“พักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมรู้ว่า คุณไม่มีที่ไป เอ้อ ผมจะเข้าบ้าน” เขาได้บอกหล่อน และบอกด้วยว่า “คงจะอยู่บ้านได้คนเดียวนะ และผมจะไปไม่นานหรอก” มณีรัชดาฟังเขาบ้าง และไม่ฟังบ้าง เพราะหล่อนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่มีความยินดีอย่างที่สุด ที่ตกอยู่ในสภาพนี้ “แต่ผมมีความจำเป็น ที่จะต้องล็อกห้องคล้องกุญแจเอาไว้” มณีรัชดาไม่ได้ปริปากสักนิดหล่อนรู้ว่าเขาทำได้ทุกอย่าง เพราะนี่เป็นคอนโดหรูส่วนตัวของเขา “ไม่ต้องมาบอกหรอกค่ะ เพราะยังไงคนอย่างฉันก็อดทนอดกลั้นอยู่ได้อยู่แล้ว และไม่ตายง่ายๆหรอก” หล่อนบอกอย่างเจ็บแค้นเคืองใจ “ใครเล่าอยากให้คุณตาย อย่าพูดอย่างนี้สิมันไม่ดีเลย” ถ้อยคำที่วิภัสพร่ำบอกนุ่มหู แต่ก็ไม่รู้ว่า เขามีความรู้สึกเช่นนั้นเช่นเดียวกับที่พูดหรือเปล่า? จนบางครั้งมณีรัชดา คิดว่าเขาเป็นคนที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกินจนวิภัสก้าวจากไปแล้ว และเขากลับมายืนอยู่ต่อหน้าคุณภวานันท์ ผู้เป็นมารดาในคฤหาสน์หรู เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชายคนโตที่ไม่เจอมาหลายวันแล้วคุณภวานันท์ทักทายอย่างดีใจ “ตาใหญ่นี่หายหน้าไปไหน
คงแปลกใจ ที่เธอไม่ได้มาทำงานในวันนี้ทั้งที่ มณีรัชดาเป็นคนขยัน ปัณนชาสังเกตเห็นความแปลกและผิดปกติตรงนี้ มณีรัชดามองจ้องที่มือถือก่อนตัดสินใจรับ “ณีหรือเปล่าจ้ะพี่ แปลกใจ ทำไมณีถึงไม่ได้เข้ามาทำงานในวันนี้” “เอ้อ ขอโทษด้วยค่ะ ณีรู้สึกไม่สบายค่ะพี่ปัณและปวดหัวตัวรุมเหมือนจะเป็นไข้” มณีรัชดาจำเป็นต้องโกหกเจ้านายไปอย่างนั้นปัณนชาโล่งอก ที่ได้รับคำตอบและเข้าใจ หลังจากที่มณีรัชดาตอบออกไป ถึงแม้จะปดแต่มันเป็นเพราะเธอไม่มีทางเลือกต่างหากจากนั้นปัณนชาปิดเครื่อง ก่อนที่มณีรัชดาจะถอนใจ เฝ้าถามตัวเองว่าชีวิตของหล่อน ต่อไปจะเอายังไงกันดีและจอมภูเดินออกมาพอดี เพราะเนื่องจากเขาสงสัยว่ามณีรัชดาคุยสายกับใคร “ใครเป็นคนโทร.มา” “พี่ปัณค่ะ” คำตอบของมณีรัชดาทำให้เขาโล่งใจ แต่มณีรัชดาก็ยิ้มเยาะ พร้อมที่จะแดกดันเพราะเขา คือคนที่ทำให้ชีวิตของหล่อนพังภินท์ไปหมด “หรือคุณคิดว่าใครอื่นโทร.มา ก็อาจจะเป็นผู้ชาย ที่ทำให้คุณสันหลังหวะได้” เขาเงยใบหน้าจ้องมองมณีรัชดา “ผู้ชายคนไหนอีก ที่คุณกล่าวมา หรือว่าจะเป็น
