Chapter 8
ปั้นจั่น...
ผมประคองร่างบาง ที่กำลังเมามายของม่านหมอกขึ้น ทุกคำพูดทุกการกระทำที่เธอทำกับผม ทำไมผมถึงรู้สึกแปลก ๆ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึก ผมเป็นเพื่อนกับม่านหมอกมาตั้งหลายปี ผมเสียเพื่อนที่สนิทที่สุดไป จะให้ผมไม่รู้สึกอะไรมันก็คงจะไม่ใช่
แต่จะให้ผมทำอย่างไร ในเมื่อผมเป็นฝ่ายไล่เธอไปเอง
ภาพเธอกำลังร้องไห้ชี้หน้าผมแล้ววิ่งออกไปจากห้อง มันเป็นภาพที่อยู่ในหัวของผมอยู่ตลอด ผมทำเกินไปไหม? ที่ตัดสัมพันธ์กับเธอแบบนั้น โดยไม่รักษาน้ำใจของเธอเลยแม้แต่น้อย
แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อผมคิดกับเธอแค่เพื่อน มันเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงแม้ว่าความรู้สึกของผม มันจะอดเคว้งคว้างที่ไม่มีเธอไม่ได้ก็ตาม
ชีวิตที่ผ่านมา ผมกลับม่านหมอก จะทำงานกินข้าวดูหนังฟังเพลง ทำแทบทุกอย่างร่วมกัน มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าใครคนหนึ่งหายไป เราจะรู้สึกเคว้งคว้าง
ผมพ่นลมหายใจออกมาแรง พร้อมกับจ้องใบหน้าของม่านหมอก เธอพยายามแกะผมมือผมออกจากตัวของเธอ
“ปล่อยกู”
“กูจะพามึงไปล้างตัวเอง”
“ไม่ต้องยุ่ง!”
“ไม่ยุ่งไม่ได้! เมาเป็นหมาขนาดนี้ จะ ไปห้องน้ำเองได้ยังไงวะ กูบอกว่าอย่าดื่มเยอะมึงก็ไม่เชื่อกู แล้วดูสภาพมึงตอนนี้สิ ดูได้ที่ไหนล่ะ” ผมบ่นกระปอดกระแปด รั้งร่างเธอขึ้นจนสำเร็จ
“กูจะดูได้ หรือดูไม่ได้มันก็เรื่องของกูมึงไม่ต้องมาสนใจกูหรอก มึงไปสนใจริสาโน้นคนที่มึงฟูมฟายร่ำร้องหาแต่มันโน้น! ฮึก!” ม่านหมอกสะอื้นในลำคอเบา ๆ เฮ้อ! เจ็บสัส! เวลาใครมาสะกิดแผลของผม ด้วยคำพูดเรื่องริสา ผมก็เจ็บทุกครั้ง
“ต่อให้กูฟูมฟายร้องไห้จะเป็นจะตาย เขาก็ไม่กลับมาหากูหรอก ในเมื่อริสา เขาคิดว่าเขาเจอคนที่ดีที่สุดสำหรับเขาไปแล้ว ส่วนกูมันก็แค่คนที่เขาไม่เอา”
“สมน้ำหน้า มึงมันสมควรโดนมากกว่านี้” ม่านหมอกพูดเสียงอ้อแอ้ เฮ้อ! เมาจนทรงตัวไม่อยู่แล้ว ยังจะปากดีเถียงผมอีก มันน่าจับตีก้นเหมือนเด็กเสียจริง
“ไปล้างตัวกัน”
“อย่ายุ่ง!”
“กูทำเอง” ไอ้พายุเอ่ยแล้วเข้ามาประคองร่างของม่านหมอก มันจ้องหน้าผมด้วยเสียงหน้าเรียบตึง ไอ้เวรนี่ก็ไม่รู้อะไร?
“เพื่อนกู กูจะพาไปเอง”
“เพื่อนมึงแล้วไง? ตอนนี้เธอเป็นคนของกู” ห้ะ! ของมันม่านหมอกไปเป็นของมันตั้งแต่ตอนไหน คำพูดของมันขัดหูของผมอยู่ไม่น้อยเลย
“ก็แค่พนักงานบริษัทมึง”
“อาจจะมากกว่านั้นก็ได้” คำพูดของไอ้พายุ ทำไมผมถึงรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ ไปเป็นคนของพายุได้ยังไง ในเมื่อเดือนก่อน เธอยังบอกว่าคิดกับผมมากกว่าเพื่อนอยู่เลย อะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปง่ายดาย จนไอ้พายุพูดแบบนี้
หรือว่าทั้งสองฟิตเจอริ่งกันแล้ว แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ? ม่านหมอก ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นสักหน่อย
“มากกว่านั้นคืออะไร?” ผมกำมือแน่น พร้อมกับจ้องมองหน้าไอ้พายุ นี่ผมเป็นบ้าอะไรกัน? ถึงรู้สึกว่าไม่ชอบคำพูดหรือการกระทำที่มันแสดงออกต่อม่านหมอก
“กูไม่จำเป็นต้องตอบ แต่มึงคงรู้ว่ากูหมายถึงอะไร? มึงคิดว่ากูกับม่านหมอกเป็นอะไรกัน นั่นคือสิ่ง ที่เป็นคำตอบแล้ว”
“ไอ้พายุ!” ผมขบกรามแน่น ไอ้เวรนี่มันจงใจกวนตีนผม ผมอยากจะตะบันหน้ามันเสียงจริง
“ทะเลาะบ้าอะไรกัน? เดี๋ยวหนมชั้นผ้าม่านหมอกไปล้างเอง ส่วนพายุ นายก็ไปล้างด้วยนะ ดูซิ ม่านบอกอาเจียนใส่เต็มเสื้อเลย”
“กูจะพาไปล้างเอง มึงไม่ต้องยุ่งหรอกขนมชั้น” ผมพูดด้วยน้ำเสียงห้วน มองขนมชั้นกับไอ้พายุอย่างไม่พอใจ
“หนมชั้นก็จะให้พวกนายสองคนทะเลาะกันไง อยากทะเลาะกันมากไม่ใช่เหรอ? ก็ทะเลาะกันสิ ส่วนม่านหมอกขนมชั้นจะพาไปล้างเอง พวกนายเป็นผู้ชายจะมาล้างให้ผู้หญิงได้ยังไง มีสมองหัดคิดบ้าง” แม่ดาราสาวมองหน้าผม หึ!
