“พี่ธามคงไม่รู้ ความจริงแล้วดากับพลอยเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ แต่เราอยู่คนละคณะ และก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แค่เคยเจอหน้าและคุยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง”
ธามพยักหน้ารับรู้ พลางนึกถึงสายตาจิกกัดอย่างไม่เป็นมิตรของพลอยพัดชาตอนที่มองกนกลดาก็เข้าใจได้ทันที เพราะปกติแล้วแม้พลอยพัดชาจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ ร้ายกาจและนิสัยเสียไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำตัวเสียมารยาทกับแขกของเขาอย่างนี้ ดูท่าสองคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนเรียนเสียแล้วกระมัง น่าจะเป็นคู่ปรับกันมากกว่า
“โลกกลมจังเลยนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าคุณดาจะเรียนรุ่นเดียวกันกับพลอยด้วย”
“นั่นสิคะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้เขาอีกหนึ่งอย่างแล้วพูดว่า
“ในเมื่อดาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพลอย พี่ธามก็น่าแทนตัวเองว่าพี่เวลาคุยกับดาเหมือนที่คุยกับพลอยบ้างสิคะ และไม่ต้องเรียกดาว่าคุณก็ได้ ดาว่าฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”
ธามยิ้ม ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อ
เขาติดต่อกับกนกลดาเพราะธุรกิจ ไม่ใช่เป็นการคุยกันแบบส่วนตัว เพราะฉะนั้นเขาไม่สามารถแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกอีกฝ่ายโดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้าไม่ได้ แต่กับพลอยพัดชานั้นไม่เหมือนกัน เขาไม่มีธุรกิจอะไรที่ต้องทำร่วมกับเธอ และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพลอยพัดชาก็เป็นในแบบคนสนิทกึ่งพี่น้องกันมากกว่า เพราะบิดามารดาของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับบิดาของเขา อีกทั้งพลอยพัดชายังซี้ปึ้กกับธีรนาฏ น้องสาวของเขาอีกด้วย
“ผมกับพลอยน่ะรู้จักกันมานานแล้วครับ เธอก็เหมือนน้องสาวของผมคนหนึ่ง” เขาพูดไปแบบนี้เพื่อเป็นคำตอบให้กนกลดาทางอ้อมว่าคำขอของเธอนั้น เขาไม่สามารถทำได้
รอยยิ้มของหญิงสาวจืดเจื่อนลงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งพลางทำทีเป็นหัวเราะเบา ๆ
“มีน้องสาวอย่างยายพลอย พี่ธามคงปวดหัวน่าดูเลยใช่ไหมคะ ตอนสมัยเรียนพวกเรารู้กันดีค่ะว่ายายพลอยน่ะขี้เหวี่ยงขี้วีนแค่ไหน แต่เพื่อน ๆ ทุกคนก็ไม่มีใครถือสาอะไรหรอกค่ะ”
ธามยิ้มบาง ๆ เมื่อฟังจบ เขาหยิบน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วก่อนจะพูดว่า
“บางครั้งเขาก็เหมือนเด็กไม่โตครับ ถ้าพลอยก่อเรื่องเดือดร้อนอะไรให้ผมก็ขอโทษแทนน้องเขาด้วย”
กนกลดายิ้มอ่อน หากแต่มือที่จับช้อนกับส้อมนั้นกำแน่นจนเห็นเส้นเลือด ธามไม่เห็นอากัปกิริยานี้ของหญิงสาวเพราะมัวแต่หันไปมองบรรยากาศด้านนอกโรงแรม ขณะที่เขามองไปเรื่อยเปื่อยนั้น ชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของพลอยพัดชากำลังเดินเข้ามาในโรงแรมกับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นนักแสดงชื่อดัง และเป็นเพื่อนสนิทของเธอ
วันนี้พลอยพัดชาคงมีเพื่อนกินข้าวแล้ว
“จะเสียดายผู้ชายห่วย ๆ อย่างเธอทำไม คบกันไม่รู้จะพาชีวิตฉันไปทางไหน”
เสียงร้องใส่อารมณ์เต็มไปด้วยความสะใจของหญิงสาวสองคนดังลอดออกมาจากห้องคาราโอเกะ ทำให้คนที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปถึงกับเบิกตากว้าง และเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาที่สองสาวร้องประสานเสียงกัน
“ไม่เห็นจะเป็นอะไร แค่เสียผู้ชายห่วย ๆ อย่างเธอ...”
จินตวาตีเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงจนกระทั่งมายืนอยู่ข้างจอแอลซีดี เมื่อพลอยพัดชากับนลินทราเห็นก็กรีดร้องด้วยความดีใจจนเสียงดังลั่นห้อง
“กรี๊ด...น้าจินนี่ขา นึกว่าจะไม่ยอมมาซะแล้ว” พลอยพัดชาวิ่งเข้าไปกอดผู้เป็นน้าทันที
“แหม น้าก็อยากปลดปล่อยพลังบ้างกำลังนึกเบื่ออยู่พอดี พอพลอยโทร. ชวนให้มาร้องเกะมีหรือที่น้าจะพลาด แล้วนี่พวกหล่อนเมารึยัง” จินตวาตีมองหลานสาวอย่างสำรวจ
“มันเมาดิบน่ะสิน้าจินนี่ สั่งมาการิต้ามาแค่แก้วเดียวเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่หมดสักทีเพราะมัวแต่แหกปากร้องเพลงนี่แหละ” นลินทราฟ้องผู้จัดการส่วนตัวด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เล็กน้อย
“แต่หล่อนเมาแล้วใช่ไหมยะนังนิ้ง” จินตวาตีเอานิ้วผลักศีรษะอีกฝ่ายไม่แรงนัก ก่อนจะหันไปแบมือขอไมโครโฟนจากพลอยพัดชา
“เอาไมค์มาค่ะ! องค์แม่มาช่าประทับร่างฉันแล้ว”
“เย้ งั้นพลอยจะแดนซ์เอง” พลอยพัดชายื่นไมโครโฟนให้น้า ส่วนตัวเองก็ถอดรองเท้าเต้นเย้ว ๆ อยู่ข้างจอพร้อมกับร้องตามไปด้วยทุกเพลงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ธามเดินออกจากลิฟต์มาที่อาคารจอดรถเพื่อเตรียมตัวขับกลับบ้าน ทว่าสายตาของเขากลับเห็นรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวคันคุ้นตายังคงจอดอยู่ที่เดิม ซึ่งเป็นที่จอดรถประจำของพลอยพัดชา หัวคิ้วของชายหนุ่มจึงขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติทันที
เขาก้าวไปหารถคันนั้นพลางเพ่งมองเข้าไปในรถแม้จะรู้ดีว่าไม่มีคนอยู่ด้านใน จากนั้นชายหนุ่มก็ดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ หัวคิ้วจึงยิ่งขมวดมุ่นมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว
“ไปเที่ยวไหนกันป่านนี้ยังไม่กลับมาเอารถ”
ธามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. ไปที่แผนกต้อนรับส่วนหน้า เมื่อมีคนรับสายแล้วเขาจึงกรอกเสียงพูดลงไปทันที
“ผมธามเองนะ คุณช่วยไปดูร้านพัดชา เจมส์ให้หน่อยสิว่าปิดรึยัง แล้วอีกสิบนาทีผมจะโทร. มาใหม่”
เขาวางสายแล้วเดินไปที่รถของตัวเอง จากนั้นก็ติดเครื่องนั่งรอในรถ ขณะที่รอเขาก็คิดไปด้วย
เมื่อตอนกลางวันพลอยพัดชาออกไปกับนลินทรา เพื่อนสนิท สองสาวคงไปหาอะไรกินกันข้างนอกโดยไปรถของนลินทราแน่ เพราะรถของพลอยพัดชายังจอดอยู่ที่เดิม แต่นลินทราเป็นนักแสดงที่คิวงานค่อนข้างแน่น จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่หญิงสาวทั้งสองคนจะพากันไปเที่ยวต่อจนมืดค่ำขนาดนี้ และที่สำคัญ พลอยพัดชาน่าจะกลับมาเอารถของตัวเองเพราะหญิงสาวอาศัยอยู่เพียงลำพังที่คอนโดมิเนียม ส่วนผู้เป็นน้าอย่างจินตวาตีนั้นอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสตูดิโอถ่ายแบบ และเป็นที่ฝึกสอนสำหรับนักแสดงฝึกหัดอีกด้วย
ธามโทรศัพท์เข้าไปถามแผนกต้อนรับส่วนหน้าอีกครั้ง และคำตอบที่ได้รับคือ
“ร้านปิดแล้วค่ะ ปิดตั้งแต่ทุ่มหนึ่งแล้ว”
“โอเค ขอบคุณครับ” เขาวางสายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะโทร. ไปถามเจ้าตัวก็กลัวอีกฝ่ายจะคิดไปไกลว่าเขาคิดถึง แล้ววันต่อมาจะยิ่งเจ๊าะแจ๊ะมากกว่าเดิม ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็แค่เป็นห่วงเธออย่างน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น
