แชร์

บทที่ 1 พลอยพัดชา - 100%

“พี่ธามคงไม่รู้ ความจริงแล้วดากับพลอยเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ แต่เราอยู่คนละคณะ และก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แค่เคยเจอหน้าและคุยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง”

ธามพยักหน้ารับรู้ พลางนึกถึงสายตาจิกกัดอย่างไม่เป็นมิตรของพลอยพัดชาตอนที่มองกนกลดาก็เข้าใจได้ทันที เพราะปกติแล้วแม้พลอยพัดชาจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ ร้ายกาจและนิสัยเสียไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำตัวเสียมารยาทกับแขกของเขาอย่างนี้ ดูท่าสองคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนเรียนเสียแล้วกระมัง น่าจะเป็นคู่ปรับกันมากกว่า

“โลกกลมจังเลยนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าคุณดาจะเรียนรุ่นเดียวกันกับพลอยด้วย”

“นั่นสิคะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้เขาอีกหนึ่งอย่างแล้วพูดว่า

“ในเมื่อดาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพลอย พี่ธามก็น่าแทนตัวเองว่าพี่เวลาคุยกับดาเหมือนที่คุยกับพลอยบ้างสิคะ และไม่ต้องเรียกดาว่าคุณก็ได้ ดาว่าฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”

ธามยิ้ม ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อ

เขาติดต่อกับกนกลดาเพราะธุรกิจ ไม่ใช่เป็นการคุยกันแบบส่วนตัว เพราะฉะนั้นเขาไม่สามารถแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกอีกฝ่ายโดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้าไม่ได้ แต่กับพลอยพัดชานั้นไม่เหมือนกัน เขาไม่มีธุรกิจอะไรที่ต้องทำร่วมกับเธอ และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพลอยพัดชาก็เป็นในแบบคนสนิทกึ่งพี่น้องกันมากกว่า เพราะบิดามารดาของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับบิดาของเขา อีกทั้งพลอยพัดชายังซี้ปึ้กกับธีรนาฏ น้องสาวของเขาอีกด้วย

“ผมกับพลอยน่ะรู้จักกันมานานแล้วครับ เธอก็เหมือนน้องสาวของผมคนหนึ่ง” เขาพูดไปแบบนี้เพื่อเป็นคำตอบให้กนกลดาทางอ้อมว่าคำขอของเธอนั้น เขาไม่สามารถทำได้

รอยยิ้มของหญิงสาวจืดเจื่อนลงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งพลางทำทีเป็นหัวเราะเบา ๆ

“มีน้องสาวอย่างยายพลอย พี่ธามคงปวดหัวน่าดูเลยใช่ไหมคะ ตอนสมัยเรียนพวกเรารู้กันดีค่ะว่ายายพลอยน่ะขี้เหวี่ยงขี้วีนแค่ไหน แต่เพื่อน ๆ ทุกคนก็ไม่มีใครถือสาอะไรหรอกค่ะ”

ธามยิ้มบาง ๆ เมื่อฟังจบ เขาหยิบน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วก่อนจะพูดว่า

“บางครั้งเขาก็เหมือนเด็กไม่โตครับ ถ้าพลอยก่อเรื่องเดือดร้อนอะไรให้ผมก็ขอโทษแทนน้องเขาด้วย”

กนกลดายิ้มอ่อน หากแต่มือที่จับช้อนกับส้อมนั้นกำแน่นจนเห็นเส้นเลือด ธามไม่เห็นอากัปกิริยานี้ของหญิงสาวเพราะมัวแต่หันไปมองบรรยากาศด้านนอกโรงแรม ขณะที่เขามองไปเรื่อยเปื่อยนั้น ชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของพลอยพัดชากำลังเดินเข้ามาในโรงแรมกับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นนักแสดงชื่อดัง และเป็นเพื่อนสนิทของเธอ

วันนี้พลอยพัดชาคงมีเพื่อนกินข้าวแล้ว

“จะเสียดายผู้ชายห่วย ๆ อย่างเธอทำไม คบกันไม่รู้จะพาชีวิตฉันไปทางไหน”

เสียงร้องใส่อารมณ์เต็มไปด้วยความสะใจของหญิงสาวสองคนดังลอดออกมาจากห้องคาราโอเกะ ทำให้คนที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปถึงกับเบิกตากว้าง และเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาที่สองสาวร้องประสานเสียงกัน

“ไม่เห็นจะเป็นอะไร แค่เสียผู้ชายห่วย ๆ อย่างเธอ...”

จินตวาตีเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงจนกระทั่งมายืนอยู่ข้างจอแอลซีดี เมื่อพลอยพัดชากับนลินทราเห็นก็กรีดร้องด้วยความดีใจจนเสียงดังลั่นห้อง

“กรี๊ด...น้าจินนี่ขา นึกว่าจะไม่ยอมมาซะแล้ว” พลอยพัดชาวิ่งเข้าไปกอดผู้เป็นน้าทันที

“แหม น้าก็อยากปลดปล่อยพลังบ้างกำลังนึกเบื่ออยู่พอดี พอพลอยโทร. ชวนให้มาร้องเกะมีหรือที่น้าจะพลาด แล้วนี่พวกหล่อนเมารึยัง” จินตวาตีมองหลานสาวอย่างสำรวจ

“มันเมาดิบน่ะสิน้าจินนี่ สั่งมาการิต้ามาแค่แก้วเดียวเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่หมดสักทีเพราะมัวแต่แหกปากร้องเพลงนี่แหละ” นลินทราฟ้องผู้จัดการส่วนตัวด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เล็กน้อย

“แต่หล่อนเมาแล้วใช่ไหมยะนังนิ้ง” จินตวาตีเอานิ้วผลักศีรษะอีกฝ่ายไม่แรงนัก ก่อนจะหันไปแบมือขอไมโครโฟนจากพลอยพัดชา

“เอาไมค์มาค่ะ! องค์แม่มาช่าประทับร่างฉันแล้ว”

“เย้ งั้นพลอยจะแดนซ์เอง” พลอยพัดชายื่นไมโครโฟนให้น้า ส่วนตัวเองก็ถอดรองเท้าเต้นเย้ว ๆ อยู่ข้างจอพร้อมกับร้องตามไปด้วยทุกเพลงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ธามเดินออกจากลิฟต์มาที่อาคารจอดรถเพื่อเตรียมตัวขับกลับบ้าน ทว่าสายตาของเขากลับเห็นรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวคันคุ้นตายังคงจอดอยู่ที่เดิม ซึ่งเป็นที่จอดรถประจำของพลอยพัดชา หัวคิ้วของชายหนุ่มจึงขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติทันที

เขาก้าวไปหารถคันนั้นพลางเพ่งมองเข้าไปในรถแม้จะรู้ดีว่าไม่มีคนอยู่ด้านใน จากนั้นชายหนุ่มก็ดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ หัวคิ้วจึงยิ่งขมวดมุ่นมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว

“ไปเที่ยวไหนกันป่านนี้ยังไม่กลับมาเอารถ”

ธามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. ไปที่แผนกต้อนรับส่วนหน้า เมื่อมีคนรับสายแล้วเขาจึงกรอกเสียงพูดลงไปทันที

“ผมธามเองนะ คุณช่วยไปดูร้านพัดชา เจมส์ให้หน่อยสิว่าปิดรึยัง แล้วอีกสิบนาทีผมจะโทร. มาใหม่”

เขาวางสายแล้วเดินไปที่รถของตัวเอง จากนั้นก็ติดเครื่องนั่งรอในรถ ขณะที่รอเขาก็คิดไปด้วย

เมื่อตอนกลางวันพลอยพัดชาออกไปกับนลินทรา เพื่อนสนิท สองสาวคงไปหาอะไรกินกันข้างนอกโดยไปรถของนลินทราแน่ เพราะรถของพลอยพัดชายังจอดอยู่ที่เดิม แต่นลินทราเป็นนักแสดงที่คิวงานค่อนข้างแน่น จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่หญิงสาวทั้งสองคนจะพากันไปเที่ยวต่อจนมืดค่ำขนาดนี้ และที่สำคัญ พลอยพัดชาน่าจะกลับมาเอารถของตัวเองเพราะหญิงสาวอาศัยอยู่เพียงลำพังที่คอนโดมิเนียม ส่วนผู้เป็นน้าอย่างจินตวาตีนั้นอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสตูดิโอถ่ายแบบ และเป็นที่ฝึกสอนสำหรับนักแสดงฝึกหัดอีกด้วย

ธามโทรศัพท์เข้าไปถามแผนกต้อนรับส่วนหน้าอีกครั้ง และคำตอบที่ได้รับคือ

“ร้านปิดแล้วค่ะ ปิดตั้งแต่ทุ่มหนึ่งแล้ว”

“โอเค ขอบคุณครับ” เขาวางสายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะโทร. ไปถามเจ้าตัวก็กลัวอีกฝ่ายจะคิดไปไกลว่าเขาคิดถึง แล้ววันต่อมาจะยิ่งเจ๊าะแจ๊ะมากกว่าเดิม ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็แค่เป็นห่วงเธออย่างน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น

ขณะที่กำลังชั่งใจว่าจะทำอย่างไรดี สายตาของเขาก็หันไปเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้า ชายหนุ่มจึงลงจากรถแล้วเดินไปหา

เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นผู้บริหารเดินเข้ามาหาจึงยกมือตะเบ๊ะเพื่อทำความเคารพ

“ผมรบกวนหน่อยครับ ถ้าเจ้าของรถคันนี้กลับมาเอารถเมื่อไร รบกวนแจ้งให้ผมทราบด้วย จะโทร. หรือส่งข้อความเข้ามาก็ได้ครับ”

เขาพูดพลางหยิบนามบัตรจากกระเป๋าสตางค์ยื่นส่งให้พร้อมกับเงินสินน้ำใจเล็กน้อย จากนั้นก็เดินกลับมาที่รถของตัวเองแล้วขับกลับบ้าน ขณะที่ขับรถอยู่นั้น ชายหนุ่มก็อดบ่นเจ้าของรถสีขาวไม่ได้

“ยายเด็กไม่รู้จักโต อายุตั้งยี่สิบห้าแล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเองอีก”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status