หลังจากที่ฉันบอกว่าจะลาออกฉันก็ไม่เจอคุณนิรันด์ที่นี่อีกเลย ฉันเหลือบมองกาลนานที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเลยอยากเอาใจเขา“รับกาแฟมั้ยคะคุณกาลนาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยอาการคิ้วขมวด“เรียกคุณอีกแล้ว เราอยู่กันสองคนเรียกผมนานเฉยๆ ก็ได้หรือจะเรียกผัวจ๋าแบบที่เคยเรียกก็ได้นะครับ” เขายิ้มพร้อมทั้งขยิบตาใส่“บ้า อือ แล้วพี่ชายของคุณล่ะฉันยังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่มา” ฉันลองถามเขาเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีอยู่“ทำไมคิดถึงเขาเหรอ” กาลนานหน้าบึ้ง“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พี่แค่ถามดู”“มันไปดูอีกบริษัทละครับ เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไงครับ”“จร้าๆ พ่อเสือใหญ่ถอดเขี้ยวเล็บด้วยนะคะ ถ้าไม่ถอดพี่จะถอดให้เอง” ฉันทำท่าเสือกางเล็บใส่เขา “เสือสิ้นลายแล้วครับโดนพี่ขี่ผมไปไหนไม่ได้แล้วครับ ว่าแล้วก็อยากโดนขี่อีกจังในนี้ดีมั้ย” กาลนานลุกมาหาฉัน“หยุดเลย ไว้ไปทำที่บ้าน”“คืนนี้ไม่อดแล้วเว้ยเราชักจนปวดมือแล้ว”“ทะลึ่ง” พอเราสองคนมาคืนดีกันแบบนี้ก็ยิ่งเติมเต็มความรักให้กันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันมัวแต่มีความสุขจนลืมคำพูดที่รับปากไว้กับคุณนิรันด์กาลพ่อของเขาสนิทเลย จะทำยังไงดี ถึงจะให้สองคนมาคืนดีก
“รินครับ ผมมีอะไรจะให้” เขาเดินมานั่งข้างๆ ฉันที่นั่งหน้าบ้านเพราะว่าเราจะมานั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน“อะไรคะ” เขาหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมาแล้วติดที่ผมของฉันมันวิบวับแวววาวมากจนฉันต้องหยิบลงมาดู“ดาวครับ สวยมั้ย” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของฉันเล่นอย่างแผ่วเบา“เพชรนี่คะ สวยจัง” ฉันทำท่าจะเอากิ๊บเข้าปากเพื่อเช็คว่าแท้มั้ย“รินทำน่ารักอีกแล้วนะแท้สิครับผมเป็นใคร ผมคือกาลนานนะ”“ล้อเล่นเฉยๆ เองขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็ติดกิ๊บที่ผมตามเดิม“ครั้งนี้ไม่ปฏิเสธเหรอครับ หลายล้านบาทนะอย่าเอาไปขายล่ะเวลางอนผม” “ปฏิเสธก็บ้าแล้ว นานกระแทกรินจนช่วงล่างแทบจะพังรินเสียหายนะ” “งั้นเหรอครับ งั้นผมให้ใบนี้รินไว้ใช้ดีกว่าเพราะผมจะกระแทกอีกนานเลยครับ” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพร้อมกับหยิบบัตรการ์ดใบแข็งสีดำส่งให้ฉัน“นี่มันแบล็คการ์ดเหรอคะ นานมีจริงๆ ด้วยเพราะเมื่อก่อนรินว่าเคยเห็นนานถืออยู่นะ”ฉันหยิบมาดูพลิกไปพลิกมา“จริงสิครับ ผมให้”“สายเปย์ของจริงเลยนะเนี่ย” “แน่อยู่แล้วครับ”“งั้นคืนนี้รินขอใช้บัตรนี้ซื้อตัวนานได้มั้ยคะ เหมาทั้งคืน” ฉันขยิบตาให้พร้อมกับหย่อนบัตรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขา“อย่ามาร้องขอชีวิตกับผมแล้ว
