Chapter 5
ม่านหมอก… TALK...
“นี่คีย์การ์ดห้องคอนโดดีดิว ห้องของเธอ” คนที่ชื่อสายฟ้ายื่นคีย์การ์ดให้ฉัน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไว้อย่างนอบน้อม ส่วนคุณพายุเดินเข้ามา แล้วไปหยุดยืนที่หน้าต่าง เขาหยิบบุหรี่ราคาแพงขึ้นมาสูบ แล้วพ่นควันขาวลอยคลุ้ง แค่ได้กลิ่นฉันจะเป็นลม ฉันไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ มันเหม็น
แค่ได้กลิ่นฉันก็จะตายแล้ว ฉันยกมือขึ้นมาปิดจมูกอย่างอดไม่ได้ สายตาคมเข้มนั้นตวัดมองฉันสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันไปมองผ่านอากาศอันเวิ้งว้างนอกกระจกใส
“ลูกน้องของผมน่าจะกำลังไปขนของเธอไปที่คอนโดแล้ว ไปดูความเรียบร้อย พรุ่งนี้มาทำงาน” คุณสายฟ้ายิ้มให้ฉัน ฉันยังงง ๆ เขารู้ได้ไงว่าฉันพักที่ไหน ฉันได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันกลับก่อนนะคะ” ฉันยกมือไหว้อีกครั้ง
“ครับ”
ฉันหยิบซองเงินเดือนล่วงหน้าและคีย์การ์ดออกมาด้วย ในใจก็คิดไปเรื่อย ให้ฉันไปอยู่คอนโด คงจะเป็นคอนโดธรรมดาไม่หรูอะไรหรอก แค่พนักงาน เขาคงไม่ให้อยู่เลิศหรูหรอกมั้ง ฉันนั่งรถมาที่ห้องเช่าของตัวเอง ปรากฏว่ามีผู้ชาย5-6คน ขนของฉันมาไว้บนรถเรียบร้อยแล้ว
“จะไปพร้อมพวกผมเลยไหมครับ?” ชายเสื้อลายถามฉัน ฉันยังงงกลางดงผู้ชายอยู่เลย พวกพี่เขาเข้าไปขนของในห้องของฉันได้อย่างง่ายดายเลย ทั้งที่ฉันล็อคห้องเอาไว้
“พี่เข้าไปได้ไงคะ?” ฉันพูดไม่ได้อะไรกับข้าวของเท่าไหร่หรอกนะ เพราะมันไม่มีของมีค่าอะไร
“คุณไม่ได้ล็อคครับ”
“อ๋อค่ะ” ฉันกล่าวพร้อมกับคิดอย่างสงน ฉันลืมไปยังไงกัน แต่ก็ช่างเถอะ! คงเพราะฉันสะเพร่าเอง มีหลายอย่างมากที่ฉันสงสัย มันแปลก ๆ ห้องพักของฉัน พวกเขารู้ได้อย่างไร
“ไปเลยไหมครับ ถ้าไม่ไปพร้อมกันพวกผมจะไปก่อน”
“งั้นไปก่อนเลยค่ะ เอาคีย์การ์ดไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรครับ คุณสายฟ้าให้พวกผมมาแล้ว”
“ค่ะ”
“พวกผมไปก่อนแล้วกัน” ชายคนนั้นพูดกับฉันแล้วเดินไปขึ้นรถ ฉันเปิดประตูห้องเข้าไปในห้องของตัวเอง ภายในห้องบัดนี้เหลือเพียงเตียงกับตู้ ข้าวของของฉันถูกเก็บไปจนหมดแล้ว
“มึงนอนที่นอนแข็งๆแบบนี้ได้ไงวะ?”
“นอนได้ จะเป็นไรไป”
“ปวดตัวแน่ ๆ เลยวะ เดี๋ยวกูมีเงินจะซื้อให้”
“ไม่เป็นไร มึงเก็บเงินของมึงเอาไว้เถอะ”
“อยากมีเงินเยอะ ๆ จัง กูจะซื้อให้มึง”
“เรียนจบทำงานเก็บเงิน ตอนนี้อดทนไปก่อน”
“อืม” ภาพวันเก่า ๆ ลอยวนมา ฉันพ่นลมหายใจแรง ๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง ฉันเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่คอนโดดีดิว
พอจ่ายเงินเสร็จ ฉันเข้าไปอย่างงง ๆ ที่เขาบอกว่าห้องพักพนักงาน นึกว่าจะเป็นคอนโดราคาถูก หรือห้องเช่าที่ฉันเคยอยู่ แต่เปล่าเลย คอนโดหรูเลยแหละ บอสฉันโคตรใจดีเลย
ฉันเดินออกมาลิฟท์ แล้วเดินไปที่ห้องของตัวเอง พอถึงฉันก็แตะคีย์การ์ดเข้าไป ป้าดดดด!!! เริดเรอเพอร์เฟ็ค ห้องหรูมากกกก!!! ฉันรีบเดินออกจากห้องแล้วดูเลขห้อง ฉันก็ไม่ได้เข้าห้องผิด มันก็เป็นห้องที่ฉันต้องพักนี่น่า งงในงงแค่พนักงานทำไมได้พักดีจังวะ!!
ปั้นจั่น... TALK...
ผ่านไปเกือบเดือนที่ผมเอาแต่ขลุกอยู่ที่ห้อง ผมเก็บตัวเงียบ ไม่ว่าพี่ชายของผมจะมาไม่มาผมก็ไม่สนใจ
พี่ปั้นสิบพยายามพูดให้ผมคลายความเศร้าใจลง แต่ผมก็ทำไม่ค่อยได้เลยผมยังเสียใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องของริสา เธอคือรักแรกรักเดียวในหัวใจที่ผมมี
ม่านหมอกก็หายไปเลย ผมเองก็ไม่ได้ถามหาเธอ พี่ชายของผมก็ไม่พูดอะไร เป็นแบบนี้ก็ดีในเมื่อผมกับเธอ มันเป็นได้แค่เพื่อน แล้วเธอคิดไปเกินกว่าเพื่อน ผมก็คงให้เธอไม่ได้
แต่การหายไปของเธอ มันทำให้ผมอดใจหายไม่ได้ เมื่อก่อนสมัยเรียน ผมกับเธอขลุกอยู่ด้วยกันตลอดแทบจะ 24 ชั่วโมงเลยก็ว่าได้ ม่านหมอกเรียนไม่เก่งเท่าผม ผมก็จะคอยติวและอ่านหนังสือด้วยกันกับเธอ
“จั่น มึงทำยังไงวะ? มึงก็เรียนเท่ากู อ่านหนังสือเหมือนกันกับกู ทำไมมึงถึงเรียนเก่งกว่ากูวะ!”
