ทั้งพลอยพัดชา นลินทรา และกนกลดาเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาก่อน นลินทราเองก็เคยเข้าประกวดเวทีต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน จึงทำให้สนิทสนมกับพลอยพัดชามาตั้งแต่นั้น ยิ่งการที่ตนได้มาเป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงจากการแนะนำของพลอยพัดชาเพราะมีน้าเป็นแมวมองและผู้จัดการมือทอง ทั้งสองคนก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น และก็ทำให้ทั้งคู่มีคู่ปรับคนเดียวกันนั่นคือกนกลดา
“อ๋อ กลับมาแล้วหรือ หอบลูกหอบเมียกลับมาด้วยรึเปล่าล่ะ”
น้ำเสียงของพลอยพัดชาไม่มีความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินชื่อของรพีพัฒน์ แฟนเก่าที่เคยคบหากันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“แกก็พูดไป พี่พัฒน์เขายังโสดย่ะ ฉันบังเอิญได้เจอพี่เขาตอนไปโชว์ตัวโพรโมตละครเรื่องใหม่ที่ห้างน่ะ เขาถามถึงแกด้วยนะ ถามใหญ่เลยล่ะว่าตอนนี้แกยังเปิดร้านจิวเวลรี่ที่เดิมรึเปล่า มีแฟนรึยัง ถามนั่นถามนี่สารพัด ฉันว่าพี่เขาดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะแก จะไม่ลองเป่าถ่านไฟเก่าให้คุขึ้นมาหน่อยหรือ”
“ไม่ล่ะ แกก็รู้จักนิสัยฉันนี่ยายนิ้ง ถ้าฉันคิดหันหลังให้ใครแล้วฉันก็จะไม่หันกลับไปมองอีก”
พลอยพัดชาตอบไปตามที่ตนคิด กับผู้ชายที่เคยหลอกลวงเพื่อคบซ้อนกับผู้หญิงอีกคน ผู้ชายที่โลเลไม่รู้จักพอแบบรพีพัฒน์นั้น เธอบริจาคให้กนกลดาไปแล้วเพราะเห็นอีกฝ่ายอยากได้นักเธอจึงยกให้ แล้วทำไมเธอต้องเอาของบริจาคพรรค์นั้นกลับคืนมาด้วยเล่า ผู้หญิงรูปสวยรวยทรัพย์อย่างเธอไม่มีทางเก็บของเก่าขึ้นมากินแน่นอน!
“ฉันรู้ย่ะ แต่เขากลับมาคราวนี้ฉันว่าพี่เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ หนุ่มหล่อมาดสุขุมสมกับนักธุรกิจใหญ่เจ้าของน้ำอัดลมยี่ห้อดัง สาว ๆ ต้องตอมกันหึ่งแน่เลย” ครั้นพอนลินทราพูดถึงตรงนี้ พลอยพัดชาก็หัวเราะออกมาทันทีแล้วพูดต่อ
“เดี๋ยวนะแก ตอมกันหึ่งนั่นแมลงวันตอม...” เธอพูดกลั้วหัวเราะ อีกฝ่ายจึงหัวเราะตามไปด้วย
“ไม่รู้ว่ะแก ฉันว่าลองคบดูก็ไม่เสียหายนะพลอย ดีกว่าที่ต้องมาวิ่งไล่ตามอีพี่ธามขี้เก๊กนั่นตั้งเยอะ แกก็หลงรักมาราธอนดีจริง ๆ ตั้งหลายปีมาแล้วไม่คิดจะมูฟออนบ้างหรือ”
ได้ยินเพื่อนพูดแทงใจดำ พลอยพัดชาก็ได้แต่ถอนหายใจแผ่ว
“คิดสิ ทำไมจะไม่เคยคิด แต่เวลาเจอหน้าเขาทีไรฉันก็ตัดใจไม่ได้สักที”
“ฉันถึงได้บอกไงว่าแกควรจะต้องหาใครสักคนมาทำให้เลิกเพ้อถึงเขาได้แล้วล่ะ”
“ไม่เอาฉันไม่ชอบ ถ้าฉันจะคบใครสักคนฉันก็ต้องลืมพี่ธามได้หมดใจก่อน ถ้าฉันคบกับคนอื่นทั้งที่ยังรักพี่ธาม มันก็ไม่ต่างอะไรกับหลอกเขาน่ะสิ”
“งั้นก็ตามใจหล่อนเถอะ รักไปให้เต็มที่เลย รักไปจนกว่าความรักมันจะจางหายไปเองละกัน” นลินทราทำหน้าง้ำพลางส่งค้อนมาให้วงโต
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละนิ้ง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็รักแกมากกว่าทุกคนเลยนะ” พลอยพัดชาเอนศีรษะไปซบต้นแขนเพื่อนอย่างออดอ้อน แต่นลินทรากลับแค่นเสียงใส่ด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าแกมูฟออนได้เมื่อไรบอกฉันด้วยละกัน ฉันจะขอพักงานกับน้าจินนี่สองอาทิตย์เต็ม ๆ แล้วไปแรดกับแกให้เต็มที่เลย อยากไปมัลดีฟจะแย่ ถ้าได้ไปนะฉันจะจ้างตากล้องมือดีสักคนให้ติดสอยห้อยตามไปด้วย เอาไว้ไปคอยถ่ายรูปสวย ๆ ของฉันเก็บไว้เป็นอัลบั้ม ฉันจะขนชุดว่ายน้ำไปสักหนึ่งกระเป๋า ชุดคลุมเริ่ด ๆ กับพร็อพอีกกระเป๋า แม่จะเปลี่ยนชุดวันละสามเวลาเลย มัลดีฟต้องลุกเป็นไฟค่ะเพื่อน!”
