หลังจากที่กาลนานอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เราสองคนก็ออกไปทานข้าวกันตรงทางเข้าหน้าหมู่บ้านจัดสรรและกลับเข้ามา
“ให้ผมค้างที่นี่ได้มั้ยครับพี่ริน” เขากอดฉันจากทางด้านหลัง “นะๆ ผมจะไม่ซุกซนเลย สัญญา” เขายื่นนิ้วเกี่ยวก้อยกับฉัน “ก็ได้ แต่นานไปนอนห้องนั้นนะ” ฉันชี้ไปที่อีกห้องหนึ่งที่ว่างเพราะบ้านมีสองห้องนอน “ก็ได้ครับ คิดว่าจะได้นอนห้องเดียวกับพี่รินซะอีก” เขายู่ปากใส่พร้อมกับเดินห่อไหล่เข้าไป ทำให้ฉันอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเขาปิดประตูห้องแล้วฉันก็เดินเข้าไปอาบน้ำเช่นกันเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าอีก พอฉันอาบน้ำเสร็จ เปิดประตูออกมาก็พบว่ากาลนานนั่งอยู่ตรงโซฟา พร้อมกับกล่องผ้าใส่ของที่ฉันไม่ได้เห็นมันนานแล้ว “พี่ยังไม่ลืมแฟนเก่าเหรอครับ” เขานั่งหันหลังพูด “ลืมแล้ว พอดีพี่เก็บไว้แล้วกะว่าจะเอาไปทิ้งก็เลยลืมสนิทเลย” “อย่างนั้นเหรอครับ แต่พี่ก็ต้องเข้ามาทำความสะอาดห้องบ้างไม่ใช่เหรอครับก็น่าจะเห็น” เขาหันมามองกล่องแล้วเลยมามองหน้าฉันด้วยสายตาที่แสดงว่ากำลังน้อยใจอยู่ พอเขาพูดแบบนี้ฉันก็ยิ่งคิดว่าสิ่งที่เขาพูดมันถูกทุกอย่าง ใช่ ฉันเห็นกล่องใบนั้นตลอดเพราะฉันเป็นคนเก็บมันใส่กล่องเอง แต่ฉันก็ยังหวังอยู่เล็กๆ ว่าอคินจะกลับมาเอาของๆ เขา แต่มันนานเกินไปที่ฉันไม่สามารถรอได้ แล้วทำไมฉันถึงยังไม่เอาไปทิ้งล่ะฉันเสียดายของในกล่อง หรือเสียดายเจ้าของสิ่งของในกล่องนี้กันนะ ฉันยืนมองกาลนานที่นั่งเอามือประสานกันเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนฉันคิดเสมอว่าเขายังเด็ก เขาจะเข้าใจความรักแบบผู้ใหญ่ได้อย่างไร การแต่งงานการมีลูกและมีครอบครัวที่อบอุ่น แน่นอนฉันคิดว่าอคินคือผู้ชายคนสุดท้ายของฉันแต่เขากลับไปทำผู้หญิงคนอื่นท้องทั้งที่เรากำลังวางแผนจะแต่งงานกัน “พี่ขอโทษนะนาน พี่ขอโทษที่พี่ยังเจ็บกับเรื่องของเขาอยู่” กาลนานได้ฟังดังนั้นจึงลุกขึ้น แล้วตรงมาหาฉัน ฝ่ามือหนาสองข้างของเขาจับใบหน้าของฉันแล้วก้มจูบมาที่ริมฝีปากของฉันอย่างหนักหน่วง “ผมจะทำให้พี่ริน ลืมผู้ชายคนนั้นเองครับ” ไม่พูดเปล่าเขาอุ้มฉันจนตัวลอยแล้วตรงไปยังห้องนอนของฉัน ริมฝีปากที่ซุกซนของเขาทำฉันเคลิ้มมาก แต่ฉันจะบอกเขาอย่างไรดีว่าฉันลืมอคินแล้วแต่ยังไม่ทิ้งของๆ เขาไป เพราะมันเป็นของที่ฉันเคยซื้อให้เขาทั้งนั้นฉันควรจะขายมันแล้วเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ “พี่รินตัวหอมจัง” เขาพูดไปทั้งทีjปากกับจมูกก็ซุกไซร้ซอกคอของฉันไม่หยุด “นาน ปล่อยพี่ก่อนพี่ยังไม่พร้อม” ฉันดันอกของเขาขึ้นจากตัวของฉัน “ผมขอนะพี่ ผมอยากให้พี่เป็นเจ้าของผมทั้งตัวแล้วก็หัวใจ” “เด็กคนนี้ปากหวาน ” มือของเขายังคงซุกซนอยู่กับสองเต้าของฉันไม่ยอมปล่อยเลย “ของพี่ก็ปากหวาน หวานซะจนผมห้ามใจไม่อยู่เลย นะพี่รินผมขอนะ” ตอนนี้หัวใจของฉันยอมกาลนานไปแล้วห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ร่างกายของฉันยอมเขาหมดแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ “พี่เห็นว่าเราชื่อนาน ก็ไม่รู้ว่าจะนานสมชื่อหรือเปล่า” แล้วฉันก็โอบท้ายทอยของเขาเอาไว้ “พี่รินอย่าร้องขอชีวิตกับผมทีหลังแล้วกัน” ไม่รอช้าเขาก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองและของฉันออกจนหมดไม่เหลือสักชิ้น ตอนนี้ฉันขอให้หัวใจของฉันนำทางฉันไปพบความสุขที่เราสองคนจะมอบให้แก่กันในคืนนี้ เช้าวันต่อมา “ผมมีความสุขมากเลยนะครับพี่ริน” เขาพูดในขณะที่ฉันยังนอนหนุนแขนของเขาอยู่ “ห้ามทิ้งพี่ไปไหนนะนาน” ฉันกระชับกอดเขาแน่นขึ้น “พี่รินน่ะแหละจะทิ้งผมไปมากกว่า” “ถ้านานไม่น่ารักก็ไม่แน่นะ แล้วถ้าพี่ทิ้งนานไปจริงๆ ล่ะ” ฉันแกล้งพูดแหย่เขาเล่น “ผมก็จะฆ่าพี่รินไงครับ แต่ตอนนี้ผมขออีกรอบนะครับ” เขาพลิกตัวมาอยู่ข้างบนในสภาพที่เรายังเปลือยกันทั้งคู่ “พอแล้วค่ะ วันนี้เราต้องไปทำงานกันนะ” ฉันตีต้นแขนของเขา “ก็ได้ครับ ผมจะตามใจพี่รินแล้วกัน แต่คืนนี้ผมมาค้างที่นี่ได้มั้ยครับ” “ทำหน้าอ้อนตลอด พี่อาบน้ำแต่งตัวดีกว่า” ที่ทำงาน “เอ๊ะ ทำไมสองคนนี้ถึงมารถคันเดียวกันนะ” เสียงน้ำตาลพูดเมื่อเรากำลังลงจากรถของกาลนาน “ยัยบ้า ก็ฉันไปแก้งานกับนานวันก่อนไงแล้วรถฉันจอดอยู่ที่บริษัทน้องเลยอาสามารับย่ะ” “ฉันก็แซวเล่นเฉยๆ รู้อยู่ แล้วทำไมต้องหน้าแดงขนาดนั้นด้วย มานี่เลยฉันมีเรื่องจะเม้าท์มอย” แล้วน้ำตาลก็ดึงฉันออกมาจากกาลนานที่กำลังเดินตามหลังเรามาอยู่ “แกรู้หรือยังว่าคุณนิรันด์จะเข้ามาร่วมดูงานกับแผนกของเรา” “ฮะ อะไรนะ” “แกได้ยินไม่ผิดจ้ะ บอกเลยว่างานนี้ ปลีกตัวอู้หลบยาก” “ไอ่เรื่องนั้นไม่เท่าไหร่หรอกเพราะฉันออกไปทำงานข้างนอกบ่อย แต่แปลกใจตรงที่ทำไมเขาไม่ไปดูแผนกบัญชีนะ” ฉันพูดขึ้น “นั่นสินะ แต่พี่ชายังไม่ได้บอกแกสิว่า คุณนิรันด์สั่งไม่ให้แกออกไปทำงานข้างนอกแล้ว ให้แต่ผู้ชายออกไปแทน” น้ำตาลพูด “อ้าว แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ หรือเพราะว่าฉันโดนร้องเรียนเมื่อวันก่อน แล้วใครมันอยากให้ลูกค้าร้องเรียนล่ะ ไม่รู้ล่ะฉันจะไปถามพี่ชา” แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ ว่ากล่าวตักเตือนฉันยังดีกว่าไม่ให้ฉันออกไปข้างนอกแบบนี้มันบอกว่าฉันทำงานไม่ดีแบบนั้นเหรอ ฉันโมโหจนลืมความง่วงนอน ความเพลียไปซะหมด เวลานี้ฉันต้องรู้คำตอบให้ได้ ห้องทำงานพี่ชา “พี่ชา ทำไมคุณนิรันด์ถึงไม่ให้หนูออกนอกพื้นที่คะ ทั้งที่หนูก็มีงานที่รอทำอยู่มาก หรือเพราะว่าหนูทำงานพลาดจนต้องไปแก้เมื่อวันก่อนคะ” “เฮ้ย ใจเย็นๆ ริน” แล้วพี่ชาก็ทำปากชู่ๆ ให้ฉันเงียบๆ “หนูไม่เงียบค่ะ หนูแค่อยากได้คำตอบ หนูตั้งใจทำงานมากและงานก็ออกมาดีทุกครั้งทำไมคุณนิรันด์ถึงมีคำสั่งนี้ออกมาคะ” ยิ่งฉันพูดพี่ชาก็ยิ่งชู่ๆ ใหญ่ “เรื่องนี้ผมให้คำตอบได้ครับ คุณรินรดา” “คุณนิรันด์” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ “เดี๋ยวตามผมมาที่ห้องทำงานด้วยนะครับ” แล้วคุณนิรันด์ก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงสองข้างออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ทำไมพี่ชาไม่บอกหนูคะ ว่าคุณนิรันด์ก็อยู่ในห้องนี้ด้วย” “พี่ชู่จนปากจะเท่ารูเข็มอยู่แล้ว รินก็ใส่ไม่หยุดเลย ไปๆ รีบไป” “หนูว่าหนูโดนไล่ออกของแท้แน่ๆ เลย พี่ชาช่วยหนูด้วยนะคะ พี่ชาอย่าลืมหนูนะ” ฉันอาลัยอาวรณ์พี่ชาทันที ทั้งที่เมื่อกี้ก็ใส่เขาไม่หยุดอย่างที่เขาว่าจริงๆที่ห้องทำงานคุณนิรันด์“เชิญนั่งครับ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขาด้วยใจที่อยู่ไม่เป็นสุขเพราะไม่รู้ว่าเขาจะต่อว่าฉันเรื่องอะไรบ้าง“ผมขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ คุณรินรดาคงจำได้เมื่อวันก่อนที่เจอกับคุณนิรันด์กาลพ่อของผมแล้วมีน้องในทีมของคุณโดนน้ำมันจากเครื่องจักรกระเด็นใส่หน้า ทำให้ท่านเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณก็แค่นั้น ไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิการทำงานของคุณเลย” ฉันได้ฟังดังนั้นจึงทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับความหวังดีก็นั้น“ต้องขอขอบคุณความหวังดีของท่านมากนะคะ ต่อไปฉันกับน้องในทีมจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ”“พูดแบบนี้ คงไม่ยอมทำตามใช่มั้ยครับ” คุณนิรันด์ยิ้มอย่างรู้ทัน“ถ้ามีคำสั่งมาแบบนี้ฉันก็ต้องทำตามค่ะแต่ฉันอยากจะเคลียร์งานให้หมดก่อนได้มั้ยคะเพราะยังมีงานที่ฉันต้องส่งมอบให้ลูกค้าอีกค่ะ” ฉันอธิบาย“งั้น ตกลงครับผมอนุญาต”“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจฉัน”“ตอนเที่ยง คุณมีนัดหรือยังครับ ผมว่าจะชวนคุณไปทานข้าว” คุณนิรันด์ส่งสายตาเป็นประกาย ให้ตายเถอะสายตาแบบนี้เหมือนกาลนานมองฉันไม่มีผิด แต่ดูๆ ไปสองคนนี้มีส่วนคล้ายกันอยู่นะไม่ว่าจะเป็นดวงตาหรือว่ารอยยิ้มของเขามีเสน่ห์เหมือนกันไม่มีผิ
“พี่บอกว่าค้างไม่ได้ไง ทำไมนานไม่ไปนอนที่คอนโดนานล่ะ”“ก็ผมอยากค้างกับพี่รินนี่ครับ ให้ผมนอนด้วยนะผมนอนที่โซฟานี้ก็ได้” แล้วเขาก็นอนลงบนโซฟาจริงๆ“ไม่ได้หรอก” ฉันตอบเขาอมยิ้มพร้อมทั้งเดินไปดึงมือของเขาให้ลุกขึ้น“โอ๊ย” ฉันตกใจเมื่อเขาดึงฉันให้ลงไปนอนบนตัวของเขา“นานแกล้งพี่”“ก็พี่ริน…น่า…แกล้งนี่ครับ” เขาทำเป็นพูดเว้นไว้“ไม่ทันไร ก็กล้าทำแบบนี้กับพี่แล้วเหรอ”“กล้ามากกว่านี้ผมก็ทำมาแล้วนะครับพี่รินน่าจะรู้” เขากอดรัดฉันจนแน่นแถมยังหอมแก้มของฉันอีก“ปล่อยพี่ก่อนสิพี่หายใจไม่ออกนะนาน” “งั้นผมต้องผายปอดให้พี่แล้วล่ะครับ” ไม่พูดเปล่าเขาจับท้ายทอยฉันกดลงให้ใบหน้าของฉันไปใกล้ริมฝีปากของเขา“อืม ดีจังครับ” มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของฉันเมื่อฉันโต้ตอบการจูบของเขาบ้าง “พี่ว่ามันเร็วไปนะเรื่องของเรา”“พี่รินเสียใจเหรอครับที่มีอะไรกับผม ผมทำพี่รินเสียใจเหรอครับ” เขาพูดในขณะที่ฉันยังนอนทับตัวของเขาอยู่บนโซฟา“พี่ไม่เสียใจหรอก แต่พี่แค่คิดว่าเรามีอะไรกันเร็วเกินไปนานคงไม่ว่าพี่ใจง่ายนะ” ฉันดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากตัวของเขาแล้วนั่งลง กาลนานลุกขึ้นมากอดฉัน“ถ้าช้ากว่านี้ผมคงขาดใจตายพอดี
ตี๊ดดๆๆๆ เสียงนาฬิกาที่ฉันตั้งไว้ดังขึ้น“พี่รินตั้งปลุกทำไมครับวันนี้วันหยุดนะ” กาลนานที่ยังนอนงัวเงียอยู่หลับตาพูด“พี่ลืมน่ะ ขอโทษทีนะนอนต่อเถอะ” เขาดึงตัวฉันให้ไปนอนหนุนแขนของเขา“ดีจังเช้านี้ตื่นมาก็เจอสาวสวยนอนอยู่ข้างๆ” ฉันแกล้งแซวเขา“ดีจัง เช้านี้ตื่นมาพี่รินก็เจอหนุ่มหล่อแบบผมนอนอยู่ข้างๆ” กาลนานแซวฉันคืนบ้าง“วันนี้วันหยุดนานมีธุระที่ไหนมั้ย” ฉันถามเขา“วันนี้ผมยกให้พี่รินทั้งวันเลยครับ พี่รินอยากไปเที่ยวไหนเดี๋ยวผมจะพาไปทุกทีเลย”“แต่พี่กลัวคนที่ทำงานเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกัน” ฉันพูด“ทำไมยังต้องกลัวคนเห็นครับ ผมไม่มีแฟนพี่รินก็ไม่มีแฟนแล้วเราจะหลบทำไมครับ”“พี่กลัวคนที่ทำงานเจอเรา มันดูไม่ดีเพราะพี่อายุมากกว่านานตั้งหลายปี นานไม่อายคนอื่นเหรอที่มีแฟนแก่แบบพี่” ฉันบุ้ยปาก“จะอายทำไมครับ พี่รินยังดูเด็กยังสาวยังสวยขนาดนี้ใครอายก็บ้าแล้ว”“จริงเหรอ ไม่หลอกให้พี่ดีใจนะ”“จริงสิครับ เพราะผมสำรวจพี่มาทุกซอกทุกมุมแล้วยังสาวยังสวยแถมยังเร้าใจอยู่” เขากระชับกอดฉันแน่นขึ้น“อย่างหลังไม่ต้องบอกก็ได้มั้ง” ฉันบ่นอู้อี้กับหน้าอกแน่นๆ ของเขา“ผมกลัวพี่รินไม่เห็นภาพนี่ครับ”“‘งั้นถ้าใครเห
สองวันต่อมา“ยัยริน ช่วงนี้ไม่เบาเลยนะแก” น้ำตาลเดินมาหาฉันที่โต๊ะทำงานพลางทำมือปูไต่บนหัวไหล่ของฉัน“อะไรไม่เบาของแกฉันไปทำอะไรให้เหรอ”“มีคนเห็นแกกับน้องนานไปเดินซื้อของกันที่ห้างXXX เดินควงแขนกันท่าทางกระหนุงกระหนิงมากเลยนะหวานเวอร์อ่ะ ใช่มั้ยๆ” น้ำตาลใช้ไหล่กระแซะฉันบอกแล้วถ้ายัยน้ำตาลล้อใครนี่จะเล่นใหญ่มากเหมือนกับตอนนี้ที่ฉันโดนเธอกระหน่ำยิงคำถามทีเล่นทีจริงอยู่“ใครกันเห็นฉัน จำคนผิดแล้วฉันจะไปเดินควงแขนกับนานเขาได้ไง ตาฝาด” “ก็ฉันนี่ไง ฉันเห็นแกเต็มสองตาว่าเดินควงแขนมากับน้องนานสุดหล่อของฉัน”“แกเองเหรอ ฉันก็คิดว่าใคร” ฉันค่อยรู้สึกโล่งอกเมื่อน้ำตาลบอกว่าเป็นตัวเธอเองที่เห็น“แล้วก็คุณสมรที่เห็นเธอมากับน้องนาน” พอน้ำตาลพูดชื่อคุณสมรขึ้นมาความรู้สึกของฉันก็เปลี่ยนไปทันที“ถ้าคุณสมรรู้ป่านนี้ก็รู้กันทั้งบริษัทละ” ฉันพูดพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปเพราะคงไปห้ามปากคนไม่ให้พูดไม่ได้“แล้วจริงสิที่คบกัน ฉันว่าฉันไม่พลาดหรอกมองแป๊บเดียวก็รู้ ตอบมาเลย” น้ำตาลพูดพร้อมจับไหล่ฉันเขย่า“ เออ คบกันอยู่” ฉันตอบแบบรำคาญ“คบกันตอนไหน นานหรือยัง” “ถามไรเยอะแยะ” “ก็ฉันอยากรู้นี่ หรือว่าตอ