“ทำไงได้วะ? ก็คนมันเก่ง”
“จ้าพ่อคนเก่ง” ม่านหมอกสะบัดค้อนใส่ผม
“ฮ่า ๆ แต่ตอนนี้กูหิววะ”
“กินไรดี?”
“กูไม่มีตังค์วะ บ้านกูจนให้เงินมาจำกัด”
“กูพอมี ตอนนี้มีอยู่เงิน100เดียว ได้ผัดกะเพรา2จานกับน้ำคนล่ะขวด” ม่านหมอกหยิบเงินออกมา
“ขอบคุณนะ กูมีกูจะตอบแทนมึงแน่นอน”
“อืม อย่าคิดมาก เดี๋ยวกูไปสั่งแป๊บเดียว เดี๋ยวมา” ม่านหมอกลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู
“หมอก กูสัญญากูจะไม่ทิ้ง”
“ อืม กูก็จะไม่ทิ้งมึงเหมือนกัน” ม่านหมอกส่งยิ้มหวานสดใส ผมมองรอยยิ้มนั้นแล้วยิ้มออกมา
Rrrrrr
เสียงสมาร์ทโฟนราคาแพงของผมดังขึ้น ทำให้ผมตื่นจากภวังค์ หลังจากที่สมองของผมมันคิดไปหาเรื่องเก่า ๆ ที่ผมกลับม่านหมอกเคยทำร่วมกัน เธอหายไปเป็นเดือนแล้ว ตั้งแต่ผมออกปากไล่ ม่านหมอกก็ไม่มาหาผมอีกเลย อดใจหายไม่ได้นะ เพื่อนรักที่คบกันมาตั้งหลายปี เงียบหายไป
“ฮัลโหล”
(“ปั้นจั่นทำไมไม่ไปทำงานช่วยพี่”) เสียงของปลายห้วน บ่งบอกว่าไม่พอใจมาก
“ผมยังไม่มีกะจิตกะใจทำเลยพ่อ ช่วยนี้ผมเศร้า”
(“เศร้าเห*้ยอะไรวะเกือบเดือนแล้ว ตัดใจได้ก็ตัดเถอะ เธอแค่ผู้หญิงคนเดียวจะอะไรนักหนาวะ! งานสิสำคัญ พี่ปั้นสิบบริหารงานคนเดียว ไม่ได้นะ ลุงภูก็ไม่อยู่ อินทัชก็ไปทำงานต่างประเทศแล้ว พ่อก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยตอนนี้ธุรกิจเรามันขยายใหญ่แล้วต้องช่วยกัน จะมาเอาปัญหาส่วนตัวไปปนกับส่วนรวมไม่ได้นะ”)
“แต่พ่อครับ”
(“ไม่มีแต่รีบมาช่วยงานพี่ปั้นสิบเลย สินค้าตัวใหม่จะเปิดตัวอีกไม่กี่วัน ทำเป็นเล่นไปได้”
“ธานินทร์มันก็ช่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ? ให้ธานินทร์มันช่วยทำก็ได้”
“จะมีใครมาช่วยเราได้ตลอดล่ะลูก ถ้าเราไม่กระตือรือร้นทำเอง ปั้นจั่นโตแล้วควรคิดเองได้แล้วนะ อย่าให้เรื่องส่วนตัวมากระทบกับงาน อาบน้ำแล้วออกมาทำงานเลย”
“พ่อครับ…”
(“นี่ไม่ใช่คำขอร้องให้กลับมาทำ แต่นี่คือคำสั่ง โตแล้วควรคิดให้เป็น ผู้หญิงในโลกนี้มันมีคนเดียวหรือไงจะอะไรเอาอะไรนักหนา”)
“พ่อไม่เคยอกหักเพราะไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บแค่ไหน?”
