“น้องนานอยู่ที่ไหนแล้วคะ" ฉันโทรหากาลนานทันทีที่ฉันหาที่จอดรถได้
"ผมกำลังจะจอดรถพอดีครับ" "โอ๊ะ พี่เห็นนานแล้ว" ฉันโบกมือหย็อยๆ ให้เขา "ไปรถผมดีกว่าครับพี่ เดี๋ยวผมขับให้" เขาลดกระจกรถลงตะโกนออกมา "รถหรูขนาดนี้เลยเหรอ" ฉันมองรถที่เขาขับมาก็พอจะเดาได้ว่ายี่ห้อนี้รุ่นนี้ราคาไม่ต่ำกว่า6ล้านบาท "จะดีเหรอไปรถพี่ดีกว่า ได้ค่าน้ำมันด้วย"ฉันพยักหน้า พลางชี้มาที่รถตัวเอง "ผมขี้เกียจหาที่จอดรถแล้วครับพี่ วนอยู่หลายรอบละ ทำไมที่จอดรถน้อยจัง" เขาขมวดคิ้ว "นี่อย่าบ่นเลย โอเคๆ ไปรถนานก็ได้เดี๋ยวพี่เอากระเป๋ากับกล่องเครื่องมือก่อน" ระหว่างที่นั่งรถไปในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อที่จะเข้าไปดูเครื่องจักรที่มีปัญหาที่ทางลูกค้าแจ้งมา ฉันมองสังเกตกาลนานตลอดทางไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือผิวพรรณ ดูผู้ดีเกินเบอร์อะไรขนาดนั้นหน้าใสไร้ที่ติ จมูกโด่งสวยขึ้นเป็นสันขนคิ้วที่สวยได้รูป ปากอมชมพูเป็นธรรมชาติ ไม่รู้ใช้ลิปอะไรถึงน่าดึงดูดขนาดนี้ ขนาดไรหนวดยังดูเซ็กซี่ ฉันเผลอกัดริมฝีปาก "พี่ริน ถ้าจะมองผมขนาดนี้ไม่มาเข้าสิงผมเลยล่ะ ผมไม่มีสมาธิขับรถเลยเพราะพี่มองผมแบบนี้อ่ะ" เขาอมยิ้ม "อะไร มองอะไรกัน พี่ก็มองไปทั่ว แล้วพี่ก็มองว่านานหลับหรือเปล่าต่างหากล่ะ แหม่ดูท่าทางไม่ค่อยพูด แต่พอพูดก็เอาเรื่องเหมือนกันนะ" ฉันตีไหล่เขาไปหนึ่งทีกลบเกลื่อน เด็กบ้ารู้ทัน "สวัสดีค่ะพี่ศิระ/สวัสดีครับ" ฉันยกมือไหว้พี่ศิระหัวหน้าแผนกเมื่อเข้าไปข้างในโรงงาน พร้อมกับกาลนาน "สวัสดีครับริน รบกวนอีกแล้วนะครับ เอ๊ะนี่ผู้ช่วยคนใหม่เหรอครับ" "ค่ะพี่ พอดีอาร์เกิดอุบัติค่ะเลยลายาวเลยค่ะ" "อ้าว แล้วเป็นไงบ้างล่ะครับ" "ขาหักค่ะพี่ ชอบขี่รถซิ่งดีนัก" ฉันนึกถึงบิ๊กไบร์ที่อาร์ชอบขี่ "ฟาดเคราะห์ไปอาร์เอ๊ย" พี่ศิระพูด "แล้วผู้ช่วยคนใหม่ชื่ออะไรล่ะ" "นานครับ" กาลนานบอกชื่อพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตรดูอบอุ่นอะไรขนาดนี้ "ป่ะเราไปดูเครื่องจักรกันดีกว่าครับ" พี่ศิระพาเราเดินเข้ามาเกือบสุดโรงงาน ทำเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน "ออกกำลังกายบ้างมั้ยพี่" กาลนานกระซิบถามเมื่อเห็นฉันเริ่มหายใจแรง "ทำไม" "ผมเห็นพี่หายใจแรงเหนื่อยเหรอครับ" แล้วยิ้มยียวนใส่ฉันกวนชะมัด "จร้าพ่อคนหนุ่มไฟแรง" ฉันขี้เกียจพูดทะเลาะด้วย นี่ขนาดรู้จักกันแค่2วัน ยังปากเก่งแซวฉันขนาดนี้สงสัยผู้ชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะปกติพนักงานใหม่จะต้องเขินๆ ตื่นหน้างานบ้าง แต่นี่เดินจ้ำอ้าวไม่หยุด "งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ มีอะไรเรียกพี่ได้เลยนะครับริน" พี่ศิระผู้จัดการแผนกหนุ่มวัยสี่สิบพูด ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุสักหน่อยแต่ก็ยังถือว่าดูดีอยู่ "น้องนาน มาค่ะเดี๋ยวพี่จะสอนการทำงานเบื้องต้นให้ค่ะ" ฉันดึงแขนของเขาให้เข้ามาใกล้ๆ เพื่อจะสงบศึกเมื่อกี้ "เรียกผมนานก็ได้ครับ เรียกน้องนานมันไม่คุ้น" เขาขมวดคิ้วใส่ "พี่ว่าน้องนานเหมาะจะตาย คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเรียกบ่อยๆ" "พี่คนแรกเลยที่เรียกอะไรแบบนี้ผมไม่น่ารักอะไรขนาดนั้นหรอกครับ" เขายิ้มทำหน้ากวนๆ "น่ารักสิ ถ้าเปรียบกับเจ้าอาร์ห่างกันลิบลับ" ฉันนึกถึงเจ้าอาร์คู่หูที่ลุยๆ ที่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาตัวเองเท่าไหร่ สกปรกเป็นที่หนึ่ง แต่อาจเพราะความสกปรกของเขาทำให้ฉันไม่ต้องตัวเลอะหรือมือเลอะน้ำมันเลยเวลาอยู่ซ่อมเครื่อง นึกแล้วก็คิดถึงเจ้าอาร์เหมือนกัน