มณีรัชดาเลยนิ่ง ที่ความรักของพี่ปัณนชา เป็นเช่นนี้ “แล้วณีล่ะ กำลังสนใจใครเป็นพิเศษหรือเปล่า?”ปัณนชาถามเรื่องนี้หล่อนจึงตอบ “เปล่าค่ะ” “อ้าว เปล่าหรอกหรือจ้ะ พี่เห็นหน้าของณี ออกแด๊งแดง สุกใสเหมือนคนที่มีความสุข” ยิ่งเห็นเจ้านายเอ่ยอย่างนี้ หล่อนยิ่งตอบไม่ได้ใหญ่ขณะกำลังนั่งทำงาน อยู่ดีๆมีเสียงโทร.ดังขึ้น คนที่โทรมา ทำให้หล่อนอุทาน วิภัสโทร.มา “คุณวิภัสโทรมามีธุระอะไรหรือคะ?” “ผมต้องมีธุระก่อนหรือครับ ถึงต้องโทร.หาคุณณีได้”คำพูดของเขาทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกแบบเดิมอีกแล้ว หวั่นไหวอ่อนไหวง่าย กับคำพูดของเขาดูเหมือนเธอก็เฝ้ารอเฝ้าคอย น้ำเสียงเขาเหมือนกันถามแล้วเขาก็ตอบแต่มณีรัชดานี่สิ ยังเขินอยู่ “ไม่ใช่ค่ะ” หล่อนปฏิเสธ “แต่ว่า ณีทำงานอยู่” หล่อนยกงานมาอ้างบังหน้า ซึ่งมีส่วนถูกอยู่ส่วนหนึ่ง“งั้นเที่ยงนี้ ผมว่าง และอยากนัดคุณณี ให้มาทานข้าวด้วยครับ” วิภัสใช้ความกล้าหาญทางคารม เพื่อที่จะให้ใจสาวอ่อนลง และอ่อนไหวง่ายพร้อมกับรอคำตอบจากมณีรัชดา “เร็วๆสิครับ คุณณี ผมต้องการคำตอบ” คำที่เขาเร่งออกมาอย
แต่นั่นก็ทำให้วิภัสยิ่งถามต่อ “ผมเป็นอะไรหรือครับ เอ้อ แล้วผมผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า”เขาแกล้งไขสือใส่หล่อน “แต่ ณีว่า คุณวิภัสน่าจะรู้ดีที่สุด” “แสดงว่าคุณณียังโกรธผม” วิภัสงัดเอาคำเดิมมาอ้าง เพื่อให้เขากลายเป็นคนที่น่าสงสารในสายตาของมณีรัชดา วิภัสจะทำได้มากแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับที่ตัวเขา แสดงบทบาท ต้องใจกล้ามีหัวใจที่เถื่อนและดิบอย่าปรานีและอ่อนโยน หรืออ่อนข้อให้อย่างเด็ดขาด วิภัสไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน เพราะคนเราคิดได้ แต่จะทำออกมาหรือเปล่า มณีรัชดาไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่หล่อนจะต้องไม่ใจอ่อนอีกครั้ง ไม่รู้ว่า จะทำได้มากขนาดไหน “เอ้อ เย็นนี้ อนุญาตให้ผมได้ไปส่งคุณกลับบ้านนะครับ” คำที่วิภัสเอ่ยเพื่อขอร้องต่อหล่อนทำให้มณีรัชดานิ่งอึ้ง ก่อนที่จะตอบ “คงไม่ต้องไปส่งณี หรอกค่ะ คุณวิภัส” มณีรัชดาไม่ได้บอกเหตุผลไปมากกว่านั้น แต่หญิงสาวก็รู้แก่ใจดีว่าที่หล่อนทำอย่างนี้เพื่ออะไรหากแต่วิภัสก็จ้องมองหน้าของหล่อน และเขาตัดพ้ออีกครั้ง “คุณณีคงไม่อยากจะเจอหน้าผมแล้วใช่ไหม” เมื่อวิภัสเอ่ยเช่นนี้ กลับทำ