“แน่นอนอยู่แล้ว คนสวยและรวยมากอย่างพวกเราจะให้ทำอะไรธรรมดาได้ยังไง” พลอยพัดชาเองก็นึกสนุกไปด้วยเมื่อได้ยินที่เพื่อนพูด อีกทั้งเธอยังรู้ดีว่าสิ่งที่นลินทราพูดมานั้น เจ้าตัวคิดจะทำจริง ๆ แน่นอนไม่ใช่การพูดเล่น เธอเองก็ชอบเล่นใหญ่แบบนี้อยู่แล้วจึงสนับสนุนเต็มที่
“เออใช่ ฉันลืมเล่าให้แกฟัง วันนี้ฉันเจอยายสนิมด้วยละ มันรู้จักกับพี่ธามด้วยว่ะแก” พลอยพัดชานึกถึงเหตุการณ์ตอนไปหาธามที่ห้องทำงานขึ้นมาได้จึงรีบเล่าให้เพื่อนฟัง
“ถามจริง!” นลินทราทำตาโต
“เออดิ มันอยู่ในห้องทำงานของพี่ธาม ฉันไปชวนพี่เขากินข้าวกลางวันแต่พี่ธามไม่ไปเพราะมีนัดกับยายสนิมสร้อยนั่น แล้วบอกฉันอีกด้วยนะว่ายายสนิมนั่นน่ะเป็นแขกสำคัญของเขา” พลอยพัดชาหน้าง้ำเมื่อนึกถึงท่าทีให้เกียรติที่ธามมีต่อกนกลดา
“เฮ้ยพลอย! ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นกำลังคบกันหรือวะ ก่อนหน้านี้แกไม่เคยเจอมันเลยแล้วเพิ่งมาเจอวันนี้ใช่รึเปล่า มันก็น่าคิดนะเว้ยแก” นลินทราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันก็คงต้องตัดใจนั่นแหละ หึ! ชาติก่อนฉันคงทำเวรทำกรรมกับยายสนิมไว้เยอะ ชาตินี้เวลาฉันรักใครแต่ละคนถึงได้ถูกมันแย่งไปทุกที” พลอยพัดชาหลุบตาลงมองมือของตัวเองพลางคิดในใจว่า
เธอขอเวลาอีกแค่สามเดือนเท่านั้น ถ้าสามเดือนนี้เธอยังไม่สามารถทำให้ธามหันมามองตนได้ เธอก็จะถอยออกมา และจะไม่ไปวุ่นวายกับเขาอีกเลย
ธามพากนกลดามากินมื้อเที่ยงในภัตตาคารของโรงแรมเพราะสะดวกและไม่ต้องขับรถไปไหนไกล เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวชอบกินอะไรบ้าง จึงสั่งของตนมาแค่อย่างเดียว ที่เหลือยกหน้าที่การเลือกอาหารให้เธอเป็นคนจัดการ ทำเอากนกลดายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะคิดว่าเขาตามใจเธอ
ชายหนุ่มมองอาหารที่กนกลดาตักใส่จานให้ตนอย่างเอาใจก็ได้แต่ยิ้ม ทว่าหากคนที่สนิทชิดเชื้อกับเขาจริง จะรู้ทันทีว่ารอยยิ้มนี้เป็นยิ้มเพื่อสังคม และยิ้มตามมารยาทเท่านั้น
“ขอบคุณครับ” เขาตักแต่ชิ้นเนื้อมากิน ส่วนพริกหวานสีสันสดใสนั้นเขาปล่อยไว้ริมจานที่เดิมเพราะไม่ชอบ เขาเกลียดกลิ่นของมันรวมไปถึงผักที่มีกลิ่นแรงทั้งหมดเขาก็ไม่กิน และคนที่รู้เรื่องนี้ดี นอกจากบิดาและเพื่อนสนิทแล้ว ยังมีพลอยพัดชาอีกคน
สำหรับรายหลังนี้เขาไม่ต้องบอกเธอด้วยซ้ำว่าเขาชอบหรือเกลียดอะไร เธอสังเกตเอาเองล้วน ๆ ทุกครั้งเวลาไปกินข้าวด้วยกัน เธอจะเลือกสั่งแต่อาหารที่ไม่มีผักพวกนี้เป็นส่วนประกอบ
“เสร็จจากตรงนี้คุณดาก็จะเข้าบริษัทต่อใช่ไหมครับ”
เขาชวนคุยแต่เรื่องงาน ละเว้นเรื่องส่วนตัวเอาไว้ เพราะอย่างไรเสียการที่เขาต้องติดต่อกับกนกลดาก็เพราะโครงการรีสอร์ตกึ่งสวนน้ำที่กำลังวางแผนเอาไว้นั้นต้องร่วมทุนกับบริษัทของบิดาเธอด้วย
“ใช่ค่ะ ดาจะเอาเรื่องที่เราคุยกันวันนี้ไปรายงานให้คุณพ่อทราบ”
เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วมองหน้าเขาราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามและเปิดโอกาสให้เธอได้พูด
“คือว่า...พี่ธามสนิทกับพลอยหรือคะ”
ได้ยินคำถามจากเธอ เขาจึงแปลกใจไม่น้อยว่ากนกลดารู้จักพลอยพัดชาด้วยหรือ ขณะที่เขากำลังจะเปิดปากถาม เธอก็พูดขึ้นเองเสียก่อน