ฉันเสียบสายยูเอสบีโน๊ตบุคเข้ากับเครื่องจักรขนาดใหญ่เพื่อดูการทำงานของโปรแกรม ฉันสังเกตท่าทางตั้งใจและขะมักเขม้นของกาลนานมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย เสื้อเชิตสีน้ำเงินที่พันแขนเสื้อลวกๆ ชายเสื้อออกมานิดหน่อยทำเอาฉันอดมองไม่ได้เลย "พี่รินครับ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่าครับมองผมไม่ละสายตาเลยหรือหน้าผมเลอะ" เขาหันหน้าไปส่องหน้าจอของเครื่องจักรที่คล้ายกระจก "เปล่านี่ พี่จะบอกเราว่าออกพื้นที่ครั้งแรกใช้ได้เลยนะ เคยทำงานเกี่ยวกับเครื่องกลอะไรแบบนี้เหรอ" ฉันถาม "ก็เคยมีผ่านๆ บ้างครับ" เขาเอาผ้าเช็ดมือแล้วพลางพับเก็บโน๊ตบุค "งานเสร็จแล้วเราจะกลับเลยหรือยังไงต่อครับ" "เห็นพี่ศิระจะชวนเราไปทานข้าวแล้วมีดื่มนิดหน่อย พี่ยังลังเลอยู่" "ถ้ามีดื่มด้วยเราอย่าไปเลยครับพี่ ผมขี้เกียจฟังคนร้องไห้" แล้วเขาก็เดินไปหาพี่ศิระที่อยู่อีกฟังหนึ่งของแผนก "อะไรของเขาเนี่ย รู้ได้ไง ไม่ ฉันไม่เคยเมาแล้วร้องไห้ เอ๊ะหรือว่าร้อง" ฉันเดินเกาหัวไป "มีดูงานต่ออีกเหรอครับริน พี่คิดว่าเสร็จงานแล้ว" พี่ศิระถามขณะที่ฉันเดินเข้ามา พลางมองหน้ากาลนานที่ส่งซิกทางสายตาขยิบๆ "อ๋อใช่ค่ะ พอดีว่าเสร็จตรงนี้แล้วจะไปต่อเลยค่ะ คงไม่ได้ไปดื่มกับพวกพี่ๆ" ฉันทำหน้าเศร้าตามแผนกาลนาน "เคๆ ไว้ครั้งหน้าแล้วกันเนอะ ห้ามเบี้ยวพี่ล่ะ" "ได้ค่ะพี่ ไม่เบี้ยวแน่นอน" ฉันกับกาลนานยกมือไหว้บอกลาพี่ศิระที่กำลังเดินตามมาส่ง ที่ลานจอดรถ "ทำไมไปโกหกพี่ศิระแบบนั้นล่ะนาน" ฉันถามเขาเมื่อเรามานั่งบนรถ "ผมไม่อยากให้พี่ดื่ม เดี๋ยวก็ร้องไห้อีก" "พี่ไม่เคยร้องไห้" ฉันพูดเสียงแข็ง "แล้วใครที่เมาขว้างแก้วเหล้าใส่คนอื่น" เขาจอดรถแล้วหันมาพูดกับฉัน "อย่าบอกนะว่าคืนนั้นนานอยู่ร้านนั้น แล้วแผลที่หน้าพี่ก็เป็นคนทำ"ฉันเบิกตา กว้างเพราะคิดว่าวันนั้นอาจไม่โดนใคร แต่คนที่เจ็บตัวมาอยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว "ก็ใช่น่ะสิครับ ผมถึงบอกว่าพี่ไม่ควรดื่มเหล้าอีก" "พี่ขอโทษ ไม่รู้ว่าเป็นนานเจ็บมากมั้ย"ฉันเอามือไปจับหน้าของเขา "สกปรก พี่น่ะล้างมือหรือยังครับเดี๋ยวสิวก็ขึ้นหน้าผมกันพอดี" เขาเบือนหน้าออกจากมือของฉัน "ยัง" แต่นานเป็นคนยังไงกันแน่นะมองดูเหมือนไม่มีอะไรแต่คำพูดคำจาน่าจะเอาเรื่องอยู่ หรือว่าเขาแอ๊บไว้ อย่างนี้ต้องทำการละลายพฤติกรรม"พี่ว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า หิวข้าวแล้ว" ฉันพูดพลางลูบท้องกว่ารถจะมาถึงที่บริษัทก็ค่ำพอดี ฉันพากาลนานมาทานข้าวข้างบริษัท"อะไรกันพี่มีแต่กับแกล้มกับเหล้าไหนบอกหิวข้าว" เขาถามพร้อมมองอาหารบนโต๊ะพร้อมกับเหล้า"หิวเหล้า แฮะๆ " ฉันแกล้งแสแสร้งว่าอยากกินเหล้า แต่จริงๆ วันนี้ฉันจะทำให้กาลนานเมาแล้วเผยตัวตนที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาออกมา ฉันจัดการรินเหล้าให้เขาพร้อมประเคนใส่มือให้ เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย"รับน้องใหม่เหรอครับพี่" เขาถามก่อนจะยกขึ้นดื่ม"ใช่ๆ วันนี้พี่เลี้ยงสั่งเต็มที่เลยนะถ้านานเมาเดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้านเอง"คำพูดนั้นทำให้นานหัวเราะออกมา"เคครับ อย่าลืมไปส่งผมล่ะ" เขายกขึ้นดื่มอีกแก้ว"ฮือๆๆ ทำมายยยย…ถึงทำกับรินแบบนี้ รินทามอารายยย…ผิด" ฉันยกดื่มอีกแก้ว ไม่ผิดคำพูดของนาน ที่ฉันเมาหรือดื่มมักจะร้องไห้กับเรื่องที่ทำให้เสียใจ"พอได้แล้วพี่ริน เมามากแล้ว" กาลนานดึงแก้วเหล้าออกจากมือของฉัน"ไม่มาวว…สักหน่อย นายต่างหากที่มาววว เอิ้กกก.. เผยตัวตนที่อยู่ในตัวนายออกมาสิ จริงๆ แล้วนายเป็นคนยังไงกันแน่ เวลาทำงานจะได้ราบรื่น เพราะฉันเองก็ไม่อยากเปลี่ยนผู้ช่วยใหม่หรอกนะ""อ๋อ ที่เลี้ยงเหล้าผมเ
