เขาเงยหน้ามองมณีรัชดา กำลังคิด ถ้าขืนไปตอนนี้ เกิดจ๊ะเอ๋เข้ากับน้องชาย เรื่องคงได้ยุ่ง และจบกันที่อุตส่าห์คิดแผนการ ที่รู้คือมณีรัชดาจะต้องเกลียดเขามากกว่าเดิม จึงรีบออกตัวและปฏิเสธ“เอ้อ ผมคงไม่เข้าไปนะครับ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยากจะนั่งรอที่รถมากกว่า” เห็นเขาตอบเช่นนั้นมณีรัชดาไม่อยากจะรบกวน หล่อนรู้สึกเกรงใจ ตอนนี้อยู่ใกล้บ้าน สามารถเดินข้ามถนน แล้วไปรอรถสองแถวเล็กที่ปากซอยเข้าบ้าน จึงบอก “ถ้าคุณวิภัส มีธุระด่วน ก็ไปก่อนเถอะค่ะ ณีกลับเองได้บ้านอยู่แค่นี้เอง แค่นี้ก็รู้สึกเกรงใจคุณวิภัสจะแย่แล้วค่ะ” เขารู้สึกอึ้ง เพราะใจคอนั้นอยากจะไปส่งหล่อนให้ถึงบ้านเช่นกัน จึงครุ่นคิด ขมวดคิ้วถามกลับ “ทำไมหรือครับคุณณี? คิดว่า ผมไม่มีความอดทนพอหรือ” มณีรัชดาเงยหน้ามองเขา “แต่ณี รู้สึกเกรงใจ อีกอย่างคุณทำงานเหนื่อย แถมยังวกกลับมาส่งณีอีก” “แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้ เป็นบุญคุณเลยนะ” เขาตอบแต่ลึกๆนั้น ก็ทำให้มณีรัชดาปลื้มใจ “คุณณีอย่าพูดอย่างนี้อีก เพราะใจผมคิดอย่างนั้น ผมรอได้” จอมภูเอ่ยกล่าวอย่างนั้น มณีรัชดา
และมณีรัชดาได้ยินคำนั้น มาถึงพอดี ใครมาทะเลาะกันอยู่ตรงหน้ากับคุณวิภัส “ก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะครับ เพราะผมไม่อาจที่จะบังคับใจใคร” วิภัสพูดอย่างนั้น ทำให้นางเอกสาวโกรธจัด ถึงกับสะบัดหน้าพรืดทันทีละความสนใจจากเขา โดยการดึงแขนของพระเอกหนุ่ม ไปที่รถด้วยกัน จากนั้นก็ต่างคนต่างสตาร์ทรถขับออกเพราะกาญจนรัตน์ไม่อยากยืนอยู่ที่นี่ ทนฟังคำพูดที่หล่อนยอมรับไม่ได้ที่เขามองค่าเด็กสาวในกองถ่าย สูงกว่านางเอกอย่างหล่อนกาญจนรัตน์ได้แต่เก็บความเจ็บใจ และแค้นเคืองซ่อนในดวงตาที่มีแต่ความร้ายกาจเพื่อจะเอาชนะเมื่อหล่อนขับรถเร็วจนชนากรต้องชะโงกถามปราม “กิ๊กทำไม ขับรถเร็วอย่างนี้เธอจะบ้าหรือไง ถนนก็ออกโล่ง”เธอจึงผ่อนเครื่องช้าลง และขับตามเขาไปเรื่อยๆ เลยทำให้มณีรัชดานั้นมองวิภัสอย่างสงสัย เพราะได้ยินคำพูดบางอย่างผ่านไปก่อนหน้านี้ หากแต่วิภัส ก็ทำสีหน้าราบเรียบ เพื่อที่หล่อนจะได้ไม่ต้องสงสัย “ซื้อของเสร็จแล้ว ใช่ไหมครับ เรารีบกลับกันเถอะ” เขาพยายามตัดบท เพื่อที่ไม่ให้มณีรัชดาซักถามอะไรมาก แต่มณีรัชด าก็ขึ้นไปนั่งรถกับเขาหากหญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเล
