เช้าที่สดใสของใครหลายคน แต่เช้าคำนี้กับญารินดาไม่ได้เลย เพราะนอกจากจะนอนดึกแล้ว เธอยังต้องมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ภีมภพพามานอนค้างที่บ้านบนโต๊ะอาหาร
“กอหญ้าไม่สบายหรือเปล่า” เพียงพรสังเกตว่าเช้านี้เธอไม่สดใส ไม่ช่างพูดเหมือนเคย
“เมื่อคืนนอนดึกค่ะน้าพร เช้านี้เลยปวดหัวนิดหน่อย”
“แล้วทำไมไม่บอกแม่ ยังจะมาช่วยทำกับข้าวแต่เช้าอีก”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“น้องกอหญ้าทำอาหารเช้าเหรอคะ อร่อยมาก”
“ค่ะ”
“กอหญ้า วันนี้หนูนอนพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวน้าให้น้าก้านไปส่งแม่ที่ตลาด”
“ก็ได้ค่ะน้าพร”
“ทานยาแล้วนอนพักนะ วันนี้ไม่ต้องเข้าร้านก็ได้”
“ถ้าหนูดีขึ้นแล้วจะตามไปนะคะ”
“ได้จ้ะ แต่ถ้าไม่ไหวก็พักต่อนะ” เพียงพรเป็นห่วงเพราะไม่เคยเห็นญารินดาเป็นแบบนี้มาก่อน
“ค่ะ”
“กอหญ้าน่ารักดีนะคะ เชื่อฟังผู้ใหญ่ แล้วเรียนชั้นไหนแล้วคะ” ปวีรดาพยายามชวนคุย เพราะเมื่อวานเห็นแล้วว่าเด็กสาวคนนี้สนิทสนมกับภีมภพมาก ถ้าเธอเข้าทางเพียงพรไม่ได้ก็คงมีเด็กสาวอีกคนที่จะช่วยให้เธอกับภีมภพได้กลับมาคบกันอีกครั้ง
“กำลังจะขึ้น ปี 4 แล้วค่ะ”
“ปีนี้ก็คงจบแล้วสินะคะ เรียนคณะอะไร ถ้าจบแล้วให้น้าช่วยฝากงานให้ได้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“กอหญ้าจ๊ะ น้าว่าหนูไปนอนพักเถอะ” เพียงพรรีบตัดบท เพราะรู้สึกว่าปวีรดาจะมาก้าวก่ายเด็กของเธอมากเกินไป
“ค่ะ น้าพร หนูไปพักก่อนนะคะ”
ญารินดาไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอถึงเพียงนี้ เมื่อเช้าก่อนออกจากห้องก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเจอกับผู้หญิงของภีมภพ แต่ไม่คิดว่ามันจะเจ็บแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อีกไม่วันก็จะต้องกลับเตรียมงานรับน้องแล้ว แล้วเวลาที่เหลืออยู่เธอจะทนมองหน้าภีมภพกับแฟนเขาได้ยังไง คิดถึงตรงนี้เธอก็เก็บของที่จำเป็นลงกระเป๋าใบเก่งคงต้องไปมหาวิทยาลัยก่อนกำหนด
ญารินดาโทรศัพท์ไปหาต้นหลิวเพื่อจะถามว่าเพื่อนจะกลับไปที่หอพักวันไหนเผื่อเธอจะติดรถไปด้วย แล้วก็เหมือนโชคจะเข้าข้างเพราะบ่ายวันนี้พี่ชายของต้นหลิวจะไปธุระที่กรุงเทพพอดีเธอเลยขอติดรถไปด้วย
หญิงสาวเก็บของแล้วเดินไปบอกแม่กับเพียงพรที่ร้าน ว่าตัวเองนั้นต้องรีบกลับ พอดีกับต้นหลิวและพี่ชายมาถึงพอดี
“แม่ฝากกอหญ้าด้วยนะต้นโมก” วาสนารู้จักต้นโมกมาตั้งแต่ชายหนุ่มยังเรียนที่โรงเรียนเดียวกับลูกสาว
“ครับน้า ผมไม่ได้เจอน้านานเลยสบายดีไหมครับ”
“น้าสบายดี แล้วต้นโมกกลับมานานแล้วเหรอน้าไม่ไค่อยได้ข่าวเลย”
“กลับมาได้เดือนเดียวเองครับ ช่วงนี้ยังไม่เริ่มงานเลยเป็นเบ๊คอยรับใช้น้องสาวไปก่อนครับ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ก่อนเขามักจะแวะมาที่ร้านอาหารตามสั่งของเธออยู่บ่อยๆ บางครั้งก็มารับน้องสาว บางครั้งก็พาเพื่อนๆ มาทานข้าว ความสนิทสนมจึงมีมากอยู่ประมาณหนึ่ง
“เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกัน เผลอแป๊บเดียวเรียนจบแล้ว”
“ครับน้า ผมไปหลายปีกลับมาอีกทีน้องๆ โตเป็นสาวกันหมดแล้ว”
“นั้นสิ แต่ก่อนต้นหลิวกับกอหญ้ายังตัวนิดเดียว” วาสนาคิดถึงอดีตแล้วก็ยิ้ม
การไม่ได้เจอกันนานทำให้การทักทายนานกว่าปกติทั่วไป
“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับแล้ววันหลังจะแวะมาคุยกับน้าใหม่ ต้องไปส่งสาวๆ แล้วแวะทำธุระอีกหลายที่กลัวจะกลับถึงบ้านดึก”
“จ้ะ ขับรถกันดี ๆ นะ”
“ครับน้า”
“กอหญ้า ถึงแล้วโทรหาแม่กับน้าพรด้วยนะลูก”
“ค่ะแม่”
วาสนามองตามหลังรถที่แล่นออกไป วันนี้ลูกสาวของเธอไม่ร่าเริงเหมือนก่อน แม้จะยิ้มแต่แววตาก็ดูไม่สดใส ไม่รู้เป็นเพราะเมื่อคืนนอนดึกหรือว่ามีปัญหาอะไรกันแน่ คิดว่าเย็นนี้จะถามให้รู้เรื่องแต่ทว่าญารินดาก็รีบกลับไปเสียก่อน
มื้อเย็นวันนี้ที่โต๊ะอาหารเลยมีแค่เพียงพรกับวาสนานั่งทานข้าวกันเพียงสองคน
“กอหญ้าไม่อยู่เหงาเหมือนกันนะคะน้าวาส”
“ค่ะคุณพร น้าคิดว่าากอหญ้าจะอยู่ต่ออีกหลายวันเลยไม่ได้เตรียมอะไรให้ไปกินที่หอเลย”
“นั่นสิ พรก็ไม่รู้ว่าจะกลับวันนี้ แต่เห็นว่าต้องไปเตรียมงานรับน้อง”
“ค่ะ กอหญ้าก็บอกน้าอย่างนั้นเหมือนกัน”
เพียงพรเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับญารินดา เพราะเธอไม่เคยรีบร้อนอย่างนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปวีรดาหรือเปล่า แต่เรื่องนี้ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจนัก ถ้าพูดออกไปก็กลัวว่าวาสนาจะไม่สบายใจ เพราะเท่าที่สังเกตวาสนายังไม่รู้ว่าน้องชายของเธอแอบมีใจให้กับญารินดา
“กอหญ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” ต้นหลิวไม่ได้ยินเสียงเพื่อนเลยตั้งแต่ขึ้นรถมา
“ไม่เป็นไรหรอกต้นหลิว พอดีเมื่อคืนเรานอนดึก”
“ใช่สิ ไปงานแต่งงานมาสนุกไหม”
“ก็สนุกดี ได้เจอเพื่อนน้าพรหลายคน”
“กอหญ้าก็ไปงานเมื่อคืนมาเหรอครับ”
“พี่โมกหมายถึงงานของลูกชายเสี่ยใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ เมื่อคืนพี่ก็ไปงานมาเหมือนกัน แต่ไม่เจอกอหญ้า”
“พี่โมกไม่เจอกอหญ้าหรือเจอแล้วจำไม่ได้” ต้นหลิวถามพี่ชายเพราะนานแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน
“นั่นสิ พี่ชักไม่แน่ใจแล้ว ไม่เจอกอหญ้านานโตเป็นสาวแล้ว แถมยังสวยอีกต่างห่าง”
“พี่โมกก็ชมเกินไปกอหญ้าก็เหมือนเดิม”
“เหมือนเดิมที่ไหน สวยขึ้นตั้งเยอะใช่ไหมต้นหลิว” ต้นโมกหันมาถามน้องสาว
“ใช่ ๆ สวยด้วยโสดด้วยนะพี่โมก สนใจจีบเพื่อนต้นหลิวไหม”
“น่าสนใจเหมือนกันนะ กอหญ้าว่าไง ให้พี่จีบได้ไหม”
“พี่โมกไปขอจีบแบบนั้นกอหญ้าก็อายกันพอดี ของแบบนี้มันต้องค่อยๆ จีบ”
“อ้าวก็พี่คนตรง”
“กอหญ้าล่ะว่าไง”
ญารินดาไม่รู้จะตอบคำถามของสองพี่น้องยังไง เธอเลยได้แต่ยิ้ม ถ้าปฏิเสธก็กลัวเขาจะเสียหน้าเพราะอย่างน้อยวันนี้ก็ต่องอาศัยรถเขา แต่จะให้ยอมรับก็เป็นไปได้ยาก เธอเองก็พึ่งจะอกหักมายังไม่ถึง 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
“ต้นหลิวอย่ากดดันกอหญ้าอย่างั้นสิ” ต้นโมกเตือนน้องสาวในขณะที่ตัวเองก็คอยมองกระจกหลังอยู่บ่อย ๆ เวลาที่ผ่านไปหลายปีทำให้ญารินดาที่เขาเคยรู้จักนั้นโตเป็นสาวสวยไปเสียแล้ว ตอนนี้เขาเองไม่มีใครถ้าจะสานสัมพันธ์กับเพื่อนน้องสาวคนนี้ก็คงไม่ผิด
“พี่ไปทำธุระก่อนนะต้นหลิว กอหญ้า ถ้าเสร็จเร็วเย็นนี้จะมารับไปกินข้าว” ต้นโมกจอดรถส่งน้องสาวทั้งสองคนที่หน้าหอพัก
“จริงนะคะที่โมก”
“จริงสิ แต่ถ้าทำธุระยังไม่เสร็จพี่ก็ไม่มานะ แล้วจะโทรนัดอีกที จริงสิพี่ยังไม่มีเบอร์ของกอหญ้าเลยพี่ขอเบอร์โทรกับไลน์หน่อยได้ไหม เผื่อติดต่อต้นหลิวไม่ได้”
“ได้ค่ะพี่โมก” ทั้งสองคนก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันก่อนที่ต้นโมกจะขับรถออกไป
“ขับรถดีๆ นะพี่โมก” ต้นหลิวบอกพี่ชาย
“ขึ้นห้องกันเถอะกอหหญ้า ไม่ได้มานานสงสัยต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่เลย”
“นั้นสิ เราว่านะฝุ่นเขรอะแน่” ญารินดาหัวเราะแล้วเดินตามกันขึ้นไปยังห้องพัก
หญิงสาวทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมจนสะอาด พอดูนาฬิกาอีกทีก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม ญารินดารีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดนั้นปิดตอน 2 ทุ่ม
พอออกจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงคุยกันที่หน้าห้อง เดาว่าคงเป็นสองพี่น้องห้องตรงข้าม ไม่รู้ว่าพี่ต้นโมกที่เธอรู้จักนั้นจะมารีบไปทานข้าวอย่างที่บอกหรือเปล่า
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“กอหญ้า” เสียงเรียกของเพื่อนทำให้เธอเดินไปเปิดประตูทันที
“ว่าไงต้นหลิว”
“พี่โมกมารับไปกินข้าว”
“เหรอ รอแป๊บนะ ขอเปลี่ยนกางเกงก่อน”
“อือไม่ต้องรีบ พี่โมกยังเข้าห้องน้ำอยู่เลย” ต้นหลิวพูดแล้วเดินตามเพื่อนมานั่งรอในห้อง
“เหนื่อยไหมต้นหลิว”
“เหนื่อยสิ ไม่คิดว่าเวลาไม่นานฝุ่นจะเยอะอย่างนี้”
“คืนนี้คงหลับเป็นตายแน่ ๆ” ญารินดากับต้นหลิวพากันหัวเราะ
“พี่เข้าไปได้ไหม” เสียงตะโกนดังขึ้นที่หน้าประตูซึ่งเปิดอ้าอยู่
“ได้ค่ะ พี่โมก” เจ้าของห้องเป็นคนอนุญาต
“ห้องกอหญ้าน่าอยู่กว่าห้องต้นหลิวเยอะเลยนะ”
“อย่ามาตลกเลยพี่โมก สองห้องนี้เหมือนกันทุกอย่าง”
“อ่าวเหรอ” ต้นโมกหัวเราะขำตัวเอง
“ไปกันเถะพี่ ต้นหลิวหิวแล้ว”
การได้อยู่กับเพื่อนทำให้ญารินดาลืมเรื่องของภีมภพไปได้บ้าง แต่พอได้อยู่กับตัวเองก็คิดถึงเขาขึ้นมาทันที
หญิงสาวมองตัวเองในกระจก หันซ้ายหันขวา หน้าตาเธอก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ทำไม่ภีมภพถึงได้มองข้ามและกลับไปคบกับแฟนเก่า
ความรู้สึกที่ทนเก็บไว้มาหลายปียังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยก็เป็นอันต้องถูกฝังให้ลึกที่สุดของก้นบึ้งหัวใจ
สองวันแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่หอพัก เธอยังรอการติดต่อจากน้าชายแต่เขาก็เงียบ หรือเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ครั้นจะเป็นฝ่ายโทรไปหาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับเขายังไงเพราะความรู้สึกของเธอมันเปลี่ยนไปแล้วยิ่งคิดถึงเธอก็ยิ่งรู้สึกไร้ค่า ตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอมีความสุขมาก เธอพยายามแสดงออกอยู่หลายครั้งว่ารู้สึกยังไง แต่มันคงไม่ได้อยู่ในสายตาของภีมภพเลย สถานะที่เขาวางไว้ให้เธอก็คือหลานสาว คงเป็นเธอคนเดียวที่คิดว่าความสัมพันธ์มันจะไปได้ไกลกว่านั้น คนที่คิดถึงไม่เคยโทรหาแต่อีกคนที่พึ่งได้เจอกันทั้งโทรหาและทักทายมาทางไลน์วันละหลายรอบพี่ชายของต้นหลิวเป็นคนที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.1 เพราะต้นหลิวมักพูดถึงพี่ชายที่อยู่ชั้น ม.4 ให้ฟังอยู่เสมอ จนวันหนึ่งทั้งสองก็ได้เจอกัน จากนั้นก็พูดคุย ทักทายกันมาเรื่อย จนกระทั่งเขาไปเรียนที่ต่างประเทศเธอกับเขาก็เลยห่างๆ กันไปพอได้เจอกันอีกครั้งเขาก็เรียนจบและเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ตอนแรกคิดว่าเขาพูดเล่นๆ ว่าจะจีบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะต้นโมกบอกกับเธอตรงๆ ว่าเขาอยากลองคบหากับเธอ ญารินดาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่บอกช
ตลอดเวลาสองเดือนที่ญารินดากับภีมภพห่างเหินกันไป เพราะหญิงสาวทั้งเรียนทั้งฝึกงาน เธอกับภีมภพคุยกันแทบจะนับครั้งได้ ญารินดาพยายามเลี่ยงที่จะเจอกับชายหนุ่ม เวลาเดินทางไปกลับก็มักจะไปกับพี่ชายของต้นหลิวความสนิทสนมระหว่างเธอกับต้นโมกก็มีมากขึ้น ชายหนุ่มหมั่นแวะมาหา ซื้อขนมมาให้และมารอรับกลับบ้าน โดยอ้างว่ามารับน้องสาววันสุดท้ายของการสอบต้นโมกอาสามารับอย่างเคย แต่ญารินดาปฏิเสธเพราะเธอยังไม่อยากกลับบ้าน ช่วงเวลาปิดเทอมแค่ไม่ถึงเดือน ญารินดากำลังคิดว่าจะอยู่ที่หอต่อ เพราะถ้ากลับไปก็ต้องไปช่วยงานเพียงพรและชายหนุ่มไม่ใช่เพราะขี้เกียจทำงาน แต่เพราะรู้สึกอึดอัด และกลัวว่าถ้ากลับไปแล้วเจอกับแฟนของน้าชาย เธอจะทำใจได้อีกไหม ให้อยู่ห่างกันอย่างนี้ถึงแม่เธอจะเจ็บแต่ก็ไม่ต้องคอยปั้นหน้าว่ามีความสุข“กอหญ้า ไม่กลับบ้านเหรอลูก”วาสนาโทรศัพท์มาถามลูกสาว หลังจากที่ต้นหลิวกับพี่ชายแวะไปหา เธอเป็นห่วงเพราะน้อยครั้งมากที่ญารินดาจะอยู่ที่หอในขณะที่เพื่อนรักกลับบ้าน“หนูขออยู่ต่ออีกนิดนะคะแม่”“มีอะไรหรือเปล่าลูก หนูไปไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน” วาสนาจับได้ถึงความผิดปกติของลูกสาว“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูแค่คิดว่าจะ
