืนในตอนแรกพยายามผลักผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ วันนี้ผมต้องได้เมียคืน พี่ชายพี่สาวพ่อแม่และทุกคนๆช่วยกันวางแผนขนาดนี้ผมต้องตีมึนเอาไว้ผมดันเธอไปชิดกำแพงในขณะที่จูบเธอไปด้วย มือของผมเลื่อนลงต่ำมาบีบเค้นที่อกอวบของเธอ มืออีกข้างก็ถลกกระโปรงแล้วสอดมือเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วม่านหมอกสะดุ้งทันทีที่มือผมสัมผัส ผมกดคลำลากตามร่องยาวปริ่มน้ำ ม่านหมอกพยายามต่อต้าน ร่างกายเธอเริ่มบิดไปมาผมกรีดนิ้วจนกระทั่งเจอเม็ดทับทิม“อ้ะ ...ปะ... ปั้นจั่น” ม่านหมอกครางเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อปากเป็นอิสระ ผมทนมามากพอแล้ว ผมไม่ได้ปลดปล่อยมา10ปี และวันนี้ผมจะไม่ทน“หมอกจ๋า จั่นอยาก” ผมพูดเสียงกระเส่า รู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แก่นกายของผมมันปวดหนึบจนแทบจะปริแตก มันผงาดชี้โด่พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา“พะ... พอ... ยะ... หยุดสักที”“หยุดทำไม? นี่คือความสุขนะหมอก”“มะ... ไม่เอา พะ... พอ” ม่านหมอกพูดอยู่แค่นั้นวนไปมา ผมไ
“หมอกไปกรุงเทพก่อนนะพ่อ” ฉันเอ่ยกับพ่อสุนทรในขณะที่ท่านกำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้อง วันนี้ท่านให้คนมาทำถนนทางไปบ้านของฉันกับบ้านที่ปั้นจั่นเคยอาศัยอยู่ และคนงานกำลังฟังอย่างตั้งใจ“อันนารบเร้าให้พาไปหาพ่อมันละสิ”“ใช่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังของพ่อ พ่อไม่ชอบปั้นจั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านอาจจะไม่พอใจที่ฉันจะพาอันนาไปหาเขา“...”“พ่อคะ...” ฉันเม้นปากพร้อมกับเรียกท่าน“ไปเถอะ ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว หมอกมั่นคงกับมัน มันก็มั่นคงกับหมอก พ่อคงไม่ห้ามอะไรแล้ว เพราะที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวให้พ่อเห็นแล้ว”“ค่ะ”“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ” อันนาเช้าไปกอดพ่อสุนทร“รักเหมือนกันครับ ไปกับคุณแม่ก็บอกคุณแม่ให้ขับรถดีๆด้วยนะ”“ค่ะ”“ให้ไอ้วัดไปขับรถให้ไหม? ““ไม่เป็นไรค่ะ หมอกขับเองดีกว่า”“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อคุยงานกับพวกคนงานก่อน”“ค่ะ”“รีบไปเถอะค่ะแม่”ฉันรีบพาบุตรสาวไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปโดยที่มีสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย“ ซื้อของฝากไปฝากคุณย่าด้วยนะแม่”“ได้จ้ะ” ฉันขับรถไปถึงร้านของฝากแล้วพาบุตรสาวไปเลือกของตามต้องการ“เอาไปเยอะๆเลยนะคะคุณแม่”“จ้า”ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปั้นจั่นTALK“ปั้นจั่น เดือนนี้จะไปหาหมอกกับลูกใหม่?” แม่ผมเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่สาวของผม“ผมอยากไปจะแย่แล้วครับแม่ คราวก่อนเหมือนหมอกจะใจอ่อนกับผมแล้ว ถ้าผมไปพูดหยอดเธอบ่อยๆ อีกไม่นานคงจะใจอ่อน” ผมเอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า งานเยอะมาก เยอะสุด ๆ เลยครับ“เดี๋ยวแม่โทรไปชวนหมอกมาเที่ยวดีกว่า หลายปีแล้วนะที่หมอกไม่มากรุงเทพ แม่อยากให้หมอกมาอยู่กรุงเทพมาก ๆ อยากให้หลานมาเรียนที่นี่ด้วย”“หมอกก็คงปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแหละครับ เฮ้อ!”