แต่มณีรัชดาเจ็บปวดใจอย่างมากที่สุด เพราะความสาวที่สุดหวงแหนของหล่อน ถูกพรากไปแล้วจากพญามารกระหายสวาทอย่างเขา “ถ้าฉันรู้ว่า คุณเป็นผู้ชายประเภทนี้ ฉันจะไม่เหยียบย่างเข้าไปใกล้คุณเลยตั้งแต่ที่ได้พบ” “มณีรัชดา” เขาอุทาน เมื่อหล่อนเอ่ยกล่าวกับเขา ทั้งกัดฟันและน้ำตานองหน้า และไม่ได้คิดจะให้เขารับผิดชอบเพราะหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นแต่สิ่งนี้ ก็ทำให้จอมภูหรือวิภัสรู้สึกผิดอย่างมากและเขาจะแก้ไขยังไงดี “ผมจะรับผิดชอบเอง รีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะ และผมจะไปส่งที่บ้าน” นึกหรือว่าที่เขาพูดแบบนี้จะทำให้หล่อนยินยอมยกโทษ “คุณคิดผิดแล้วค่ะ ฉันจะไม่มีวันไปกับคุณอย่างเด็ดขาด” มณีรัชดากัดปากเพื่อตอบโต้กับเขาซึ่งเขาก็ได้เห็นความเข้มแข็งและทรหดของหล่อนในเวลานี้ “ต่อไป สิ้นสุดเสียที ทางชีวิตของฉันจะไม่มาโคจรกับคุณอย่างแน่นอน” มณีรัชดาปาดน้ำตาของหล่อนทิ้งเป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นมณีรัชดาเก็บกระเป๋าแล้วก้าวออกไปขณะที่วิภัสพอได้สติ แล้วเขาก็แต่งตัวลวกๆ ถลันตามหล่อน “ผมบอกว่า จะไปส่งคุณถึงที่บ้าน” และเกิดเรื่องเช่นนี้มณีรัชดาคงไม่กล้
“พักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมรู้ว่า คุณไม่มีที่ไป เอ้อ ผมจะเข้าบ้าน” เขาได้บอกหล่อน และบอกด้วยว่า “คงจะอยู่บ้านได้คนเดียวนะ และผมจะไปไม่นานหรอก” มณีรัชดาฟังเขาบ้าง และไม่ฟังบ้าง เพราะหล่อนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่มีความยินดีอย่างที่สุด ที่ตกอยู่ในสภาพนี้ “แต่ผมมีความจำเป็น ที่จะต้องล็อกห้องคล้องกุญแจเอาไว้” มณีรัชดาไม่ได้ปริปากสักนิดหล่อนรู้ว่าเขาทำได้ทุกอย่าง เพราะนี่เป็นคอนโดหรูส่วนตัวของเขา “ไม่ต้องมาบอกหรอกค่ะ เพราะยังไงคนอย่างฉันก็อดทนอดกลั้นอยู่ได้อยู่แล้ว และไม่ตายง่ายๆหรอก” หล่อนบอกอย่างเจ็บแค้นเคืองใจ “ใครเล่าอยากให้คุณตาย อย่าพูดอย่างนี้สิมันไม่ดีเลย” ถ้อยคำที่วิภัสพร่ำบอกนุ่มหู แต่ก็ไม่รู้ว่า เขามีความรู้สึกเช่นนั้นเช่นเดียวกับที่พูดหรือเปล่า? จนบางครั้งมณีรัชดา คิดว่าเขาเป็นคนที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกินจนวิภัสก้าวจากไปแล้ว และเขากลับมายืนอยู่ต่อหน้าคุณภวานันท์ ผู้เป็นมารดาในคฤหาสน์หรู เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชายคนโตที่ไม่เจอมาหลายวันแล้วคุณภวานันท์ทักทายอย่างดีใจ “ตาใหญ่นี่หายหน้าไปไหน
