สามเดือนก่อนหน้า
ร่างโปร่งระหงในชุดทำงานเรียบหรูสีดำด้วยกางเกงแปดส่วนกับเสื้อสูทเข้ารูปพอดีตัว เสื้อตัวในเป็นสายเดี่ยวเน้นเนินอกสีแดงสด รับกันดีกับรองเท้าส้นสูงและกระเป๋าสะพายสีเดียวกัน ผมยาวสลวยรวบขึ้นเป็นหางม้า เปิดใบหน้าเรียวเล็กสวยจับตาให้แก่ผู้พบเห็น
พลอยพัดชาเดินยิ้มบาง ๆ เข้าไปในลักซ์ แกรนด์ มิราจ โรงแรมหรูระดับห้าดาวย่านใจกลางเมือง จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นสามซึ่งเป็นสำนักงานสำหรับพนักงานและผู้บริหารของโรงแรมนี้
เมื่อขึ้นไปถึง หญิงสาวเดินไปทางขวามือแล้วไปหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายติดเอาไว้ว่า “General Manager” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างก่อนยกมือเคาะประตูสามครั้ง รอไม่นานนักผู้เป็นเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดให้
“พี่ธามขา เที่ยงแล้วนะไปกินข้าวกันเถอะ”
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่คิดปิดบัง ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่น ไม่มีแม้กระทั่งแววตายินดีให้เห็น แต่เธอชินเสียแล้วกับปฏิกิริยาตอบรับของเขาที่เป็นแบบนี้
“เธอฟังพี่พูดไม่รู้เรื่องรึไงพลอย พี่บอกแล้วไงว่าเที่ยงนี้พี่มีนัดแล้ว และเป็นนัดสำคัญด้วย” หัวคิ้วของธามขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์
“เวลาพลอยมาชวนพี่ทีไรพี่ก็พูดแบบนี้ทุกทีนั่นแหละ ทุกนัดของพี่สำคัญหมด แต่ทีกับพลอยพี่เลี่ยงแล้วเลี่ยงอีก นัดของพลอยไม่เคยสำคัญสำหรับพี่เลย”
พลอยพัดชาทำหน้าง้ำ รู้ทั้งรู้ว่าธามไม่เคยคิดอะไรกับตนมากไปกว่าน้องสาวคนหนึ่ง กระนั้นเธอก็ยังหวัง ยังคงตามตื๊อเขา ทำดีกับเขา ด้วยหวังว่าเขาจะใจอ่อนกับตนสักวันเพราะเห็นแก่ความรักที่เธอมีให้เขามานานหลายปี
“ก็ในเมื่อรู้แบบนี้แล้วเธอยังจะมาทำไม อ้อ เธอพูดถูกนะพลอย ไอ้เรื่องนัดที่เธอพูดถึงน่ะมันเป็นนัดของเธอเพราะเธอพูดเองเออเองคนเดียวตลอด พี่ไม่เคยรับนัดเธอเลยสักครั้ง”
เขายืนกอดอกเอาตัวพิงกรอบประตูห้องไว้ไม่ให้เธอเข้าไปด้านใน ราวกับกลัวว่าเธอจะบุกเข้าไปในห้องทำงานแล้วลงมือปลุกปล้ำเขาอย่างไรอย่างนั้น
“แหม ทำไมจะไม่เคย เมื่อก่อนพลอยมาชวนพี่ทีไรพี่ก็ไปกับพลอยทุกครั้ง ทีตอนนี้ละมาทำเล่นตัว”
พลอยพัดชาพูดไปยิ้มไปแต่กลับถูกเขาทำหน้าดุใส่ หญิงสาวคิดจะพูดหยอกเย้าเขาอีกสักประโยค แต่ก็ต้องหยุดไว้เมื่อได้ยินเสียงหวานของใครบางคนดังมาจากด้านหลังของเขา
“พี่ธามคะ เราจะไปกันเลยไหม”
พลอยพัดชามองไปทางเจ้าของเสียงทันที รอยยิ้มที่มีก่อนหน้าหุบลงพร้อมกับหัวคิ้วที่ย่นเข้าหากันเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่ายชัด ๆ กำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ถูกธามขัดขึ้นเสียก่อน
“ครับ ไปกันเลยก็ได้ ผมก็หิวแล้วด้วย”
ชายหนุ่มเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อให้หญิงสาวที่อยู่ในห้องเดินออกมา โดยที่เขาเดินมายืนขวางหน้าพลอยพัดชาเอาไว้แต่หันหลังให้เธอ
“เนี่ยน่ะหรือนัดสำคัญของพี่” พลอยพัดชากัดฟันถามเสียงแผ่ว หากแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่ผู้หญิงอีกคนที่กำลังเดินออกมาจากห้องทำงานของชายหนุ่ม
