ขากลับจากกรุงเทพเสียงในรถเงียบกว่าเมื่อเช้ามากผู้โดยสารทั้งสี่คนหมดแรงหลับไปตามๆ กัน เพราะหลังจากทำธุระเรื่องหอพักกันเสร็จ ภีมภพก็พาพวกเธอทุกคนไปทานอาหารกลางวันและสาวๆ ขอไปเดินเที่ยวกันต่อ ส่วนเขานั่งรอที่ร้านกาแฟอยู่เกือบ 3 ชั่วโมง
สายตาคมแอบมองคนที่นั่งคู่มาด้วย ญารินดาในวันนี้ สดใส ร่างเริงช่างพูด เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอหัวเราะอย่างมีความสุขนับตั้งแต่วันที่เขาได้เจอเธอ
ภีมภพรู้สึกว่าคนของตัวเองเป็นต้นเหตุที่พรากเอาความสดใสของเธอไป จากนี้เขาตั้งใจว่าจะคอยอยู่ข้าง ๆ เธอคอยช่วยเหลือ เขาอยากเห็นเธอสดใสร่าเริงแบบนี้ไปตลอด เพราะมันทำให้คนที่ได้อยู่ใกล้อย่างเขารู้สึกดีไปด้วย
“กอหญ้า” ภีมภพเรียกเบาๆ
“คะ น้าภพถึงบ้านแล้วเหรอคะ”
“ใกล้ถึงแล้วครับ บ้านเพื่อนกอหญ้าอยู่ที่ไหนกันบ้างน้าจะได้ไปส่งถูก”
“น้าภพขับส่งที่เดิมเมื่อเช้าก็ได้ค่ะ พวกนั้นเอารถมอเตอร์ไซค์มาจอดไว้ที่นั่น” ญารินดาหมายถึงร้านรับฝากที่อยู่ใกล้กับท่ารถโดยสาร
เมื่อส่งทุกคนเสร็จแล้วเขาก็ขับรถกลับมาถึงบ้านทันเวลาอาหารเย็นพอดี
“เป็นไงบ้างคะคุณภพ”
“ไม่มีปัญหาครับน้าวาส ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“แล้วค่าใช้จ่ายล่ะคะ”
“ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”
“อย่าลืมหักจากเงินเดือนนะคะ”
“หักอะไรกันล่ะ เราคุยกันแล้วนะคะน้าวาส พรจะส่งหนูกอหญ้าเรียนเอง”
“วาสขอบคุณมากๆ นะคะ”
“น้าวาสขอบคุณพวกเราสองคนบ่อยเกินไปแล้ว ต่อไปไม่ต้องขอบคุณอีกแล้วนะครับ เปลี่ยนเป็นของกินอร่อยๆ ดีกว่า”
“นั้นสิ ภพพูดเรื่องนี้พี่หิวขึ้นมาทันทีเลย มากินด้วยกันเลยนะคะพี่พร กอหญ้า”
“หนูขอไปกินกับแม่ได้ไหมคะ อยากเล่าเรื่องหอให้แม้ฟัง”
“แล้วไม่เล่าให้น้าฟังบ้างเหรอ น่าน้อยใจจัง”
“โอ๋ๆ น้าพรขา งั้นวันนี้หนูกินข้าวพร้อมทุกคนก็ได้ค่ะ นะคะแม่ วันเดียวเอง”
วาสนาพยักหน้าเห็นด้วย
“น้าวาสคะ พรขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม จากนี้พรอยากให้น้าวาสกับกอหญ้ามากินข้าวด้วยกันแบบนี้ทุกวัน พรไม่อยากนั่งกินคนเดียว กินหลายคนแบบนี้พรว่ามันอบอุ่น”
“ผมเห็นด้วยกับพี่พรนะครับ”
“ใครขอความเห็นกัน พี่ชวนกอหญ้ากับน้าวาส ส่วนภพ หลังจากวันนี้ไม่ต้องมากินพร้อมพี่ก็ได้”
“ได้ไงครับพี่ กับข้าวฝีมือน้าวาสอร่อยขนาดนี้ ผมต้องมาทุกวันอยู่แล้ว อีกอย่างกินหลายคนมันอร่อยกว่านั่งกินคนเดียวเยอะ”
เพียงพรรู้สึกว่าภีมภพนั้นเปลี่ยนไปตั้งแต่วาสนากับลูกสาวมาอยู่ที่นี่ เธอหวังว่าน้องชายคงไม่คิดอะไรกับสาวน้อยตรงหน้าหรอกนะ เพราะเธออยากให้ญารินดาเรียนจบก่อนจะมีความรัก
“ตามใจ แต่รีบกินแล้วก็รีบกลับ สาวๆ เขาจะได้คุยกัน”
สาวๆ ทั้งสามคนพากันหัวเราะที่ชายหนุ่มคนเดียวในบ้านถูกไล่กลับไปยังบ้านหลังเล็กของตัวเอง
