แล้วภีมภพก็เล่าเรื่องงานแต่งงานให้กับคนที่นั่งข้างๆ ฟังแต่ไม่ได้บอกว่ารักแรกของเขาจะมาร่วมงานด้วย ตอนนี้สถานะของเขากับญารินดายังไม่มีอะไรคืบหน้า เขาไม่อยากให้เรื่องในอดีตมีผลกระทบกับเรื่องที่เขาตั้งใจจะทำในอนาคต
“ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรนี่คะ ไปเถอะค่ะ ไปเจอเพื่อนๆ น่าสนุกดีออกนะคะ”
“กอหญ้าไปด้วยกันไหม”
“ไปได้เหรอคะ แต่กอหญ้าไม่รู้จักใครเลยสักคน”
“ไม่รู้จักที่ไหน พี่ยุ้ยก็ไปนะครับ” เขาหมายถึงแฟนสาวของเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านคอมพิวเตอร์
“เหรอคะ”
“ว่าไงสนใจไหมล่ะ” ภีมภพคิดว่าจะพาเธอไปด้วยไม่รู้ว่าในสถานะไหน แต่ก็ยังดีกว่าไปคนเดียว อย่างน้อยก็เป็นการปิดโอกาสของปวีรดาไปในตัว
“แต่กอหญ้าไม่มีชุดนะคะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าพาไปซื้อดีไหม แต่กอหญ้าต้องขอแม่กับน้าพรก่อนนะครับ” เพราะรู้ว่าสองคนนั้นทั้งหวงและห่วงเธอมากแค่ไหน
“ค่ะ แต่ถ้าแม่ไม่ให้ไปล่ะคะ”
“ต้องลองขอดูก่อนสิกอหญ้า” เพราะครั้งนี้งานแต่งค่อนข้างจะจัดใหญ่ เพราะเจ้าบ่าวเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเจ้าใหญ่ของจังหวัด ถ้าแอบพาญารินดาไปโดยไม่บอก พี่สาวของเขาคงได้รู้จากคนอื่นอย่างแน่นอน
พอกลับมาถึงบ้านญารินดาก็รีบบอกเรื่องนี้กับมารดาและเพียงพอที่กำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ที่ห้องรับแขก
“ดีเลยภพ พี่กำลังหาเพื่อนไปงาน เราไปกันทั้งหมดนี่แหละค่ะ น้าวาสด้วยนะคะ”
“น้าขอตัวค่ะคุณพร คุณภพ งานแบบนี้ไม่เหมาะกับน้าหรอกค่ะ”
“แล้วกอหญ้าล่ะ ว่ายังไง”
“หนูแล้วแต่แม่ค่ะ”
“น้าวาสคะ พรอยากให้กอหญ้าไปงานนี้ด้วยเพราะคนมากันเยอะ พรอยากแนะนำให้กอหญ้ารู้จักกับเพื่อนของพร บางคนยังไม่รู้ว่าพรมีหลานสาว และงานนี้ก็มีลูกค้าเจ้าใหญ่ กอหญ้าจะได้ทำความรู้จักไว้”
“ถ้าคุณพรเห็นสมควร น้าก็ไม่ห้าม ว่าแต่กอหญ้ามีชุดที่จะใส่ไปงานหรือยังลูก”
“น้าภพบอกว่าถ้าแม่อนุญาตให้ไป พรุ่งนี้น้าภพจะพาไปซื้อชุดค่ะ”
“เรื่องชุด เดี๋ยวน้าพากอหญ้าไปที่ร้านประจำดีกว่า เพราะน้าเองก็ต้องไปดูชุดที่สั่งตัดไว้ด้วย”
“ดีเหมือนกันนะกอหญ้า น้าไม่ค่อยรู้เรื่องผู้หญิงเท่าไหร่”
“ค่ะน้าภพ”
ภีมภพมองหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างพี่สาวของเขาตาไม่กะพริบ เพราะก่อนออกมาจากบ้านชายหนุ่มไม่ได้เจอเธอเลย เพียงพรให้น้องชายล่วงหน้ามาก่อน แล้วเธอกับญารินดาก็ตามมาทีหลัง
วันนี้ญารินดาดูสวยหวานกว่าทุกวัน เธอสวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อนเปิดไหล่เพียงเล็กน้อย สวยสมวัย ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงนิด ดวงตากลมโตดูเป็นประกาย เขาเห็นว่าใครหลายคนในงานต่างพากันสนใจเธอเป็นพิเศษไม่รู้เพราะเพียงพรแนะนำว่าเป็นหลานสาวหรือเพราะความสวยของเธอกันแน่