ญารินดาตื่นนอนแต่เช้า เธอเข้าไปในห้องอย่างเงียบเสียงที่สุด ตอนนี้ภีมภพยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงนอน หญิงสาวมองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะตัวเขาสูงจนเท้าเลยออกมาจากเตียงใบหน้าหล่อนั้นคล้ำแดดลงไปมาก แต่ก่อนเธอคอยเตือนให้เข้าใช้ครีมกันแดด และซื้อให้อยู่ตลอด คิดแล้วก็รู้สึกว่าการไม่ได้คุยกันอย่างเคยนั้นไม่มีอะไรดีเลยสักนิดอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จแล้วภีมภพก็ยังคงหลับสนิท ญารินดาไม่คิดจะปลุก เพราะคิดว่าเขาคงเหนื่อยสะสมมาหลายวัน เธอออกมาจากห้องแล้วลงไปหาซื้ออาหารเช้า อย่างน้อยท้องก็ควรจะอิ่มก่อนที่จะกลับบ้านพอกลับขึ้นมาบนห้องภีมภพก็อาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกเดินทางแล้ว“กินข้าวก่อนนะคะ กอหญ้าซื้อไปโจ๊กร้านประจำมาให้”หญิงสาวเทโจ๊กเครื่องในใส่ชามของเขาและโจ๊กหมูของตัวเอง ก่อนจะยกมาวางบนโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ที่ทางหอพักมีให้“น่ากินจัง” เพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่บ่ายเมื่อวานพอเห็นอาหารตรงหน้ากระเพาะอาหารก็เริ่มหลั่งน้ำย่อย“ร้านนี้อร่อยค่ะ กอหญ้ากินประจำ”ภีมภพรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเธอกับเขาเหมือนจะกลับมาเป็นอย่างเดิม ช่วงที่ผ่านมาเขาคงคิดไปเองว่าหญิงสาวพยายามอยู่ห่าง เธออาจทั้งเรียนและฝึกงานจนเหนื่อยอย่าง
การกลับมาอยู่บ้านครั้งนี้ญารินดาช่วยงานของเพียงพรได้มากขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านเพียงพรสอนงานทุกอย่างจนหญิงสาวสามารถทำงานแทนตนเองได้ทั้งหมด เพียงพรกับวาสนาจึงชวนกันไปปฏิบัติที่วัดในต่างจังหวัด งานบัญชีหน้าร้านเพียงพรมอบหมายให้ญารินดาเป็นคนจัดการส่วนเรื่องอาหารของคนงานก็ให้แม่ครัวที่เป็นลูกมือของวาสนาช่วยกันทำเพราะที่ผ่านมาวาสนาก็สอนพวกเขาไว้ค่อนข้างเยอะพอสมควร “น้าฝากร้านด้วยนะกอหญ้า” “น้าพรกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ กอหญ้าคิดว่าทุกอย่างคงไม่มีปัญหาอะไร” “ได้สิ แล้วน้าจะเอาบุญมาฝากนะ” “เดินทางปลอดภัยนะคะ” “กอหญ้าอยู่บ้านคนเดียวก็ปิดประตูลงกลอนให้มิดชิดนะ ใครมาเคาะกลางคืนก็อย่างเปิด แล้วถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกน้าภพนะ น้าสั่งเขาไว้แล้วว่าอย่าเปิดเพลงและกินเหล้าเสียงดัง” “ค่ะน้าพร” ญารินดาบอกลาทั้งสองคนที่บริเวณลานวัดซึ่งตอนนี้มีผู้ใหญ่อีกหลายคนมารอขึ้นรถตู้เพื่อไปยังสถานที่ปฏิบัติธรรม ก่อนที่ตัวเองจะขับรถกลับไปยังร้านซึ่งตอนนี้ได้ภีมภพมาช่วยอีกคน “น้าภพไม่ไปเช็กของที่โกดังเหรอคะ” “ไปมาแล้วครั
“น้าภพพูดแบบนี้ไม่กลัวว่าคุณวีจะโกรธเหรอคะ” “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับวี” ภีมภพถามอย่างสงสัยเพราะเขากับปวีรดานั้นเลิกกันไปนานแล้ว “ก็น้าภพกับคุณวีเป็นแฟนกัน” “เคยเป็นครับกอหญ้าน้ากับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนะครับ” “น้าภพคิดว่ากอหญ้าไม่รู้เหรอคะว่าคืนนั้นน้าภพกับเธอยังนอนด้วยกันอยู่เลย” “น้าว่ากอหญ้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะครับ” “ไม่ค่ะ กอหญ้าได้ยินที่น้าภพคุยกับเธอคืนนั้น แล้วตอนเช้าเธอก็ออกมาจากห้องน้าภพ” “แล้วกอหญ้าเห็นว่าน้าเข้าห้องไปกับเขาหรือเปล่าล่ะ” “ไม่เห็นค่ะ” “ไม่เห็นแต่ก็คิดไปเอง แล้วยังจะพาลโกรธน้าหนีไปกรุงเทพอีก” “กอหญ้าไม่ได้โกรธนะคะ ก็แค่ไม่อยากเห็นน้าภพอยู่กับแฟน” “เพราะอะไร หึงน้าเหรอ” “ใครจะหึงกัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ” “แต่น้าอยากให้เป็นนี่ครับ สนใจเป็นแฟนน้าไหมล่ะ” “น้าภพคะ กอหญ้าไม่อยากให้น้าภพมาล้อเล่นแบบนี้นะคะ” “น้าก็ไม่ได้ล้อเล่น น้ารักกอหญ้าจริงๆ อยากเป็นแฟนกอหญ้าจริงๆ ส่วนเรื่องคืนนั้นมันไม่มีอะ
ภีมภพไล้มือไปตามลำตัวขาวเนียนของคนรักเรื่อยมาจนถึงขอบกางเกงนอนขาสั้น เขาดึงมันออกจากเรียวขาสวยแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี ตอนนี้บนเรือนร่างของหญิงสาวเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋วเพียงตัวเดียว ชายหนุ่มยังคงเล้าโลมคนรักด้วยการดูดเม้มยอดอกสีสวยในขณะที่มือก็เริ่มลากไล้ลงมายังจุดกึ่งกลางกายสาวที่มีเพียงแพนตีปิดอยู่เขาสอดมือเข้าไปภายในก็สัมผัสถึงได้ถึงความเปียกชื้นของดอกไม้งาม“อ๊ะ!”ญารินดาสะดุ้งและขยับสะโพกหนี แต่เขาก็รั้งไว้ด้วยมืออีกข้าง“ไม่ต้องกลัวนะครับกอหญ้า”เสียงกระซิบที่ข้างหูบวกกับสัมผัสเร่าร้อนทำให้สติสัมปชัญญะของญารินดาแตกกระเจิง“น้าภีพ อื้อ..”เสียงหวานเรียกชื่อคนรักเมื่อเขาลากปลายนิ้วไปบนกลีบกุหลาบ ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างดึงชั้นในออกจากเรียวขาขณะที่ปากร้อนก็พรมจูบไปทั่วริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อนมือบางปัดป่ายไปตามลำตัวคนรักตามสัญชาตญาณ สัมผัสของหญิงสาวกระตุ้นอารมณ์ของเขาจนร่างกายรู้สึกปวดร้าวแทบระเบิด แต่ภีมภพก็อยากจะมอบความสุขให้เธอก่อนเขาจึงได้แต่กัดกรามแน่นข่มอารมณ์ของคนเองไว้ให้ได้มากที่สุดริมฝีปากร้อนจูบพรมไปตามหน้าอกอวบอิ่มดูดกินราวกับทารกที่กระหาย ก่อนจ
ภีมภพตื่นนอนตั้งแต่เช้าในขณะที่ญารินดายังคงนอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง ชายหนุ่มลงมาดักรอใบตองเพราะกลัวว่าเด็กสาวจะขึ้นไปบนห้องของเขา “ใบตองวันนี้ฉันให้ลางานหนึ่งวัน ไม่ต้องขึ้นไปทำความสะอาดนะ” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ฉันอยากจะนอนต่อไงล่ะ ไม่อยากให้เธอทำเสียงดัง” “แล้วคุณภพจะให้ใบตองทำกับข้าวไหมคะ แล้วคุณกอหญ้าไปไหนคะ” “ไม่ต้องทำกับข้าวหรอก กอหญ้าก็คงอยู่ในห้องของเธอนั่นแหละ นี่เป็นวันหยุดเธอก็คงอยากจะตื่นสายบ้าง ใบตองไปพักเถอะ ฉันจะไปนอนต่อแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยมาทำงานก็แล้วกันนะ” “คุณภพไม่หิวแน่นะคะ ให้ใบตองทำอะไรให้ไหม” “เดี๋ยวฉันให้กอหญ้าทำให้กินก็ได้ หรือใบตองคิดว่าตัวเองทำอาหารอร่อยกว่ากอหญ้าล่ะ” “ไม่ดีกว่าค่ะ ให้คุณกอหญ้าทำดีกว่าค่ะ งั้นวันนี้ใบตองไปเที่ยวตลาดนัดดีกว่าคุณภพจะฝากซื้ออะไรไหมคะ” “ไม่เป็นไรรีบไปเถอะ” “ขอบคุณนะคะที่ให้ใบตองหยุดงาน” พอใบตองออกไปจากบ้านแล้วชายหนุ่มก็เดินกลับขึ้นไปนอนกอดญารินดาบนห้องนอนอีกครั้ง ญารินดาตื่นขึ้นมาในเวลาสิบโมงเช้า เธออายจนหน้