“พี่ธามคงไม่รู้ ความจริงแล้วดากับพลอยเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ แต่เราอยู่คนละคณะ และก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แค่เคยเจอหน้าและคุยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง”ธามพยักหน้ารับรู้ พลางนึกถึงสายตาจิกกัดอย่างไม่เป็นมิตรของพลอยพัดชาตอนที่มองกนกลดาก็เข้าใจได้ทันที เพราะปกติแล้วแม้พลอยพัดชาจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ ร้ายกาจและนิสัยเสียไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำตัวเสียมารยาทกับแขกของเขาอย่างนี้ ดูท่าสองคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนเรียนเสียแล้วกระมัง น่าจะเป็นคู่ปรับกันมากกว่า“โลกกลมจังเลยนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าคุณดาจะเรียนรุ่นเดียวกันกับพลอยด้วย”“นั่นสิคะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้เขาอีกหนึ่งอย่างแล้วพูดว่า“ในเมื่อดาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพลอย พี่ธามก็น่าแทนตัวเองว่าพี่เวลาคุยกับดาเหมือนที่คุยกับพลอยบ้างสิคะ และไม่ต้องเรียกดาว่าคุณก็ได้ ดาว่าฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”ธามยิ้ม ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อเขาติดต่อกับกนกลดาเพราะธุรกิจ ไม่ใช่เป็นการคุยกันแบบส่วนตัว เพราะฉะนั้นเขาไม่สามารถแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกอีกฝ่ายโดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้าไม่ได้ แต่กับพลอยพัดชาน
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้คนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงหลังใหญ่ตื่นจากห้วงนิทราพลอยพัดชาลืมตาขึ้นพลางรีบเอื้อมมือไปกดปิดเสียงเอาไว้เพราะเกรงว่าจะรบกวนการนอนของเพื่อนสนิทที่หลับอยู่ด้านข้าง จากนั้นหญิงสาวก็ตวัดผ้าห่มออกแล้วก้าวลงจากเตียง เดินไปเทน้ำใส่แก้วดื่มเข้าไปอึกใหญ่ เมื่อคืนเธอใช้เสียงจากการร้องเพลงมากเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้คือเสียงแหบราวกับคนเป็นไข้ไอเจ็บคอพลอยพัดชาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวราวชั่วโมงกว่าก็สวยเพริศพริ้งออกมาจากห้องนอน ในขณะที่นลินทรายังคงหลับไม่ตื่นเพราะเมื่อคืนดื่มไปหลายแก้ว เห็นทีวันนี้เธอคงต้องนั่งแท็กซี่ไปทำงานที่ร้านด้วยตัวเองแล้วกระมัง เพราะคนที่บอกว่าจะขับรถไปส่งที่ทำงานนั้น ยังลุกไม่ขึ้นเลย“นังเพื่อนบ้า ได้ปล่อยผีสองวันก็เล่นเต็มที่เลยนะ” พูดได้แค่นั้นพลอยพัดชาก็ต้องกระแอมออกมาหลายครั้งเพราะเจ็บคอ“แย่จริง วันนี้มีไลฟ์หน้าจอซะด้วยสิ” แต่เสียงเป็นแบบนี้ เห็นทีคงไลฟ์สดไม่ได้เสียแล้วร้านพัดชา เจมส์จะมีการไลฟ์สดทุกวัน วันละหนึ่งครั้งโดยมีพนักงานขายประจำร้านทำหน้าที่ตรงนี้ เพราะในปัจจุบันการไลฟ์สดเพื่อขายของผ่านทางหน้าเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมนั้นกำลังเป็นที่
“สวัสดีค่ะคุณลุง มากินมื้อเที่ยงหรือคะ” เธอยกมือไหว้ชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างนอบน้อมเพราะเขาคือธเนศ บิดาของธาม“ใช่ ขอลุงนั่งด้วยคนได้ไหม”“ยินดีมาก ๆ เลยค่ะคุณลุง เชิญค่ะ”หญิงสาวรอจนอีกฝ่ายนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วจึงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเองบ้าง เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานนำเมนูอาหารมาวางไว้ให้ธเนศพอดีโดยที่ไม่ต้องขอ“หนูไม่สบายรึเปล่า ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”“เปล่าค่ะ หนูสบายดี เพียงแต่เมื่อวานหนูไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนและน้าจินนี่มาค่ะ เสียงก็เลยแหบ” พลอยพัดชาตอบอย่างอาย ๆ จนคนสูงวัยกว่าหัวเราะเบา ๆ“น่าสนุกจริง ๆ ดีแล้วละ ปลดปล่อยความเครียดซะบ้าง คนหนุ่มคนสาวก็ดีอย่างนี้แหละนะ ว่าแต่เจ้าธามมันไม่มากินข้าวกับหนูหรือ หนูถึงได้มากินคนเดียวเนี่ย”“พี่ธามงานยุ่งค่ะ พลอยไม่ได้ขึ้นไปชวนพี่เขาด้วยแหละเพราะไม่อยากรบกวนเขา” เธอปดไปเพราะตนเพิ่งขึ้นไปชวนเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้เอง และคำตอบก็เป็นเช่นเคยคือเขาปฏิเสธ หากแต่ครั้งนี้เธอไม่อยากเซ้าซี้เขาอีกแล้ว เพราะตั้งใจ