หลายวันต่อมา คุณนิรันด์กาลเรียกฉันให้เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา “สวัสดีค่ะ คุณนิรันด์กาล” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “เชิญนั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึกอีกรอบ เขาส่งกระดาษใบสี่เหลี่ยมให้ฉัน “เงินเจ็ดล้านตามที่ตกลงกันไว้ครับ คุณทำสำเร็จนะขอบใจคุณรินมากที่ช่วยครอบครัวของเรา” “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันส่งเช็คนั้นคืนกลับไป “ทำไมจะยังไม่ได้ทำครับ ก็ลูกชายทั้งสองของผมบอกว่าถ้าไม่ได้คุณรินป่านนี้น่าจะยังทะเลาะกันอยู่ผมเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องครับ เลี้ยงลูกตามใจจนเอาลูกไม่อยู่จนต้องไปขอให้คุณรินช่วย” “ฉันยินดีค่ะ แต่เขาสองคนดีกันแล้วเหรอคะ” “ใช่ครับ เมื่อคืนเขาคุยกันหัวเราะชอบใจใหญ่ผมมีความสุขมากครับ” อ๋อว่าแล้วเมื่อคืนกาลนานบอกว่าจะมานอนที่บ้านเป็นแบบนี้นี่เอง “ดีใจด้วยนะคะคุณนิรันด์กาล แต่ฉันไม่ขอรับเงินจำนวนนี้หรอกค่ะเพราะว่าฉันเองก็มีส่วนทำให้เขาทั้งสองทะเลาะกันด้วย” “งั้นถ้าผมจะสู่ขอคุณรินให้เจ้ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมล่ะครับ คุณจะรังเกียจครอบครัวของเรามั้ย“ “คะ คุณรู้เรื่องของเราเหรอคะ” ฉันก้มหน้าพูด
เผลอใจรักพักใจเหรอ ตอนพิเศษ1 วันวานกับพี่ชายที่ชื่อนิรันด์ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นตอนอายุสิบแปดของกาลนานที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ร่างกายที่ดูภายนอกจะบอบบางแต่จริงๆ แล้ว เขานั้นซ่อนรูปไม่เบามันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจของหญิงแท้ชายเทียมเป็นอย่างมาก ท่ามกลางแสงสีไฟสลัวๆ ที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มที่เต้นใช้เอวเป็นซะส่วนใหญ่ ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ควงเอวให้มันต่ำลงจนตัวเองนั่งคุกเข่าลงแล้วยกเสยเอวเด้งขึ้นเด้งลงไม่หยุด เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในผับก็ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เขาเต้นอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน คงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมลงจนเห็นสะดือกับหัวเข็มขัดถูกถอดและเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ยิ่งทำให้เห็นกล้ามเนื้อและแผ่นหลังที่ดูแข็งแรงจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย“กรี๊ดดด ถอดอีกๆ” เสียงร้องตะโกนของสาวๆ ในผับตะโกนกู่ร้องดังเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่พวกเธอต้องการ“ข้างล่างถอดไม่ได้ครับ ขืนผมถอดเจ้าของผับแบนไม่ให้ผมเข้าอีกแน่ๆ” เมื่อกาลนานพูดจบเขาก็ก้มโค้งขอบคุณแล้วเก็บเสื้อที่เขาโยนมันลงพื้นไปแต่แรก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอ
(ตอนพิเศษที่ 2 วันวานกับเรื่องบาดหมางของกาลนานกับนิรันด์และโมเม้นกาลนานเจอรินรดาครั้งแรก)เมื่อกาลนานกำลังจะขึ้นปีสองก็ได้มีการบรรยายพิเศษที่คณะจากทีมวิศวะมืออาชีพหญิงสาวสวยสะพรั่งในชุดกระโปรงทรงเอรัดรูปกับผมที่ถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและต้นคองามระหงเด่นชัด“ไอ้นาน มึงมองพี่เขาขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขาก็ถามมึงหรอก” เจตเพื่อนที่เรียนวิศวะด้วยกันกับเขาพูดขึ้น“ถ้าพี่เขาถามกู กูจะให้เบอร์โทรพี่เขาเลย ผู้หญิงอะไรสวยแท้วะ” กาลนานนั่งพูดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่หญิงสาวยังคงพูดบรรยายไปโดยที่ไม่ทันได้เห็นกาลนานด้วยซ้ำ“ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ฟังพี่รินพูดอย่างตั้งใจหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการเรียนหรือวันข้างหน้าก็สามารถปรับเปลี่ยนกับการทำงานได้ค่ะ” รินรดาพูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเอง“พี่รินครับ ผมมีข้อสงสัยครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นทำให้กาลนานหันไปมองเพื่อนในชั้นทันที“มีอะไรคะ ถามได้เลยค่ะ” รินรดายิ้มแย้ม“พี่รินมีแฟนหรือยังครับ” นักศึกษาคนนั้นถามทำให้เพื่อนๆ ในห้องโห่แซวกันใหญ่“ไอ่เชี่ย” กาลนานอุทาน“พี่ยังไม่มีแฟนค่ะ และพี่ก็ไม่ชอบเด็กด้วยค่ะ” รินรดาพูดตัดจบไป ทุกคนในค
เสียงเพลงที่ดังเร้าใจในผับแห่งหนึ่งทำเอาหัวใจของฉันแทบจะกระโดดโลดเต้นออกมาฉันเต้นและดื่มโดยไม่รู้ว่าแก้วที่เท่าไหร่แล้วที่กรอกใส่ปากไม่หยุดฉันกลายเป็นคนขี้เหล้าเมายาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ความเจ็บปวดซัดมาเต็มๆ ที่หัวใจไม่หยุดหย่อนเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน"พอกันทีชีวิตบัดซบแบบนี้" ฉันขว้างแก้วเหล้าไปที่ผนังกำแพงของร้านและรีบพาตัวเองออกมาจากผับนั้นอย่างรวดเร็ว หวังว่าฉันจะไม่โดนตำรวจตามมาจับหรอกนะ"สะใจโว้ย นังริน นังรินแกมันบ้า"ฉันตะโกน และวิ่งมาที่รถรีบปิดประตูอย่างไวเช้าวันต่อมาฉันก้าวเท้าเข้ามาในบริษัทที่ฉันทำงานได้ประมาณเกือบ 6 ปี ด้วยความมั่นใจในความสวยจนใครๆ ต้องเหลียวหลัง"สวัสดีค่ะพี่รินเมื่อคืนดื่มหนักหรือคะตาดูบวมๆ" จิวยืนยิ้มแฉ่งตรงประตูทางเข้า ทำเอาฉันหมดความมั่นใจไปเลย"ฉันมาส์คหน้ามาหรอกย่ะ ให้มันดูเต่งตึง" ใครจะไปรู้ว่าเมื่อคืนฉันร้องไห้มาอย่างหนักแค่ไหน"นั่นสิคะ…พี่รินก็อายุมากแล้วก็ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ" ยัยจิวปากเสียแล้วหนึ่งฉันแค่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ขึ้นมานิดนึงช่วยเรียกให้ถูกด้วย“ฉันอายุแค่สามสิบสาม บางทีฉันยังดูหน้าเด็กกว่าคนแถวๆ นี้อี
“น้องนานอยู่ที่ไหนแล้วคะ" ฉันโทรหากาลนานทันทีที่ฉันหาที่จอดรถได้"ผมกำลังจะจอดรถพอดีครับ""โอ๊ะ พี่เห็นนานแล้ว" ฉันโบกมือหย็อยๆ ให้เขา"ไปรถผมดีกว่าครับพี่ เดี๋ยวผมขับให้" เขาลดกระจกรถลงตะโกนออกมา"รถหรูขนาดนี้เลยเหรอ" ฉันมองรถที่เขาขับมาก็พอจะเดาได้ว่ายี่ห้อนี้รุ่นนี้ราคาไม่ต่ำกว่า6ล้านบาท"จะดีเหรอไปรถพี่ดีกว่า ได้ค่าน้ำมันด้วย"ฉันพยักหน้า พลางชี้มาที่รถตัวเอง"ผมขี้เกียจหาที่จอดรถแล้วครับพี่ วนอยู่หลายรอบละ ทำไมที่จอดรถน้อยจัง" เขาขมวดคิ้ว"นี่อย่าบ่นเลย โอเคๆ ไปรถนานก็ได้เดี๋ยวพี่เอากระเป๋ากับกล่องเครื่องมือก่อน"ระหว่างที่นั่งรถไปในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อที่จะเข้าไปดูเครื่องจักรที่มีปัญหาที่ทางลูกค้าแจ้งมา ฉันมองสังเกตกาลนานตลอดทางไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือผิวพรรณ ดูผู้ดีเกินเบอร์อะไรขนาดนั้นหน้าใสไร้ที่ติ จมูกโด่งสวยขึ้นเป็นสันขนคิ้วที่สวยได้รูป ปากอมชมพูเป็นธรรมชาติ ไม่รู้ใช้ลิปอะไรถึงน่าดึงดูดขนาดนี้ ขนาดไรหนวดยังดูเซ็กซี่ ฉันเผลอกัดริมฝีปาก"พี่ริน ถ้าจะมองผมขนาดนี้ไม่มาเข้าสิงผมเลยล่ะ ผมไม่มีสมาธิขับรถเลยเพราะพี่มองผมแบบนี้อ่ะ" เขาอมยิ้ม"อะไร มองอะไรกัน พี่ก็มองไปทั่ว แล้วพี
"พี่ว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า หิวข้าวแล้ว" ฉันพูดพลางลูบท้องกว่ารถจะมาถึงที่บริษัทก็ค่ำพอดี ฉันพากาลนานมาทานข้าวข้างบริษัท"อะไรกันพี่มีแต่กับแกล้มกับเหล้าไหนบอกหิวข้าว" เขาถามพร้อมมองอาหารบนโต๊ะพร้อมกับเหล้า"หิวเหล้า แฮะๆ " ฉันแกล้งแสแสร้งว่าอยากกินเหล้า แต่จริงๆ วันนี้ฉันจะทำให้กาลนานเมาแล้วเผยตัวตนที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาออกมา ฉันจัดการรินเหล้าให้เขาพร้อมประเคนใส่มือให้ เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย"รับน้องใหม่เหรอครับพี่" เขาถามก่อนจะยกขึ้นดื่ม"ใช่ๆ วันนี้พี่เลี้ยงสั่งเต็มที่เลยนะถ้านานเมาเดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้านเอง"คำพูดนั้นทำให้นานหัวเราะออกมา"เคครับ อย่าลืมไปส่งผมล่ะ" เขายกขึ้นดื่มอีกแก้ว"ฮือๆๆ ทำมายยยย…ถึงทำกับรินแบบนี้ รินทามอารายยย…ผิด" ฉันยกดื่มอีกแก้ว ไม่ผิดคำพูดของนาน ที่ฉันเมาหรือดื่มมักจะร้องไห้กับเรื่องที่ทำให้เสียใจ"พอได้แล้วพี่ริน เมามากแล้ว" กาลนานดึงแก้วเหล้าออกจากมือของฉัน"ไม่มาวว…สักหน่อย นายต่างหากที่มาววว เอิ้กกก.. เผยตัวตนที่อยู่ในตัวนายออกมาสิ จริงๆ แล้วนายเป็นคนยังไงกันแน่ เวลาทำงานจะได้ราบรื่น เพราะฉันเองก็ไม่อยากเปลี่ยนผู้ช่วยใหม่หรอกนะ""อ๋อ ที่เลี้ยงเหล้าผมเ
(ตอนพิเศษที่ 2 วันวานกับเรื่องบาดหมางของกาลนานกับนิรันด์และโมเม้นกาลนานเจอรินรดาครั้งแรก)เมื่อกาลนานกำลังจะขึ้นปีสองก็ได้มีการบรรยายพิเศษที่คณะจากทีมวิศวะมืออาชีพหญิงสาวสวยสะพรั่งในชุดกระโปรงทรงเอรัดรูปกับผมที่ถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและต้นคองามระหงเด่นชัด“ไอ้นาน มึงมองพี่เขาขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขาก็ถามมึงหรอก” เจตเพื่อนที่เรียนวิศวะด้วยกันกับเขาพูดขึ้น“ถ้าพี่เขาถามกู กูจะให้เบอร์โทรพี่เขาเลย ผู้หญิงอะไรสวยแท้วะ” กาลนานนั่งพูดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่หญิงสาวยังคงพูดบรรยายไปโดยที่ไม่ทันได้เห็นกาลนานด้วยซ้ำ“ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ฟังพี่รินพูดอย่างตั้งใจหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการเรียนหรือวันข้างหน้าก็สามารถปรับเปลี่ยนกับการทำงานได้ค่ะ” รินรดาพูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเอง“พี่รินครับ ผมมีข้อสงสัยครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นทำให้กาลนานหันไปมองเพื่อนในชั้นทันที“มีอะไรคะ ถามได้เลยค่ะ” รินรดายิ้มแย้ม“พี่รินมีแฟนหรือยังครับ” นักศึกษาคนนั้นถามทำให้เพื่อนๆ ในห้องโห่แซวกันใหญ่“ไอ่เชี่ย” กาลนานอุทาน“พี่ยังไม่มีแฟนค่ะ และพี่ก็ไม่ชอบเด็กด้วยค่ะ” รินรดาพูดตัดจบไป ทุกคนในค
เผลอใจรักพักใจเหรอ ตอนพิเศษ1 วันวานกับพี่ชายที่ชื่อนิรันด์ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นตอนอายุสิบแปดของกาลนานที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ร่างกายที่ดูภายนอกจะบอบบางแต่จริงๆ แล้ว เขานั้นซ่อนรูปไม่เบามันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจของหญิงแท้ชายเทียมเป็นอย่างมาก ท่ามกลางแสงสีไฟสลัวๆ ที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มที่เต้นใช้เอวเป็นซะส่วนใหญ่ ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ควงเอวให้มันต่ำลงจนตัวเองนั่งคุกเข่าลงแล้วยกเสยเอวเด้งขึ้นเด้งลงไม่หยุด เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในผับก็ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เขาเต้นอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน คงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมลงจนเห็นสะดือกับหัวเข็มขัดถูกถอดและเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ยิ่งทำให้เห็นกล้ามเนื้อและแผ่นหลังที่ดูแข็งแรงจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย“กรี๊ดดด ถอดอีกๆ” เสียงร้องตะโกนของสาวๆ ในผับตะโกนกู่ร้องดังเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่พวกเธอต้องการ“ข้างล่างถอดไม่ได้ครับ ขืนผมถอดเจ้าของผับแบนไม่ให้ผมเข้าอีกแน่ๆ” เมื่อกาลนานพูดจบเขาก็ก้มโค้งขอบคุณแล้วเก็บเสื้อที่เขาโยนมันลงพื้นไปแต่แรก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอ
หลายวันต่อมา คุณนิรันด์กาลเรียกฉันให้เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา “สวัสดีค่ะ คุณนิรันด์กาล” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “เชิญนั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึกอีกรอบ เขาส่งกระดาษใบสี่เหลี่ยมให้ฉัน “เงินเจ็ดล้านตามที่ตกลงกันไว้ครับ คุณทำสำเร็จนะขอบใจคุณรินมากที่ช่วยครอบครัวของเรา” “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันส่งเช็คนั้นคืนกลับไป “ทำไมจะยังไม่ได้ทำครับ ก็ลูกชายทั้งสองของผมบอกว่าถ้าไม่ได้คุณรินป่านนี้น่าจะยังทะเลาะกันอยู่ผมเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องครับ เลี้ยงลูกตามใจจนเอาลูกไม่อยู่จนต้องไปขอให้คุณรินช่วย” “ฉันยินดีค่ะ แต่เขาสองคนดีกันแล้วเหรอคะ” “ใช่ครับ เมื่อคืนเขาคุยกันหัวเราะชอบใจใหญ่ผมมีความสุขมากครับ” อ๋อว่าแล้วเมื่อคืนกาลนานบอกว่าจะมานอนที่บ้านเป็นแบบนี้นี่เอง “ดีใจด้วยนะคะคุณนิรันด์กาล แต่ฉันไม่ขอรับเงินจำนวนนี้หรอกค่ะเพราะว่าฉันเองก็มีส่วนทำให้เขาทั้งสองทะเลาะกันด้วย” “งั้นถ้าผมจะสู่ขอคุณรินให้เจ้ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมล่ะครับ คุณจะรังเกียจครอบครัวของเรามั้ย“ “คะ คุณรู้เรื่องของเราเหรอคะ” ฉันก้มหน้าพูด
“รินครับ ผมมีอะไรจะให้” เขาเดินมานั่งข้างๆ ฉันที่นั่งหน้าบ้านเพราะว่าเราจะมานั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน“อะไรคะ” เขาหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมาแล้วติดที่ผมของฉันมันวิบวับแวววาวมากจนฉันต้องหยิบลงมาดู“ดาวครับ สวยมั้ย” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของฉันเล่นอย่างแผ่วเบา“เพชรนี่คะ สวยจัง” ฉันทำท่าจะเอากิ๊บเข้าปากเพื่อเช็คว่าแท้มั้ย“รินทำน่ารักอีกแล้วนะแท้สิครับผมเป็นใคร ผมคือกาลนานนะ”“ล้อเล่นเฉยๆ เองขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็ติดกิ๊บที่ผมตามเดิม“ครั้งนี้ไม่ปฏิเสธเหรอครับ หลายล้านบาทนะอย่าเอาไปขายล่ะเวลางอนผม” “ปฏิเสธก็บ้าแล้ว นานกระแทกรินจนช่วงล่างแทบจะพังรินเสียหายนะ” “งั้นเหรอครับ งั้นผมให้ใบนี้รินไว้ใช้ดีกว่าเพราะผมจะกระแทกอีกนานเลยครับ” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพร้อมกับหยิบบัตรการ์ดใบแข็งสีดำส่งให้ฉัน“นี่มันแบล็คการ์ดเหรอคะ นานมีจริงๆ ด้วยเพราะเมื่อก่อนรินว่าเคยเห็นนานถืออยู่นะ”ฉันหยิบมาดูพลิกไปพลิกมา“จริงสิครับ ผมให้”“สายเปย์ของจริงเลยนะเนี่ย” “แน่อยู่แล้วครับ”“งั้นคืนนี้รินขอใช้บัตรนี้ซื้อตัวนานได้มั้ยคะ เหมาทั้งคืน” ฉันขยิบตาให้พร้อมกับหย่อนบัตรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขา“อย่ามาร้องขอชีวิตกับผมแล้ว
หลังจากที่ฉันบอกว่าจะลาออกฉันก็ไม่เจอคุณนิรันด์ที่นี่อีกเลย ฉันเหลือบมองกาลนานที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเลยอยากเอาใจเขา“รับกาแฟมั้ยคะคุณกาลนาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยอาการคิ้วขมวด“เรียกคุณอีกแล้ว เราอยู่กันสองคนเรียกผมนานเฉยๆ ก็ได้หรือจะเรียกผัวจ๋าแบบที่เคยเรียกก็ได้นะครับ” เขายิ้มพร้อมทั้งขยิบตาใส่“บ้า อือ แล้วพี่ชายของคุณล่ะฉันยังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่มา” ฉันลองถามเขาเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีอยู่“ทำไมคิดถึงเขาเหรอ” กาลนานหน้าบึ้ง“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พี่แค่ถามดู”“มันไปดูอีกบริษัทละครับ เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไงครับ”“จร้าๆ พ่อเสือใหญ่ถอดเขี้ยวเล็บด้วยนะคะ ถ้าไม่ถอดพี่จะถอดให้เอง” ฉันทำท่าเสือกางเล็บใส่เขา “เสือสิ้นลายแล้วครับโดนพี่ขี่ผมไปไหนไม่ได้แล้วครับ ว่าแล้วก็อยากโดนขี่อีกจังในนี้ดีมั้ย” กาลนานลุกมาหาฉัน“หยุดเลย ไว้ไปทำที่บ้าน”“คืนนี้ไม่อดแล้วเว้ยเราชักจนปวดมือแล้ว”“ทะลึ่ง” พอเราสองคนมาคืนดีกันแบบนี้ก็ยิ่งเติมเต็มความรักให้กันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันมัวแต่มีความสุขจนลืมคำพูดที่รับปากไว้กับคุณนิรันด์กาลพ่อของเขาสนิทเลย จะทำยังไงดี ถึงจะให้สองคนมาคืนดีก