“กอหญ้า บ่ายนี้น้าว่างไปหัดขับรถกันนะครับ”
เพราะหญิงสาวอิดออดมาหลายวันแล้ว ภีมภพจึงเคลียร์งานช่วงบ่ายออกหมด เธอจะได้ไม่หาข้ออ้างว่ารบกวนเวลาของเขาเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
“น้าภพเหนื่อยไหมคะ หนูว่าถ้าเหนื่อยก็พักดีกว่านะคะ” เด็กสาวเริ่มหาเหตุผล ญารินดาไม่กล้าขับรถเพราะกลัวว่าจะขับไปชนคนหรือข้าวของคนอื่นเสียหาย
“กอหญ้า ยังไงก็ต้องหัดขับรถให้เป็นนะ” เพียงพรพยายามช่วยพูดอีกคน
“เอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะน้าพร หนูอยากช่วยน้าพรทำงานที่ร้าน”
“วันนี้งานน้าไม่เยอะค่ะ”
“น้าถามหน่อยนะกอหญ้า ทำไมถึงไม่อยากขับรถเป็น” ภีมภพอยากรู้เหตุผล
“หนูกลัว”
“กลัวอะไร”
“กลัวขับไปชนคนอื่น”
“ถ้าขับอย่างระมัดระวัง มีสติก็ไม่ชนหรอกครับ”
“รถมันคันใหญ่แล้วก็ใหม่มากหนูกลัวรถพัง”
“พังก็ซ่อม รถใหม่สิดีเพราะมีประกัน”
“ถ้ากอหญ้าถ้าขับเก่งแล้วหนูจะได้พาแม่กับน้าพรไปเที่ยว ไปทำบุญ เพราะน้าคงไม่ว่างพาไปทุกครั้ง น้าพรก็ขับรถทางไกลไม่ค่อยไหวแล้ว”
“น้าภพเอาแม่กับน้าพรมาอ้าง”
“แล้วมันจริงไหมล่ะครับ ถ้าเราขับเป็นเวลาไปไหนมาไหนก็สะดวกขึ้น”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้หนูขอขับแค่ทางตรงก่อนได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ ค่อยฝึกวันละนิดหน่อยเดี๋ยวก็เก่งขึ้น
แล้วภีมภพก็พาญารินดาขึ้นรถออกไป ชายหนุ่มพาเธอมายังสนามฝึกขับรถของโรงเรียนสอนขับรถยนต์แห่งหนึ่งซึ่งบ่ายวันนี้ไม่มีการใช้สนาม
“หายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติ ตรวจสอบตำแหน่งเกียร์ให้เรียบร้อย แล้วค่อยบิดกุญแจนะกอหญ้า”
“มันจะพุ่งไหมคะ”
“กอหญ้าต้องดูว่ามันเป็นเกียร์ว่างก่อนสตาร์ททุกครั้ง รับรองมันจะไม่พุ่ง”
“เป็นเกียร์ว่างแล้วค่ะ”
“งั้นบิดกุญแจ” หญิงสาวทำตามด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย
“ตามองถนน อย่ามองหน้าน้า” ภีมภพเตือนสติ
“ก็หนูกลัว ถ้ามันพุ่งน้าช่วยหนูนะ” ชายหนุ่มพยักหน้า
กว่าญารินดาจะฝึกออกตัวได้ก็ทำเอาคนสอนเหงื่อตก
ภีมภพกับญารินดากลับมาถึงบ้านเกือบหกโมงเย็น ทำให้ทั้งเพียงพรและวาสนามานั่งรออยู่ที่ระเบียงบ้านด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้ากอหญ้า สนุกไหม” เพียงพรรีบถาม
“สนุกค่ะน้าพร” เธอตอบ แต่อีกคนที่เดินตามมาดูแล้วอาการน่าเป็นห่วงกว่ามาก
“น้าวาสครับเย็นนี้มีอะไรกินบ้างผมหิวมาก”
“มีหลายอย่างเลยค่ะ คุณภพดูเหนื่อยมากเลยนะคะ กอหญ้าคงทำให้ปวดหัว”
“นิดหน่อยครับน้าวาส ไม่รู้มาก่อนว่าสอนขับรถมันจะเหนื่อยขนาดนี้ ทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อย เกร็งไปทั้งตัวเลย” ภีมภพนึกแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เพราะกอหญ้านั้นออกตัวทีกระชากที กว่าจะออกจังหวะนิ่มๆ ก็ทำเอาคนนั่งปวดเมื่อยไปทั้งตัว