“ภพมีหลานด้วยเหรอคะ วีไม่เห็นรู้มาก่อน” ปวีรดาที่เอาแต่เดินตามเขาไปทั่วทั้งงานถามขึ้น
“ครับ”
ภีมภพพยายามคุยกับเธอให้น้อยที่สุด เรื่องราวระหว่างคนทั้งสองจบลงไม่ดีนัก เธอไม่ค่อยเห็นด้วยในวันที่เขาลาออกจากบริษัททั้งๆ ที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ทั้งสองก็ทะเลาะกันอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็เป็นเขาที่ทนไม่ได้ เพราะปวีรดาดูถูกร้าน ดูถูกอาชีพของครอบครัวที่ส่งเสียให้เขาเรียนจนจบ
จากนั้นเขากับเธอก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่ก็พอทราบข่าวของเธอบ้างจากเพื่อนในกลุ่ม การเจอกันวันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้เจอกัน หลังจากเลิกรา
ตลอดเวลาที่อยู่ในงานภีมภพไม่มีโอกาสคุยกับญารินดาเลย เพราะหญิงสาวเดินตามเพียงพรไปทั่วงาน ส่วนเขานั้นก็มีปวีรดาเกาะติดแจ จนกระทั่งถึงเวลากลับ ภีมภพจึงมาดักรอที่ลานจอดรถ
“กอหญ้า น้าพรล่ะครับ”
“น้าพรกำลังตามมาค่ะ” ญารินดามองผู้หญิงที่ยืนเกาะแขนชายหนุ่มอยู่ด้วยสายตาที่อ่านยาก เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่ก็ไม่กล้าถาม
“น้ากับเพื่อนจะไปดื่มกันต่อ กอหญ้าไปกับน้าไหมครับ” ภีมภพอยากให้เธอไปรู้จักกับเพื่อนๆ คนอื่น
“ภพค่ะ น้องยังเด็กชวนไปที่แบบนั้นได้ยังไงคะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมก็ไปด้วย”
“มันจะไม่สนุกเอาสิคะภพ วีไม่อยากให้ภพต้องมาคอยดูแลเด็ก”
“มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณนะวี”
“เกี่ยวสิคะ ก็วีเป็นแฟนคุณ”
ญารินดาตัวชา เธอไม่รู้เรื่องนี้เลย เขาผิดบังเรื่องทั้งหมดได้ยังไงถึง 3 ปี
“พูดให้ถูกนะวี เราเป็นแฟนเก่า แล้วผมก็ไม่นิยมของเก่า”
“ภพยังไม่มีใคร วีก็โสด”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่มีใคร”
ญารินดาอยากจะหายตัวไปตอนนี้ เพราะคำพูดของคนทั้งสองทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนเลยสักนิด
“อย่าหลอกตัวเองเลยภพ วีรู้ว่าคุณยังรักวีอยู่”
“ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้อีกแล้ว ถ้าคุณยังอยากเป็นเพื่อนกับผมก็ควรหยุดพูดถึงอดีตนะวี ถ้ายังพูดอีกแม้แต่ความเป็นเพื่อนคุณก็จะไม่ได้จากผม”
ภีมภพพูดกับปวีรดา แต่สายตามองหน้าหลานสาว ถ้ามองไม่ผิดเหมือนว่าญารินดาจะแอบยิ้ม
“กอหญ้าตกลงจะไปกับน้าไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าคะ กอหญ้าต้องขับรถให้น้าพร”
“อย่าขับเร็วนะครับ”
“ค่ะน้าภพ แล้วน้าภพจะกลับดึกไหมคะ”