“ใช่ เธอกลับไปทำงานของเธอได้แล้วไป พี่ไม่ว่างมาเถียงอะไรไร้สาระกับเธอหรอก” ธามหันมามองหน้าเธอนิ่งราวกับต้องการปรามไม่ให้เธอทำตัวเสียมารยาทกับแขกคนสำคัญของเขา
“แล้วถ้าพลอยจะไปด้วยล่ะ” เธอแกล้งกระซิบถามเขา และคำตอบก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเดาเท่าไรนัก
“อย่ามาทำตัวงี่เง่านะพลอย พี่ไม่ชอบ”
“เฮอะ! พี่เคยชอบด้วยหรือ” ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับพลอย พี่ไม่เคยชอบเลยสักอย่าง...สองประโยคหลังเธอได้แต่พูดอยู่ในใจ เพราะขืนพูดออกไปเสียงคงสั่นพร่าจากความน้อยอกน้อยใจที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจากผู้ชายคนนี้
พลอยพัดชามองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับไปทางเดิมโดยไม่เหลียวหลังไปมองคนทั้งคู่อีกเลย
“เชอะ! แขกสำคัญกับผีน่ะสิ ยายนั่นเนี่ยนะ”
พลอยพัดชาเดินกระฟัดกระเฟียดกลับมาที่ร้านพัดชา เจมส์ ร้านจิวเวลรี่ของตนซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์สามชั้นติดถนนใหญ่ และตั้งอยู่ข้างโรงแรมลักซ์ แกรนด์ มิราจ
ผู้หญิงที่อยู่ในห้องทำงานของธามนั้นพลอยพัดชารู้จักเป็นอย่างดี เพราะเคยเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ เธอเรียนด้านอัญมณีศาสตร์ แต่กนกลดาอยู่คณะบริหารธุรกิจ เธอกับกนกลดาเรียกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันก็ว่าได้เพราะแข่งขันกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการแข่งคัดเลือกเชียร์ลีดเดอร์ แข่งประกวดดาวมหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งประกวดนางนพมาศ เธอกับอีกฝ่ายสลับกันแพ้ชนะอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งต่างคนต่างเรียนจบ และแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน
แต่วันนี้กลับต้องมาเจอกันอีกครั้ง อีกทั้งดูเหมือนกนกลดาจะสนใจผู้ชายของเธออีกด้วย
“เป็นสัมภเวสีรึไง ฉันนึกว่าแกไปผุดไปเกิดแล้วเสียอีก!”
พลอยพัดชาได้แต่เดินบ่นพึมพำทำหน้าง้ำอยู่คนเดียวจนกระทั่งเปิดประตูเข้าไปในร้านพัดชา เจมส์ สีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนหน้านี้จึงถูกหญิงสาวเก็บซ่อนไว้ทันที พร้อมกับฉีกยิ้มสดใสอย่างเป็นมิตรเมื่อเห็นลูกค้าสองคนกำลังช่วยกันเลือกเครื่องประดับอยู่หน้าตู้กระจกโดยมีพนักงานประจำร้านคอยให้บริการอยู่
“สวัสดีค่ะ สนใจชิ้นไหนหรืออยากดูพลอยชนิดไหนเป็นพิเศษก็บอกได้นะคะ”
พลอยพัดชาเดินเข้าไปยืนอยู่หลังตู้กระจกเพื่อคอยหยิบชิ้นที่ลูกค้าต้องการ และคอยให้ข้อมูลต่าง ๆ กับลูกค้า เธอสังเกตเห็นว่าลูกค้าทั้งสองคนดูสนใจพลอยที่มีสีชมพูเป็นพิเศษจึงลองถามว่า
“คุณลูกค้าสนใจพลอยสีชมพูใช่ไหมคะ”
ลูกค้าสาวทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นยิ้มให้พร้อมกับบอกว่า
“เราเกิดวันอังคารเหมือนกันค่ะ เห็นน้องคนนี้บอกว่าพลอยที่เหมาะกับคนเกิดวันอังคารคือพลอยสีชมพู”
“ใช่ค่ะ พลอยสีชมพูก็จะมีทับทิมพม่า พิงค์แซฟไฟร์ พิงค์ทัวมาลีน พิงค์โทพาส พิงค์สปิเนล แล้วก็พัดพารัดชาค่ะ” เธอชี้ให้ลูกค้าดูจากในตู้เพราะสินค้าวางเรียงกันไว้ตามชนิดของพลอยนั้น ๆ
“ชื่อเพราะจังเลยค่ะ พัดพารัดชา” ลูกค้าสาวยิ้มพลางก้มมองแหวนจากในตู้ พลอยพัดชาเห็นว่าอีกฝ่ายดูสนใจแหวนพัดพารัดชาเป็นพิเศษ จึงหยิบออกมาจากตู้เพื่อให้ลูกค้าได้ดูใกล้ ๆ
