ฉันเห็นกาลนานมองมาที่ฉันอยู่หน้าร้านข้าวและฉันกลับแกล้งทำเป็นไม่เห็นเขา แต่หันกลับไปหาอคินแทน“คุณ เลิกตามฉันสักทีเถอะค่ะ เรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว” ฉันหันไปตวาดใส่อคิน“แต่ผมยังรักคุณ คิดถึงคุณตลอดนะครับริน”“ฉันไม่ได้รักคุณแล้วค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีทางกลับไปหาคุณเด็ดขาดเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเราฉันถือว่าให้หมามันกินค่ะ” ฉันหันไปชำเลืองมองกาลนาน ใช่ฉันเองก็หลอกด่ากาลนานเหมือนกัน“โธ่ รินครับ” อคินพูดเสียงอ่อน“คุณก็รู้ ว่าฉันมูฟออนเร็วแค่ไหน”“เพราะมีไอ้เด็กน้อยคนนั้นเหรอ คุณเลยปฏิเสธผม อ๋อนี่ไง มารอกันอยู่นี่เอง” คำพูดของอคินทำให้กาลนานที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเราตรงปรี่เข้าไปหาเขาพร้อมทั้งกระชากคอเสื้อของอคินจนยับยู่ยี่ฉันตกใจมากเพราะไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย“นาน หยุดปล่อยเขา “ฉันดึงแขนเขาให้ออกมาจากอคิน“ทำไมกลัวว่ามันจะเจ็บตัวเหรอ” เขาหันมาขมวดคิ้วสายตาดุดันใส่ฉัน“ใช่” ฉันตอบทันที เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกันจะได้แยกย้ายกันตรงนี้เลยเพราะฉันได้สิ่งที่ฉันต้องการแล้ว“พอกันทีทั้งคู่แหละ คินคุณเลิกตามง้อฉันเถอะฉันไม่ได้รักคุณแล้วคุณไปตามทางของคุณซะเถอะ ฉันพูดจากใจจริงของฉัน”
ที่ผับ XXX ที่ฉันมาเป็นประจำ“ใครจะคิดว่ากาลนานจะเป็นลูกคนรวย ลูกเจ้าของบริษัทแบบนี้แถมตอนนี้เขายังข่มวางอำนาจใส่ฉันไม่หยุด” ฉันหันไปคุยกับน้ำตาลที่กำลังนั่งจิบเหล้าในแก้วพลางมองดูหนุ่มหล่อที่เดินผ่านไปมาตรงโต๊ะที่เรานั่งอยู่“เออ ฉันก็คิดเหมือนแก ดีนะที่ฉันทำงานตลอดตอนอยู่ต่อหน้าคุณกาลนาน” ฉันอดหัวเราะไม่ได้ที่เธอห่วงแต่เรื่องนี้จริงๆ สินะ“วันนี้แฟนแกมาป่ะ ไปนอนบ้านฉันมั้ย” ฉันชวนน้ำตาลเพราะอยากกลับไปกินเหล้าที่บ้านต่อเพราะถ้าฉันเมาแล้วขว้างแก้วอีกจะทำยังไงล่ะ“มาจ้ะ เสียใจด้วยนะเพราะคืนนี้เขาจะมาค้างกับฉันและอยู่อาทิตย์นึง” แฟนน้ำตาทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารที่ต้องเดินทางไปดูร้านบ่อยเพราะมีหลายสาขาในประเทศจึงไปๆ มาๆ“อดเลย กะจะนั่งกินชิลล์ๆ ที่บ้านซะหน่อย” ฉันทำหน้าเซ็งแล้วซบไหล่น้ำตาล“วันนี้แกกับคุณกาลนานเป็นไงบ้าง ทำงานเป็นเลขาเขาวันแรก”“สุดๆ เลยถ้าฉันรู้แต่แรกว่าเขาเป็นคนแบบนี้ฉันคงไม่กล้าคบกับเขาหรอก”“สุดๆ เลยเหรอ” น้ำตาลถามย้ำ“มาก เขาใช้ฉันสารพัดแถมยังคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงคนอื่นเสียงดังบางทีก็เปิดลำโพงคุยหวานจนฉันเลี่ยนจะอ้วกอยู่ละ”“อ๋อ งั้นเหรอแกหึงเขาสินะ”“ไม่ได้ห