“ไม่ดึกครับคงแวะไปหาเพื่อนไม่นาน คืนนี้น้านอนบ้านใหญ่นะครับกอหญ้าอย่าเพิ่งปิดประตูล่ะ” เพราะบ้านหลังเล็กกำลังปรับปรุงหลายวันมานี้ภีมภพจึงมาใช้ห้องนอนของตัวเองที่อยู่ตรงข้ามห้องของเพียงพร
“น้าพรมาแล้ว กอหญ้าไปก่อนนะคะ”
“ครับ”
“รอน้านานไหมกอหญ้า พอดีน้าเจอทานนายอำเภอเลยคุยนานไปหน่อย” เพียงพรถามหญิงสาวที่เดินมารอที่รถก่อนหน้า
“ไม่ค่ะ”
“เมื่อกี้น้าภพใช่ไหมที่ยืนคุยกับกอหญ้า”
“ค่ะ น้าภพกับผู้หญิงชื่อวีค่ะ”
“อ่อ”
“น้าพรรู้จักเหรอคะ เธอเป็นแฟนน้าภพใช่ไหมคะ”
“แฟนเก่าจ้ะ เลิกกันไปหลายปีแล้ว”
“ดูเหมือนเธออยากคืนดีกับน้าภพนะคะ”
“แล้วน้าภพว่ายังไงล่ะกอหญ้า” เพียงพรรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของน้องชาย
“น้าภพบอกว่าเป็นได้แค่เพื่อน”
“ก็คงเป็นแบบนั้นแหละ น้าภพของกอหญ้าไม่ใช่คนโง่”
“คุณวีเป็นคนไม่ดีเหรอคะ”
“เธอก็ไม่เลวร้ายอะไรนะ แต่น้าภพไม่ชอบให้ใครมาดูถูกอาชีพและร้านที่พ่อกับแม่สร้างกันมา”
ญารินดาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งสองคนถึงเลิกกัน เพราะภีมภพเคยพูดให้ฟังว่าร้านค้าและครอบครัวเป็นทุกอย่างในชีวิต
แม้จะรู้สึกไม่พอใจที่ภีมภพไปเที่ยวต่อกับเพื่อนๆ และแฟนเก่าแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะสถานะของเขากับเธอนั้นยังเป็นน้ากับหลานแม้เธออยากจะเปลี่ยนสถานะแค่ไหนก็ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะ
พอกลับมาถึงบ้านญารินดารีบอาบน้ำจากนั้นก็นอนรอว่าเมื่อไหร่เสียงรถของภีมภพจะเข้ามาสักที รอจนกระทั่งเผลอหลับไปหลายรอบ จนถึงเวลาตีหนึ่ง เสียงรถก็มาหยุดที่หน้าบ้าน เธอเงี่ยหูฟัง อยากจะออกไปดูว่าชายหนุ่มเมามาหรือเปล่า
“ภพขา วีเดินไม่ไหวแล้ว อุ้มวีหน่อยได้ไหมคะ” เสียงผู้หญิงทำให้คนที่กำลังจะเปิดประตูออกจากห้องต้องชะงัก
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้หญิงที่น้าชายพากลับมาด้วยคืนนี้เป็นใคร ความรู้สึกของญารินดาตอนนี้คือมันจุก มันเจ็บไปทั้งหัวใจ ตอนหัวค่ำอยู่ต่อหน้าเธอเขาพูดอีกอย่าง แต่สุดท้ายก็พาผู้หญิงคนนั้นกลับมาด้วย
สองมือสั่นเทา เธอไม่อยากรู้ว่าสองคนนั้นจะคุยอะไรกันต่อ ญารินดาหยิบหูฟังมาสวมเปิดเพลงให้ดังกลบเสียงรอบข้าง ก่อนจะล้มตัวลงนอน พยายามข่มตาให้หลับ แม้จะยากแต่ญารินดาก็หลับไปพร้อมทั้งคราบน้ำตา
เช้าที่สดใสของใครหลายคน แต่เช้าคำนี้กับญารินดาไม่ได้เลย เพราะนอกจากจะนอนดึกแล้ว เธอยังต้องมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ภีมภพพามานอนค้างที่บ้านบนโต๊ะอาหาร“กอหญ้าไม่สบายหรือเปล่า” เพียงพรสังเกตว่าเช้านี้เธอไม่สดใส ไม่ช่างพูดเหมือนเคย“เมื่อคืนนอนดึกค่ะน้าพร เช้านี้เลยปวดหัวนิดหน่อย”“แล้วทำไมไม่บอกแม่ ยังจะมาช่วยทำกับข้าวแต่เช้าอีก”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก”“น้องกอหญ้าทำอาหารเช้าเหรอคะ อร่อยมาก”“ค่ะ”“กอหญ้า วันนี้หนูนอนพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวน้าให้น้าก้านไปส่งแม่ที่ตลาด”“ก็ได้ค่ะน้าพร”“ทานยาแล้วนอนพักนะ วันนี้ไม่ต้องเข้าร้านก็ได้”“ถ้าหนูดีขึ้นแล้วจะตามไปนะคะ”“ได้จ้ะ แต่ถ้าไม่ไหวก็พักต่อนะ” เพียงพรเป็นห่วงเพราะไม่เคยเห็นญารินดาเป็นแบบนี้มาก่อน“ค่ะ”“กอหญ้าน่ารักดีนะคะ เชื่อฟังผู้ใหญ่ แล้วเรียนชั้นไหนแล้วคะ” ปวีรดาพยายามชวนคุย เพราะเมื่อวานเห็นแล้วว่าเด็กสาวคนนี้สนิทสนมกับภีมภพมาก ถ้าเธอเข้าทางเพียงพรไม่ได้ก็คงมีเด็กสาวอีกคนที่จะช่วยให้เธอกับภีมภพได้กลับมาคบกันอีกครั้ง“กำลังจะขึ้น ปี 4 แล้วค่ะ”“ปีนี้ก็คงจบแล้วสินะคะ เรียนคณะอะไร ถ้าจบแล้วให้น้าช่วยฝากงานให้ได้นะคะ”“ขอบคุ
สองวันแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่หอพัก เธอยังรอการติดต่อจากน้าชายแต่เขาก็เงียบ หรือเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ครั้นจะเป็นฝ่ายโทรไปหาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับเขายังไงเพราะความรู้สึกของเธอมันเปลี่ยนไปแล้วยิ่งคิดถึงเธอก็ยิ่งรู้สึกไร้ค่า ตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอมีความสุขมาก เธอพยายามแสดงออกอยู่หลายครั้งว่ารู้สึกยังไง แต่มันคงไม่ได้อยู่ในสายตาของภีมภพเลย สถานะที่เขาวางไว้ให้เธอก็คือหลานสาว คงเป็นเธอคนเดียวที่คิดว่าความสัมพันธ์มันจะไปได้ไกลกว่านั้น คนที่คิดถึงไม่เคยโทรหาแต่อีกคนที่พึ่งได้เจอกันทั้งโทรหาและทักทายมาทางไลน์วันละหลายรอบพี่ชายของต้นหลิวเป็นคนที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.1 เพราะต้นหลิวมักพูดถึงพี่ชายที่อยู่ชั้น ม.4 ให้ฟังอยู่เสมอ จนวันหนึ่งทั้งสองก็ได้เจอกัน จากนั้นก็พูดคุย ทักทายกันมาเรื่อย จนกระทั่งเขาไปเรียนที่ต่างประเทศเธอกับเขาก็เลยห่างๆ กันไปพอได้เจอกันอีกครั้งเขาก็เรียนจบและเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ตอนแรกคิดว่าเขาพูดเล่นๆ ว่าจะจีบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะต้นโมกบอกกับเธอตรงๆ ว่าเขาอยากลองคบหากับเธอ ญารินดาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่บอกช
ตลอดเวลาสองเดือนที่ญารินดากับภีมภพห่างเหินกันไป เพราะหญิงสาวทั้งเรียนทั้งฝึกงาน เธอกับภีมภพคุยกันแทบจะนับครั้งได้ ญารินดาพยายามเลี่ยงที่จะเจอกับชายหนุ่ม เวลาเดินทางไปกลับก็มักจะไปกับพี่ชายของต้นหลิวความสนิทสนมระหว่างเธอกับต้นโมกก็มีมากขึ้น ชายหนุ่มหมั่นแวะมาหา ซื้อขนมมาให้และมารอรับกลับบ้าน โดยอ้างว่ามารับน้องสาววันสุดท้ายของการสอบต้นโมกอาสามารับอย่างเคย