ความอึดอัดราวกับมีบางสิ่งที่หนาและหนักกดทับลำตัวผสานไปกับอาการมวนท้องที่เริ่มตีตื้นขึ้นมาจากกระเพาะอาหาร ทำให้หัวคิ้วของพลอยพัดชาขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ อีกทั้งสิ่งที่หนาและหนักบนตัวนั้นก็ดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างเชื่องช้าอีกด้วย
เธออยากลืมตามองให้ชัดว่าคืออะไรกันแน่ แต่เปลือกตาก็หนักอึ้งราวกับมีอะไรถ่วงไว้ รับรู้ได้แค่ว่าสิ่งนั้นมาซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอ และหน้าอกก็ถูกบีบเคล้นหนักเบาสลับกันไป
ด้วยความมึนงงและสติที่ยังไม่กลับมาเต็มร้อย จึงทำให้หญิงสาวยังคิดอะไรไม่ออกจนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคน
“อืม...นมสวยดีจริง ๆ”
เสียงนี้ เสียงพี่ธามไม่ใช่หรือ!
ในที่สุดพลอยพัดชาก็กลั้นใจพยายามฝืนลืมตาขึ้นมาจนได้ เธอเห็นเพียงศีรษะของผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มลงหยอกเย้ากับทรวงอกของตนอย่างย่ามใจ ครั้นพอเห็นใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มคนนั้น เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเขาไม่ผิดแน่ ธาม ศิวะเดชา ผู้ชายที่เธอแอบรักเขามานานหลายปี!
ครั้นพอเริ่มมีสติ หญิงสาวก็ใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดผลักคนตัวโตออกไปจากร่างของตนทันที จากนั้นก็กลิ้งตัวไปด้านข้างจนร่างตกลงไปกระแทกพื้น เธอไม่สนใจว่าร่างกายจะบาดเจ็บตรงไหนบ้าง รู้แต่ว่าตอนนี้ตนกำลังเปลือยเปล่า และต้องหาอะไรมาปิดบังร่างกายโดยเร็วที่สุด ซึ่งสิ่งที่เธอคว้าติดมือมาได้ก็คือผ้าห่ม
“นึกว่าจะไม่ตื่นซะแล้ว” เสียงทุ้มของคนที่นอนตะแคงอยู่บนเตียงในสภาพนุ่งลมห่มฟ้าทำให้พลอยพัดชาหน้าแดงก่ำจนต้องผินหน้าไปทางอื่น
“เกิดอะไรขึ้น” เมื่อคืนเธอจำได้ว่ากินไวน์ไปแค่แก้วเดียวเท่านั้น จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก และตอนนี้ก็มึนหัวจนรู้สึกเหมือนว่าพื้นห้องบิดเบี้ยวไปมา
“ยังจะถาม ก็เธอเป็นคนทำไม่ใช่หรือ”
ธามตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คนฟังอย่างเธออยากจะวิ่งเข้าไปตบเขาให้นอนราบเรียบไปกับพื้นมากกว่า
“ทำอะไร พูดให้มันดี ๆ” เมื่อคืนเธอไม่เห็นหัวเขาด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่หัวเลย แม้แต่เงาก็ไม่เห็น
“ก็วางยาพี่ เพื่อให้พี่รับผิดชอบเธอไง”
เขายังตอบกลับมาหน้าตาเฉย แต่เธอแทบหายมึนหัวทันทีทันใด เธอเลิกตอแยเขามาเป็นเดือนแล้ว เลิกหวังในตัวเขาแล้ว และตั้งใจว่าจะไม่ไปยุ่ง ไม่ไปให้เขาเห็นหน้าอีก แล้วเธอจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร
“ตลกละ พลอยไม่ได้ทำ” เธอจะมีปัญญาอะไรไปวางยาเขา ประสาท!
