“สวัสดีค่ะคุณลุง มากินมื้อเที่ยงหรือคะ” เธอยกมือไหว้ชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างนอบน้อมเพราะเขาคือธเนศ บิดาของธาม
“ใช่ ขอลุงนั่งด้วยคนได้ไหม”
“ยินดีมาก ๆ เลยค่ะคุณลุง เชิญค่ะ”
หญิงสาวรอจนอีกฝ่ายนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วจึงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเองบ้าง เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานนำเมนูอาหารมาวางไว้ให้ธเนศพอดีโดยที่ไม่ต้องขอ
“หนูไม่สบายรึเปล่า ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”
“เปล่าค่ะ หนูสบายดี เพียงแต่เมื่อวานหนูไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนและน้าจินนี่มาค่ะ เสียงก็เลยแหบ” พลอยพัดชาตอบอย่างอาย ๆ จนคนสูงวัยกว่าหัวเราะเบา ๆ
“น่าสนุกจริง ๆ ดีแล้วละ ปลดปล่อยความเครียดซะบ้าง คนหนุ่มคนสาวก็ดีอย่างนี้แหละนะ ว่าแต่เจ้าธามมันไม่มากินข้าวกับหนูหรือ หนูถึงได้มากินคนเดียวเนี่ย”
“พี่ธามงานยุ่งค่ะ พลอยไม่ได้ขึ้นไปชวนพี่เขาด้วยแหละเพราะไม่อยากรบกวนเขา” เธอปดไปเพราะตนเพิ่งขึ้นไปชวนเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้เอง และคำตอบก็เป็นเช่นเคยคือเขาปฏิเสธ หากแต่ครั้งนี้เธอไม่อยากเซ้าซี้เขาอีกแล้ว เพราะตั้งใจไว้ว่าจะค่อย ๆ ดึงใจตัวเองออกมาจากธามทีละนิดด้วย
เมื่อคืนพลอยพัดชาเจอแรงยุจากนลินทราและจินตวาตีว่าควรจะถอยกลับมาอยู่ในมุมของตัวเองได้แล้ว หลังจากที่พยายามจะเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของคนอื่นมานานหลายปี
จะว่าไปแล้ว เธอก็รักธามได้มาราธอนอย่างที่นลินทราพูดไว้จริง ๆ เธอมอบใจให้เขาตั้งแต่ตอนเรียนจบใหม่ ๆ จนตอนนี้ผ่านมาห้าปีแล้วก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า คิดแล้วก็อดนึกถึงคำพูดเตือนสติของน้าจินนี่ไม่ได้
‘ถ้าเขาสนใจแก เขาก็เซย์เยสตั้งแต่ปีแรกแล้วย่ะ ไม่ลากยาวมาป่านนี้หรอก หล่อนมองตัวเองในกระจกซิ หน้าสวย หุ่นดี แถมมีทุนทรัพย์ หล่อนจะซื้อผู้ชายมานอนกกกี่คนก็ได้ เพราะฉะนั้นเลิกสนใจอีตานั่นได้แล้ว’
นั่นสินะ เธอควรตัดใจสักที
พลอยพัดชาลอบถอนหายใจแผ่ว ในหัวนึกย้อนไปในอดีต วันที่เธอเจอกับธามครั้งแรก วันนั้นไม่น่าเป็นเขาเลยที่มาช่วยเธอเอาไว้
...
งานเลี้ยงวันเกิดของธเนศ ศิวะเดชา ประธานใหญ่และผู้บริหารโรงแรมลักซ์ แกรนด์ มิราจนั้น ทำให้พลอยพัดชาต้องมาร่วมงานแทนบิดามารดาที่ล่วงลับของตน และมาในฐานะของผู้บริหารพัดชา เจมส์อีกด้วย ในงานเธอแทบไม่รู้จักใครมากนักเพราะส่วนใหญ่มีแต่นักธุรกิจในแวดวงการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่เธอคลุกคลีอยู่ในแวดวงอัญมณีมากกว่า
หญิงสาวกะไว้ว่าจะอยู่แค่ถึงตอนที่ธเนศกล่าวเปิดงานเสร็จเรียบร้อยก็จะเดินกลับร้านจิวเวลรี่ของตน แต่ไม่คาดคิดว่าขณะที่เธอกำลังเดินไปเดินมาอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจติดขัด ร่างกายเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา ซึ่งอาการแบบนี้พลอยพัดชาคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นคืออาการแพ้อย่างรุนแรง
เธอแพ้ถั่ว!