“กาลนานอย่า” ฉันห้ามเขา แต่อคินก็ยังสวนหมัดกลับมาใส่ใบหน้าของกาลนานเต็มๆ เช่นกัน“หยุดนะคิน ถ้าคุณไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ฉันควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นจุ๊ดที่ฉันใส่อยู่บ้าน“ทีไอ้นี่ยังเข้ามาได้” เขาชี้หน้ากาลนาน“ก็เขาเป็นสามีของฉันทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” ฉันยืนพูดเพราะยังไงวันนี้ฉันต้องจัดการเรื่องฉันกับอคินให้มันจบๆ ไปเสียที“พูดได้เต็มปาก เด็กมันจะสู้ผมได้ยังไง” อคินยังคงดื้อดึง ยิ่งทำให้กาลนานโกรธเข้าไปใหญ่“อย่าค่ะผัวจ๋า เดี๋ยวเมียจัดการเอง” ฉันแกล้งพูดให้อคินโดยมีกาลนานที่ยืนยิ้มอยู่“พอเถอะค่ะคินฉันมีผัวใหม่แล้วฉันไม่กลับไปกินของเก่าแบบคุณอีกแน่ๆ”“ถ้าคุณพูดเต็มปากขนาดนี้ว่าไอ้อ่อนนี่มันเป็นผัวใหม่ของคุณ ผมก็ไม่เอาคุณแล้วเหมือนกัน”“เชิญค่ะ นั่นประตู” อคินเดินไปอย่างหัวเสียเจอแบบนี้ใครกลับมาอีกก็บ้าแล้ว“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ฉันหยิบเสื้อที่ตกลงกับพื้นส่งให้เขาคืน“ครับ แต่ผมโดนเขาต่อยช่วยทำแผลให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ”“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความดีของคุณนะ” ฉันเดินไปหยิบยาทาแล้วมานั่งรอเขาที่กำลังใส่เสื้ออยู่“เดือนนี้ทั้งเดือนไม่รู้ปากของผมเป็นอะไรไปรับแต่กำปั้
ตั้งแต่กลับมาจากไปดูงานที่เมืองนอกกาลนานก็ไม่พูดอะไรกับฉันเลยนอกจากเรื่องงานจนถึงวันนี้ก็วันที่สามแล้ว แต่สามวันนี้เขาก็พาผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้าเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าโชคดีมากที่คืนนั้นฉันไม่เผลอตัวเผลอใจไปกับเขาไม่งั้นฉันคงติดโรคจากเขาแน่ๆ คุณนิรันด์เองก็เช่นกันเขายังคงมาเที่ยวตามฉันไม่หยุด เหมือนกับวันนี้ “คุณรินครับ ผมมารับไปทานข้าวด้วยกันข้างนอกครับ” เขาเดินเข้ามามองฉันแล้วชำเลืองมองกาลนาน “จะคุยเรื่องงานด้วยครับ” เขาพูดต่อจนฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ “ค่ะ ได้ค่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกมากับคุณนิรันด์นั่งรถมาคันเดียวกัน คนในบริษัทก็เห็นโดยเฉพาะยัยจิวรุ่นน้องที่เคยจีบกาลนาน “จะควบทั้งพี่ทั้งน้องเลยเหรอคะพี่ริน” เธอพูดกับฉันเมื่อเราเจอกันที่ร้านอาหารข้างนอก “แล้วเธอล่ะได้ควบใครหรือยังจ้ะน้องจิว” ฉันพูดเย้ยเธอให้สะใจ “คนขี่ม้าเยอะขนาดนี้ระวังนะคะควบไปควบมาจะตกม้าตาย” ยัยจิวแสนร้ายพูดแล้วก็หัวเราะเดินออกไป “ยัยบ้าจิว” พอฉันนึกถึงหน้ากาลนานความโมโหก็ขึ้นมาทันที ป่านนี้คงควบกันอยู่บนโต๊ะแล้วมั้งนี่ถ้าฉันไม่อยู่ในห้องทำงานคงควบกันไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าแล้วยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห “คุณรินทำไ