สบายใจขึ้น ตอนนี้หล่อนยังไม่อยากกลับ และวิภัสตรงดิ่งไปยังสถานที่แห่งนั้น และเป็นเรื่องที่บังเอิญระหว่างสองพี่น้อง ที่ต้องมาพบเจอกันโดยบังเอิญ ซึ่งภูวพลนัดกับนารถน้ำค้าง พนักงานบริษัทคนสวยที่ร้านอาหารบนฟู๊ดคอร์ทแห่งนี้ เพราะคำชวนของนารถน้ำค้าง ที่หล่อนอยากนึกหาอะไรทานก่อนเข้าบ้าน และอีกคู่หนึ่งที่เป็นคู่ขวัญของวงการคือสองดาราหนุ่มสาวอย่างชนากรกับกาจนรัตน์ ที่กำลังเสร็จจากเลิกกองถ่ายในบริเวณนี้พอเห็นห้างสรรพสินค้าที่โอ่อ่าและทันสมัยดี จึงอยากจะเข้ามาใช้บริการ เพราะต่างก็มีรถขับมาคนละคัน หากแต่ว่ามณีรัชดามองเห็นก่อนกับสายตาของกาญจนรัตน์ที่ต้องตะลึงเช่นกันเมื่อเห็นว่ามณีรัชดานั้นมากับชายหนุ่มที่หน้าตาดี และเขาเป็นคนหนึ่งที่กาญจนรัตน์รู้จักอย่างมากแต่แปลกใจอยู่ครามครันทำไม? เขาเกิดมาสนใจเด็กสาวคนนี้ ทั้งที่ฐานะนั้นออกจะห่างไกล และต่ำกว่าเขาหลายเท่านักกาญจนรัตน์รีบหันไปทักเขาก่อน พร้อมน้ำเสียงเรียกหลุดออกไป “คุณจอมภูคะ” คำที่หล่อนเรียกเขาทำให้จอมภูอึ้งและเบรกตัวเองไว้ กับวาจาของนางเอกและเป็นนางแบบสาวที่เคยสนใจเขา แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจแก่หล
เขาเงยหน้ามองมณีรัชดา กำลังคิด ถ้าขืนไปตอนนี้ เกิดจ๊ะเอ๋เข้ากับน้องชาย เรื่องคงได้ยุ่ง และจบกันที่อุตส่าห์คิดแผนการ ที่รู้คือมณีรัชดาจะต้องเกลียดเขามากกว่าเดิม จึงรีบออกตัวและปฏิเสธ“เอ้อ ผมคงไม่เข้าไปนะครับ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยากจะนั่งรอที่รถมากกว่า” เห็นเขาตอบเช่นนั้นมณีรัชดาไม่อยากจะรบกวน หล่อนรู้สึกเกรงใจ ตอนนี้อยู่ใกล้บ้าน สามารถเดินข้ามถนน แล้วไปรอรถสองแถวเล็กที่ปากซอยเข้าบ้าน จึงบอก “ถ้าคุณวิภัส มีธุระด่วน ก็ไปก่อนเถอะค่ะ ณีกลับเองได้บ้านอยู่แค่นี้เอง แค่นี้ก็รู้สึกเกรงใจคุณวิภัสจะแย่แล้วค่ะ” เขารู้สึกอึ้ง เพราะใจคอนั้นอยากจะไปส่งหล่อนให้ถึงบ้านเช่นกัน จึงครุ่นคิด ขมวดคิ้วถามกลับ “ทำไมหรือครับคุณณี? คิดว่า ผมไม่มีความอดทนพอหรือ” มณีรัชดาเงยหน้ามองเขา “แต่ณี รู้สึกเกรงใจ อีกอย่างคุณทำงานเหนื่อย แถมยังวกกลับมาส่งณีอีก” “แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้ เป็นบุญคุณเลยนะ” เขาตอบแต่ลึกๆนั้น ก็ทำให้มณีรัชดาปลื้มใจ “คุณณีอย่าพูดอย่างนี้อีก เพราะใจผมคิดอย่างนั้น ผมรอได้” จอมภูเอ่ยกล่าวอย่างนั้น มณีรัชดา