ช่วงพักกลางวันฉันกับน้ำตาลมากินข้าวที่โรงอาหารพบว่าจิวนั่งกินข้าวอยู่กับกาลนาน"อ้าวนาน นั่งอยู่นี่เองพี่มองหาอยู่" ก่อนจะชำเลืองตาขวางไปมองยัยจิว"ครับ พอดีผมเห็นพี่คุยกับพี่น้ำตาลอยู่เลยไม่ได้รอ มานั่งด้วยกันสิครับ" ยังไม่สิ้นเสียงกาลนานฉันก็ลากเก้าอี้นั่งข้างเขาทันที เขาหันมามองเมื่อฉันนั่งชิดเขามากจนเกินไป"พี่ริน ไม่นั่งติดพี่นานเกินไปหน่อยเหรอคะ" จิวถามฉันด้วยหน้าตาน่าหมั่นไส้"ไม่หนิ ก็ปกตินะ พี่ก็ใกล้ชิดกันแบบนี้ตลอด เอ้ากินๆ เร็วเข้าเดี๋ยวข้าวจะเย็นหมด""พี่รินไม่สบายเหรอครับ" เขากระซิบถามฉัน พร้อมยิ้มละมุนดูมีเลสนัย"เปล่า แค่อาหารเป็นพิษนิดหน่อย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ พี่จะพาเราไปติดตั้งตัวจับเซนเซอร์นะของเพิ่งเข้ามาใหม่""ได้ครับ"ที่ห้องทำงาน"เมื่อกี้พี่ทำอย่างกับพี่หึงผมกับจิว" กาลนานจับแขนฉันไว้"เปล่า หึงที่ไหนกัน พี่น่ะมีแฟนแล้วนะ พี่แค่อยากแกล้งยายจิวเล่นๆ ว่าแต่จิวเขาจีบนานเหรอ" ฉันแกล้งถาม"ใช่ครับ เขาตอบหน้าตายยักไหล่"เด็กรุ่นๆ เดียวกันน่าจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่า ป่ะทำงานกันเถอะเรา เฮ้อ"ฉันบ่นลอยๆ อย่างหงุดหงิดอย่าบอกนะว่าฉันชอบเด็กคนนี้เข้าให้แล้ว ความรู้สึกแบบนี้
"พาพี่มาคอนโดนานทำไม อย่าบอกนะ" ฉันชี้หน้าเขา"อะไรกันพี่ริน พี่คิดอะไร ผมน่ะสั่งอาหารเอาไว้กะจะเอาไปกินคนเดียวบนห้อง แต่ไหนๆ พี่ก็มากับผมแล้ว มาทานข้าวด้วยกันนะครับ" "พี่ไม่หิวอ่ะ อยากกลับแล้วเมื่อกี้นานหลบใครไปมีเรื่องกับใครมา" ฉันจับแขนเขา"ไม่มีสักหน่อย พี่น่ะคิดมาก" เขาดึงแขนฉันให้ตามเขามาพร้อมกล่องอาหารตั้งมากที่อยู่ตรงหน้าเค้าเตอร์ คิดไปคิดมาที่นี่ก็หรูใช่ย่อยนะ นานเองก็เก่งที่อายุแค่นี้กลับมีชีวิตดีที่ดีมาก"นี่เราสนิทกันจนนายดึงฉันขึ้นห้องเลยเหรอ" ฉันสะบัดข้อมือ"ผมอยากสนิทกับพี่ไวๆ ไงครับ มาเถอะน่า""ตอนเจอกันวันแรก กับวันนี้ต่างกันมากเลยนะนาน" ฉันถลึงตาใส่เขาสงสัยคงแอ๊บไม่ไหวแล้ว ไอ้ท่าทางที่ดูนิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่พอเปิดเผยตัวจริงขึ้นมาน่าจะเอาเรื่องไม่เบา กับเจ้าอาร์ก็ไม่ได้อ่านยากขนาดนี้วันนี้อาจจะเป็นวันที่ฉันจะได้รู้จักเขาขึ้น เวลาทำงานด้วยกันจะได้ง่ายๆ หน่อย"พี่มองผมแบบนี้อีกแล้วนะ พี่มีแฟนแล้วห้ามส่งสายตาแบบนี้ให้ใครเด็ดขาด บางคนไม่รู้จะคิดว่าพี่มีใจให้" เขาดึงจมูกฉัน"เฮ้ย พี่เพื่อนเล่นเราหรือไง เปี๊ยะ" ฉันตีไปที่แขนเขาหนึ่งที"โอ๊ย พี่ริน" เขาลูบแขนขึ้นลงคงจ
ตึกๆ ตึกๆ หัวใจของฉันเต้นแรงกว่าทุกครั้ง เต้นแรงกว่าตอนที่อยู่กับคินเสียอีก ฉันหันไปมองเขา แต่ใบหน้าของฉันก็ไปชนกับแก้มของนานที่เอามาเกยตรงหัวไหล่ของฉันพอดี“พี่ว่าเราจะเกินเพื่อนร่วมงานไปแล้วนะนาน”“แต่ผมไม่ได้เมานะพี่ หรือว่าพี่เมา” ฉันนั่งก้มหน้าเพราะว่าอายไม่ว่าจะเป็นคำพูด ท่าทางของเขามีผลต่อฉันหมด“ผมว่าผม ส่งพี่กลับบ้านดีกว่ายังไงซะผมก็เป็นผู้ชาย”“ใช่ๆ นานเป็นผู้ชาย พี่กลับก่อนดีกว่าพรุ่งนี้เจอกันที่ทำงานนะ” ฉันรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องเขาไป“พี่รินเดี๋ยวผมไปส่ง” เขารีบวิ่งตามฉันมา ตลอดทางที่นั่งรถกลับเราแทบไม่พูดอะไรกันเลยฉันคิดว่าเขาชอบผู้ชายมาตลอด แต่ท่าทางของเขาเมื่อกี้ สายตาของเขาเมื่อกี้ ทำฉันหวั่นไหวสุดๆ เกือบเผลอจะไปให้เขาสอนจูบจริงๆ ซะด้วยสิ ยัยรินเอ้ยจะโดนเด็กตกจริงๆ เหรอนี่หนึ่งเดือนต่อมา“อะไรกันน้ำตาลฉันกับนานเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน ฉันอายุขนาดนี้เด็กที่ไหนจะมาสนใจ” ฉันพูดบ่ายเบี่ยงเมื่อถูกเพื่อนสนิทถามว่าฉันคบกับนานจริงหรือไม่ เพราะเห็นไปไหนด้วยกันบ่อยๆไม่ว่าจะเป็นไปทานข้าวด้วยกัน หรือว่าดูหนังในช่วงวันหยุดอีก“ฉันไม่เชื่อแกหรอกยัยรินปากแข็ง” “ตามใจแกจ
