ทั้งพลอยพัดชา นลินทรา และกนกลดาเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาก่อน นลินทราเองก็เคยเข้าประกวดเวทีต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน จึงทำให้สนิทสนมกับพลอยพัดชามาตั้งแต่นั้น ยิ่งการที่ตนได้มาเป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงจากการแนะนำของพลอยพัดชาเพราะมีน้าเป็นแมวมองและผู้จัดการมือทอง ทั้งสองคนก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น และก็ทำให้ทั้งคู่มีคู่ปรับคนเดียวกันนั่นคือกนกลดา
“อ๋อ กลับมาแล้วหรือ หอบลูกหอบเมียกลับมาด้วยรึเปล่าล่ะ”
น้ำเสียงของพลอยพัดชาไม่มีความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินชื่อของรพีพัฒน์ แฟนเก่าที่เคยคบหากันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“แกก็พูดไป พี่พัฒน์เขายังโสดย่ะ ฉันบังเอิญได้เจอพี่เขาตอนไปโชว์ตัวโพรโมตละครเรื่องใหม่ที่ห้างน่ะ เขาถามถึงแกด้วยนะ ถามใหญ่เลยล่ะว่าตอนนี้แกยังเปิดร้านจิวเวลรี่ที่เดิมรึเปล่า มีแฟนรึยัง ถามนั่นถามนี่สารพัด ฉันว่าพี่เขาดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะแก จะไม่ลองเป่าถ่านไฟเก่าให้คุขึ้นมาหน่อยหรือ”
“ไม่ล่ะ แกก็รู้จักนิสัยฉันนี่ยายนิ้ง ถ้าฉันคิดหันหลังให้ใครแล้วฉันก็จะไม่หันกลับไปมองอีก”
พลอยพัดชาตอบไปตามที่ตนคิด กับผู้ชายที่เคยหลอกลวงเพื่อคบซ้อนกับผู้หญิงอีกคน ผู้ชายที่โลเลไม่รู้จักพอแบบรพีพัฒน์นั้น เธอบริจาคให้กนกลดาไปแล้วเพราะเห็นอีกฝ่ายอยากได้นักเธอจึงยกให้ แล้วทำไมเธอต้องเอาของบริจาคพรรค์นั้นกลับคืนมาด้วยเล่า ผู้หญิงรูปสวยรวยทรัพย์อย่างเธอไม่มีทางเก็บของเก่าขึ้นมากินแน่นอน!
“ฉันรู้ย่ะ แต่เขากลับมาคราวนี้ฉันว่าพี่เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ หนุ่มหล่อมาดสุขุมสมกับนักธุรกิจใหญ่เจ้าของน้ำอัดลมยี่ห้อดัง สาว ๆ ต้องตอมกันหึ่งแน่เลย” ครั้นพอนลินทราพูดถึงตรงนี้ พลอยพัดชาก็หัวเราะออกมาทันทีแล้วพูดต่อ
“เดี๋ยวนะแก ตอมกันหึ่งนั่นแมลงวันตอม...” เธอพูดกลั้วหัวเราะ อีกฝ่ายจึงหัวเราะตามไปด้วย
“ไม่รู้ว่ะแก ฉันว่าลองคบดูก็ไม่เสียหายนะพลอย ดีกว่าที่ต้องมาวิ่งไล่ตามอีพี่ธามขี้เก๊กนั่นตั้งเยอะ แกก็หลงรักมาราธอนดีจริง ๆ ตั้งหลายปีมาแล้วไม่คิดจะมูฟออนบ้างหรือ”
ได้ยินเพื่อนพูดแทงใจดำ พลอยพัดชาก็ได้แต่ถอนหายใจแผ่ว
“คิดสิ ทำไมจะไม่เคยคิด แต่เวลาเจอหน้าเขาทีไรฉันก็ตัดใจไม่ได้สักที”
“ฉันถึงได้บอกไงว่าแกควรจะต้องหาใครสักคนมาทำให้เลิกเพ้อถึงเขาได้แล้วล่ะ”
“ไม่เอาฉันไม่ชอบ ถ้าฉันจะคบใครสักคนฉันก็ต้องลืมพี่ธามได้หมดใจก่อน ถ้าฉันคบกับคนอื่นทั้งที่ยังรักพี่ธาม มันก็ไม่ต่างอะไรกับหลอกเขาน่ะสิ”
“งั้นก็ตามใจหล่อนเถอะ รักไปให้เต็มที่เลย รักไปจนกว่าความรักมันจะจางหายไปเองละกัน” นลินทราทำหน้าง้ำพลางส่งค้อนมาให้วงโต
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละนิ้ง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็รักแกมากกว่าทุกคนเลยนะ” พลอยพัดชาเอนศีรษะไปซบต้นแขนเพื่อนอย่างออดอ้อน แต่นลินทรากลับแค่นเสียงใส่ด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าแกมูฟออนได้เมื่อไรบอกฉันด้วยละกัน ฉันจะขอพักงานกับน้าจินนี่สองอาทิตย์เต็ม ๆ แล้วไปแรดกับแกให้เต็มที่เลย อยากไปมัลดีฟจะแย่ ถ้าได้ไปนะฉันจะจ้างตากล้องมือดีสักคนให้ติดสอยห้อยตามไปด้วย เอาไว้ไปคอยถ่ายรูปสวย ๆ ของฉันเก็บไว้เป็นอัลบั้ม ฉันจะขนชุดว่ายน้ำไปสักหนึ่งกระเป๋า ชุดคลุมเริ่ด ๆ กับพร็อพอีกกระเป๋า แม่จะเปลี่ยนชุดวันละสามเวลาเลย มัลดีฟต้องลุกเป็นไฟค่ะเพื่อน!”
