“ความจริงแล้วราคาของพัดพารัดชามีหลายเรตค่ะ บางเม็ดก็แพงกว่าเพชรอีก บางเม็ดราคาก็อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย ทุกอย่างเราคุยกันได้นะคะ พลอยอยากให้คุณลูกค้าเลือกแบบหรือดีไซน์ที่ถูกใจก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องราคาเราค่อยมาคุยกันทีหลังเนอะ” ประโยคหลังพลอยพัดชาทำทีเป็นเอามือป้องปากพูดเสียงเบาจนสองสาวที่เป็นลูกค้ายิ้มกว้าง
“แต่เราชอบวงนี้นะ ดีไซน์สวยดี ดูมินิมอลน่ารักดีละ ขอดูวงนี้หน่อยได้ไหมคะ” ลูกค้าอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
“ได้ค่ะ วงนี้เป็นพิงค์แซฟไฟร์ ตัวพลอยจะอยู่ที่ 0.45 กะรัต เล่นไฟดีมากเลยนะคะวงนี้” พลอยพัดชาหยิบแหวนวงนั้นวางให้ลูกค้าบนถาดผ้าสักหลาด จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า
“ตัวเรือนเป็นพิงค์โกลด์ 18K ค่ะ เพชรที่บ่าข้างเป็นเพชรแท้น้ำ 98 นะคะ ไม่ใช่เพชร CZ แน่นอนค่ะ ถ้าใส่ไม่ได้หรือไม่พอดีกับนิ้วก็สามารถปรับไซซ์ได้ไม่มีค่าบริการ แต่อาจต้องรอสินค้าประมาณห้าวันซึ่งคุณลูกค้าจะมารับเองที่ร้าน หรือจะให้ทางเราส่งทางไปรษณีย์ไปให้ก็ได้”
ในที่สุดพลอยพัดชาก็ขายแหวนพัดพารัดชากับพิงค์แซฟไฟร์ไปได้อย่างละวงรวมถึงสร้อยข้อมือพัดพารัดชาอีกหนึ่งเส้น หญิงสาวยิ้มแก้มแทบปริเพราะสินค้าสามชิ้นนั้นรวมราคาแล้วเกือบหนึ่งแสนบาท
พลอยพัดชาดูเวลา เห็นว่าเลยบ่ายโมงไปแล้วแต่ตนยังไม่ได้กินข้าวกลางวันจึงคิดจะสั่งมากินที่ร้านแทนเพราะไม่มีอารมณ์ไปนั่งกินข้าวคนเดียว ขณะที่เธอกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาสั่งข้าว ประตูร้านก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ครั้นพอหญิงสาวหันหน้าไปมองก็ต้องเบิกตากว้าง
“อุ๊ยตาย นึกว่าสาวสวยที่ไหนเสียอีก ที่แท้ก็แม่ซุปตาร์คิวทอง แม่นางร้ายเบอร์หนึ่งนี่เอง ทำไมวันนี้ถึงว่างมาหาเพื่อนหาฝูงได้ยะ” พลอยพัดชายิ้มกว้างเมื่อเพื่อนสนิทอย่างนิ้ง นลินทราแวะมาเยี่ยมหาถึงที่ร้าน
“แหม ฉันก็ต้องคิดถึงหล่อนน่ะสิยะถึงได้แวะมา ถ้าไม่คิดถึงฉันไม่แวะมาหรอกย่ะแถวนี้น่ะ รถติดบรรลัย”
นลินทราเบ้ปากเมื่อพูดถึงการจราจรย่านใจกลางเมือง เจ้าตัวนั่งบนเก้าอี้สตูลยกสูง ก่อนหันไปยิ้มหวานให้พนักงานทุกคนในร้านอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็พูดกับพลอยพัดชาว่า
“ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ตั้งแต่เช้าฉันยังไม่กินข้าวเลยเพราะตื่นมาก็สิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว”
“วันนี้แกว่างทั้งวันเลยรึเปล่า เย็นนี้ไปหาอะไรดื่มแล้วฟังเพลงเพลิน ๆ กันดีไหม” พลอยพัดชาเห็นว่านานทีเพื่อนสนิทจะแวะมาหาเพราะอีกฝ่ายเป็นนักแสดงคิวทองที่มีผลงานต่อเนื่องตลอดทั้งปี จึงอยากใช้เวลากับนลินทราให้มากหน่อย
“ได้สิไม่มีปัญหา วันนี้กับพรุ่งนี้น้าจินนี่ให้ฉันพักได้เต็มที่เลย”
นลินทรายักคิ้วให้ ซึ่งน้าจินนี่ที่พูดถึงก็คือจินตวาตี ผู้จัดการส่วนตัวที่มีเด็กนักแสดงในสังกัดหลายสิบคน และยังเป็นน้าแท้ ๆ ของพลอยพัดชาอีกด้วย
“เฮ้อ จะว่าไปแล้วฉันก็ไม่ได้เจอน้าจินนี่มาเป็นอาทิตย์แล้วนะเนี่ย คิดถึงจังเลย” พลอยพัดชาถอนหายใจแผ่วเมื่อนึกถึงผู้เป็นน้า