คงแปลกใจ ที่เธอไม่ได้มาทำงานในวันนี้ทั้งที่ มณีรัชดาเป็นคนขยัน ปัณนชาสังเกตเห็นความแปลกและผิดปกติตรงนี้ มณีรัชดามองจ้องที่มือถือก่อนตัดสินใจรับ “ณีหรือเปล่าจ้ะพี่ แปลกใจ ทำไมณีถึงไม่ได้เข้ามาทำงานในวันนี้” “เอ้อ ขอโทษด้วยค่ะ ณีรู้สึกไม่สบายค่ะพี่ปัณและปวดหัวตัวรุมเหมือนจะเป็นไข้” มณีรัชดาจำเป็นต้องโกหกเจ้านายไปอย่างนั้นปัณนชาโล่งอก ที่ได้รับคำตอบและเข้าใจ หลังจากที่มณีรัชดาตอบออกไป ถึงแม้จะปดแต่มันเป็นเพราะเธอไม่มีทางเลือกต่างหากจากนั้นปัณนชาปิดเครื่อง ก่อนที่มณีรัชดาจะถอนใจ เฝ้าถามตัวเองว่าชีวิตของหล่อน ต่อไปจะเอายังไงกันดีและจอมภูเดินออกมาพอดี เพราะเนื่องจากเขาสงสัยว่ามณีรัชดาคุยสายกับใคร “ใครเป็นคนโทร.มา” “พี่ปัณค่ะ” คำตอบของมณีรัชดาทำให้เขาโล่งใจ แต่มณีรัชดาก็ยิ้มเยาะ พร้อมที่จะแดกดันเพราะเขา คือคนที่ทำให้ชีวิตของหล่อนพังภินท์ไปหมด “หรือคุณคิดว่าใครอื่นโทร.มา ก็อาจจะเป็นผู้ชาย ที่ทำให้คุณสันหลังหวะได้” เขาเงยใบหน้าจ้องมองมณีรัชดา “ผู้ชายคนไหนอีก ที่คุณกล่าวมา หรือว่าจะเป็น
เขาเอากลับมาให้หล่อนใช้ เมื่อเช้านี้ พร้อมกับชาร์จให้ ส่วนภูวพลโทร.หามณีรัชดาแท้แต่ว่าเธอนั้นไม่ยอมรับสายเขา วันเวลาที่ผ่านไป เขาก็ไม่ได้โทร.มาหาเธอเช่นกัน และคิดว่าช่วงเวลาที่ห่างเหินเหล่านี้ อาจทำให้มณีรัชดาก็ไม่ได้สนใจตัวเขาและก็ทำตัวห่างเหินเขาเช่นกัน สามวันต่อมาเพราะหล่อนยังไม่ยอมรับโทร.ของเขา ทั้งที่กดไปหาหลายรอบ แต่ว่าคนที่รับในเวลานี้คือจอมภูผู้เป็นพี่ชาย เขาจำเบอร์ของน้องชายได้ และคิดว่าจะรับหรือไม่รับดี แต่เวลาผ่านไป ก็ทำให้ภูวพลเป็นกังวลเขาจึงบ่นออกมา ให้คนที่นั่งข้างๆได้ยินคือนารถน้ำค้างที่คอยให้กำลังใจ และคิดจะปลูกต้นรักใหม่ร่วมกันกับเขา “ทำไม ไม่ยอมรับซักทีน๊า” “คุณพลบ่นอะไรหรือคะ แล้วนี่โทร.หาใครกัน” นารถน้ำค้างมองหน้าเขา เหมือนไม่เชื่อใจทำให้ภูวพลต้องตอบ เพราะตัวเขาเผลอพูด “เอ้อ เพื่อนครับ” “เพื่อนผู้หญิงหรือว่า ผู้ชายคะ” แต่ว่านารถน้ำค้างก็อยากจะรุกเร้า เพื่อจะได้รู้ว่า เขาซ่อนและปกปิดอะไรเธอไว้ภูวพลเงยหน้ามองนารถน้ำค้างก่อนที่เขาจะเอ่ย “ผู้หญิงครับ”คำตอบนี้ทำให้นาร
