เมื่อฉันเดินไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของกาลนานคุยกับใครบางคน
“เออ แล้วมึงจะถามทำไมวะว่ากูจีบพี่รินจริงหรือเปล่า”
“กูก็แค่อยากรู้ เพราะมึงไม่ธรรมดานี่หว่า” กาลนานคุยกับอาร์เองหรอกเหรอ
“โอเคๆ กูยอมรับว่าตอนกูเจอพี่รินครั้งแรกก็ตั้งใจจะเคลมพี่เค้า แต่ความคิดของกูมันเปลี่ยนไปว่ะพี่รินไม่เหมือนผู้หญิงที่กูเคยเจอ”
เจอกันครั้งแรกก็หวังจะเคลมกันเลยเหรอไอ่เด็กเมื่อวานซืนฉันได้แต่คิดในใจ เดี๋ยวคอยดูเถอะแม่จะจัดให้สำนึกไม่ทันเลย
“อ้าว ไหนล่ะกาแฟ” น้ำตาลถามเมื่อฉันเดินกลับมา
“กาแฟหมด ไม่ต้องกงต้องกินละ” ฉันพูดพลางหันไปมองค้อนตาขวางให้เจ้าอาร์ที่เดินตามหลังมา
“เฮ้ย พี่รินผมตกใจหมดมองผมตาขวางแบบนี้ อย่างกับคนโดนผีเข้า” เจ้าอาร์รีบทำท่านั่งพิมพ์งาน
“ฉันได้ยินที่นายพูดถึงฉันกับนาน” ฉันเดินเนียนไปใกล้เขาพร้อมกับบีบไหล่ของเขาอย่างแรง
“ขาผมไม่ดีอยู่นะพี่ริน ใจคอจะบีบให้ไหล่หักไปด้วยเลยเหรอไง”
“แต่ปากนายดีนี่” ฉันเพิ่มแรงบีบขึ้นอีกเป็นสองมือ
“โอเค พี่รินรู้อะไรมาได้ยินที่พวกผมคุยกันเมื่อกี้เหรอ
“เออ…น่ะสิ” ฉันพูดอย่างโมโห
“ผมขอโทษนะพี่ ที่พูดลับหลังแบบนั้นผมก็แค่สงสัยก็เลยถามไปแบบนั้น”
“ยุ่ง ไม่เข้าเรื่อง” ฉันยังโมโหอยู่
“ก็ผมเป็นห่วงพี่นี่ แต่พอผมได้คำตอบก็เข้าใจว่าความคิดของมันเปลี่ยนไปพี่รินไม่เหมือนผู้หญิงที่เคยเจอ นานชอบพี่รินจริงๆ” แต่ที่ฉันได้ยินมันไม่ใช่แบบนี้ หรือเขาพูดกันตอนที่ฉันเดินออกมาก็มันโมโหก่อนที่จะฟังจบนี่แต่ฟังหูไว้หูน่าจะดีกว่า
“ฉันไม่เชื่อพวกนายหรอก”
เช้าวันต่อมาคุณนิรันด์ เรียกฉันไปพบที่ห้องทำงานทำเอาฉันคิดไปต่างๆ นานา
“เขาอาจจะถามเรื่องงานก็ได้นะริน น้ำตาลพูดปลอบใจฉัน
“ถ้าถามเรื่องงาน มีพี่ชาไว้ทำไม พี่ชาระดับผู้จัดการแผนกนะ ยังไงก็ต้องถามเขาก่อนอยู่แล้ว”
ฉันพูดทำให้น้ำตาลพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิหรือว่าเขาจะไล่แกออกวะ” น้ำตาลไม่ได้พูดให้กำลังใจฉันเลยสักนิดเดียว เหมือนฉันกำลังจะตกน้ำแล้วยัยน้ำตาลส่งหวงยางมาให้แต่มันรั่ว คือไม่มีประโยชน์อะไรแบบนั้นเลย
“บ้าเหรอไล่ฉันออกเรื่องอะไร ไม่รู้ล่ะอยากรู้ก็ต้องรีบเข้าไปแล้วฉันจะมาเล่าให้ฟัง”
“นั่งก่อนครับคุณรินรดา ผู้ชายที่ดูดีมีภูมิฐานพลางผายมือให้ฉันนั่งลงกับเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเขา
“ขอบคุณค่ะ คุณนิรันด์มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอคะ”
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ”
“คะ” ฉันพูดอย่างงงๆ แล้วเรียกฉันเข้ามาทำไม หรือว่าฉันจะโดนไล่ออกจริงๆ
“ดื่มกาแฟเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั้ยครับ” เขายิ้มพร้อมกับดันแก้วกาแฟมาให้
“คือ ฉัน” ฉันที่อ้ำอึ้งเพราะเกรงใจแล้วก็ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า หรือว่าเขาจะจีบฉันจริงๆ เหรอ ไม่หรอกน่าอย่าไปคิดแบบนั้นแค่เห็นว่าเราทำงานดี เขาเลยอยากจะเลี้ยงกาแฟก็แค่นั้น
“ผมแค่ต้องการอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ เพราะได้ยินมาว่าคุณทำงานดีผมเลยอยากร่วมงานด้วยครับ” คุณนิรันด์พูดอย่างถ่อมตัว ทั้งที่เขาก็เป็นถึงเจ้าของบริษัทนี้
“คะ ขอบคุณค่ะคุณนิรันด์ ฉันจะตั้งใจทำงานให้เต็มที่เลยค่ะ” ฉันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในสิ่งที่เขาชม ถึงแม้ว่าจะอึ้งแล้วอึ้งอีกก็ตาม
“ดื่มกาแฟเถอะครับเดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน” ฉันยกขึ้นมาจิบนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เสียมารยาทเพราะเมื่อเช้ากาลนานก็เพิ่งซื้อมาให้ฉันเหมือนกัน ในระหว่างที่ฉันนั่งจิบกาแฟอยู่นั้นสายตาของคุณนิรันด์จับจ้องมองมาที่ฉันตลอดสายตาที่มองสำรวจสัดส่วนโดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจของฉันที่มันดันเสื้อออกมา ในระยะใกล้ๆ แบบนี้ทำเอาฉันขนลุกอยู่ไม่น้อย