“คุณดาครับ ผมดูรายงานล่าสุดที่คุณส่งมาแล้ว ผมคิดว่ามันผิดไปจากที่เราคุยกันไว้นี่ครับ”ธามขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่สบอารมณ์ แผนงานขั้นแรกที่คุยกันไว้ก่อนหน้านั้นเขาโอเคแล้ว เพราะสเปกโครงสร้างของสวนน้ำดูแล้วปลอดภัยกับผู้มาใช้บริการ แต่แผนงานล่าสุดที่บริษัทของกนกลดาปรับแก้มาให้ดูนั้นลดสเปกหลายอย่างลง ทำให้เขาไม่พอใจมาก“ผมเข้าใจครับว่าทางคุณต้องการลดค่าใช้จ่าย แต่แบบนี้มันมากเกินไป ที่เราจะสร้างคือสวนน้ำในโรงแรมนะครับ ถ้าความปลอดภัยมีไม่มากพอ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นจะทำยังไง”ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปมาในห้องเพื่อฟังปลายสายพูดโต้ตอบกลับมา แต่คงไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากฟังเท่าไรนัก สีหน้าจึงย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม“ต่อให้มีคนใช้บริการแค่คนเดียว เราก็ต้องทำให้มันได้มาตรฐานครับ ผมไม่ต้องการเอาชื่อเสียงของโรงแรมผมไปเสี่ยง” เขาหยุดยืนแล้วมองถนนหนทางด้านนอกโรงแรม มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาทุบหน้าผากตัวเองเบา ๆ ราวกับต้องการบอกให้ตนใจเย็นลง“เอาเป็นว่าผมไม่โอเคเลยครับ คุณจะให้ผมเข้าไปคุยที่บริษัทก็ได้นะ แต่ต้องเรียกบริษัทรั
“ทำไมล่ะ แล้วทองที่ขายในร้านทองทั่วไปล่ะ พี่เห็นเขาเขียนกันว่าเก้าสิบหกจุดห้าไม่ใช่หรือ” เขายังคงถามต่อ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างสงสัยใคร่รู้“เพราะทองมันมีความอ่อนตัวค่ะ ถ้าเป็นสร้อยทอง สร้อยข้อมือที่เป็นทองอย่างเดียวไม่มีเพชรหรือพลอยประดับก็สามารถใช้ทองเก้าสิบหกจุดห้าได้ หรือถ้าเทียบเป็น K ก็คือ 23K แต่ถ้ามีเพชรหรือพลอยด้วยจะต้องใช้ทอง 18K ทองเก้าสิบ หรือจะน้อยกว่านั้นก็ได้ค่ะ ไม่อย่างนั้นมันจะเกาะเพชรเกาะพลอยไม่อยู่ อาจหล่นหายได้”พลอยพัดชาอธิบายอย่างใจเย็น เพราะไม่ใช่แค่รพีพัฒน์คนเดียวที่เข้าใจว่าทองเคคือทองปลอม ยังมีลูกค้าอีกหลายคนที่ยังเข้าใจอย่างนั้นอยู่“เข้าใจละ ต้องขอโทษด้วยครับเพราะพี่เองก็ไม่ค่อยใส่เครื่องประดับน่ะก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่อง”“ไม่เป็นไรค่ะ พลอยยินดีอธิบาย” พลอยพัดชาหันถาดเครื่องประดับเซตนั้นให้เขาดูแล้วพูดว่า“เกิดวันอาทิตย์ก็แนะนำเป็นทับทิมสยามหรือโกเมนค่ะ แต่ถ้าถามพลอยนะ พลอยแนะนำเป็นทับทิมสยามมากกว่า เพราะทับทิมเป็นพลอยเนื้อแข็ง และอีกอย่างคือทับทิมสยามตอนนี้หาย
ธามเงยหน้ามองปฏิทินตั้งโต๊ะ ก่อนจะกดดูโทรศัพท์ของตนเพื่อดูว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไร ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาต้องไปประชุมที่พัทยาสามวัน แต่สัปดาห์นี้เขาอยู่ออฟฟิศตลอดไม่ได้ไปไหน และวันนี้ก็เป็นวันศุกร์แล้ว แต่ยังไร้วี่แววของคนที่เคยมาชวนเขาไปกินข้าวทุกวันเช่นเคยนับ ๆ ดูก็ร่วมสองสัปดาห์เข้าไปแล้วที่พลอยพัดชาหายหน้าไปเลยเขานึกถึงประโยคที่หญิงสาวพูดด้วยความโกรธวันนั้นขึ้นมาทันที‘ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปพลอยจะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีกเลย จะไม่มายุ่งวุ่นวายให้พี่ต้องรำคาญอีกแล้ว’“คราวนี้โกรธจริงหรือเนี่ย”เขาส่งข้อความไปหาหญิงสาวหลายครั้ง เธออ่านแต่ไม่ตอบ เคยลองโทรศัพท์ไปหาแต่เธอก็ไม่รับ นับว่าครั้งนี้เป็นการไม่เจอหน้ากันนานที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมาก็ว่าได้คราแรกเขาคิดจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไป เพราะอย่างไรเสียก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่พลอยพัดชาจะได้เลิกหวังในตัวเขา ทว่าพอเอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกเหมือนชีวิตประจำวันขาดอะไรไปบางอย่าง“ช่างเถอะ” ธามถอนหายใจแผ่วพลางป
“คุณซี นพฤทธิ์น่ะ เขาเป็นลูกเจ้าของเฟรชลูปที่ฉันไปถ่ายโฆษณาให้ ความจริงเขาก็นัดฉันไปกินข้าวหลายครั้งแล้วละแต่ฉันยังไม่กล้าไป มาคราวนี้ฉันเกรงใจเขาเพราะเขาชวนหลายครั้งแล้ว ฉันเห็นว่ามันเป็นร้านอาหารกึ่งผับ ก็เลยบอกเขาว่าจะขอชวนเพื่อนไปด้วยคนหนึ่ง เขาก็เลยบอกว่างั้นเขาก็จะชวนเพื่อนมาด้วยคนหนึ่งเหมือนกัน แกคงไม่มีปัญหาอะไรเนอะ”เฟรชลูป คือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับน้ำผลไม้รสชาติต่าง ๆ ในรูปแบบขวดภายใต้ชื่อแบรนด์ว่าเฟรชชี นลินทราได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับน้ำส้มผสมเลมอน โดยจะเริ่มออนแอร์เดือนหน้า“แล้วเพื่อนเขาเป็นใคร มาจากไหนล่ะ” โอเค เธอรู้แล้วว่าคู่ของนลินทราเป็นใคร แต่คู่ของเธอนั้นยังไม่รู้“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไม่กล้าถาม แต่เพื่อนเขาก็ยังมาไม่ถึงนะแก ฉันเลยบอกไม่ได้ว่ารูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอเป็นยังไง เอาไว้มาถึงก็รู้เองนั่นแหละ ถ้าหน้าหม้อมากนักก็ถีบส่งเลย”“โอเคค่ะคุณเพื่อน รอคนสวยหน่อยนะ คนสวยกำลังไป หล่อนก็นั่งล้วงตาคนนั้นไปก่อนละกัน เอ่อ...ฉันหมายถึงล้วงข้อมูลน่ะ” พูดจบเธอก็หัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินเสียงน
ชายหนุ่มเล่าวีรกรรมแสบสันล่าสุดของพลอยพัดชา หากแต่สีหน้าและแววตาของเขากลับไม่มีร่องรอยของความไม่พอใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับฟังแล้วรู้สึกว่าคนพูดมีความเอื้อเอ็นดูอย่างหาได้ยากนพฤทธิ์ได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะร่วน “น้องแกนี่ก็ดีนะ ตัวไม่อยู่แต่ก็ยังอุตส่าห์ทิ้งตัวแทนเอาไว้ด้วย”“เฮอะ ปวดหัวตายห่า” ธามแค่นยิ้ม แต่นพฤทธิ์กลับมองด้วยสายตาราวกับรู้ทัน“จริงเร้อ...ไม่ใช่ว่าแกเดาได้แต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเพื่อนคุณนิ้งเป็นใคร ไม่อย่างนั้นแกจะขอแลกที่นั่งกับฉันทำไม จริงไหมวะไอ้คุณธาม”ธามไม่พูดอะไรเพื่อเป็นการแก้ต่างให้ตัวเอง เขาได้แต่นั่งยิ้มบาง ๆ เพื่อรอให้สองสาวกลับมาที่โต๊ะตามเดิมขณะเดียวกัน พลอยพัดชาก็เดินไปเดินมาราวกับเสือติดจั่นอยู่ในห้องน้ำเพราะเมื่อครู่นลินทราถูกแฟนคลับขอถ่ายรูปด้วย เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินตามเข้ามาแล้ว จึงปรี่เข้าไปหาทันที“ทำไมพี่ธามมาอยู่ที่นี่ได้ ทำไมแกไม่บอกฉันว่าเป็นพี่ธาม”“ฉันขอโทษ ฉันสาบานได้เลยว่าฉันไม่รู้จริง ๆ เว้ยว่าเพื่อนคุณซีคือพี่ธาม