และมณีรัชดาได้ยินคำนั้น มาถึงพอดี ใครมาทะเลาะกันอยู่ตรงหน้ากับคุณวิภัส “ก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะครับ เพราะผมไม่อาจที่จะบังคับใจใคร” วิภัสพูดอย่างนั้น ทำให้นางเอกสาวโกรธจัด ถึงกับสะบัดหน้าพรืดทันทีละความสนใจจากเขา โดยการดึงแขนของพระเอกหนุ่ม ไปที่รถด้วยกัน จากนั้นก็ต่างคนต่างสตาร์ทรถขับออกเพราะกาญจนรัตน์ไม่อยากยืนอยู่ที่นี่ ทนฟังคำพูดที่หล่อนยอมรับไม่ได้ที่เขามองค่าเด็กสาวในกองถ่าย สูงกว่านางเอกอย่างหล่อนกาญจนรัตน์ได้แต่เก็บความเจ็บใจ และแค้นเคืองซ่อนในดวงตาที่มีแต่ความร้ายกาจเพื่อจะเอาชนะเมื่อหล่อนขับรถเร็วจนชนากรต้องชะโงกถามปราม “กิ๊กทำไม ขับรถเร็วอย่างนี้เธอจะบ้าหรือไง ถนนก็ออกโล่ง”เธอจึงผ่อนเครื่องช้าลง และขับตามเขาไปเรื่อยๆ เลยทำให้มณีรัชดานั้นมองวิภัสอย่างสงสัย เพราะได้ยินคำพูดบางอย่างผ่านไปก่อนหน้านี้ หากแต่วิภัส ก็ทำสีหน้าราบเรียบ เพื่อที่หล่อนจะได้ไม่ต้องสงสัย “ซื้อของเสร็จแล้ว ใช่ไหมครับ เรารีบกลับกันเถอะ” เขาพยายามตัดบท เพื่อที่ไม่ให้มณีรัชดาซักถามอะไรมาก แต่มณีรัชด าก็ขึ้นไปนั่งรถกับเขาหากหญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเล
แต่มณีรัชดาเจ็บปวดใจอย่างมากที่สุด เพราะความสาวที่สุดหวงแหนของหล่อน ถูกพรากไปแล้วจากพญามารกระหายสวาทอย่างเขา “ถ้าฉันรู้ว่า คุณเป็นผู้ชายประเภทนี้ ฉันจะไม่เหยียบย่างเข้าไปใกล้คุณเลยตั้งแต่ที่ได้พบ” “มณีรัชดา” เขาอุทาน เมื่อหล่อนเอ่ยกล่าวกับเขา ทั้งกัดฟันและน้ำตานองหน้า และไม่ได้คิดจะให้เขารับผิดชอบเพราะหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นแต่สิ่งนี้ ก็ทำให้จอมภูหรือวิภัสรู้สึกผิดอย่างมากและเขาจะแก้ไขยังไงดี “ผมจะรับผิดชอบเอง รีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะ และผมจะไปส่งที่บ้าน” นึกหรือว่าที่เขาพูดแบบนี้จะทำให้หล่อนยินยอมยกโทษ “คุณคิดผิดแล้วค่ะ ฉันจะไม่มีวันไปกับคุณอย่างเด็ดขาด” มณีรัชดากัดปากเพื่อตอบโต้กับเขาซึ่งเขาก็ได้เห็นความเข้มแข็งและทรหดของหล่อนในเวลานี้ “ต่อไป สิ้นสุดเสียที ทางชีวิตของฉันจะไม่มาโคจรกับคุณอย่างแน่นอน” มณีรัชดาปาดน้ำตาของหล่อนทิ้งเป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นมณีรัชดาเก็บกระเป๋าแล้วก้าวออกไปขณะที่วิภัสพอได้สติ แล้วเขาก็แต่งตัวลวกๆ ถลันตามหล่อน “ผมบอกว่า จะไปส่งคุณถึงที่บ้าน” และเกิดเรื่องเช่นนี้มณีรัชดาคงไม่กล้
“พักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมรู้ว่า คุณไม่มีที่ไป เอ้อ ผมจะเข้าบ้าน” เขาได้บอกหล่อน และบอกด้วยว่า “คงจะอยู่บ้านได้คนเดียวนะ และผมจะไปไม่นานหรอก” มณีรัชดาฟังเขาบ้าง และไม่ฟังบ้าง เพราะหล่อนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่มีความยินดีอย่างที่สุด ที่ตกอยู่ในสภาพนี้ “แต่ผมมีความจำเป็น ที่จะต้องล็อกห้องคล้องกุญแจเอาไว้” มณีรัชดาไม่ได้ปริปากสักนิดหล่อนรู้ว่าเขาทำได้ทุกอย่าง เพราะนี่เป็นคอนโดหรูส่วนตัวของเขา “ไม่ต้องมาบอกหรอกค่ะ เพราะยังไงคนอย่างฉันก็อดทนอดกลั้นอยู่ได้อยู่แล้ว และไม่ตายง่ายๆหรอก” หล่อนบอกอย่างเจ็บแค้นเคืองใจ “ใครเล่าอยากให้คุณตาย อย่าพูดอย่างนี้สิมันไม่ดีเลย” ถ้อยคำที่วิภัสพร่ำบอกนุ่มหู แต่ก็ไม่รู้ว่า เขามีความรู้สึกเช่นนั้นเช่นเดียวกับที่พูดหรือเปล่า? จนบางครั้งมณีรัชดา คิดว่าเขาเป็นคนที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกินจนวิภัสก้าวจากไปแล้ว และเขากลับมายืนอยู่ต่อหน้าคุณภวานันท์ ผู้เป็นมารดาในคฤหาสน์หรู เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชายคนโตที่ไม่เจอมาหลายวันแล้วคุณภวานันท์ทักทายอย่างดีใจ “ตาใหญ่นี่หายหน้าไปไหน
คงแปลกใจ ที่เธอไม่ได้มาทำงานในวันนี้ทั้งที่ มณีรัชดาเป็นคนขยัน ปัณนชาสังเกตเห็นความแปลกและผิดปกติตรงนี้ มณีรัชดามองจ้องที่มือถือก่อนตัดสินใจรับ “ณีหรือเปล่าจ้ะพี่ แปลกใจ ทำไมณีถึงไม่ได้เข้ามาทำงานในวันนี้” “เอ้อ ขอโทษด้วยค่ะ ณีรู้สึกไม่สบายค่ะพี่ปัณและปวดหัวตัวรุมเหมือนจะเป็นไข้” มณีรัชดาจำเป็นต้องโกหกเจ้านายไปอย่างนั้นปัณนชาโล่งอก ที่ได้รับคำตอบและเข้าใจ หลังจากที่มณีรัชดาตอบออกไป ถึงแม้จะปดแต่มันเป็นเพราะเธอไม่มีทางเลือกต่างหากจากนั้นปัณนชาปิดเครื่อง ก่อนที่มณีรัชดาจะถอนใจ เฝ้าถามตัวเองว่าชีวิตของหล่อน ต่อไปจะเอายังไงกันดีและจอมภูเดินออกมาพอดี เพราะเนื่องจากเขาสงสัยว่ามณีรัชดาคุยสายกับใคร “ใครเป็นคนโทร.มา” “พี่ปัณค่ะ” คำตอบของมณีรัชดาทำให้เขาโล่งใจ แต่มณีรัชดาก็ยิ้มเยาะ พร้อมที่จะแดกดันเพราะเขา คือคนที่ทำให้ชีวิตของหล่อนพังภินท์ไปหมด “หรือคุณคิดว่าใครอื่นโทร.มา ก็อาจจะเป็นผู้ชาย ที่ทำให้คุณสันหลังหวะได้” เขาเงยใบหน้าจ้องมองมณีรัชดา “ผู้ชายคนไหนอีก ที่คุณกล่าวมา หรือว่าจะเป็น