“ขอโทษนะครับ พอดีผมเห็นเศษด้ายมันติดตรงเสื้อของคุณน่ะครับ” พร้อมกับชี้มาที่หัวไหล่ของฉันที่มีเศษด้ายติดอยู่จริงๆ
“ให้ผมเอาออกให้มั้ยครับ” คุณนิรันด์ลุกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือมาจะหยิบเส้นด้ายออก แต่ฉันก็เบี่ยงตัวหลบพร้อมกับรีบหยิบออกเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันหยิบออกแล้วขอบคุณนะคะ ฉันขอตัวไปทำงานก่อนค่ะ” ฉันลุกยืนแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวออกมาด้วยความตกใจ
“คุกคามสุดๆ” ฉันนั่งลงบ่นกับน้ำตาลเมื่อออกมาจากห้องทำงานของคุณนิรันด์
“จริงเหรอฉันไม่อยากจะเชื่อเลย แต่แกอาจจะคิดมาก เขาอาจจะแค่หวังดีอยากหยิบออกให้มั้ยล่ะริน” น้ำตาลพูดในแง่ดี
“ถ้าเป็นแก จะกล้าหยิบเศษด้ายออกให้น้องนานมั้ยล่ะ แกจะกล้าโดนตัวเขามั้ยล่ะ” ฉันย้อนถามบ้าง
“โห้น้องนานเหรอ กล้าสิยะกล้ามน่าจะเป็นมัดซิกซ์แพ็คคงจะแข็งแรงมากๆ เดี๋ยวฉันจะหยิบออกเอง” ยัยน้ำตาลพูดพลางหัวเราะคิกคักให้ฉัน
“เอ่อ มันก็จริงว่ะฮ่าๆๆ” บางทีฉันเองอาจจะคิดมาก
“คุยอะไรกันครับหัวเราะกันสนุกเลย” กาลนานเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มงาน
“ก็คุณนิรันด์ น่ะสิหุ้นส่วนใหญ่ เชิญยัยรินไปดื่มกาแฟเมื่อกี้นี้” ฉันรีบเอามือปิดปากน้ำตาลเพราะกลัวคุณนิรันด์จะเดินผ่านมาได้ยินซะก่อน
“คุณนิรันด์เหรอ” กาลนานถามย้ำ
“ใช่ๆ แล้ววันนี้มีอะไรถึงเดินมาถึงนี่ พอเจ้าอาร์กลับมาก็ไม่เห็นหน้าหล่อๆ แบบนี้ตั้งหลายวันแล้ว” น้ำตาลควงแขนกาลนานหยอกเหมือนคนโตหยอกเด็ก
“ผมมาบ่อยนะครับ พี่น้ำตาลไม่เห็นผมเอง”
“มาตอนไหน พี่ไม่เห็น”
“ผมก็มาหาพี่รินไงครับ คิดถึง…รุ่นพี่ที่สอนงานผมไงครับ” กาลนานพูดลากเสียงทำเอาฉันลุ้นว่าเขาจะพูดอะไรต่อ เพราะน้ำตาลกับคนที่แผนกยังไม่รู้ว่าฉันไปไหนกับกาลนานบ่อยแทบจะทุกวันหยุดเลยด้วยซ้ำ
ตอนเย็นกาลนานนัดฉันทานข้าวกับเขาหลังเลิกงาน ฉันรับปากว่าจะไปทานข้าวกับเขาโดยไม่รีรอเพราะฉันเองก็เริ่มชอบเขามากเหมือนกัน คำว่า ตัวล่า ผู้หญิงของเขาที่ฉันเคยได้ยินมา มันเหมือนไม่ใช่เขาเลยเพราะสิ่งที่เขาทำมันห่างไกลกับคำนั้นมากๆ เพราะเขาดีกับฉันมากและไม่เคยล่วงเกินฉันเลย
หลายวันต่อมา
ความสนิทของฉันกับกาลนานเพิ่มมากขึ้น จนเขาแอบฉวยโอกาสหอมแก้มฉัน
“เด็กน้อยคิดจะปีนเกลียวพี่เหรอ”
“ผมเด็กน้อยอะไรกันครับ เดี๋ยวพี่รินจะโดนผมนะครับ” เขายืนหน้ามาใกล้กับริมฝีปากของฉัน แต่ฉันต้องรีบเอามือปิดปากของเขาทันที เพราะเขาก้มมาใกล้จนฉันเริ่มหวั่น
“โอเคๆ พี่เชื่อแล้วจ้า ถอยไปเลย” ฉันดันอกของเขาออกเมื่อเขาเบียดเข้ามาใกล้
“วันนี้ไปหาอะไรกินที่คอนโดผมมั้ย เดี๋ยวผมมาส่ง” เขาเอาแขนเท้ากับโต๊ะมองฉันที่กำลังนั่งเม้มปาก
“เราก็กินอยู่นี่ไงคะ” ฉันยิ้มแกล้งเขา
“ผมชอบพี่รินนะครับ” เขาพูดเสียงทุ้มใหญ่จริงจัง นี่ถ้าฉันเป็นสาวน้อยไร้ประสบการณ์ป่านนี้คงโดนกาลนานเก็บเข้าคลังแล้วแน่ๆ ตั้งแต่วันแรก คารมที่ดูธรรมดาแต่ท่าทางและรูปร่างหน้าตานี่คือกินขาด ฉันเริ่มไม่แปลกใจแล้วกับคำที่อาร์บอกนานคือตัวล่าสาวๆ
“พี่ก็ต้องขอบใจนานมากนะที่ชอบพี่ ขอบใจที่เข้ามามีความรู้สึกดีๆ ให้พี่แต่พี่คิดว่ามันเร็วไป” เพราะมันเร็วไปสำหรับฉัน เขาทำให้ฉันรู้สึกดีแบบนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนมีผีเสื้อนับพันมาบินอยู่ในท้องของฉันมันวาบหวิวไปหมด ฉันเข้าสู่อาการอินเลิฟจริงๆ แล้วเหรอนี่ เพราะตั้งแต่มีเขาฉันก็ไม่เคยนอนร้องไห้เพราะคินอีกเลย มันตอนไหนกันนะที่ฉันเริ่มชอบเขา ฉันย้อนคิดกลับไป
“ตั้งแต่ตอนแรก” ฉันเผลอพูดออกมา
“อะไรตอนแรกครับ” กาลนานถาม
ใช่ฉันชอบเขาตั้งแต่วันแรกที่นานเข้ามาแนะนำตัวที่แผนกตอนนั้นพวกเรากำลังมีตติ้งอยู่
กาลนานหล่อมากออร่าสุดๆ เหมือนผู้ชายที่อาบน้ำตลอดเวลา ให้ตายสินี่ฉันตกหลุมรักเด็กที่ห่างกันถึงเก้าปีจริงๆ เหรอเนี่ย
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ
“พี่รินคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมหน้าแดง” เขาเอานิ้วมือเขี่ยจมูกของฉัน“หน้าแดงอะไร เปล๊าาาไม่ได้คิด อากาศมันร้อนต่างหากล่ะ” ฉันทำท่าเอามือสองข้างพัดกับหน้าของตัวเอง“ผมมีอะไรจะบอกพี่รินจริงๆ ผมไม่ได้เจอพี่รินครั้งแรกที่ผับนั้นหรอก ผมเจอพี่รินก่อนหน้านั้นอีก”เขาตักข้าวใส่ปากแล้วก้มหน้า“ตอนไหนเหรอ นานเจอพี่ที่ไหนเหรอ บอกหน่อยสิ”“ถ้าพี่รินอยากรู้ กินข้าวเสร็จไปคอนโดผมนะครับ ผมมีอะไรให้ดู”“ไม่พี่ไม่ไป พี่ไม่ได้อยากรู้ ทำไมพี่ต้องไปด้วยคะ”ที่คอนโดของกาลนาน“ยิ้มอะไรคะน้องนาน” ฉันเรียกชื่อเขาเมื่อเดินตามหลังเขามาต้อยๆ มานั่งตรงโซฟาภายในห้องที่หรูหราของเขา“เรียกน้องนานอีกแล้วนะ” เขาหน้าบึ้งใส่ทำเอาฉันหัวเราะเพราะความดูไร้เดียงสาของเขา“ไหนมีอะไรจะบอกพี่ที่บอกว่าไม่ได้เจอพี่ครั้งแรกที่ผับนั่น”“พี่รินนั่งดูหนังรอผมก่อน ถ้าคอแห้งก็จิบน้ำได้นะผมขออาบน้ำก่อน” พร้อมกับส่งเบียร์มาให้ฉันหนึ่งกระป๋อง“ฮึ่ย ได้ไงอ่ะนาน หนีไปอาบน้ำเฉยอ่ะ” ฉันดึงมือของเขาไว้“หรือพี่รินจะเข้าไปอาบน้ำกับผม” เขาดึงแขนให้ฉันลุกขึ้นแทน“โอเคๆ เข้าไปอาบเลยน้องนาน”“ฮึ เดี๋ยวรอผมออกมาก่อน”สิบห้านาทีต่อมา“อาบน้ำนานมาก พี่ร
“พี่ริน เรื่องเมื่อวานผมขอโทษด้วยนะครับ” กาลยืนรอฉันตรงทางเข้าแผนกพร้อมกับแก้วกาแฟและขนม “พี่ลืมแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหรอก” ฉันรับแก้วกาแฟและขนมพร้อมกับหันหน้าหนีเขาเพราะความอาย “แต่ผมยังไม่ลืมนะพี่ริน” เขาอมยิ้มพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ทำให้ฉันเขินอายได้ขนาดนี้ “อะไรจ้ะยัยริน มายืนบิดอะไรตรงนี้นี่แกจะจีบน้องนานเหรอ” น้ำตาลเดินมากอดคอฉัน “จีบเจิบอะไรกัน ฉันน่ะไม่ชอบคนเด็กกว่าหรอกนะ” ทันทีที่ฉันพูดจบกาลนานก็หน้าบึ้งตึงแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปที่แผนกของตัวเองอย่างรวดเร็ว ตกบ่ายมามีลูกค้าร้องเรียนว่าบริษัทติดตั้งโปรแกรมผิด ฉันเปิดตารางดูว่าวันนั้นใครเป็นคนติดตั้ง “นี่ฉันกับกาลนานเองเหรอ” ฉันเอามือปิดปากตกใจ “ใช่น่ะสิ อธิบายให้พี่ฟังหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นรินรดา” พี่ชาถามเสียงเข้ม “หนูยังแปลกใจเลยค่ะพี่ชา ว่าพลาดตอนไหนทั้งที่เราก็เช็คโปรแกรมกันแล้ว แถมยังลองวอร์มเครื่องดูด้วยค่ะ” ฉันกำลังคิดทบทวนว่ามันเป็นเพราะอะไร “ลูกค้าเค้าร้องเรียนมา เราก็ต้องเข้าไปดูโดยด่วนเข้าใจมั้ย” “ได้ค่ะพี่ชา พรุ่งนี้หนูจะเข้าไปดูให้แต่เช้านะคะ น่าจะใช้เวลาเดินทางสามถึงสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงเนื่องจากระยะทาง
“สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาแก้ไขปัญหาของระบบที่แจ้งเอาไว้นะคะ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น” ฉันกล่าวขอโทษกับทีมเอ็นจิเนีย“ไม่เป็นไรครับ อาจจะเกิดเพราะเครื่องจักรมันรวนก็ได้ครับ”แล้วฉันกับกาลนานก็ช่วยกันแก้ไขจนกระทั่งพี่ชาโทรมาบอกว่าประธานใหญ่ของบริษัทเราพ่อของคุณนิรันด์ คือคุณนิรันด์กาล ก็อยู่ที่บริษัทนี้ด้วยเหมือนกัน เห็นว่าจะถามเรื่องของเครื่องจักรที่เคยติดตั้งด้วย ยังไงซะฉันก็อยู่ที่นี่แล้วช่วยต้อนรับเขาด้วยเพราะเขาก็มาดูงานที่นี่ด้วยเช่นกัน“แต่พี่ชาคะ หนู”“เอาน่า ถือว่าช่วยพี่ ช่วยทีมแล้วก็ช่วยบริษัทด้วย”“อ้างเยอะ” ฉันว่าพี่ชาแล้วก็วางสายไปฉันเดินเข้ามายังห้องรับรองแขกที่มีคุณนิรันด์กาลเข้ามานั่งอยู่ก่อนแล้ว ด้วยอาการนอบน้อมของฉันและก็เกร็งสุดๆ ด้วยเช่นกัน“เชิญนั่งครับ คุณรินรดาผมขอโทษด้วยนะครับที่รบกวนเวลาการทำงานของคุณ”“ไม่เป็นไรค่ะท่านดิฉันยินดีมากค่ะ” แถมฉันยังรู้มาอีกว่าคุณนิรันด์กาลก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ด้วย ถึงแม้เขาจะมีอายุที่มากแต่บุคลิกที่ดูภูมิฐานทำให้เขาดูไม่ต่างจากหนุ่มๆ เลย ไม่แปลกที่คุณนิรันด์จะดูดีเช่นเดียวกับเขา“วันนี้ มาคนเดียวเหรอครับแล้วท
หลังจากที่กาลนานอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เราสองคนก็ออกไปทานข้าวกันตรงทางเข้าหน้าหมู่บ้านจัดสรรและกลับเข้ามา“ให้ผมค้างที่นี่ได้มั้ยครับพี่ริน” เขากอดฉันจากทางด้านหลัง“นะๆ ผมจะไม่ซุกซนเลย สัญญา” เขายื่นนิ้วเกี่ยวก้อยกับฉัน“ก็ได้ แต่นานไปนอนห้องนั้นนะ” ฉันชี้ไปที่อีกห้องหนึ่งที่ว่างเพราะบ้านมีสองห้องนอน“ก็ได้ครับ คิดว่าจะได้นอนห้องเดียวกับพี่รินซะอีก” เขายู่ปากใส่พร้อมกับเดินห่อไหล่เข้าไป ทำให้ฉันอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเขาปิดประตูห้องแล้วฉันก็เดินเข้าไปอาบน้ำเช่นกันเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าอีกพอฉันอาบน้ำเสร็จ เปิดประตูออกมาก็พบว่ากาลนานนั่งอยู่ตรงโซฟา พร้อมกับกล่องผ้าใส่ของที่ฉันไม่ได้เห็นมันนานแล้ว“พี่ยังไม่ลืมแฟนเก่าเหรอครับ” เขานั่งหันหลังพูด“ลืมแล้ว พอดีพี่เก็บไว้แล้วกะว่าจะเอาไปทิ้งก็เลยลืมสนิทเลย”“อย่างนั้นเหรอครับ แต่พี่ก็ต้องเข้ามาทำความสะอาดห้องบ้างไม่ใช่เหรอครับก็น่าจะเห็น” เขาหันมามองกล่องแล้วเลยมามองหน้าฉันด้วยสายตาที่แสดงว่ากำลังน้อยใจอยู่ พอเขาพูดแบบนี้ฉันก็ยิ่งคิดว่าสิ่งที่เขาพูดมันถูกทุกอย่าง ใช่ ฉันเห็นกล่องใบนั้นตลอดเพราะฉันเป็นคนเก็บมันใส่
ที่ห้องทำงานคุณนิรันด์“เชิญนั่งครับ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขาด้วยใจที่อยู่ไม่เป็นสุขเพราะไม่รู้ว่าเขาจะต่อว่าฉันเรื่องอะไรบ้าง“ผมขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ คุณรินรดาคงจำได้เมื่อวันก่อนที่เจอกับคุณนิรันด์กาลพ่อของผมแล้วมีน้องในทีมของคุณโดนน้ำมันจากเครื่องจักรกระเด็นใส่หน้า ทำให้ท่านเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณก็แค่นั้น ไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิการทำงานของคุณเลย” ฉันได้ฟังดังนั้นจึงทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับความหวังดีก็นั้น“ต้องขอขอบคุณความหวังดีของท่านมากนะคะ ต่อไปฉันกับน้องในทีมจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ”“พูดแบบนี้ คงไม่ยอมทำตามใช่มั้ยครับ” คุณนิรันด์ยิ้มอย่างรู้ทัน“ถ้ามีคำสั่งมาแบบนี้ฉันก็ต้องทำตามค่ะแต่ฉันอยากจะเคลียร์งานให้หมดก่อนได้มั้ยคะเพราะยังมีงานที่ฉันต้องส่งมอบให้ลูกค้าอีกค่ะ” ฉันอธิบาย“งั้น ตกลงครับผมอนุญาต”“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจฉัน”“ตอนเที่ยง คุณมีนัดหรือยังครับ ผมว่าจะชวนคุณไปทานข้าว” คุณนิรันด์ส่งสายตาเป็นประกาย ให้ตายเถอะสายตาแบบนี้เหมือนกาลนานมองฉันไม่มีผิด แต่ดูๆ ไปสองคนนี้มีส่วนคล้ายกันอยู่นะไม่ว่าจะเป็นดวงตาหรือว่ารอยยิ้มของเขามีเสน่ห์เหมือนกันไม่มีผิ
“พี่บอกว่าค้างไม่ได้ไง ทำไมนานไม่ไปนอนที่คอนโดนานล่ะ”“ก็ผมอยากค้างกับพี่รินนี่ครับ ให้ผมนอนด้วยนะผมนอนที่โซฟานี้ก็ได้” แล้วเขาก็นอนลงบนโซฟาจริงๆ“ไม่ได้หรอก” ฉันตอบเขาอมยิ้มพร้อมทั้งเดินไปดึงมือของเขาให้ลุกขึ้น“โอ๊ย” ฉันตกใจเมื่อเขาดึงฉันให้ลงไปนอนบนตัวของเขา“นานแกล้งพี่”“ก็พี่ริน…น่า…แกล้งนี่ครับ” เขาทำเป็นพูดเว้นไว้“ไม่ทันไร ก็กล้าทำแบบนี้กับพี่แล้วเหรอ”“กล้ามากกว่านี้ผมก็ทำมาแล้วนะครับพี่รินน่าจะรู้” เขากอดรัดฉันจนแน่นแถมยังหอมแก้มของฉันอีก“ปล่อยพี่ก่อนสิพี่หายใจไม่ออกนะนาน” “งั้นผมต้องผายปอดให้พี่แล้วล่ะครับ” ไม่พูดเปล่าเขาจับท้ายทอยฉันกดลงให้ใบหน้าของฉันไปใกล้ริมฝีปากของเขา“อืม ดีจังครับ” มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของฉันเมื่อฉันโต้ตอบการจูบของเขาบ้าง “พี่ว่ามันเร็วไปนะเรื่องของเรา”“พี่รินเสียใจเหรอครับที่มีอะไรกับผม ผมทำพี่รินเสียใจเหรอครับ” เขาพูดในขณะที่ฉันยังนอนทับตัวของเขาอยู่บนโซฟา“พี่ไม่เสียใจหรอก แต่พี่แค่คิดว่าเรามีอะไรกันเร็วเกินไปนานคงไม่ว่าพี่ใจง่ายนะ” ฉันดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากตัวของเขาแล้วนั่งลง กาลนานลุกขึ้นมากอดฉัน“ถ้าช้ากว่านี้ผมคงขาดใจตายพอดี