ขณะที่กำลังชั่งใจว่าจะทำอย่างไรดี สายตาของเขาก็หันไปเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้า ชายหนุ่มจึงลงจากรถแล้วเดินไปหา
เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นผู้บริหารเดินเข้ามาหาจึงยกมือตะเบ๊ะเพื่อทำความเคารพ
“ผมรบกวนหน่อยครับ ถ้าเจ้าของรถคันนี้กลับมาเอารถเมื่อไร รบกวนแจ้งให้ผมทราบด้วย จะโทร. หรือส่งข้อความเข้ามาก็ได้ครับ”
เขาพูดพลางหยิบนามบัตรจากกระเป๋าสตางค์ยื่นส่งให้พร้อมกับเงินสินน้ำใจเล็กน้อย จากนั้นก็เดินกลับมาที่รถของตัวเองแล้วขับกลับบ้าน ขณะที่ขับรถอยู่นั้น ชายหนุ่มก็อดบ่นเจ้าของรถสีขาวไม่ได้
“ยายเด็กไม่รู้จักโต อายุตั้งยี่สิบห้าแล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเองอีก”
ความอึดอัดราวกับมีบางสิ่งที่หนาและหนักกดทับลำตัวผสานไปกับอาการมวนท้องที่เริ่มตีตื้นขึ้นมาจากกระเพาะอาหาร ทำให้หัวคิ้วของพลอยพัดชาขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ อีกทั้งสิ่งที่หนาและหนักบนตัวนั้นก็ดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างเชื่องช้าอีกด้วยเธออยากลืมตามองให้ชัดว่าคืออะไรกันแน่ แต่เปลือกตาก็หนักอึ้งราวกับมีอะไรถ่วงไว้ รับรู้ได้แค่ว่าสิ่งนั้นมาซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอ และหน้าอกก็ถูกบีบเคล้นหนักเบาสลับกันไปด้วยความมึนงงและสติที่ยังไม่กลับมาเต็มร้อย จึงทำให้หญิงสาวยังคิดอะไรไม่ออกจนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคน“อืม...นมสวยดีจริง ๆ”เสียงนี้ เสียงพี่ธามไม่ใช่หรือ!ในที่สุดพลอยพัดชาก็กลั้นใจพยายามฝืนลืมตาขึ้นมาจนได้ เธอเห็นเพียงศีรษะของผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มลงหยอกเย้ากับทรวงอกของตนอย่างย่ามใจ ครั้นพอเห็นใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มคนนั้น เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเขาไม่ผิดแน่ ธาม ศิวะเดชา ผู้ชายที่เธอแอบรักเขามานานหลายปี!ครั้นพอเริ่มมีสติ หญิงสาวก็ใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดผลักคนตัวโตออกไปจากร่างของตนทันที จากนั้นก็กลิ้งตัวไปด้านข้างจนร่างตกลงไปกระแทกพื้น เธอไม่สนใจว่าร่างกายจะบาดเจ็บตรงไหนบ้าง รู้แต่ว่า
สามเดือนก่อนหน้าร่างโปร่งระหงในชุดทำงานเรียบหรูสีดำด้วยกางเกงแปดส่วนกับเสื้อสูทเข้ารูปพอดีตัว เสื้อตัวในเป็นสายเดี่ยวเน้นเนินอกสีแดงสด รับกันดีกับรองเท้าส้นสูงและกระเป๋าสะพายสีเดียวกัน ผมยาวสลวยรวบขึ้นเป็นหางม้า เปิดใบหน้าเรียวเล็กสวยจับตาให้แก่ผู้พบเห็นพลอยพัดชาเดินยิ้มบาง ๆ เข้าไปในลักซ์ แกรนด์ มิราจ โรงแรมหรูระดับห้าดาวย่านใจกลางเมือง จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นสามซึ่งเป็นสำนักงานสำหรับพนักงานและผู้บริหารของโรงแรมนี้เมื่อขึ้นไปถึง หญิงสาวเดินไปทางขวามือแล้วไปหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายติดเอาไว้ว่า “General Manager” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างก่อนยกมือเคาะประตูสามครั้ง รอไม่นานนักผู้เป็นเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดให้“พี่ธามขา