“หนูไม่เห็นเหนื่อยน้าภพแก่แล้วก็งี้แหละ” ญารินดาหัวเราะกับท่าทางของน้าชาย
“คงแก่แล้วอย่างที่หนูว่านั่นแหละกอหญ้า” เพียงพรหัวเราะทำเอาคนถูกหาว่าแก่ได้แต่เซ็งเพราะไม่มีคนเข้าข้าง
“พรุ่งนี้ไปฝึกอีกไหมคะน้าภพ” เมื่อทานอาหารเย็นเรียบร้อยภีมภพก็นั่งดูทีวีต่อที่ห้องรับแขก เพราะไม่มีแรงเดินกลับบ้านของตัวเอง
“ไปสิครับ ตอนบ่ายเหมือนเดิม”
“กอหญ้าว่าพรุ่งนี้จะลองขับออกถนนใหญ่” พอเริ่มขับได้แล้วเธอก็นึกสนุก มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยสักนิด
“ใจเย็น ๆ กอหญ้า น้าว่าเอาให้คล่องกว่านี้ดีกว่าครับ”
“ก็น้าภพบอกเองว่าเก่งแล้ว” ญารินดาเถียง
“เก่งก็ส่วนเก่ง แต่มันก็ต้องอาศัยประสบการณ์ด้วยนะกอหญ้า อย่างน้าขับเป็นตั้งแต่ ม.3 แต่ก็ออกถนนใหญ่ตอนที่ได้ใบขับขี่แล้ว”
“น้าภพพูดถูกนะกอหญ้า ฝึกให้คล่องแล้วไปสอบใบขับขี่ จากนั้นค่อยลองบนถนนดีไหมคะ เพราะเวลาอยู่บนถนนเราไม่ใช่แค่รับผิดชอบชีวิตเรานะ กอหญ้าต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นบนถนนด้วย ดูอย่างน้าก้านสิ ขับรถมาเป็น 10 ปี ยังพลาดได้เลย”
เพียงพรดีใจที่เธอกล้ามากขึ้น แต่ก็อยากให้เวลาอีกสักนิดก่อนที่จะขับจริงบนถนน
“ค่ะน้าพร”
“แม่คะ น้าพรค่ะ ถ้าหนูขับเก่งแล้วเราไปเที่ยวกันนะคะ”
“อ้าวแล้วน้าล่ะ” ภีมภพหันมาถาม
“น้าภพก็เฝ้าร้านไงคะ เรา 3 คนจะไปกันแต่สาว ๆ ค่ะ”
“ยังไม่ทันเก่งก็จะหนีเที่ยวแล้วเหรอ ไม่ฝึกต่อให้ดีไหมนะ”
“น้าภพไม่ฝึกหนูแอบฝึกเองก็ได้”
“มันอันตรายนะกอหญ้า ให้น้าภพช่วยฝึกดีแล้ว ภพก็อย่าน้อยใจเป็นเด็ก”
“ใครน้อยใจกัน ผมโตแล้วนะครับ”
“งั้นหนูให้น้าภพไปด้วยก็ได้ ไหนๆ ก็เป็นคนฝึกให้”
“มันต้องอย่างนั้นเด็กฝึกของน้าภพ”
“เอาล่ะๆ เรื่องเที่ยวเอาไว้ค่อยคุยกัน วันนี้น้าว่าเราแยกย้ายไปนอนก่อนดีไหมดึกแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องตื่นทำงานแต่เช้า”
“ค่ะแม่”
เด็กฝึกของน้าภพตอนนี้แทบจะกลายเป็นแฝดของน้าภพไปแล้วไม่ว่าเขาจะไปไหนก็จะพาเธอไปด้วยทุกที่ ด้วยเหตุผลคืออยากให้เธอเรียนรู้งานให้มาก เวลาขับรถไปไหนก็มักจะสอนเธอไปว่าทางแบบนี้ ถนนแบบนี้ สภาพการจราจรแบบนี้ ควรขับรถแบบไหนใช้เกียร์แบบไหน ตอนนี้หญิงสาวขับได้ทั้งรถเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ“น้าภพ คิดว่าหนูจะทำได้ไหมคะ” ญารินดาวันนี้ญารินดาต้องมาสอบใบขับขี่หลังจากฝึกมาจนมั่นใจและอ่านข้อสอบไปเป็นสิบรอบ“ได้สิครับ มั่นใจหน่อยอย่าทำหน้าแบบนั้น”“ถ้าวันนี้ไม่ผ่าน ครั้งหน้าน้าภพจะมากับหนูอีกไหมคะ”“ไม่” ภีมภพปฏิเสธ“น้าภพอะ ใจร้าย”“ก็น้ารู้ว่ายังไงวันนี้กอหญ้าก็ต้องทำได้”“หนูจะพยายามค่ะ จากนี้หนูขอเป็นคนพาแม่ไปซื้อของมาทำอาหารนะคะ”“ได้สิ กอหญ้าจะยืมรถน้าพาแม่ไหนก็ได้ น้าอนุญาต” เพราะเป็นคนเธอเองเขาจึงมั่นใจว่าญารินดาจจะขับรถได้ดีและมีสติ“แบบนี้หนูสู้ตายเลยค่ะ”อาหารบนโต๊ะเย็นนี้มากกว่าทุกวันเพราะภีมภพอยากฉลองให้กับญารินดาที่สอบใบขับขี่ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก“กอหญ้า น้ามีความลับจะบอก”“ความลับอะไรคะน้าพร”“เรื่องสอบใบขับขี่ น้าขอชื่นชมเลยว่ากอหญ้าเก่งมากที่สอบผ่านได้ในครั้งแรก หนูรู้ไหมมีใครบาง
ภีมภพพาญารินดามาทานอาหารญี่ปุ่นตามที่เคยได้สัญญาไว้ตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม “น้าภพจำได้ด้วยเหรอคะ ว่าหนูอยากกินอาหารญี่ปุ่น” “จำได้สิ น้ายังไม่แก่นะกอหญ้า” “ก็ไม่ได้ว่าแก่ แต่มันนานแล้วคิดว่าน้าภพลืมนี่ค่ะ”“ไม่ลืมหรอกครับ”“น้าภพคะ หนูฝากความคิดถึงให้แม่กับน้าพรด้วยนะคะ” “แล้วไม่คิดถึงน้าบ้างเหรอ” “จะคิดถึงทำไมคะ” “อ้าว” ภีมภพทำหน้าเสีย “ก็น้าภพอยู่ตรงหน้าแล้วนี่คะ” “อ๋อ แล้วกอหญ้าเรียนเป็นยังไงบ้าง” “ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่โชคดีที่มีพี่รหัสคอยช่วย” “แล้วพี่รหัสเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” “ผู้หญิงค่ะ สวยด้วยนะคะ” “วันหลังต้องแนะนำให้น้ารู้จักบ้างนะครับ” “ไม่ดีกว่าค่ะ หนูกลัวน้าภพจะไปจีบพี่รหัสหนู” “คิดไปนู่น น้าแค่อยากรู้จักไว้เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะจีบเลย” “จริงสิคะ ตั้งแต่อกหักครั้งนั้นน้าภพได้คบกับคนอื่นไหมคะ” “มันก็ต้องมีบ้าง น้าเป็นผู้ชาย แต่ก็คบๆ เลิก ๆ” “ไม่คิดจะแต่งงานเหรอคะ” ญารินดาถามไปก็ใจเต้นแรง
เพราะคำพูดของเพียงพรทำให้ภีมภพไม่ค่อยมาทานอาหารที่บ้านทุกวันอย่างเคย“น้าพรคะ ทำไมน้าภพถึงไม่มากินข้าวด้วยกันเหมือนก่อนล่ะคะ”“น้าภพงานเยอะ กินข้าวไม่เป็นเวลาจ้ะ”“หนูนึกว่าน้าภพไปกินที่อื่น” สีหน้าของหญิงสาวดูผิดหวังที่ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้วทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้“จะไปกินที่อื่นได้ยังไงน้าวาสทำกับข้าวอร่อยอย่างนี้” เสียงของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังคิดน้อยใจยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว“น้าภพ” ญารินดารีบตักข้าวใส่จานให้เขาทันที“ขอบใจนะกอหญ้า”ชายหนุ่มนั่งทานอย่างเงียบๆ อันที่จริงเขาไม่ได้งานยุ่งแต่พยายามออกห่างเธอ แต่ทำได้เพียงไม่กี่วันก็ทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ได้“กินเยอะ ๆ นะคะ ของโปรดน้าภพทั้งนั้นเลย”“น้าวาสครับ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามากินข้าวเท่าไหร่เพราะชาวบ้านเริ่มใช้รถเกี่ยวกันมากขึ้นแล้ว ผมคงต้องไปดูเลยอยากขอให้น้าวาสช่วยทำข้าวกล่องให้ได้ไหมครับ”“ได้ค่ะคุณภพ น้าก็ว่าจะถามอยู่ พวกคนงานออกกันแต่เช้า กว่าจะกลับก็ดึก แล้วตอนเย็นทานกันที่ไหนคะ”“กินกับชาวบ้านครับ แต่กินบ่อยๆ ก็เกรงใจ เลยคิดว่าให้น้าวาสทำให้ดีกว่า กลางวันกับเย็นนะครับ เดี๋ยวบอกอีกทีว่าวันละเท่าไหร่ น้าจะได้เตรีย