วันต่อมาฉันเข้ามาทำงานแต่เช้าเพราะต้องมาเคลียร์งานก็เจอกับอาร์ที่กำลังนอนหลับอยู่“อาร์ ตื่นเร็วเช้าแล้วมานอนอะไรตรงนี้”“อ้าวพี่รินเช้าแล้วเหรอ” เขาลุกขึ้นมานั่งทุบท้ายทอยตัวเองตุบๆ“แล้วมานอนอะไรตรงนี้ เมื่อคืนไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านเหรอ”“เมื่อคืนผมนั่งเคลียร์งานเก่าตอนช่วงป่วยเลยเผลอหลับไปครับ”“เอากาแฟหน่อยมั้ย” ฉันถามเขา“ดีเหมือนกันพี่” ฉันหัวเราะให้น้องที่มันยังคงนั่งงัวเงียอยู่ “พี่รินคบกับนานแล้วเหรอครับ” อาร์ถามฉันเมื่อเขาจิบกาแฟที่มันกำลังมีไอร้อนหอมกรุ่นขึ้นอยู่“ใช่ พี่คบกันแล้วข่าวเร็วจัง”“พี่ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ เดี๋ยวคนก็หยุดพูด”“นั่นสิเนอะ พี่จะสนใจทำไมแล้วทำไมยังเคลียร์งานเก่าอยู่ล่ะ บอกให้พี่ช่วยก็ได้นะ”“งานแก้โปรแกรมน่ะครับ ผมใส่โค้ดผิด”“ระดับอาร์นี่นะใส่โค้ดผิด” ฉันหัวเราะเขาพร้อมกับเปิดโน๊ตบุ๊คเตรียมทำงาน“พี่ริน คิดว่านานเป็นคนยังไงครับ” “ฮะ ทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะ อาร์ก็รู้จักเขาก่อนพี่อีกนะ”“ผมก็รู้จักในฐานะเพื่อน ไม่ใช่ในฐานะแฟนแบบพี่รินสักหน่อย”“รู้อะไรมาบอกพี่มานะ” ฉันตีไปที่แขนของเจ้าอาร์ เพราะเขาเป็นเพื่อนกันน่าจะรู้ความลับกันบ้างแหละ“ผมจะไปรู้อะ
สามวันแล้วที่กาลนานไม่มาทำงานและติดต่อเขาไม่ได้เลยโทรไปก็ปิดเครื่อง ฉันไปดูที่คอนโดของเขาก็ไม่เจอเลย“เราเลิกกันจริงๆ แล้วเหรอเราจบกันแค่นี้จริงเหรอ” ฉันพูดกับตัวเองเมื่อก้าวขาออกมาจากคอนโดของเขา เช้าวันต่อมาวันนี้คุณนิรันด์กาลเข้ามาดูบริษัท เพื่อจะขยายธุรกิจ พวกเราจึงเตรียมตัวกันแต่เช้าโดยเฉพาะพี่ชาหัวหน้าแผนกที่ยุ่งกว่าทุกวัน“รินๆ เดี๋ยวช่วยเอาอันนี้แทรกเนื้อหาที่พี่จะพูดกับคุณนิรันด์กาลด้วยนะ” พี่ชาพูดพร้อมกับหยิบแฟลชไดรฟ์ในกระเป๋าส่งให้ฉัน ฉันรับมันมาและตั้งหน้าตั้งตาทำงานพยายามไม่คิดถึงกาลนานแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองหาเขา“สวัสดีครับพนักงานที่น่ารักของผม หลายเดือนแล้วที่ผมไม่ได้เข้ามาที่นี่ แต่ผมก็ส่งลูกชายคนโตของผมเข้ามาทำงานและดูแลที่นี่แทนผมขอขอบคุณที่ทุกคนให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี แต่ก็มีลูกชายคนเล็กของผมที่อยากให้เข้ามาช่วยที่นี่ด้วยเช่นกัน หลายคนอาจจะรู้จักแล้วและผมเองก็แปลกใจเพราะรู้เรื่องนี้เมื่อวันก่อนจากปากลูกชายคนโตของผมว่าเขามาทำงานที่นี่หลายเดือนแล้ว” คุณนิรันด์พูดออกไมโครโฟนในห้องประชุมใหญ่ แล้วคุณนิรันด์ก็ลุกขึ้นทักทายทุกคนในห้องประชุม ทันทีที่ประตูห้องประชุมถูกเป
ฉันเห็นกาลนานมองมาที่ฉันอยู่หน้าร้านข้าวและฉันกลับแกล้งทำเป็นไม่เห็นเขา แต่หันกลับไปหาอคินแทน“คุณ เลิกตามฉันสักทีเถอะค่ะ เรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว” ฉันหันไปตวาดใส่อคิน“แต่ผมยังรักคุณ คิดถึงคุณตลอดนะครับริน”“ฉันไม่ได้รักคุณแล้วค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีทางกลับไปหาคุณเด็ดขาดเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเราฉันถือว่าให้หมามันกินค่ะ” ฉันหันไปชำเลืองมองกาลนาน ใช่ฉันเองก็หลอกด่ากาลนานเหมือนกัน“โธ่ รินครับ” อคินพูดเสียงอ่อน“คุณก็รู้ ว่าฉันมูฟออนเร็วแค่ไหน”“เพราะมีไอ้เด็กน้อยคนนั้นเหรอ คุณเลยปฏิเสธผม อ๋อนี่ไง มารอกันอยู่นี่เอง” คำพูดของอคินทำให้กาลนานที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเราตรงปรี่เข้าไปหาเขาพร้อมทั้งกระชากคอเสื้อของอคินจนยับยู่ยี่ฉันตกใจมากเพราะไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย“นาน หยุดปล่อยเขา “ฉันดึงแขนเขาให้ออกมาจากอคิน“ทำไมกลัวว่ามันจะเจ็บตัวเหรอ” เขาหันมาขมวดคิ้วสายตาดุดันใส่ฉัน“ใช่” ฉันตอบทันที เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกันจะได้แยกย้ายกันตรงนี้เลยเพราะฉันได้สิ่งที่ฉันต้องการแล้ว“พอกันทีทั้งคู่แหละ คินคุณเลิกตามง้อฉันเถอะฉันไม่ได้รักคุณแล้วคุณไปตามทางของคุณซะเถอะ ฉันพูดจากใจจริงของฉัน”
ที่ผับ XXX ที่ฉันมาเป็นประจำ“ใครจะคิดว่ากาลนานจะเป็นลูกคนรวย ลูกเจ้าของบริษัทแบบนี้แถมตอนนี้เขายังข่มวางอำนาจใส่ฉันไม่หยุด” ฉันหันไปคุยกับน้ำตาลที่กำลังนั่งจิบเหล้าในแก้วพลางมองดูหนุ่มหล่อที่เดินผ่านไปมาตรงโต๊ะที่เรานั่งอยู่“เออ ฉันก็คิดเหมือนแก ดีนะที่ฉันทำงานตลอดตอนอยู่ต่อหน้าคุณกาลนาน” ฉันอดหัวเราะไม่ได้ที่เธอห่วงแต่เรื่องนี้จริงๆ สินะ“วันนี้แฟนแกมาป่ะ ไปนอนบ้านฉันมั้ย” ฉันชวนน้ำตาลเพราะอยากกลับไปกินเหล้าที่บ้านต่อเพราะถ้าฉันเมาแล้วขว้างแก้วอีกจะทำยังไงล่ะ“มาจ้ะ เสียใจด้วยนะเพราะคืนนี้เขาจะมาค้างกับฉันและอยู่อาทิตย์นึง” แฟนน้ำตาทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารที่ต้องเดินทางไปดูร้านบ่อยเพราะมีหลายสาขาในประเทศจึงไปๆ มาๆ“อดเลย กะจะนั่งกินชิลล์ๆ ที่บ้านซะหน่อย” ฉันทำหน้าเซ็งแล้วซบไหล่น้ำตาล“วันนี้แกกับคุณกาลนานเป็นไงบ้าง ทำงานเป็นเลขาเขาวันแรก”“สุดๆ เลยถ้าฉันรู้แต่แรกว่าเขาเป็นคนแบบนี้ฉันคงไม่กล้าคบกับเขาหรอก”“สุดๆ เลยเหรอ” น้ำตาลถามย้ำ“มาก เขาใช้ฉันสารพัดแถมยังคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงคนอื่นเสียงดังบางทีก็เปิดลำโพงคุยหวานจนฉันเลี่ยนจะอ้วกอยู่ละ”“อ๋อ งั้นเหรอแกหึงเขาสินะ”“ไม่ได้ห
(ตอนพิเศษที่ 2 วันวานกับเรื่องบาดหมางของกาลนานกับนิรันด์และโมเม้นกาลนานเจอรินรดาครั้งแรก)เมื่อกาลนานกำลังจะขึ้นปีสองก็ได้มีการบรรยายพิเศษที่คณะจากทีมวิศวะมืออาชีพหญิงสาวสวยสะพรั่งในชุดกระโปรงทรงเอรัดรูปกับผมที่ถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและต้นคองามระหงเด่นชัด“ไอ้นาน มึงมองพี่เขาขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขาก็ถามมึงหรอก” เจตเพื่อนที่เรียนวิศวะด้วยกันกับเขาพูดขึ้น“ถ้าพี่เขาถามกู กูจะให้เบอร์โทรพี่เขาเลย ผู้หญิงอะไรสวยแท้วะ” กาลนานนั่งพูดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่หญิงสาวยังคงพูดบรรยายไปโดยที่ไม่ทันได้เห็นกาลนานด้วยซ้ำ“ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ฟังพี่รินพูดอย่างตั้งใจหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการเรียนหรือวันข้างหน้าก็สามารถปรับเปลี่ยนกับการทำงานได้ค่ะ” รินรดาพูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเอง“พี่รินครับ ผมมีข้อสงสัยครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นทำให้กาลนานหันไปมองเพื่อนในชั้นทันที“มีอะไรคะ ถามได้เลยค่ะ” รินรดายิ้มแย้ม“พี่รินมีแฟนหรือยังครับ” นักศึกษาคนนั้นถามทำให้เพื่อนๆ ในห้องโห่แซวกันใหญ่“ไอ่เชี่ย” กาลนานอุทาน“พี่ยังไม่มีแฟนค่ะ และพี่ก็ไม่ชอบเด็กด้วยค่ะ” รินรดาพูดตัดจบไป ทุกคนในค