“ไม่กูจะพาเธอไปล้างเอง เมื่อก่อนกูกับม่านหมอก ใช้ชีวิตร่วมกันแทบจะ 24 ชั่วโมงช่วงอ่านหนังสือสอบ เรื่องแค่เช็ดอ้วกเช็ดอะไรกูทำได้หมดแหละ”
“ใครก็ทำได้ แกก็ทำได้ พายุก็ทำได้ แต่เข้าใจไหมว่าม่านหมอกคือผู้หญิง พวกนายเป็นผู้ชายควรให้เกียรติเธอ”
“ก็ได้วะ!” ผมพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยอมปล่อยร่างของม่านหมอก ให้พี่สาวตัวดีของผม
ขนมชั้นประคองร่างม่านหมอกเข้าไปในคฤหาสน์ ผมกอดอกมองหน้าไอ้พายุทันที มันกระตุกยิ้มที่มุมปากจ้องหน้าผมไม่ต่างกัน
“มึงเลิกยุ่งกับม่านหมอกซะ”
“มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกูให้เลิกยุ่งกับม่านหมอก เธอเป็นพนักงานบริษัทกู กูมีสิทธิ์ยุ่ง”
“ตอนนี้มึงกำลังเกินคำว่าเจ้านายลูกน้อง”
“อ๋อเหรอ?”
“กูรู้ว่ามึงกำลังคิดมากกว่าเป็นแค่พนักงานบริษัท ถ้ามึงคิดจะทำมิดีมิร้ายกับม่านหมอกกูจัดการมึงแน่ไอ้พายุ” ผมชี้หน้ามัน พร้อมกับพูดเสียงแข็งกระด้าง ผมออกตัวปกป้องสุดฤทธิ์ ม่านหมอกมันยิ่งบ้านนอก ถึงแม้จะมาเรียนกรุงเทพฯหลายปี แต่ก็ไม่ทันใครหรอกนะ
“มึงจะมารู้กว่ากูได้ยังไง? มึงรู้ได้ยังไง?ว่ากูคิดอะไรกับม่านหมอก”
“กูกับมึงรู้จักกันมานานขนาดไหนแล้ว ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้จักสันดานมึง มึงอย่ายุ่งกับเธอไอ้พายุ”
“มึงพูดราวกับว่ากูเป็นคนร้ายกาจขนาดนั้น กูสนใจม่านหมอกมึงจะว่าอะไรไหม? ม่านหมอกเป็นผู้หญิงที่สวย ตัวเล็กน่ารักสเปคกูเลยว่ะ ไม่ว่าจะมองตรงไหนเธอก็สวย ดูดีไปหมด ถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะแต่งตัวธรรมดา บ้าน ๆ แต่เธอดูดีในสายตากูมาก”
“ไอ้พายุ!”
“อย่ามาใส่ใจกับคนที่มึงไม่เห็นค่าหน่อยเลย ต่อไปนี้กูจะจีบเธอ ขอตัวก่อนแล้วกัน กูจะไปดูม่านหมอก” มันพูดแล้วก้าวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปในคฤหาสน์ ผมกำหมัดแน่น มองตามแผ่นหลังของไอ้พายุ จนลับสายตา
นี่ผมเป็นบ้าอะไร? ทำไมผมกลับมารู้สึกหวงเพื่อนด้วยนี่
ผมกวาดสายตาไปมองรอบ ๆ บริเวณ ทุกคนกำลังสนุกสนาน ผมก้าวเท้าเขาไปในคฤหาสน์ พร้อมกับกวาดสายตามองหาม่านหมอก แต่ก็ไม่เจอ
ผมตรงไปที่ห้องน้ำ แต่ก็ไม่เจอใครอยู่ดี ผมเลยตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างบน ผมเจอม่านหมอก กำลังถูกประคองเข้าไปในห้อง
“พวกมึงจะพาเธอไปไหน?” ผมถามขนมชั้นกับไอ้พายุ
“กูเอาไปนอนน่ะสิ เมาขนาดนี้จะให้เอาไว้ไหน?”
“กูจะพาเธอกลับเองไม่ต้องยุ่ง”
“มึงนั่นแหละที่ไม่ต้องยุ่ง” พายุพูดอย่างไม่พอใจ
“นั่นดิ อย่ามายุ่ง” พี่สาวตัวดีของผมพูดเสริม ผมไม่ยอมหรอก ผมรีบเดินตามเข้าไปในห้อง ทั้งสองเอาม่านหมอกนอนลงบนเตียง เสื้อสีขาวที่ใส่ก็เปียกจนเห็นเนิ่นอกขาวที่ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อยืดราคาถูก
“อะไรของมึง?” มันถามผมขณะที่ผมหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างให้เธอ เมาไม่มีสติสตังเลยให้ตายเถอะ! ยิ่งผมเห็นสภาพเธอแบบนี้ก็ยิ่งโมโห เป็นผู้หญิงมาเมาจนหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ได้ยังไง
“กูห่มผ้าให้หมอก มันแปลกเหรอวะ?”
“ก็ไม่แปลกหรอกที่ห่มให้ แต่มันแปลกตรงที่มึงมาใส่ใจเธอ ไหนเธอพูดว่ามึงกับเธอไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว”
“กูแค่ทะเลาะกันตามประสาเพื่อน”
“ทะเลาะอะไรกันเหรอ?” พี่สาวจอมจุ้นของผมเอ่ยถาม
“เรื่องไม่เป็นเรื่อง มึงจะอยากรู้ทำไม? “
“เรื่องอะไร ใจมึงรู้ดี” ไอ้พายุพูด หึ่ม! ไอ้ห่านี่มันยังไงวะ!! หรือมันต้องการกวนตีนผมวะ!
“แล้วยังไง?”