(“พ่อก็เคยเจ็บนะสมัยเป็นหนุ่ม แต่พ่อไม่เอามาปนกับเรื่องงาน คนเรามันต้องรู้จักแยกแยะ ถ้าเกิดว่าเรามัวแต่จมอยู่กับเรื่องส่วนตัว แล้วไม่มาบริหารงาน จะเอาอะไรกินล่ะหัดคิดให้มาก”)
“เอ่อ…”
(“ถ้าไม่เชื่อคำพ่อ พ่อจะให้แม่น้ำชาไปลากลูกมาจากคอนโดโกโรโกโสนั่น”)
“พ่อครับสภาพจิตใจของผม ยังไม่พร้อมเลยนะครับ”
(“ต่อให้แกเสียใจให้ตาย มันก็เอากลับคืนมาไม่ได้หรอก ในเมื่อเขาเลือกคนอื่นไปแล้ว มาโฟกัสงานของเราไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าลูกทำงาน มาบริหารพี่ชายและเปิดตัวสินค้าใหม่พร้อมกับพี่ ให้คนได้รับรู้ว่าพี่กับน้องมาบริหารงานช่วยกัน ใคร ๆ ก็อยากรู้จักลูกทั้งนั้น ในฐานะนักธุรกิจไฟแรง ผู้หญิงมากมาย ต่างก็พร้อมจะอ้าขาให้ลูก ลูกจะเอาสวย กว่าผู้หญิงคนนั้นของลูก 10 เท่าก็ยังได้เลย”)
“... “
(“เลิกฟูมฟายร้องไห้เป็นเด็ก ๆ ได้แล้ว ทำตัวให้มีค่า ให้ผู้หญิงคนนั้นมันเสียดายเรา อย่าไปยึดติดกับของที่ไม่ใช่ของของเรา ขนาดคนเป็นผัวเมียกันมีลูกด้วยกันเขายังหย่ากันได้ แต่งได้ก็เลิกได้ หมั้นได้ก็ถอนหมั้นได้ รักได้ก็เกลียดได้ เกลียดได้ก็รักได้ ชีวิตนี้มันไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนหรอก เราอย่าไปยึดติดกับมันมาก ของที่เป็นของของเรา ต่อให้เราเสียไปแล้วมันก็กลับมาเป็นของเราอยู่ดี”)
“ครับพ่อ”
(“เดี๋ยวให้แม่ไปลากมานะ”)
“ไม่ต้องให้แม่มาหรอกครับ เดี๋ยวผมจะไปเองแม่มาทีไรบ่นผมหูชาทุกที”
(“เออ… รีบ ๆ มาแล้วกัน”)
“ครับ” ผมรีบวางสายพร้อมกับตวัดปลายเท้าจรดลงพื้น แล้วหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง ผมสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจตนเอง
จริงอย่างที่คำของพ่อผมพูด ถึงจะเสียใจไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอก ผมควรจะลุกขึ้นมาทำตัวเองให้มีค่า ผมจะช่วยงานพี่ชาย
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็ขับรถสปอร์ตหรูของผมไปจอดที่ลานจอดรถของบริษัท พนักงานทุกคน ที่เห็นผมเดินเข้าไปในตึก ต่างก็ทำความเคารพผม พนักงานทุกคนก็รู้จักผมเป็นอย่างดี เพราะผมโตมากับบริษัทแห่งนี้
ผมเดินไปเรื่อย ๆ จนมาถึงโต๊ะทำงานที่ม่านหมอกเคยนั่งทำงาน ผมขมวดคิ้วมุ่น เมื่อคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้ม เพื่อนสนิทของผมอีกแล้ว แต่เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ม่านหมอก นั่งทำงานแทนเธอ
ผมทำหน้าฉงน ม่านหมอกไปไหนทำไมคนอื่นถึงมาทำงานแทนเธอ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากถามใคร พี่ปั้นสิบกับพี่อินทิราก็เดินมาพอดี
“มาทำงานได้แล้วเหรอ ไอ้ตัวดี”
“ครับ แล้วม่านหมอกไปไหนครับทำไมคนอื่นถึงมานั่งทำงานที่โต๊ะแทนเธอ”
“อ๋อ ม่านหมอกเธอลาออกไปแล้ว เกือบเดือนได้แล้วมั้ง เห็นว่าจะไปช่วยเพื่อนทำงาน”
“แล้วพี่ก็ให้เธอไปเหรอ?” ผมเอ่ยถาม พยายามขบคิดว่าเพื่อนของเธอเป็นใคร ในเมื่อตลอดที่ผ่านมา เธอมีผมเป็นเพื่อนคนเดียว
“อ้าวในเมื่อเธอต้องการจะออก กูจะรั้งไว้ทำไมล่ะ? เธอมีสิทธิ์ที่จะไปทำงานที่อื่นก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของเธอ ในเมื่อเธอต้องการที่จะออกกูก็แค่เซ็นอนุมัติให้เธอเท่านั้นเอง”
“... “ ผมยืนนิ่ง กำลังใช้ความคิด ม่านหมอกคงจะโกรธ ที่ผมออกปากไล่เธอ ณ เวลานั้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมตกใจ รู้สึกเสียใจ ปะปนกันไปหมด ถูกแฟนทิ้งเจ็บแล้ว เพื่อนสนิทมาจูบผม พร้อมกับสารภาพว่ารักผม จะให้ผมทำอย่างไร
ในเมื่อผมคิดกับม่านหมอกเป็นได้แค่เพื่อน ผมไม่สามารถคิดกับเธอเป็นอื่นได้เลย แล้วเราจะมองหน้ากันยังไง ในเมื่อเธอคิดกับผมมากกว่านั้นแล้ว จะให้ผมไปทำตัวสนิทด้วยมันก็คงไม่ใช่
“ส่วนนี่คุณเพ็ญศรี จะมาออกแบบสินค้าแทนม่านหมอก มึงก็ช่วยดูแล้วกัน”
“...”