เผลอใจรักพักใจเหรอ ตอนพิเศษ1 วันวานกับพี่ชายที่ชื่อนิรันด์ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นตอนอายุสิบแปดของกาลนานที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ร่างกายที่ดูภายนอกจะบอบบางแต่จริงๆ แล้ว เขานั้นซ่อนรูปไม่เบามันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจของหญิงแท้ชายเทียมเป็นอย่างมาก ท่ามกลางแสงสีไฟสลัวๆ ที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มที่เต้นใช้เอวเป็นซะส่วนใหญ่ ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ควงเอวให้มันต่ำลงจนตัวเองนั่งคุกเข่าลงแล้วยกเสยเอวเด้งขึ้นเด้งลงไม่หยุด เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในผับก็ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เขาเต้นอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน คงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมลงจนเห็นสะดือกับหัวเข็มขัดถูกถอดและเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ยิ่งทำให้เห็นกล้ามเนื้อและแผ่นหลังที่ดูแข็งแรงจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย“กรี๊ดดด ถอดอีกๆ” เสียงร้องตะโกนของสาวๆ ในผับตะโกนกู่ร้องดังเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่พวกเธอต้องการ“ข้างล่างถอดไม่ได้ครับ ขืนผมถอดเจ้าของผับแบนไม่ให้ผมเข้าอีกแน่ๆ” เมื่อกาลนานพูดจบเขาก็ก้มโค้งขอบคุณแล้วเก็บเสื้อที่เขาโยนมันลงพื้นไปแต่แรก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอ
หลายวันต่อมา คุณนิรันด์กาลเรียกฉันให้เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา “สวัสดีค่ะ คุณนิรันด์กาล” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “เชิญนั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึกอีกรอบ เขาส่งกระดาษใบสี่เหลี่ยมให้ฉัน “เงินเจ็ดล้านตามที่ตกลงกันไว้ครับ คุณทำสำเร็จนะขอบใจคุณรินมากที่ช่วยครอบครัวของเรา” “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันส่งเช็คนั้นคืนกลับไป “ทำไมจะยังไม่ได้ทำครับ ก็ลูกชายทั้งสองของผมบอกว่าถ้าไม่ได้คุณรินป่านนี้น่าจะยังทะเลาะกันอยู่ผมเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องครับ เลี้ยงลูกตามใจจนเอาลูกไม่อยู่จนต้องไปขอให้คุณรินช่วย” “ฉันยินดีค่ะ แต่เขาสองคนดีกันแล้วเหรอคะ” “ใช่ครับ เมื่อคืนเขาคุยกันหัวเราะชอบใจใหญ่ผมมีความสุขมากครับ” อ๋อว่าแล้วเมื่อคืนกาลนานบอกว่าจะมานอนที่บ้านเป็นแบบนี้นี่เอง “ดีใจด้วยนะคะคุณนิรันด์กาล แต่ฉันไม่ขอรับเงินจำนวนนี้หรอกค่ะเพราะว่าฉันเองก็มีส่วนทำให้เขาทั้งสองทะเลาะกันด้วย” “งั้นถ้าผมจะสู่ขอคุณรินให้เจ้ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมล่ะครับ คุณจะรังเกียจครอบครัวของเรามั้ย“ “คะ คุณรู้เรื่องของเราเหรอคะ” ฉันก้มหน้าพูด
“รินครับ ผมมีอะไรจะให้” เขาเดินมานั่งข้างๆ ฉันที่นั่งหน้าบ้านเพราะว่าเราจะมานั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน“อะไรคะ” เขาหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมาแล้วติดที่ผมของฉันมันวิบวับแวววาวมากจนฉันต้องหยิบลงมาดู“ดาวครับ สวยมั้ย” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของฉันเล่นอย่างแผ่วเบา“เพชรนี่คะ สวยจัง” ฉันทำท่าจะเอากิ๊บเข้าปากเพื่อเช็คว่าแท้มั้ย“รินทำน่ารักอีกแล้วนะแท้สิครับผมเป็นใคร ผมคือกาลนานนะ”“ล้อเล่นเฉยๆ เองขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็ติดกิ๊บที่ผมตามเดิม“ครั้งนี้ไม่ปฏิเสธเหรอครับ หลายล้านบาทนะอย่าเอาไปขายล่ะเวลางอนผม” “ปฏิเสธก็บ้าแล้ว นานกระแทกรินจนช่วงล่างแทบจะพังรินเสียหายนะ” “งั้นเหรอครับ งั้นผมให้ใบนี้รินไว้ใช้ดีกว่าเพราะผมจะกระแทกอีกนานเลยครับ” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพร้อมกับหยิบบัตรการ์ดใบแข็งสีดำส่งให้ฉัน“นี่มันแบล็คการ์ดเหรอคะ นานมีจริงๆ ด้วยเพราะเมื่อก่อนรินว่าเคยเห็นนานถืออยู่นะ”ฉันหยิบมาดูพลิกไปพลิกมา“จริงสิครับ ผมให้”“สายเปย์ของจริงเลยนะเนี่ย” “แน่อยู่แล้วครับ”“งั้นคืนนี้รินขอใช้บัตรนี้ซื้อตัวนานได้มั้ยคะ เหมาทั้งคืน” ฉันขยิบตาให้พร้อมกับหย่อนบัตรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขา“อย่ามาร้องขอชีวิตกับผมแล้ว