ตี๊ดดๆๆๆ เสียงนาฬิกาที่ฉันตั้งไว้ดังขึ้น“พี่รินตั้งปลุกทำไมครับวันนี้วันหยุดนะ” กาลนานที่ยังนอนงัวเงียอยู่หลับตาพูด“พี่ลืมน่ะ ขอโทษทีนะนอนต่อเถอะ” เขาดึงตัวฉันให้ไปนอนหนุนแขนของเขา“ดีจังเช้านี้ตื่นมาก็เจอสาวสวยนอนอยู่ข้างๆ” ฉันแกล้งแซวเขา“ดีจัง เช้านี้ตื่นมาพี่รินก็เจอหนุ่มหล่อแบบผมนอนอยู่ข้างๆ” กาลนานแซวฉันคืนบ้าง“วันนี้วันหยุดนานมีธุระที่ไหนมั้ย” ฉันถามเขา“วันนี้ผมยกให้พี่รินทั้งวันเลยครับ พี่รินอยากไปเที่ยวไหนเดี๋ยวผมจะพาไปทุกทีเลย”“แต่พี่กลัวคนที่ทำงานเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกัน” ฉันพูด“ทำไมยังต้องกลัวคนเห็นครับ ผมไม่มีแฟนพี่รินก็ไม่มีแฟนแล้วเราจะหลบทำไมครับ”“พี่กลัวคนที่ทำงานเจอเรา มันดูไม่ดีเพราะพี่อายุมากกว่านานตั้งหลายปี นานไม่อายคนอื่นเหรอที่มีแฟนแก่แบบพี่” ฉันบุ้ยปาก“จะอายทำไมครับ พี่รินยังดูเด็กยังสาวยังสวยขนาดนี้ใครอายก็บ้าแล้ว”“จริงเหรอ ไม่หลอกให้พี่ดีใจนะ”“จริงสิครับ เพราะผมสำรวจพี่มาทุกซอกทุกมุมแล้วยังสาวยังสวยแถมยังเร้าใจอยู่” เขากระชับกอดฉันแน่นขึ้น“อย่างหลังไม่ต้องบอกก็ได้มั้ง” ฉันบ่นอู้อี้กับหน้าอกแน่นๆ ของเขา“ผมกลัวพี่รินไม่เห็นภาพนี่ครับ”“‘งั้นถ้าใครเห
สองวันต่อมา“ยัยริน ช่วงนี้ไม่เบาเลยนะแก” น้ำตาลเดินมาหาฉันที่โต๊ะทำงานพลางทำมือปูไต่บนหัวไหล่ของฉัน“อะไรไม่เบาของแกฉันไปทำอะไรให้เหรอ”“มีคนเห็นแกกับน้องนานไปเดินซื้อของกันที่ห้างXXX เดินควงแขนกันท่าทางกระหนุงกระหนิงมากเลยนะหวานเวอร์อ่ะ ใช่มั้ยๆ” น้ำตาลใช้ไหล่กระแซะฉันบอกแล้วถ้ายัยน้ำตาลล้อใครนี่จะเล่นใหญ่มากเหมือนกับตอนนี้ที่ฉันโดนเธอกระหน่ำยิงคำถามทีเล่นทีจริงอยู่“ใครกันเห็นฉัน จำคนผิดแล้วฉันจะไปเดินควงแขนกับนานเขาได้ไง ตาฝาด” “ก็ฉันนี่ไง ฉันเห็นแกเต็มสองตาว่าเดินควงแขนมากับน้องนานสุดหล่อของฉัน”“แกเองเหรอ ฉันก็คิดว่าใคร” ฉันค่อยรู้สึกโล่งอกเมื่อน้ำตาลบอกว่าเป็นตัวเธอเองที่เห็น“แล้วก็คุณสมรที่เห็นเธอมากับน้องนาน” พอน้ำตาลพูดชื่อคุณสมรขึ้นมาความรู้สึกของฉันก็เปลี่ยนไปทันที“ถ้าคุณสมรรู้ป่านนี้ก็รู้กันทั้งบริษัทละ” ฉันพูดพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปเพราะคงไปห้ามปากคนไม่ให้พูดไม่ได้“แล้วจริงสิที่คบกัน ฉันว่าฉันไม่พลาดหรอกมองแป๊บเดียวก็รู้ ตอบมาเลย” น้ำตาลพูดพร้อมจับไหล่ฉันเขย่า“ เออ คบกันอยู่” ฉันตอบแบบรำคาญ“คบกันตอนไหน นานหรือยัง” “ถามไรเยอะแยะ” “ก็ฉันอยากรู้นี่ หรือว่าตอ
(ตอนพิเศษที่ 2 วันวานกับเรื่องบาดหมางของกาลนานกับนิรันด์และโมเม้นกาลนานเจอรินรดาครั้งแรก)เมื่อกาลนานกำลังจะขึ้นปีสองก็ได้มีการบรรยายพิเศษที่คณะจากทีมวิศวะมืออาชีพหญิงสาวสวยสะพรั่งในชุดกระโปรงทรงเอรัดรูปกับผมที่ถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและต้นคองามระหงเด่นชัด“ไอ้นาน มึงมองพี่เขาขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขาก็ถามมึงหรอก” เจตเพื่อนที่เรียนวิศวะด้วยกันกับเขาพูดขึ้น“ถ้าพี่เขาถามกู กูจะให้เบอร์โทรพี่เขาเลย ผู้หญิงอะไรสวยแท้วะ” กาลนานนั่งพูดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่หญิงสาวยังคงพูดบรรยายไปโดยที่ไม่ทันได้เห็นกาลนานด้วยซ้ำ“ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ฟังพี่รินพูดอย่างตั้งใจหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการเรียนหรือวันข้างหน้าก็สามารถปรับเปลี่ยนกับการทำงานได้ค่ะ” รินรดาพูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเอง“พี่รินครับ ผมมีข้อสงสัยครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นทำให้กาลนานหันไปมองเพื่อนในชั้นทันที“มีอะไรคะ ถามได้เลยค่ะ” รินรดายิ้มแย้ม“พี่รินมีแฟนหรือยังครับ” นักศึกษาคนนั้นถามทำให้เพื่อนๆ ในห้องโห่แซวกันใหญ่“ไอ่เชี่ย” กาลนานอุทาน“พี่ยังไม่มีแฟนค่ะ และพี่ก็ไม่ชอบเด็กด้วยค่ะ” รินรดาพูดตัดจบไป ทุกคนในค