พลอยพัดชารีบเดินออกจากงานเพื่อหาที่สงบในการจัดการกับตัวเอง แต่ดูเหมือนครั้งนี้อาการจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง เธอหายใจไม่ออก ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ พยายามสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด รู้สึกว่าริมฝีปากเริ่มหนา หน้าและบริเวณรอบดวงตาเริ่มบวม หญิงสาวทรุดตัวกับพื้นทันที มือพยายามควานหาหลอดยาอีพิเพ็นในกระเป๋า ซึ่งเป็นยาที่ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อที่ต้นขาเมื่อเกิดอาการแพ้
ทว่าคงเป็นเพราะมือของเธอสั่นเกินไป เมื่อหยิบหลอดยาขึ้นมาได้มันจึงร่วงหลุดมือแล้วกลิ้งไปอีกทาง พลอยพัดชาพยายามจะคลานไปทางนั้น แต่แล้วก็มีอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน
“คุณ! คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจมองว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เธอชี้ไปที่หยอดยาอีพิเพ็น เขาจึงรีบวิ่งไปเก็บมาให้ เมื่อได้ยามาอยู่ในมือแล้วพลอยพัดชาก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ถกกระโปรงขึ้นจนถึงต้นขาแล้วปักยาเข้าเนื้อไปทันที
เมื่ออาการเริ่มดีขึ้น พลอยพัดชาจึงเพิ่งสังเกตผู้ชายที่มาช่วยตนไว้ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยสูทเต็มยศ จึงเดาว่าเขาคงมาร่วมงานเลี้ยงของโรงแรมในห้องจัดเลี้ยงห้องใดห้องหนึ่งเป็นแน่
“ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหมครับ ผมจะพาคุณไปเอง คุณแพ้อาหารใช่ไหม” สีหน้าของเขาดูกังวลและเป็นห่วงเธออย่างจริงจัง หญิงสาวจึงพยักหน้าให้แล้วตอบเขาไปสั้น ๆ
“ถั่ว”
“คุณเอารถมาไหมครับ” เขาถามต่อ เธอจึงพยักหน้าให้แทนคำตอบ
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะพาคุณไปที่รถของคุณ แล้วขับไปโรงพยาบาลให้นะครับ เผื่อคุณหายดีแล้วคุณจะได้ขับรถกลับบ้านได้เลย”
ข้อเสนอของเขาไม่เลวเลย ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนดีจริง ๆ เธอจึงพยักหน้าให้เขาทันที จากนั้นก็มองกระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วบอกเขาว่า
“กุญแจ” พลอยพัดชาพูดอะไรหลายคำไม่ค่อยได้เพราะลิ้นคับปาก
“ผมขออนุญาตนะครับ” เขาหยิบกระเป๋าสะพายของเธอไปเปิดดูแล้วหยิบกุญแจรถขึ้นมา จากนั้นก็ช่วยพยุงร่างของเธอขึ้นแล้วประคองพาไปที่รถทันที
ผู้ชายคนนี้เป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ เขาไม่มีท่าทางล่วงเกินอะไรเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่ต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวเขาจะขออนุญาตเธอก่อนเสมอ แม้กระทั่งตอนที่เขาปรับเบาะเอนลงเพื่อให้เธอนอนสบายขึ้นตอนอยู่ในรถ เขาก็ยังขอโทษ และขออนุญาตก่อนทุกครั้ง
เมื่อถึงโรงพยาบาล พลอยพัดชาได้รับการช่วยเหลือและรักษาจากแพทย์ได้ทันเวลา หญิงสาวต้องแอดมิตทันทีเพื่อรอดูอาการ โดยมีชายหนุ่มช่วยแจ้งกับแพทย์แทนเธอด้วยว่าได้มีการฉีดยาหลอดดังกล่าวที่ต้นขาไปแล้ว
เขาอยู่เป็นเพื่อนพลอยพัดชาที่โรงพยาบาลจนกระทั่งเธอหลับไปเพราะฤทธิ์ยา หญิงสาวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเช้าวันใหม่ เธอทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาแล้วก็รู้สึกเหมือนฝันไป อยากเจอผู้ชายคนนั้นอีกครั้งเพื่อขอบคุณจากปากในสภาพที่ตนเองปกติ ไม่ใช่หน้าบวมปากบึนแบบเมื่อคืน
แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์จะเป็นใจให้เพราะชายหนุ่มได้ทิ้งนามบัตรของเขาเอาไว้พร้อมเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวกับเคาน์เตอร์พยาบาล เผื่อว่ามีเรื่องฉุกเฉิน หรือเรื่องเกี่ยวกับค่ารักษาก็ให้ทางโรงพยาบาลติดต่อเขาได้ทันที