แต่ญารินดาปฏิเสธเพราะเธอยังไม่อยากกลับบ้าน ช่วงเวลาปิดเทอมแค่ไม่ถึงเดือน ญารินดากำลังคิดว่าจะอยู่ที่หอต่อ เพราะถ้ากลับไปก็ต้องไปช่วยงานเพียงพรและชายหนุ่มไม่ใช่เพราะขี้เกียจทำงาน แต่เพราะรู้สึกอึดอัด และกลัวว่าถ้ากลับไปแล้วเจอกับแฟนของน้าชาย เธอจะทำใจได้อีกไหม ให้อยู่ห่างกันอย่างนี้ถึงแม่เธอจะเจ็บแต่ก็ไม่ต้องคอยปั้นหน้าว่ามีความสุข“กอหญ้า ไม่กลับบ้านเหรอลูก”วาสนาโทรศัพท์มาถามลูกสาว หลังจากที่ต้นหลิวกับพี่ชายแวะไปหา เธอเป็นห่วงเพราะน้อยครั้งมากที่ญารินดาจะอยู่ที่หอในขณะที่เพื่อนรักกลับบ้าน“หนูขออยู่ต่ออีกนิดนะคะแม่”“มีอะไรหรือเปล่าลูก หนูไปไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน” วาสนาจับได้ถึงความผิดปกติของลูกสาว“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูแค่คิดว่าจะ
ญารินดาตื่นนอนแต่เช้า เธอเข้าไปในห้องอย่างเงียบเสียงที่สุด ตอนนี้ภีมภพยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงนอน หญิงสาวมองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะตัวเขาสูงจนเท้าเลยออกมาจากเตียงใบหน้าหล่อนั้นคล้ำแดดลงไปมาก แต่ก่อนเธอคอยเตือนให้เข้าใช้ครีมกันแดด และซื้อให้อยู่ตลอด คิดแล้วก็รู้สึกว่าการไม่ได้คุยกันอย่างเคยนั้นไม่มีอะไรดีเลยสักนิดอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จแล้วภีมภพก็ยังคงหลับสนิท ญารินดาไม่คิดจะปลุก เพราะคิดว่าเขาคงเหนื่อยสะสมมาหลายวัน เธอออกมาจากห้องแล้วลงไปหาซื้ออาหารเช้า อย่างน้อยท้องก็ควรจะอิ่มก่อนที่จะกลับบ้านพอกลับขึ้นมาบนห้องภีมภพก็อาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกเดินทางแล้ว“กินข้าวก่อนนะคะ กอหญ้าซื้อไปโจ๊กร้านประจำมาให้”หญิงสาวเทโจ๊กเครื่องในใส่ชามของเขาและโจ๊กหมูของตัวเอง ก่อนจะยกมาวางบนโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ที่ทางหอพักมีให้“น่ากินจัง” เพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่บ่ายเมื่อวานพอเห็นอาหารตรงหน้ากระเพาะอาหารก็เริ่มหลั่งน้ำย่อย“ร้านนี้อร่อยค่ะ กอหญ้ากินประจำ”ภีมภพรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเธอกับเขาเหมือนจะกลับมาเป็นอย่างเดิม ช่วงที่ผ่านมาเขาคงคิดไปเองว่าหญิงสาวพยายามอยู่ห่าง เธออาจทั้งเรียนและฝึกงานจนเหนื่อยอย่าง