“เลิกทะเลาะกันแล้วออกไปจากห้องทุกคนเลย ให้หมอกพักผ่อนก่อน สร่างเมาค่อยว่ากัน”
“กูไม่ไม่ไป!” ผมพูดขึ้น ใครจะปล่อยให้ม่านหมอกมานอนอยู่แบบนี้ล่ะ ผมไม่ไว้ใจเลย ไม่ไว้ใจไอ้พายุ ไม่ไว้ใจผู้ชายบ้านนี้
“อย่าให้ต้องพูดร่ำไร ออกไปได้แล้ว ทั้งสองเลย”
“ไม่!”
“ไอ้ปั้นจั่น แกนี่มันจริง ๆ เลย ออกไปได้แล้ว” พี่สาวของผมพยายามลากแขนของผมออกไป
“ก็บอกว่าไม่ไป”
“ฉันจะดูหมอกเอง” พี่สาวผมเท้าสะเอวมองหน้าผมอย่างไม่พอใจ ผมกำลังใช้ความคิด ถ้าผมยังดึงดันที่จะอยู่ห้องนี้ ก็จะทะเลาะกับพี่สาวแล้วก็ไอ้พายุอยู่ดี ผมควรล่าถอยไปตั้งหลักก่อน แล้วผมจะเอาเธอไปส่งห้อง อยู่ที่นี่ผมไม่ไว้ใจไอ้พายุมัน
“ได้”
“พายุก็เหมือนกัน ไปดูแขกได้แล้ว วันนี้วันเกิดของตัวเองนะรู้ไหม? ต้องดูแลอย่างเต็มที่”
“ลูกน้องก็มีช่วยอยู่ ไอ้สายฟ้าก็อยู่”
“พายุ ไปดีกว่านะ หนมชั้นว่ามันไม่เหมาะสม ที่พายุจะมาดูแลหมอก หมอกเป็นผู้หญิงนะ”
“อืม งั้นก็ได้ ฝากดูหมอกแล้วแล้วกัน”
“อืม”
ผมเดินลงมาข้างล่าง แล้วนั่งบนโซฟา แล้วครุ่นคิด ผมกำลังคิดว่าผมจะเอาม่านหมอกกลับคอนโดด้วยวิธีใด มาพักอยู่บ้านไอ้พายุผมไม่ไว้ใจมันหรอก ถึงแม้ว่าจะรู้นิสัยกันมาตั้งแต่เด็ก ผมก็ไม่ไว้ใจมันอยู่ดี
“มึงไม่ออกไปข้างนอกเหรอ?” ไอ้พายุมันถามผม แต่น้ำเสียงมันห้วนหน้าถีบมาก
“กูไม่ไปหรอกกูจะนั่งเล่นอยู่ตรงนี้แหละ ถ้าจะให้ดีบอกลูกน้องมึงเอาเหล้ามาเสิร์ฟกูด้วยแล้วกัน”
“ได้ถ้างั้นกูจะออกไปหาคนอื่นก่อน”
“เออ” มันเดินออกไปผ่านไปไม่นานลูกน้องของมันก็เอาเหล้ามาเสิร์ฟผม ผม กำลังคิดหาวิธีที่จะเอาม่านหมอกลงมา
ผู้หญิงบ้านนอกอย่างม่านหมอก จะไปทันใคร บ้านนี้มีผู้ชายตั้งเยอะลูกน้องอีกไม่รู้กี่สิบ ไอ้สายฟ้ากับไอ้พายุ และไอ้วิคเตอร์จอมวายร้าย มันไว้ใจได้ซะที่ไหน
ไอ้วิคเตอร์มันเป็นคนที่ไม่ใช่คน แล้วไอ้คนนั้นมันเลว ผมยิ่งไม่ไว้ใจใคร
ถึงแม้ว่าม่านหมอกกับผมจะกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันดังเดิมไม่ได้ แต่ผมก็ไม่อาจปล่อยให้เธอมานอนอยู่แบบนี้ อันตรายเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ
ผมนั่งอยู่สักพัก ก่อนจะต่อโทรศัพท์หาขนมชั้น ผ่านไปสักพักปลายสายก็รับ
(“มีอะไรวะ?”)
“อินทัชรออยู่บ้าน”
(“บ้าน่ะ เขาอยู่เมืองนอก จะรอฉันอยู่บ้านได้ยังไง?”)
“เห็นว่าบินด่วนมาที่บ้าน อีกประมาณ 30 นาทีก็จะกลับแล้ว”
(“จริงดิ”)
“อืม”
(“พูดจริงปะ?”)