พยาบาลยังบอกอีกว่าเขานั่งเฝ้าเธออยู่เป็นชั่วโมงถึงได้ลากลับไป แต่เมื่อวานเขาขับรถของเธอมา ก็หมายความว่าตอนขากลับชายหนุ่มคงนั่งแท็กซี่กลับไปโรงแรมเป็นแน่
“พ่อเทพบุตรของฉัน”
พลอยพัดชายิ้มกริ่มเมื่อได้นามบัตรใบนั้นมา แต่พอเห็นชื่อและนามสกุลที่อยู่บนบัตรก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะเขานามสกุลเดียวกันกับลุงธเนศ เจ้าของโรงแรมที่เธอเพิ่งไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยไม่รอช้าหญิงสาวจึงโทรศัพท์หาเขาทันทีเพื่อขอบคุณ
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พลอยพัดชาหลงรักธามมาอย่างยาวนาน เริ่มจากความประทับใจที่มีต่อชายหนุ่ม หลังจากได้รู้จักกันแล้วก็หลงใหลในความสุขุมนุ่มลึกของเขา ธามเป็นผู้ชายที่เน้นการกระทำมากกว่าคำพูด หลายครั้งที่เขาดุเธอราวกับเป็นพ่อคนที่สอง แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาทำไปเพราะใส่ใจเธอต่างหาก แม้เขาจะใส่ใจเพราะเห็นว่าเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งก็เถอะ
ก็ได้! ในเมื่อเขาอยากให้เธอเป็นน้องสาวเธอก็จะเป็นให้ แต่ขอเวลาเธออีกหน่อยละกัน
“คุณดาครับ ผมดูรายงานล่าสุดที่คุณส่งมาแล้ว ผมคิดว่ามันผิดไปจากที่เราคุยกันไว้นี่ครับ”ธามขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่สบอารมณ์ แผนงานขั้นแรกที่คุยกันไว้ก่อนหน้านั้นเขาโอเคแล้ว เพราะสเปกโครงสร้างของสวนน้ำดูแล้วปลอดภัยกับผู้มาใช้บริการ แต่แผนงานล่าสุดที่บริษัทของกนกลดาปรับแก้มาให้ดูนั้นลดสเปกหลายอย่างลง ทำให้เขาไม่พอใจมาก“ผมเข้าใจครับว่าทางคุณต้องการลดค่าใช้จ่าย แต่แบบนี้มันมากเกินไป ที่เราจะสร้างคือสวนน้ำในโรงแรมนะครับ ถ้าความปลอดภัยมีไม่มากพอ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นจะทำยังไง”ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปมาในห้องเพื่อฟังปลายสายพูดโต้ตอบกลับมา แต่คงไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากฟังเท่าไรนัก สีหน้าจึงย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม“ต่อให้มีคนใช้บริการแค่คนเดียว เราก็ต้องทำให้มันได้มาตรฐานครับ ผมไม่ต้องการเอาชื่อเสียงของโรงแรมผมไปเสี่ยง” เขาหยุดยืนแล้วมองถนนหนทางด้านนอกโรงแรม มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาทุบหน้าผากตัวเองเบา ๆ ราวกับต้องการบอกให้ตนใจเย็นลง“เอาเป็นว่าผมไม่โอเคเลยครับ คุณจะให้ผมเข้าไปคุยที่บริษัทก็ได้นะ แต่ต้องเรียกบริษัทรั
“ทำไมล่ะ แล้วทองที่ขายในร้านทองทั่วไปล่ะ พี่เห็นเขาเขียนกันว่าเก้าสิบหกจุดห้าไม่ใช่หรือ” เขายังคงถามต่อ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างสงสัยใคร่รู้“เพราะทองมันมีความอ่อนตัวค่ะ ถ้าเป็นสร้อยทอง สร้อยข้อมือที่เป็นทองอย่างเดียวไม่มีเพชรหรือพลอยประดับก็สามารถใช้ทองเก้าสิบหกจุดห้าได้ หรือถ้าเทียบเป็น K ก็คือ 23K แต่ถ้ามีเพชรหรือพลอยด้วยจะต้องใช้ทอง 18K ทองเก้าสิบ หรือจะน้อยกว่านั้นก็ได้ค่ะ ไม่อย่างนั้นมันจะเกาะเพชรเกาะพลอยไม่อยู่ อาจหล่นหายได้”พลอยพัดชาอธิบายอย่างใจเย็น เพราะไม่ใช่แค่รพีพัฒน์คนเดียวที่เข้าใจว่าทองเคคือทองปลอม ยังมีลูกค้าอีกหลายคนที่ยังเข้าใจอย่างนั้นอยู่“เข้าใจละ ต้องขอโทษด้วยครับเพราะพี่เองก็ไม่ค่อยใส่เครื่องประดับน่ะก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่อง”“ไม่เป็นไรค่ะ พลอยยินดีอธิบาย” พลอยพัดชาหันถาดเครื่องประดับเซตนั้นให้เขาดูแล้วพูดว่า“เกิดวันอาทิตย์ก็แนะนำเป็นทับทิมสยามหรือโกเมนค่ะ แต่ถ้าถามพลอยนะ พลอยแนะนำเป็นทับทิมสยามมากกว่า เพราะทับทิมเป็นพลอยเนื้อแข็ง และอีกอย่างคือทับทิมสยามตอนนี้หาย