“ใช่ค่ะ ชื่อเพราะมาก ความจริงแล้วพัดพารัดชาเป็นไพลินนะคะ ปกติเนี่ยเราจะเห็นแต่ไพลินที่เป็นสีน้ำเงินหรือสีฟ้าใช่ไหม แต่ไพลินชนิดนี้มีสีชมพูอมส้ม บางที่เขาก็จะเรียกว่าไพลินสีกลีบบัวค่ะ ซึ่งจัดว่าเป็นไพลินสีที่หายากที่สุด ยิ่งถ้าเป็นพลอยดิบที่ไม่ผ่านการเผาหรือการปรับปรุงคุณภาพก็ยิ่งหายากมาก ๆ ค่ะ”
“โห แสดงว่าราคาแรงเอาเรื่องสินะคะเนี่ย” ลูกค้าสาวมองแหวนพัดพารัดชาที่เล็งเอาไว้ตาละห้อยเมื่อทราบถึงความพิเศษของมัน
“ความจริงแล้วราคาของพัดพารัดชามีหลายเรตค่ะ บางเม็ดก็แพงกว่าเพชรอีก บางเม็ดราคาก็อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย ทุกอย่างเราคุยกันได้นะคะ พลอยอยากให้คุณลูกค้าเลือกแบบหรือดีไซน์ที่ถูกใจก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องราคาเราค่อยมาคุยกันทีหลังเนอะ” ประโยคหลังพลอยพัดชาทำทีเป็นเอามือป้องปากพูดเสียงเบาจนสองสาวที่เป็นลูกค้ายิ้มกว้าง“แต่เราชอบวงนี้นะ ดีไซน์สวยดี ดูมินิมอลน่ารักดีละ ขอดูวงนี้หน่อยได้ไหมคะ” ลูกค้าอีกคนหนึ่งพูดขึ้น“ได้ค่ะ วงนี้เป็นพิงค์แซฟไฟร์ ตัวพลอยจะอยู่ที่ 0.45 กะรัต เล่นไฟดีมากเลยนะคะวงนี้” พลอยพัดชาหยิบแหวนวงนั้นวางให้ลูกค้าบนถาดผ้าสักหลาด จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า“ตัวเรือนเป็นพิงค์โกลด์ 18K ค่ะ เพชรที่บ่าข้างเป็นเพชรแท้น้ำ 98 นะคะ ไม่ใช่เพชร CZ แน่นอนค่ะ ถ้าใส่ไม่ได้หรือไม่พอดีกับนิ้วก็สามารถปรับไซซ์ได้ไม่มีค่าบริการ แต่อาจต้องรอสินค้าประมาณห้าวันซึ่งคุณลูกค้าจะมารับเองที่ร้าน หรือจะให้ทางเราส่งทางไปรษณีย์ไปให้ก็ได้”ในที่สุดพลอยพัดชาก็ขายแหวนพัดพารัดชากับพิงค์แซฟไฟร์ไปได้อย่างละวงรวมถึงสร้อยข้อมือพัดพารัดชาอีกหนึ่งเส้น หญิงสาวยิ้มแก้มแทบปริเพราะสินค้าสามชิ้นนั้นรวมราคาแล้ว
ทั้งพลอยพัดชา นลินทรา และกนกลดาเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาก่อน นลินทราเองก็เคยเข้าประกวดเวทีต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน จึงทำให้สนิทสนมกับพลอยพัดชามาตั้งแต่นั้น ยิ่งการที่ตนได้มาเป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงจากการแนะนำของพลอยพัดชาเพราะมีน้าเป็นแมวมองและผู้จัดการมือทอง ทั้งสองคนก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น และก็ทำให้ทั้งคู่มีคู่ปรับคนเดียวกันนั่นคือกนกลดา“อ๋อ กลับมาแล้วหรือ หอบลูกหอบเมียกลับมาด้วยรึเปล่าล่ะ”น้ำเสียงของพลอยพัดชาไม่มีความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินชื่อของรพีพัฒน์ แฟนเก่าที่เคยคบหากันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“แกก็พูดไป พี่พัฒน์เขายังโสดย่ะ ฉันบังเอิญได้เจอพี่เขาตอนไปโชว์ตัวโพรโมตละครเรื่องใหม่ที่ห้างน่ะ เขาถามถึงแกด้วยนะ ถามใหญ่เลยล่ะว่าตอนนี้แกยังเปิดร้านจิวเวลรี่ที่เดิมรึเปล่า มีแฟนรึยัง ถามนั่นถามนี่สารพัด ฉันว่าพี่เขาดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะแก จะไม่ลองเป่าถ่านไฟเก่าให้คุขึ้นมาหน่อยหรือ”“ไม่ล่ะ แกก็รู้จักนิสัยฉันนี่ยายนิ้ง ถ้าฉันคิดหันหลังให้ใครแล้วฉันก็จะไม่หันกลับไปมองอีก”พลอยพัดชาตอบไปตามที่ตนคิด กับผู้ชายที่เคยหลอกลวงเพื่อคบซ้อนกับผู้หญิงอีกคน ผู้ชายที่โลเลไ