“พลอย” เขาเรียกเธอเสียงพร่า หญิงสาวจึงแกล้งละเลงลิ้นลงบนกล้วยอีกครั้งพลางตอบรับเบา ๆ“ขา พี่อยากทำงานก็ทำไปสิคะ พลอยก็แค่...หิว”พูดจบเธอก็ส่งกล้วยเข้าปากไปอีกครั้ง และเช่นเคยที่เธอไม่ยอมกัดกินมัน แต่กลับเอาออกมาแล้วส่งเข้าไปใหม่อีกสองสามครั้ง จนในที่สุดธามก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงเพื่อปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“อุ๊ย!” สายตาของพลอยพัดชาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงเขาทันที เพราะตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างจนเห็นเด่นชัด“ตื่นแล้วอะ ทำยังไงดีน้า” หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบา ๆ ไปตามรอยที่นูนขึ้นมาอย่างยั่วเย้า“ยั่วเก่งดีนักนะ แล้วอย่ามาบ่นละกันว่าปวดขาปวดเอว”เขาพูดจบก็คว้าสูทมาพาดไว้ที่แขนเพื่อเป็นการบังเป้ากางเกงไปด้วย มืออีกข้างก็โอบเอวภรรยาจอมยั่วพลางกระซิบว่า“กล้วยนี้มันไม่อร่อยหรอก ขึ้นไปกินกล้วยกับพี่บนห้องดีกว่า อร่อยกว่าเยอะแถมกินได้ไม่อั้น”พลอยพัดชายิ้มกริ่มพลางทิ้งกล้วยหอมนั้นลงถังขยะทันที จากนั้นก็เดินตามสามีออกจากห้องทำงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุ
สองปีต่อมาพลอยพัดชามองเงาตัวเองในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้พุงของเธอป่องมากราวกับลูกโป่งใบใหญ่ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าสาวน้อยที่อยู่ในพุง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียจนแทบนับวันถอยหลังรอแต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ เพราะตั้งแต่รู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกสาว ธามก็ลงทุนจัดห้องไว้รอรับด้วยตัวเอง ตั้งแต่ทาสีผนังเป็นสีชมพูอ่อน ซื้อเตียงและเปลเจ้าหญิงเอาไว้รอ รวมถึงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นสีชมพูและไม่ใช่แค่ธามเท่านั้นที่เตรียมห้องไว้รอบุตรสาวคนแรก จินตวาตีก็เช่นกันที่จัดเตรียมห้องไว้รอต้อนรับหลานสาวคนแรกที่จะได้เรียกตนว่าคุณยายหญิงสาวหยิบโลชั่นสำหรับกันรอยแตกลายมาทาเบา ๆ ที่หน้าท้อง เพราะแม้จะใกล้ได้เป็นคุณแม่แล้ว แต่ร่างกายส่วนอื่นของพลอยพัดชาก็ยังคงสภาพเดิม มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ทว่าตอนนี้คนที่ดูจะคลั่งไคล้กับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นของเธอเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นสามีของเธออ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหล
พลอยพัดชากับนลินทรายืนมองผืนน้ำสีเขียวมรกตด้วยแววตาระยิบระยับ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นมาทะเลครั้งนี้พวกเธอจะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เติมพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“พี่ธามไปไหนน่ะ” นลินทราถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อน“ไม่รู้สิ เห็นมีโทรศัพท์มาเมื่อกี้แล้วก็เดินไปคุยที่อื่นน่ะ” พลอยพัดชาตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้จินตวาตีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่ในที่ร่ม“น้าจินนี่เอาชุดว่ายน้ำกับพร็อพมาเพียบเลยแก ทั้งหมวกเอย ผ้าคลุมเอย คือนางไม่ได้จะมาเล่นน้ำหรอก แต่จะมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ เห็นบอกว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่” พลอยพัดชาได้ที จึงแอบเม้าท์ผู้เป็นน้า“ว่าแต่น้าจินนี่ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะยะ มาเที่ยวแค่สี่วันแต่กระเป๋าเดินทางตั้งสองใบ อีบ้า ทำอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน” นลินทราค้อนให้เพื่อน พลอยพัดชาจึงได้แต่หัวเราะคิกคักทั้งสองสาวเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้วจึงหันไปมองหน้ากัน“ฉันว่าเราไป