เขาเอากลับมาให้หล่อนใช้ เมื่อเช้านี้ พร้อมกับชาร์จให้ ส่วนภูวพลโทร.หามณีรัชดาแท้แต่ว่าเธอนั้นไม่ยอมรับสายเขา วันเวลาที่ผ่านไป เขาก็ไม่ได้โทร.มาหาเธอเช่นกัน และคิดว่าช่วงเวลาที่ห่างเหินเหล่านี้ อาจทำให้มณีรัชดาก็ไม่ได้สนใจตัวเขาและก็ทำตัวห่างเหินเขาเช่นกัน สามวันต่อมาเพราะหล่อนยังไม่ยอมรับโทร.ของเขา ทั้งที่กดไปหาหลายรอบ แต่ว่าคนที่รับในเวลานี้คือจอมภูผู้เป็นพี่ชาย เขาจำเบอร์ของน้องชายได้ และคิดว่าจะรับหรือไม่รับดี แต่เวลาผ่านไป ก็ทำให้ภูวพลเป็นกังวลเขาจึงบ่นออกมา ให้คนที่นั่งข้างๆได้ยินคือนารถน้ำค้างที่คอยให้กำลังใจ และคิดจะปลูกต้นรักใหม่ร่วมกันกับเขา “ทำไม ไม่ยอมรับซักทีน๊า” “คุณพลบ่นอะไรหรือคะ แล้วนี่โทร.หาใครกัน” นารถน้ำค้างมองหน้าเขา เหมือนไม่เชื่อใจทำให้ภูวพลต้องตอบ เพราะตัวเขาเผลอพูด “เอ้อ เพื่อนครับ” “เพื่อนผู้หญิงหรือว่า ผู้ชายคะ” แต่ว่านารถน้ำค้างก็อยากจะรุกเร้า เพื่อจะได้รู้ว่า เขาซ่อนและปกปิดอะไรเธอไว้ภูวพลเงยหน้ามองนารถน้ำค้างก่อนที่เขาจะเอ่ย “ผู้หญิงครับ”คำตอบนี้ทำให้นาร
และเงินก็เงินของเขา อย่างที่บอกหล่อนจะทำทุกอย่าง เพื่อผลาญเขาและมณีรัชดากระหยิ่มยิ้มหยันข้างใน พอดีกับคู่ของภูวพลนารถน้ำค้าง ที่เมื่อครู่ยังทะเลาะกันเพราะอดีตคู่รักเก่า ที่นารถน้ำค้าง คิดว่าผู้หญิงคนนั้นตกเป็นแฟนของภูวพล และภูวพลก็หันมาเห็นมณีรัชดาพอดีทำให้เขายิ้มแล้วอุทาน “ณี คุณนี่เอง มากับใครครับ ดีใจที่ได้เจอคุณ” และเสียงทักที่ดังของภูวพล ทำให้นารถน้ำค้างหันขวับตามไปมอง จึงได้เห็นหญิงสาวใบหน้าหวานร่างนั้นดูงามระหง แต่ว่าใบหน้านั้นดูซีดเหมือนคนที่ไม่สบาย “นี่หรือคะ ที่คุณเคยบอกว่า เป็นแฟนของคุณ” ทำให้มณีรัชดาต้องตอบ “คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ เพราะว่าพลกับดิฉันนั้น เราเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้เป็นอย่างอื่นที่คุณคิดหรอกค่ะ” ผู้หญิงที่เดินตามเขามณีรัชดาพอมองออกว่า น่าจะเป็นแฟนสาวของภูวพล ที่เขาเลือกแล้ว ซึ่งหล่อนก็ยินดีด้วย ทั้งคู่เหมาะสมกันดี ในขณะที่มณีรัชดาเบี่ยงตัว เพื่อจะหลบไปทางอื่น จอมภู ที่เขาขอเวลาไปทำธุระสักแป๊บในห้องน้ำเดินออกมา เพื่อหาหล่อนและเขากำลังเรียกมณีรัชดา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังยืนสนทนาถกเถียงอ
เมื่อนึกถึงคุณภวานันท์มารดาที่ไม่มีท่าทียินยอมอ่อนลงให้กับมณีรัชดา ไม่ทราบว่ามารดาเกลียดชังมณีรัชดาถึงเพียงนั้นเพราะหล่อนเกิดมายากจนต่ำต้อยกว่าสกุลของเขา ที่เป็นนักธุรกิจ จอมภูเดินจากน้องชายไปเหมือนคนที่ยังทำใจไม่ได้ และเขารู้ว่าเขาควรกลับไปตั้งหลักที่คอนโดไว้รอให้ใจเย็นก่อน ถึงจะออกตามหามณีรัชดาซึ่งเขาเชื่ออย่างเดียวว่า เธอจะต้องกลับบ้าน อย่างแน่นอน และมันเป็นความเจ็บปวดอย่างเหลือที่สุดไม่นึกว่า เขาจะมาหลอกลวงเธออย่างร้ายกาจที่สุดเวลานี้มณีรัชดาอยู่ในห้องอย่างเงียบๆและเมื่อถึงบ้านกลับแล้วก็ไม่ได้พูดจาอีกทั้งบิดาและมารดาพร้อมด้วยน้าสาว ก็มีความสงสัยอยู่ครามครัน ว่าลูกสาวหายไปไหนมานานหลายวันแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่บอกถึงความไม่สบายใจ ก็ไม่อยากถามไว้รอให้มณีรัชดาใจเย็นและอารมณ์ดีขึ้นแต่สองสามีภรรยาก็บ่น“ท่าทางลูกเราเหมือนคนไม่สบายใจนะแม่ ไว้รอลูกใจเย็นลง ค่อยพูดดีกว่า” “จ้ะพ่อ” นางรัชนีตอบสามี หากฝ่ายจอมภูหรือวิภัส ที่เวลานี้เรื่องความลับระหว่างเขากับมณีรัชดามันถูกเปิดเผยซึ่งมันได้ทำให้มณีรัชดาโกรธเขาหนักแต่จอมภูไม่คิดจะเอาโทษใคร และน้องชายข
ใช่ หล่อนพลาดไปแล้ว นั่นเป็นเพราะความรักที่บริสุทธิ์ ที่หล่อนได้มอบให้เขา แต่จะไม่มีวันก้าวพลาดอีกแล้วมณีรัชดาบอกกับตัวเองอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง เมื่อนึกถึงใบหน้าของเขาทีไรเห็นแต่ภาพพยาบาทจิตใจ ที่เหมือนกับซาตานและอสูรร้ายของเขาคอยตามหลอกหลอน นี่หล่อนโง่มานานแล้ว ทีนี้ควรจะฉลาดเสียที แม้สิ่งที่เสียไปแล้วนั้น มันไม่อาจจะคืนกลับมาได้แต่หล่อนก็จะทำให้ผู้ชายคนนั้น รู้รสชาติความเจ็บปวดในเวลาเดียวเช่นกัน ในสิ่งที่เขาบังอาจขุดเล่ห์หลุมพราง ให้หล่อนกลายเป็นเหยื่อของเขาไปเต็มเปา ที่เข้ามาใกล้เพื่อทำให้รัก ที่แท้หลอกลวง เขามีเบื้องหลังด้วยการกีดกัน ไม่ให้มณีรัชดาคบหากับภูวพล ที่แท้เขานั้นเป็นพี่ชายของภูวพล ซึ่งหล่อนได้ตาถั่วไปเองโง่ ที่มองไม่เห็นความจริงข้อนี้ เมื่อเป็นอย่างนั้น เขาจะต้องชิงชังและรังเกียจหล่อนมากที่สุด “เลว สารเลว ผู้ชายแสนเลวที่สุด”มณีรัชดาบ่นพึมพำออกมา และสบถลั่นอย่างใจเคืองแค้นและเจ็บข้างใน หากเมื่อได้เขาช่วยพร้อมรังสินัยให้กุญแจและคีย์การ์ดห้องพักและมณีรัชดาเข้าไปสำรวจภายในห้อง มันดูทั้งหรูและกว้างเป็นเฟอร์นิเจอร์ทั
