“พักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมรู้ว่า คุณไม่มีที่ไป เอ้อ ผมจะเข้าบ้าน” เขาได้บอกหล่อน และบอกด้วยว่า “คงจะอยู่บ้านได้คนเดียวนะ และผมจะไปไม่นานหรอก” มณีรัชดาฟังเขาบ้าง และไม่ฟังบ้าง เพราะหล่อนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่มีความยินดีอย่างที่สุด ที่ตกอยู่ในสภาพนี้ “แต่ผมมีความจำเป็น ที่จะต้องล็อกห้องคล้องกุญแจเอาไว้” มณีรัชดาไม่ได้ปริปากสักนิดหล่อนรู้ว่าเขาทำได้ทุกอย่าง เพราะนี่เป็นคอนโดหรูส่วนตัวของเขา “ไม่ต้องมาบอกหรอกค่ะ เพราะยังไงคนอย่างฉันก็อดทนอดกลั้นอยู่ได้อยู่แล้ว และไม่ตายง่ายๆหรอก” หล่อนบอกอย่างเจ็บแค้นเคืองใจ “ใครเล่าอยากให้คุณตาย อย่าพูดอย่างนี้สิมันไม่ดีเลย” ถ้อยคำที่วิภัสพร่ำบอกนุ่มหู แต่ก็ไม่รู้ว่า เขามีความรู้สึกเช่นนั้นเช่นเดียวกับที่พูดหรือเปล่า? จนบางครั้งมณีรัชดา คิดว่าเขาเป็นคนที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกินจนวิภัสก้าวจากไปแล้ว และเขากลับมายืนอยู่ต่อหน้าคุณภวานันท์ ผู้เป็นมารดาในคฤหาสน์หรู เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชายคนโตที่ไม่เจอมาหลายวันแล้วคุณภวานันท์ทักทายอย่างดีใจ “ตาใหญ่นี่หายหน้าไปไหน
คงแปลกใจ ที่เธอไม่ได้มาทำงานในวันนี้ทั้งที่ มณีรัชดาเป็นคนขยัน ปัณนชาสังเกตเห็นความแปลกและผิดปกติตรงนี้ มณีรัชดามองจ้องที่มือถือก่อนตัดสินใจรับ “ณีหรือเปล่าจ้ะพี่ แปลกใจ ทำไมณีถึงไม่ได้เข้ามาทำงานในวันนี้” “เอ้อ ขอโทษด้วยค่ะ ณีรู้สึกไม่สบายค่ะพี่ปัณและปวดหัวตัวรุมเหมือนจะเป็นไข้” มณีรัชดาจำเป็นต้องโกหกเจ้านายไปอย่างนั้นปัณนชาโล่งอก ที่ได้รับคำตอบและเข้าใจ หลังจากที่มณีรัชดาตอบออกไป ถึงแม้จะปดแต่มันเป็นเพราะเธอไม่มีทางเลือกต่างหากจากนั้นปัณนชาปิดเครื่อง ก่อนที่มณีรัชดาจะถอนใจ เฝ้าถามตัวเองว่าชีวิตของหล่อน ต่อไปจะเอายังไงกันดีและจอมภูเดินออกมาพอดี เพราะเนื่องจากเขาสงสัยว่ามณีรัชดาคุยสายกับใคร “ใครเป็นคนโทร.มา” “พี่ปัณค่ะ” คำตอบของมณีรัชดาทำให้เขาโล่งใจ แต่มณีรัชดาก็ยิ้มเยาะ พร้อมที่จะแดกดันเพราะเขา คือคนที่ทำให้ชีวิตของหล่อนพังภินท์ไปหมด “หรือคุณคิดว่าใครอื่นโทร.มา ก็อาจจะเป็นผู้ชาย ที่ทำให้คุณสันหลังหวะได้” เขาเงยใบหน้าจ้องมองมณีรัชดา “ผู้ชายคนไหนอีก ที่คุณกล่าวมา หรือว่าจะเป็น