“แน่นอนอยู่แล้ว คนสวยและรวยมากอย่างพวกเราจะให้ทำอะไรธรรมดาได้ยังไง” พลอยพัดชาเองก็นึกสนุกไปด้วยเมื่อได้ยินที่เพื่อนพูด อีกทั้งเธอยังรู้ดีว่าสิ่งที่นลินทราพูดมานั้น เจ้าตัวคิดจะทำจริง ๆ แน่นอนไม่ใช่การพูดเล่น เธอเองก็ชอบเล่นใหญ่แบบนี้อยู่แล้วจึงสนับสนุนเต็มที่
“เออใช่ ฉันลืมเล่าให้แกฟัง วันนี้ฉันเจอยายสนิมด้วยละ มันรู้จักกับพี่ธามด้วยว่ะแก” พลอยพัดชานึกถึงเหตุการณ์ตอนไปหาธามที่ห้องทำงานขึ้นมาได้จึงรีบเล่าให้เพื่อนฟัง
“ถามจริง!” นลินทราทำตาโต
“เออดิ มันอยู่ในห้องทำงานของพี่ธาม ฉันไปชวนพี่เขากินข้าวกลางวันแต่พี่ธามไม่ไปเพราะมีนัดกับยายสนิมสร้อยนั่น แล้วบอกฉันอีกด้วยนะว่ายายสนิมนั่นน่ะเป็นแขกสำคัญของเขา” พลอยพัดชาหน้าง้ำเมื่อนึกถึงท่าทีให้เกียรติที่ธามมีต่อกนกลดา
“เฮ้ยพลอย! ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นกำลังคบกันหรือวะ ก่อนหน้านี้แกไม่เคยเจอมันเลยแล้วเพิ่งมาเจอวันนี้ใช่รึเปล่า มันก็น่าคิดนะเว้ยแก” นลินทราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันก็คงต้องตัดใจนั่นแหละ หึ! ชาติก่อนฉันคงทำเวรทำกรรมกับยายสนิมไว้เยอะ ชาตินี้เวลาฉันรักใครแต่ละคนถึงได้ถูกมันแย่งไปทุกที” พลอยพัดชาหลุบตาลงมองมือของตัวเองพลางคิดในใจว่า
เธอขอเวลาอีกแค่สามเดือนเท่านั้น ถ้าสามเดือนนี้เธอยังไม่สามารถทำให้ธามหันมามองตนได้ เธอก็จะถอยออกมา และจะไม่ไปวุ่นวายกับเขาอีกเลย
ธามพากนกลดามากินมื้อเที่ยงในภัตตาคารของโรงแรมเพราะสะดวกและไม่ต้องขับรถไปไหนไกล เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวชอบกินอะไรบ้าง จึงสั่งของตนมาแค่อย่างเดียว ที่เหลือยกหน้าที่การเลือกอาหารให้เธอเป็นคนจัดการ ทำเอากนกลดายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะคิดว่าเขาตามใจเธอ
ชายหนุ่มมองอาหารที่กนกลดาตักใส่จานให้ตนอย่างเอาใจก็ได้แต่ยิ้ม ทว่าหากคนที่สนิทชิดเชื้อกับเขาจริง จะรู้ทันทีว่ารอยยิ้มนี้เป็นยิ้มเพื่อสังคม และยิ้มตามมารยาทเท่านั้น
“ขอบคุณครับ” เขาตักแต่ชิ้นเนื้อมากิน ส่วนพริกหวานสีสันสดใสนั้นเขาปล่อยไว้ริมจานที่เดิมเพราะไม่ชอบ เขาเกลียดกลิ่นของมันรวมไปถึงผักที่มีกลิ่นแรงทั้งหมดเขาก็ไม่กิน และคนที่รู้เรื่องนี้ดี นอกจากบิดาและเพื่อนสนิทแล้ว ยังมีพลอยพัดชาอีกคน
สำหรับรายหลังนี้เขาไม่ต้องบอกเธอด้วยซ้ำว่าเขาชอบหรือเกลียดอะไร เธอสังเกตเอาเองล้วน ๆ ทุกครั้งเวลาไปกินข้าวด้วยกัน เธอจะเลือกสั่งแต่อาหารที่ไม่มีผักพวกนี้เป็นส่วนประกอบ
“เสร็จจากตรงนี้คุณดาก็จะเข้าบริษัทต่อใช่ไหมครับ”
เขาชวนคุยแต่เรื่องงาน ละเว้นเรื่องส่วนตัวเอาไว้ เพราะอย่างไรเสียการที่เขาต้องติดต่อกับกนกลดาก็เพราะโครงการรีสอร์ตกึ่งสวนน้ำที่กำลังวางแผนเอาไว้นั้นต้องร่วมทุนกับบริษัทของบิดาเธอด้วย
“ใช่ค่ะ ดาจะเอาเรื่องที่เราคุยกันวันนี้ไปรายงานให้คุณพ่อทราบ”
เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วมองหน้าเขาราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามและเปิดโอกาสให้เธอได้พูด