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพราะผมตรวจตราดูเธอด้วย เธอแทบจะไม่ไปไหน เพราะอยู่ในสายตาของผมตลอด เธอจะมีใครที่ไหนไม่ได้หรอกครับ นอกจากผม” เมื่อบุตรชายสารภาพแบบนี้ก็แทบทำให้คุณภวานันท์แทบจะเข่าอ่อนเช่นกัน ที่ลูกชายทำท่าจะเกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกง “แล้วแกก็รู้ไม่ใช่หรือ ว่าผู้หญิงคนนั้นน่ะคบหากับน้องชายของแกด้วย” “เรื่องนี้ผมรู้ แต่ไม่เชื่อว่าจะมีอะไรกันอย่างที่เคยเข้าใจ ผมคิดว่าผมเข้าใจผิดทั้งนายพลกับเธอด้วย” คุณภวานันท์ นิ่งฟังบุตรชายเอ่ย แต่ก็ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในที่สุดก็ปล่อยวางลง ในเมื่อเรื่องเกินเลยเถิด วันนี้ตอนเย็นหลังจากที่เขาเลิกงานแล้วรังสินัยได้ขับรถมาที่คอนโดซึ่งเขาอนุญาตให้มณีรัชดาใช้พักผ่อนได้ตามความสะดวก และตามใจหล่อน และอีกอย่างหนึ่งคือ รังสินัยมีเรื่องที่จะคุยกับเธอ นั่นเพราะว่ากลัวมณีรัชดาจะไม่สบายเพราะหน้าตาของเธอซีดเมื่อวันก่อน กลัวจะล้มป่วย และมณีรัชดาอุทาน “คุณนัย” รังสินัยเมื่อเห็นหล่อนทัก เขารีบบอก “ผมเห็นอาการของคุณณีตั้งแต่เมื่อวานนี้กลัวไม่สบายเลยแวะมาดู” เมื่อเขาพูดอย่างนี้มณีรัชดาเลย
“งั้นเราต้องแวะเข้าไปที่บริษัทคุณปันที่คุณว่า จะได้สอบถามข่าวของคุณณีปัญหาอยู่ที่ว่าเราไม่ทราบเลยค่ะว่าคุณณี อยู่ที่ไหนกันแน่” ภูวพลถอนใจออกมาและเห็นด้วย “นั่นน่ะสิครับ” และนารถน้ำค้างนึกขึ้นมาได้ “แล้วบ้านคุณณี ล่ะคะ คุณพอจะรู้ไหมว่า อยู่แถวไหน”เมื่อแฟนสาวเอ่ยเช่นนี้ ทำให้ภูวพลขมวดคิ้ว “เคยได้ยินณี พูดเหมือนกันว่าอยู่แถวบางแค นานแล้วแต่ผมไม่รู้ว่าอยู่ซอยไหน แต่คนที่รู้ผมคิดว่าเป็นพี่ชายของผมเราต้องไปถามพี่ใหญ่ดู” “งั้นเราจะต้องไปถามพี่ชายของคุณสิคะเรื่องนี้จะปล่อยช้าไม่ได้”นารถน้ำค้างพูดด้วยความรู้สึกที่เธอเป็นห่วงหญิงสาวที่รู้จักมาไม่นานเช่นกัน เมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนดี และไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับชายหนุ่มที่เธอรัก รวมทั้งภูวพลก็กล้าที่จะบอกความจริงแล้วว่า เขารักแต่เธอเพียงคนเดียว เช้าต่อมามณีรัชดาตัดสินใจโทร.เข้าไปหาเจ้าของบริษัทอีกครั้งและฝ่ายปัณนชาก็ดีใจมาก เพราะไม่ได้ทราบข่าวคราวของมณีรัชดาจึงอยากรู้ “พี่ปัณคะ” “เอ้อ ณีเอง พี่ดีใจเหลือเกินที่ณี โทร.มารู้ไหม ทุกคนตามหาตัวณีกันใหญ่”เมื่อปัณนชาเอ่ยคำนี้ ทำให้หล่อนนิ่งเงี