“พี่ธามคงไม่รู้ ความจริงแล้วดากับพลอยเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ แต่เราอยู่คนละคณะ และก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แค่เคยเจอหน้าและคุยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง”ธามพยักหน้ารับรู้ พลางนึกถึงสายตาจิกกัดอย่างไม่เป็นมิตรของพลอยพัดชาตอนที่มองกนกลดาก็เข้าใจได้ทันที เพราะปกติแล้วแม้พลอยพัดชาจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ ร้ายกาจและนิสัยเสียไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำตัวเสียมารยาทกับแขกของเขาอย่างนี้ ดูท่าสองคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนเรียนเสียแล้วกระมัง น่าจะเป็นคู่ปรับกันมากกว่า“โลกกลมจังเลยนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าคุณดาจะเรียนรุ่นเดียวกันกับพลอยด้วย”“นั่นสิคะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้เขาอีกหนึ่งอย่างแล้วพูดว่า“ในเมื่อดาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพลอย พี่ธามก็น่าแทนตัวเองว่าพี่เวลาคุยกับดาเหมือนที่คุยกับพลอยบ้างสิคะ และไม่ต้องเรียกดาว่าคุณก็ได้ ดาว่าฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”ธามยิ้ม ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อเขาติดต่อกับกนกลดาเพราะธุรกิจ ไม่ใช่เป็นการคุยกันแบบส่วนตัว เพราะฉะนั้นเขาไม่สามารถแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกอีกฝ่ายโดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้าไม่ได้ แต่กับพลอยพัดชาน
ความอึดอัดราวกับมีบางสิ่งที่หนาและหนักกดทับลำตัวผสานไปกับอาการมวนท้องที่เริ่มตีตื้นขึ้นมาจากกระเพาะอาหาร ทำให้หัวคิ้วของพลอยพัดชาขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ อีกทั้งสิ่งที่หนาและหนักบนตัวนั้นก็ดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างเชื่องช้าอีกด้วยเธออยากลืมตามองให้ชัดว่าคืออะไรกันแน่ แต่เปลือกตาก็หนักอึ้งราวกับมีอะไรถ่วงไว้ รับรู้ได้แค่ว่าสิ่งนั้นมาซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอ และหน้าอกก็ถูกบีบเคล้นหนักเบาสลับกันไปด้วยความมึนงงและสติที่ยังไม่กลับมาเต็มร้อย จึงทำให้หญิงสาวยังคิดอะไรไม่ออกจนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคน“อืม...นมสวยดีจริง ๆ”เสียงนี้ เสียงพี่ธามไม่ใช่หรือ!ในที่สุดพลอยพัดชาก็กลั้นใจพยายามฝืนลืมตาขึ้นมาจนได้ เธอเห็นเพียงศีรษะของผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มลงหยอกเย้ากับทรวงอกของตนอย่างย่ามใจ ครั้นพอเห็นใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มคนนั้น เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเขาไม่ผิดแน่ ธาม ศิวะเดชา ผู้ชายที่เธอแอบรักเขามานานหลายปี!ครั้นพอเริ่มมีสติ หญิงสาวก็ใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดผลักคนตัวโตออกไปจากร่างของตนทันที จากนั้นก็กลิ้งตัวไปด้านข้างจนร่างตกลงไปกระแทกพื้น เธอไม่สนใจว่าร่างกายจะบาดเจ็บตรงไหนบ้าง รู้แต่ว่า