จินตวาตีเป็นสตรีข้ามเพศ อีกฝ่ายคร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมาร่วมสิบกว่าปีในฐานะแมวมองฝีมือดี และผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดงชื่อดังหลายคน รวมทั้งนลินทราด้วย พลอยพัดชาตกอยู่ในความดูแลของจินตวาตีตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมสี่ เพราะบิดามารดาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งคู่ หญิงสาวจึงรักและผูกพันกับผู้เป็นน้าไม่ต่างจากแม่แท้ ๆ คนหนึ่ง
“น้าจินนี่งานเยอะมากแก นี่ขนาดว่าจ้างคนมาดูแลดาราแต่ละคนเพิ่มแล้วนะ แทบจะประกบหนึ่งต่อหนึ่งแต่น้าจินนี่ก็ยังหัวหมุนอยู่ ช่วงนี้กำลังเทรนเด็กใหม่สองคนติวเข้มเรื่องการแสดงกันน่าดู” นลินทราพูดไปตามที่ตนรู้มา
“แหม ใครจะเหมือนแกล่ะยายนิ้ง ลอยลำแล้วนี่ น้ำตาสั่งได้ สายตาเวลาจิกนางเอกแต่ละทีนี่เหมือนโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน”
พลอยพัดชาพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายเดินออกมาจากด้านหลังตู้โชว์สินค้าแล้วพยักหน้าให้เพื่อน นลินทราจึงลงจากเก้าอี้สตูลมายืนบนพื้นแล้วหยิบโทรศัพท์ยื่นส่งให้พลอยพัดชา
“เดี๋ยวสิแก ถ่ายรูปให้ฉันก่อน ฉันจะเอาไปลงไอจีแล้วแท็กร้านแก”
จากนั้นก็หันไปหาพนักงานในร้านแล้วพูดเสียงแหลมอย่างตอนที่ตนรับบทนางร้ายเวลาเล่นละครด้วยท่าทางทีเล่นทีจริงว่า
“ไหนคะไหน ในร้านนี้สร้อยเส้นไหนแพงสุด จัดมาให้ฉันหน่อยสิ เร็ว ๆ เข้าอย่าให้องค์แม่ต้องลง”
พนักงานพากันหัวเราะคิกคักเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายมักชอบเล่นแบบนี้เสมอ เมื่อหันไปมองพลอยพัดชาแล้วเห็นเจ้านายพยักหน้าอนุญาต จึงไขตู้แล้วหยิบเอาชุดทับทิมล้อมเพชรขึ้นมาหนึ่งชุด ซึ่งประกอบไปด้วยสร้อยคอ แหวน และต่างหู แต่นลินทราหยิบแค่สร้อยคอกับแหวนขึ้นมาสวมเท่านั้น เพราะขี้เกียจถอดต่างหูที่ตนใส่อยู่
นางร้ายเบอร์หนึ่งโพสท่าให้เพื่อนถ่ายไปหลายภาพ เสร็จเรียบร้อยก็ถอดสร้อยกับแหวนวางคืนไว้ที่เดิม จากนั้นก็พากันเดินออกจากร้าน
“แกอยากกินอะไร หรือจะกินที่ไหนดีล่ะ” พลอยพัดชาหยุดเดินเพราะอยากรู้จุดหมายปลายทางก่อน
“ไปกินร้านพี่ออยแถวเอกมัยละกัน วันก่อนฉันเข้าฉากกับเขาแล้วเขาให้นามบัตรไว้น่ะ เขาเปิดภาพในโทรศัพท์ให้ดูด้วยนะ ร้านเขาแต่งน่ารักมากเลยแก ฉันคิดว่าแกต้องชอบแน่เลย ไปรถฉันนะจอดไว้ในโรงแรมน่ะ”
“ได้เลย ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราสองคนก็ไปแรดกันได้ทั้งวันเลยน่ะสิ นี่ยายนิ้ง ถ้าคืนนี้แกเมาหนักมากก็ไปนอนคอนโดฯ ฉันนะ ฉันจะขับรถแกเอง ส่วนรถฉันก็เอาจอดไว้ที่โรงแรมนี่แหละเพราะมันไม่หายหรอก”
“จัดไปค่ะเพื่อน”
สองสาวเดินคุยกันไปพลางหัวเราะไปพลางจนกระทั่งขึ้นมานั่งบนรถของนลินทรา หัวคิ้วของพลอยพัดชาขมวดมุ่นทันทีเมื่อเห็นสภาพภายในรถยุโรปยี่ห้อดังจึงบ่นให้เพื่อนอย่างอดไม่ได้
“นังนิ้ง! นี่มันอะไรเนี่ย ทำไมรถแกมันรกแบบนี้ แกช่วยให้เกียรติตราดาวสามแฉกที่ติดอยู่หน้ารถแกหน่อยได้ไหมอีบ้า ดูสิเนี่ยทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เศษกระดาษอะไรวุ่นวายไปหมด”
“เออน่า แกอย่าเพิ่งมาเจ้าระเบียบใส่ฉันตอนนี้เลย มานั่งเร็ว ฉันมีเรื่องจะเม้าท์” นลินทรารวบกระดาษหลายปึกซึ่งเป็นบทละครที่ตนใช้ท่องเอาไปไว้ที่เบาะหลัง พลอยพัดชาจึงขึ้นไปนั่งได้