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ความสัมพันธ์ของญารินดากับภีมภพก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ช่วงกลางวันชายหนุ่มก็ทำงานตามปกติ พอทานอาหารค่ำเสร็จเขาก็กลับไปนอนที่บ้านหลังเล็กของเขาเวลาดูเหมือนจะเดินช้ากว่าเดิม เพราะเธอกำลังสับสนและคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าหากภีมภพได้เธอแล้วทิ้งจากนี้ชีวิตของเธอจะเป็นยังไง จะทำงานกับเขาแบบนี้ต่อไปได้หรือเปล่าที่เธอกังวลว่าเขาจะทิ้งก็เพราะตั้งแต่คืนนั้นเขาไม่เคยแตะต้องเธออีกเลย จนกระทั่งถึงวันที่มารดาของเธอและน้าเพียงพรกลับมาความกังวลของญารินดาทำให้เพียงพรที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน“กอหญ้า หนูมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า น้าว่าช่วงนี้หนูเหม่อลอยกว่าปกตินะ”“เปล่าค่ะน้าพร”“แล้วหนูจะกลับไปเรียนเมื่อไหร่ล่ะ”“วันจันทร์ก็จะเปิดเทอมแล้วค่ะน้าพร หนูก็เลยว่าจะขอกลับพรุ่งนี้ เผื่อจะต้องเตรียมตัวและทำความสะอาดหอค่ะ”“นั้นสิ จะเปิดเทอมแล้ว น้าว่าเร็วเหมือนกัน อีกไม่กี่เดือนกอหญ้าก็จะเรียนจบ แล้วหนูตัดสินใจหรือยังว่าจะกลับมาทำงานกับน้าหรือเปล่า” ที่เพียงพรรู้มาจากมารดาของหญิงสาวว่าเธออยากลองทำงานที่กรุงเทพดูสักพัก ซึ่งเพียงพรก็ไม่ได้ห้ามอะไรเพราะเธอเองก็เคยทำแบบนั้น และตอ
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง
หัวใจของญารินดาเป็นสีชมพูสดใส ในทุกวันจะมีกำลังใจจากภีมภพให้เธอตื่นเช้ามาเรียนเสมอ แม้จะเรียนและมีงานกลุ่มมากแต่ไหน แต่เพราะมีกำลังใจที่ดี เธอจึงผ่านในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเสม็ดก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน วันนี้หลังเลิกเรียนก็เลยนัดให้เขามารับเพราะวันจันทร์อาจารย์งดการเรียน“กอหญ้าหน้าซีดมาเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำใสเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนเองหน้าซีดกว่าทุกวันแถมใบหน้ายังชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโตทั้งที่ห้องเรียนก็เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ “เราปวดท้องประจำเดือนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “ไหวไหม กินยาหรือยังล่ะ” “กินแล้วจ้ะ น้ำใส่ไม่ต้องห่วง” “วันหยุดกลับบ้านหรืออยู่หอล่ะกอหญ้า” “กลับบ้านจ้ะ น้ำใสกลับไหม” “เราไม่กลับ พ่อกับแม่จะขึ้นมาหาน่ะ” “ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ” “ได้เลย นึกว่ากอหญ้าจะไม่กลับบ้านจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” “เอาไว้ครั้งหน้านะน้ำใส” ทั้งสองคุยกันแค่นี้เพราะอาจารย์ประจำรายวิชาเดินเข