“เจ้าค่า...คราวนี้ก็ออกกันยกแผงเลยสิคะ”“ใช่ ตอนนี้ให้ฝ่ายบุคคลของส่วนกลางประกาศรับพนักงานใหม่แล้ว ส่วนคนที่จะไปแทนตำแหน่งของพิษณุกับโชคชัยนั้น พี่ว่าจะลองคุยกับคุณพ่อดูว่าจะคัดเลือกคนเก่ง ๆ ของที่นี่ไปประจำอยู่สาขานั้นดีไหม ถือเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปในตัว แล้วพลอยล่ะเป็นไงมั่ง”“ตอนนี้ที่ร้านได้พนักงานใหม่มาเพิ่มแล้วค่ะ หน่วยก้านดีใช้ได้ ไลฟ์สดเก่งด้วยเพราะเขาเคยไลฟ์ขายเสื้อผ้ามาก่อนก็เลยคล่องมากตอนอยู่หน้าจอ ส่วนน้าจินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว เริ่มให้พวกพี่เลี้ยงที่ดูแลศิลปินเข้าไปคุยเรื่องงานโดยตรงในห้องพักได้แล้วค่ะ เพราะจะได้ช่วยฟื้นความจำด้วย”“พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงไอ้ก้าว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำแล้วละ รอศาลตัดสินโทษ แต่คิดว่าคงติดคุกไม่นานหรอก ไม่กี่ปี แต่เรื่องของเพื่อนพลอยนี่สิ กว่าคดีจะเสร็จสิ้นคงอีกนานเลย น่าจะเป็นปี”พลอยพัดชาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงกนกลดา“ว้าย อย่ามาพูดอย่างนี้นะ นางไม่ใช่เพื่อนพลอยสักหน่อย แค่คนรู้จักยังไม่อยากจะเป็นเลย เท่ากับว่าตอนนี้นางกับพ่อก็ยัง
พลอยพัดชาตื่นขึ้นมาช่วงสายเพียงลำพังบนเตียงนอนหลังใหญ่ ไม่รู้ธามไปไหน แต่เดาว่าเขาคงลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมตามเคยหญิงสาวพาร่างที่เมื่อยขบของตนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ครึ่งชั่วโมงถัดมาเธอก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่บนเตียง ดูแล้วเหมือนกล่องใส่เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้หลายชิ้นทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู“หรือว่าจะเป็นกล่องใส่นาฬิกาของพี่ธาม” เธอรู้ว่าธามเป็นคนที่ชอบสะสมนาฬิกา ก็เลยคิดว่าเขาคงหยิบมาเลือกใส่จึงไม่ได้สนใจมันอีก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดของตนออกมาสวม“จะไม่เปิดดูหน่อยหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง ธามยืนเปลือยท่อนบน ใส่เพียงกางเกงลำลองอยู่บ้านสบาย ๆ กำลังยืนกอดอกและส่งยิ้มมาให้“กล่องนาฬิกาของพี่ธามรึเปล่าล่ะคะ”“ไม่ใช่ กล่องนั้นของพลอยทั้งกล่องเลย”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ถามจริง”เธอแขวนชุดไว
“เม็ดสีเหลืองคือพลอยปลอม วิธีสังเกตอย่างง่ายเลยก็คือให้ดูประกายของมันเวลาส่องกับแสง ถ้ามีประกายรุ้งคือปลอมชัวร์ เป็นพลอยที่สังเคราะห์ขึ้นมา และอีกวิธีที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ก็คือให้ดูที่เส้นของพลอย พลอยบางเม็ดมันจะมีเส้นตรงเรียง ๆ กันเป็นแถบให้เห็นกันเลย แต่บางเม็ดเราก็อาจจะต้องใช้ลูปหรือกล้องส่องพระขยายดูข้างในว่ามันมีเส้น ๆ พวกนี้ไหม จำไว้ว่าต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น ถ้ามีเส้นโค้งให้เห็นนั่นคือปลอม และถ้าใช้ลูปส่องดูแล้วมีฟองอากาศหรือรูปร่างกลม ๆ เหมือนโดนัทกระจายอยู่ นั่นก็ปลอมเหมือนกัน” พลอยพัดชาลองให้วนิตาใช้ลูปส่องพลอยดูด้วยตัวเอง“เส้นหรือแถบสีในเนื้อพลอยมันก็เหมือนลายนิ้วมือของคนเรานั่นแหละ แต่ละเม็ดก็จะแตกต่างกันไป ไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันหรอก”พลอยพัดชาอธิบายพลางเดินไปหยิบถ้วยสีขาวในตู้มารองน้ำแล้วกลับมานั่งที่เดิม“และอีกวิธีที่ง่ายในการดูด้วยตาเปล่าก็คือการจุ่มน้ำ” เธอหยิบพลอยเม็ดสีเขียวมาจุ่มลงไปในน้ำแล้วถามว่า“นิตาเห็นอะไรไหม”“เห็นค่ะ มันเป็นแถบสีเป็นเส้น ๆ” วนิตาตอบ&