“ม่านหมอกเธอลาออกกูก็เลยให้คนอื่นมาแทน หวังว่ามึงคงไม่มีปัญหานะ”
“ไม่มีครับ”
“ดีงั้นเราไปห้องทำงานกันเถอะอิน”
“จ้ะ!” ผมมองตามหลังพี่ชายของผมที่เดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว ผมรีบหยิบสมาร์ทโฟนราคาแพงของผมออกมากดโทรออกทันที ถึงแม้ว่าความเป็นเพื่อนของผมกับเธอจะไม่เหมือนเดิม แต่ม่านหมอกเป็นคนมีความสามารถและเก่งในการออกแบบมาก ผมเองก็นึกเสียดายที่ต้องเสียพนักงานดี ๆ อย่างม่านหมอกไป
ผมกดย้ำที่หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง แต่ผลตอบรับก็คือเสียงที่ดังตื๊ดตื๊ดตื๊ด เธอน่าจะบล็อคเบอร์ผมแต่ไม่เป็นไร ผมยังมีไลน์มีเฟซมี I* ผมรีบติดต่อเธอทันที แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นความว่างเปล่า ม่านหมอกบล็อกเฟซ บล็อคไลน์บล็อคทุกช่องทางการติดต่อ ที่ผมจะติดต่อเธอได้
มาถึงตอนนี้ผมกลับร้อนใจแปลก ๆ ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้ ทั้งที่ผมเป็นฝ่ายไล่เธอไป
“ช่างเถอะในเมื่อมึงไม่อยากให้กูติดต่อมึงกูก็จะไม่ติดต่อ ต่างคนต่างอยู่ไปแล้วกัน” ผมพูดออกมาเบา ๆ ถึงแม้ว่าในใจของผม มันจะโหวงเหวงแปลก ๆ ก็ตาม
Chapter 6ม่านหมอก… TALK...“หมอก ตรงนี้ผมว่าแก้ก็ดีนะ”“แต่หมอกว่ามันโอเคแล้วนะคะคุณสายฟ้า” ฉันพูดขณะยื่นภาพภาพสินค้าตัวใหม่ที่ฉันออกแบบอีกอันให้คุณสายฟ้าดูบริษัทที่ฉันทำงาน ทำเกี่ยวกับส่งออกสินค้าพวกของเล่นเด็ก ส่งออกไปทั่วโลก“แต่ผมว่ามันแปลก ๆ อยู่ดี”“แปลกยังไงคะ? หมอกว่าโอเคแล้ว เพราะมันปลอดภัยกับเด็กด้วย อุปกรณ์ที่เราจะเอามาผลิตก็มีคุณภาพ ตามสโลแกนของบริษัทเลยค่ะ ปลอดภัย มีคุณภาพ และคุ้มค่า“พายุมาดูให้กูหน่อย” คุณสายฟ้าเอ่ยกับคุณพายุ ฉันหันไปมองเขา เขาเอนกายพิงพนักพิงพร้อมใช้ขาพาดบนโต๊ะทำงานอย่างสบายอารมณ์“มึงว่าไงก็ตามนั้นแหละ” คุณพายุพูดออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน เฮ้อ! สบายเหลือเกินพ่อคุณ“งั้นหมอกแก้ตรงนี้นิดหน่อยนะ”“ก็ได้ค่ะ”“ครับ” ฉันลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากห้อง ฉันทรุดกายลงบนโต๊ะทำงานแล้วก็ทำงานต่อ“แก้งานเหรอ?” พี่ต่อถามฉันขณะจิบกาแฟไปด้วย“ค่ะ”“สู้ ๆ นะ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่ต่อ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานตั้งแต่ที่ฉันมาทำงานที่บริษัทของคุณสายฟ้ากับพายุ ฉันก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี ทุกคนเป็นมิตรกับฉันมาก มันทำให้ฉันลืมความทุกข์ระหว่างฉันกับปั้นจั่นไปได้
Chapter 7ฉันแต่งตัวในชุดธรรมดา ธรรมดามากกกก ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้น แต่งหน้าอ่อน ๆ รวบผมเป็นหางม้า ฉันหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนกระเป๋าอีกข้างใส่เงิน200 แต่งแบบบ้านสุด ๆ ฉันหยิบคีย์การ์ดแล้วใส่กระเป๋าข้างที่ฉันใส่เงินแล้วเดินออกมา ฉันขี้เกียจสะพายกระเป๋า เพราะต่อให้เอาไปก็ไม่มีของอะไรมากมายที่จะใส่ โทรศัพท์ของฉันก็รุ่นธรรมดาพอใช้ได้ มีตังค์แค่ 200 พกติดตัวไปก็พอแล้วก๊อก! ก๊อก! แกร่ก! เสียงเปิดประตูเข้ามา เป็นแพรว ที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงกระโปรงคลุมเข่า ใบหน้าทรงผมจัดหนักจัดเต็มดูสวยมาก ๆ ซึ่งมันต่างกับฉันลิบลับฉันดูธรรมดามากจนไม่รู้จะธรรมดายังไง“แกแต่งชุดอะไรวะ” แพรวขมวดคิ้วเป็นปมเอ่ยถามฉัน“ก็แค่ไปฉลองวันเกิด จะอะไรกันนักหนา แต่งแบบไหน ก็ไปได้หมดแหละ” “ก็ไม่อะไร แต่มันเชย” “ช่างเถอะ ไปกันดีกว่า” “อืม แล้วกระเป๋าแกล่ะ” “ไม่เอา ไปแบบนี้แหละ เอาเงินกับโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงไปก็พอ” “แกนี่ง่ายชะมัด” “อืม ไปเถอะ” “ห้องแกทำไมดีจังวะ ห้องฉันฉันไม่หรูเท่าแกเลย”“ไม่รู้” ฉันพูดพร้อมกับเดินไปที่ลิฟท์ ฉันยืนเงียบคิดอะไรไปเรื่อย พอลิฟท์เปิดออก ฉันก็มายืนรอกับพวกพี่ก้องกับพี