ธามเงยหน้ามองปฏิทินตั้งโต๊ะ ก่อนจะกดดูโทรศัพท์ของตนเพื่อดูว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไร ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาต้องไปประชุมที่พัทยาสามวัน แต่สัปดาห์นี้เขาอยู่ออฟฟิศตลอดไม่ได้ไปไหน และวันนี้ก็เป็นวันศุกร์แล้ว แต่ยังไร้วี่แววของคนที่เคยมาชวนเขาไปกินข้าวทุกวันเช่นเคยนับ ๆ ดูก็ร่วมสองสัปดาห์เข้าไปแล้วที่พลอยพัดชาหายหน้าไปเลยเขานึกถึงประโยคที่หญิงสาวพูดด้วยความโกรธวันนั้นขึ้นมาทันที‘ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปพลอยจะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีกเลย จะไม่มายุ่งวุ่นวายให้พี่ต้องรำคาญอีกแล้ว’“คราวนี้โกรธจริงหรือเนี่ย”เขาส่งข้อความไปหาหญิงสาวหลายครั้ง เธออ่านแต่ไม่ตอบ เคยลองโทรศัพท์ไปหาแต่เธอก็ไม่รับ นับว่าครั้งนี้เป็นการไม่เจอหน้ากันนานที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมาก็ว่าได้คราแรกเขาคิดจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไป เพราะอย่างไรเสียก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่พลอยพัดชาจะได้เลิกหวังในตัวเขา ทว่าพอเอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกเหมือนชีวิตประจำวันขาดอะไรไปบางอย่าง“ช่างเถอะ” ธามถอนหายใจแผ่วพลางป
“คุณซี นพฤทธิ์น่ะ เขาเป็นลูกเจ้าของเฟรชลูปที่ฉันไปถ่ายโฆษณาให้ ความจริงเขาก็นัดฉันไปกินข้าวหลายครั้งแล้วละแต่ฉันยังไม่กล้าไป มาคราวนี้ฉันเกรงใจเขาเพราะเขาชวนหลายครั้งแล้ว ฉันเห็นว่ามันเป็นร้านอาหารกึ่งผับ ก็เลยบอกเขาว่าจะขอชวนเพื่อนไปด้วยคนหนึ่ง เขาก็เลยบอกว่างั้นเขาก็จะชวนเพื่อนมาด้วยคนหนึ่งเหมือนกัน แกคงไม่มีปัญหาอะไรเนอะ”เฟรชลูป คือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับน้ำผลไม้รสชาติต่าง ๆ ในรูปแบบขวดภายใต้ชื่อแบรนด์ว่าเฟรชชี นลินทราได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับน้ำส้มผสมเลมอน โดยจะเริ่มออนแอร์เดือนหน้า“แล้วเพื่อนเขาเป็นใคร มาจากไหนล่ะ” โอเค เธอรู้แล้วว่าคู่ของนลินทราเป็นใคร แต่คู่ของเธอนั้นยังไม่รู้“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไม่กล้าถาม แต่เพื่อนเขาก็ยังมาไม่ถึงนะแก ฉันเลยบอกไม่ได้ว่ารูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอเป็นยังไง เอาไว้มาถึงก็รู้เองนั่นแหละ ถ้าหน้าหม้อมากนักก็ถีบส่งเลย”“โอเคค่ะคุณเพื่อน รอคนสวยหน่อยนะ คนสวยกำลังไป หล่อนก็นั่งล้วงตาคนนั้นไปก่อนละกัน เอ่อ...ฉันหมายถึงล้วงข้อมูลน่ะ” พูดจบเธอก็หัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินเสียงน
ชายหนุ่มเล่าวีรกรรมแสบสันล่าสุดของพลอยพัดชา หากแต่สีหน้าและแววตาของเขากลับไม่มีร่องรอยของความไม่พอใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับฟังแล้วรู้สึกว่าคนพูดมีความเอื้อเอ็นดูอย่างหาได้ยากนพฤทธิ์ได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะร่วน “น้องแกนี่ก็ดีนะ ตัวไม่อยู่แต่ก็ยังอุตส่าห์ทิ้งตัวแทนเอาไว้ด้วย”“เฮอะ ปวดหัวตายห่า” ธามแค่นยิ้ม แต่นพฤทธิ์กลับมองด้วยสายตาราวกับรู้ทัน“จริงเร้อ...ไม่ใช่ว่าแกเดาได้แต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเพื่อนคุณนิ้งเป็นใคร ไม่อย่างนั้นแกจะขอแลกที่นั่งกับฉันทำไม จริงไหมวะไอ้คุณธาม”ธามไม่พูดอะไรเพื่อเป็นการแก้ต่างให้ตัวเอง เขาได้แต่นั่งยิ้มบาง ๆ เพื่อรอให้สองสาวกลับมาที่โต๊ะตามเดิมขณะเดียวกัน พลอยพัดชาก็เดินไปเดินมาราวกับเสือติดจั่นอยู่ในห้องน้ำเพราะเมื่อครู่นลินทราถูกแฟนคลับขอถ่ายรูปด้วย เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินตามเข้ามาแล้ว จึงปรี่เข้าไปหาทันที“ทำไมพี่ธามมาอยู่ที่นี่ได้ ทำไมแกไม่บอกฉันว่าเป็นพี่ธาม”“ฉันขอโทษ ฉันสาบานได้เลยว่าฉันไม่รู้จริง ๆ เว้ยว่าเพื่อนคุณซีคือพี่ธาม
