ความคิดผุดขึ้น ตกลงมณีรัชดาเป็นคนยังไง? เขาสับสนเพราะหล่อนเป็นคนอ่อนโยน และอ่อนหวานเหลือเกินในบางครั้งไม่มีภาพของผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน หรือเห็นแก่ตัวเอาเปรียบคนอื่นสักนิด หรือที่เขาเห็นเป็นภาพลวงตา เพราะหล่อนซ่อนเอาไว้ข้างในต่างหากเมื่อยิ่งคิดมาก ก็ยิ่งมึน วันนี้บุกมาที่บ้านจนมาเห็นทุกอย่าง ครอบครัวของหล่อนขยัน ทำงานตัวเป็นเกลียว แม้จะมีฐานะต่ำต้อยไม่ได้งอมืองอเท้ารอโชคชะตาวาสนาสักนิด โดยเฉพาะ พ่อของหล่อนก็พูดจาดีน่าฟังน่าเคารพ แต่เป็นเพราะ ว่าตัวเขาเพาะความเย่อหยิ่งที่เกิดในชายคาตระกูลคนมั่งมีมากเกินไปเขาถึงได้คิด..บางครั้งเขาก็ดูถูกดูแคลนคนที่ต่ำต้อยกว่าตัวเองอย่างเช่น มณีรัชดามันเป็นความเคยตัว บางทีเขาต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้วเพราะบางทีสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันไม่ใช่ สิ่งที่เป็นตัวตนจริง กับเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาอีกรอบจากปากคนอื่น มันแตกต่างกันยังสับสนมือยังกำพวงมาลัยอยู่กลับเข้าบ้านแล้ว หล่อนยิ่งเต็มไปด้วยความคิด “พ่อ”เมื่อหันมาอีกที พบว่าบิดาเดินเข้ามาใกล้คงเห็นว่าหล่อนออกไปนาน“ไปส่งเขาแล้ว ใช่ไหม? “ “ค่ะ” มณีรัชดาตอบสั้
มณีรัชดาเลยนิ่ง ที่ความรักของพี่ปัณนชา เป็นเช่นนี้ “แล้วณีล่ะ กำลังสนใจใครเป็นพิเศษหรือเปล่า?”ปัณนชาถามเรื่องนี้หล่อนจึงตอบ “เปล่าค่ะ” “อ้าว เปล่าหรอกหรือจ้ะ พี่เห็นหน้าของณี ออกแด๊งแดง สุกใสเหมือนคนที่มีความสุข” ยิ่งเห็นเจ้านายเอ่ยอย่างนี้ หล่อนยิ่งตอบไม่ได้ใหญ่ขณะกำลังนั่งทำงาน อยู่ดีๆมีเสียงโทร.ดังขึ้น คนที่โทรมา ทำให้หล่อนอุทาน วิภัสโทร.มา “คุณวิภัสโทรมามีธุระอะไรหรือคะ?” “ผมต้องมีธุระก่อนหรือครับ ถึงต้องโทร.หาคุณณีได้”คำพูดของเขาทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกแบบเดิมอีกแล้ว หวั่นไหวอ่อนไหวง่าย กับคำพูดของเขาดูเหมือนเธอก็เฝ้ารอเฝ้าคอย น้ำเสียงเขาเหมือนกันถามแล้วเขาก็ตอบแต่มณีรัชดานี่สิ ยังเขินอยู่ “ไม่ใช่ค่ะ” หล่อนปฏิเสธ “แต่ว่า ณีทำงานอยู่” หล่อนยกงานมาอ้างบังหน้า ซึ่งมีส่วนถูกอยู่ส่วนหนึ่ง“งั้นเที่ยงนี้ ผมว่าง และอยากนัดคุณณี ให้มาทานข้าวด้วยครับ” วิภัสใช้ความกล้าหาญทางคารม เพื่อที่จะให้ใจสาวอ่อนลง และอ่อนไหวง่ายพร้อมกับรอคำตอบจากมณีรัชดา “เร็วๆสิครับ คุณณี ผมต้องการคำตอบ” คำที่เขาเร่งออกมาอย