“เธอไม่ทำแล้วใครจะทำ” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนทุกครั้งที่เขารำคาญเธอ
“จะไปรู้ได้ไง อย่ามากล่าวหากันอย่างนี้นะ” หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็จะไม่มีวันยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำอย่างเด็ดขาด
“ปากแข็ง เธออยากแต่งงานกับพี่ขนาดนั้นเลยหรือ”
เขาเลิกคิ้วขึ้นราวกับคาดคั้น แต่ประโยคนั้นกลับทำให้เธอเจ็บร้าวไปทั้งใจ เธอถอยออกมาแล้ว ไม่ไปวุ่นวายกับชีวิตของเขา แล้วผู้ชายคนนี้ยังต้องการอะไรอีก หนำซ้ำยังหยิบเอาเรื่องแต่งงานมาพูดเยาะเย้ยถากถางกันอีกด้วย
“เมื่อก่อนใช่ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว และจะบอกอะไรให้นะ...” เธออยากพูดอีกสักหลายประโยค แต่อาการคลื่นไส้มวนท้องก็ตีตื้นขึ้นมาจากกระเพาะที่ว่างเปล่าจนถึงลำคอ ทำให้ต้องรีบลุกขึ้นแล้วมองหาห้องน้ำทันที
เมื่อเข้ามาในห้องน้ำ พลอยพัดชารีบล็อกประตูห้องเพราะไม่ต้องการให้ธามตามเข้ามา จากนั้นก็โก่งคออาเจียนอยู่กับโถชักโครกทั้งที่ไม่มีอะไรออกมานอกจากน้ำใส ๆ เพราะอาหารมื้อสุดท้ายของเมื่อวานที่หญิงสาวกินเข้าไปคือตอนสายของวัน
เมื่ออาการคลื่นไส้ดีขึ้น พลอยพัดชาจึงลุกขึ้นมาเพราะอยากล้างหน้าแปรงฟันให้สดชื่น เธอมองหาแปรงสีฟันอันใหม่ที่ยังไม่แกะใช้จึงลองเปิดตู้ข้างกระจกดู เมื่อเจอแล้วก็หยิบออกมาหนึ่งอัน
กลิ่นมินต์จากยาสีฟันทำให้อาการคลื่นเหียนบรรเทาลงไปได้พอสมควร และเมื่อเสร็จเรียบร้อยจากตรงนี้ หญิงสาวจึงตรวจความเรียบร้อยของร่างกายตัวเองแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยคิสมาร์กนับไม่ถ้วนบริเวณหน้าอก หน้าท้อง ต้นขา รวมไปถึงต้นขาด้านในใกล้กับ...ตรงนั้น!
“ไม่จริง! เมื่อคืนไม่มีอะไรทั้งนั้น เรากับเขาไม่ได้มีอะไรกัน”
เธออายุยี่สิบห้าแล้ว ไม่ใช่คนไร้เดียงสาที่จะไม่รู้ว่าหากผู้หญิงกับผู้ชายร่วมรักกันแล้วส่วนนั้นจะต้องเป็นอย่างไร แต่นี่ทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยของการล่วงล้ำใด ๆ ทั้งสิ้น...แต่ถึงมีไปแล้วก็ช่างมัน เธอลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งกับผู้ชายคนนี้อีก
คิดได้ดังนั้น พลอยพัดชาจึงใช้ผ้าห่มคลุมร่างของตัวเองอย่างแน่นหนามิดชิดแล้วออกจากห้องน้ำเพื่อมองหาเสื้อผ้าของตน
พลอยพัดชาเห็นสภาพห้องแล้วได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นเพราะเสื้อผ้าของเธอมันกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
ฉันไม่มีวันถอดเสื้อผ้าไร้ระเบียบแบบนี้แน่ ต้องเป็นอีพี่ธามแน่นอนที่เป็นคนทำ!
พลอยพัดชาเดินไปเก็บเสื้อผ้าของตนตามจุดต่าง ๆ โดยไม่สนใจสายตาที่มองตามไปทุกฝีก้าวของชายหนุ่มที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวนั่งอยู่บนเตียง
“เมื่อกี้เธอจะบอกอะไรพี่”
ธามโพล่งถามขึ้น หญิงสาวงุนงงเล็กน้อยก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าก่อนวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียน เธอได้พูดอะไรไว้ ดังนั้นจึงพูดต่อให้จบ
“ก็ไอ้เรื่องวางยาอะไรนั่นไง ฉันจะบอกว่าถึงฉันจะนิสัยเสียแค่ไหนแต่ก็ไม่มีวันลดตัวไปทำเรื่องทุเรศแบบนั้นหรอก”
เขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเพราะเธอถือว่าตนได้พูดไปแล้ว และเธอก็คิดว่าธามคงไม่เชื่อแน่นอน เพราะในสายตาของเขา เธอไม่มีอะไรดีสักอย่าง
“แต่เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว ยังไงพี่ก็ต้องรับผิดชอบเธอ”
จู่ ๆ เขาก็พูดเสียงอ่อนจนเธอนึกว่าเป็นธามตัวปลอม เขาคิดว่าเธอคงดีใจจนเนื้อเต้นกระมังที่ได้ยินเขาพูดว่าจะรับผิดชอบ
“ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ฉันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เธอไม่อยากมองหน้าเขา จึงได้แต่เดินเก็บเสื้อผ้าของตนที่ทิ้งเกลื่อนไปทั่วพื้นห้อง
“พลอย!” เสียงเขาเข้มขึ้น ฟังดูก็รู้แหละว่าโกรธ แต่คิดว่าเธอจะกลัวหรือ ไม่มีทาง!