Chapter 8ปั้นจั่น...ผมประคองร่างบาง ที่กำลังเมามายของม่านหมอกขึ้น ทุกคำพูดทุกการกระทำที่เธอทำกับผม ทำไมผมถึงรู้สึกแปลก ๆ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึก ผมเป็นเพื่อนกับม่านหมอกมาตั้งหลายปี ผมเสียเพื่อนที่สนิทที่สุดไป จะให้ผมไม่รู้สึกอะไรมันก็คงจะไม่ใช่แต่จะให้ผมทำอย่างไร ในเมื่อผมเป็นฝ่ายไล่เธอไปเองภาพเธอกำลังร้องไห้ชี้หน้าผมแล้ววิ่งออกไปจากห้อง มันเป็นภาพที่อยู่ในหัวของผมอยู่ตลอด ผมทำเกินไปไหม? ที่ตัดสัมพันธ์กับเธอแบบนั้น โดยไม่รักษาน้ำใจของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อผมคิดกับเธอแค่เพื่อน มันเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงแม้ว่าความรู้สึกของผม มันจะอดเคว้งคว้างที่ไม่มีเธอไม่ได้ก็ตามชีวิตที่ผ่านมา ผมกลับม่านหมอก จะทำงานกินข้าวดูหนังฟังเพลง ทำแทบทุกอย่างร่วมกัน มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าใครคนหนึ่งหายไป เราจะรู้สึกเคว้งคว้างผมพ่นลมหายใจออกมาแรง พร้อมกับจ้องใบหน้าของม่านหมอก เธอพยายามแกะผมมือผมออกจากตัวของเธอ“ปล่อยกู” “กูจะพามึงไปล้างตัวเอง” “ไม่ต้องยุ่ง!” “ไม่ยุ่งไม่ได้! เมาเป็นหมาขนาดนี้ จะ ไปห้องน้ำเองได้ยังไงวะ กูบอกว่าอย่าดื่มเยอะมึงก็ไม่เชื่อกู แล้วดูสภาพมึงตอนนี้สิ ดูได้ท
Chapter 9ผมอุ้มร่างบางของเธอไปวางที่รถ ส่วนพี่สาวของผม ขึ้นรถขับแล่นออกไป ผมรีบปิดประตูรถแล้ววิ่งไปฝั่งคนขับ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะขึ้นรถ ร่างสูงใหญ่ของผม ก็ถูกกระชากเสียก่อน“มึงจะทำอะไร?” คนที่กระชากผมคือไอ้พายุ มันนี่เสร่อทุกเรื่อง มันจ้องหน้าผมด้วยความไม่พอใจ“กูจะพาเธอกลับห้อง” ผมตอบเสียงเรียบนิ่ง แล้วหันหลังให้มันกำลังจะเปิดประตู“ห้องไหน?” ไอ้พายุกระชากคอเสื้อผมแล้วเอ่ยถาม มันทำหน้าตาได้หน้าถีบมาก ๆ “ห้องของม่านหมอก” “มึงรู้เหรอว่าเธออยู่ไหน?” มันย้อนถามผม ผมไม่รู้หรอกว่าเธออยู่ไหน? แต่ผมไม่ไว้ใจพวกมันผมไม่ไว้ใจใคร ยิ่งม่านหมอกเมามายไร้สติแบบนี้ ผมก็ยิ่งห่วงใยเธอ“ไม่! แต่กูจะพาเธอไปบ้านของกูก่อน”“มึงไปเอาไปไว้บ้านมึง กูก็ไม่ไว้ใจเหมือนกันนั่นแหละ เพราะฉะนั้นกูจะไปส่งเธอเองมึงไม่ต้องยุ่ง จำใส่สมองมึงไว้ด้วยว่าเธอไม่ใช่ลูกน้องของมึงแล้วตอนนี้เธอเป็นลูกน้องของกู เป็นคนของกู มึงห้ามยุ่ง” “ทำไมกูจะยุ่งไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนกู” ผมตะเบ็งเสียงใส่มัน ถึงแม้ความเป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทที่ผมกับม่านหมอกมีต่อกัน มันสิ้นสุดลง แต่ความห่วงใยแบบเพื่อนของผม
Chapter 10“น้ำค้าง” ยิ่งพยายามผลักไสเธอก็ยิ่งบดเบียดร่างกายแน่งน้อยอรชรกับร่างกายของของผม ดอกบัวตูมคู่งามแนบชิดอกแกร่ง เธอดิ้นไปมา จนจมูกของเธอขึ้นมาอยู่ที่ต้นคอของผม ลมหายใจร้อนเป่ารดที่ต้นคอของผมเบาๆ ความรู้สึกของผมจวนเจียนจะคลั่งตาย“ไม่ได้ไอ้จั่น” ผมผลักร่างเธอออกอีกครั้ง ปทุมถันคู่งามอะร้าอร่ามอวดความงามอยู่ตรงหน้า ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อไม่ให้ผมทำกับเธอไปมากกว่าเพื่อน“ค้าง ไอ้เฉิดเฉลาอยู่ไหนวะ พ่อเอาไปเลี้ยงไหน?” ม่านหมอกพูดเสียงอ้อแอ้กอดกระชับผมแน่นกว่าเดิม ผมได้แต่ท่องพุทโธธรรมโม สังโฆ ในใจ “นิ่งไว้ลูกพ่อ นิ่งไว้” “อื้อ มาให้พี่หอมหน่อยสิ” เธอถูจมูกที่ซอกคอผมอีกครั้ง ผมรู้สึกสะยิวจนขนลุกเป็นเกลียว เธอจงใจทำแบบนี้ และผมจะไม่ทน ผมใช้มือหยาบของตนจับไปที่ปทุมถันก่อนจะบีบมันเบา ๆ แล้วพลิกกายขึ้นมาคร่อมร่างบาง ผมก้มขบเม้มเนินอกจนเป็นรอยแดง เลื่อนลงงับยอดอก พร้อมกับตวัดลิ้นดูดดุน วันนี้ผมต้องปลดปล่อย ผมจะไม่ทนความปวดร้าวของความเป็นชายแน่ ในเมื่อเธอยั่วผมขนาดนี้“มึงอย่ามาโทษกูแล้วกัน” ร่างกายของผมร้อนผะผ่าว เกิดความปรารถนาจนมิอาจห้ามปรามได้ แก่นกายร้อ
Chapter 11ปั้นจั่น…ผมรีบใส่เสื้อผ้า แล้ววิ่งตามม่านหมอกลงมาแต่ก็ไม่เจอแล้ว ไม่รู้ว่าเธอวิ่งไปทางไหน ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็ไร้วี่แวว “เฮ้อ” ผมพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ผมยืนอยู่หน้าคอนโดสักพัก แล้วเดินเข้ามาในคอนโด เอาไว้เธอใจเย็นกว่านี้ผมจะอธิบายให้เธอฟังเอง ผมรู้ว่าเธอกำลังโกรธ ผมอธิบายยังไงเธอก็ไม่เข้าใจหรอก และเรื่องราวมันจะลุกลามใหญ่โตมากกว่าเดิมผมเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอฉีกยิ้มให้ผม ร่างบางของเธอบิดไปมาราวกับพยาธิไชก้น หึ! ปิดเป็นมอไซร์เชียวนะ“อยู่คอนโดนี่เหมือนกันเหรอคะ” “อืม” “ชื่อวีนัสนะคะ คุณชื่ออะไร? แล้วอยู่ชั้นไหนคะ” เธอเอียงหน้าถาม ผมไม่สนใจผมทำหน้าบึ้งตึงใส่เธอทันที ผมไม่สนใจ ผู้หญิงพวกนี้ก็มีแต่อยากเข้าหาผมทั้งนั้น หาความจริงใจไม่ได้เลย เมื่อก่อนตอนที่ผมปิดบังตัวตน ไม่เห็นจะมีใครอยากจะมาสนใจผม ผมเบือนหน้าไปทางอื่นไม่อยากจะเห็นหน้าหรือสายตาของผู้หญิงคนนี้ที่ส่งยิ้มหวานหยดย้อยมองหน้าผมอย่างสื่อความหมาย ผู้หญิงที่จริงใจนอกจากครอบครัวแล้ว ก็มีม่านหมอกที่จริงใจกับผม เธอคือเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผมมีติ้ง! พอลิฟท์เปิดออก ผมก็รีบมาที่ห้องของ