“ลงมา” กาลนานเปิดประตูรถคันหรูของเขาตรงฝั่งที่ฉันนั่งอยู่“ไม่ลง คุณจะพาฉันไปไหน” ฉันนั่งกอดอกดื้อดึงให้ตายก็ไม่ยอมลงจากรถแน่ๆ“จะลงดีๆ มั้ยครับ” เขายืนพูดเอาแขนเท้ากับประตูรถ เมื่อมีโอกาสฉันจึงดันประตูรถเปิดออกให้กว้างแล้ววิ่งออกมา แต่ก็ไม่ทันข้อมือแข็งแรงของเขาที่คว้าข้อมือของฉันไว้จนแน่น“ถ้าคุณหนี ผมจะจูบคุณตรงนี้แหละ” กาลนานไม่พูดเปล่าเขาดึงฉันให้ไปแนบกับอกกว้างของเขาจนฉันเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่โกรธและโมโหเขาจนแทบจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้ ฉันจะฟ้องกรมแรงงานว่าคุณทำร้ายและทารุณฉัน”“อย่างนั้นก็ได้ครับ ผมจะได้ไล่คุณออกเลย” นี่เขาคงเห็นว่าฉันกลัวจะถูกไล่ออกสินะ ถ้ามีเจ้านายที่แย่นิสัยไม่ดีแบบนี้ ฉันก็ไม่อยากอยู่เหมือนกัน“คุณมันเลว ฉันจะแจ้งตำรวจให้มาจับคุณ” ฉันพูดต่อ“อยากจับตรงไหนก็จับเลยแต่ขอเป็นตำรวจผู้หญิงนะ” เขาแกล้งเอามือปัดเป้ากางเกงตัวเองทำหน้ายียวน“นี่คุณ ฉันแจ้งตำรวจจริงๆ นะ” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรออก“เรื่องผัวเมียเขาไม่ยุ่งหรอกนะคุณ แล้วอีกอย่างเลิกขัดขืนผมได้แล้วผมไม่อยากใช้กำลังกับคุณ”เปรี้ยะ ฉันตบหน้าเขาให้มีสติไม่
ใช่ ฉันจะไม่ยอมให้เขาทำตามอำเภอใจเด็ดขาด“คุณไม่ได้เก่งไปกว่าอคินเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอื่นหรือว่าเรื่องบนเตียง คุณอายุแค่นี้จะเก่งกว่าเขาได้อย่างไรกัน คิดว่ามีเงินมีทองผู้หญิงก็ยอมหมดเหรอคะ”“รินรดา” เขาตะคอกใส่ฉันดังลั่นแววตาขึงขังด้วยความโกรธ“ก็คุณอยากได้ยินไม่ใช่เหรอ ฉันก็พูดความจริงกับคุณแล้วไง” ฉันน้ำตาไหลออกมาทันทีไม่คิดว่าการพูดให้เขาเจ็บตัวฉันเองจะเจ็บมากขนาดนี้เหมือนกัน ฉันยืนหันหลังให้เขาแล้วสะอื้นร้องไห้“ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงที่คุณพามาที่นี่เพื่อสนองอารมณ์ของคุณ ฉันเคยคิดว่าฉันแตกต่างและคุณรักฉันจริงๆ จากใจแต่ฉันคิดผิด สุดท้ายคุณก็พาฉันมาที่คอนโดนี้เหมือนกับพาผู้หญิงคนอื่นๆ มา” ฉันยิ่งร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่นเทาโดยที่กางเกงในตัวบางของฉันลงไปกองกับพื้นแล้ว กาลนานค่อยๆ นั่งลงคุกเข่าแล้วดึงกางเกงในของฉันที่กองกับข้อเท้าขึ้นมาอย่างอ่อนโยนแล้วใส่ให้ฉันตามเดิม“ผมขอโทษ” เขาโอบกอดสะโพกและเอวของฉันจนแน่นในขณะที่เขายังนั่งคุกเข่าอยู่“ต่อไป อย่าทำแบบนี้อีกฉันไม่ใช่สิ่งของหรือของตายของใคร เรื่องวันนี้ฉันจะไม่ติดใจเอาความคุณ ฉันขอลาออกค่ะ” ฉันแกะแขนของกาลนานที่คุกเข่ากอดเอวของฉันเ
ฉันตกลงมาทานข้าวกับคุณนิรันด์ที่ร้านอาหารหรูมีดนตรีแจ๊ซเล่นสด ค่าอาหารคงจะแพงไม่น้อยบวกกับบรรยากาศที่หรูหราสำหรับคนรวยๆ มีเงินเท่านั้น“คุณนิรันด์คะ ฉันเกรงใจค่ะที่มาร้านอาหารแพงขนาดนี้” ฉันพูดกับเขาเมื่อก้าวขาเข้าไปยังร้านที่มีบริกรมาคอยให้บริการเป็นอย่างดี“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเองก็อยากทานร้านนี้ด้วยอาหารที่นี่อร่อยมากนะเผื่อคุณรินจะชอบแล้วอีกอย่างค่ำนี้ผมโชคดีมากที่ไม่ต้องทานข้าวคนเดียว” เขาพูดพร้อมยิ้มแย้มแสดงท่าทางใจดีจนฉันลดความกังวลไปได้บ้าง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมาทานอาหารร้านหรูขนาดนี้เลย