เขาประคองมณีรัชดาเป็นความผูกพันลึกซึ้งยามอยู่ห่างไกลบ้าน มณีรัชดาคิดถึงพ่อแม่คิดถึงกรุงเทพ แต่แน่นอนละภาวะของหล่อนคือคนมีครรภ์อดฟุ้งซ่านไม่ได้และจอมภูพยายามทำดีกับหล่อนสารพัดทุกอย่าง ที่เขาแสนจะเอาใจ จนมณีรัชดายากที่จะปฏิเสธได้ หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หากจอมภูถึงกับเสียสละทุกอย่าง บางทีทิฐิมันเหมือนกับน้ำกรดราดรดดวงใจตัวเองเหมือนกัน หล่อนครุ่นคิด แต่ถึงกระนั้น หล่อนก็ควรที่จะให้บทเรียนอันแสนจะเจ็บปวดให้เขาด้วยเหมือนกันจนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิดในเมื่อความดีของเขาก็ราดรดลงไปในหัวใจของหล่อน ให้ความอบอุ่นดูแลลูกสาว ในฐานะของพ่อเกินที่มณีรัชดาจะท้วงหรือปราม เขาทำไปด้วยความสุจริตใจหล่อนรับรู้ตลอดเวลาที่มีเข
จนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิด เมื่อเขาชี้แจงว่า “ผมมาจากเมืองไทยที่อยู่ทราบจากคุณรังสินัย” เมื่อเอ่ยอ้างถึงหลานชายของหล่อน ทำให้คุณนันทนิจรับทราบ “ผมมีปัญหาบางอย่างที่ต้องปรับใจกับณี” เขาเอ่ย ทำให้คุณนันทนิจเข้าใจทันที “มณีรัชดา” หล่อนอุทาน “ใช่ครับ ผมเป็นสามี เธอหนีจากผมมา” “หนีหรือคะ” “ผมขออนุญาตได้ไหม”เขาเอ่ยหลังจากที่ชี้แจง ไม่มีการบอกกล่าวมาล่วงหน้าเพื่อตรวจดูความผิดพลาด คุณนันทนิจขอตัวโทร.ทางไกลไปเมืองไทยเพื่อถามหลานชาย ได้รับคำตอบแบบเดียวกันคือ ยืนยันถึงความเป็นสามีของลูกจ้างสาว “ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลานชายต้องการพึ่งพา ให้พา
“เขาให้แม่มาไกล่เกลี่ยหรือไงคะ”มณีรัชดาเอ่ยโดยไม่ยอมเอ่ยชื่อเขา นางรัชนีถอนใจ กับลูกสาวที่เริ่มจะทิฐิขึ้นมา“นี่แม่นะนี่แม่ของแก จะดีจะชั่วยังไงก็ยอมรับว่าแกเป็นลูก” มณีรัชดากำลังทำใจอย่างหนัก การที่มารดามาที่นี่เหมือนท่านบุกเข้ามาหาหล่อนที่คอนโดไม่เคยมีใครทราบมาก่อน และเขาคนเดียวเท่านั้นที่พามา มันเป็นเรื่อง ที่ตัดสินใจลำบากทั้งเรื่องส่วนตัวเหตุผลอีกทั้งความรัก รวมทั้งความเจ็บแค้นที่ผสมผสานกันและความผิดของเขาเกิดขึ้นมานาน และสะสมสั่งเอาไว้พอกพูนจนมันเต็มไปด้วยอัตราของความแค้นที่เหมือนไฟเผาผลาญจู่ๆหล่อน จะมาอภัยให้เขาง่ายๆในสิ่งที่เขาทำกับหล่อนอย่างเจ็บปวด “แม่ไปถามผู้ชายคนที่เขาบอกที่อยู่ของหนูสิคะว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง” มณีรัชดากลับตอบไปอย่างนั้นทำให้รัชนีเงียบ และเริ่มเข้าใจถึงสภาพจิตใจของบุตรสาว “ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้แก หนีแม่ไปอีก อย่าไปเลยนะลูก เมืองนงเมืองนอก แม่ห่วง ไปดูหมอเขาทักไว้ว่า ลูกไม่ควรเดินทางออกไปต่างประเทศ อย่าขึ้นเครื่องบิน” มณีรัชดาตกใจอย่างมากที่สุดกับคำกล่าวของมารดาไม่เคยทราบด้วยว่า ท่านจะเอาดวงของหล่อนไปให้ห