การกลับมาอยู่บ้านครั้งนี้ญารินดาช่วยงานของเพียงพรได้มากขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านเพียงพรสอนงานทุกอย่างจนหญิงสาวสามารถทำงานแทนตนเองได้ทั้งหมด เพียงพรกับวาสนาจึงชวนกันไปปฏิบัติที่วัดในต่างจังหวัด งานบัญชีหน้าร้านเพียงพรมอบหมายให้ญารินดาเป็นคนจัดการส่วนเรื่องอาหารของคนงานก็ให้แม่ครัวที่เป็นลูกมือของวาสนาช่วยกันทำเพราะที่ผ่านมาวาสนาก็สอนพวกเขาไว้ค่อนข้างเยอะพอสมควร “น้าฝากร้านด้วยนะกอหญ้า” “น้าพรกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ กอหญ้าคิดว่าทุกอย่างคงไม่มีปัญหาอะไร” “ได้สิ แล้วน้าจะเอาบุญมาฝากนะ” “เดินทางปลอดภัยนะคะ” “กอหญ้าอยู่บ้านคนเดียวก็ปิดประตูลงกลอนให้มิดชิดนะ ใครมาเคาะกลางคืนก็อย่างเปิด แล้วถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกน้าภพนะ น้าสั่งเขาไว้แล้วว่าอย่าเปิดเพลงและกินเหล้าเสียงดัง” “ค่ะน้าพร” ญารินดาบอกลาทั้งสองคนที่บริเวณลานวัดซึ่งตอนนี้มีผู้ใหญ่อีกหลายคนมารอขึ้นรถตู้เพื่อไปยังสถานที่ปฏิบัติธรรม ก่อนที่ตัวเองจะขับรถกลับไปยังร้านซึ่งตอนนี้ได้ภีมภพมาช่วยอีกคน “น้าภพไม่ไปเช็กของที่โกดังเหรอคะ” “ไปมาแล้วครั
“น้าภพพูดแบบนี้ไม่กลัวว่าคุณวีจะโกรธเหรอคะ” “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับวี” ภีมภพถามอย่างสงสัยเพราะเขากับปวีรดานั้นเลิกกันไปนานแล้ว “ก็น้าภพกับคุณวีเป็นแฟนกัน” “เคยเป็นครับกอหญ้าน้ากับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนะครับ” “น้าภพคิดว่ากอหญ้าไม่รู้เหรอคะว่าคืนนั้นน้าภพกับเธอยังนอนด้วยกันอยู่เลย” “น้าว่ากอหญ้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะครับ” “ไม่ค่ะ กอหญ้าได้ยินที่น้าภพคุยกับเธอคืนนั้น แล้วตอนเช้าเธอก็ออกมาจากห้องน้าภพ” “แล้วกอหญ้าเห็นว่าน้าเข้าห้องไปกับเขาหรือเปล่าล่ะ” “ไม่เห็นค่ะ” “ไม่เห็นแต่ก็คิดไปเอง แล้วยังจะพาลโกรธน้าหนีไปกรุงเทพอีก” “กอหญ้าไม่ได้โกรธนะคะ ก็แค่ไม่อยากเห็นน้าภพอยู่กับแฟน” “เพราะอะไร หึงน้าเหรอ” “ใครจะหึงกัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ” “แต่น้าอยากให้เป็นนี่ครับ สนใจเป็นแฟนน้าไหมล่ะ” “น้าภพคะ กอหญ้าไม่อยากให้น้าภพมาล้อเล่นแบบนี้นะคะ” “น้าก็ไม่ได้ล้อเล่น น้ารักกอหญ้าจริงๆ อยากเป็นแฟนกอหญ้าจริงๆ ส่วนเรื่องคืนนั้นมันไม่มีอะ
ภีมภพไล้มือไปตามลำตัวขาวเนียนของคนรักเรื่อยมาจนถึงขอบกางเกงนอนขาสั้น เขาดึงมันออกจากเรียวขาสวยแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี ตอนนี้บนเรือนร่างของหญิงสาวเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋วเพียงตัวเดียว ชายหนุ่มยังคงเล้าโลมคนรักด้วยการดูดเม้มยอดอกสีสวยในขณะที่มือก็เริ่มลากไล้ลงมายังจุดกึ่งกลางกายสาวที่มีเพียงแพนตีปิดอยู่เขาสอดมือเข้าไปภายในก็สัมผัสถึงได้ถึงความเปียกชื้นของดอกไม้งาม“อ๊ะ!”ญารินดาสะดุ้งและขยับสะโพกหนี แต่เขาก็รั้งไว้ด้วยมืออีกข้าง“ไม่ต้องกลัวนะครับกอหญ้า”เสียงกระซิบที่ข้างหูบวกกับสัมผัสเร่าร้อนทำให้สติสัมปชัญญะของญารินดาแตกกระเจิง“น้าภีพ อื้อ..”