แต่นั่นก็ทำให้วิภัสยิ่งถามต่อ “ผมเป็นอะไรหรือครับ เอ้อ แล้วผมผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า”เขาแกล้งไขสือใส่หล่อน “แต่ ณีว่า คุณวิภัสน่าจะรู้ดีที่สุด” “แสดงว่าคุณณียังโกรธผม” วิภัสงัดเอาคำเดิมมาอ้าง เพื่อให้เขากลายเป็นคนที่น่าสงสารในสายตาของมณีรัชดา วิภัสจะทำได้มากแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับที่ตัวเขา แสดงบทบาท ต้องใจกล้ามีหัวใจที่เถื่อนและดิบอย่าปรานีและอ่อนโยน หรืออ่อนข้อให้อย่างเด็ดขาด วิภัสไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน เพราะคนเราคิดได้ แต่จะทำออกมาหรือเปล่า มณีรัชดาไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่หล่อนจะต้องไม่ใจอ่อนอีกครั้ง ไม่รู้ว่า จะทำได้มากขนาดไหน “เอ้อ เย็นนี้ อนุญาตให้ผมได้ไปส่งคุณกลับบ้านนะครับ” คำที่วิภัสเอ่ยเพื่อขอร้องต่อหล่อนทำให้มณีรัชดานิ่งอึ้ง ก่อนที่จะตอบ “คงไม่ต้องไปส่งณี หรอกค่ะ คุณวิภัส” มณีรัชดาไม่ได้บอกเหตุผลไปมากกว่านั้น แต่หญิงสาวก็รู้แก่ใจดีว่าที่หล่อนทำอย่างนี้เพื่ออะไรหากแต่วิภัสก็จ้องมองหน้าของหล่อน และเขาตัดพ้ออีกครั้ง “คุณณีคงไม่อยากจะเจอหน้าผมแล้วใช่ไหม” เมื่อวิภัสเอ่ยเช่นนี้ กลับทำ
สบายใจขึ้น ตอนนี้หล่อนยังไม่อยากกลับ และวิภัสตรงดิ่งไปยังสถานที่แห่งนั้น และเป็นเรื่องที่บังเอิญระหว่างสองพี่น้อง ที่ต้องมาพบเจอกันโดยบังเอิญ ซึ่งภูวพลนัดกับนารถน้ำค้าง พนักงานบริษัทคนสวยที่ร้านอาหารบนฟู๊ดคอร์ทแห่งนี้ เพราะคำชวนของนารถน้ำค้าง ที่หล่อนอยากนึกหาอะไรทานก่อนเข้าบ้าน และอีกคู่หนึ่งที่เป็นคู่ขวัญของวงการคือสองดาราหนุ่มสาวอย่างชนากรกับกาจนรัตน์ ที่กำลังเสร็จจากเลิกกองถ่ายในบริเวณนี้พอเห็นห้างสรรพสินค้าที่โอ่อ่าและทันสมัยดี จึงอยากจะเข้ามาใช้บริการ เพราะต่างก็มีรถขับมาคนละคัน หากแต่ว่ามณีรัชดามองเห็นก่อนกับสายตาของกาญจนรัตน์ที่ต้องตะลึงเช่นกันเมื่อเห็นว่ามณีรัชดานั้นมากับชายหนุ่มที่หน้าตาดี และเขาเป็นคนหนึ่งที่กาญจนรัตน์รู้จักอย่างมากแต่แปลกใจอยู่ครามครันทำไม? เขาเกิดมาสนใจเด็กสาวคนนี้ ทั้งที่ฐานะนั้นออกจะห่างไกล และต่ำกว่าเขาหลายเท่านักกาญจนรัตน์รีบหันไปทักเขาก่อน พร้อมน้ำเสียงเรียกหลุดออกไป “คุณจอมภูคะ” คำที่หล่อนเรียกเขาทำให้จอมภูอึ้งและเบรกตัวเองไว้ กับวาจาของนางเอกและเป็นนางแบบสาวที่เคยสนใจเขา แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจแก่หล