แล้วภีมภพก็เล่าเรื่องงานแต่งงานให้กับคนที่นั่งข้างๆ ฟังแต่ไม่ได้บอกว่ารักแรกของเขาจะมาร่วมงานด้วย ตอนนี้สถานะของเขากับญารินดายังไม่มีอะไรคืบหน้า เขาไม่อยากให้เรื่องในอดีตมีผลกระทบกับเรื่องที่เขาตั้งใจจะทำในอนาคต “ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรนี่คะ ไปเถอะค่ะ ไปเจอเพื่อนๆ น่าสนุกดีออกนะคะ” “กอหญ้าไปด้วยกันไหม” “ไปได้เหรอคะ แต่กอหญ้าไม่รู้จักใครเลยสักคน” “ไม่รู้จักที่ไหน พี่ยุ้ยก็ไปนะครับ” เขาหมายถึงแฟนสาวของเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านคอมพิวเตอร์ “เหรอคะ” “ว่าไงสนใจไหมล่ะ” ภีมภพคิดว่าจะพาเธอไปด้วยไม่รู้ว่าในสถานะไหน แต่ก็ยังดีกว่าไปคนเดียว อย่างน้อยก็เป็นการปิดโอกาสของปวีรดาไปในตัว “แต่กอหญ้าไม่มีชุดนะคะ” “เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าพาไปซื้อดีไหม แต่กอหญ้าต้องขอแม่กับน้าพรก่อนนะครับ” เพราะรู้ว่าสองคนนั้นทั้งหวงและห่วงเธอมากแค่ไหน “ค่ะ แต่ถ้าแม่ไม่ให้ไปล่ะคะ” “ต้องลองขอดูก่อนสิกอหญ้า” เพราะครั้งนี้งานแต่งค่อนข้างจะจัดใหญ่ เพราะเจ้าบ่าวเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเจ้าใหญ่ของจังหว
เช้าที่สดใสของใครหลายคน แต่เช้าคำนี้กับญารินดาไม่ได้เลย เพราะนอกจากจะนอนดึกแล้ว เธอยังต้องมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ภีมภพพามานอนค้างที่บ้านบนโต๊ะอาหาร“กอหญ้าไม่สบายหรือเปล่า” เพียงพรสังเกตว่าเช้านี้เธอไม่สดใส ไม่ช่างพูดเหมือนเคย“เมื่อคืนนอนดึกค่ะน้าพร เช้านี้เลยปวดหัวนิดหน่อย”“แล้วทำไมไม่บอกแม่ ยังจะมาช่วยทำกับข้าวแต่เช้าอีก”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก”“น้องกอหญ้าทำอาหารเช้าเหรอคะ อร่อยมาก”“ค่ะ”“กอหญ้า วันนี้หนูนอนพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวน้าให้น้าก้านไปส่งแม่ที่ตลาด”“ก็ได้ค่ะน้าพร”“ทานยาแล้วนอนพักนะ วันนี้ไม่ต้องเข้าร้านก็ได้”“ถ้าหนูดีขึ้นแล้วจะตามไปนะคะ”“ได้จ้ะ แต่ถ้าไม่ไหวก็พักต่อนะ” เพียงพรเป็นห่วงเพราะไม่เคยเห็นญารินดาเป็นแบบนี้มาก่อน“ค่ะ”“กอหญ้าน่ารักดีนะคะ เชื่อฟังผู้ใหญ่ แล้วเรียนชั้นไหนแล้วคะ” ปวีรดาพยายามชวนคุย เพราะเมื่อวานเห็นแล้วว่าเด็กสาวคนนี้สนิทสนมกับภีมภพมาก ถ้าเธอเข้าทางเพียงพรไม่ได้ก็คงมีเด็กสาวอีกคนที่จะช่วยให้เธอกับภีมภพได้กลับมาคบกันอีกครั้ง“กำลังจะขึ้น ปี 4 แล้วค่ะ”“ปีนี้ก็คงจบแล้วสินะคะ เรียนคณะอะไร ถ้าจบแล้วให้น้าช่วยฝากงานให้ได้นะคะ”“ขอบคุ
สองวันแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่หอพัก เธอยังรอการติดต่อจากน้าชายแต่เขาก็เงียบ หรือเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ครั้นจะเป็นฝ่ายโทรไปหาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับเขายังไงเพราะความรู้สึกของเธอมันเปลี่ยนไปแล้วยิ่งคิดถึงเธอก็ยิ่งรู้สึกไร้ค่า ตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอมีความสุขมาก เธอพยายามแสดงออกอยู่หลายครั้งว่ารู้สึกยังไง แต่มันคงไม่ได้อยู่ในสายตาของภีมภพเลย สถานะที่เขาวางไว้ให้เธอก็คือหลานสาว คงเป็นเธอคนเดียวที่คิดว่าความสัมพันธ์มันจะไปได้ไกลกว่านั้น คนที่คิดถึงไม่เคยโทรหาแต่อีกคนที่พึ่งได้เจอกันทั้งโทรหาและทักทายมาทางไลน์วันละหลายรอบพี่ชายของต้นหลิวเป็นคนที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.1 เพราะต้นหลิวมักพูดถึงพี่ชายที่อยู่ชั้น ม.4 ให้ฟังอยู่เสมอ จนวันหนึ่งทั้งสองก็ได้เจอกัน จากนั้นก็พูดคุย ทักทายกันมาเรื่อย จนกระทั่งเขาไปเรียนที่ต่างประเทศเธอกับเขาก็เลยห่างๆ กันไปพอได้เจอกันอีกครั้งเขาก็เรียนจบและเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ตอนแรกคิดว่าเขาพูดเล่นๆ ว่าจะจีบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะต้นโมกบอกกับเธอตรงๆ ว่าเขาอยากลองคบหากับเธอ ญารินดาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่บอกช
ตลอดเวลาสองเดือนที่ญารินดากับภีมภพห่างเหินกันไป เพราะหญิงสาวทั้งเรียนทั้งฝึกงาน เธอกับภีมภพคุยกันแทบจะนับครั้งได้ ญารินดาพยายามเลี่ยงที่จะเจอกับชายหนุ่ม เวลาเดินทางไปกลับก็มักจะไปกับพี่ชายของต้นหลิวความสนิทสนมระหว่างเธอกับต้นโมกก็มีมากขึ้น ชายหนุ่มหมั่นแวะมาหา ซื้อขนมมาให้และมารอรับกลับบ้าน โดยอ้างว่ามารับน้องสาววันสุดท้ายของการสอบต้นโมกอาสามารับอย่างเคย แต่ญารินดาปฏิเสธเพราะเธอยังไม่อยากกลับบ้าน ช่วงเวลาปิดเทอมแค่ไม่ถึงเดือน ญารินดากำลังคิดว่าจะอยู่ที่หอต่อ เพราะถ้ากลับไปก็ต้องไปช่วยงานเพียงพรและชายหนุ่มไม่ใช่เพราะขี้เกียจทำงาน แต่เพราะรู้สึกอึดอัด และกลัวว่าถ้ากลับไปแล้วเจอกับแฟนของน้าชาย เธอจะทำใจได้อีกไหม ให้อยู่ห่างกันอย่างนี้ถึงแม่เธอจะเจ็บแต่ก็ไม่ต้องคอยปั้นหน้าว่ามีความสุข“กอหญ้า ไม่กลับบ้านเหรอลูก”วาสนาโทรศัพท์มาถามลูกสาว หลังจากที่ต้นหลิวกับพี่ชายแวะไปหา เธอเป็นห่วงเพราะน้อยครั้งมากที่ญารินดาจะอยู่ที่หอในขณะที่เพื่อนรักกลับบ้าน“หนูขออยู่ต่ออีกนิดนะคะแม่”“มีอะไรหรือเปล่าลูก หนูไปไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน” วาสนาจับได้ถึงความผิดปกติของลูกสาว“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูแค่คิดว่าจะ