เสียงหวานเรียกชื่อคนรักเมื่อเขาลากปลายนิ้วไปบนกลีบกุหลาบ ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างดึงชั้นในออกจากเรียวขาขณะที่ปากร้อนก็พรมจูบไปทั่วริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อนมือบางปัดป่ายไปตามลำตัวคนรักตามสัญชาตญาณ สัมผัสของหญิงสาวกระตุ้นอารมณ์ของเขาจนร่างกายรู้สึกปวดร้าวแทบระเบิด แต่ภีมภพก็อยากจะมอบความสุขให้เธอก่อนเขาจึงได้แต่กัดกรามแน่นข่มอารมณ์ของคนเองไว้ให้ได้มากที่สุดริมฝีปากร้อนจูบพรมไปตามหน้าอกอวบอิ่มดูดกินราวกับทารกที่กระหาย ก่อนจ
ภีมภพตื่นนอนตั้งแต่เช้าในขณะที่ญารินดายังคงนอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง ชายหนุ่มลงมาดักรอใบตองเพราะกลัวว่าเด็กสาวจะขึ้นไปบนห้องของเขา “ใบตองวันนี้ฉันให้ลางานหนึ่งวัน ไม่ต้องขึ้นไปทำความสะอาดนะ” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ฉันอยากจะนอนต่อไงล่ะ ไม่อยากให้เธอทำเสียงดัง” “แล้วคุณภพจะให้ใบตองทำกับข้าวไหมคะ แล้วคุณกอหญ้าไปไหนคะ” “ไม่ต้องทำกับข้าวหรอก กอหญ้าก็คงอยู่ในห้องของเธอนั่นแหละ นี่เป็นวันหยุดเธอก็คงอยากจะตื่นสายบ้าง ใบตองไปพักเถอะ ฉันจะไปนอนต่อแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยมาทำงานก็แล้วกันนะ” “คุณภพไม่หิวแน่นะคะ ให้ใบตองทำอะไรให้ไหม” “เดี๋ยวฉันให้กอหญ้าทำให้กินก็ได้ หรือใบตองคิดว่าตัวเองทำอาหารอร่อยกว่ากอหญ้าล่ะ” “ไม่ดีกว่าค่ะ ให้คุณกอหญ้าทำดีกว่าค่ะ งั้นวันนี้ใบตองไปเที่ยวตลาดนัดดีกว่าคุณภพจะฝากซื้ออะไรไหมคะ” “ไม่เป็นไรรีบไปเถอะ” “ขอบคุณนะคะที่ให้ใบตองหยุดงาน” พอใบตองออกไปจากบ้านแล้วชายหนุ่มก็เดินกลับขึ้นไปนอนกอดญารินดาบนห้องนอนอีกครั้ง ญารินดาตื่นขึ้นมาในเวลาสิบโมงเช้า เธออายจนหน้
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง
หัวใจของญารินดาเป็นสีชมพูสดใส ในทุกวันจะมีกำลังใจจากภีมภพให้เธอตื่นเช้ามาเรียนเสมอ แม้จะเรียนและมีงานกลุ่มมากแต่ไหน แต่เพราะมีกำลังใจที่ดี เธอจึงผ่านในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเสม็ดก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน วันนี้หลังเลิกเรียนก็เลยนัดให้เขามารับเพราะวันจันทร์อาจารย์งดการเรียน“กอหญ้าหน้าซีดมาเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำใสเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนเองหน้าซีดกว่าทุกวันแถมใบหน้ายังชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโตทั้งที่ห้องเรียนก็เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ “เราปวดท้องประจำเดือนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “ไหวไหม