เขาเอากลับมาให้หล่อนใช้ เมื่อเช้านี้ พร้อมกับชาร์จให้ ส่วนภูวพลโทร.หามณีรัชดาแท้แต่ว่าเธอนั้นไม่ยอมรับสายเขา วันเวลาที่ผ่านไป เขาก็ไม่ได้โทร.มาหาเธอเช่นกัน และคิดว่าช่วงเวลาที่ห่างเหินเหล่านี้ อาจทำให้มณีรัชดาก็ไม่ได้สนใจตัวเขาและก็ทำตัวห่างเหินเขาเช่นกัน สามวันต่อมาเพราะหล่อนยังไม่ยอมรับโทร.ของเขา ทั้งที่กดไปหาหลายรอบ แต่ว่าคนที่รับในเวลานี้คือจอมภูผู้เป็นพี่ชาย เขาจำเบอร์ของน้องชายได้ และคิดว่าจะรับหรือไม่รับดี แต่เวลาผ่านไป ก็ทำให้ภูวพลเป็นกังวลเขาจึงบ่นออกมา ให้คนที่นั่งข้างๆได้ยินคือนารถน้ำค้างที่คอยให้กำลังใจ และคิดจะปลูกต้นรักใหม่ร่วมกันกับเขา “ทำไม ไม่ยอมรับซักทีน๊า” “คุณพลบ่นอะไรหรือคะ แล้วนี่โทร.หาใครกัน” นารถน้ำค้างมองหน้าเขา เหมือนไม่เชื่อใจทำให้ภูวพลต้องตอบ เพราะตัวเขาเผลอพูด “เอ้อ เพื่อนครับ” “เพื่อนผู้หญิงหรือว่า ผู้ชายคะ” แต่ว่านารถน้ำค้างก็อยากจะรุกเร้า เพื่อจะได้รู้ว่า เขาซ่อนและปกปิดอะไรเธอไว้ภูวพลเงยหน้ามองนารถน้ำค้างก่อนที่เขาจะเอ่ย “ผู้หญิงครับ”คำตอบนี้ทำให้นาร
และเงินก็เงินของเขา อย่างที่บอกหล่อนจะทำทุกอย่าง เพื่อผลาญเขาและมณีรัชดากระหยิ่มยิ้มหยันข้างใน พอดีกับคู่ของภูวพลนารถน้ำค้าง ที่เมื่อครู่ยังทะเลาะกันเพราะอดีตคู่รักเก่า ที่นารถน้ำค้าง คิดว่าผู้หญิงคนนั้นตกเป็นแฟนของภูวพล และภูวพลก็หันมาเห็นมณีรัชดาพอดีทำให้เขายิ้มแล้วอุทาน “ณี คุณนี่เอง มากับใครครับ ดีใจที่ได้เจอคุณ” และเสียงทักที่ดังของภูวพล ทำให้นารถน้ำค้างหันขวับตามไปมอง จึงได้เห็นหญิงสาวใบหน้าหวานร่างนั้นดูงามระหง แต่ว่าใบหน้านั้นดูซีดเหมือนคนที่ไม่สบาย “นี่หรือคะ ที่คุณเคยบอกว่า เป็นแฟนของคุณ” ทำให้มณีรัชดาต้องตอบ “คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ เพราะว่าพลกับดิฉันนั้น เราเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้เป็นอย่างอื่นที่คุณคิดหรอกค่ะ” ผู้หญิงที่เดินตามเขามณีรัชดาพอมองออกว่า น่าจะเป็นแฟนสาวของภูวพล ที่เขาเลือกแล้ว ซึ่งหล่อนก็ยินดีด้วย ทั้งคู่เหมาะสมกันดี ในขณะที่มณีรัชดาเบี่ยงตัว เพื่อจะหลบไปทางอื่น จอมภู ที่เขาขอเวลาไปทำธุระสักแป๊บในห้องน้ำเดินออกมา เพื่อหาหล่อนและเขากำลังเรียกมณีรัชดา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังยืนสนทนาถกเถียงอ
เมื่อนึกถึงคุณภวานันท์มารดาที่ไม่มีท่าทียินยอมอ่อนลงให้กับมณีรัชดา ไม่ทราบว่ามารดาเกลียดชังมณีรัชดาถึงเพียงนั้นเพราะหล่อนเกิดมายากจนต่ำต้อยกว่าสกุลของเขา ที่เป็นนักธุรกิจ จอมภูเดินจากน้องชายไปเหมือนคนที่ยังทำใจไม่ได้ และเขารู้ว่าเขาควรกลับไปตั้งหลักที่คอนโดไว้รอให้ใจเย็นก่อน ถึงจะออกตามหามณีรัชดาซึ่งเขาเชื่ออย่างเดียวว่า เธอจะต้องกลับบ้าน อย่างแน่นอน และมันเป็นความเจ็บปวดอย่างเหลือที่สุดไม่นึกว่า เขาจะมาหลอกลวงเธออย่างร้ายกาจที่สุดเวลานี้มณีรัชดาอยู่ในห้องอย่างเงียบๆและเมื่อถึงบ้านกลับแล้วก็ไม่ได้พูดจาอีกทั้งบิดาและมารดาพร้อมด้วยน้าสาว ก็มีความสงสัยอยู่ครามครัน ว่าลูกสาวหายไปไหนมานานหลายวันแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่บอกถึงความไม่สบายใจ ก็ไม่อยากถามไว้รอให้มณีรัชดาใจเย็นและอารมณ์ดีขึ้นแต่สองสามีภรรยาก็บ่น“ท่าทางลูกเราเหมือนคนไม่สบายใจนะแม่ ไว้รอลูกใจเย็นลง ค่อยพูดดีกว่า” “จ้ะพ่อ” นางรัชนีตอบสามี หากฝ่ายจอมภูหรือวิภัส ที่เวลานี้เรื่องความลับระหว่างเขากับมณีรัชดามันถูกเปิดเผยซึ่งมันได้ทำให้มณีรัชดาโกรธเขาหนักแต่จอมภูไม่คิดจะเอาโทษใคร และน้องชายข
ใช่ หล่อนพลาดไปแล้ว นั่นเป็นเพราะความรักที่บริสุทธิ์ ที่หล่อนได้มอบให้เขา แต่จะไม่มีวันก้าวพลาดอีกแล้วมณีรัชดาบอกกับตัวเองอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง เมื่อนึกถึงใบหน้าของเขาทีไรเห็นแต่ภาพพยาบาทจิตใจ ที่เหมือนกับซาตานและอสูรร้ายของเขาคอยตามหลอกหลอน นี่หล่อนโง่มานานแล้ว ทีนี้ควรจะฉลาดเสียที แม้สิ่งที่เสียไปแล้วนั้น มันไม่อาจจะคืนกลับมาได้แต่หล่อนก็จะทำให้ผู้ชายคนนั้น รู้รสชาติความเจ็บปวดในเวลาเดียวเช่นกัน ในสิ่งที่เขาบังอาจขุดเล่ห์หลุมพราง ให้หล่อนกลายเป็นเหยื่อของเขาไปเต็มเปา ที่เข้ามาใกล้เพื่อทำให้รัก ที่แท้หลอกลวง เขามีเบื้องหลังด้วยการกีดกัน ไม่ให้มณีรัชดาคบหากับภูวพล ที่แท้เขานั้นเป็นพี่ชายของภูวพล ซึ่งหล่อนได้ตาถั่วไปเองโง่ ที่มองไม่เห็นความจริงข้อนี้ เมื่อเป็นอย่างนั้น เขาจะต้องชิงชังและรังเกียจหล่อนมากที่สุด “เลว สารเลว ผู้ชายแสนเลวที่สุด”มณีรัชดาบ่นพึมพำออกมา และสบถลั่นอย่างใจเคืองแค้นและเจ็บข้างใน หากเมื่อได้เขาช่วยพร้อมรังสินัยให้กุญแจและคีย์การ์ดห้องพักและมณีรัชดาเข้าไปสำรวจภายในห้อง มันดูทั้งหรูและกว้างเป็นเฟอร์นิเจอร์ทั