เมื่อฉันเดินไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของกาลนานคุยกับใครบางคน“เออ แล้วมึงจะถามทำไมวะว่ากูจีบพี่รินจริงหรือเปล่า”“กูก็แค่อยากรู้ เพราะมึงไม่ธรรมดานี่หว่า” กาลนานคุยกับอาร์เองหรอกเหรอ“โอเคๆ กูยอมรับว่าตอนกูเจอพี่รินครั้งแรกก็ตั้งใจจะเคลมพี่เค้า แต่ความคิดของกูมันเปลี่ยนไปว่ะพี่รินไม่เหมือนผู้หญิงที่กูเคยเจอ”เจอกันครั้งแรกก็หวังจะเคลมกันเลยเหรอไอ่เด็กเมื่อวานซืนฉันได้แต่คิดในใจ เดี๋ยวคอยดูเถอะแม่จะจัดให้สำนึกไม่ทันเลย“อ้าว ไหนล่ะกาแฟ” น้ำตาลถามเมื่อฉันเดินกลับมา“กาแฟหมด ไม่ต้องกงต้องกินละ” ฉันพูดพลางหันไปมองค้อนตาขวางให้เจ้าอาร์ที่เดินตามหลังมา“เฮ้ย พี่รินผมตกใจหมดมองผมตาขวางแบบนี้ อย่างกับคนโดนผีเข้า” เจ้าอาร์รีบทำท่านั่งพิมพ์งาน“ฉันได้ยินที่นายพูดถึงฉันกับนาน” ฉันเดินเนียนไปใกล้เขาพร้อมกับบีบไหล่ของเขาอย่างแรง“ขาผมไม่ดีอยู่นะพี่ริน ใจคอจะบีบให้ไหล่หักไปด้วยเลยเหรอไง”“แต่ปากนายดีนี่” ฉันเพิ่มแรงบีบขึ้นอีกเป็นสองมือ“โอเค พี่รินรู้อะไรมาได้ยินที่พวกผมคุยกันเมื่อกี้เหรอ“เออ…น่ะสิ” ฉันพูดอย่างโมโห“ผมขอโทษนะพี่ ที่พูดลับหลังแบบนั้นผมก็แค่สงสัยก็เลยถามไปแบบนั้น”“ยุ่ง ไม่เข
“พี่รินคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมหน้าแดง” เขาเอานิ้วมือเขี่ยจมูกของฉัน“หน้าแดงอะไร เปล๊าาาไม่ได้คิด อากาศมันร้อนต่างหากล่ะ” ฉันทำท่าเอามือสองข้างพัดกับหน้าของตัวเอง“ผมมีอะไรจะบอกพี่รินจริงๆ ผมไม่ได้เจอพี่รินครั้งแรกที่ผับนั้นหรอก ผมเจอพี่รินก่อนหน้านั้นอีก”เขาตักข้าวใส่ปากแล้วก้มหน้า“ตอนไหนเหรอ นานเจอพี่ที่ไหนเหรอ บอกหน่อยสิ”“ถ้าพี่รินอยากรู้ กินข้าวเสร็จไปคอนโดผมนะครับ ผมมีอะไรให้ดู”“ไม่พี่ไม่ไป พี่ไม่ได้อยากรู้ ทำไมพี่ต้องไปด้วยคะ”ที่คอนโดของกาลนาน“ยิ้มอะไรคะน้องนาน” ฉันเรียกชื่อเขาเมื่อเดินตามหลังเขามาต้อยๆ มานั่งตรงโซฟาภายในห้องที่หรูหราของเขา“เรียกน้องนานอีกแล้วนะ” เขาหน้าบึ้งใส่ทำเอาฉันหัวเราะเพราะความดูไร้เดียงสาของเขา“ไหนมีอะไรจะบอกพี่ที่บอกว่าไม่ได้เจอพี่ครั้งแรกที่ผับนั่น”“พี่รินนั่งดูหนังรอผมก่อน ถ้าคอแห้งก็จิบน้ำได้นะผมขออาบน้ำก่อน” พร้อมกับส่งเบียร์มาให้ฉันหนึ่งกระป๋อง“ฮึ่ย ได้ไงอ่ะนาน หนีไปอาบน้ำเฉยอ่ะ” ฉันดึงมือของเขาไว้“หรือพี่รินจะเข้าไปอาบน้ำกับผม” เขาดึงแขนให้ฉันลุกขึ้นแทน“โอเคๆ เข้าไปอาบเลยน้องนาน”“ฮึ เดี๋ยวรอผมออกมาก่อน”สิบห้านาทีต่อมา“อาบน้ำนานมาก พี่ร
“พี่ริน เรื่องเมื่อวานผมขอโทษด้วยนะครับ” กาลยืนรอฉันตรงทางเข้าแผนกพร้อมกับแก้วกาแฟและขนม “พี่ลืมแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหรอก” ฉันรับแก้วกาแฟและขนมพร้อมกับหันหน้าหนีเขาเพราะความอาย “แต่ผมยังไม่ลืมนะพี่ริน” เขาอมยิ้มพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ทำให้ฉันเขินอายได้ขนาดนี้ “อะไรจ้ะยัยริน มายืนบิดอะไรตรงนี้นี่แกจะจีบน้องนานเหรอ” น้ำตาลเดินมากอดคอฉัน “จีบเจิบอะไรกัน ฉันน่ะไม่ชอบคนเด็กกว่าหรอกนะ” ทันทีที่ฉันพูดจบกาลนานก็หน้าบึ้งตึงแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปที่แผนกของตัวเองอย่างรวดเร็ว ตกบ่ายมามีลูกค้าร้องเรียนว่าบริษัทติดตั้งโปรแกรมผิด ฉันเปิดตารางดูว่าวันนั้นใครเป็นคนติดตั้ง “นี่ฉันกับกาลนานเองเหรอ” ฉันเอามือปิดปากตกใจ “ใช่น่ะสิ อธิบายให้พี่ฟังหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นรินรดา” พี่ชาถามเสียงเข้ม “หนูยังแปลกใจเลยค่ะพี่ชา ว่าพลาดตอนไหนทั้งที่เราก็เช็คโปรแกรมกันแล้ว แถมยังลองวอร์มเครื่องดูด้วยค่ะ” ฉันกำลังคิดทบทวนว่ามันเป็นเพราะอะไร “ลูกค้าเค้าร้องเรียนมา เราก็ต้องเข้าไปดูโดยด่วนเข้าใจมั้ย” “ได้ค่ะพี่ชา พรุ่งนี้หนูจะเข้าไปดูให้แต่เช้านะคะ น่าจะใช้เวลาเดินทางสามถึงสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงเนื่องจากระยะทาง
“สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาแก้ไขปัญหาของระบบที่แจ้งเอาไว้นะคะ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น” ฉันกล่าวขอโทษกับทีมเอ็นจิเนีย“ไม่เป็นไรครับ อาจจะเกิดเพราะเครื่องจักรมันรวนก็ได้ครับ”แล้วฉันกับกาลนานก็ช่วยกันแก้ไขจนกระทั่งพี่ชาโทรมาบอกว่าประธานใหญ่ของบริษัทเราพ่อของคุณนิรันด์ คือคุณนิรันด์กาล ก็อยู่ที่บริษัทนี้ด้วยเหมือนกัน เห็นว่าจะถามเรื่องของเครื่องจักรที่เคยติดตั้งด้วย ยังไงซะฉันก็อยู่ที่นี่แล้วช่วยต้อนรับเขาด้วยเพราะเขาก็มาดูงานที่นี่ด้วยเช่นกัน“แต่พี่ชาคะ หนู”“เอาน่า ถือว่าช่วยพี่ ช่วยทีมแล้วก็ช่วยบริษัทด้วย”“อ้างเยอะ” ฉันว่าพี่ชาแล้วก็วางสายไปฉันเดินเข้ามายังห้องรับรองแขกที่มีคุณนิรันด์กาลเข้ามานั่งอยู่ก่อนแล้ว ด้วยอาการนอบน้อมของฉันและก็เกร็งสุดๆ ด้วยเช่นกัน“เชิญนั่งครับ คุณรินรดาผมขอโทษด้วยนะครับที่รบกวนเวลาการทำงานของคุณ”“ไม่เป็นไรค่ะท่านดิฉันยินดีมากค่ะ” แถมฉันยังรู้มาอีกว่าคุณนิรันด์กาลก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ด้วย ถึงแม้เขาจะมีอายุที่มากแต่บุคลิกที่ดูภูมิฐานทำให้เขาดูไม่ต่างจากหนุ่มๆ เลย ไม่แปลกที่คุณนิรันด์จะดูดีเช่นเดียวกับเขา“วันนี้ มาคนเดียวเหรอครับแล้วท
(ตอนพิเศษที่ 2 วันวานกับเรื่องบาดหมางของกาลนานกับนิรันด์และโมเม้นกาลนานเจอรินรดาครั้งแรก)เมื่อกาลนานกำลังจะขึ้นปีสองก็ได้มีการบรรยายพิเศษที่คณะจากทีมวิศวะมืออาชีพหญิงสาวสวยสะพรั่งในชุดกระโปรงทรงเอรัดรูปกับผมที่ถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและต้นคองามระหงเด่นชัด“ไอ้นาน มึงมองพี่เขาขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขาก็ถามมึงหรอก” เจตเพื่อนที่เรียนวิศวะด้วยกันกับเขาพูดขึ้น“ถ้าพี่เขาถามกู กูจะให้เบอร์โทรพี่เขาเลย ผู้หญิงอะไรสวยแท้วะ” กาลนานนั่งพูดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่หญิงสาวยังคงพูดบรรยายไปโดยที่ไม่ทันได้เห็นกาลนานด้วยซ้ำ“ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ฟังพี่รินพูดอย่างตั้งใจหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการเรียนหรือวันข้างหน้าก็สามารถปรับเปลี่ยนกับการทำงานได้ค่ะ” รินรดาพูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเอง“พี่รินครับ ผมมีข้อสงสัยครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นทำให้กาลนานหันไปมองเพื่อนในชั้นทันที“มีอะไรคะ ถามได้เลยค่ะ” รินรดายิ้มแย้ม“พี่รินมีแฟนหรือยังครับ” นักศึกษาคนนั้นถามทำให้เพื่อนๆ ในห้องโห่แซวกันใหญ่“ไอ่เชี่ย” กาลนานอุทาน“พี่ยังไม่มีแฟนค่ะ และพี่ก็ไม่ชอบเด็กด้วยค่ะ” รินรดาพูดตัดจบไป ทุกคนในค