ฉันเดินตามเขาเข้ามาด้านใน“สวัสดีครับคุณนิรันด์” บริกรมายืนยกมือไหว้เขาอย่างคุ้นเคย เขาพาเรามานั่งด้านในสุดที่มันดูส่วนตัวเป็นพิเศษ“เชิญนั่งครับคุณริน” เขาขยับเก้าอี้ให้ฉันนั่ง“ขอบคุณมากค่ะคุณนิรันด์ แต่คุณอย่าทำแบบนี้อีกนะคะฉันเป็นลูกจ้างของคุณมันไม่เหมาะสมค่ะ” ฉันต้องรีบบอกเขาไว้กับการเทคแคร์ที่มันเกินจำเป็นเพราะฉันเป็นลูกจ้างไม่ใช่ผู้หญิงคนรักของเขา“ผมมองคุณเป็นผู้หญิงที่สวยและเก่งไม่เคยมองคุณเป็นลูกจ้างเลยนะครับ” เขาหยิบเมนูจากบริกรส่งให้ฉัน“คุณนิรันด์สั่งเลยค่ะฉันทานได้หมดค่ะ” ฉ
เช้าวันต่อมาฉันยืนส่องกระจกหมุนซ้ายหมุนขวาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง กระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าสีดำรัดรูปที่ฉันไม่ได้ใส่มานานมาก โชคดีที่ฉันยังคงใส่ได้อยู่เพราะช่วงหลังมานี้ฉันดูมีน้ำมีนวลกว่าเมื่อก่อน ฉันยิ้มให้ตัวเองในกระจก นี่ฉันแต่งหน้าจัดไปหรือเปล่านะลิปสติกสีแดงที่ฉันแต้มบนปากฉันมองมันหลายครั้งจนอยากจะเช็ดออก “ไม่แดงหรอกมั้ง เพราะฉันเคยใช้แต่ลิปกลอสสีชมพูเลยอาจยังไม่ชินกับการทาลิปสติกเนื้อแมตต์แบบนี้” ฉันยืนพูดกับตัวเองหน้ากระจกตอนนี้ฉันเป็นเลขาแล้วก็ต้องสวย เฉี่ยวสิจะให้แต่งตัวเสื้อผ้าหลวมๆ ใช้ลิปกลอสเปลี่ยนสีก็คงจะดูเด็กน้อยไป แล้วฉันจะไปสู้กับใครได้ล่ะอย่างน้อยคนก็มองกันแค่ภายนอกเป็นอย่างแรกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอถ้าฉันไม่อัพเลเวลตัวเอง คงต้องแพ้เกมนี้แน่ๆที่ทำงาน“ว้าวๆ ดูสิใครนะ มองข้างหลังยังสวยขนาดนี้เลยเหรอ” น้ำตาลรีบเดินมาหาฉันตรงประตูลิฟต์“อย่าแซวฉันสิ ฉันเขินนะ” ฉันดึงกระโปรงสั้นให้ลงมานิดหน่อยแก้เขิน“แกสวยจริงๆ นะยัยรินแกน่าจะแต่งแบบนี้มานานละรับรองผู้ชายมารุมจีบแกไม่เว้นแต่ละวันแน่ๆ”“แกพูดแบบนี้ ฉันค่อยมั่นใจตัวเองหน่อย”“เป็นไงบ้างงานเป็นเลขาของคุณกาลนาน”“ก็พอได
ตอนเย็นกาลนานกับอาร์นัดกันไปต่อยมวยเล่นที่ยิม เขาอาจจะอยากไปผ่อนคลายกันด้วยแต่น่าจะเป็นกาลนานมากกว่าที่ผ่อนคลาย อาร์คงไม่กล้าต่อยเขาแน่ๆ“พี่รินไปด้วยกันมั้ยชวนพี่น้ำตาลไปด้วย” อาร์ถามฉัน“หาเพื่อนดิ ทำไมกลัวเขาซ้อมนายจนอ่วมหรือไง” ฉันแซวอาร์“พูดก็พูดเถอะพี่ ผมเคยเล่นยูโดกับมันเรี่ยวแรงมันเยอะใช่ย่อยเห็นตัวบางๆ แบบนั้นจับผมทุ่มไม่หยุดเวลาผมไปมองสาวที่มันคบตอนเรียนด้วยกันปีหนึ่งนี่ดีหน่อยที่มันชวนไปต่อยมวยจะได้ไม่ต้องโดนมันทุ่มเพราะผมก็ต่อยเป็นอยู่นะ” อาร์กระซิบที่ข้างหูของฉัน“ขนาดนั้นเลย แค่มองสาวแค่เนี้ยนะ” ฉันถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ก็ใช่สิมันบอกคนที่แย่งแฟนมันจะใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เพื่อนหรือคนที่มันไว้ใจ”“อ๋อ”“อยู่ลับหลังแแบบนี้ผมขอเรียกว่ามันนะพี่ แต่ถ้าอยู่กับคนอื่นผมไม่กล้าเรียกหรอกพี่รินห้ามบอกใครล่ะ” เขาเดินเบียดฉันอีก“ก็ได้ๆ ไม่บอกใครหรอก” ฉันบอกเขา ใครจะไปพูดลูกน้องตัวเองเรียกเจ้านายว่ามันว่าไอ้ มีหวังโดนไล่ออกกันพอดีเพราะฉันเองก็เรียกเขาว่าไอ้สำส่อนเหมือนกัน จู่ๆ ฉันก็หัวเราะขึ้นมาอย่างลืมตัว“หัวเราะอะไรพี่ริน อย่าบอกนะว่าก็แอบด่าเขาเหมือนกัน” แล้วเราก็หัวเราะกันจนมา