“ถ้าไม่เชื่อก็โทรเช็คเลย”
(“หนมชั้นเชื่อ งั้นเดี๋ยวหนมชั้นกลับเลย”)
“เราเอาหมอกกลับด้วยเลยเนาะ”
(“แต่หมอกหลับอยู่นะ”)
“เดี๋ยวกูไปอุ้มเอง”
(“เออ ๆ เร็ว ๆ แล้วกัน”)
“อืม” ผมดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟา แล้วรีบสาวเท้าขึ้นบันไดอย่างรีบเร่ง เพื่อไปห้องที่ม่านหมอกนอนอยู่ พี่สาวของผมยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อได้รู้ว่าพี่อินทัชมา
พี่สาวผมเป็นคนไม่ฉลาด ผมโกหกก็เชื่อแล้วฮ่า ๆ ๆ สงสัยตอนแม่คลอด พี่สาวผมลืมเอาสมองออกมาด้วย ผมช้อนตัวของม่านหมอกขึ้นในอ้อมแขน จากนั้นก็รีบเดินดุ่ม ๆ ลงมาข้างล่างทันที เรื่องอะไรผมจะปล่อยให้เธอมานอนอยู่ที่ดงเสือแบบนี้ล่ะ
ไอ้สายฟ้าผมไม่ห่วงหรอกเพราะมันเป็นคนค่อนข้างที่จะไม่หยาบกระด้าง ไอ้พายุก็เลวระดับ 1 ส่วนไอ้วิคเตอร์เลวเลวแล้วก็เลว ผมคงไม่ปล่อยเธอเอาไว้ที่นี่หรอก ผมไม่ไว้ใจใคร ผมรีบออกไปทางด้านหลัง แล้วอุ้มเธอไปขึ้นรถทันที
Chapter 9ผมอุ้มร่างบางของเธอไปวางที่รถ ส่วนพี่สาวของผม ขึ้นรถขับแล่นออกไป ผมรีบปิดประตูรถแล้ววิ่งไปฝั่งคนขับ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะขึ้นรถ ร่างสูงใหญ่ของผม ก็ถูกกระชากเสียก่อน“มึงจะทำอะไร?” คนที่กระชากผมคือไอ้พายุ มันนี่เสร่อทุกเรื่อง มันจ้องหน้าผมด้วยความไม่พอใจ“กูจะพาเธอกลับห้อง” ผมตอบเสียงเรียบนิ่ง แล้วหันหลังให้มันกำลังจะเปิดประตู“ห้องไหน?” ไอ้พายุกระชากคอเสื้อผมแล้วเอ่ยถาม มันทำหน้าตาได้หน้าถีบมาก ๆ “ห้องของม่านหมอก” “มึงรู้เหรอว่าเธออยู่ไหน?” มันย้อนถามผม ผมไม่รู้หรอกว่าเธออยู่ไหน? แต่ผมไม่ไว้ใจพวกมันผมไม่ไว้ใจใคร ยิ่งม่านหมอกเมามายไร้สติแบบนี้ ผมก็ยิ่งห่วงใยเธอ“ไม่! แต่กูจะพาเธอไปบ้านของกูก่อน”“มึงไปเอาไปไว้บ้านมึง กูก็ไม่ไว้ใจเหมือนกันนั่นแหละ เพราะฉะนั้นกูจะไปส่งเธอเองมึงไม่ต้องยุ่ง จำใส่สมองมึงไว้ด้วยว่าเธอไม่ใช่ลูกน้องของมึงแล้วตอนนี้เธอเป็นลูกน้องของกู เป็นคนของกู มึงห้ามยุ่ง” “ทำไมกูจะยุ่งไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนกู” ผมตะเบ็งเสียงใส่มัน ถึงแม้ความเป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทที่ผมกับม่านหมอกมีต่อกัน มันสิ้นสุดลง แต่ความห่วงใยแบบเพื่อนของผม
Chapter 10“น้ำค้าง” ยิ่งพยายามผลักไสเธอก็ยิ่งบดเบียดร่างกายแน่งน้อยอรชรกับร่างกายของของผม ดอกบัวตูมคู่งามแนบชิดอกแกร่ง เธอดิ้นไปมา จนจมูกของเธอขึ้นมาอยู่ที่ต้นคอของผม ลมหายใจร้อนเป่ารดที่ต้นคอของผมเบาๆ ความรู้สึกของผมจวนเจียนจะคลั่งตาย“ไม่ได้ไอ้จั่น” ผมผลักร่างเธอออกอีกครั้ง ปทุมถันคู่งามอะร้าอร่ามอวดความงามอยู่ตรงหน้า ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อไม่ให้ผมทำกับเธอไปมากกว่าเพื่อน“ค้าง ไอ้เฉิดเฉลาอยู่ไหนวะ พ่อเอาไปเลี้ยงไหน?” ม่านหมอกพูดเสียงอ้อแอ้กอดกระชับผมแน่นกว่าเดิม ผมได้แต่ท่องพุทโธธรรมโม สังโฆ ในใจ “นิ่งไว้ลูกพ่อ นิ่งไว้” “อื้อ มาให้พี่หอมหน่อยสิ” เธอถูจมูกที่ซอกคอผมอีกครั้ง ผมรู้สึกสะยิวจนขนลุกเป็นเกลียว เธอจงใจทำแบบนี้ และผมจะไม่ทน ผมใช้มือหยาบของตนจับไปที่ปทุมถันก่อนจะบีบมันเบา ๆ แล้วพลิกกายขึ้นมาคร่อมร่างบาง ผมก้มขบเม้มเนินอกจนเป็นรอยแดง เลื่อนลงงับยอดอก พร้อมกับตวัดลิ้นดูดดุน วันนี้ผมต้องปลดปล่อย ผมจะไม่ทนความปวดร้าวของความเป็นชายแน่ ในเมื่อเธอยั่วผมขนาดนี้“มึงอย่ามาโทษกูแล้วกัน” ร่างกายของผมร้อนผะผ่าว เกิดความปรารถนาจนมิอาจห้ามปรามได้ แก่นกายร้อ
Chapter 11ปั้นจั่น…ผมรีบใส่เสื้อผ้า แล้ววิ่งตามม่านหมอกลงมาแต่ก็ไม่เจอแล้ว ไม่รู้ว่าเธอวิ่งไปทางไหน ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็ไร้วี่แวว “เฮ้อ” ผมพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ผมยืนอยู่หน้าคอนโดสักพัก แล้วเดินเข้ามาในคอนโด เอาไว้เธอใจเย็นกว่านี้ผมจะอธิบายให้เธอฟังเอง ผมรู้ว่าเธอกำลังโกรธ ผมอธิบายยังไงเธอก็ไม่เข้าใจหรอก และเรื่องราวมันจะลุกลามใหญ่โตมากกว่าเดิมผมเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอฉีกยิ้มให้ผม ร่างบางของเธอบิดไปมาราวกับพยาธิไชก้น หึ! ปิดเป็นมอไซร์เชียวนะ“อยู่คอนโดนี่เหมือนกันเหรอคะ” “อืม” “ชื่อวีนัสนะคะ คุณชื่ออะไร? แล้วอยู่ชั้นไหนคะ” เธอเอียงหน้าถาม ผมไม่สนใจผมทำหน้าบึ้งตึงใส่เธอทันที ผมไม่สนใจ ผู้หญิงพวกนี้ก็มีแต่อยากเข้าหาผมทั้งนั้น หาความจริงใจไม่ได้เลย เมื่อก่อนตอนที่ผมปิดบังตัวตน ไม่เห็นจะมีใครอยากจะมาสนใจผม ผมเบือนหน้าไปทางอื่นไม่อยากจะเห็นหน้าหรือสายตาของผู้หญิงคนนี้ที่ส่งยิ้มหวานหยดย้อยมองหน้าผมอย่างสื่อความหมาย ผู้หญิงที่จริงใจนอกจากครอบครัวแล้ว ก็มีม่านหมอกที่จริงใจกับผม เธอคือเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผมมีติ้ง! พอลิฟท์เปิดออก ผมก็รีบมาที่ห้องของ