วันนั้นเป็นงานวันเกิดของบิดา และเป็นช่วงที่เขาเรียนจบปริญญาโทกลับมาจากเมืองนอกพอดี เขาเห็นพลอยพัดชาเดินไปเดินมาอยู่ในงานเพียงลำพัง นอกจากหยุดพูดคุยทักทายคนรู้จักเล็กน้อยแล้วเขาก็ไม่เห็นว่าหญิงสาวจะมากับครอบครัวหรือมากับแฟนจึงทำให้เขาสนใจเธอขึ้นมาทันทีตั้งแต่แรกเห็นเขาแอบมองเธอเงียบ ๆ จนแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวมาคนเดียวแน่นอน จึงตั้งใจจะเข้าไปทำความรู้จัก ทว่าหันไปมองอีกที เขาก็เห็นเธอผลุนผลันออกไปจากห้องจัดเลี้ยงราวกับมีเรื่องด่วน เขาแอบตามไปจนเห็นว่าหญิงสาวไปนั่งทรุดอยู่กับพื้นตรงมุมลับตาคนในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก จึงรีบปรี่เข้าไปหาเธอทันทีด้วยความตกใจแต่หลังจากนั้น เขาก็ได้รู้ว่าพลอยพัดชาเป็นบุตรสาวของเพื่อนสนิทที่ล่วงลับของบิดาเขาเอง อีกทั้งยังซี้ปึ้กกับธีรนาฏ น้องสาวของเขาอีกด้วยเพราะเรียนมัธยมมาด้วยกันตลอดหกปีเต็ม แต่เพราะเขาไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่จบมัธยมต้น จึงไม่เคยเจอหน้าพลอยพัดชามาก่อน พอรู้ว่าเป็นคนกันเอง และบิดาของเขาก็เอ็นดูเธอไม่น้อย จึงทำให้เขาปฏิบัติกับเธอไม่ต่างจากน้องสาวคนหนึ่งตลอดหลายปีมานี้ พลอยพัดชาคอยวิ่งตามเขามาตลอด แต่พอเธอหายหน้าไปร่วมครึ่งเดื
พลอยพัดชานำมงกุฏเพชรประดับด้วยพลอยบุษราคัมลงกล่องกำมะหยี่สีม่วงเปลือกมังคุดพลางอมยิ้มเมื่อนึกถึงผู้ที่กำลังจะได้เป็นเจ้าของ หญิงสาวปิดฝากล่อง กดตัวล็อกแล้วก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นตัวอักษรสีทองที่อยู่บนฝาแด่คนงาม นาม...จินตวาตีวันนี้เป็นวันเกิดของน้าจินนี่ จินตวาตี ซึ่งจะมีงานปาร์ตีที่บ้านใหญ่ในช่วงหัวค่ำ งานนี้มีบรรดาดารานักแสดง รวมถึงคนในวงการบันเทิงที่สนิทชิดเชื้อไปร่วมงานกันมากมาย ซึ่งพลอยพัดชาก็ต้องไปร่วมงานให้ได้ เพราะผู้เป็นน้าลั่นวาจาเอาไว้ทุกปีว่าต่อให้เธอป่วยจนลุกจากเตียงไม่ไหว ก็ต้องถ่อสังขารไปทั้งเตียงและเสาน้ำเกลือธีมของงานคือเซ็กซี่ออนเดอะบีช จินตวาตีเนรมิตสวนและสระว่ายน้ำให้เป็นเกาะสวาทหาดสวรรค์ ฉะนั้นผู้ที่ไปร่วมงานก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากับการไปเที่ยวทะเล ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ต้องมีบิกินีแน่นอน“พี่กลับก่อนนะคะ ต้องกลับไปเตรียมตัวสักหน่อย”พลอยพัดชาบอกกับพนักงานในร้านหลังจากที่นำมงกุฏห่อใส่กล่องของขวัญและผูกโบว์เรียบร้อยแล้วหญิงสาวเดินออกจากร้านเพื่อไปขึ้นรถที่จอดไว้ในโรงแรม เม
หญิงสาวมองธามจากกระจกมองหลัง เห็นเขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนจนกระทั่งรถของเธอเลี้ยวมาอีกด้าน ทำให้มองไม่เห็นเขาแล้วจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็กรี๊ดออกมาลั่นรถเพื่อระบายความอัดอั้น“อีตาบ้า อีคนหน้าตาย คิดจะอ่อยฉันเหรอ เชอะ! ไม่สำเร็จหรอกย่ะ รอให้ฉันตัดใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นเมื่อไร ต่อให้มากอดแข้งกอดขาฉันก็จะเชิดหน้าให้คอเคล็ดไปเลย ฮึ!”ทีตอนที่เธอวิ่งตามเขา เขากลับไม่เคยแยแส แต่พอเธอตั้งใจว่าจะเลิกแคร์ เขากลับตามตอแยเธอไม่เลิกเมื่อกลับถึงคอนโดมิเนียม พลอยพัดชารีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว โชคดีที่เตรียมชุดไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จึงไม่เสียเวลากับการเลือกชุดที่จะใส่ไปงานปาร์ตีคืนนี้หญิงสาวเลือกบิกินีลายดอกลิลลี่สีชมพูพื้นดำ เครื่องสำอางต้องเป็นแบบกันน้ำเพราะงานนี้มีการกระโดดลงสระกันแน่นอน จากนั้นก็หยิบกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งมาสวมใส่ เพราะคงเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ ส่วนผ้าผูกเอวที่เอาไว้คลุมสะโพกค่อยเอาไว้ไปใส่ที่งาน รวมไปถึงดอกกล้วยไม้สำหรับทัดหูนั
