และมณีรัชดาได้ยินคำนั้น มาถึงพอดี ใครมาทะเลาะกันอยู่ตรงหน้ากับคุณวิภัส “ก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะครับ เพราะผมไม่อาจที่จะบังคับใจใคร” วิภัสพูดอย่างนั้น ทำให้นางเอกสาวโกรธจัด ถึงกับสะบัดหน้าพรืดทันทีละความสนใจจากเขา โดยการดึงแขนของพระเอกหนุ่ม ไปที่รถด้วยกัน จากนั้นก็ต่างคนต่างสตาร์ทรถขับออกเพราะกาญจนรัตน์ไม่อยากยืนอยู่ที่นี่ ทนฟังคำพูดที่หล่อนยอมรับไม่ได้ที่เขามองค่าเด็กสาวในกองถ่าย สูงกว่านางเอกอย่างหล่อนกาญจนรัตน์ได้แต่เก็บความเจ็บใจ และแค้นเคืองซ่อนในดวงตาที่มีแต่ความร้ายกาจเพื่อจะเอาชนะเมื่อหล่อนขับรถเร็วจนชนากรต้องชะโงกถามปราม “กิ๊กทำไม ขับรถเร็วอย่างนี้เธอจะบ้าหรือไง ถนนก็ออกโล่ง”เธอจึงผ่อนเครื่องช้าลง และขับตามเขาไปเรื่อยๆ เลยทำให้มณีรัชดานั้นมองวิภัสอย่างสงสัย เพราะได้ยินคำพูดบางอย่างผ่านไปก่อนหน้านี้ หากแต่วิภัส ก็ทำสีหน้าราบเรียบ เพื่อที่หล่อนจะได้ไม่ต้องสงสัย “ซื้อของเสร็จแล้ว ใช่ไหมครับ เรารีบกลับกันเถอะ” เขาพยายามตัดบท เพื่อที่ไม่ให้มณีรัชดาซักถามอะไรมาก แต่มณีรัชด าก็ขึ้นไปนั่งรถกับเขาหากหญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเล
แต่มณีรัชดาเจ็บปวดใจอย่างมากที่สุด เพราะความสาวที่สุดหวงแหนของหล่อน ถูกพรากไปแล้วจากพญามารกระหายสวาทอย่างเขา “ถ้าฉันรู้ว่า คุณเป็นผู้ชายประเภทนี้ ฉันจะไม่เหยียบย่างเข้าไปใกล้คุณเลยตั้งแต่ที่ได้พบ” “มณีรัชดา” เขาอุทาน เมื่อหล่อนเอ่ยกล่าวกับเขา ทั้งกัดฟันและน้ำตานองหน้า และไม่ได้คิดจะให้เขารับผิดชอบเพราะหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นแต่สิ่งนี้ ก็ทำให้จอมภูหรือวิภัสรู้สึกผิดอย่างมากและเขาจะแก้ไขยังไงดี “ผมจะรับผิดชอบเอง รีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะ และผมจะไปส่งที่บ้าน” นึกหรือว่าที่เขาพูดแบบนี้จะทำให้หล่อนยินยอมยกโทษ “คุณคิดผิดแล้วค่ะ ฉันจะไม่มีวันไปกับคุณอย่างเด็ดขาด” มณีรัชดากัดปากเพื่อตอบโต้กับเขาซึ่งเขาก็ได้เห็นความเข้มแข็งและทรหดของหล่อนในเวลานี้ “ต่อไป สิ้นสุดเสียที ทางชีวิตของฉันจะไม่มาโคจรกับคุณอย่างแน่นอน” มณีรัชดาปาดน้ำตาของหล่อนทิ้งเป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นมณีรัชดาเก็บกระเป๋าแล้วก้าวออกไปขณะที่วิภัสพอได้สติ แล้วเขาก็แต่งตัวลวกๆ ถลันตามหล่อน “ผมบอกว่า จะไปส่งคุณถึงที่บ้าน” และเกิดเรื่องเช่นนี้มณีรัชดาคงไม่กล้
“พักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมรู้ว่า คุณไม่มีที่ไป เอ้อ ผมจะเข้าบ้าน” เขาได้บอกหล่อน และบอกด้วยว่า “คงจะอยู่บ้านได้คนเดียวนะ และผมจะไปไม่นานหรอก” มณีรัชดาฟังเขาบ้าง และไม่ฟังบ้าง เพราะหล่อนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่มีความยินดีอย่างที่สุด ที่ตกอยู่ในสภาพนี้ “แต่ผมมีความจำเป็น ที่จะต้องล็อกห้องคล้องกุญแจเอาไว้” มณีรัชดาไม่ได้ปริปากสักนิดหล่อนรู้ว่าเขาทำได้ทุกอย่าง เพราะนี่เป็นคอนโดหรูส่วนตัวของเขา “ไม่ต้องมาบอกหรอกค่ะ เพราะยังไงคนอย่างฉันก็อดทนอดกลั้นอยู่ได้อยู่แล้ว และไม่ตายง่ายๆหรอก” หล่อนบอกอย่างเจ็บแค้นเคืองใจ “ใครเล่าอยากให้คุณตาย อย่าพูดอย่างนี้สิมันไม่ดีเลย” ถ้อยคำที่วิภัสพร่ำบอกนุ่มหู แต่ก็ไม่รู้ว่า เขามีความรู้สึกเช่นนั้นเช่นเดียวกับที่พูดหรือเปล่า? จนบางครั้งมณีรัชดา คิดว่าเขาเป็นคนที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกินจนวิภัสก้าวจากไปแล้ว และเขากลับมายืนอยู่ต่อหน้าคุณภวานันท์ ผู้เป็นมารดาในคฤหาสน์หรู เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชายคนโตที่ไม่เจอมาหลายวันแล้วคุณภวานันท์ทักทายอย่างดีใจ “ตาใหญ่นี่หายหน้าไปไหน
คงแปลกใจ ที่เธอไม่ได้มาทำงานในวันนี้ทั้งที่ มณีรัชดาเป็นคนขยัน ปัณนชาสังเกตเห็นความแปลกและผิดปกติตรงนี้ มณีรัชดามองจ้องที่มือถือก่อนตัดสินใจรับ “ณีหรือเปล่าจ้ะพี่ แปลกใจ ทำไมณีถึงไม่ได้เข้ามาทำงานในวันนี้” “เอ้อ ขอโทษด้วยค่ะ ณีรู้สึกไม่สบายค่ะพี่ปัณและปวดหัวตัวรุมเหมือนจะเป็นไข้” มณีรัชดาจำเป็นต้องโกหกเจ้านายไปอย่างนั้นปัณนชาโล่งอก ที่ได้รับคำตอบและเข้าใจ หลังจากที่มณีรัชดาตอบออกไป ถึงแม้จะปดแต่มันเป็นเพราะเธอไม่มีทางเลือกต่างหากจากนั้นปัณนชาปิดเครื่อง ก่อนที่มณีรัชดาจะถอนใจ เฝ้าถามตัวเองว่าชีวิตของหล่อน ต่อไปจะเอายังไงกันดีและจอมภูเดินออกมาพอดี เพราะเนื่องจากเขาสงสัยว่ามณีรัชดาคุยสายกับใคร “ใครเป็นคนโทร.มา” “พี่ปัณค่ะ” คำตอบของมณีรัชดาทำให้เขาโล่งใจ แต่มณีรัชดาก็ยิ้มเยาะ พร้อมที่จะแดกดันเพราะเขา คือคนที่ทำให้ชีวิตของหล่อนพังภินท์ไปหมด “หรือคุณคิดว่าใครอื่นโทร.มา ก็อาจจะเป็นผู้ชาย ที่ทำให้คุณสันหลังหวะได้” เขาเงยใบหน้าจ้องมองมณีรัชดา “ผู้ชายคนไหนอีก ที่คุณกล่าวมา หรือว่าจะเป็น