Chapter 12ม่านหมอก…“เดี๋ยวหมอกไปเอาน้ำมาให้นะคะ” “ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันไปเอาเอง” “เดี๋ยวหมอกไปเอามาให้คุณพายุดีกว่า หมอกเองก็กำลังคอแห้งพอดี” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเอาเอง” คุณพายุยิ้มแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น เขาหยิบน้ำแล้วเดินมาหาฉัน ”นี่ของหมอก” “ขอบคุณค่ะ” ฉันรับแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ คุณพายุนั่งบนโซฟาแล้วหยิบอาหารออกมาจากถุง“วันนี้มีอาหารอีสาน มีส้มตำ มีลาบ มีต้ม มีไก่ย่างด้วย วันนี้ฉันตั้งใจมากินกับเธอเลยนะ ถุงนั้นเอามาฝาก แต่ถุงนี้เอามากินด้วยกัน” “คุณพายุทานอาหารอีสานเป็นด้วยเหรอคะ?” ฉันเอียงคอถามคุณพายุพร้อมกับทำหน้าฉงน ทายาทมหาเศรษฐีหมื่นล้าน กินอาหารอีสานเป็นด้วยเหรอ? แบบเขามันต้องอาหารหรูๆ พวกสเต็กพวกคาเวียร์ มันถึงจะเหมาะกับเขา“ไม่เคย แต่อยากจะลองดูว่ามันจะอร่อยไหม? ฉันเห็นคนอีสานเขาชอบซื้อกินกัน” “คนอีสานก็ชอบอาหารอีสาน เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ” “น่าจะใช่” คุณพายุพยักหน้าเบา ๆ“แล้วสั่งแบบไหนมาบ้างคะ?” ฉันเอ่ยถาม เพราะดู ๆ แล้ว อาหารมันหลายถุงมาก“ฉันไปสั่งตอนแรก ฉันบอกร้านเขาว่า อาหารที่คนอีสานชอบกินกัน เขาเลยจัดให้ มีข้าวเหนียวด้วย แต่
Chapter 13ม่านหมอก…“ฉันชอบเธอนะม่านหมอก” ฉันหันไปมองคุณพายุ เขาหันมาสบตาฉันไม่ต่างกัน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี พอคุณพายุพูดแบบนั้นฉันรู้สึกตันไปหมด “เอ่อ…” ฉันอึกอัก ทำท่าทางกระอักกระอ่วนใจ ฉันไม่เคยคิดกับคุณพายุมากกว่าเจ้านายลูกน้องเลย ฉันเองก็คิดว่าเขาคงคิดเหมือนกันกับฉัน เพราะเขาไม่เคยเเสดงท่าทีอะไรว่าสนใจฉันเลย แต่พอคุณพายุมาสารภาพความจริงว่าชอบฉัน ฉันยิ่งไม่รู้จะพูดยังไง ฉันกับเขาก็พึ่งจะรู้จักกันได้เดือนเดียวเอง “ฉันไม่ได้บังคับให้เธอชอบฉัน แต่ฉันอยากให้เธอเปิดใจ ถ้าเธอยังไม่มีใคร ฉันอยากจะเป็นคนที่ได้ดูแลหัวใจเธอ” น้ำเสียงนุ่มนั้นเอ่ยออกมาเบา ๆ “คือหมอกรักผู้ชายอยู่คนหนึ่งค่ะ” ฉันตัดสินใจพูดมันออกมา คุณพายุมองหน้าฉันแล้วยิ้ม รอยยิ้มแสนอบอุ่นนั้น ทำให้ฉันรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย เขาเสมองไปทางอื่น ก่อนจะเงยหน้ามองพระจันทร์“ไอ้ปั้นจั่นใช่ไหม? “ เขาพูดแต่ก็ยังมองพระจันทร์อยู่ เสียงแมลงกลางคืนร้องขับกล่อม มันชวนฟังอยู่ไม่น้อย“คุณพายุรู้เหรอคะ?”“ใช่ แต่หมอกก็รู้ว่ารักคนที่เขาไม่รักเรามันเจ็บ” เขาพูดถูกรักคนที่เขาไม่รักเรามันเจ็บ ซึ่งฉันเจ็บมาหลายปีแล้ว“ค่ะ”
Chapter 14พายุ…เช้าตรู่ของอีกวัน ผมตื่นแต่เช้าแล้วเดินมาจากห้อง ผมเห็นม่านหมอกกำลังขับเจ้ารถหน้าตาประหลาด ๆที่ เขาเรียกรถสะลี้ หรือรถไถนาเดินตามพ่วงด้านหลังไว้ใส่ของ ข้างหลังรถมีหญ้าเต็ม เธอขับมาจอดข้าง ๆ คอกวัว ก่อนที่แม่และพ่อของเธอจะช่วยกันเอาหญ้าลงให้วัวกินผู้หญิงรูปร่างบอบบาง กลับทำผมทึ่งอยู่ทุกครั้ง เธอแกร่งและบู๊กว่าผู้หญิงที่ผมเคยรู้จัก ให้มันได้อย่างนี้สิ หญิงแกร่งผมชอบ แม่ของลูกผมในอนาคตเออ! ผมลืมบอกไป ม่านหมอกตัดหญ้าเก่งมาก ให้ตายเถอะ! ผมเป็นผู้ชาย ผมยังอายเลย“เดี๋ยวฉันช่วย” ผมรีบเดินเข้าไปช่วย มาอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ผมช่วยเท่าที่ผมช่วยได้แหละ ผมทำเป็นหลายอย่างแล้วนะครับเพราะมีหมอกกับน้ำค้างคอยสอน แต่ที่ยังไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ คือไปยิงหนังสติ๊กกับน้ำค้าง เมื่อวานพาผมไปยิงกิ้งก่า กระสุนพุ่งเกือบโดนเบ้าตาผม ถ้าผมไม่หลบคงได้เป็นไอ้บอดเป็นแน่“ไปกินน้ำกินท่ากันครับคุณพายุ” พ่อสุนทรพูดกับผม ในฐานะลูกเขยในอนาคต ผมรีบเดินตามหลังอย่างไวเลยครับ ท่านพาผมมานั่งที่แคร่ มือหยายกระด้างของท่านหยิบห่อบางอย่างออกมา มันเป็นเส้น ๆ มีใบไม้แห้ง ๆ อยู่ในห่อด้วย ผมมองท่า