“เชิญนั่งครับคุณรินรดา” คุณนิรันด์กาลบอกฉันเมื่อเราเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฉันขยับเก้าอี้แล้วนั่งลง “ผมเพิ่งรู้เมื่อกี้ ว่าคุณเป็นเลขาของกาลนานลูกชายของผม” “ค่ะ ฉันเพิ่งเป็นค่ะแต่ยังไม่เก่งlสักเท่าไหร่ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะค่ะ” “เรื่องนี่ผมพอทราบครับ เพราะว่าเจ้ารันด์บอกผมแล้วว่ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมบังคับให้คุณทำ” ฉันได้ฟังก็นิ่งเงียบเพราะมันจริงแบบที่เขาพูดทุกอย่าง “ฉันจะตั้งใจและเรียนรู้งานให้เต็มที่ค่ะ” “คุณทำได้อย่างไรที่ทำให้ลูกชายของผมเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแบบนี้เพราะปกติเขาแทบไม่เข้าใกล้กันเลยด้วยซ้ำมาวันนี้ผมเห็นพวกเขาช่วยกันดูเอกสารอย่างขยันขันแข็งผมมีความสุขมากครับ” คุณนิรันด์กาลพูดอย่างยิ้มแย้มแสดงถึงความอิ่มอกอิ่มใจแต่ฉันจะบอกเขายังไงดีว่าคุณกำลังเข้าใจผิด ลูกชายของเขาไม่ได้รักใคร่กันแต่อย่างใดแต่จะฆ่ากันตายเพราะผู้หญิงอยู่แล้ว “คือว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ” ฉันกำลังงงอยู่ว่าทำไมคุณนิรันด์กาลถึงมองว่าลูกชายทั้งคู่ของตัวเองรักใคร่กลมเกลียวกัน “ห้าล้านบาท” คุณนิรันด์กาลพูดขึ้น “อะๆ ไรนะคะห้าล้าน” หรือว่าเขาจะจ้างฉันออกโอเคค่ะตกลงเลย
(ตอนพิเศษที่ 2 วันวานกับเรื่องบาดหมางของกาลนานกับนิรันด์และโมเม้นกาลนานเจอรินรดาครั้งแรก)เมื่อกาลนานกำลังจะขึ้นปีสองก็ได้มีการบรรยายพิเศษที่คณะจากทีมวิศวะมืออาชีพหญิงสาวสวยสะพรั่งในชุดกระโปรงทรงเอรัดรูปกับผมที่ถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและต้นคองามระหงเด่นชัด“ไอ้นาน มึงมองพี่เขาขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขาก็ถามมึงหรอก” เจตเพื่อนที่เรียนวิศวะด้วยกันกับเขาพูดขึ้น“ถ้าพี่เขาถามกู กูจะให้เบอร์โทรพี่เขาเลย ผู้หญิงอะไรสวยแท้วะ” กาลนานนั่งพูดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่หญิงสาวยังคงพูดบรรยายไปโดยที่ไม่ทันได้เห็นกาลนานด้วยซ้ำ“ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ฟังพี่รินพูดอย่างตั้งใจหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการเรียนหรือวันข้างหน้าก็สามารถปรับเปลี่ยนกับการทำงานได้ค่ะ” รินรดาพูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเอง“พี่รินครับ ผมมีข้อสงสัยครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นทำให้กาลนานหันไปมองเพื่อนในชั้นทันที“มีอะไรคะ ถามได้เลยค่ะ” รินรดายิ้มแย้ม“พี่รินมีแฟนหรือยังครับ” นักศึกษาคนนั้นถามทำให้เพื่อนๆ ในห้องโห่แซวกันใหญ่“ไอ่เชี่ย” กาลนานอุทาน“พี่ยังไม่มีแฟนค่ะ และพี่ก็ไม่ชอบเด็กด้วยค่ะ” รินรดาพูดตัดจบไป ทุกคนในค
