“เดี๋ยวก่อนสิ คุณจะต้องรีบเข้าบ้านเลยหรือ” วิภัสเรียกหล่อนไว้ทำให้ฝีเท้าของมณีรัชดาต้องหยุด “เอ๊ะ คุณวิภัส คุณมีธุระอะไรกับดิฉันอีก ธุระแบบนี้เป็นเรื่องที่ไร้สาระ”มณีรัชดาตอบด้วยคำพูดที่ไม่พอใจวิภัสมองหล่อนพร้อมกับกัดฟันขบแน่น “ต้องธุระกับผู้ชายคนนั้น ที่เมื่อครู่นี่สิ ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญและมีสาระสำหรับคุณ” ทำให้มณีรัชดาแหวเสียงออกมา “เอ๊ะ คุณวิภัส คุณไม่พอใจฉันก็มากเพียงพอแล้ว แต่นี่ยังพาลใส่อีก” “งั้น ผมขอตามเข้าไปในบ้านของคุณด้วย” เขากล้าที่จะเอ่ย “จะบ้าหรือยังไง ฉันไม่เคยพาผู้ชายคนไหนเข้ามาถึงบ้านเลยนะ คุณวิภัส” เขากลับยวนย้อนคำอีก “แน่ใจหรือว่าไม่เคยพามาก่อน” มณีรัชดาต้องยืนข่มใจ นี่หล่อนจะใช้คำพูดแบบไหน ที่ทำให้เขาเชื่อ และยอมกลับไปเสียดีๆมณีรัชดาถอนใจ “ฉันขอร้องเถอะค่ะ คุณกลับไปก่อน” แต่เขาดื้อแพ่ง “ผมบอกแล้วไง ว่าจะตามคุณเข้าไปที่บ้านด้วย จะเป็นไงก็เป็นกัน” “เอ๊ะ คุณอยากจะให้ฉันเดือดร้อนหรือคะ แล้วจะให้ฉันแนะนำกับพ่อแม่ทุกคนได้อย่างไร? คุณเป็นใ
ความคิดผุดขึ้น ตกลงมณีรัชดาเป็นคนยังไง? เขาสับสนเพราะหล่อนเป็นคนอ่อนโยน และอ่อนหวานเหลือเกินในบางครั้งไม่มีภาพของผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน หรือเห็นแก่ตัวเอาเปรียบคนอื่นสักนิด หรือที่เขาเห็นเป็นภาพลวงตา เพราะหล่อนซ่อนเอาไว้ข้างในต่างหากเมื่อยิ่งคิดมาก ก็ยิ่งมึน วันนี้บุกมาที่บ้านจนมาเห็นทุกอย่าง ครอบครัวของหล่อนขยัน ทำงานตัวเป็นเกลียว แม้จะมีฐานะต่ำต้อยไม่ได้งอมืองอเท้ารอโชคชะตาวาสนาสักนิด โดยเฉพาะ พ่อของหล่อนก็พูดจาดีน่าฟังน่าเคารพ แต่เป็นเพราะ ว่าตัวเขาเพาะความเย่อหยิ่งที่เกิดในชายคาตระกูลคนมั่งมีมากเกินไปเขาถึงได้คิด..บางครั้งเขาก็ดูถูกดูแคลนคนที่ต่ำต้อยกว่าตัวเองอย่างเช่น มณีรัชดามันเป็นความเคยตัว บางทีเขาต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้วเพราะบางทีสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันไม่ใช่ สิ่งที่เป็นตัวตนจริง กับเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาอีกรอบจากปากคนอื่น มันแตกต่างกันยังสับสนมือยังกำพวงมาลัยอยู่กลับเข้าบ้านแล้ว หล่อนยิ่งเต็มไปด้วยความคิด “พ่อ”เมื่อหันมาอีกที พบว่าบิดาเดินเข้ามาใกล้คงเห็นว่าหล่อนออกไปนาน“ไปส่งเขาแล้ว ใช่ไหม? “ “ค่ะ” มณีรัชดาตอบสั้