เขาเงยหน้ามองมณีรัชดา กำลังคิด ถ้าขืนไปตอนนี้ เกิดจ๊ะเอ๋เข้ากับน้องชาย เรื่องคงได้ยุ่ง และจบกันที่อุตส่าห์คิดแผนการ ที่รู้คือมณีรัชดาจะต้องเกลียดเขามากกว่าเดิม จึงรีบออกตัวและปฏิเสธ“เอ้อ ผมคงไม่เข้าไปนะครับ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยากจะนั่งรอที่รถมากกว่า” เห็นเขาตอบเช่นนั้นมณีรัชดาไม่อยากจะรบกวน หล่อนรู้สึกเกรงใจ ตอนนี้อยู่ใกล้บ้าน สามารถเดินข้ามถนน แล้วไปรอรถสองแถวเล็กที่ปากซอยเข้าบ้าน จึงบอก “ถ้าคุณวิภัส มีธุระด่วน ก็ไปก่อนเถอะค่ะ ณีกลับเองได้บ้านอยู่แค่นี้เอง แค่นี้ก็รู้สึกเกรงใจคุณวิภัสจะแย่แล้วค่ะ” เขารู้สึกอึ้ง เพราะใจคอนั้นอยากจะไปส่งหล่อนให้ถึงบ้านเช่นกัน จึงครุ่นคิด ขมวดคิ้วถามกลับ “ทำไมหรือครับคุณณี? คิดว่า ผมไม่มีความอดทนพอหรือ” มณีรัชดาเงยหน้ามองเขา “แต่ณี รู้สึกเกรงใจ อีกอย่างคุณทำงานเหนื่อย แถมยังวกกลับมาส่งณีอีก” “แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้ เป็นบุญคุณเลยนะ” เขาตอบแต่ลึกๆนั้น ก็ทำให้มณีรัชดาปลื้มใจ “คุณณีอย่าพูดอย่างนี้อีก เพราะใจผมคิดอย่างนั้น ผมรอได้” จอมภูเอ่ยกล่าวอย่างนั้น มณีรัชดา
และมณีรัชดาได้ยินคำนั้น มาถึงพอดี ใครมาทะเลาะกันอยู่ตรงหน้ากับคุณวิภัส “ก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะครับ เพราะผมไม่อาจที่จะบังคับใจใคร” วิภัสพูดอย่างนั้น ทำให้นางเอกสาวโกรธจัด ถึงกับสะบัดหน้าพรืดทันทีละความสนใจจากเขา โดยการดึงแขนของพระเอกหนุ่ม ไปที่รถด้วยกัน จากนั้นก็ต่างคนต่างสตาร์ทรถขับออกเพราะกาญจนรัตน์ไม่อยากยืนอยู่ที่นี่ ทนฟังคำพูดที่หล่อนยอมรับไม่ได้ที่เขามองค่าเด็กสาวในกองถ่าย สูงกว่านางเอกอย่างหล่อนกาญจนรัตน์ได้แต่เก็บความเจ็บใจ และแค้นเคืองซ่อนในดวงตาที่มีแต่ความร้ายกาจเพื่อจะเอาชนะเมื่อหล่อนขับรถเร็วจนชนากรต้องชะโงกถามปราม “กิ๊กทำไม ขับรถเร็วอย่างนี้เธอจะบ้าหรือไง ถนนก็ออกโล่ง”เธอจึงผ่อนเครื่องช้าลง และขับตามเขาไปเรื่อยๆ เลยทำให้มณีรัชดานั้นมองวิภัสอย่างสงสัย เพราะได้ยินคำพูดบางอย่างผ่านไปก่อนหน้านี้ หากแต่วิภัส ก็ทำสีหน้าราบเรียบ เพื่อที่หล่อนจะได้ไม่ต้องสงสัย “ซื้อของเสร็จแล้ว ใช่ไหมครับ เรารีบกลับกันเถอะ” เขาพยายามตัดบท เพื่อที่ไม่ให้มณีรัชดาซักถามอะไรมาก แต่มณีรัชด าก็ขึ้นไปนั่งรถกับเขาหากหญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเล
แต่มณีรัชดาเจ็บปวดใจอย่างมากที่สุด เพราะความสาวที่สุดหวงแหนของหล่อน ถูกพรากไปแล้วจากพญามารกระหายสวาทอย่างเขา “ถ้าฉันรู้ว่า คุณเป็นผู้ชายประเภทนี้ ฉันจะไม่เหยียบย่างเข้าไปใกล้คุณเลยตั้งแต่ที่ได้พบ” “มณีรัชดา” เขาอุทาน เมื่อหล่อนเอ่ยกล่าวกับเขา ทั้งกัดฟันและน้ำตานองหน้า และไม่ได้คิดจะให้เขารับผิดชอบเพราะหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นแต่สิ่งนี้ ก็ทำให้จอมภูหรือวิภัสรู้สึกผิดอย่างมากและเขาจะแก้ไขยังไงดี “ผมจะรับผิดชอบเอง รีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะ และผมจะไปส่งที่บ้าน” นึกหรือว่าที่เขาพูดแบบนี้จะทำให้หล่อนยินยอมยกโทษ “คุณคิดผิดแล้วค่ะ ฉันจะไม่มีวันไปกับคุณอย่างเด็ดขาด” มณีรัชดากัดปากเพื่อตอบโต้กับเขาซึ่งเขาก็ได้เห็นความเข้มแข็งและทรหดของหล่อนในเวลานี้ “ต่อไป สิ้นสุดเสียที ทางชีวิตของฉันจะไม่มาโคจรกับคุณอย่างแน่นอน” มณีรัชดาปาดน้ำตาของหล่อนทิ้งเป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นมณีรัชดาเก็บกระเป๋าแล้วก้าวออกไปขณะที่วิภัสพอได้สติ แล้วเขาก็แต่งตัวลวกๆ ถลันตามหล่อน “ผมบอกว่า จะไปส่งคุณถึงที่บ้าน” และเกิดเรื่องเช่นนี้มณีรัชดาคงไม่กล้
“พักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมรู้ว่า คุณไม่มีที่ไป เอ้อ ผมจะเข้าบ้าน” เขาได้บอกหล่อน และบอกด้วยว่า “คงจะอยู่บ้านได้คนเดียวนะ และผมจะไปไม่นานหรอก” มณีรัชดาฟังเขาบ้าง และไม่ฟังบ้าง เพราะหล่อนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่มีความยินดีอย่างที่สุด ที่ตกอยู่ในสภาพนี้ “แต่ผมมีความจำเป็น ที่จะต้องล็อกห้องคล้องกุญแจเอาไว้” มณีรัชดาไม่ได้ปริปากสักนิดหล่อนรู้ว่าเขาทำได้ทุกอย่าง เพราะนี่เป็นคอนโดหรูส่วนตัวของเขา “ไม่ต้องมาบอกหรอกค่ะ เพราะยังไงคนอย่างฉันก็อดทนอดกลั้นอยู่ได้อยู่แล้ว และไม่ตายง่ายๆหรอก” หล่อนบอกอย่างเจ็บแค้นเคืองใจ “ใครเล่าอยากให้คุณตาย อย่าพูดอย่างนี้สิมันไม่ดีเลย” ถ้อยคำที่วิภัสพร่ำบอกนุ่มหู แต่ก็ไม่รู้ว่า เขามีความรู้สึกเช่นนั้นเช่นเดียวกับที่พูดหรือเปล่า? จนบางครั้งมณีรัชดา คิดว่าเขาเป็นคนที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกินจนวิภัสก้าวจากไปแล้ว และเขากลับมายืนอยู่ต่อหน้าคุณภวานันท์ ผู้เป็นมารดาในคฤหาสน์หรู เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชายคนโตที่ไม่เจอมาหลายวันแล้วคุณภวานันท์ทักทายอย่างดีใจ “ตาใหญ่นี่หายหน้าไปไหน