เผลอใจรักพักใจเหรอ ตอนพิเศษ1 วันวานกับพี่ชายที่ชื่อนิรันด์ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นตอนอายุสิบแปดของกาลนานที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ร่างกายที่ดูภายนอกจะบอบบางแต่จริงๆ แล้ว เขานั้นซ่อนรูปไม่เบามันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจของหญิงแท้ชายเทียมเป็นอย่างมาก ท่ามกลางแสงสีไฟสลัวๆ ที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มที่เต้นใช้เอวเป็นซะส่วนใหญ่ ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ควงเอวให้มันต่ำลงจนตัวเองนั่งคุกเข่าลงแล้วยกเสยเอวเด้งขึ้นเด้งลงไม่หยุด เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในผับก็ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เขาเต้นอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน คงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมลงจนเห็นสะดือกับหัวเข็มขัดถูกถอดและเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ยิ่งทำให้เห็นกล้ามเนื้อและแผ่นหลังที่ดูแข็งแรงจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย“กรี๊ดดด ถอดอีกๆ” เสียงร้องตะโกนของสาวๆ ในผับตะโกนกู่ร้องดังเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่พวกเธอต้องการ“ข้างล่างถอดไม่ได้ครับ ขืนผมถอดเจ้าของผับแบนไม่ให้ผมเข้าอีกแน่ๆ” เมื่อกาลนานพูดจบเขาก็ก้มโค้งขอบคุณแล้วเก็บเสื้อที่เขาโยนมันลงพื้นไปแต่แรก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอ
หลายวันต่อมา คุณนิรันด์กาลเรียกฉันให้เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา “สวัสดีค่ะ คุณนิรันด์กาล” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “เชิญนั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึกอีกรอบ เขาส่งกระดาษใบสี่เหลี่ยมให้ฉัน “เงินเจ็ดล้านตามที่ตกลงกันไว้ครับ คุณทำสำเร็จนะขอบใจคุณรินมากที่ช่วยครอบครัวของเรา” “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันส่งเช็คนั้นคืนกลับไป “ทำไมจะยังไม่ได้ทำครับ ก็ลูกชายทั้งสองของผมบอกว่าถ้าไม่ได้คุณรินป่านนี้น่าจะยังทะเลาะกันอยู่ผมเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องครับ เลี้ยงลูกตามใจจนเอาลูกไม่อยู่จนต้องไปขอให้คุณรินช่วย” “ฉันยินดีค่ะ แต่เขาสองคนดีกันแล้วเหรอคะ” “ใช่ครับ เมื่อคืนเขาคุยกันหัวเราะชอบใจใหญ่ผมมีความสุขมากครับ” อ๋อว่าแล้วเมื่อคืนกาลนานบอกว่าจะมานอนที่บ้านเป็นแบบนี้นี่เอง “ดีใจด้วยนะคะคุณนิรันด์กาล แต่ฉันไม่ขอรับเงินจำนวนนี้หรอกค่ะเพราะว่าฉันเองก็มีส่วนทำให้เขาทั้งสองทะเลาะกันด้วย” “งั้นถ้าผมจะสู่ขอคุณรินให้เจ้ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมล่ะครับ คุณจะรังเกียจครอบครัวของเรามั้ย“ “คะ คุณรู้เรื่องของเราเหรอคะ” ฉันก้มหน้าพูด