หลังจากที่ฉันบอกว่าจะลาออกฉันก็ไม่เจอคุณนิรันด์ที่นี่อีกเลย ฉันเหลือบมองกาลนานที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเลยอยากเอาใจเขา“รับกาแฟมั้ยคะคุณกาลนาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยอาการคิ้วขมวด“เรียกคุณอีกแล้ว เราอยู่กันสองคนเรียกผมนานเฉยๆ ก็ได้หรือจะเรียกผัวจ๋าแบบที่เคยเรียกก็ได้นะครับ” เขายิ้มพร้อมทั้งขยิบตาใส่“บ้า อือ แล้วพี่ชายของคุณล่ะฉันยังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่มา” ฉันลองถามเขาเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีอยู่“ทำไมคิดถึงเขาเหรอ” กาลนานหน้าบึ้ง“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พี่แค่ถามดู”“มันไปดูอีกบริษัทละครับ เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไงครับ”“จร้าๆ พ่อเสือใหญ่ถอดเขี้ยวเล็บด้วยนะคะ ถ้าไม่ถอดพี่จะถอดให้เอง” ฉันทำท่าเสือกางเล็บใส่เขา “เสือสิ้นลายแล้วครับโดนพี่ขี่ผมไปไหนไม่ได้แล้วครับ ว่าแล้วก็อยากโดนขี่อีกจังในนี้ดีมั้ย” กาลนานลุกมาหาฉัน“หยุดเลย ไว้ไปทำที่บ้าน”“คืนนี้ไม่อดแล้วเว้ยเราชักจนปวดมือแล้ว”“ทะลึ่ง” พอเราสองคนมาคืนดีกันแบบนี้ก็ยิ่งเติมเต็มความรักให้กันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันมัวแต่มีความสุขจนลืมคำพูดที่รับปากไว้กับคุณนิรันด์กาลพ่อของเขาสนิทเลย จะทำยังไงดี ถึงจะให้สองคนมาคืนดีก
“กาลนานอย่า” ฉันห้ามเขา แต่อคินก็ยังสวนหมัดกลับมาใส่ใบหน้าของกาลนานเต็มๆ เช่นกัน“หยุดนะคิน ถ้าคุณไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ฉันควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นจุ๊ดที่ฉันใส่อยู่บ้าน“ทีไอ้นี่ยังเข้ามาได้” เขาชี้หน้ากาลนาน“ก็เขาเป็นสามีของฉันทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” ฉันยืนพูดเพราะยังไงวันนี้ฉันต้องจัดการเรื่องฉันกับอคินให้มันจบๆ ไปเสียที“พูดได้เต็มปาก เด็กมันจะสู้ผมได้ยังไง” อคินยังคงดื้อดึง ยิ่งทำให้กาลนานโกรธเข้าไปใหญ่“อย่าค่ะผัวจ๋า เดี๋ยวเมียจัดการเอง” ฉันแกล้งพูดให้อคินโดยมีกาลนานที่ยืนยิ้มอยู่“พอเถอะค่ะคินฉันมีผัวใหม่แล้วฉันไม่กลับไปกินของเก่าแบบคุณอีกแน่ๆ”“ถ้าคุณพูดเต็มปากขนาดนี้ว่าไอ้อ่อนนี่มันเป็นผัวใหม่ของคุณ ผมก็ไม่เอาคุณแล้วเหมือนกัน”“เชิญค่ะ นั่นประตู” อคินเดินไปอย่างหัวเสียเจอแบบนี้ใครกลับมาอีกก็บ้าแล้ว“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ฉันหยิบเสื้อที่ตกลงกับพื้นส่งให้เขาคืน“ครับ แต่ผมโดนเขาต่อยช่วยทำแผลให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ”“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความดีของคุณนะ” ฉันเดินไปหยิบยาทาแล้วมานั่งรอเขาที่กำลังใส่เสื้ออยู่“เดือนนี้ทั้งเดือนไม่รู้ปากของผมเป็นอะไรไปรับแต่กำปั้