มณีรัชดาเลยนิ่ง ที่ความรักของพี่ปัณนชา เป็นเช่นนี้ “แล้วณีล่ะ กำลังสนใจใครเป็นพิเศษหรือเปล่า?”ปัณนชาถามเรื่องนี้หล่อนจึงตอบ “เปล่าค่ะ” “อ้าว เปล่าหรอกหรือจ้ะ พี่เห็นหน้าของณี ออกแด๊งแดง สุกใสเหมือนคนที่มีความสุข” ยิ่งเห็นเจ้านายเอ่ยอย่างนี้ หล่อนยิ่งตอบไม่ได้ใหญ่ขณะกำลังนั่งทำงาน อยู่ดีๆมีเสียงโทร.ดังขึ้น คนที่โทรมา ทำให้หล่อนอุทาน วิภัสโทร.มา “คุณวิภัสโทรมามีธุระอะไรหรือคะ?” “ผมต้องมีธุระก่อนหรือครับ ถึงต้องโทร.หาคุณณีได้”คำพูดของเขาทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกแบบเดิมอีกแล้ว หวั่นไหวอ่อนไหวง่าย กับคำพูดของเขาดูเหมือนเธอก็เฝ้ารอเฝ้าคอย น้ำเสียงเขาเหมือนกันถามแล้วเขาก็ตอบแต่มณีรัชดานี่สิ ยังเขินอยู่ “ไม่ใช่ค่ะ” หล่อนปฏิเสธ “แต่ว่า ณีทำงานอยู่” หล่อนยกงานมาอ้างบังหน้า ซึ่งมีส่วนถูกอยู่ส่วนหนึ่ง“งั้นเที่ยงนี้ ผมว่าง และอยากนัดคุณณี ให้มาทานข้าวด้วยครับ” วิภัสใช้ความกล้าหาญทางคารม เพื่อที่จะให้ใจสาวอ่อนลง และอ่อนไหวง่ายพร้อมกับรอคำตอบจากมณีรัชดา “เร็วๆสิครับ คุณณี ผมต้องการคำตอบ” คำที่เขาเร่งออกมาอย
แต่นั่นก็ทำให้วิภัสยิ่งถามต่อ “ผมเป็นอะไรหรือครับ เอ้อ แล้วผมผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า”เขาแกล้งไขสือใส่หล่อน “แต่ ณีว่า คุณวิภัสน่าจะรู้ดีที่สุด” “แสดงว่าคุณณียังโกรธผม” วิภัสงัดเอาคำเดิมมาอ้าง เพื่อให้เขากลายเป็นคนที่น่าสงสารในสายตาของมณีรัชดา วิภัสจะทำได้มากแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับที่ตัวเขา แสดงบทบาท ต้องใจกล้ามีหัวใจที่เถื่อนและดิบอย่าปรานีและอ่อนโยน หรืออ่อนข้อให้อย่างเด็ดขาด วิภัสไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน เพราะคนเราคิดได้ แต่จะทำออกมาหรือเปล่า มณีรัชดาไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่หล่อนจะต้องไม่ใจอ่อนอีกครั้ง ไม่รู้ว่า จะทำได้มากขนาดไหน “เอ้อ เย็นนี้ อนุญาตให้ผมได้ไปส่งคุณกลับบ้านนะครับ” คำที่วิภัสเอ่ยเพื่อขอร้องต่อหล่อนทำให้มณีรัชดานิ่งอึ้ง ก่อนที่จะตอบ “คงไม่ต้องไปส่งณี หรอกค่ะ คุณวิภัส” มณีรัชดาไม่ได้บอกเหตุผลไปมากกว่านั้น แต่หญิงสาวก็รู้แก่ใจดีว่าที่หล่อนทำอย่างนี้เพื่ออะไรหากแต่วิภัสก็จ้องมองหน้าของหล่อน และเขาตัดพ้ออีกครั้ง “คุณณีคงไม่อยากจะเจอหน้าผมแล้วใช่ไหม” เมื่อวิภัสเอ่ยเช่นนี้ กลับทำ