ความจริงที่ว่าคือเขารักมณีรัชดาอย่างมาก ต้องการครองคู่ อยู่กับหล่อนตลอดไปในเส้นทางอนาคต ทำให้จอมภูต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมารดาคลายลงจากคำพูดที่น้องชายเอ่ยออกมาพร้อมแฟนสาวช่วยสนับสนุนในรักครั้งนี้ของเขา อีกทั้งช่วยแก้ต่าง ให้กับมณีรัชดา ภรรยาของเขาให้พ้นผิดด้วย เพราะภรรยาของเขานั้น หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกำลังกล่าวหาสักนิด หล่อนสะอาดและบริสุทธิ์เสมอ อย่างที่เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ในอดีตเขาเคยร่ำร้อง ที่จะเดียดฉันท์ โกรธอาฆาตแค้นหล่อนที่กลายเป็นนางแม่มดเจ้าเสน่ห์เพื่อหลอกล่อให้น้องชายของเขามาตกหลุมรักเพราะหวังในความสุขสบาย เพราะภูวพลมีฐานะร่ำรวยเป็นทายาท ของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย นี่คือความโง่เขลาอย่างมากที่สุดที่เขาได้ทำมา จนจอมภูอยากเขกหัวของตัวเอง ย้อนหลังกลับไปสองร้อยกว่าครั้งถึงจะสาสม กับความผิด และความโง่ของเขาด้วยซ้ำ เวลาเนิ่นนานที่เขามีอคติต่อหล่อน กลายเป็นคนที่โง่บรมโง่ เหลือเกิน ยอมรับว่าเขาหูตามืดมัวเพราะรักและห่วงน้องชาย คนเดียวที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อและเป็นคำสั่งของมารดา ที่ท่านต้องการจะกีดกันทั้
“ทำไม?ผมถามคุณไม่ตอบล่ะว่าไปอยู่ที่ไหนและผมไม่ยอมให้คุณไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วนะต้องอยู่กับผมตลอดไปจะต้องช่วยเลี้ยงลูกของเรา ให้เจริญเติบโตเป็นคนดี” “ฉันไปพักอยู่กับเพื่อนรุ่นที่ ที่เขาใจดีมากค่ะ เขาเป็นพี่ชายที่ฉันเคารพรักและมีบุญคุณเสมอมา” “แล้วเขาเป็นใครล่ะ” “เขาชื่อ คุณรังสินัยค่ะ” “คราวหลัง ถ้าผมได้เจอเขาแล้วนั้นผมจะขอบคุณเขาอย่างมากที่ช่วยดูแล เมียผมกับลูกผมให้ปลอดภัย” คราวนี้มณีรัชดาหันมามองเขาสายตาของหล่อนเงยขึ้น “คุณไม่ตะขิดตะขวงหรือยังไงคะที่ฉันไปอยู่อย่างนั้น” “คงไม่หรอก ผมรู้ว่า ผมนั้นทำผิดอะไร” จอมภูตอบเสียงนุ่มอย่างรู้ดีว่า เขาทำผิดอะไร “แล้ว ขอให้ผมได้ไถ่โทษความผิดครั้งนี้ด้วยการขอคุณแต่งงานได้ไหม ผมจะไม่รีรอเลยนะณีและต้องการให้เรื่องนี้เร็วที่สุด” มณีรัชดาถึงกับอึ้งที่เขาพูดเช่นนี้ยิ้มอย่างอายและเขิน “เอ้อ ค่ะ” “ผมดีใจที่คุณเข้าใจผมและเข้าใจความรู้สึกของเรา คงไม่โกรธใช่ไหม กับเรื่องที่ผ่านมา เอ้อที่ผมล่วงเกินคุณ ใครล่ะจะอดใจได้ ก็คุณสวยขนาดนั้น” จอมภูกระซิบพร่ำที่ริมกกหูของ