“คือว่า...พี่ธามสนิทกับพลอยหรือคะ”
ได้ยินคำถามจากเธอ เขาจึงแปลกใจไม่น้อยว่ากนกลดารู้จักพลอยพัดชาด้วยหรือ ขณะที่เขากำลังจะเปิดปากถาม เธอก็พูดขึ้นเองเสียก่อน
“พี่ธามคงไม่รู้ ความจริงแล้วดากับพลอยเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ แต่เราอยู่คนละคณะ และก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แค่เคยเจอหน้าและคุยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง”ธามพยักหน้ารับรู้ พลางนึกถึงสายตาจิกกัดอย่างไม่เป็นมิตรของพลอยพัดชาตอนที่มองกนกลดาก็เข้าใจได้ทันที เพราะปกติแล้วแม้พลอยพัดชาจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ ร้ายกาจและนิสัยเสียไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำตัวเสียมารยาทกับแขกของเขาอย่างนี้ ดูท่าสองคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนเรียนเสียแล้วกระมัง น่าจะเป็นคู่ปรับกันมากกว่า“โลกกลมจังเลยนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าคุณดาจะเรียนรุ่นเดียวกันกับพลอยด้วย”“นั่นสิคะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้เขาอีกหนึ่งอย่างแล้วพูดว่า“ในเมื่อดาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพลอย พี่ธามก็น่าแทนตัวเองว่าพี่เวลาคุยกับดาเหมือนที่คุยกับพลอยบ้างสิคะ และไม่ต้องเรียกดาว่าคุณก็ได้ ดาว่าฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”ธามยิ้ม ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อเขาติดต่อกับกนกลดาเพราะธุรกิจ ไม่ใช่เป็นการคุยกันแบบส่วนตัว เพราะฉะนั้นเขาไม่สามารถแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกอีกฝ่ายโดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้าไม่ได้ แต่กับพลอยพัดชาน
ความอึดอัดราวกับมีบางสิ่งที่หนาและหนักกดทับลำตัวผสานไปกับอาการมวนท้องที่เริ่มตีตื้นขึ้นมาจากกระเพาะอาหาร ทำให้หัวคิ้วของพลอยพัดชาขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ อีกทั้งสิ่งที่หนาและหนักบนตัวนั้นก็ดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างเชื่องช้าอีกด้วยเธออยากลืมตามองให้ชัดว่าคืออะไรกันแน่ แต่เปลือกตาก็หนักอึ้งราวกับมีอะไรถ่วงไว้ รับรู้ได้แค่ว่าสิ่งนั้นมาซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอ และหน้าอกก็ถูกบีบเคล้นหนักเบาสลับกันไปด้วยความมึนงงและสติที่ยังไม่กลับมาเต็มร้อย จึงทำให้หญิงสาวยังคิดอะไรไม่ออกจนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคน“อืม...นมสวยดีจริง ๆ”เสียงนี้ เสียงพี่ธามไม่ใช่หรือ!ในที่สุดพลอยพัดชาก็กลั้นใจพยายามฝืนลืมตาขึ้นมาจนได้ เธอเห็นเพียงศีรษะของผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มลงหยอกเย้ากับทรวงอกของตนอย่างย่ามใจ ครั้นพอเห็นใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มคนนั้น เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเขาไม่ผิดแน่ ธาม ศิวะเดชา ผู้ชายที่เธอแอบรักเขามานานหลายปี!ครั้นพอเริ่มมีสติ หญิงสาวก็ใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดผลักคนตัวโตออกไปจากร่างของตนทันที จากนั้นก็กลิ้งตัวไปด้านข้างจนร่างตกลงไปกระแทกพื้น เธอไม่สนใจว่าร่างกายจะบาดเจ็บตรงไหนบ้าง รู้แต่ว่า