“พลอย” เขาเรียกเธอเสียงพร่า หญิงสาวจึงแกล้งละเลงลิ้นลงบนกล้วยอีกครั้งพลางตอบรับเบา ๆ“ขา พี่อยากทำงานก็ทำไปสิคะ พลอยก็แค่...หิว”พูดจบเธอก็ส่งกล้วยเข้าปากไปอีกครั้ง และเช่นเคยที่เธอไม่ยอมกัดกินมัน แต่กลับเอาออกมาแล้วส่งเข้าไปใหม่อีกสองสามครั้ง จนในที่สุดธามก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงเพื่อปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“อุ๊ย!” สายตาของพลอยพัดชาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงเขาทันที เพราะตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างจนเห็นเด่นชัด“ตื่นแล้วอะ ทำยังไงดีน้า” หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบา ๆ ไปตามรอยที่นูนขึ้นมาอย่างยั่วเย้า“ยั่วเก่งดีนักนะ แล้วอย่ามาบ่นละกันว่าปวดขาปวดเอว”เขาพูดจบก็คว้าสูทมาพาดไว้ที่แขนเพื่อเป็นการบังเป้ากางเกงไปด้วย มืออีกข้างก็โอบเอวภรรยาจอมยั่วพลางกระซิบว่า“กล้วยนี้มันไม่อร่อยหรอก ขึ้นไปกินกล้วยกับพี่บนห้องดีกว่า อร่อยกว่าเยอะแถมกินได้ไม่อั้น”พลอยพัดชายิ้มกริ่มพลางทิ้งกล้วยหอมนั้นลงถังขยะทันที จากนั้นก็เดินตามสามีออกจากห้องทำงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุ
สองปีต่อมาพลอยพัดชามองเงาตัวเองในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้พุงของเธอป่องมากราวกับลูกโป่งใบใหญ่ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าสาวน้อยที่อยู่ในพุง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียจนแทบนับวันถอยหลังรอแต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ เพราะตั้งแต่รู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกสาว ธามก็ลงทุนจัดห้องไว้รอรับด้วยตัวเอง ตั้งแต่ทาสีผนังเป็นสีชมพูอ่อน ซื้อเตียงและเปลเจ้าหญิงเอาไว้รอ รวมถึงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นสีชมพูและไม่ใช่แค่ธามเท่านั้นที่เตรียมห้องไว้รอบุตรสาวคนแรก จินตวาตีก็เช่นกันที่จัดเตรียมห้องไว้รอต้อนรับหลานสาวคนแรกที่จะได้เรียกตนว่าคุณยายหญิงสาวหยิบโลชั่นสำหรับกันรอยแตกลายมาทาเบา ๆ ที่หน้าท้อง เพราะแม้จะใกล้ได้เป็นคุณแม่แล้ว แต่ร่างกายส่วนอื่นของพลอยพัดชาก็ยังคงสภาพเดิม มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ทว่าตอนนี้คนที่ดูจะคลั่งไคล้กับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นของเธอเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นสามีของเธออ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหล
พลอยพัดชากับนลินทรายืนมองผืนน้ำสีเขียวมรกตด้วยแววตาระยิบระยับ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นมาทะเลครั้งนี้พวกเธอจะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เติมพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“พี่ธามไปไหนน่ะ” นลินทราถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อน“ไม่รู้สิ เห็นมีโทรศัพท์มาเมื่อกี้แล้วก็เดินไปคุยที่อื่นน่ะ” พลอยพัดชาตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้จินตวาตีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่ในที่ร่ม“น้าจินนี่เอาชุดว่ายน้ำกับพร็อพมาเพียบเลยแก ทั้งหมวกเอย ผ้าคลุมเอย คือนางไม่ได้จะมาเล่นน้ำหรอก แต่จะมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ เห็นบอกว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่” พลอยพัดชาได้ที จึงแอบเม้าท์ผู้เป็นน้า“ว่าแต่น้าจินนี่ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะยะ มาเที่ยวแค่สี่วันแต่กระเป๋าเดินทางตั้งสองใบ อีบ้า ทำอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน” นลินทราค้อนให้เพื่อน พลอยพัดชาจึงได้แต่หัวเราะคิกคักทั้งสองสาวเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้วจึงหันไปมองหน้ากัน“ฉันว่าเราไป