Chapter 15ปั้นจั่น…ผมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ สายตาพลันเหลือบไปเห็นม่านหมอกนั่งอยู่ข้างๆไอ้พายุ ใจผมนี่เดือดปุดๆ ราวกับหม้อต้มน้ำที่กำลังเดือด ผมรีบปรี่เข้าไปหาเธอทันที ผมยืนจังก้าในขณะที่ทุกคนนั่งอยู่ หึหึ! ใครจะสน ในเมื่อผมจะเคลียร์กับม่านหมอก“แอบมาบ้านกับมันนี่เอง” ผมพูดเสียงห้วนกระด้าง ไม่ชอบใจเลยที่ได้เห็นเธออยู่กับมัน มันเป็นอะไรที่ขัดใจผมมาก ผมไม่ชอบ และไม่อยากให้ทั้งสองอยู่ใกล้กัน“จะพูดอะไร กรุณาให้เกียรติคุณพายุด้วยค่ะ” เธอพูดเสียงเรียบ อากัปกิริยายของเธอเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจ ทั้งที่ผมผลักไสเธอออกไปเอง เพราะเธอคิดกับผมมากกว่าเพื่อน แล้วตอนนี้ผมเป็นบ้าอะไรไป การกระทำของผมมันสวนทางกับคำพูดเมื่อก่อน ตอนนี้ผมกลับวิ่งโร่มาหาเธอเอง“กูมีเรื่องจะคุยกับมึงนะหมอก” “หุบปากแล้วกลับไป อย่ามายุ่งกับฉัน” สรรพนามที่เธอคุยกับผมก็เปลี่ยนไป แววตาห่างเหิน ไม่ใช่เพื่อนสนิทของผมเหมือนแต่ก่อนใช่สิ!... เธอไม่ใช่เพื่อนสนิทของผมแล้ว ความสัมพันธ์แบบนั้นมันสิ้นสุดลงตั้งแต่เธอคิดกับผมมากกว่าเพื่อน แต่ทำไมผมถ
Chapter 16ผมนี่นั่งหงอยเลยครับเมื่อเห็นท่าทางของทั้งสอง ม่านหมอกกับพายุดูมีความสุขมาก ผมรู้เจ็บที่ใจมาก บวกกับอาการปวดมือทันทำให้ผมรู้สึกปวดจนจะทนไม่ได้ “ปวดมากไหมคะ?” น้ำค้างเอ่ยถาม ส่วนแม่ของม่านหมอกกลับไปแล้ว“ปวดมากเลย” “เดี๋ยวน้ำค้างจะไปยืมรถจักรยานของป้าแจ่ม น้ำค้างจะพาไปส่งที่บ้าน ส่วนเรื่องจับปลาปล่อยให้คุณๆเขาทำไปเถอะ คุณปั้นจั่นเจ็บขนาดนี้ไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านรอพวกเขากลับจะดีกว่า” น้ำค้างพูด ผมแม่งไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง“แบบนั้นก็ดีนะ ฉันอยู่คงจะช่วยอะไรไม่ได้หรอก รู้สึกเหมือนเป็นคนไร้ประโยชน์ยังไงก็ไม่รู้” ผมพูดเสียงเบาพร้อมกับเสมองไปทางอื่น ม่านหมอกยังคงยิ้มหัวเราะกับไอ้พายุ ผมอยากให้เธอยิ้มหัวเราะแบบนั้นกับผมอีกสักครั้ง ผมจะรู้สึกดีไม่น้อยเลยตอนนี้ผมรู้สึกห่อเหี่ยวในใจมาก แย่จัง! ไม่มีใครสนใจผมเลย ผมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินมาก“หมอกอันนี้ปลาอะไร?” ไอ้พายุหัวเราะร่า ยกปลาขึ้น“ปลาอะไรค่ะ งูปลาต่างหาก คริคริ”“งูเหรอ ยึย!” ไอ้พายุเหวี่ยงงูปลาทิ้งแทบไม่ทัน ท่าทางของมันกลับสร้างรอยยิ้มให้กับคนรอบข้าง เฮ้อ! ผมนี่นั่งหน้าจ๋อยเลยครับ ไม่มีใ
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น้
ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
ปั้นจั่นTALKผมจูบหมอกเร่าร้อนราวทะเลเดือด จูบราวกับสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง ผมประคองใบหน้าของหมอก จูบเน้นๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอม่านหมอกขัดขืนในตอนแรกพยายามผลักผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ วันนี้ผมต้องได้เมียคืน พี่ชายพี่สาวพ่อแม่และทุกคนๆช่วยกันวางแผนขนาดนี้ผมต้องตีมึนเอาไว้ผมดันเธอไปชิดกำแพงในขณะที่จูบเธอไปด้วย มือของผมเลื่อนลงต่ำมาบีบเค้นที่อกอวบของเธอ มืออีกข้างก็ถลกกระโปรงแล้วสอดมือเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วม่านหมอกสะดุ้งทันทีที่มือผมสัมผัส ผมกดคลำลากตามร่องยาวปริ่มน้ำ ม่านหมอกพยายามต่อต้าน ร่างกายเธอเริ่มบิดไปมาผมกรีดนิ้วจนกระทั่งเจอเม็ดทับทิม“อ้ะ ...ปะ... ปั้นจั่น” ม่านหมอกครางเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อปากเป็นอิสระ ผมทนมามากพอแล้ว ผมไม่ได้ปลดปล่อยมา10ปี และวันนี้ผมจะไม่ทน“หมอกจ๋า จั่นอยาก” ผมพูดเสียงกระเส่า รู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แก่นกายของผมมันปวดหนึบจนแทบจะปริแตก มันผงาดชี้โด่พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา“พะ... พอ... ยะ... หยุดสักที”“หยุดทำไม? นี่คือความสุขนะหมอก”“มะ... ไม่เอา พะ... พอ” ม่านหมอกพูดอยู่แค่นั้นวนไปมา ผมไ