หลังจากที่รถออกตัวไปได้สักพัก นลินทราก็เริ่มพูดเรื่องสำคัญให้เพื่อนฟังทันที
“พลอย พี่พัฒน์กลับมาจากเมืองนอกแล้วนะแก”
“พัฒน์ไหนอีกวะ” พลอยพัดชาทำหน้าสงสัย นลินทราจึงใช้นิ้วจิ้มขมับอีกฝ่ายไม่แรงนัก
“แฟนเก่าแกไงเล่า ที่นังสนิมมันแย่งไปน่ะ” นังสนิมที่พูดถึงก็คือกนกลดา ซึ่งมาจากคำว่านุ่มนิ่มสนิมสร้อย อันเป็นบุคลิกของอีกฝ่ายที่เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้
ทั้งพลอยพัดชา นลินทรา และกนกลดาเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาก่อน นลินทราเองก็เคยเข้าประกวดเวทีต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน จึงทำให้สนิทสนมกับพลอยพัดชามาตั้งแต่นั้น ยิ่งการที่ตนได้มาเป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงจากการแนะนำของพลอยพัดชาเพราะมีน้าเป็นแมวมองและผู้จัดการมือทอง ทั้งสองคนก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น และก็ทำให้ทั้งคู่มีคู่ปรับคนเดียวกันนั่นคือกนกลดา“อ๋อ กลับมาแล้วหรือ หอบลูกหอบเมียกลับมาด้วยรึเปล่าล่ะ”น้ำเสียงของพลอยพัดชาไม่มีความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินชื่อของรพีพัฒน์ แฟนเก่าที่เคยคบหากันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“แกก็พูดไป พี่พัฒน์เขายังโสดย่ะ ฉันบังเอิญได้เจอพี่เขาตอนไปโชว์ตัวโพรโมตละครเรื่องใหม่ที่ห้างน่ะ เขาถามถึงแกด้วยนะ ถามใหญ่เลยล่ะว่าตอนนี้แกยังเปิดร้านจิวเวลรี่ที่เดิมรึเปล่า มีแฟนรึยัง ถามนั่นถามนี่สารพัด ฉันว่าพี่เขาดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะแก จะไม่ลองเป่าถ่านไฟเก่าให้คุขึ้นมาหน่อยหรือ”“ไม่ล่ะ แกก็รู้จักนิสัยฉันนี่ยายนิ้ง ถ้าฉันคิดหันหลังให้ใครแล้วฉันก็จะไม่หันกลับไปมองอีก”พลอยพัดชาตอบไปตามที่ตนคิด กับผู้ชายที่เคยหลอกลวงเพื่อคบซ้อนกับผู้หญิงอีกคน ผู้ชายที่โลเลไ
“พี่ธามคงไม่รู้ ความจริงแล้วดากับพลอยเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ แต่เราอยู่คนละคณะ และก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แค่เคยเจอหน้าและคุยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง”ธามพยักหน้ารับรู้ พลางนึกถึงสายตาจิกกัดอย่างไม่เป็นมิตรของพลอยพัดชาตอนที่มองกนกลดาก็เข้าใจได้ทันที เพราะปกติแล้วแม้พลอยพัดชาจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ ร้ายกาจและนิสัยเสียไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำตัวเสียมารยาทกับแขกของเขาอย่างนี้ ดูท่าสองคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนเรียนเสียแล้วกระมัง น่าจะเป็นคู่ปรับกันมากกว่า“โลกกลมจังเลยนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าคุณดาจะเรียนรุ่นเดียวกันกับพลอยด้วย”“นั่นสิคะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้เขาอีกหนึ่งอย่างแล้วพูดว่า“ในเมื่อดาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพลอย พี่ธามก็น่าแทนตัวเองว่าพี่เวลาคุยกับดาเหมือนที่คุยกับพลอยบ้างสิคะ และไม่ต้องเรียกดาว่าคุณก็ได้ ดาว่าฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”ธามยิ้ม ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อเขาติดต่อกับกนกลดาเพราะธุรกิจ ไม่ใช่เป็นการคุยกันแบบส่วนตัว เพราะฉะนั้นเขาไม่สามารถแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกอีกฝ่ายโดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้าไม่ได้ แต่กับพลอยพัดชาน