เขาประคองมณีรัชดาเป็นความผูกพันลึกซึ้งยามอยู่ห่างไกลบ้าน มณีรัชดาคิดถึงพ่อแม่คิดถึงกรุงเทพ แต่แน่นอนละภาวะของหล่อนคือคนมีครรภ์อดฟุ้งซ่านไม่ได้และจอมภูพยายามทำดีกับหล่อนสารพัดทุกอย่าง ที่เขาแสนจะเอาใจ จนมณีรัชดายากที่จะปฏิเสธได้ หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หากจอมภูถึงกับเสียสละทุกอย่าง บางทีทิฐิมันเหมือนกับน้ำกรดราดรดดวงใจตัวเองเหมือนกัน หล่อนครุ่นคิด แต่ถึงกระนั้น หล่อนก็ควรที่จะให้บทเรียนอันแสนจะเจ็บปวดให้เขาด้วยเหมือนกันจนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิดในเมื่อความดีของเขาก็ราดรดลงไปในหัวใจของหล่อน ให้ความอบอุ่นดูแลลูกสาว ในฐานะของพ่อเกินที่มณีรัชดาจะท้วงหรือปราม เขาทำไปด้วยความสุจริตใจหล่อนรับรู้ตลอดเวลาที่มีเข
จนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิด เมื่อเขาชี้แจงว่า “ผมมาจากเมืองไทยที่อยู่ทราบจากคุณรังสินัย” เมื่อเอ่ยอ้างถึงหลานชายของหล่อน ทำให้คุณนันทนิจรับทราบ “ผมมีปัญหาบางอย่างที่ต้องปรับใจกับณี” เขาเอ่ย ทำให้คุณนันทนิจเข้าใจทันที “มณีรัชดา” หล่อนอุทาน “ใช่ครับ ผมเป็นสามี เธอหนีจากผมมา” “หนีหรือคะ” “ผมขออนุญาตได้ไหม”เขาเอ่ยหลังจากที่ชี้แจง ไม่มีการบอกกล่าวมาล่วงหน้าเพื่อตรวจดูความผิดพลาด คุณนันทนิจขอตัวโทร.ทางไกลไปเมืองไทยเพื่อถามหลานชาย ได้รับคำตอบแบบเดียวกันคือ ยืนยันถึงความเป็นสามีของลูกจ้างสาว “ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลานชายต้องการพึ่งพา ให้พา
“เขาให้แม่มาไกล่เกลี่ยหรือไงคะ”มณีรัชดาเอ่ยโดยไม่ยอมเอ่ยชื่อเขา นางรัชนีถอนใจ กับลูกสาวที่เริ่มจะทิฐิขึ้นมา“นี่แม่นะนี่แม่ของแก จะดีจะชั่วยังไงก็ยอมรับว่าแกเป็นลูก” มณีรัชดากำลังทำใจอย่างหนัก การที่มารดามาที่นี่เหมือนท่านบุกเข้ามาหาหล่อนที่คอนโดไม่เคยมีใครทราบมาก่อน และเขาคนเดียวเท่านั้นที่พามา มันเป็นเรื่อง ที่ตัดสินใจลำบากทั้งเรื่องส่วนตัวเหตุผลอีกทั้งความรัก รวมทั้งความเจ็บแค้นที่ผสมผสานกันและความผิดของเขาเกิดขึ้นมานาน และสะสมสั่งเอาไว้พอกพูนจนมันเต็มไปด้วยอัตราของความแค้นที่เหมือนไฟเผาผลาญจู่ๆหล่อน จะมาอภัยให้เขาง่ายๆในสิ่งที่เขาทำกับหล่อนอย่างเจ็บปวด “แม่ไปถามผู้ชายคนที่เขาบอกที่อยู่ของหนูสิคะว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง” มณีรัชดากลับตอบไปอย่างนั้นทำให้รัชนีเงียบ และเริ่มเข้าใจถึงสภาพจิตใจของบุตรสาว “ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้แก หนีแม่ไปอีก อย่าไปเลยนะลูก เมืองนงเมืองนอก แม่ห่วง ไปดูหมอเขาทักไว้ว่า ลูกไม่ควรเดินทางออกไปต่างประเทศ อย่าขึ้นเครื่องบิน” มณีรัชดาตกใจอย่างมากที่สุดกับคำกล่าวของมารดาไม่เคยทราบด้วยว่า ท่านจะเอาดวงของหล่อนไปให้ห