เผลอใจรักพักใจเหรอ ตอนพิเศษ1 วันวานกับพี่ชายที่ชื่อนิรันด์ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นตอนอายุสิบแปดของกาลนานที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ร่างกายที่ดูภายนอกจะบอบบางแต่จริงๆ แล้ว เขานั้นซ่อนรูปไม่เบามันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจของหญิงแท้ชายเทียมเป็นอย่างมาก ท่ามกลางแสงสีไฟสลัวๆ ที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มที่เต้นใช้เอวเป็นซะส่วนใหญ่ ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ควงเอวให้มันต่ำลงจนตัวเองนั่งคุกเข่าลงแล้วยกเสยเอวเด้งขึ้นเด้งลงไม่หยุด เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในผับก็ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เขาเต้นอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน คงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมลงจนเห็นสะดือกับหัวเข็มขัดถูกถอดและเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ยิ่งทำให้เห็นกล้ามเนื้อและแผ่นหลังที่ดูแข็งแรงจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย“กรี๊ดดด ถอดอีกๆ” เสียงร้องตะโกนของสาวๆ ในผับตะโกนกู่ร้องดังเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่พวกเธอต้องการ“ข้างล่างถอดไม่ได้ครับ ขืนผมถอดเจ้าของผับแบนไม่ให้ผมเข้าอีกแน่ๆ” เมื่อกาลนานพูดจบเขาก็ก้มโค้งขอบคุณแล้วเก็บเสื้อที่เขาโยนมันลงพื้นไปแต่แรก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอ
หลายวันต่อมา คุณนิรันด์กาลเรียกฉันให้เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา “สวัสดีค่ะ คุณนิรันด์กาล” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “เชิญนั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึกอีกรอบ เขาส่งกระดาษใบสี่เหลี่ยมให้ฉัน “เงินเจ็ดล้านตามที่ตกลงกันไว้ครับ คุณทำสำเร็จนะขอบใจคุณรินมากที่ช่วยครอบครัวของเรา” “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันส่งเช็คนั้นคืนกลับไป “ทำไมจะยังไม่ได้ทำครับ ก็ลูกชายทั้งสองของผมบอกว่าถ้าไม่ได้คุณรินป่านนี้น่าจะยังทะเลาะกันอยู่ผมเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องครับ เลี้ยงลูกตามใจจนเอาลูกไม่อยู่จนต้องไปขอให้คุณรินช่วย” “ฉันยินดีค่ะ แต่เขาสองคนดีกันแล้วเหรอคะ” “ใช่ครับ เมื่อคืนเขาคุยกันหัวเราะชอบใจใหญ่ผมมีความสุขมากครับ” อ๋อว่าแล้วเมื่อคืนกาลนานบอกว่าจะมานอนที่บ้านเป็นแบบนี้นี่เอง “ดีใจด้วยนะคะคุณนิรันด์กาล แต่ฉันไม่ขอรับเงินจำนวนนี้หรอกค่ะเพราะว่าฉันเองก็มีส่วนทำให้เขาทั้งสองทะเลาะกันด้วย” “งั้นถ้าผมจะสู่ขอคุณรินให้เจ้ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมล่ะครับ คุณจะรังเกียจครอบครัวของเรามั้ย“ “คะ คุณรู้เรื่องของเราเหรอคะ” ฉันก้มหน้าพูด
“รินครับ ผมมีอะไรจะให้” เขาเดินมานั่งข้างๆ ฉันที่นั่งหน้าบ้านเพราะว่าเราจะมานั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน“อะไรคะ” เขาหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมาแล้วติดที่ผมของฉันมันวิบวับแวววาวมากจนฉันต้องหยิบลงมาดู“ดาวครับ สวยมั้ย” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของฉันเล่นอย่างแผ่วเบา“เพชรนี่คะ สวยจัง” ฉันทำท่าจะเอากิ๊บเข้าปากเพื่อเช็คว่าแท้มั้ย“รินทำน่ารักอีกแล้วนะแท้สิครับผมเป็นใคร ผมคือกาลนานนะ”“ล้อเล่นเฉยๆ เองขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็ติดกิ๊บที่ผมตามเดิม“ครั้งนี้ไม่ปฏิเสธเหรอครับ หลายล้านบาทนะอย่าเอาไปขายล่ะเวลางอนผม” “ปฏิเสธก็บ้าแล้ว นานกระแทกรินจนช่วงล่างแทบจะพังรินเสียหายนะ” “งั้นเหรอครับ งั้นผมให้ใบนี้รินไว้ใช้ดีกว่าเพราะผมจะกระแทกอีกนานเลยครับ” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพร้อมกับหยิบบัตรการ์ดใบแข็งสีดำส่งให้ฉัน“นี่มันแบล็คการ์ดเหรอคะ นานมีจริงๆ ด้วยเพราะเมื่อก่อนรินว่าเคยเห็นนานถืออยู่นะ”ฉันหยิบมาดูพลิกไปพลิกมา“จริงสิครับ ผมให้”“สายเปย์ของจริงเลยนะเนี่ย” “แน่อยู่แล้วครับ”“งั้นคืนนี้รินขอใช้บัตรนี้ซื้อตัวนานได้มั้ยคะ เหมาทั้งคืน” ฉันขยิบตาให้พร้อมกับหย่อนบัตรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขา“อย่ามาร้องขอชีวิตกับผมแล้ว