สบายใจขึ้น ตอนนี้หล่อนยังไม่อยากกลับ และวิภัสตรงดิ่งไปยังสถานที่แห่งนั้น และเป็นเรื่องที่บังเอิญระหว่างสองพี่น้อง ที่ต้องมาพบเจอกันโดยบังเอิญ ซึ่งภูวพลนัดกับนารถน้ำค้าง พนักงานบริษัทคนสวยที่ร้านอาหารบนฟู๊ดคอร์ทแห่งนี้ เพราะคำชวนของนารถน้ำค้าง ที่หล่อนอยากนึกหาอะไรทานก่อนเข้าบ้าน และอีกคู่หนึ่งที่เป็นคู่ขวัญของวงการคือสองดาราหนุ่มสาวอย่างชนากรกับกาจนรัตน์ ที่กำลังเสร็จจากเลิกกองถ่ายในบริเวณนี้พอเห็นห้างสรรพสินค้าที่โอ่อ่าและทันสมัยดี จึงอยากจะเข้ามาใช้บริการ เพราะต่างก็มีรถขับมาคนละคัน หากแต่ว่ามณีรัชดามองเห็นก่อนกับสายตาของกาญจนรัตน์ที่ต้องตะลึงเช่นกันเมื่อเห็นว่ามณีรัชดานั้นมากับชายหนุ่มที่หน้าตาดี และเขาเป็นคนหนึ่งที่กาญจนรัตน์รู้จักอย่างมากแต่แปลกใจอยู่ครามครันทำไม? เขาเกิดมาสนใจเด็กสาวคนนี้ ทั้งที่ฐานะนั้นออกจะห่างไกล และต่ำกว่าเขาหลายเท่านักกาญจนรัตน์รีบหันไปทักเขาก่อน พร้อมน้ำเสียงเรียกหลุดออกไป “คุณจอมภูคะ” คำที่หล่อนเรียกเขาทำให้จอมภูอึ้งและเบรกตัวเองไว้ กับวาจาของนางเอกและเป็นนางแบบสาวที่เคยสนใจเขา แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจแก่หล
เขาเงยหน้ามองมณีรัชดา กำลังคิด ถ้าขืนไปตอนนี้ เกิดจ๊ะเอ๋เข้ากับน้องชาย เรื่องคงได้ยุ่ง และจบกันที่อุตส่าห์คิดแผนการ ที่รู้คือมณีรัชดาจะต้องเกลียดเขามากกว่าเดิม จึงรีบออกตัวและปฏิเสธ“เอ้อ ผมคงไม่เข้าไปนะครับ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยากจะนั่งรอที่รถมากกว่า” เห็นเขาตอบเช่นนั้นมณีรัชดาไม่อยากจะรบกวน หล่อนรู้สึกเกรงใจ ตอนนี้อยู่ใกล้บ้าน สามารถเดินข้ามถนน แล้วไปรอรถสองแถวเล็กที่ปากซอยเข้าบ้าน จึงบอก “ถ้าคุณวิภัส มีธุระด่วน ก็ไปก่อนเถอะค่ะ ณีกลับเองได้บ้านอยู่แค่นี้เอง แค่นี้ก็รู้สึกเกรงใจคุณวิภัสจะแย่แล้วค่ะ” เขารู้สึกอึ้ง เพราะใจคอนั้นอยากจะไปส่งหล่อนให้ถึงบ้านเช่นกัน จึงครุ่นคิด ขมวดคิ้วถามกลับ “ทำไมหรือครับคุณณี? คิดว่า ผมไม่มีความอดทนพอหรือ” มณีรัชดาเงยหน้ามองเขา “แต่ณี รู้สึกเกรงใจ อีกอย่างคุณทำงานเหนื่อย แถมยังวกกลับมาส่งณีอีก” “แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้ เป็นบุญคุณเลยนะ” เขาตอบแต่ลึกๆนั้น ก็ทำให้มณีรัชดาปลื้มใจ “คุณณีอย่าพูดอย่างนี้อีก เพราะใจผมคิดอย่างนั้น ผมรอได้” จอมภูเอ่ยกล่าวอย่างนั้น มณีรัชดา