“แต่แม่อยากให้หมอกกับแกคืนดีกันสักที”“ผมก็พยายามอยู่ครับ”“แกพยายามไม่มากพอนะสิ แม่อยากให้หมอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ผมทำหน้าเศร้า“แกก็ช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงหน่อยสิวะ” พี่ปั้นสิบเดินเข้ามา วันนี้วันอะไร ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันมาหาผม“ทำยังไง?” ผมขมวดคิ้วเข้มชนกัน “มึงก็เอาม่านหมอกกับมาเป็นเมียมึงสิวะ ผ่านมาหลายปีแล้ว กูว่าม่านหมอกคงใจอ่อนแล้วแหละ” พี่ปั้นสิบเอ่ย“บ้าน่า หมอกโกรธกูจะทำยังไงล่ะ กูกลัวเธอโกรธ” ผมเอ่ย ผมกลัวหมอกโกรธจริง กลัวมากเพราะหมอกเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง ถ้าได้โกรธผมเอง เธอคง
Chapter 60ฉันมองปั้นจั่นที่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันรู้ว่าเขาเจ็บแต่ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องให้เขาออกไปจากชีวิตฉันตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ฉันดูใจร้ายมากไหมคะ? ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องทำ มันต้องจบได้แล้ว “หมอก ฮึก” ปั้นจั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นหัวใจของฉันเจ็บหนึบ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักเขา มันคือความรักที่มั่นคงมาก ฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนเขาได้ และฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้เหมือนกัน“กลับไปทำหน้าที่ลูกเถอะ กูจะบอกเขาว่ามึงเป็นพ่อ กูสัญญาจะดูแลเขาให้ดี”“ฮึก ๆ ฮื่อ ๆ” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ปั้นจั่นมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ็บปวด เขาต้องเจ็บอยู่แล้ว การจากลามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เขาจูบที่หน้าผากลูกของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งลูกให้แม่ของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วเดินมาหาฉันหมับ!เขาสวมกอดฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันร้องไห้ไม่ต่างกัน มันเจ็บนะคะที่ยังรักแต่ต้องจากกัน ฉันกอดตอบเขาอ้อมกอดนี้มันเคยเป็นเป็นของฉัน แต่มันเป็นเพียงอดีตแล้ว มันเจ็บนะคะที่ต้องจากทั้งที่ยังรัก แต่วันเวลาผ่านไปทุกความเจ็บปวดมันจะผ่านพ้นไป “ขอให้มึงโชคดี ไปทำหน้าที่ของมึงซะเถอะ” ฉันพูดเสียงส
Chapter 59ม่านหมอกTALKใครจะว่าฉันใจดำฉันก็ไม่สนหรอกค่ะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรักตัวเอง การที่ไม่พาตัวเองไปเจ็บปวดมันดีที่สุดแล้ว ผู้หญิงอย่างเราถ้ามีรักดีก็จะมีแค่รักเดียวแต่ถ้ามันไม่ดีเราก็ขอเลือกรักตัวเองและก้าวไปข้างหน้าดีกว่าฉันจะไม่อยู่เพื่อคบกับใครคนไหนอีก แต่ฉันจะอยู่เพื่อลูก ฉันจะอยู่เพื่อเป็นแม่ที่ดีให้กับเขา ส่วนพ่อของลูกที่เคยกระทำเรื่องเลวทรามฉันจะปล่อยให้มันผ่านไปถ้าเขาอยากมาหาลูกฉันก็จะให้เขามา ฉันจะไม่กีดกันเขาแต่ขออย่างเดียวให้เขาเลิกพยายามที่จะเอาฉันกลับไปเป็นครอบครัวเดิมกับเขา เพราะมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบไปแล้วและมันไม่สามารถ กลับไปเป็นได้อีกฉันรักเขามากนะคะ แต่ฉันต้องเลือกแบบนี้ฉันไม่สามารถอยู่กับคนที่เคยหักหลังฉันได้ และผู้หญิงอย่างเรา ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องจมปลักดักดาน เราไม่จำเป็นต้องมีชีวิตคู่หรอกค่ะถ้าชีวิตคู่มันเฮงซวย เราใช้ชีวิตเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงดูลูกของเราให้มีความสุข และนั่นมันจะเป็นความสุขที่สุดของผู้หญิงอย่างเราฉันปฏิญาณกับตัวเองเอาไว้แล้วว่า ภายภาคหน้าต่อให้มีคนเข้ามาในชีวิตฉันอีก ฉันก็จะไม่แต่งงานก
Chapter 58ผมจ้องหน้าม่านหมอกน้ำตาคลอ เธอยื่นข้อเสนอแบบนี้มาผมควรทำอย่างไร ผมควรออกไปจากชีวิตของเธอตามที่เธอขอร้อง หรือผมควรยื้อเวลาออกไปให้นานกว่าเดิม“มะ... หมอก”“ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวไป!” ม่านหมอกเอ่ยเสียงกร้าวจ้องมองผมด้วยแววตากระด้าง“หมอกอย่าต่อรองกับจั่นแบบนี้เลยนะ ให้จั่นไปกับหมอกด้วยนะ ฮึก” ผมพูดเสียงสั่นเครือ รู้สึกปวดหัวใจมากเลยครับ ผมอยากไปกับหมอกแต่ผมไม่อยากจากหมอกกับลูกไป ผมอยากดูแลอยากทำหน้าที่ผัวหน้าที่พ่อ ผมอยากชดใช้และแก้ตัวในสิ่งที่ผมทำผิดพลาด แต่เหมือนผู้หญิงตรงน่าจะไม่ให้โอกาสผมเลย“มึงอยากดูลูกมึง ทำไมมึงไม่ไปดูกับริสาผู้หญิงคนนั้นก็ท้องลูกของมึงเหมือนกัน ลูกของมึงไม่ได้มีแค่กับกูหรอก ลูกของมึงยังมีอยู่กับริสามึงไปดูแลซะเลิกมายุ่งวุ่นวายกับกูเสียที” เธอพูดเสียงสั่นพร้อมกับผินหน้าไปมองอย่างอื่น ผมรู้ว่าเธอเจ็บปวดและไม่สามารถเชื่อใจผมได้ ผมทำผิดจริง แต่ผมอยากได้โอกาสและผมจะไม่มีวันทำมันอีก“ที่ผ่านมาจั่นโง่เอง จั่นคิดว่าริสาท้องลูกของจั่นเพราะเธอเอาหลักฐานมายืนยัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเธอไม่ได้ท้องลูกของจั่น”“มึงรักมันมากไม่ใช่เหรอ? มึงก็ไปเลี้ยงดูมันสิ”“ห
Chapter 57ปั้นจั่นผมมองไปที่หน้าต่างอย่างเสียดาย ม่านหมอกปิดหน้าต่าง ไม่สนใจที่จะปรายตาผมเลยแม้แต่น้อย“เฮ้อ” ผมก้มหน้าก้มตาทำงานครับหลังจากม่านหมอกไม่สนใจ ในเมื่อผมต้องการที่จะง้อเธอผมก็ต้องทำงานให้ดีไม่อย่างนั้นตาสุนทรก็คงจะด่าผมเปิงครับ“เอาไม้ไผ่ไปผ่าให้หน่อย” คนงานอีกคนสั่งผม ผมรีบทำครับ แต่ติดปัญหาตรงที่ผมทำไม่เป็น“มันทำยังไงครับ?”“โอ้ยยยย พวกคนกรุงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจริง ๆ มาดูวิธีสิ จะได้ทำเป็น เขาจ้างมาทุกคนมาทำงาน นายจะมากินแรงคนอื่นไม่ได้หรอกนะจะบอกให้” ชายรูปร่างกำยำผิวพรรณหยาบกระด้างเลยพร้อมกับทำท่าทางไม่พอใจ เขาหยิบมีดขึ้นมา พร้อมกับทาไม้ไผ่ดังโป๊ะเลยครับ“ผ่ายาวเลยใช่ไหม?”“เออ รีบทำ จะมาทำเล่นๆแบบนี้ไม่ได้นะ มันเสียเวลาคนอื่น”“ครับ” ผมผ่าไม้ไผ่ตามที่เขาบอก และแน่นอนมันทำให้มือผมถูกคมของไม้ไผ่บาดมือจนเลือดสาดเลยครับ“ตายแล้วเลือดออก” ป้ามณีพูดเสียงดัง “ติดพาสเตอร์ก่อนเร็ว” ชายคนงานอีกคนรีบเอาพาสเตอร์มาเเปะแผลให้ผม อย่างน้อยทุกคนยังมีน้ำใจครับ“ทำอะไรก็ต้องระวังนะจะมาทำเล่นๆไม่ได้เดี๋ยวมือขาดไม่รู้ตัว การทำงานทุกอย่างมันต้องมีสติและระมัดระวัง” ผู้ชายฟันเหยินๆพูดกั