สามเดือนก่อนหน้าร่างโปร่งระหงในชุดทำงานเรียบหรูสีดำด้วยกางเกงแปดส่วนกับเสื้อสูทเข้ารูปพอดีตัว เสื้อตัวในเป็นสายเดี่ยวเน้นเนินอกสีแดงสด รับกันดีกับรองเท้าส้นสูงและกระเป๋าสะพายสีเดียวกัน ผมยาวสลวยรวบขึ้นเป็นหางม้า เปิดใบหน้าเรียวเล็กสวยจับตาให้แก่ผู้พบเห็นพลอยพัดชาเดินยิ้มบาง ๆ เข้าไปในลักซ์ แกรนด์ มิราจ โรงแรมหรูระดับห้าดาวย่านใจกลางเมือง จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นสามซึ่งเป็นสำนักงานสำหรับพนักงานและผู้บริหารของโรงแรมนี้เมื่อขึ้นไปถึง หญิงสาวเดินไปทางขวามือแล้วไปหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายติดเอาไว้ว่า “General Manager” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างก่อนยกมือเคาะประตูสามครั้ง รอไม่นานนักผู้เป็นเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดให้“พี่ธามขา เที่ยงแล้วนะไปกินข้าวกันเถอะ”ชายหนุ่มเจ้าของชื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่คิดปิดบัง ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่น ไม่มีแม้กระทั่งแววตายินดีให้เห็น แต่เธอชินเสียแล้วกับปฏิกิริยาตอบรับของเขาที่เป็นแบบนี้“เธอฟังพี่พูดไม่รู้เรื่องรึไงพลอย พี่บอกแล้วไงว่าเที่ยงนี้พี่มีนัดแล้ว และเป็นนัดสำคัญด้วย” หัวคิ้วของธามขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์“เวลาพลอยมาชวนพี่ทีไรพี่ก็พูดแบบนี้ท
“ความจริงแล้วราคาของพัดพารัดชามีหลายเรตค่ะ บางเม็ดก็แพงกว่าเพชรอีก บางเม็ดราคาก็อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย ทุกอย่างเราคุยกันได้นะคะ พลอยอยากให้คุณลูกค้าเลือกแบบหรือดีไซน์ที่ถูกใจก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องราคาเราค่อยมาคุยกันทีหลังเนอะ” ประโยคหลังพลอยพัดชาทำทีเป็นเอามือป้องปากพูดเสียงเบาจนสองสาวที่เป็นลูกค้ายิ้มกว้าง“แต่เราชอบวงนี้นะ ดีไซน์สวยดี ดูมินิมอลน่ารักดีละ ขอดูวงนี้หน่อยได้ไหมคะ” ลูกค้าอีกคนหนึ่งพูดขึ้น“ได้ค่ะ วงนี้เป็นพิงค์แซฟไฟร์ ตัวพลอยจะอยู่ที่ 0.45 กะรัต เล่นไฟดีมากเลยนะคะวงนี้” พลอยพัดชาหยิบแหวนวงนั้นวางให้ลูกค้าบนถาดผ้าสักหลาด จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า“ตัวเรือนเป็นพิงค์โกลด์ 18K ค่ะ เพชรที่บ่าข้างเป็นเพชรแท้น้ำ 98 นะคะ ไม่ใช่เพชร CZ แน่นอนค่ะ ถ้าใส่ไม่ได้หรือไม่พอดีกับนิ้วก็สามารถปรับไซซ์ได้ไม่มีค่าบริการ แต่อาจต้องรอสินค้าประมาณห้าวันซึ่งคุณลูกค้าจะมารับเองที่ร้าน หรือจะให้ทางเราส่งทางไปรษณีย์ไปให้ก็ได้”ในที่สุดพลอยพัดชาก็ขายแหวนพัดพารัดชากับพิงค์แซฟไฟร์ไปได้อย่างละวงรวมถึงสร้อยข้อมือพัดพารัดชาอีกหนึ่งเส้น หญิงสาวยิ้มแก้มแทบปริเพราะสินค้าสามชิ้นนั้นรวมราคาแล้ว