ความจริงที่ว่าคือเขารักมณีรัชดาอย่างมาก ต้องการครองคู่ อยู่กับหล่อนตลอดไปในเส้นทางอนาคต ทำให้จอมภูต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมารดาคลายลงจากคำพูดที่น้องชายเอ่ยออกมาพร้อมแฟนสาวช่วยสนับสนุนในรักครั้งนี้ของเขา อีกทั้งช่วยแก้ต่าง ให้กับมณีรัชดา ภรรยาของเขาให้พ้นผิดด้วย เพราะภรรยาของเขานั้น หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกำลังกล่าวหาสักนิด หล่อนสะอาดและบริสุทธิ์เสมอ อย่างที่เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ในอดีตเขาเคยร่ำร้อง ที่จะเดียดฉันท์ โกรธอาฆาตแค้นหล่อนที่กลายเป็นนางแม่มดเจ้าเสน่ห์เพื่อหลอกล่อให้น้องชายของเขามาตกหลุมรักเพราะหวังในความสุขสบาย เพราะภูวพลมีฐานะร่ำรวยเป็นทายาท ของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย นี่คือความโง่เขลาอย่างมากที่สุดที่เขาได้ทำมา จนจอมภูอยากเขกหัวของตัวเอง ย้อนหลังกลับไปสองร้อยกว่าครั้งถึงจะสาสม กับความผิด และความโง่ของเขาด้วยซ้ำ เวลาเนิ่นนานที่เขามีอคติต่อหล่อน กลายเป็นคนที่โง่บรมโง่ เหลือเกิน ยอมรับว่าเขาหูตามืดมัวเพราะรักและห่วงน้องชาย คนเดียวที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อและเป็นคำสั่งของมารดา ที่ท่านต้องการจะกีดกันทั้
“ทำไม?ผมถามคุณไม่ตอบล่ะว่าไปอยู่ที่ไหนและผมไม่ยอมให้คุณไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วนะต้องอยู่กับผมตลอดไปจะต้องช่วยเลี้ยงลูกของเรา ให้เจริญเติบโตเป็นคนดี” “ฉันไปพักอยู่กับเพื่อนรุ่นที่ ที่เขาใจดีมากค่ะ เขาเป็นพี่ชายที่ฉันเคารพรักและมีบุญคุณเสมอมา” “แล้วเขาเป็นใครล่ะ” “เขาชื่อ คุณรังสินัยค่ะ” “คราวหลัง ถ้าผมได้เจอเขาแล้วนั้นผมจะขอบคุณเขาอย่างมากที่ช่วยดูแล เมียผมกับลูกผมให้ปลอดภัย” คราวนี้มณีรัชดาหันมามองเขาสายตาของหล่อนเงยขึ้น “คุณไม่ตะขิดตะขวงหรือยังไงคะที่ฉันไปอยู่อย่างนั้น” “คงไม่หรอก ผมรู้ว่า ผมนั้นทำผิดอะไร” จอมภูตอบเสียงนุ่มอย่างรู้ดีว่า เขาทำผิดอะไร “แล้ว ขอให้ผมได้ไถ่โทษความผิดครั้งนี้ด้วยการขอคุณแต่งงานได้ไหม ผมจะไม่รีรอเลยนะณีและต้องการให้เรื่องนี้เร็วที่สุด” มณีรัชดาถึงกับอึ้งที่เขาพูดเช่นนี้ยิ้มอย่างอายและเขิน “เอ้อ ค่ะ” “ผมดีใจที่คุณเข้าใจผมและเข้าใจความรู้สึกของเรา คงไม่โกรธใช่ไหม กับเรื่องที่ผ่านมา เอ้อที่ผมล่วงเกินคุณ ใครล่ะจะอดใจได้ ก็คุณสวยขนาดนั้น” จอมภูกระซิบพร่ำที่ริมกกหูของ