“หมอกไปกรุงเทพก่อนนะพ่อ” ฉันเอ่ยกับพ่อสุนทรในขณะที่ท่านกำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้อง วันนี้ท่านให้คนมาทำถนนทางไปบ้านของฉันกับบ้านที่ปั้นจั่นเคยอาศัยอยู่ และคนงานกำลังฟังอย่างตั้งใจ“อันนารบเร้าให้พาไปหาพ่อมันละสิ”“ใช่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังของพ่อ พ่อไม่ชอบปั้นจั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านอาจจะไม่พอใจที่ฉันจะพาอันนาไปหาเขา“...”“พ่อคะ...” ฉันเม้นปากพร้อมกับเรียกท่าน“ไปเถอะ ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว หมอกมั่นคงกับมัน มันก็มั่นคงกับหมอก พ่อคงไม่ห้ามอะไรแล้ว เพราะที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวให้พ่อเห็นแล้ว”“ค่ะ”“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ” อันนาเช้าไปกอดพ่อสุนทร“รักเหมือนกันครับ ไปกับคุณแม่ก็บอกคุณแม่ให้ขับรถดีๆด้วยนะ”“ค่ะ”“ให้ไอ้วัดไปขับรถให้ไหม? ““ไม่เป็นไรค่ะ หมอกขับเองดีกว่า”“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อคุยงานกับพวกคนงานก่อน”“ค่ะ”“รีบไปเถอะค่ะแม่”ฉันรีบพาบุตรสาวไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปโดยที่มีสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย“ ซื้อของฝากไปฝากคุณย่าด้วยนะแม่”“ได้จ้ะ” ฉันขับรถไปถึงร้านของฝากแล้วพาบุตรสาวไปเลือกของตามต้องการ“เอาไปเยอะๆเลยนะคะคุณแม่”“จ้า”ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปั้นจั่นTALK“ปั้นจั่น เดือนนี้จะไปหาหมอกกับลูกใหม่?” แม่ผมเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่สาวของผม“ผมอยากไปจะแย่แล้วครับแม่ คราวก่อนเหมือนหมอกจะใจอ่อนกับผมแล้ว ถ้าผมไปพูดหยอดเธอบ่อยๆ อีกไม่นานคงจะใจอ่อน” ผมเอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า งานเยอะมาก เยอะสุด ๆ เลยครับ“เดี๋ยวแม่โทรไปชวนหมอกมาเที่ยวดีกว่า หลายปีแล้วนะที่หมอกไม่มากรุงเทพ แม่อยากให้หมอกมาอยู่กรุงเทพมาก ๆ อยากให้หลานมาเรียนที่นี่ด้วย”“หมอกก็คงปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแหละครับ เฮ้อ!”“แต่แม่อยากให้หมอกกับแกคืนดีกันสักที”“ผมก็พยายามอยู่ครับ”“แกพยายามไม่มากพอนะสิ แม่อยากให้หมอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ผมทำหน้าเศร้า“แกก็ช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงหน่อยสิวะ” พี่ปั้นสิบเดินเข้ามา วันนี้วันอะไร ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันมาหาผม“ทำยังไง?” ผมขมวดคิ้วเข้มชนกัน “มึงก็เอาม่านหมอกกับมาเป็นเมียมึงสิวะ ผ่านมาหลายปีแล้ว กูว่าม่านหมอกคงใจอ่อนแล้วแหละ” พี่ปั้นสิบเอ่ย“บ้าน่า หมอกโกรธกูจะทำยังไงล่ะ กูกลัวเธอโกรธ” ผมเอ่ย ผมกลัวหมอกโกรธจริง กลัวมากเพราะหมอกเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง ถ้าได้โกรธผมเอง เธอคง
Chapter 60ฉันมองปั้นจั่นที่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันรู้ว่าเขาเจ็บแต่ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องให้เขาออกไปจากชีวิตฉันตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ฉันดูใจร้ายมากไหมคะ? ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องทำ มันต้องจบได้แล้ว “หมอก ฮึก” ปั้นจั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นหัวใจของฉันเจ็บหนึบ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักเขา มันคือความรักที่มั่นคงมาก ฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนเขาได้ และฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้เหมือนกัน“กลับไปทำหน้าที่ลูกเถอะ กูจะบอกเขาว่ามึงเป็นพ่อ กูสัญญาจะดูแลเขาให้ดี”“ฮึก ๆ ฮื่อ ๆ” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ปั้นจั่นมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ็บปวด เขาต้องเจ็บอยู่แล้ว การจากลามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เขาจูบที่หน้าผากลูกของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งลูกให้แม่ของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วเดินมาหาฉันหมับ!เขาสวมกอดฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันร้องไห้ไม่ต่างกัน มันเจ็บนะคะที่ยังรักแต่ต้องจากกัน ฉันกอดตอบเขาอ้อมกอดนี้มันเคยเป็นเป็นของฉัน แต่มันเป็นเพียงอดีตแล้ว มันเจ็บนะคะที่ต้องจากทั้งที่ยังรัก แต่วันเวลาผ่านไปทุกความเจ็บปวดมันจะผ่านพ้นไป “ขอให้มึงโชคดี ไปทำหน้าที่ของมึงซะเถอะ” ฉันพูดเสียงส