และเงินก็เงินของเขา อย่างที่บอกหล่อนจะทำทุกอย่าง เพื่อผลาญเขาและมณีรัชดากระหยิ่มยิ้มหยันข้างใน พอดีกับคู่ของภูวพลนารถน้ำค้าง ที่เมื่อครู่ยังทะเลาะกันเพราะอดีตคู่รักเก่า ที่นารถน้ำค้าง คิดว่าผู้หญิงคนนั้นตกเป็นแฟนของภูวพล และภูวพลก็หันมาเห็นมณีรัชดาพอดีทำให้เขายิ้มแล้วอุทาน “ณี คุณนี่เอง มากับใครครับ ดีใจที่ได้เจอคุณ” และเสียงทักที่ดังของภูวพล ทำให้นารถน้ำค้างหันขวับตามไปมอง จึงได้เห็นหญิงสาวใบหน้าหวานร่างนั้นดูงามระหง แต่ว่าใบหน้านั้นดูซีดเหมือนคนที่ไม่สบาย “นี่หรือคะ ที่คุณเคยบอกว่า เป็นแฟนของคุณ” ทำให้มณีรัชดาต้องตอบ “คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ เพราะว่าพลกับดิฉันนั้น เราเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้เป็นอย่างอื่นที่คุณคิดหรอกค่ะ” ผู้หญิงที่เดินตามเขามณีรัชดาพอมองออกว่า น่าจะเป็นแฟนสาวของภูวพล ที่เขาเลือกแล้ว ซึ่งหล่อนก็ยินดีด้วย ทั้งคู่เหมาะสมกันดี ในขณะที่มณีรัชดาเบี่ยงตัว เพื่อจะหลบไปทางอื่น จอมภู ที่เขาขอเวลาไปทำธุระสักแป๊บในห้องน้ำเดินออกมา เพื่อหาหล่อนและเขากำลังเรียกมณีรัชดา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังยืนสนทนาถกเถียงอ
เมื่อนึกถึงคุณภวานันท์มารดาที่ไม่มีท่าทียินยอมอ่อนลงให้กับมณีรัชดา ไม่ทราบว่ามารดาเกลียดชังมณีรัชดาถึงเพียงนั้นเพราะหล่อนเกิดมายากจนต่ำต้อยกว่าสกุลของเขา ที่เป็นนักธุรกิจ จอมภูเดินจากน้องชายไปเหมือนคนที่ยังทำใจไม่ได้ และเขารู้ว่าเขาควรกลับไปตั้งหลักที่คอนโดไว้รอให้ใจเย็นก่อน ถึงจะออกตามหามณีรัชดาซึ่งเขาเชื่ออย่างเดียวว่า เธอจะต้องกลับบ้าน อย่างแน่นอน และมันเป็นความเจ็บปวดอย่างเหลือที่สุดไม่นึกว่า เขาจะมาหลอกลวงเธออย่างร้ายกาจที่สุดเวลานี้มณีรัชดาอยู่ในห้องอย่างเงียบๆและเมื่อถึงบ้านกลับแล้วก็ไม่ได้พูดจาอีกทั้งบิดาและมารดาพร้อมด้วยน้าสาว ก็มีความสงสัยอยู่ครามครัน ว่าลูกสาวหายไปไหนมานานหลายวันแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่บอกถึงความไม่สบายใจ ก็ไม่อยากถามไว้รอให้มณีรัชดาใจเย็นและอารมณ์ดีขึ้นแต่สองสามีภรรยาก็บ่น“ท่าทางลูกเราเหมือนคนไม่สบายใจนะแม่ ไว้รอลูกใจเย็นลง ค่อยพูดดีกว่า” “จ้ะพ่อ” นางรัชนีตอบสามี หากฝ่ายจอมภูหรือวิภัส ที่เวลานี้เรื่องความลับระหว่างเขากับมณีรัชดามันถูกเปิดเผยซึ่งมันได้ทำให้มณีรัชดาโกรธเขาหนักแต่จอมภูไม่คิดจะเอาโทษใคร และน้องชายข