จอมภูจึงขับรถมุ่งตรงไปที่บ้านเช่าของเธอที่เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดา และเขาเคยมาแล้วหนหนึ่งแต่ว่าไม่พบกับมณีรัชดาซึ่งบิดาและมารดาของเธอก็ไม่สามารถให้คำตอบเขาได้เช่นกัน เขามั่นใจว่ามณีรัชดาต้องอยู่ เพราะว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ทำแบบนี้กับหล่อน แม้แต่คาดคิดก็ตามและมณีรัชดาก็เช่นกัน เขาคิดว่าหล่อนคงจะเป็นเหมือนเขา ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาแน่ใจอย่างนั้นว่าเขารักหล่อนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่หลอกลวง หรืออยากจะแก้แค้นหล่อน ความรักที่บริสุทธิ์นั้น ยากที่จะบอกได้ ซึ่งขับรถมุ่งตรงมาที่บางแค ก็ด้วยความหวัง ขณะเดียวกันนั้นมณีรัชดาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทำให้นางรัชนีกับนายมิ่งผู้เป็นบิดาต่างมองด้วยความตกใจและดีใจเช่นกันเมื่อได้มองเห็นชัดเจนว่า ลูกสาวตั้งท้อง จึงเป็นคำตอบที่ทราบดีว่าที่ลูกสาวหายไปจากบ้านเป็นเพราะสาเหตุนี้ นางรัชนีปรามผู้เป็นสามีและทั้งคู่ปรึกษากันว่าจะไม่ซักถามมณีรัชดาที่เพิ่งมาถึง เพราะกลัวว่าลูกสาวจะเตลิดไปไกลอีกนางรัชนีกับไพจิตรจึงพยายามพูดดีๆ “กลับมาแล้วเหรอเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อนเถอะลูก มีอ
และมณีรัชดาพยายามเอ่ยกับเขาอย่างมีสติมากที่สุด และไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขา ถึงได้เอาชีวิตของเขามาเสี่ยงกับหล่อน“ณี คิดว่าไม่เหมาะสม” “ไม่เหมาะสมยังไงครับ”เขาหันหน้าไปทางมณีรัชดา และหล่อนพยายามหาคำตอบให้เขา “เอ้อ คิดว่า มันเป็นไปไม่ได้ แล้วคุณก็มีพระคุณมากล้นอย่างนั้น ณี ย่อมทำไม่ได้อย่างแน่นอน” เสียงของหล่อนเข้มชัดเจน และเป้าหมายเป็นอย่างนั้นทำให้รังสินัยยิ้มออกมา “ผมเพียงแค่ลองใจคุณณีเล่นเท่านั้น แต่ไม่ทำจริงหรอกครับ เพราะรู้คำตอบดีแล้ว” ที่เขาเอ่ยทำให้หล่อนต้องตกใจ “คุณนัยลองใจณีดูหรือคะ” “ก็ใช่นะสิครับ อยากรู้ความจริง” “ความจริงเรื่องอะไรคะ” “ก็ที่คุณณีไม่ยอมบอกผมจริงๆว่าใครกันแน่ ที่เป็นพ่อของเด็กในท้องของคุณ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะจับเขามาซ้อมหรอกครับ” ทำให้มณีรัชดาไม่ขำด้วยแต่หล่อนทำสีหน้าบึ้ง และตึงใส่เขา “คุณนัย นี่อย่าทำเล่นอย่างนี้สิคะ” “ถ้าไม่ให้ผมทำเล่น ผมทำจริงก็ได้ อ้าวคุณก็ยอมยกหน้าที่ให้ผม เป็นพ่อของลูกในท้องคุณหรือเปล่า?” เมื่อเขาถามคำนี้อีกครั้งด้วยสีหน้าที่