“รินครับ ผมมีอะไรจะให้” เขาเดินมานั่งข้างๆ ฉันที่นั่งหน้าบ้านเพราะว่าเราจะมานั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน“อะไรคะ” เขาหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมาแล้วติดที่ผมของฉันมันวิบวับแวววาวมากจนฉันต้องหยิบลงมาดู“ดาวครับ สวยมั้ย” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของฉันเล่นอย่างแผ่วเบา“เพชรนี่คะ สวยจัง” ฉันทำท่าจะเอากิ๊บเข้าปากเพื่อเช็คว่าแท้มั้ย“รินทำน่ารักอีกแล้วนะแท้สิครับผมเป็นใคร ผมคือกาลนานนะ”“ล้อเล่นเฉยๆ เองขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็ติดกิ๊บที่ผมตามเดิม“ครั้งนี้ไม่ปฏิเสธเหรอครับ หลายล้านบาทนะอย่าเอาไปขายล่ะเวลางอนผม” “ปฏิเสธก็บ้าแล้ว นานกระแทกรินจนช่วงล่างแทบจะพังรินเสียหายนะ” “งั้นเหรอครับ งั้นผมให้ใบนี้รินไว้ใช้ดีกว่าเพราะผมจะกระแทกอีกนานเลยครับ” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพร้อมกับหยิบบัตรการ์ดใบแข็งสีดำส่งให้ฉัน“นี่มันแบล็คการ์ดเหรอคะ นานมีจริงๆ ด้วยเพราะเมื่อก่อนรินว่าเคยเห็นนานถืออยู่นะ”ฉันหยิบมาดูพลิกไปพลิกมา“จริงสิครับ ผมให้”“สายเปย์ของจริงเลยนะเนี่ย” “แน่อยู่แล้วครับ”“งั้นคืนนี้รินขอใช้บัตรนี้ซื้อตัวนานได้มั้ยคะ เหมาทั้งคืน” ฉันขยิบตาให้พร้อมกับหย่อนบัตรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขา“อย่ามาร้องขอชีวิตกับผมแล้ว
หลังจากที่ฉันบอกว่าจะลาออกฉันก็ไม่เจอคุณนิรันด์ที่นี่อีกเลย ฉันเหลือบมองกาลนานที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเลยอยากเอาใจเขา“รับกาแฟมั้ยคะคุณกาลนาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยอาการคิ้วขมวด“เรียกคุณอีกแล้ว เราอยู่กันสองคนเรียกผมนานเฉยๆ ก็ได้หรือจะเรียกผัวจ๋าแบบที่เคยเรียกก็ได้นะครับ” เขายิ้มพร้อมทั้งขยิบตาใส่“บ้า อือ แล้วพี่ชายของคุณล่ะฉันยังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่มา” ฉันลองถามเขาเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีอยู่“ทำไมคิดถึงเขาเหรอ” กาลนานหน้าบึ้ง“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พี่แค่ถามดู”“มันไปดูอีกบริษัทละครับ เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไงครับ”“จร้าๆ พ่อเสือใหญ่ถอดเขี้ยวเล็บด้วยนะคะ ถ้าไม่ถอดพี่จะถอดให้เอง” ฉันทำท่าเสือกางเล็บใส่เขา “เสือสิ้นลายแล้วครับโดนพี่ขี่ผมไปไหนไม่ได้แล้วครับ ว่าแล้วก็อยากโดนขี่อีกจังในนี้ดีมั้ย” กาลนานลุกมาหาฉัน“หยุดเลย ไว้ไปทำที่บ้าน”“คืนนี้ไม่อดแล้วเว้ยเราชักจนปวดมือแล้ว”“ทะลึ่ง” พอเราสองคนมาคืนดีกันแบบนี้ก็ยิ่งเติมเต็มความรักให้กันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันมัวแต่มีความสุขจนลืมคำพูดที่รับปากไว้กับคุณนิรันด์กาลพ่อของเขาสนิทเลย จะทำยังไงดี ถึงจะให้สองคนมาคืนดีก