เมื่อดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้วภีมภพก็เอาขาที่พาดบ่าของเธอบนพื้นก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมอบจูบให้เธออีกครั้งอย่างเอาใจ “กอหญ้ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าน้าจะขอไม่ใส่ถุงได้ไหม ถ้าให้น้าเดินกลับเอาถุงยางน้าคงได้ขาดใจตายกลางทางแน่ๆ” “อีกสามวันรอบเดือนกอหญ้าจะมาค่ะ” “งั้นนั้นน้าขอสดทุกวันนะคะ กอหญ้าหันหลังให้น้านะคะคนเก่ง” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูมือใหญ่จับไหล่มนให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ เขากดตัวหญิงสาวให้แอ่นสะโพกกลมกลึงขึ้นเล็กน้อย แล้วกดแก่นกายแข็งลากไปบนกลีบกุหลาบอย่างหยอกล้อ“อ๊ะ น้าภพ”หญิงสาวสะดุ้งกับความแข็งร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งเนื้อที่แนบชิดกันกว่าทุกครั้ง ทั้งสถานที่และท่วงท่าแปลกใหม่มันทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ความเสียวมันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“ที่รักของน้าไม่เกร็งนะคะ”ปากร้อนพรมจูบไปทั้งลาดไหล่และหลังขาวเนียนฝ่ามือใหญ่ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเล็กน้อย ภีมภพย่อตัวลงแล้วกดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน“อ่าห์...กอหญ้า ขอน้าเข้าไปอีกนิดนะคะ”ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อตัวตนถูกตอดรัดจา
ภีมภพขับรถมาถึงท่าเรือในเวลาเกือบค่ำ พวกเขาทันขึ้นเรือเที่ยวหกโมงเย็นพอดี พอมาถึงบนเกาะท้องฟ้าก็มืดพอดีบ้านพักแบบพูลวิลล่ามองเห็นวิวทะเลหลังไม่ใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะชายหนุ่มอยากจะใกล้ชิดกับคนรักอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหลังจากนี้ญารินดาจะต้องเรียนอย่างหนัก โอกาสจะได้เที่ยวคงมีน้อยเต็มที“ชอบไหมครับกอหญ้า” เขาถามคนรักที่ยืนมองแล้วยิ้ม“ชอบค่ะ บ้านพักสวยมากแพงไหมคะ มีทั้งสระว่ายน้ำและยังมองเห็นวิวทะเลอีกด้วย”“ถ้าชอบก็ไม่ต้องถามราคาครับ” เขาตอบขณะที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่ตอนนี้ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องดื่มเย็นๆ วางไว้ต้อนรับ“มันคงแพงมากใช่ไหมคะ กอหญ้าเกรงใจน้าภพ”“จะเกรงใจทำไมครับ เรามาเที่ยวนะอย่าคิดเรื่องเงิน มันจะไม่สนุก”“ถ้ากอหญ้าเรียนจบแล้วกอหญ้าจะช่วยน้าภพกับน้าพรอย่างเต็มที่เลยนะคะ” หญิงสาวรีบให้คำมั่น“กอหญ้าเป็นเด็กดีแบบนี้จะไม่ให้น้ารักได้ยังไง” ภีมภพรวบเธอเข้ามากอดอย่างรักใคร“กอหญ้าก็รักน้าภพค่ะ”“หิวหรือยังครับ” เพราะทั้งสองทานแค่แซนด์วิชอบร้อนในร้านสะดวกซื้อแค่คนละชิ้นเป็นอาหารมื้อกลางวัน เพราะกลัวว่าจะมาถึงที่นี่ช้า“เริ่มหิวแล้วค่ะ”“งั้นไปกินข้า