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพราะผมตรวจตราดูเธอด้วย เธอแทบจะไม่ไปไหน เพราะอยู่ในสายตาของผมตลอด เธอจะมีใครที่ไหนไม่ได้หรอกครับ นอกจากผม” เมื่อบุตรชายสารภาพแบบนี้ก็แทบทำให้คุณภวานันท์แทบจะเข่าอ่อนเช่นกัน ที่ลูกชายทำท่าจะเกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกง “แล้วแกก็รู้ไม่ใช่หรือ ว่าผู้หญิงคนนั้นน่ะคบหากับน้องชายของแกด้วย” “เรื่องนี้ผมรู้ แต่ไม่เชื่อว่าจะมีอะไรกันอย่างที่เคยเข้าใจ ผมคิดว่าผมเข้าใจผิดทั้งนายพลกับเธอด้วย” คุณภวานันท์ นิ่งฟังบุตรชายเอ่ย แต่ก็ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในที่สุดก็ปล่อยวางลง ในเมื่อเรื่องเกินเลยเถิด วันนี้ตอนเย็นหลังจากที่เขาเลิกงานแล้วรังสินัยได้ขับรถมาที่คอนโดซึ่งเขาอนุญาตให้มณีรัชดาใช้พักผ่อนได้ตามความสะดวก และตามใจหล่อน และอีกอย่างหนึ่งคือ รังสินัยมีเรื่องที่จะคุยกับเธอ นั่นเพราะว่ากลัวมณีรัชดาจะไม่สบายเพราะหน้าตาของเธอซีดเมื่อวันก่อน กลัวจะล้มป่วย และมณีรัชดาอุทาน “คุณนัย” รังสินัยเมื่อเห็นหล่อนทัก เขารีบบอก “ผมเห็นอาการของคุณณีตั้งแต่เมื่อวานนี้กลัวไม่สบายเลยแวะมาดู” เมื่อเขาพูดอย่างนี้มณีรัชดาเลย
“งั้นเราต้องแวะเข้าไปที่บริษัทคุณปันที่คุณว่า จะได้สอบถามข่าวของคุณณีปัญหาอยู่ที่ว่าเราไม่ทราบเลยค่ะว่าคุณณี อยู่ที่ไหนกันแน่” ภูวพลถอนใจออกมาและเห็นด้วย “นั่นน่ะสิครับ” และนารถน้ำค้างนึกขึ้นมาได้ “แล้วบ้านคุณณี ล่ะคะ คุณพอจะรู้ไหมว่า อยู่แถวไหน”เมื่อแฟนสาวเอ่ยเช่นนี้ ทำให้ภูวพลขมวดคิ้ว “เคยได้ยินณี พูดเหมือนกันว่าอยู่แถวบางแค นานแล้วแต่ผมไม่รู้ว่าอยู่ซอยไหน แต่คนที่รู้ผมคิดว่าเป็นพี่ชายของผมเราต้องไปถามพี่ใหญ่ดู” “งั้นเราจะต้องไปถามพี่ชายของคุณสิคะเรื่องนี้จะปล่อยช้าไม่ได้”นารถน้ำค้างพูดด้วยความรู้สึกที่เธอเป็นห่วงหญิงสาวที่รู้จักมาไม่นานเช่นกัน เมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนดี และไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับชายหนุ่มที่เธอรัก รวมทั้งภูวพลก็กล้าที่จะบอกความจริงแล้วว่า เขารักแต่เธอเพียงคนเดียว เช้าต่อมามณีรัชดาตัดสินใจโทร.เข้าไปหาเจ้าของบริษัทอีกครั้งและฝ่ายปัณนชาก็ดีใจมาก เพราะไม่ได้ทราบข่าวคราวของมณีรัชดาจึงอยากรู้ “พี่ปัณคะ” “เอ้อ ณีเอง พี่ดีใจเหลือเกินที่ณี โทร.มารู้ไหม ทุกคนตามหาตัวณีกันใหญ่”เมื่อปัณนชาเอ่ยคำนี้ ทำให้หล่อนนิ่งเงี