สามวันต่อมากาลนานไปดูงานที่ต่างประเทศฉันจึงต้องติดตามเขาไปด้วย“คุณไหวมั้ยคุณริน” เขาถามฉันพร้อมทั้งเอาหลังมือแตะหน้าผากของฉัน เพราะฉันไข้หลังจากกลับเข้ามาในโรงแรม“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยก็ได้ฉันอยากจะพักผ่อนสักหน่อย” ฉันพูดทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่“คุณอยากไปหาหมอมั้ย” เขาเอามือจับผมตรงหน้าผากฉันเสยขึ้น“ไม่ค่ะ ฉันกินยาก็หายแล้วคุณมีงานอะไรรบกวนส่งเข้าทางข้อความให้ฉันหน่อยนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะมาจัดการให้ค่ะ” ลมหายใจที่ร้อนผ่าวของฉันรู้เลยว่าฉันมีไข้ขึ้นสูง“คุณเลิกพูดเรื่องงานที่ผมสั่งให้คุณทำได้มั้ย เอาตัวเองก่อน” “ฉันอยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีค่ะ”“ไหนล่ะยาที่คุณกิน” เขาดูลนลาน“ไม่มีค่ะ สงสัยฉันลืมหยิบมาด้วย”“คุณเอาแต่ทำให้ผมเป็นห่วงตลอดนะคุณริน” เขารีบวิ่งเปิดประตูออกไปสักพักเขากลับมาพร้อมกับยาลดไข้ และผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ฉัน“คุณจะทำอะไร” ฉันขยับตัวหนีเมื่อเขาดึงผ้าห่มออกพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิตของฉัน“ก็จะเช็ดตัวให้คุณไง ตัวคุณร้อนอย่างกับไฟเกิดช็อกขึ้นมาจะทำยังไงคุณต้องลดไข้ก่อนนะ” เขาเปิดเสื้อเชิตของฉันออก“เดี๋ยวฉันทำเอง” ฉันแย่งผ้ามาจากมือของเขา“ผมเห็นของคุณมาตั้งเท่าไหร่แล้ว
ปึก“โอ๊ย” เขาร้องลั่นพร้อมกับจับคางและปากของตัวเอง“เลือด” ฉันร้องลั่นเมื่อริมฝีปากของเขามีเลือดแดงสดไหลออกมา “ผมเจ็บนะ คุณจะฆ่าผมเหรอ” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องดูหน้ากับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองจนฉันต้องหยิบกระจกให้เขาส่องดู“ฉันขอโทษ แล้วใครใช้ให้คุณเอาคางมาเงยหัวไหล่ของฉันล่ะ” เขาไม่ตอบกลับไปหยิบกระดาษทิชชูแล้วส่งให้ฉัน“เช็ดให้ผม” สีหน้านิ่งเรียบแต่แววตาแฝงไปด้วยความเจ็บเพราะฉันกระแทกแรงมากช่วยไม่ได้อยากทำตัวรุ่มร่ามเอง แล้วฉันก็หัวเราะออกมา“คุณตั้งใจกระแทกผมเหรอ” เขาเลิกคื้วขึ้นคงจะเจ็บไม่น้อยเพราะน้ำตาคลอเบ้าเลย“เปล่านะคะ คุณเอาคางมาเกยฉันเองนะ” ฉันหยิบทิชชูเช็ดปากให้เขาพลางหัวเราะไป“แล้วทำไมคุณต้องลุกพรวดพราดขนาดนั้นด้วยล่ะ” เขาหน้าบึ้งพลางจือปากให้ฉันเช็ด“คุณอยากทำตัวรุ่มร่ามเอง เช็ดเองไปเลยค่ะเพราะนี่ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน” ฉันหันหลังแล้วเก็บของจะกลับบ้าน“ไม่ใช่หน้าที่อะไร คุณทำผมเจ็บนะเลือดออกขนาดนี้จะไม่พาผมไปโรงพยาบาลหน่อยเหรอ” เขาทำทีโวยวาย ทีต่อยกับพี่ชายของตัวเองวันนั้นยังไม่สนใจจะเช็ดเลือดที่ปากของตัวเองเลย “ปากคุณนี่น่าจะโดนอะไรฟาดปากสักหน่อยนะคะ อุ้ยขอโทษค่ะพอดีฉั