“กาลนานอย่า” ฉันห้ามเขา แต่อคินก็ยังสวนหมัดกลับมาใส่ใบหน้าของกาลนานเต็มๆ เช่นกัน“หยุดนะคิน ถ้าคุณไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ฉันควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นจุ๊ดที่ฉันใส่อยู่บ้าน“ทีไอ้นี่ยังเข้ามาได้” เขาชี้หน้ากาลนาน“ก็เขาเป็นสามีของฉันทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” ฉันยืนพูดเพราะยังไงวันนี้ฉันต้องจัดการเรื่องฉันกับอคินให้มันจบๆ ไปเสียที“พูดได้เต็มปาก เด็กมันจะสู้ผมได้ยังไง” อคินยังคงดื้อดึง ยิ่งทำให้กาลนานโกรธเข้าไปใหญ่“อย่าค่ะผัวจ๋า เดี๋ยวเมียจัดการเอง” ฉันแกล้งพูดให้อคินโดยมีกาลนานที่ยืนยิ้มอยู่“พอเถอะค่ะคินฉันมีผัวใหม่แล้วฉันไม่กลับไปกินของเก่าแบบคุณอีกแน่ๆ”“ถ้าคุณพูดเต็มปากขนาดนี้ว่าไอ้อ่อนนี่มันเป็นผัวใหม่ของคุณ ผมก็ไม่เอาคุณแล้วเหมือนกัน”“เชิญค่ะ นั่นประตู” อคินเดินไปอย่างหัวเสียเจอแบบนี้ใครกลับมาอีกก็บ้าแล้ว“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ฉันหยิบเสื้อที่ตกลงกับพื้นส่งให้เขาคืน“ครับ แต่ผมโดนเขาต่อยช่วยทำแผลให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ”“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความดีของคุณนะ” ฉันเดินไปหยิบยาทาแล้วมานั่งรอเขาที่กำลังใส่เสื้ออยู่“เดือนนี้ทั้งเดือนไม่รู้ปากของผมเป็นอะไรไปรับแต่กำปั้
ตั้งแต่กลับมาจากไปดูงานที่เมืองนอกกาลนานก็ไม่พูดอะไรกับฉันเลยนอกจากเรื่องงานจนถึงวันนี้ก็วันที่สามแล้ว แต่สามวันนี้เขาก็พาผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้าเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าโชคดีมากที่คืนนั้นฉันไม่เผลอตัวเผลอใจไปกับเขาไม่งั้นฉันคงติดโรคจากเขาแน่ๆ คุณนิรันด์เองก็เช่นกันเขายังคงมาเที่ยวตามฉันไม่หยุด เหมือนกับวันนี้ “คุณรินครับ ผมมารับไปทานข้าวด้วยกันข้างนอกครับ” เขาเดินเข้ามามองฉันแล้วชำเลืองมองกาลนาน “จะคุยเรื่องงานด้วยครับ” เขาพูดต่อจนฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ “ค่ะ ได้ค่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกมากับคุณนิรันด์นั่งรถมาคันเดียวกัน คนในบริษัทก็เห็นโดยเฉพาะยัยจิวรุ่นน้องที่เคยจีบกาลนาน “จะควบทั้งพี่ทั้งน้องเลยเหรอคะพี่ริน” เธอพูดกับฉันเมื่อเราเจอกันที่ร้านอาหารข้างนอก “แล้วเธอล่ะได้ควบใครหรือยังจ้ะน้องจิว” ฉันพูดเย้ยเธอให้สะใจ “คนขี่ม้าเยอะขนาดนี้ระวังนะคะควบไปควบมาจะตกม้าตาย” ยัยจิวแสนร้ายพูดแล้วก็หัวเราะเดินออกไป “ยัยบ้าจิว” พอฉันนึกถึงหน้ากาลนานความโมโหก็ขึ้นมาทันที ป่านนี้คงควบกันอยู่บนโต๊ะแล้วมั้งนี่ถ้าฉันไม่อยู่ในห้องทำงานคงควบกันไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าแล้วยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห “คุณรินทำไ