“เจ้าค่า...คราวนี้ก็ออกกันยกแผงเลยสิคะ”“ใช่ ตอนนี้ให้ฝ่ายบุคคลของส่วนกลางประกาศรับพนักงานใหม่แล้ว ส่วนคนที่จะไปแทนตำแหน่งของพิษณุกับโชคชัยนั้น พี่ว่าจะลองคุยกับคุณพ่อดูว่าจะคัดเลือกคนเก่ง ๆ ของที่นี่ไปประจำอยู่สาขานั้นดีไหม ถือเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปในตัว แล้วพลอยล่ะเป็นไงมั่ง”“ตอนนี้ที่ร้านได้พนักงานใหม่มาเพิ่มแล้วค่ะ หน่วยก้านดีใช้ได้ ไลฟ์สดเก่งด้วยเพราะเขาเคยไลฟ์ขายเสื้อผ้ามาก่อนก็เลยคล่องมากตอนอยู่หน้าจอ ส่วนน้าจินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว เริ่มให้พวกพี่เลี้ยงที่ดูแลศิลปินเข้าไปคุยเรื่องงานโดยตรงในห้องพักได้แล้วค่ะ เพราะจะได้ช่วยฟื้นความจำด้วย”“พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงไอ้ก้าว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำแล้วละ รอศาลตัดสินโทษ แต่คิดว่าคงติดคุกไม่นานหรอก ไม่กี่ปี แต่เรื่องของเพื่อนพลอยนี่สิ กว่าคดีจะเสร็จสิ้นคงอีกนานเลย น่าจะเป็นปี”พลอยพัดชาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงกนกลดา“ว้าย อย่ามาพูดอย่างนี้นะ นางไม่ใช่เพื่อนพลอยสักหน่อย แค่คนรู้จักยังไม่อยากจะเป็นเลย เท่ากับว่าตอนนี้นางกับพ่อก็ยัง
พลอยพัดชาตื่นขึ้นมาช่วงสายเพียงลำพังบนเตียงนอนหลังใหญ่ ไม่รู้ธามไปไหน แต่เดาว่าเขาคงลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมตามเคยหญิงสาวพาร่างที่เมื่อยขบของตนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ครึ่งชั่วโมงถัดมาเธอก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่บนเตียง ดูแล้วเหมือนกล่องใส่เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้หลายชิ้นทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู“หรือว่าจะเป็นกล่องใส่นาฬิกาของพี่ธาม” เธอรู้ว่าธามเป็นคนที่ชอบสะสมนาฬิกา ก็เลยคิดว่าเขาคงหยิบมาเลือกใส่จึงไม่ได้สนใจมันอีก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดของตนออกมาสวม“จะไม่เปิดดูหน่อยหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง ธามยืนเปลือยท่อนบน ใส่เพียงกางเกงลำลองอยู่บ้านสบาย ๆ กำลังยืนกอดอกและส่งยิ้มมาให้“กล่องนาฬิกาของพี่ธามรึเปล่าล่ะคะ”“ไม่ใช่ กล่องนั้นของพลอยทั้งกล่องเลย”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ถามจริง”เธอแขวนชุดไว
“เม็ดสีเหลืองคือพลอยปลอม วิธีสังเกตอย่างง่ายเลยก็คือให้ดูประกายของมันเวลาส่องกับแสง ถ้ามีประกายรุ้งคือปลอมชัวร์ เป็นพลอยที่สังเคราะห์ขึ้นมา และอีกวิธีที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ก็คือให้ดูที่เส้นของพลอย พลอยบางเม็ดมันจะมีเส้นตรงเรียง ๆ กันเป็นแถบให้เห็นกันเลย แต่บางเม็ดเราก็อาจจะต้องใช้ลูปหรือกล้องส่องพระขยายดูข้างในว่ามันมีเส้น ๆ พวกนี้ไหม จำไว้ว่าต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น ถ้ามีเส้นโค้งให้เห็นนั่นคือปลอม และถ้าใช้ลูปส่องดูแล้วมีฟองอากาศหรือรูปร่างกลม ๆ เหมือนโดนัทกระจายอยู่ นั่นก็ปลอมเหมือนกัน” พลอยพัดชาลองให้วนิตาใช้ลูปส่องพลอยดูด้วยตัวเอง“เส้นหรือแถบสีในเนื้อพลอยมันก็เหมือนลายนิ้วมือของคนเรานั่นแหละ แต่ละเม็ดก็จะแตกต่างกันไป ไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันหรอก”พลอยพัดชาอธิบายพลางเดินไปหยิบถ้วยสีขาวในตู้มารองน้ำแล้วกลับมานั่งที่เดิม“และอีกวิธีที่ง่ายในการดูด้วยตาเปล่าก็คือการจุ่มน้ำ” เธอหยิบพลอยเม็ดสีเขียวมาจุ่มลงไปในน้ำแล้วถามว่า“นิตาเห็นอะไรไหม”“เห็นค่ะ มันเป็นแถบสีเป็นเส้น ๆ” วนิตาตอบ&