เที่ยงแล้วนะไปกินข้าวกันเถอะ”ชายหนุ่มเจ้าของชื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่คิดปิดบัง ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่น ไม่มีแม้กระทั่งแววตายินดีให้เห็น แต่เธอชินเสียแล้วกับปฏิกิริยาตอบรับของเขาที่เป็นแบบนี้“เธอฟังพี่พูดไม่รู้เรื่องรึไงพลอย พี่บอกแล้วไงว่าเที่ยงนี้พี่มีนัดแล้ว และเป็นนัดสำคัญด้วย” หัวคิ้วของธามขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์“เวลาพลอยมาชวนพี่ทีไรพี่ก็พูดแบบนี้ท
“ความจริงแล้วราคาของพัดพารัดชามีหลายเรตค่ะ บางเม็ดก็แพงกว่าเพชรอีก บางเม็ดราคาก็อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย ทุกอย่างเราคุยกันได้นะคะ พลอยอยากให้คุณลูกค้าเลือกแบบหรือดีไซน์ที่ถูกใจก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องราคาเราค่อยมาคุยกันทีหลังเนอะ” ประโยคหลังพลอยพัดชาทำทีเป็นเอามือป้องปากพูดเสียงเบาจนสองสาวที่เป็นลูกค้ายิ้มกว้าง“แต่เราชอบวงนี้นะ ดีไซน์สวยดี ดูมินิมอลน่ารักดีละ ขอดูวงนี้หน่อยได้ไหมคะ” ลูกค้าอีกคนหนึ่งพูดขึ้น“ได้ค่ะ วงนี้เป็นพิงค์แซฟไฟร์ ตัวพลอยจะอยู่ที่ 0.45 กะรัต เล่นไฟดีมากเลยนะคะวงนี้” พลอยพัดชาหยิบแหวนวงนั้นวางให้ลูกค้าบนถาดผ้าสักหลาด จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า“ตัวเรือนเป็นพิงค์โกลด์ 18K ค่ะ เพชรที่บ่าข้างเป็นเพชรแท้น้ำ 98 นะคะ ไม่ใช่เพชร CZ แน่นอนค่ะ ถ้าใส่ไม่ได้หรือไม่พอดีกับนิ้วก็สามารถปรับไซซ์ได้ไม่มีค่าบริการ แต่อาจต้องรอสินค้าประมาณห้าวันซึ่งคุณลูกค้าจะมารับเองที่ร้าน หรือจะให้ทางเราส่งทางไปรษณีย์ไปให้ก็ได้”ในที่สุดพลอยพัดชาก็ขายแหวนพัดพารัดชากับพิงค์แซฟไฟร์ไปได้อย่างละวงรวมถึงสร้อยข้อมือพัดพารัดชาอีกหนึ่งเส้น หญิงสาวยิ้มแก้มแทบปริเพราะสินค้าสามชิ้นนั้นรวมราคาแล้ว
ทั้งพลอยพัดชา นลินทรา และกนกลดาเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาก่อน นลินทราเองก็เคยเข้าประกวดเวทีต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน จึงทำให้สนิทสนมกับพลอยพัดชามาตั้งแต่นั้น ยิ่งการที่ตนได้มาเป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงจากการแนะนำของพลอยพัดชาเพราะมีน้าเป็นแมวมองและผู้จัดการมือทอง ทั้งสองคนก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น และก็ทำให้ทั้งคู่มีคู่ปรับคนเดียวกันนั่นคือกนกลดา“อ๋อ กลับมาแล้วหรือ หอบลูกหอบเมียกลับมาด้วยรึเปล่าล่ะ”น้ำเสียงของพลอยพัดชาไม่มีความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินชื่อของรพีพัฒน์ แฟนเก่าที่เคยคบหากันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“แกก็พูดไป พี่พัฒน์เขายังโสดย่ะ ฉันบังเอิญได้เจอพี่เขาตอนไปโชว์ตัวโพรโมตละครเรื่องใหม่ที่ห้างน่ะ เขาถามถึงแกด้วยนะ ถามใหญ่เลยล่ะว่าตอนนี้แกยังเปิดร้านจิวเวลรี่ที่เดิมรึเปล่า มีแฟนรึยัง ถามนั่นถามนี่สารพัด ฉันว่าพี่เขาดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะแก จะไม่ลองเป่าถ่านไฟเก่าให้คุขึ้นมาหน่อยหรือ”“ไม่ล่ะ แกก็รู้จักนิสัยฉันนี่ยายนิ้ง ถ้าฉันคิดหันหลังให้ใครแล้วฉันก็จะไม่หันกลับไปมองอีก”พลอยพัดชาตอบไปตามที่ตนคิด กับผู้ชายที่เคยหลอกลวงเพื่อคบซ้อนกับผู้หญิงอีกคน ผู้ชายที่โลเลไ