Chapter 59ม่านหมอกTALKใครจะว่าฉันใจดำฉันก็ไม่สนหรอกค่ะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรักตัวเอง การที่ไม่พาตัวเองไปเจ็บปวดมันดีที่สุดแล้ว ผู้หญิงอย่างเราถ้ามีรักดีก็จะมีแค่รักเดียวแต่ถ้ามันไม่ดีเราก็ขอเลือกรักตัวเองและก้าวไปข้างหน้าดีกว่าฉันจะไม่อยู่เพื่อคบกับใครคนไหนอีก แต่ฉันจะอยู่เพื่อลูก ฉันจะอยู่เพื่อเป็นแม่ที่ดีให้กับเขา ส่วนพ่อของลูกที่เคยกระทำเรื่องเลวทรามฉันจะปล่อยให้มันผ่านไปถ้าเขาอยากมาหาลูกฉันก็จะให้เขามา ฉันจะไม่กีดกันเขาแต่ขออย่างเดียวให้เขาเลิกพยายามที่จะเอาฉันกลับไปเป็นครอบครัวเดิมกับเขา เพราะมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบไปแล้วและมันไม่สามารถ กลับไปเป็นได้อีกฉันรักเขามากนะคะ แต่ฉันต้องเลือกแบบนี้ฉันไม่สามารถอยู่กับคนที่เคยหักหลังฉันได้ และผู้หญิงอย่างเรา ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องจมปลักดักดาน เราไม่จำเป็นต้องมีชีวิตคู่หรอกค่ะถ้าชีวิตคู่มันเฮงซวย เราใช้ชีวิตเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงดูลูกของเราให้มีความสุข และนั่นมันจะเป็นความสุขที่สุดของผู้หญิงอย่างเราฉันปฏิญาณกับตัวเองเอาไว้แล้วว่า ภายภาคหน้าต่อให้มีคนเข้ามาในชีวิตฉันอีก ฉันก็จะไม่แต่งงานก
Chapter 58ผมจ้องหน้าม่านหมอกน้ำตาคลอ เธอยื่นข้อเสนอแบบนี้มาผมควรทำอย่างไร ผมควรออกไปจากชีวิตของเธอตามที่เธอขอร้อง หรือผมควรยื้อเวลาออกไปให้นานกว่าเดิม“มะ... หมอก”“ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวไป!” ม่านหมอกเอ่ยเสียงกร้าวจ้องมองผมด้วยแววตากระด้าง“หมอกอย่าต่อรองกับจั่นแบบนี้เลยนะ ให้จั่นไปกับหมอกด้วยนะ ฮึก” ผมพูดเสียงสั่นเครือ รู้สึกปวดหัวใจมากเลยครับ ผมอยากไปกับหมอกแต่ผมไม่อยากจากหมอกกับลูกไป ผมอยากดูแลอยากทำหน้าที่ผัวหน้าที่พ่อ ผมอยากชดใช้และแก้ตัวในสิ่งที่ผมทำผิดพลาด แต่เหมือนผู้หญิงตรงน่าจะไม่ให้โอกาสผมเลย“มึงอยากดูลูกมึง ทำไมมึงไม่ไปดูกับริสาผู้หญิงคนนั้นก็ท้องลูกของมึงเหมือนกัน ลูกของมึงไม่ได้มีแค่กับกูหรอก ลูกของมึงยังมีอยู่กับริสามึงไปดูแลซะเลิกมายุ่งวุ่นวายกับกูเสียที” เธอพูดเสียงสั่นพร้อมกับผินหน้าไปมองอย่างอื่น ผมรู้ว่าเธอเจ็บปวดและไม่สามารถเชื่อใจผมได้ ผมทำผิดจริง แต่ผมอยากได้โอกาสและผมจะไม่มีวันทำมันอีก“ที่ผ่านมาจั่นโง่เอง จั่นคิดว่าริสาท้องลูกของจั่นเพราะเธอเอาหลักฐานมายืนยัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเธอไม่ได้ท้องลูกของจั่น”“มึงรักมันมากไม่ใช่เหรอ? มึงก็ไปเลี้ยงดูมันสิ”“ห
Chapter 57ปั้นจั่นผมมองไปที่หน้าต่างอย่างเสียดาย ม่านหมอกปิดหน้าต่าง ไม่สนใจที่จะปรายตาผมเลยแม้แต่น้อย“เฮ้อ” ผมก้มหน้าก้มตาทำงานครับหลังจากม่านหมอกไม่สนใจ ในเมื่อผมต้องการที่จะง้อเธอผมก็ต้องทำงานให้ดีไม่อย่างนั้นตาสุนทรก็คงจะด่าผมเปิงครับ“เอาไม้ไผ่ไปผ่าให้หน่อย” คนงานอีกคนสั่งผม ผมรีบทำครับ แต่ติดปัญหาตรงที่ผมทำไม่เป็น“มันทำยังไงครับ?”“โอ้ยยยย พวกคนกรุงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจริง ๆ มาดูวิธีสิ จะได้ทำเป็น เขาจ้างมาทุกคนมาทำงาน นายจะมากินแรงคนอื่นไม่ได้หรอกนะจะบอกให้” ชายรูปร่างกำยำผิวพรรณหยาบกระด้างเลยพร้อมกับทำท่าทางไม่พอใจ เขาหยิบมีดขึ้นมา พร้อมกับทาไม้ไผ่ดังโป๊ะเลยครับ“ผ่ายาวเลยใช่ไหม?”“เออ รีบทำ จะมาทำเล่นๆแบบนี้ไม่ได้นะ มันเสียเวลาคนอื่น”“ครับ” ผมผ่าไม้ไผ่ตามที่เขาบอก และแน่นอนมันทำให้มือผมถูกคมของไม้ไผ่บาดมือจนเลือดสาดเลยครับ“ตายแล้วเลือดออก” ป้ามณีพูดเสียงดัง “ติดพาสเตอร์ก่อนเร็ว” ชายคนงานอีกคนรีบเอาพาสเตอร์มาเเปะแผลให้ผม อย่างน้อยทุกคนยังมีน้ำใจครับ“ทำอะไรก็ต้องระวังนะจะมาทำเล่นๆไม่ได้เดี๋ยวมือขาดไม่รู้ตัว การทำงานทุกอย่างมันต้องมีสติและระมัดระวัง” ผู้ชายฟันเหยินๆพูดกั