ญารินดาตื่นนอนแต่เช้า เธอเข้าไปในห้องอย่างเงียบเสียงที่สุด ตอนนี้ภีมภพยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงนอน หญิงสาวมองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะตัวเขาสูงจนเท้าเลยออกมาจากเตียงใบหน้าหล่อนั้นคล้ำแดดลงไปมาก แต่ก่อนเธอคอยเตือนให้เข้าใช้ครีมกันแดด และซื้อให้อยู่ตลอด คิดแล้วก็รู้สึกว่าการไม่ได้คุยกันอย่างเคยนั้นไม่มีอะไรดีเลยสักนิดอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จแล้วภีมภพก็ยังคงหลับสนิท ญารินดาไม่คิดจะปลุก เพราะคิดว่าเขาคงเหนื่อยสะสมมาหลายวัน เธอออกมาจากห้องแล้วลงไปหาซื้ออาหารเช้า อย่างน้อยท้องก็ควรจะอิ่มก่อนที่จะกลับบ้านพอกลับขึ้นมาบนห้องภีมภพก็อาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกเดินทางแล้ว“กินข้าวก่อนนะคะ กอหญ้าซื้อไปโจ๊กร้านประจำมาให้”หญิงสาวเทโจ๊กเครื่องในใส่ชามของเขาและโจ๊กหมูของตัวเอง ก่อนจะยกมาวางบนโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ที่ทางหอพักมีให้“น่ากินจัง” เพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่บ่ายเมื่อวานพอเห็นอาหารตรงหน้ากระเพาะอาหารก็เริ่มหลั่งน้ำย่อย“ร้านนี้อร่อยค่ะ กอหญ้ากินประจำ”ภีมภพรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเธอกับเขาเหมือนจะกลับมาเป็นอย่างเดิม ช่วงที่ผ่านมาเขาคงคิดไปเองว่าหญิงสาวพยายามอยู่ห่าง เธออาจทั้งเรียนและฝึกงานจนเหนื่อยอย่าง
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง
หัวใจของญารินดาเป็นสีชมพูสดใส ในทุกวันจะมีกำลังใจจากภีมภพให้เธอตื่นเช้ามาเรียนเสมอ แม้จะเรียนและมีงานกลุ่มมากแต่ไหน แต่เพราะมีกำลังใจที่ดี เธอจึงผ่านในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเสม็ดก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน วันนี้หลังเลิกเรียนก็เลยนัดให้เขามารับเพราะวันจันทร์อาจารย์งดการเรียน“กอหญ้าหน้าซีดมาเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำใสเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนเองหน้าซีดกว่าทุกวันแถมใบหน้ายังชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโตทั้งที่ห้องเรียนก็เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ “เราปวดท้องประจำเดือนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “ไหวไหม กินยาหรือยังล่ะ” “กินแล้วจ้ะ น้ำใส่ไม่ต้องห่วง” “วันหยุดกลับบ้านหรืออยู่หอล่ะกอหญ้า” “กลับบ้านจ้ะ น้ำใสกลับไหม” “เราไม่กลับ พ่อกับแม่จะขึ้นมาหาน่ะ” “ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ” “ได้เลย นึกว่ากอหญ้าจะไม่กลับบ้านจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” “เอาไว้ครั้งหน้านะน้ำใส” ทั้งสองคุยกันแค่นี้เพราะอาจารย์ประจำรายวิชาเดินเข