เผลอใจรักพักใจเหรอ ตอนพิเศษ1 วันวานกับพี่ชายที่ชื่อนิรันด์ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นตอนอายุสิบแปดของกาลนานที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ร่างกายที่ดูภายนอกจะบอบบางแต่จริงๆ แล้ว เขานั้นซ่อนรูปไม่เบามันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจของหญิงแท้ชายเทียมเป็นอย่างมาก ท่ามกลางแสงสีไฟสลัวๆ ที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มที่เต้นใช้เอวเป็นซะส่วนใหญ่ ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ควงเอวให้มันต่ำลงจนตัวเองนั่งคุกเข่าลงแล้วยกเสยเอวเด้งขึ้นเด้งลงไม่หยุด เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในผับก็ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เขาเต้นอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน คงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมลงจนเห็นสะดือกับหัวเข็มขัดถูกถอดและเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ยิ่งทำให้เห็นกล้ามเนื้อและแผ่นหลังที่ดูแข็งแรงจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย“กรี๊ดดด ถอดอีกๆ” เสียงร้องตะโกนของสาวๆ ในผับตะโกนกู่ร้องดังเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่พวกเธอต้องการ“ข้างล่างถอดไม่ได้ครับ ขืนผมถอดเจ้าของผับแบนไม่ให้ผมเข้าอีกแน่ๆ” เมื่อกาลนานพูดจบเขาก็ก้มโค้งขอบคุณแล้วเก็บเสื้อที่เขาโยนมันลงพื้นไปแต่แรก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอ
หลายวันต่อมา คุณนิรันด์กาลเรียกฉันให้เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา “สวัสดีค่ะ คุณนิรันด์กาล” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “เชิญนั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึกอีกรอบ เขาส่งกระดาษใบสี่เหลี่ยมให้ฉัน “เงินเจ็ดล้านตามที่ตกลงกันไว้ครับ คุณทำสำเร็จนะขอบใจคุณรินมากที่ช่วยครอบครัวของเรา” “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันส่งเช็คนั้นคืนกลับไป “ทำไมจะยังไม่ได้ทำครับ ก็ลูกชายทั้งสองของผมบอกว่าถ้าไม่ได้คุณรินป่านนี้น่าจะยังทะเลาะกันอยู่ผมเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องครับ เลี้ยงลูกตามใจจนเอาลูกไม่อยู่จนต้องไปขอให้คุณรินช่วย” “ฉันยินดีค่ะ แต่เขาสองคนดีกันแล้วเหรอคะ” “ใช่ครับ เมื่อคืนเขาคุยกันหัวเราะชอบใจใหญ่ผมมีความสุขมากครับ” อ๋อว่าแล้วเมื่อคืนกาลนานบอกว่าจะมานอนที่บ้านเป็นแบบนี้นี่เอง “ดีใจด้วยนะคะคุณนิรันด์กาล แต่ฉันไม่ขอรับเงินจำนวนนี้หรอกค่ะเพราะว่าฉันเองก็มีส่วนทำให้เขาทั้งสองทะเลาะกันด้วย” “งั้นถ้าผมจะสู่ขอคุณรินให้เจ้ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมล่ะครับ คุณจะรังเกียจครอบครัวของเรามั้ย“ “คะ คุณรู้เรื่องของเราเหรอคะ” ฉันก้มหน้าพูด
“รินครับ ผมมีอะไรจะให้” เขาเดินมานั่งข้างๆ ฉันที่นั่งหน้าบ้านเพราะว่าเราจะมานั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน“อะไรคะ” เขาหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมาแล้วติดที่ผมของฉันมันวิบวับแวววาวมากจนฉันต้องหยิบลงมาดู“ดาวครับ สวยมั้ย” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของฉันเล่นอย่างแผ่วเบา“เพชรนี่คะ สวยจัง” ฉันทำท่าจะเอากิ๊บเข้าปากเพื่อเช็คว่าแท้มั้ย“รินทำน่ารักอีกแล้วนะแท้สิครับผมเป็นใคร ผมคือกาลนานนะ”“ล้อเล่นเฉยๆ เองขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็ติดกิ๊บที่ผมตามเดิม“ครั้งนี้ไม่ปฏิเสธเหรอครับ หลายล้านบาทนะอย่าเอาไปขายล่ะเวลางอนผม” “ปฏิเสธก็บ้าแล้ว นานกระแทกรินจนช่วงล่างแทบจะพังรินเสียหายนะ” “งั้นเหรอครับ งั้นผมให้ใบนี้รินไว้ใช้ดีกว่าเพราะผมจะกระแทกอีกนานเลยครับ” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพร้อมกับหยิบบัตรการ์ดใบแข็งสีดำส่งให้ฉัน“นี่มันแบล็คการ์ดเหรอคะ นานมีจริงๆ ด้วยเพราะเมื่อก่อนรินว่าเคยเห็นนานถืออยู่นะ”ฉันหยิบมาดูพลิกไปพลิกมา“จริงสิครับ ผมให้”“สายเปย์ของจริงเลยนะเนี่ย” “แน่อยู่แล้วครับ”“งั้นคืนนี้รินขอใช้บัตรนี้ซื้อตัวนานได้มั้ยคะ เหมาทั้งคืน” ฉันขยิบตาให้พร้อมกับหย่อนบัตรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขา“อย่ามาร้องขอชีวิตกับผมแล้ว
หลังจากที่ฉันบอกว่าจะลาออกฉันก็ไม่เจอคุณนิรันด์ที่นี่อีกเลย ฉันเหลือบมองกาลนานที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเลยอยากเอาใจเขา“รับกาแฟมั้ยคะคุณกาลนาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยอาการคิ้วขมวด“เรียกคุณอีกแล้ว เราอยู่กันสองคนเรียกผมนานเฉยๆ ก็ได้หรือจะเรียกผัวจ๋าแบบที่เคยเรียกก็ได้นะครับ” เขายิ้มพร้อมทั้งขยิบตาใส่“บ้า อือ แล้วพี่ชายของคุณล่ะฉันยังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่มา” ฉันลองถามเขาเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีอยู่“ทำไมคิดถึงเขาเหรอ” กาลนานหน้าบึ้ง“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พี่แค่ถามดู”“มันไปดูอีกบริษัทละครับ เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไงครับ”“จร้าๆ พ่อเสือใหญ่ถอดเขี้ยวเล็บด้วยนะคะ ถ้าไม่ถอดพี่จะถอดให้เอง” ฉันทำท่าเสือกางเล็บใส่เขา “เสือสิ้นลายแล้วครับโดนพี่ขี่ผมไปไหนไม่ได้แล้วครับ ว่าแล้วก็อยากโดนขี่อีกจังในนี้ดีมั้ย” กาลนานลุกมาหาฉัน“หยุดเลย ไว้ไปทำที่บ้าน”“คืนนี้ไม่อดแล้วเว้ยเราชักจนปวดมือแล้ว”“ทะลึ่ง” พอเราสองคนมาคืนดีกันแบบนี้ก็ยิ่งเติมเต็มความรักให้กันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันมัวแต่มีความสุขจนลืมคำพูดที่รับปากไว้กับคุณนิรันด์กาลพ่อของเขาสนิทเลย จะทำยังไงดี ถึงจะให้สองคนมาคืนดีก
“กาลนานอย่า” ฉันห้ามเขา แต่อคินก็ยังสวนหมัดกลับมาใส่ใบหน้าของกาลนานเต็มๆ เช่นกัน“หยุดนะคิน ถ้าคุณไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ฉันควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นจุ๊ดที่ฉันใส่อยู่บ้าน“ทีไอ้นี่ยังเข้ามาได้” เขาชี้หน้ากาลนาน“ก็เขาเป็นสามีของฉันทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” ฉันยืนพูดเพราะยังไงวันนี้ฉันต้องจัดการเรื่องฉันกับอคินให้มันจบๆ ไปเสียที“พูดได้เต็มปาก เด็กมันจะสู้ผมได้ยังไง” อคินยังคงดื้อดึง ยิ่งทำให้กาลนานโกรธเข้าไปใหญ่“อย่าค่ะผัวจ๋า เดี๋ยวเมียจัดการเอง” ฉันแกล้งพูดให้อคินโดยมีกาลนานที่ยืนยิ้มอยู่“พอเถอะค่ะคินฉันมีผัวใหม่แล้วฉันไม่กลับไปกินของเก่าแบบคุณอีกแน่ๆ”“ถ้าคุณพูดเต็มปากขนาดนี้ว่าไอ้อ่อนนี่มันเป็นผัวใหม่ของคุณ ผมก็ไม่เอาคุณแล้วเหมือนกัน”“เชิญค่ะ นั่นประตู” อคินเดินไปอย่างหัวเสียเจอแบบนี้ใครกลับมาอีกก็บ้าแล้ว“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ฉันหยิบเสื้อที่ตกลงกับพื้นส่งให้เขาคืน“ครับ แต่ผมโดนเขาต่อยช่วยทำแผลให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ”“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความดีของคุณนะ” ฉันเดินไปหยิบยาทาแล้วมานั่งรอเขาที่กำลังใส่เสื้ออยู่“เดือนนี้ทั้งเดือนไม่รู้ปากของผมเป็นอะไรไปรับแต่กำปั้