ความอึดอัดราวกับมีบางสิ่งที่หนาและหนักกดทับลำตัวผสานไปกับอาการมวนท้องที่เริ่มตีตื้นขึ้นมาจากกระเพาะอาหาร ทำให้หัวคิ้วของพลอยพัดชาขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ อีกทั้งสิ่งที่หนาและหนักบนตัวนั้นก็ดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างเชื่องช้าอีกด้วยเธออยากลืมตามองให้ชัดว่าคืออะไรกันแน่ แต่เปลือกตาก็หนักอึ้งราวกับมีอะไรถ่วงไว้ รับรู้ได้แค่ว่าสิ่งนั้นมาซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอ และหน้าอกก็ถูกบีบเคล้นหนักเบาสลับกันไปด้วยความมึนงงและสติที่ยังไม่กลับมาเต็มร้อย จึงทำให้หญิงสาวยังคิดอะไรไม่ออกจนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคน“อืม...นมสวยดีจริง ๆ”เสียงนี้ เสียงพี่ธามไม่ใช่หรือ!ในที่สุดพลอยพัดชาก็กลั้นใจพยายามฝืนลืมตาขึ้นมาจนได้ เธอเห็นเพียงศีรษะของผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มลงหยอกเย้ากับทรวงอกของตนอย่างย่ามใจ ครั้นพอเห็นใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มคนนั้น เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเขาไม่ผิดแน่ ธาม ศิวะเดชา ผู้ชายที่เธอแอบรักเขามานานหลายปี!ครั้นพอเริ่มมีสติ หญิงสาวก็ใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดผลักคนตัวโตออกไปจากร่างของตนทันที จากนั้นก็กลิ้งตัวไปด้านข้างจนร่างตกลงไปกระแทกพื้น เธอไม่สนใจว่าร่างกายจะบาดเจ็บตรงไหนบ้าง รู้แต่ว่า
สามเดือนก่อนหน้าร่างโปร่งระหงในชุดทำงานเรียบหรูสีดำด้วยกางเกงแปดส่วนกับเสื้อสูทเข้ารูปพอดีตัว เสื้อตัวในเป็นสายเดี่ยวเน้นเนินอกสีแดงสด รับกันดีกับรองเท้าส้นสูงและกระเป๋าสะพายสีเดียวกัน ผมยาวสลวยรวบขึ้นเป็นหางม้า เปิดใบหน้าเรียวเล็กสวยจับตาให้แก่ผู้พบเห็นพลอยพัดชาเดินยิ้มบาง ๆ เข้าไปในลักซ์ แกรนด์ มิราจ โรงแรมหรูระดับห้าดาวย่านใจกลางเมือง จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นสามซึ่งเป็นสำนักงานสำหรับพนักงานและผู้บริหารของโรงแรมนี้เมื่อขึ้นไปถึง หญิงสาวเดินไปทางขวามือแล้วไปหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายติดเอาไว้ว่า “General Manager” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างก่อนยกมือเคาะประตูสามครั้ง รอไม่นานนักผู้เป็นเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดให้“พี่ธามขา เที่ยงแล้วนะไปกินข้าวกันเถอะ”ชายหนุ่มเจ้าของชื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่คิดปิดบัง ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่น ไม่มีแม้กระทั่งแววตายินดีให้เห็น แต่เธอชินเสียแล้วกับปฏิกิริยาตอบรับของเขาที่เป็นแบบนี้“เธอฟังพี่พูดไม่รู้เรื่องรึไงพลอย พี่บอกแล้วไงว่าเที่ยงนี้พี่มีนัดแล้ว และเป็นนัดสำคัญด้วย” หัวคิ้วของธามขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์“เวลาพลอยมาชวนพี่ทีไรพี่ก็พูดแบบนี้ท