หลังจากที่ฉันบอกว่าจะลาออกฉันก็ไม่เจอคุณนิรันด์ที่นี่อีกเลย ฉันเหลือบมองกาลนานที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเลยอยากเอาใจเขา“รับกาแฟมั้ยคะคุณกาลนาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยอาการคิ้วขมวด“เรียกคุณอีกแล้ว เราอยู่กันสองคนเรียกผมนานเฉยๆ ก็ได้หรือจะเรียกผัวจ๋าแบบที่เคยเรียกก็ได้นะครับ” เขายิ้มพร้อมทั้งขยิบตาใส่“บ้า อือ แล้วพี่ชายของคุณล่ะฉันยังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่มา” ฉันลองถามเขาเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีอยู่“ทำไมคิดถึงเขาเหรอ” กาลนานหน้าบึ้ง“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พี่แค่ถามดู”“มันไปดูอีกบริษัทละครับ เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไงครับ”“จร้าๆ พ่อเสือใหญ่ถอดเขี้ยวเล็บด้วยนะคะ ถ้าไม่ถอดพี่จะถอดให้เอง” ฉันทำท่าเสือกางเล็บใส่เขา “เสือสิ้นลายแล้วครับโดนพี่ขี่ผมไปไหนไม่ได้แล้วครับ ว่าแล้วก็อยากโดนขี่อีกจังในนี้ดีมั้ย” กาลนานลุกมาหาฉัน“หยุดเลย ไว้ไปทำที่บ้าน”“คืนนี้ไม่อดแล้วเว้ยเราชักจนปวดมือแล้ว”“ทะลึ่ง” พอเราสองคนมาคืนดีกันแบบนี้ก็ยิ่งเติมเต็มความรักให้กันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันมัวแต่มีความสุขจนลืมคำพูดที่รับปากไว้กับคุณนิรันด์กาลพ่อของเขาสนิทเลย จะทำยังไงดี ถึงจะให้สองคนมาคืนดีก
“กาลนานอย่า” ฉันห้ามเขา แต่อคินก็ยังสวนหมัดกลับมาใส่ใบหน้าของกาลนานเต็มๆ เช่นกัน“หยุดนะคิน ถ้าคุณไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ฉันควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นจุ๊ดที่ฉันใส่อยู่บ้าน“ทีไอ้นี่ยังเข้ามาได้” เขาชี้หน้ากาลนาน“ก็เขาเป็นสามีของฉันทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” ฉันยืนพูดเพราะยังไงวันนี้ฉันต้องจัดการเรื่องฉันกับอคินให้มันจบๆ ไปเสียที“พูดได้เต็มปาก เด็กมันจะสู้ผมได้ยังไง” อคินยังคงดื้อดึง ยิ่งทำให้กาลนานโกรธเข้าไปใหญ่“อย่าค่ะผัวจ๋า เดี๋ยวเมียจัดการเอง” ฉันแกล้งพูดให้อคินโดยมีกาลนานที่ยืนยิ้มอยู่“พอเถอะค่ะคินฉันมีผัวใหม่แล้วฉันไม่กลับไปกินของเก่าแบบคุณอีกแน่ๆ”“ถ้าคุณพูดเต็มปากขนาดนี้ว่าไอ้อ่อนนี่มันเป็นผัวใหม่ของคุณ ผมก็ไม่เอาคุณแล้วเหมือนกัน”“เชิญค่ะ นั่นประตู” อคินเดินไปอย่างหัวเสียเจอแบบนี้ใครกลับมาอีกก็บ้าแล้ว“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ฉันหยิบเสื้อที่ตกลงกับพื้นส่งให้เขาคืน“ครับ แต่ผมโดนเขาต่อยช่วยทำแผลให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ”“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความดีของคุณนะ” ฉันเดินไปหยิบยาทาแล้วมานั่งรอเขาที่กำลังใส่เสื้ออยู่“เดือนนี้ทั้งเดือนไม่รู้ปากของผมเป็นอะไรไปรับแต่กำปั้
ตั้งแต่กลับมาจากไปดูงานที่เมืองนอกกาลนานก็ไม่พูดอะไรกับฉันเลยนอกจากเรื่องงานจนถึงวันนี้ก็วันที่สามแล้ว แต่สามวันนี้เขาก็พาผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้าเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าโชคดีมากที่คืนนั้นฉันไม่เผลอตัวเผลอใจไปกับเขาไม่งั้นฉันคงติดโรคจากเขาแน่ๆ คุณนิรันด์เองก็เช่นกันเขายังคงมาเที่ยวตามฉันไม่หยุด เหมือนกับวันนี้ “คุณรินครับ ผมมารับไปทานข้าวด้วยกันข้างนอกครับ” เขาเดินเข้ามามองฉันแล้วชำเลืองมองกาลนาน “จะคุยเรื่องงานด้วยครับ” เขาพูดต่อจนฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ “ค่ะ ได้ค่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกมากับคุณนิรันด์นั่งรถมาคันเดียวกัน คนในบริษัทก็เห็นโดยเฉพาะยัยจิวรุ่นน้องที่เคยจีบกาลนาน “จะควบทั้งพี่ทั้งน้องเลยเหรอคะพี่ริน” เธอพูดกับฉันเมื่อเราเจอกันที่ร้านอาหารข้างนอก “แล้วเธอล่ะได้ควบใครหรือยังจ้ะน้องจิว” ฉันพูดเย้ยเธอให้สะใจ “คนขี่ม้าเยอะขนาดนี้ระวังนะคะควบไปควบมาจะตกม้าตาย” ยัยจิวแสนร้ายพูดแล้วก็หัวเราะเดินออกไป “ยัยบ้าจิว” พอฉันนึกถึงหน้ากาลนานความโมโหก็ขึ้นมาทันที ป่านนี้คงควบกันอยู่บนโต๊ะแล้วมั้งนี่ถ้าฉันไม่อยู่ในห้องทำงานคงควบกันไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าแล้วยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห “คุณรินทำไ
สามวันต่อมากาลนานไปดูงานที่ต่างประเทศฉันจึงต้องติดตามเขาไปด้วย“คุณไหวมั้ยคุณริน” เขาถามฉันพร้อมทั้งเอาหลังมือแตะหน้าผากของฉัน เพราะฉันไข้หลังจากกลับเข้ามาในโรงแรม“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยก็ได้ฉันอยากจะพักผ่อนสักหน่อย” ฉันพูดทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่“คุณอยากไปหาหมอมั้ย” เขาเอามือจับผมตรงหน้าผากฉันเสยขึ้น“ไม่ค่ะ ฉันกินยาก็หายแล้วคุณมีงานอะไรรบกวนส่งเข้าทางข้อความให้ฉันหน่อยนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะมาจัดการให้ค่ะ” ลมหายใจที่ร้อนผ่าวของฉันรู้เลยว่าฉันมีไข้ขึ้นสูง“คุณเลิกพูดเรื่องงานที่ผมสั่งให้คุณทำได้มั้ย เอาตัวเองก่อน” “ฉันอยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีค่ะ”“ไหนล่ะยาที่คุณกิน” เขาดูลนลาน“ไม่มีค่ะ สงสัยฉันลืมหยิบมาด้วย”“คุณเอาแต่ทำให้ผมเป็นห่วงตลอดนะคุณริน” เขารีบวิ่งเปิดประตูออกไปสักพักเขากลับมาพร้อมกับยาลดไข้ และผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ฉัน“คุณจะทำอะไร” ฉันขยับตัวหนีเมื่อเขาดึงผ้าห่มออกพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิตของฉัน“ก็จะเช็ดตัวให้คุณไง ตัวคุณร้อนอย่างกับไฟเกิดช็อกขึ้นมาจะทำยังไงคุณต้องลดไข้ก่อนนะ” เขาเปิดเสื้อเชิตของฉันออก“เดี๋ยวฉันทำเอง” ฉันแย่งผ้ามาจากมือของเขา“ผมเห็นของคุณมาตั้งเท่าไหร่แล้ว
ปึก“โอ๊ย” เขาร้องลั่นพร้อมกับจับคางและปากของตัวเอง“เลือด” ฉันร้องลั่นเมื่อริมฝีปากของเขามีเลือดแดงสดไหลออกมา “ผมเจ็บนะ คุณจะฆ่าผมเหรอ” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องดูหน้ากับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองจนฉันต้องหยิบกระจกให้เขาส่องดู“ฉันขอโทษ แล้วใครใช้ให้คุณเอาคางมาเงยหัวไหล่ของฉันล่ะ” เขาไม่ตอบกลับไปหยิบกระดาษทิชชูแล้วส่งให้ฉัน“เช็ดให้ผม” สีหน้านิ่งเรียบแต่แววตาแฝงไปด้วยความเจ็บเพราะฉันกระแทกแรงมากช่วยไม่ได้อยากทำตัวรุ่มร่ามเอง แล้วฉันก็หัวเราะออกมา“คุณตั้งใจกระแทกผมเหรอ” เขาเลิกคื้วขึ้นคงจะเจ็บไม่น้อยเพราะน้ำตาคลอเบ้าเลย“เปล่านะคะ คุณเอาคางมาเกยฉันเองนะ” ฉันหยิบทิชชูเช็ดปากให้เขาพลางหัวเราะไป“แล้วทำไมคุณต้องลุกพรวดพราดขนาดนั้นด้วยล่ะ” เขาหน้าบึ้งพลางจือปากให้ฉันเช็ด“คุณอยากทำตัวรุ่มร่ามเอง เช็ดเองไปเลยค่ะเพราะนี่ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน” ฉันหันหลังแล้วเก็บของจะกลับบ้าน“ไม่ใช่หน้าที่อะไร คุณทำผมเจ็บนะเลือดออกขนาดนี้จะไม่พาผมไปโรงพยาบาลหน่อยเหรอ” เขาทำทีโวยวาย ทีต่อยกับพี่ชายของตัวเองวันนั้นยังไม่สนใจจะเช็ดเลือดที่ปากของตัวเองเลย “ปากคุณนี่น่าจะโดนอะไรฟาดปากสักหน่อยนะคะ อุ้ยขอโทษค่ะพอดีฉั