Chapter 12ม่านหมอก…“เดี๋ยวหมอกไปเอาน้ำมาให้นะคะ” “ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันไปเอาเอง” “เดี๋ยวหมอกไปเอามาให้คุณพายุดีกว่า หมอกเองก็กำลังคอแห้งพอดี” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเอาเอง” คุณพายุยิ้มแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น เขาหยิบน้ำแล้วเดินมาหาฉัน ”นี่ของหมอก” “ขอบคุณค่ะ” ฉันรับแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ คุณพายุนั่งบนโซฟาแล้วหยิบอาหารออกมาจากถุง“วันนี้มีอาหารอีสาน มีส้มตำ มีลาบ มีต้ม มีไก่ย่างด้วย วันนี้ฉันตั้งใจมากินกับเธอเลยนะ ถุงนั้นเอามาฝาก แต่ถุงนี้เอามากินด้วยกัน” “คุณพายุทานอาหารอีสานเป็นด้วยเหรอคะ?” ฉันเอียงคอถามคุณพายุพร้อมกับทำหน้าฉงน ทายาทมหาเศรษฐีหมื่นล้าน กินอาหารอีสานเป็นด้วยเหรอ? แบบเขามันต้องอาหารหรูๆ พวกสเต็กพวกคาเวียร์ มันถึงจะเหมาะกับเขา“ไม่เคย แต่อยากจะลองดูว่ามันจะอร่อยไหม? ฉันเห็นคนอีสานเขาชอบซื้อกินกัน” “คนอีสานก็ชอบอาหารอีสาน เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ” “น่าจะใช่” คุณพายุพยักหน้าเบา ๆ“แล้วสั่งแบบไหนมาบ้างคะ?” ฉันเอ่ยถาม เพราะดู ๆ แล้ว อาหารมันหลายถุงมาก“ฉันไปสั่งตอนแรก ฉันบอกร้านเขาว่า อาหารที่คนอีสานชอบกินกัน เขาเลยจัดให้ มีข้าวเหนียวด้วย แต่
Chapter 13ม่านหมอก…“ฉันชอบเธอนะม่านหมอก” ฉันหันไปมองคุณพายุ เขาหันมาสบตาฉันไม่ต่างกัน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี พอคุณพายุพูดแบบนั้นฉันรู้สึกตันไปหมด “เอ่อ…” ฉันอึกอัก ทำท่าทางกระอักกระอ่วนใจ ฉันไม่เคยคิดกับคุณพายุมากกว่าเจ้านายลูกน้องเลย ฉันเองก็คิดว่าเขาคงคิดเหมือนกันกับฉัน เพราะเขาไม่เคยเเสดงท่าทีอะไรว่าสนใจฉันเลย แต่พอคุณพายุมาสารภาพความจริงว่าชอบฉัน ฉันยิ่งไม่รู้จะพูดยังไง ฉันกับเขาก็พึ่งจะรู้จักกันได้เดือนเดียวเอง “ฉันไม่ได้บังคับให้เธอชอบฉัน แต่ฉันอยากให้เธอเปิดใจ ถ้าเธอยังไม่มีใคร ฉันอยากจะเป็นคนที่ได้ดูแลหัวใจเธอ” น้ำเสียงนุ่มนั้นเอ่ยออกมาเบา ๆ “คือหมอกรักผู้ชายอยู่คนหนึ่งค่ะ” ฉันตัดสินใจพูดมันออกมา คุณพายุมองหน้าฉันแล้วยิ้ม รอยยิ้มแสนอบอุ่นนั้น ทำให้ฉันรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย เขาเสมองไปทางอื่น ก่อนจะเงยหน้ามองพระจันทร์“ไอ้ปั้นจั่นใช่ไหม? “ เขาพูดแต่ก็ยังมองพระจันทร์อยู่ เสียงแมลงกลางคืนร้องขับกล่อม มันชวนฟังอยู่ไม่น้อย“คุณพายุรู้เหรอคะ?”“ใช่ แต่หมอกก็รู้ว่ารักคนที่เขาไม่รักเรามันเจ็บ” เขาพูดถูกรักคนที่เขาไม่รักเรามันเจ็บ ซึ่งฉันเจ็บมาหลายปีแล้ว“ค่ะ”
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น
ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
ปั้นจั่นTALKผมจูบหมอกเร่าร้อนราวทะเลเดือด จูบราวกับสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง ผมประคองใบหน้าของหมอก จูบเน้นๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอม่านหมอกขัดขืนในตอนแรกพยายามผลักผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ วันนี้ผมต้องได้เมียคืน พี่ชายพี่สาวพ่อแม่และทุกคนๆช่วยกันวางแผนขนาดนี้ผมต้องตีมึนเอาไว้ผมดันเธอไปชิดกำแพงในขณะที่จูบเธอไปด้วย มือของผมเลื่อนลงต่ำมาบีบเค้นที่อกอวบของเธอ มืออีกข้างก็ถลกกระโปรงแล้วสอดมือเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วม่านหมอกสะดุ้งทันทีที่มือผมสัมผัส ผมกดคลำลากตามร่องยาวปริ่มน้ำ ม่านหมอกพยายามต่อต้าน ร่างกายเธอเริ่มบิดไปมาผมกรีดนิ้วจนกระทั่งเจอเม็ดทับทิม“อ้ะ ...ปะ... ปั้นจั่น” ม่านหมอกครางเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อปากเป็นอิสระ ผมทนมามากพอแล้ว ผมไม่ได้ปลดปล่อยมา10ปี และวันนี้ผมจะไม่ทน“หมอกจ๋า จั่นอยาก” ผมพูดเสียงกระเส่า รู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แก่นกายของผมมันปวดหนึบจนแทบจะปริแตก มันผงาดชี้โด่พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา“พะ... พอ... ยะ... หยุดสักที”“หยุดทำไม? นี่คือความสุขนะหมอก”“มะ... ไม่เอา พะ... พอ” ม่านหมอกพูดอยู่แค่นั้นวนไปมา ผมไ