เมื่อดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้วภีมภพก็เอาขาที่พาดบ่าของเธอบนพื้นก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมอบจูบให้เธออีกครั้งอย่างเอาใจ “กอหญ้ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าน้าจะขอไม่ใส่ถุงได้ไหม ถ้าให้น้าเดินกลับเอาถุงยางน้าคงได้ขาดใจตายกลางทางแน่ๆ” “อีกสามวันรอบเดือนกอหญ้าจะมาค่ะ” “งั้นนั้นน้าขอสดทุกวันนะคะ กอหญ้าหันหลังให้น้านะคะคนเก่ง” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูมือใหญ่จับไหล่มนให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ เขากดตัวหญิงสาวให้แอ่นสะโพกกลมกลึงขึ้นเล็กน้อย แล้วกดแก่นกายแข็งลากไปบนกลีบกุหลาบอย่างหยอกล้อ“อ๊ะ น้าภพ”หญิงสาวสะดุ้งกับความแข็งร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งเนื้อที่แนบชิดกันกว่าทุกครั้ง ทั้งสถานที่และท่วงท่าแปลกใหม่มันทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ความเสียวมันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“ที่รักของน้าไม่เกร็งนะคะ”ปากร้อนพรมจูบไปทั้งลาดไหล่และหลังขาวเนียนฝ่ามือใหญ่ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเล็กน้อย ภีมภพย่อตัวลงแล้วกดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน“อ่าห์...กอหญ้า ขอน้าเข้าไปอีกนิดนะคะ”ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อตัวตนถูกตอดรัดจา
ภีมภพขับรถมาถึงท่าเรือในเวลาเกือบค่ำ พวกเขาทันขึ้นเรือเที่ยวหกโมงเย็นพอดี พอมาถึงบนเกาะท้องฟ้าก็มืดพอดีบ้านพักแบบพูลวิลล่ามองเห็นวิวทะเลหลังไม่ใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะชายหนุ่มอยากจะใกล้ชิดกับคนรักอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหลังจากนี้ญารินดาจะต้องเรียนอย่างหนัก โอกาสจะได้เที่ยวคงมีน้อยเต็มที“ชอบไหมครับกอหญ้า” เขาถามคนรักที่ยืนมองแล้วยิ้ม“ชอบค่ะ บ้านพักสวยมากแพงไหมคะ มีทั้งสระว่ายน้ำและยังมองเห็นวิวทะเลอีกด้วย”“ถ้าชอบก็ไม่ต้องถามราคาครับ” เขาตอบขณะที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่ตอนนี้ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องดื่มเย็นๆ วางไว้ต้อนรับ“มันคงแพงมากใช่ไหมคะ กอหญ้าเกรงใจน้าภพ”“จะเกรงใจทำไมครับ เรามาเที่ยวนะอย่าคิดเรื่องเงิน มันจะไม่สนุก”“ถ้ากอหญ้าเรียนจบแล้วกอหญ้าจะช่วยน้าภพกับน้าพรอย่างเต็มที่เลยนะคะ” หญิงสาวรีบให้คำมั่น“กอหญ้าเป็นเด็กดีแบบนี้จะไม่ให้น้ารักได้ยังไง” ภีมภพรวบเธอเข้ามากอดอย่างรักใคร“กอหญ้าก็รักน้าภพค่ะ”“หิวหรือยังครับ” เพราะทั้งสองทานแค่แซนด์วิชอบร้อนในร้านสะดวกซื้อแค่คนละชิ้นเป็นอาหารมื้อกลางวัน เพราะกลัวว่าจะมาถึงที่นี่ช้า“เริ่มหิวแล้วค่ะ”“งั้นไปกินข้า