จอมภูจึงขับรถมุ่งตรงไปที่บ้านเช่าของเธอที่เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดา และเขาเคยมาแล้วหนหนึ่งแต่ว่าไม่พบกับมณีรัชดาซึ่งบิดาและมารดาของเธอก็ไม่สามารถให้คำตอบเขาได้เช่นกัน เขามั่นใจว่ามณีรัชดาต้องอยู่ เพราะว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ทำแบบนี้กับหล่อน แม้แต่คาดคิดก็ตามและมณีรัชดาก็เช่นกัน เขาคิดว่าหล่อนคงจะเป็นเหมือนเขา ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาแน่ใจอย่างนั้นว่าเขารักหล่อนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่หลอกลวง หรืออยากจะแก้แค้นหล่อน ความรักที่บริสุทธิ์นั้น ยากที่จะบอกได้ ซึ่งขับรถมุ่งตรงมาที่บางแค ก็ด้วยความหวัง ขณะเดียวกันนั้นมณีรัชดาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทำให้นางรัชนีกับนายมิ่งผู้เป็นบิดาต่างมองด้วยความตกใจและดีใจเช่นกันเมื่อได้มองเห็นชัดเจนว่า ลูกสาวตั้งท้อง จึงเป็นคำตอบที่ทราบดีว่าที่ลูกสาวหายไปจากบ้านเป็นเพราะสาเหตุนี้ นางรัชนีปรามผู้เป็นสามีและทั้งคู่ปรึกษากันว่าจะไม่ซักถามมณีรัชดาที่เพิ่งมาถึง เพราะกลัวว่าลูกสาวจะเตลิดไปไกลอีกนางรัชนีกับไพจิตรจึงพยายามพูดดีๆ “กลับมาแล้วเหรอเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อนเถอะลูก มีอ
และมณีรัชดาพยายามเอ่ยกับเขาอย่างมีสติมากที่สุด และไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขา ถึงได้เอาชีวิตของเขามาเสี่ยงกับหล่อน“ณี คิดว่าไม่เหมาะสม” “ไม่เหมาะสมยังไงครับ”เขาหันหน้าไปทางมณีรัชดา และหล่อนพยายามหาคำตอบให้เขา “เอ้อ คิดว่า มันเป็นไปไม่ได้ แล้วคุณก็มีพระคุณมากล้นอย่างนั้น ณี ย่อมทำไม่ได้อย่างแน่นอน” เสียงของหล่อนเข้มชัดเจน และเป้าหมายเป็นอย่างนั้นทำให้รังสินัยยิ้มออกมา “ผมเพียงแค่ลองใจคุณณีเล่นเท่านั้น แต่ไม่ทำจริงหรอกครับ เพราะรู้คำตอบดีแล้ว” ที่เขาเอ่ยทำให้หล่อนต้องตกใจ “คุณนัยลองใจณีดูหรือคะ” “ก็ใช่นะสิครับ อยากรู้ความจริง” “ความจริงเรื่องอะไรคะ” “ก็ที่คุณณีไม่ยอมบอกผมจริงๆว่าใครกันแน่ ที่เป็นพ่อของเด็กในท้องของคุณ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะจับเขามาซ้อมหรอกครับ” ทำให้มณีรัชดาไม่ขำด้วยแต่หล่อนทำสีหน้าบึ้ง และตึงใส่เขา “คุณนัย นี่อย่าทำเล่นอย่างนี้สิคะ” “ถ้าไม่ให้ผมทำเล่น ผมทำจริงก็ได้ อ้าวคุณก็ยอมยกหน้าที่ให้ผม เป็นพ่อของลูกในท้องคุณหรือเปล่า?” เมื่อเขาถามคำนี้อีกครั้งด้วยสีหน้าที่