เขาเอากลับมาให้หล่อนใช้ เมื่อเช้านี้ พร้อมกับชาร์จให้ ส่วนภูวพลโทร.หามณีรัชดาแท้แต่ว่าเธอนั้นไม่ยอมรับสายเขา วันเวลาที่ผ่านไป เขาก็ไม่ได้โทร.มาหาเธอเช่นกัน และคิดว่าช่วงเวลาที่ห่างเหินเหล่านี้ อาจทำให้มณีรัชดาก็ไม่ได้สนใจตัวเขาและก็ทำตัวห่างเหินเขาเช่นกัน สามวันต่อมาเพราะหล่อนยังไม่ยอมรับโทร.ของเขา ทั้งที่กดไปหาหลายรอบ แต่ว่าคนที่รับในเวลานี้คือจอมภูผู้เป็นพี่ชาย เขาจำเบอร์ของน้องชายได้ และคิดว่าจะรับหรือไม่รับดี แต่เวลาผ่านไป ก็ทำให้ภูวพลเป็นกังวลเขาจึงบ่นออกมา ให้คนที่นั่งข้างๆได้ยินคือนารถน้ำค้างที่คอยให้กำลังใจ และคิดจะปลูกต้นรักใหม่ร่วมกันกับเขา “ทำไม ไม่ยอมรับซักทีน๊า” “คุณพลบ่นอะไรหรือคะ แล้วนี่โทร.หาใครกัน” นารถน้ำค้างมองหน้าเขา เหมือนไม่เชื่อใจทำให้ภูวพลต้องตอบ เพราะตัวเขาเผลอพูด “เอ้อ เพื่อนครับ” “เพื่อนผู้หญิงหรือว่า ผู้ชายคะ” แต่ว่านารถน้ำค้างก็อยากจะรุกเร้า เพื่อจะได้รู้ว่า เขาซ่อนและปกปิดอะไรเธอไว้ภูวพลเงยหน้ามองนารถน้ำค้างก่อนที่เขาจะเอ่ย “ผู้หญิงครับ”คำตอบนี้ทำให้นาร
และเงินก็เงินของเขา อย่างที่บอกหล่อนจะทำทุกอย่าง เพื่อผลาญเขาและมณีรัชดากระหยิ่มยิ้มหยันข้างใน พอดีกับคู่ของภูวพลนารถน้ำค้าง ที่เมื่อครู่ยังทะเลาะกันเพราะอดีตคู่รักเก่า ที่นารถน้ำค้าง คิดว่าผู้หญิงคนนั้นตกเป็นแฟนของภูวพล และภูวพลก็หันมาเห็นมณีรัชดาพอดีทำให้เขายิ้มแล้วอุทาน “ณี คุณนี่เอง มากับใครครับ ดีใจที่ได้เจอคุณ” และเสียงทักที่ดังของภูวพล ทำให้นารถน้ำค้างหันขวับตามไปมอง จึงได้เห็นหญิงสาวใบหน้าหวานร่างนั้นดูงามระหง แต่ว่าใบหน้านั้นดูซีดเหมือนคนที่ไม่สบาย “นี่หรือคะ ที่คุณเคยบอกว่า เป็นแฟนของคุณ” ทำให้มณีรัชดาต้องตอบ “คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ เพราะว่าพลกับดิฉันนั้น เราเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้เป็นอย่างอื่นที่คุณคิดหรอกค่ะ” ผู้หญิงที่เดินตามเขามณีรัชดาพอมองออกว่า น่าจะเป็นแฟนสาวของภูวพล ที่เขาเลือกแล้ว ซึ่งหล่อนก็ยินดีด้วย ทั้งคู่เหมาะสมกันดี ในขณะที่มณีรัชดาเบี่ยงตัว เพื่อจะหลบไปทางอื่น จอมภู ที่เขาขอเวลาไปทำธุระสักแป๊บในห้องน้ำเดินออกมา เพื่อหาหล่อนและเขากำลังเรียกมณีรัชดา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังยืนสนทนาถกเถียงอ
เมื่อนึกถึงคุณภวานันท์มารดาที่ไม่มีท่าทียินยอมอ่อนลงให้กับมณีรัชดา ไม่ทราบว่ามารดาเกลียดชังมณีรัชดาถึงเพียงนั้นเพราะหล่อนเกิดมายากจนต่ำต้อยกว่าสกุลของเขา ที่เป็นนักธุรกิจ จอมภูเดินจากน้องชายไปเหมือนคนที่ยังทำใจไม่ได้ และเขารู้ว่าเขาควรกลับไปตั้งหลักที่คอนโดไว้รอให้ใจเย็นก่อน ถึงจะออกตามหามณีรัชดาซึ่งเขาเชื่ออย่างเดียวว่า เธอจะต้องกลับบ้าน อย่างแน่นอน และมันเป็นความเจ็บปวดอย่างเหลือที่สุดไม่นึกว่า เขาจะมาหลอกลวงเธออย่างร้ายกาจที่สุดเวลานี้มณีรัชดาอยู่ในห้องอย่างเงียบๆและเมื่อถึงบ้านกลับแล้วก็ไม่ได้พูดจาอีกทั้งบิดาและมารดาพร้อมด้วยน้าสาว ก็มีความสงสัยอยู่ครามครัน ว่าลูกสาวหายไปไหนมานานหลายวันแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่บอกถึงความไม่สบายใจ ก็ไม่อยากถามไว้รอให้มณีรัชดาใจเย็นและอารมณ์ดีขึ้นแต่สองสามีภรรยาก็บ่น“ท่าทางลูกเราเหมือนคนไม่สบายใจนะแม่ ไว้รอลูกใจเย็นลง ค่อยพูดดีกว่า” “จ้ะพ่อ” นางรัชนีตอบสามี หากฝ่ายจอมภูหรือวิภัส ที่เวลานี้เรื่องความลับระหว่างเขากับมณีรัชดามันถูกเปิดเผยซึ่งมันได้ทำให้มณีรัชดาโกรธเขาหนักแต่จอมภูไม่คิดจะเอาโทษใคร และน้องชายข
ใช่ หล่อนพลาดไปแล้ว นั่นเป็นเพราะความรักที่บริสุทธิ์ ที่หล่อนได้มอบให้เขา แต่จะไม่มีวันก้าวพลาดอีกแล้วมณีรัชดาบอกกับตัวเองอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง เมื่อนึกถึงใบหน้าของเขาทีไรเห็นแต่ภาพพยาบาทจิตใจ ที่เหมือนกับซาตานและอสูรร้ายของเขาคอยตามหลอกหลอน นี่หล่อนโง่มานานแล้ว ทีนี้ควรจะฉลาดเสียที แม้สิ่งที่เสียไปแล้วนั้น มันไม่อาจจะคืนกลับมาได้แต่หล่อนก็จะทำให้ผู้ชายคนนั้น รู้รสชาติความเจ็บปวดในเวลาเดียวเช่นกัน ในสิ่งที่เขาบังอาจขุดเล่ห์หลุมพราง ให้หล่อนกลายเป็นเหยื่อของเขาไปเต็มเปา ที่เข้ามาใกล้เพื่อทำให้รัก ที่แท้หลอกลวง เขามีเบื้องหลังด้วยการกีดกัน ไม่ให้มณีรัชดาคบหากับภูวพล ที่แท้เขานั้นเป็นพี่ชายของภูวพล ซึ่งหล่อนได้ตาถั่วไปเองโง่ ที่มองไม่เห็นความจริงข้อนี้ เมื่อเป็นอย่างนั้น เขาจะต้องชิงชังและรังเกียจหล่อนมากที่สุด “เลว สารเลว ผู้ชายแสนเลวที่สุด”มณีรัชดาบ่นพึมพำออกมา และสบถลั่นอย่างใจเคืองแค้นและเจ็บข้างใน หากเมื่อได้เขาช่วยพร้อมรังสินัยให้กุญแจและคีย์การ์ดห้องพักและมณีรัชดาเข้าไปสำรวจภายในห้อง มันดูทั้งหรูและกว้างเป็นเฟอร์นิเจอร์ทั