“หมอกไปกรุงเทพก่อนนะพ่อ” ฉันเอ่ยกับพ่อสุนทรในขณะที่ท่านกำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้อง วันนี้ท่านให้คนมาทำถนนทางไปบ้านของฉันกับบ้านที่ปั้นจั่นเคยอาศัยอยู่ และคนงานกำลังฟังอย่างตั้งใจ“อันนารบเร้าให้พาไปหาพ่อมันละสิ”“ใช่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังของพ่อ พ่อไม่ชอบปั้นจั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านอาจจะไม่พอใจที่ฉันจะพาอันนาไปหาเขา“...”“พ่อคะ...” ฉันเม้นปากพร้อมกับเรียกท่าน“ไปเถอะ ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว หมอกมั่นคงกับมัน มันก็มั่นคงกับหมอก พ่อคงไม่ห้ามอะไรแล้ว เพราะที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวให้พ่อเห็นแล้ว”“ค่ะ”“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ” อันนาเช้าไปกอดพ่อสุนทร“รักเหมือนกันครับ ไปกับคุณแม่ก็บอกคุณแม่ให้ขับรถดีๆด้วยนะ”“ค่ะ”“ให้ไอ้วัดไปขับรถให้ไหม? ““ไม่เป็นไรค่ะ หมอกขับเองดีกว่า”“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อคุยงานกับพวกคนงานก่อน”“ค่ะ”“รีบไปเถอะค่ะแม่”ฉันรีบพาบุตรสาวไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปโดยที่มีสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย“ ซื้อของฝากไปฝากคุณย่าด้วยนะแม่”“ได้จ้ะ” ฉันขับรถไปถึงร้านของฝากแล้วพาบุตรสาวไปเลือกของตามต้องการ“เอาไปเยอะๆเลยนะคะคุณแม่”“จ้า”ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปั้นจั่นTALK“ปั้นจั่น เดือนนี้จะไปหาหมอกกับลูกใหม่?” แม่ผมเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่สาวของผม“ผมอยากไปจะแย่แล้วครับแม่ คราวก่อนเหมือนหมอกจะใจอ่อนกับผมแล้ว ถ้าผมไปพูดหยอดเธอบ่อยๆ อีกไม่นานคงจะใจอ่อน” ผมเอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า งานเยอะมาก เยอะสุด ๆ เลยครับ“เดี๋ยวแม่โทรไปชวนหมอกมาเที่ยวดีกว่า หลายปีแล้วนะที่หมอกไม่มากรุงเทพ แม่อยากให้หมอกมาอยู่กรุงเทพมาก ๆ อยากให้หลานมาเรียนที่นี่ด้วย”“หมอกก็คงปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแหละครับ เฮ้อ!”“แต่แม่อยากให้หมอกกับแกคืนดีกันสักที”“ผมก็พยายามอยู่ครับ”“แกพยายามไม่มากพอนะสิ แม่อยากให้หมอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ผมทำหน้าเศร้า“แกก็ช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงหน่อยสิวะ” พี่ปั้นสิบเดินเข้ามา วันนี้วันอะไร ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันมาหาผม“ทำยังไง?” ผมขมวดคิ้วเข้มชนกัน “มึงก็เอาม่านหมอกกับมาเป็นเมียมึงสิวะ ผ่านมาหลายปีแล้ว กูว่าม่านหมอกคงใจอ่อนแล้วแหละ” พี่ปั้นสิบเอ่ย“บ้าน่า หมอกโกรธกูจะทำยังไงล่ะ กูกลัวเธอโกรธ” ผมเอ่ย ผมกลัวหมอกโกรธจริง กลัวมากเพราะหมอกเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง ถ้าได้โกรธผมเอง เธอคง
Chapter 60ฉันมองปั้นจั่นที่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันรู้ว่าเขาเจ็บแต่ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องให้เขาออกไปจากชีวิตฉันตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ฉันดูใจร้ายมากไหมคะ? ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องทำ มันต้องจบได้แล้ว “หมอก ฮึก” ปั้นจั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นหัวใจของฉันเจ็บหนึบ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักเขา มันคือความรักที่มั่นคงมาก ฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนเขาได้ และฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้เหมือนกัน“กลับไปทำหน้าที่ลูกเถอะ กูจะบอกเขาว่ามึงเป็นพ่อ กูสัญญาจะดูแลเขาให้ดี”“ฮึก ๆ ฮื่อ ๆ” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ปั้นจั่นมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ็บปวด เขาต้องเจ็บอยู่แล้ว การจากลามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เขาจูบที่หน้าผากลูกของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งลูกให้แม่ของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วเดินมาหาฉันหมับ!เขาสวมกอดฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันร้องไห้ไม่ต่างกัน มันเจ็บนะคะที่ยังรักแต่ต้องจากกัน ฉันกอดตอบเขาอ้อมกอดนี้มันเคยเป็นเป็นของฉัน แต่มันเป็นเพียงอดีตแล้ว มันเจ็บนะคะที่ต้องจากทั้งที่ยังรัก แต่วันเวลาผ่านไปทุกความเจ็บปวดมันจะผ่านพ้นไป “ขอให้มึงโชคดี ไปทำหน้าที่ของมึงซะเถอะ” ฉันพูดเสียงส