เมื่อปัณนชาเอ่ยเสริมและพูดแบบนี้ ทำให้มณีรัชดานิ่ง และหล่อนเริ่มสูดลมหายใจเข้าปอด “สิ่งที่พี่ปัณได้ยินหรือได้ฟังจากเขามันอาจจะเป็นแค่เรื่องจอมปลอม หรือการแสดงละครเล่นเท่านั้นแหละค่ะ”สิ่งที่มณีรัชดาเอ่ย ทำให้ปัณนชาแปลกใจเหมือนกัน เพราะเธอก็เก็บความสงสัยนี้เอาไว้นานเช่นเดียวกับเพื่อนน้องชายจอมภูที่รู้สึกแปลกใจกับการวุ่นวายเที่ยวตามหาตัวมณีรัชดา ยิ่งมณีรัชดาพูดเช่นนี้ด้วย เหมือนกับห่างเหินและปนด้วยความชิงชังลึกๆหรือว่าทั้งคู่มีอะไรที่ผิดข้องหมองใจกัน และบาดหมางหัวใจกันอย่างรุนแรง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่จ้ะ ณีสามารถบอกกับพี่ได้หรือเปล่า” เมื่อปัณนชาถามด้วยความห่วงใยอย่างนี้ทำให้ มณีรัชดาเงียบแต่หล่อนพยายามตัดบท “เอ้อ ขอบคุณพี่ปัณ มากนะคะ ที่สนใจเป็นห่วงทุกข์สุขของณีเหลือเกินและตลอดมาด้วย” “ก็พี่เป็นห่วงณีและคิดกับณีเหมือนน้องสาวคนหนึ่งไงจ้ะ” “ขอบคุณนะคะพี่ปัณ ณีจะจดจำคำนี้และไม่ลืมเลือนเลย” มณีรัชดาตอบและรีบตัดบท เพราะกลัวจะแสดงความอ่อนแอมา รังสินัยแวะมาที่คอนโดของหล่อน หลังจากที่เขานึกเป็นห่วงหล่อนในอาการที่ไม่สบาย มณีรัชดาจึง
“งั้นเราต้องแวะเข้าไปที่บริษัทคุณปันที่คุณว่า จะได้สอบถามข่าวของคุณณีปัญหาอยู่ที่ว่าเราไม่ทราบเลยค่ะว่าคุณณี อยู่ที่ไหนกันแน่” ภูวพลถอนใจออกมาและเห็นด้วย “นั่นน่ะสิครับ” และนารถน้ำค้างนึกขึ้นมาได้ “แล้วบ้านคุณณี ล่ะคะ คุณพอจะรู้ไหมว่า อยู่แถวไหน”เมื่อแฟนสาวเอ่ยเช่นนี้ ทำให้ภูวพลขมวดคิ้ว “เคยได้ยินณี พูดเหมือนกันว่าอยู่แถวบางแค นานแล้วแต่ผมไม่รู้ว่าอยู่ซอยไหน แต่คนที่รู้ผมคิดว่าเป็นพี่ชายของผมเราต้องไปถามพี่ใหญ่ดู” “งั้นเราจะต้องไปถามพี่ชายของคุณสิคะเรื่องนี้จะปล่อยช้าไม่ได้”นารถน้ำค้างพูดด้วยความรู้สึกที่เธอเป็นห่วงหญิงสาวที่รู้จักมาไม่นานเช่นกัน เมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนดี และไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับชายหนุ่มที่เธอรัก รวมทั้งภูวพลก็กล้าที่จะบอกความจริงแล้วว่า เขารักแต่เธอเพียงคนเดียว เช้าต่อมามณีรัชดาตัดสินใจโทร.เข้าไปหาเจ้าของบริษัทอีกครั้งและฝ่ายปัณนชาก็ดีใจมาก เพราะไม่ได้ทราบข่าวคราวของมณีรัชดาจึงอยากรู้ “พี่ปัณคะ” “เอ้อ ณีเอง พี่ดีใจเหลือเกินที่ณี โทร.มารู้ไหม ทุกคนตามหาตัวณีกันใหญ่”เมื่อปัณนชาเอ่ยคำนี้ ทำให้หล่อนนิ่งเงี