สามวันต่อมากาลนานไปดูงานที่ต่างประเทศฉันจึงต้องติดตามเขาไปด้วย“คุณไหวมั้ยคุณริน” เขาถามฉันพร้อมทั้งเอาหลังมือแตะหน้าผากของฉัน เพราะฉันไข้หลังจากกลับเข้ามาในโรงแรม“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยก็ได้ฉันอยากจะพักผ่อนสักหน่อย” ฉันพูดทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่“คุณอยากไปหาหมอมั้ย” เขาเอามือจับผมตรงหน้าผากฉันเสยขึ้น“ไม่ค่ะ ฉันกินยาก็หายแล้วคุณมีงานอะไรรบกวนส่งเข้าทางข้อความให้ฉันหน่อยนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะมาจัดการให้ค่ะ” ลมหายใจที่ร้อนผ่าวของฉันรู้เลยว่าฉันมีไข้ขึ้นสูง“คุณเลิกพูดเรื่องงานที่ผมสั่งให้คุณทำได้มั้ย เอาตัวเองก่อน” “ฉันอยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีค่ะ”“ไหนล่ะยาที่คุณกิน” เขาดูลนลาน“ไม่มีค่ะ สงสัยฉันลืมหยิบมาด้วย”“คุณเอาแต่ทำให้ผมเป็นห่วงตลอดนะคุณริน” เขารีบวิ่งเปิดประตูออกไปสักพักเขากลับมาพร้อมกับยาลดไข้ และผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ฉัน“คุณจะทำอะไร” ฉันขยับตัวหนีเมื่อเขาดึงผ้าห่มออกพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิตของฉัน“ก็จะเช็ดตัวให้คุณไง ตัวคุณร้อนอย่างกับไฟเกิดช็อกขึ้นมาจะทำยังไงคุณต้องลดไข้ก่อนนะ” เขาเปิดเสื้อเชิตของฉันออก“เดี๋ยวฉันทำเอง” ฉันแย่งผ้ามาจากมือของเขา“ผมเห็นของคุณมาตั้งเท่าไหร่แล้ว
ปึก“โอ๊ย” เขาร้องลั่นพร้อมกับจับคางและปากของตัวเอง“เลือด” ฉันร้องลั่นเมื่อริมฝีปากของเขามีเลือดแดงสดไหลออกมา “ผมเจ็บนะ คุณจะฆ่าผมเหรอ” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องดูหน้ากับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองจนฉันต้องหยิบกระจกให้เขาส่องดู“ฉันขอโทษ แล้วใครใช้ให้คุณเอาคางมาเงยหัวไหล่ของฉันล่ะ” เขาไม่ตอบกลับไปหยิบกระดาษทิชชูแล้วส่งให้ฉัน“เช็ดให้ผม” สีหน้านิ่งเรียบแต่แววตาแฝงไปด้วยความเจ็บเพราะฉันกระแทกแรงมากช่วยไม่ได้อยากทำตัวรุ่มร่ามเอง แล้วฉันก็หัวเราะออกมา“คุณตั้งใจกระแทกผมเหรอ” เขาเลิกคื้วขึ้นคงจะเจ็บไม่น้อยเพราะน้ำตาคลอเบ้าเลย“เปล่านะคะ คุณเอาคางมาเกยฉันเองนะ” ฉันหยิบทิชชูเช็ดปากให้เขาพลางหัวเราะไป“แล้วทำไมคุณต้องลุกพรวดพราดขนาดนั้นด้วยล่ะ” เขาหน้าบึ้งพลางจือปากให้ฉันเช็ด“คุณอยากทำตัวรุ่มร่ามเอง เช็ดเองไปเลยค่ะเพราะนี่ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน” ฉันหันหลังแล้วเก็บของจะกลับบ้าน“ไม่ใช่หน้าที่อะไร คุณทำผมเจ็บนะเลือดออกขนาดนี้จะไม่พาผมไปโรงพยาบาลหน่อยเหรอ” เขาทำทีโวยวาย ทีต่อยกับพี่ชายของตัวเองวันนั้นยังไม่สนใจจะเช็ดเลือดที่ปากของตัวเองเลย “ปากคุณนี่น่าจะโดนอะไรฟาดปากสักหน่อยนะคะ อุ้ยขอโทษค่ะพอดีฉั