“ถ้าไม่มีผมก็ขอปิดประชุมครับ อ้อจริงสิ ผมลืมไป ผู้ช่วยคุณพิษณุกับคุณโชคชัยอย่าลืมไประงับการก่อสร้างเอาไว้นะครับ ส่วนคนงานพวกนั้นก็ให้กลับบ้านไปได้เลยเพราะเป็นคนของเคบี บิลท์ และเพิ่มพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกสี่คนเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน”ธามพูดจบก็หันไปพยักหน้ากับบิดา จากนั้นก็พากันลุกเดินออกไปจากห้องประชุมทันที ซึ่งหลังจากคล้อยหลังคนทั้งสามแล้ว ในห้องประชุมก็มีแต่เสียงโอดครวญเพราะรู้อนาคตของตัวเองแล้วว่าจะเป็นอย่างไรกฤษณ์กลับถึงบ้านด้วยสีหน้าเครียดขึ้ง กนกลดาจึงรีบเดินมาหาบิดาทันที“เป็นไงบ้างคะคุณพ่อ”“มันมีหลักฐานครบทุกอย่างเลย งานนี้เราจบแน่”“แล้วเราจะทำยังไงดีคะ เราต้องติดคุกหรือคะคุณพ่อ” กนกลดาถามเสียงสั่น กฤษณ์ยืนใช้ความคิดครู่หนึ่งก็บอกบุตรสาวว่า“เราต้องหนีไปต่างประเทศแล้วละ แต่ก่อนอื่นเราต้องหาทางถ่ายโอนทรัพย์สินและเงินทั้งหมดไปไว้กับป้าของแกก่อน ไม่อย่างนั้นเราถูกยึดทรัพย์หมดตัวแน่”“แล้วพวกพนักงานที่บริษัทล่ะคะ”
“ว่าไงครับ ทำไมเงียบกันล่ะ” ธามยิ้มมุมปาก เพราะเข้าใจดีว่าพิษณุกับโชคชัยคงกำลังสงสัยและกังวลไม่น้อยว่าเขารู้อะไรมาบ้าง แต่ด้วยความที่วางตัวเป็นคนใหญ่คนโตมานานเกินไป จึงได้แต่เชิดหน้าอย่างหยิ่งผยอง“เธอมาไล่บี้กับพวกอาอย่างนี้ไม่ถูกนะ รู้ไหมว่าสมัยที่พ่อเธอ...” โชคชัยทำท่าขึงขัง แต่ธามไม่เปิดโอกาสให้พูดจบ“พ่อผมก็ส่วนพ่อผมครับไม่เกี่ยวกัน นั่นมันสมัยเมื่อกี่สิบปีมาแล้วล่ะ คนเรามันต้องเดินหน้าครับ ธุรกิจก็เช่นกัน ยิ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการโรงแรมหรือการท่องเที่ยวยิ่งย่ำอยู่กับที่ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเห็นแก่ประโยชน์ขององค์กรเป็นหลักครับไม่ใช่ตัวบุคคล ไอ้ระบบพวกมากลากไปหรือระบบผู้อาวุโสต้องถืออภิสิทธิ์เหนือคนอื่น คิดอยากจะมาทำงานวันไหนก็มาแต่เงินเดือนรับเต็มเดือน แล้วก็พวกใช้เส้นสายยัดญาติพี่น้องตัวเองเข้ามาทำงานแล้วแต่งตั้งตำแหน่งกันเอง ผมบอกตรงนี้เลยว่าผมไม่เอา”ชายหนุ่มลากเก้าอี้ออกแล้วหย่อนตัวลงนั่งพลางกวาดตามองหน้าผู้เข้าร่วมประชุมไปทีละคนอย่างช้า ๆ เพราะคนเหล่านี้ล้วนแต่ถืออภิสิทธิ์ชนทั้งสิ้น บางคนมาทำง
“คุณพ่อว่าไงนะ พี่ธามพาทีมวิศวกรมาตรวจเองโดยไม่บอกใครหรือคะ” กนกลดาถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้หูฝาด“ก็ใช่น่ะสิ แสดงว่ามันคอยสบโอกาสเล่นงานเราอยู่แน่ ๆ”กฤษณ์หงุดหงิดจนไม่สามารถนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ ต้องลุกเดินไปเดินมาเพื่อคลายความร้อนรุ่มในใจ“แต่ดาว่าก็แค่ตัวเลขบางจุดไม่ตรงกันกับคราวก่อน เขาไม่น่าจะเล่นงานเราได้นะคะ”“เฮอะ! นี่แกคิดว่าคนอย่างไอ้ธามมันจะจ้างทีมวิศวกรลงมาตรวจงานเล่น ๆ หรือ มันทำแบบนี้ก็หมายความว่ามันมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดพวกเราได้อยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว”กนกลดานิ่งไปทันทีที่ได้ยินบิดาพูดจบ “แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดีคะ หรือถ้าเราไม่ยอมรับเสียอย่าง เขาจะทำอะไรเราได้ คุณพ่อคิดว่าหลักฐานที่เขามีจะทำให้เราล้มได้เลยหรือ”กฤษณ์หันมามองหน้าบุตรสาวครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“ถ้าพวกเราไม่ล้มแล้วมันจะทำอย่างนี้ไปทำไม”เขาพยักหน้าช้า ๆ เมื่อนึกถึงสีหน้าเย็นชากับสายตาที่เป็นอริของธามยามมองมาที่ตน“ไอ้ธามมันอดทนอดกลั้นได้ด