เมื่อปัณนชาเอ่ยเสริมและพูดแบบนี้ ทำให้มณีรัชดานิ่ง และหล่อนเริ่มสูดลมหายใจเข้าปอด “สิ่งที่พี่ปัณได้ยินหรือได้ฟังจากเขามันอาจจะเป็นแค่เรื่องจอมปลอม หรือการแสดงละครเล่นเท่านั้นแหละค่ะ”สิ่งที่มณีรัชดาเอ่ย ทำให้ปัณนชาแปลกใจเหมือนกัน เพราะเธอก็เก็บความสงสัยนี้เอาไว้นานเช่นเดียวกับเพื่อนน้องชายจอมภูที่รู้สึกแปลกใจกับการวุ่นวายเที่ยวตามหาตัวมณีรัชดา ยิ่งมณีรัชดาพูดเช่นนี้ด้วย เหมือนกับห่างเหินและปนด้วยความชิงชังลึกๆหรือว่าทั้งคู่มีอะไรที่ผิดข้องหมองใจกัน และบาดหมางหัวใจกันอย่างรุนแรง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่จ้ะ ณีสามารถบอกกับพี่ได้หรือเปล่า” เมื่อปัณนชาถามด้วยความห่วงใยอย่างนี้ทำให้ มณีรัชดาเงียบแต่หล่อนพยายามตัดบท “เอ้อ ขอบคุณพี่ปัณ มากนะคะ ที่สนใจเป็นห่วงทุกข์สุขของณีเหลือเกินและตลอดมาด้วย” “ก็พี่เป็นห่วงณีและคิดกับณีเหมือนน้องสาวคนหนึ่งไงจ้ะ” “ขอบคุณนะคะพี่ปัณ ณีจะจดจำคำนี้และไม่ลืมเลือนเลย” มณีรัชดาตอบและรีบตัดบท เพราะกลัวจะแสดงความอ่อนแอมา รังสินัยแวะมาที่คอนโดของหล่อน หลังจากที่เขานึกเป็นห่วงหล่อนในอาการที่ไม่สบาย มณีรัชดาจึง
“งั้นเราต้องแวะเข้าไปที่บริษัทคุณปันที่คุณว่า จะได้สอบถามข่าวของคุณณีปัญหาอยู่ที่ว่าเราไม่ทราบเลยค่ะว่าคุณณี อยู่ที่ไหนกันแน่” ภูวพลถอนใจออกมาและเห็นด้วย “นั่นน่ะสิครับ” และนารถน้ำค้างนึกขึ้นมาได้ “แล้วบ้านคุณณี ล่ะคะ คุณพอจะรู้ไหมว่า อยู่แถวไหน”เมื่อแฟนสาวเอ่ยเช่นนี้ ทำให้ภูวพลขมวดคิ้ว “เคยได้ยินณี พูดเหมือนกันว่าอยู่แถวบางแค นานแล้วแต่ผมไม่รู้ว่าอยู่ซอยไหน แต่คนที่รู้ผมคิดว่าเป็นพี่ชายของผมเราต้องไปถามพี่ใหญ่ดู” “งั้นเราจะต้องไปถามพี่ชายของคุณสิคะเรื่องนี้จะปล่อยช้าไม่ได้”นารถน้ำค้างพูดด้วยความรู้สึกที่เธอเป็นห่วงหญิงสาวที่รู้จักมาไม่นานเช่นกัน เมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนดี และไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับชายหนุ่มที่เธอรัก รวมทั้งภูวพลก็กล้าที่จะบอกความจริงแล้วว่า เขารักแต่เธอเพียงคนเดียว เช้าต่อมามณีรัชดาตัดสินใจโทร.เข้าไปหาเจ้าของบริษัทอีกครั้งและฝ่ายปัณนชาก็ดีใจมาก เพราะไม่ได้ทราบข่าวคราวของมณีรัชดาจึงอยากรู้ “พี่ปัณคะ” “เอ้อ ณีเอง พี่ดีใจเหลือเกินที่ณี โทร.มารู้ไหม ทุกคนตามหาตัวณีกันใหญ่”เมื่อปัณนชาเอ่ยคำนี้ ทำให้หล่อนนิ่งเงี