ตั้งแต่กลับมาจากไปดูงานที่เมืองนอกกาลนานก็ไม่พูดอะไรกับฉันเลยนอกจากเรื่องงานจนถึงวันนี้ก็วันที่สามแล้ว แต่สามวันนี้เขาก็พาผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้าเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าโชคดีมากที่คืนนั้นฉันไม่เผลอตัวเผลอใจไปกับเขาไม่งั้นฉันคงติดโรคจากเขาแน่ๆ คุณนิรันด์เองก็เช่นกันเขายังคงมาเที่ยวตามฉันไม่หยุด เหมือนกับวันนี้ “คุณรินครับ ผมมารับไปทานข้าวด้วยกันข้างนอกครับ” เขาเดินเข้ามามองฉันแล้วชำเลืองมองกาลนาน “จะคุยเรื่องงานด้วยครับ” เขาพูดต่อจนฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ “ค่ะ ได้ค่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกมากับคุณนิรันด์นั่งรถมาคันเดียวกัน คนในบริษัทก็เห็นโดยเฉพาะยัยจิวรุ่นน้องที่เคยจีบกาลนาน “จะควบทั้งพี่ทั้งน้องเลยเหรอคะพี่ริน” เธอพูดกับฉันเมื่อเราเจอกันที่ร้านอาหารข้างนอก “แล้วเธอล่ะได้ควบใครหรือยังจ้ะน้องจิว” ฉันพูดเย้ยเธอให้สะใจ “คนขี่ม้าเยอะขนาดนี้ระวังนะคะควบไปควบมาจะตกม้าตาย” ยัยจิวแสนร้ายพูดแล้วก็หัวเราะเดินออกไป “ยัยบ้าจิว” พอฉันนึกถึงหน้ากาลนานความโมโหก็ขึ้นมาทันที ป่านนี้คงควบกันอยู่บนโต๊ะแล้วมั้งนี่ถ้าฉันไม่อยู่ในห้องทำงานคงควบกันไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าแล้วยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห “คุณรินทำไ
สามวันต่อมากาลนานไปดูงานที่ต่างประเทศฉันจึงต้องติดตามเขาไปด้วย“คุณไหวมั้ยคุณริน” เขาถามฉันพร้อมทั้งเอาหลังมือแตะหน้าผากของฉัน เพราะฉันไข้หลังจากกลับเข้ามาในโรงแรม“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยก็ได้ฉันอยากจะพักผ่อนสักหน่อย” ฉันพูดทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่“คุณอยากไปหาหมอมั้ย” เขาเอามือจับผมตรงหน้าผากฉันเสยขึ้น“ไม่ค่ะ ฉันกินยาก็หายแล้วคุณมีงานอะไรรบกวนส่งเข้าทางข้อความให้ฉันหน่อยนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะมาจัดการให้ค่ะ” ลมหายใจที่ร้อนผ่าวของฉันรู้เลยว่าฉันมีไข้ขึ้นสูง“คุณเลิกพูดเรื่องงานที่ผมสั่งให้คุณทำได้มั้ย เอาตัวเองก่อน” “ฉันอยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีค่ะ”“ไหนล่ะยาที่คุณกิน” เขาดูลนลาน“ไม่มีค่ะ สงสัยฉันลืมหยิบมาด้วย”“คุณเอาแต่ทำให้ผมเป็นห่วงตลอดนะคุณริน” เขารีบวิ่งเปิดประตูออกไปสักพักเขากลับมาพร้อมกับยาลดไข้ และผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ฉัน“คุณจะทำอะไร” ฉันขยับตัวหนีเมื่อเขาดึงผ้าห่มออกพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิตของฉัน“ก็จะเช็ดตัวให้คุณไง ตัวคุณร้อนอย่างกับไฟเกิดช็อกขึ้นมาจะทำยังไงคุณต้องลดไข้ก่อนนะ” เขาเปิดเสื้อเชิตของฉันออก“เดี๋ยวฉันทำเอง” ฉันแย่งผ้ามาจากมือของเขา“ผมเห็นของคุณมาตั้งเท่าไหร่แล้ว
ปึก“โอ๊ย” เขาร้องลั่นพร้อมกับจับคางและปากของตัวเอง“เลือด” ฉันร้องลั่นเมื่อริมฝีปากของเขามีเลือดแดงสดไหลออกมา “ผมเจ็บนะ คุณจะฆ่าผมเหรอ” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องดูหน้ากับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองจนฉันต้องหยิบกระจกให้เขาส่องดู“ฉันขอโทษ แล้วใครใช้ให้คุณเอาคางมาเงยหัวไหล่ของฉันล่ะ” เขาไม่ตอบกลับไปหยิบกระดาษทิชชูแล้วส่งให้ฉัน“เช็ดให้ผม” สีหน้านิ่งเรียบแต่แววตาแฝงไปด้วยความเจ็บเพราะฉันกระแทกแรงมากช่วยไม่ได้อยากทำตัวรุ่มร่ามเอง แล้วฉันก็หัวเราะออกมา“คุณตั้งใจกระแทกผมเหรอ” เขาเลิกคื้วขึ้นคงจะเจ็บไม่น้อยเพราะน้ำตาคลอเบ้าเลย“เปล่านะคะ คุณเอาคางมาเกยฉันเองนะ” ฉันหยิบทิชชูเช็ดปากให้เขาพลางหัวเราะไป“แล้วทำไมคุณต้องลุกพรวดพราดขนาดนั้นด้วยล่ะ” เขาหน้าบึ้งพลางจือปากให้ฉันเช็ด“คุณอยากทำตัวรุ่มร่ามเอง เช็ดเองไปเลยค่ะเพราะนี่ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน” ฉันหันหลังแล้วเก็บของจะกลับบ้าน“ไม่ใช่หน้าที่อะไร คุณทำผมเจ็บนะเลือดออกขนาดนี้จะไม่พาผมไปโรงพยาบาลหน่อยเหรอ” เขาทำทีโวยวาย ทีต่อยกับพี่ชายของตัวเองวันนั้นยังไม่สนใจจะเช็ดเลือดที่ปากของตัวเองเลย “ปากคุณนี่น่าจะโดนอะไรฟาดปากสักหน่อยนะคะ อุ้ยขอโทษค่ะพอดีฉั