Chapter 59ม่านหมอกTALKใครจะว่าฉันใจดำฉันก็ไม่สนหรอกค่ะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรักตัวเอง การที่ไม่พาตัวเองไปเจ็บปวดมันดีที่สุดแล้ว ผู้หญิงอย่างเราถ้ามีรักดีก็จะมีแค่รักเดียวแต่ถ้ามันไม่ดีเราก็ขอเลือกรักตัวเองและก้าวไปข้างหน้าดีกว่าฉันจะไม่อยู่เพื่อคบกับใครคนไหนอีก แต่ฉันจะอยู่เพื่อลูก ฉันจะอยู่เพื่อเป็นแม่ที่ดีให้กับเขา ส่วนพ่อของลูกที่เคยกระทำเรื่องเลวทรามฉันจะปล่อยให้มันผ่านไปถ้าเขาอยากมาหาลูกฉันก็จะให้เขามา ฉันจะไม่กีดกันเขาแต่ขออย่างเดียวให้เขาเลิกพยายามที่จะเอาฉันกลับไปเป็นครอบครัวเดิมกับเขา เพราะมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบไปแล้วและมันไม่สามารถ กลับไปเป็นได้อีกฉันรักเขามากนะคะ แต่ฉันต้องเลือกแบบนี้ฉันไม่สามารถอยู่กับคนที่เคยหักหลังฉันได้ และผู้หญิงอย่างเรา ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องจมปลักดักดาน เราไม่จำเป็นต้องมีชีวิตคู่หรอกค่ะถ้าชีวิตคู่มันเฮงซวย เราใช้ชีวิตเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงดูลูกของเราให้มีความสุข และนั่นมันจะเป็นความสุขที่สุดของผู้หญิงอย่างเราฉันปฏิญาณกับตัวเองเอาไว้แล้วว่า ภายภาคหน้าต่อให้มีคนเข้ามาในชีวิตฉันอีก ฉันก็จะไม่แต่งงานก
Chapter 58ผมจ้องหน้าม่านหมอกน้ำตาคลอ เธอยื่นข้อเสนอแบบนี้มาผมควรทำอย่างไร ผมควรออกไปจากชีวิตของเธอตามที่เธอขอร้อง หรือผมควรยื้อเวลาออกไปให้นานกว่าเดิม“มะ... หมอก”“ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวไป!” ม่านหมอกเอ่ยเสียงกร้าวจ้องมองผมด้วยแววตากระด้าง“หมอกอย่าต่อรองกับจั่นแบบนี้เลยนะ ให้จั่นไปกับหมอกด้วยนะ ฮึก” ผมพูดเสียงสั่นเครือ รู้สึกปวดหัวใจมากเลยครับ ผมอยากไปกับหมอกแต่ผมไม่อยากจากหมอกกับลูกไป ผมอยากดูแลอยากทำหน้าที่ผัวหน้าที่พ่อ ผมอยากชดใช้และแก้ตัวในสิ่งที่ผมทำผิดพลาด แต่เหมือนผู้หญิงตรงน่าจะไม่ให้โอกาสผมเลย“มึงอยากดูลูกมึง ทำไมมึงไม่ไปดูกับริสาผู้หญิงคนนั้นก็ท้องลูกของมึงเหมือนกัน ลูกของมึงไม่ได้มีแค่กับกูหรอก ลูกของมึงยังมีอยู่กับริสามึงไปดูแลซะเลิกมายุ่งวุ่นวายกับกูเสียที” เธอพูดเสียงสั่นพร้อมกับผินหน้าไปมองอย่างอื่น ผมรู้ว่าเธอเจ็บปวดและไม่สามารถเชื่อใจผมได้ ผมทำผิดจริง แต่ผมอยากได้โอกาสและผมจะไม่มีวันทำมันอีก“ที่ผ่านมาจั่นโง่เอง จั่นคิดว่าริสาท้องลูกของจั่นเพราะเธอเอาหลักฐานมายืนยัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเธอไม่ได้ท้องลูกของจั่น”“มึงรักมันมากไม่ใช่เหรอ? มึงก็ไปเลี้ยงดูมันสิ”“ห
Chapter 57ปั้นจั่นผมมองไปที่หน้าต่างอย่างเสียดาย ม่านหมอกปิดหน้าต่าง ไม่สนใจที่จะปรายตาผมเลยแม้แต่น้อย“เฮ้อ” ผมก้มหน้าก้มตาทำงานครับหลังจากม่านหมอกไม่สนใจ ในเมื่อผมต้องการที่จะง้อเธอผมก็ต้องทำงานให้ดีไม่อย่างนั้นตาสุนทรก็คงจะด่าผมเปิงครับ“เอาไม้ไผ่ไปผ่าให้หน่อย” คนงานอีกคนสั่งผม ผมรีบทำครับ แต่ติดปัญหาตรงที่ผมทำไม่เป็น“มันทำยังไงครับ?”“โอ้ยยยย พวกคนกรุงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจริง ๆ มาดูวิธีสิ จะได้ทำเป็น เขาจ้างมาทุกคนมาทำงาน นายจะมากินแรงคนอื่นไม่ได้หรอกนะจะบอกให้” ชายรูปร่างกำยำผิวพรรณหยาบกระด้างเลยพร้อมกับทำท่าทางไม่พอใจ เขาหยิบมีดขึ้นมา พร้อมกับทาไม้ไผ่ดังโป๊ะเลยครับ“ผ่ายาวเลยใช่ไหม?”“เออ รีบทำ จะมาทำเล่นๆแบบนี้ไม่ได้นะ มันเสียเวลาคนอื่น”“ครับ” ผมผ่าไม้ไผ่ตามที่เขาบอก และแน่นอนมันทำให้มือผมถูกคมของไม้ไผ่บาดมือจนเลือดสาดเลยครับ“ตายแล้วเลือดออก” ป้ามณีพูดเสียงดัง “ติดพาสเตอร์ก่อนเร็ว” ชายคนงานอีกคนรีบเอาพาสเตอร์มาเเปะแผลให้ผม อย่างน้อยทุกคนยังมีน้ำใจครับ“ทำอะไรก็ต้องระวังนะจะมาทำเล่นๆไม่ได้เดี๋ยวมือขาดไม่รู้ตัว การทำงานทุกอย่างมันต้องมีสติและระมัดระวัง” ผู้ชายฟันเหยินๆพูดกั