“จะเรียกทำไมนักหนา ก็บอกแล้วไงว่า อื้อ...” เธอยังพูดไม่จบ ธามก็ปิดปากเธอด้วยปากของเขาเสียแล้ว
สามเดือนก่อนหน้าร่างโปร่งระหงในชุดทำงานเรียบหรูสีดำด้วยกางเกงแปดส่วนกับเสื้อสูทเข้ารูปพอดีตัว เสื้อตัวในเป็นสายเดี่ยวเน้นเนินอกสีแดงสด รับกันดีกับรองเท้าส้นสูงและกระเป๋าสะพายสีเดียวกัน ผมยาวสลวยรวบขึ้นเป็นหางม้า เปิดใบหน้าเรียวเล็กสวยจับตาให้แก่ผู้พบเห็นพลอยพัดชาเดินยิ้มบาง ๆ เข้าไปในลักซ์ แกรนด์ มิราจ โรงแรมหรูระดับห้าดาวย่านใจกลางเมือง จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นสามซึ่งเป็นสำนักงานสำหรับพนักงานและผู้บริหารของโรงแรมนี้เมื่อขึ้นไปถึง หญิงสาวเดินไปทางขวามือแล้วไปหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายติดเอาไว้ว่า “General Manager” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างก่อนยกมือเคาะประตูสามครั้ง รอไม่นานนักผู้เป็นเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดให้“พี่ธามขา เที่ยงแล้วนะไปกินข้าวกันเถอะ”ชายหนุ่มเจ้าของชื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่คิดปิดบัง ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่น ไม่มีแม้กระทั่งแววตายินดีให้เห็น แต่เธอชินเสียแล้วกับปฏิกิริยาตอบรับของเขาที่เป็นแบบนี้“เธอฟังพี่พูดไม่รู้เรื่องรึไงพลอย พี่บอกแล้วไงว่าเที่ยงนี้พี่มีนัดแล้ว และเป็นนัดสำคัญด้วย” หัวคิ้วของธามขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์“เวลาพลอยมาชวนพี่ทีไรพี่ก็พูดแบบนี้ท
“ความจริงแล้วราคาของพัดพารัดชามีหลายเรตค่ะ บางเม็ดก็แพงกว่าเพชรอีก บางเม็ดราคาก็อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย ทุกอย่างเราคุยกันได้นะคะ พลอยอยากให้คุณลูกค้าเลือกแบบหรือดีไซน์ที่ถูกใจก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องราคาเราค่อยมาคุยกันทีหลังเนอะ” ประโยคหลังพลอยพัดชาทำทีเป็นเอามือป้องปากพูดเสียงเบาจนสองสาวที่เป็นลูกค้ายิ้มกว้าง“แต่เราชอบวงนี้นะ ดีไซน์สวยดี ดูมินิมอลน่ารักดีละ ขอดูวงนี้หน่อยได้ไหมคะ” ลูกค้าอีกคนหนึ่งพูดขึ้น“ได้ค่ะ วงนี้เป็นพิงค์แซฟไฟร์ ตัวพลอยจะอยู่ที่ 0.45 กะรัต เล่นไฟดีมากเลยนะคะวงนี้” พลอยพัดชาหยิบแหวนวงนั้นวางให้ลูกค้าบนถาดผ้าสักหลาด จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า“ตัวเรือนเป็นพิงค์โกลด์ 18K ค่ะ เพชรที่บ่าข้างเป็นเพชรแท้น้ำ 98 นะคะ ไม่ใช่เพชร CZ แน่นอนค่ะ ถ้าใส่ไม่ได้หรือไม่พอดีกับนิ้วก็สามารถปรับไซซ์ได้ไม่มีค่าบริการ แต่อาจต้องรอสินค้าประมาณห้าวันซึ่งคุณลูกค้าจะมารับเองที่ร้าน หรือจะให้ทางเราส่งทางไปรษณีย์ไปให้ก็ได้”ในที่สุดพลอยพัดชาก็ขายแหวนพัดพารัดชากับพิงค์แซฟไฟร์ไปได้อย่างละวงรวมถึงสร้อยข้อมือพัดพารัดชาอีกหนึ่งเส้น หญิงสาวยิ้มแก้มแทบปริเพราะสินค้าสามชิ้นนั้นรวมราคาแล้ว