และมณีรัชดาได้ยินคำนั้น มาถึงพอดี ใครมาทะเลาะกันอยู่ตรงหน้ากับคุณวิภัส “ก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะครับ เพราะผมไม่อาจที่จะบังคับใจใคร” วิภัสพูดอย่างนั้น ทำให้นางเอกสาวโกรธจัด ถึงกับสะบัดหน้าพรืดทันทีละความสนใจจากเขา โดยการดึงแขนของพระเอกหนุ่ม ไปที่รถด้วยกัน จากนั้นก็ต่างคนต่างสตาร์ทรถขับออกเพราะกาญจนรัตน์ไม่อยากยืนอยู่ที่นี่ ทนฟังคำพูดที่หล่อนยอมรับไม่ได้ที่เขามองค่าเด็กสาวในกองถ่าย สูงกว่านางเอกอย่างหล่อนกาญจนรัตน์ได้แต่เก็บความเจ็บใจ และแค้นเคืองซ่อนในดวงตาที่มีแต่ความร้ายกาจเพื่อจะเอาชนะเมื่อหล่อนขับรถเร็วจนชนากรต้องชะโงกถามปราม “กิ๊กทำไม ขับรถเร็วอย่างนี้เธอจะบ้าหรือไง ถนนก็ออกโล่ง”เธอจึงผ่อนเครื่องช้าลง และขับตามเขาไปเรื่อยๆ เลยทำให้มณีรัชดานั้นมองวิภัสอย่างสงสัย เพราะได้ยินคำพูดบางอย่างผ่านไปก่อนหน้านี้ หากแต่วิภัส ก็ทำสีหน้าราบเรียบ เพื่อที่หล่อนจะได้ไม่ต้องสงสัย “ซื้อของเสร็จแล้ว ใช่ไหมครับ เรารีบกลับกันเถอะ” เขาพยายามตัดบท เพื่อที่ไม่ให้มณีรัชดาซักถามอะไรมาก แต่มณีรัชด าก็ขึ้นไปนั่งรถกับเขาหากหญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเล
แต่มณีรัชดาเจ็บปวดใจอย่างมากที่สุด เพราะความสาวที่สุดหวงแหนของหล่อน ถูกพรากไปแล้วจากพญามารกระหายสวาทอย่างเขา “ถ้าฉันรู้ว่า คุณเป็นผู้ชายประเภทนี้ ฉันจะไม่เหยียบย่างเข้าไปใกล้คุณเลยตั้งแต่ที่ได้พบ” “มณีรัชดา” เขาอุทาน เมื่อหล่อนเอ่ยกล่าวกับเขา ทั้งกัดฟันและน้ำตานองหน้า และไม่ได้คิดจะให้เขารับผิดชอบเพราะหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นแต่สิ่งนี้ ก็ทำให้จอมภูหรือวิภัสรู้สึกผิดอย่างมากและเขาจะแก้ไขยังไงดี “ผมจะรับผิดชอบเอง รีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะ และผมจะไปส่งที่บ้าน” นึกหรือว่าที่เขาพูดแบบนี้จะทำให้หล่อนยินยอมยกโทษ “คุณคิดผิดแล้วค่ะ ฉันจะไม่มีวันไปกับคุณอย่างเด็ดขาด” มณีรัชดากัดปากเพื่อตอบโต้กับเขาซึ่งเขาก็ได้เห็นความเข้มแข็งและทรหดของหล่อนในเวลานี้ “ต่อไป สิ้นสุดเสียที ทางชีวิตของฉันจะไม่มาโคจรกับคุณอย่างแน่นอน” มณีรัชดาปาดน้ำตาของหล่อนทิ้งเป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นมณีรัชดาเก็บกระเป๋าแล้วก้าวออกไปขณะที่วิภัสพอได้สติ แล้วเขาก็แต่งตัวลวกๆ ถลันตามหล่อน “ผมบอกว่า จะไปส่งคุณถึงที่บ้าน” และเกิดเรื่องเช่นนี้มณีรัชดาคงไม่กล้