ตั้งแต่กลับมาจากไปดูงานที่เมืองนอกกาลนานก็ไม่พูดอะไรกับฉันเลยนอกจากเรื่องงานจนถึงวันนี้ก็วันที่สามแล้ว แต่สามวันนี้เขาก็พาผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้าเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าโชคดีมากที่คืนนั้นฉันไม่เผลอตัวเผลอใจไปกับเขาไม่งั้นฉันคงติดโรคจากเขาแน่ๆ คุณนิรันด์เองก็เช่นกันเขายังคงมาเที่ยวตามฉันไม่หยุด เหมือนกับวันนี้ “คุณรินครับ ผมมารับไปทานข้าวด้วยกันข้างนอกครับ” เขาเดินเข้ามามองฉันแล้วชำเลืองมองกาลนาน “จะคุยเรื่องงานด้วยครับ” เขาพูดต่อจนฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ “ค่ะ ได้ค่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกมากับคุณนิรันด์นั่งรถมาคันเดียวกัน คนในบริษัทก็เห็นโดยเฉพาะยัยจิวรุ่นน้องที่เคยจีบกาลนาน “จะควบทั้งพี่ทั้งน้องเลยเหรอคะพี่ริน” เธอพูดกับฉันเมื่อเราเจอกันที่ร้านอาหารข้างนอก “แล้วเธอล่ะได้ควบใครหรือยังจ้ะน้องจิว” ฉันพูดเย้ยเธอให้สะใจ “คนขี่ม้าเยอะขนาดนี้ระวังนะคะควบไปควบมาจะตกม้าตาย” ยัยจิวแสนร้ายพูดแล้วก็หัวเราะเดินออกไป “ยัยบ้าจิว” พอฉันนึกถึงหน้ากาลนานความโมโหก็ขึ้นมาทันที ป่านนี้คงควบกันอยู่บนโต๊ะแล้วมั้งนี่ถ้าฉันไม่อยู่ในห้องทำงานคงควบกันไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าแล้วยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห “คุณรินทำไ
สามวันต่อมากาลนานไปดูงานที่ต่างประเทศฉันจึงต้องติดตามเขาไปด้วย“คุณไหวมั้ยคุณริน” เขาถามฉันพร้อมทั้งเอาหลังมือแตะหน้าผากของฉัน เพราะฉันไข้หลังจากกลับเข้ามาในโรงแรม“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยก็ได้ฉันอยากจะพักผ่อนสักหน่อย” ฉันพูดทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่“คุณอยากไปหาหมอมั้ย” เขาเอามือจับผมตรงหน้าผากฉันเสยขึ้น“ไม่ค่ะ ฉันกินยาก็หายแล้วคุณมีงานอะไรรบกวนส่งเข้าทางข้อความให้ฉันหน่อยนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะมาจัดการให้ค่ะ” ลมหายใจที่ร้อนผ่าวของฉันรู้เลยว่าฉันมีไข้ขึ้นสูง“คุณเลิกพูดเรื่องงานที่ผมสั่งให้คุณทำได้มั้ย เอาตัวเองก่อน” “ฉันอยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีค่ะ”“ไหนล่ะยาที่คุณกิน” เขาดูลนลาน“ไม่มีค่ะ สงสัยฉันลืมหยิบมาด้วย”“คุณเอาแต่ทำให้ผมเป็นห่วงตลอดนะคุณริน” เขารีบวิ่งเปิดประตูออกไปสักพักเขากลับมาพร้อมกับยาลดไข้ และผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ฉัน“คุณจะทำอะไร” ฉันขยับตัวหนีเมื่อเขาดึงผ้าห่มออกพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิตของฉัน“ก็จะเช็ดตัวให้คุณไง ตัวคุณร้อนอย่างกับไฟเกิดช็อกขึ้นมาจะทำยังไงคุณต้องลดไข้ก่อนนะ” เขาเปิดเสื้อเชิตของฉันออก“เดี๋ยวฉันทำเอง” ฉันแย่งผ้ามาจากมือของเขา“ผมเห็นของคุณมาตั้งเท่าไหร่แล้ว
ปึก“โอ๊ย” เขาร้องลั่นพร้อมกับจับคางและปากของตัวเอง“เลือด” ฉันร้องลั่นเมื่อริมฝีปากของเขามีเลือดแดงสดไหลออกมา “ผมเจ็บนะ คุณจะฆ่าผมเหรอ” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องดูหน้ากับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองจนฉันต้องหยิบกระจกให้เขาส่องดู“ฉันขอโทษ แล้วใครใช้ให้คุณเอาคางมาเงยหัวไหล่ของฉันล่ะ” เขาไม่ตอบกลับไปหยิบกระดาษทิชชูแล้วส่งให้ฉัน“เช็ดให้ผม” สีหน้านิ่งเรียบแต่แววตาแฝงไปด้วยความเจ็บเพราะฉันกระแทกแรงมากช่วยไม่ได้อยากทำตัวรุ่มร่ามเอง แล้วฉันก็หัวเราะออกมา“คุณตั้งใจกระแทกผมเหรอ” เขาเลิกคื้วขึ้นคงจะเจ็บไม่น้อยเพราะน้ำตาคลอเบ้าเลย“เปล่านะคะ คุณเอาคางมาเกยฉันเองนะ” ฉันหยิบทิชชูเช็ดปากให้เขาพลางหัวเราะไป“แล้วทำไมคุณต้องลุกพรวดพราดขนาดนั้นด้วยล่ะ” เขาหน้าบึ้งพลางจือปากให้ฉันเช็ด“คุณอยากทำตัวรุ่มร่ามเอง เช็ดเองไปเลยค่ะเพราะนี่ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน” ฉันหันหลังแล้วเก็บของจะกลับบ้าน“ไม่ใช่หน้าที่อะไร คุณทำผมเจ็บนะเลือดออกขนาดนี้จะไม่พาผมไปโรงพยาบาลหน่อยเหรอ” เขาทำทีโวยวาย ทีต่อยกับพี่ชายของตัวเองวันนั้นยังไม่สนใจจะเช็ดเลือดที่ปากของตัวเองเลย “ปากคุณนี่น่าจะโดนอะไรฟาดปากสักหน่อยนะคะ อุ้ยขอโทษค่ะพอดีฉั