ทั้งพลอยพัดชา นลินทรา และกนกลดาเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาก่อน นลินทราเองก็เคยเข้าประกวดเวทีต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน จึงทำให้สนิทสนมกับพลอยพัดชามาตั้งแต่นั้น ยิ่งการที่ตนได้มาเป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงจากการแนะนำของพลอยพัดชาเพราะมีน้าเป็นแมวมองและผู้จัดการมือทอง ทั้งสองคนก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น และก็ทำให้ทั้งคู่มีคู่ปรับคนเดียวกันนั่นคือกนกลดา“อ๋อ กลับมาแล้วหรือ หอบลูกหอบเมียกลับมาด้วยรึเปล่าล่ะ”น้ำเสียงของพลอยพัดชาไม่มีความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินชื่อของรพีพัฒน์ แฟนเก่าที่เคยคบหากันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“แกก็พูดไป พี่พัฒน์เขายังโสดย่ะ ฉันบังเอิญได้เจอพี่เขาตอนไปโชว์ตัวโพรโมตละครเรื่องใหม่ที่ห้างน่ะ เขาถามถึงแกด้วยนะ ถามใหญ่เลยล่ะว่าตอนนี้แกยังเปิดร้านจิวเวลรี่ที่เดิมรึเปล่า มีแฟนรึยัง ถามนั่นถามนี่สารพัด ฉันว่าพี่เขาดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะแก จะไม่ลองเป่าถ่านไฟเก่าให้คุขึ้นมาหน่อยหรือ”“ไม่ล่ะ แกก็รู้จักนิสัยฉันนี่ยายนิ้ง ถ้าฉันคิดหันหลังให้ใครแล้วฉันก็จะไม่หันกลับไปมองอีก”พลอยพัดชาตอบไปตามที่ตนคิด กับผู้ชายที่เคยหลอกลวงเพื่อคบซ้อนกับผู้หญิงอีกคน ผู้ชายที่โลเลไ
“พี่ธามคงไม่รู้ ความจริงแล้วดากับพลอยเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ แต่เราอยู่คนละคณะ และก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แค่เคยเจอหน้าและคุยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง”ธามพยักหน้ารับรู้ พลางนึกถึงสายตาจิกกัดอย่างไม่เป็นมิตรของพลอยพัดชาตอนที่มองกนกลดาก็เข้าใจได้ทันที เพราะปกติแล้วแม้พลอยพัดชาจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ ร้ายกาจและนิสัยเสียไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำตัวเสียมารยาทกับแขกของเขาอย่างนี้ ดูท่าสองคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนเรียนเสียแล้วกระมัง น่าจะเป็นคู่ปรับกันมากกว่า“โลกกลมจังเลยนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าคุณดาจะเรียนรุ่นเดียวกันกับพลอยด้วย”“นั่นสิคะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้เขาอีกหนึ่งอย่างแล้วพูดว่า“ในเมื่อดาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพลอย พี่ธามก็น่าแทนตัวเองว่าพี่เวลาคุยกับดาเหมือนที่คุยกับพลอยบ้างสิคะ และไม่ต้องเรียกดาว่าคุณก็ได้ ดาว่าฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”ธามยิ้ม ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อเขาติดต่อกับกนกลดาเพราะธุรกิจ ไม่ใช่เป็นการคุยกันแบบส่วนตัว เพราะฉะนั้นเขาไม่สามารถแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกอีกฝ่ายโดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้าไม่ได้ แต่กับพลอยพัดชาน