“ถ้าไม่มีผมก็ขอปิดประชุมครับ อ้อจริงสิ ผมลืมไป ผู้ช่วยคุณพิษณุกับคุณโชคชัยอย่าลืมไประงับการก่อสร้างเอาไว้นะครับ ส่วนคนงานพวกนั้นก็ให้กลับบ้านไปได้เลยเพราะเป็นคนของเคบี บิลท์ และเพิ่มพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกสี่คนเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน”ธามพูดจบก็หันไปพยักหน้ากับบิดา จากนั้นก็พากันลุกเดินออกไปจากห้องประชุมทันที ซึ่งหลังจากคล้อยหลังคนทั้งสามแล้ว ในห้องประชุมก็มีแต่เสียงโอดครวญเพราะรู้อนาคตของตัวเองแล้วว่าจะเป็นอย่างไรกฤษณ์กลับถึงบ้านด้วยสีหน้าเครียดขึ้ง กนกลดาจึงรีบเดินมาหาบิดาทันที“เป็นไงบ้างคะคุณพ่อ”“มันมีหลักฐานครบทุกอย่างเลย งานนี้เราจบแน่”“แล้วเราจะทำยังไงดีคะ เราต้องติดคุกหรือคะคุณพ่อ” กนกลดาถามเสียงสั่น กฤษณ์ยืนใช้ความคิดครู่หนึ่งก็บอกบุตรสาวว่า“เราต้องหนีไปต่างประเทศแล้วละ แต่ก่อนอื่นเราต้องหาทางถ่ายโอนทรัพย์สินและเงินทั้งหมดไปไว้กับป้าของแกก่อน ไม่อย่างนั้นเราถูกยึดทรัพย์หมดตัวแน่”“แล้วพวกพนักงานที่บริษัทล่ะคะ”
“ว่าไงครับ ทำไมเงียบกันล่ะ” ธามยิ้มมุมปาก เพราะเข้าใจดีว่าพิษณุกับโชคชัยคงกำลังสงสัยและกังวลไม่น้อยว่าเขารู้อะไรมาบ้าง แต่ด้วยความที่วางตัวเป็นคนใหญ่คนโตมานานเกินไป จึงได้แต่เชิดหน้าอย่างหยิ่งผยอง“เธอมาไล่บี้กับพวกอาอย่างนี้ไม่ถูกนะ รู้ไหมว่าสมัยที่พ่อเธอ...” โชคชัยทำท่าขึงขัง แต่ธามไม่เปิดโอกาสให้พูดจบ“พ่อผมก็ส่วนพ่อผมครับไม่เกี่ยวกัน นั่นมันสมัยเมื่อกี่สิบปีมาแล้วล่ะ คนเรามันต้องเดินหน้าครับ ธุรกิจก็เช่นกัน ยิ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการโรงแรมหรือการท่องเที่ยวยิ่งย่ำอยู่กับที่ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเห็นแก่ประโยชน์ขององค์กรเป็นหลักครับไม่ใช่ตัวบุคคล ไอ้ระบบพวกมากลากไปหรือระบบผู้อาวุโสต้องถืออภิสิทธิ์เหนือคนอื่น คิดอยากจะมาทำงานวันไหนก็มาแต่เงินเดือนรับเต็มเดือน แล้วก็พวกใช้เส้นสายยัดญาติพี่น้องตัวเองเข้ามาทำงานแล้วแต่งตั้งตำแหน่งกันเอง ผมบอกตรงนี้เลยว่าผมไม่เอา”ชายหนุ่มลากเก้าอี้ออกแล้วหย่อนตัวลงนั่งพลางกวาดตามองหน้าผู้เข้าร่วมประชุมไปทีละคนอย่างช้า ๆ เพราะคนเหล่านี้ล้วนแต่ถืออภิสิทธิ์ชนทั้งสิ้น บางคนมาทำง
“คุณพ่อว่าไงนะ พี่ธามพาทีมวิศวกรมาตรวจเองโดยไม่บอกใครหรือคะ” กนกลดาถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้หูฝาด“ก็ใช่น่ะสิ แสดงว่ามันคอยสบโอกาสเล่นงานเราอยู่แน่ ๆ”กฤษณ์หงุดหงิดจนไม่สามารถนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ ต้องลุกเดินไปเดินมาเพื่อคลายความร้อนรุ่มในใจ“แต่ดาว่าก็แค่ตัวเลขบางจุดไม่ตรงกันกับคราวก่อน เขาไม่น่าจะเล่นงานเราได้นะคะ”“เฮอะ! นี่แกคิดว่าคนอย่างไอ้ธามมันจะจ้างทีมวิศวกรลงมาตรวจงานเล่น ๆ หรือ มันทำแบบนี้ก็หมายความว่ามันมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดพวกเราได้อยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว”กนกลดานิ่งไปทันทีที่ได้ยินบิดาพูดจบ “แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดีคะ หรือถ้าเราไม่ยอมรับเสียอย่าง เขาจะทำอะไรเราได้ คุณพ่อคิดว่าหลักฐานที่เขามีจะทำให้เราล้มได้เลยหรือ”กฤษณ์หันมามองหน้าบุตรสาวครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“ถ้าพวกเราไม่ล้มแล้วมันจะทำอย่างนี้ไปทำไม”เขาพยักหน้าช้า ๆ เมื่อนึกถึงสีหน้าเย็นชากับสายตาที่เป็นอริของธามยามมองมาที่ตน“ไอ้ธามมันอดทนอดกลั้นได้ด