กินยาหรือยังล่ะ” “กินแล้วจ้ะ น้ำใส่ไม่ต้องห่วง” “วันหยุดกลับบ้านหรืออยู่หอล่ะกอหญ้า” “กลับบ้านจ้ะ น้ำใสกลับไหม” “เราไม่กลับ พ่อกับแม่จะขึ้นมาหาน่ะ” “ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ” “ได้เลย นึกว่ากอหญ้าจะไม่กลับบ้านจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” “เอาไว้ครั้งหน้านะน้ำใส” ทั้งสองคุยกันแค่นี้เพราะอาจารย์ประจำรายวิชาเดินเข
เมื่อดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้วภีมภพก็เอาขาที่พาดบ่าของเธอบนพื้นก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมอบจูบให้เธออีกครั้งอย่างเอาใจ “กอหญ้ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าน้าจะขอไม่ใส่ถุงได้ไหม ถ้าให้น้าเดินกลับเอาถุงยางน้าคงได้ขาดใจตายกลางทางแน่ๆ” “อีกสามวันรอบเดือนกอหญ้าจะมาค่ะ” “งั้นนั้นน้าขอสดทุกวันนะคะ กอหญ้าหันหลังให้น้านะคะคนเก่ง” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูมือใหญ่จับไหล่มนให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ เขากดตัวหญิงสาวให้แอ่นสะโพกกลมกลึงขึ้นเล็กน้อย แล้วกดแก่นกายแข็งลากไปบนกลีบกุหลาบอย่างหยอกล้อ“อ๊ะ น้าภพ”หญิงสาวสะดุ้งกับความแข็งร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งเนื้อที่แนบชิดกันกว่าทุกครั้ง ทั้งสถานที่และท่วงท่าแปลกใหม่มันทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ความเสียวมันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“ที่รักของน้าไม่เกร็งนะคะ”ปากร้อนพรมจูบไปทั้งลาดไหล่และหลังขาวเนียนฝ่ามือใหญ่ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเล็กน้อย ภีมภพย่อตัวลงแล้วกดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน“อ่าห์...กอหญ้า ขอน้าเข้าไปอีกนิดนะคะ”ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อตัวตนถูกตอดรัดจา
ภีมภพขับรถมาถึงท่าเรือในเวลาเกือบค่ำ พวกเขาทันขึ้นเรือเที่ยวหกโมงเย็นพอดี พอมาถึงบนเกาะท้องฟ้าก็มืดพอดีบ้านพักแบบพูลวิลล่ามองเห็นวิวทะเลหลังไม่ใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะชายหนุ่มอยากจะใกล้ชิดกับคนรักอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหลังจากนี้ญารินดาจะต้องเรียนอย่างหนัก โอกาสจะได้เที่ยวคงมีน้อยเต็มที“ชอบไหมครับกอหญ้า” เขาถามคนรักที่ยืนมองแล้วยิ้ม“ชอบค่ะ บ้านพักสวยมากแพงไหมคะ มีทั้งสระว่ายน้ำและยังมองเห็นวิวทะเลอีกด้วย”“ถ้าชอบก็ไม่ต้องถามราคาครับ” เขาตอบขณะที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่ตอนนี้ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องดื่มเย็นๆ วางไว้ต้อนรับ“มันคงแพงมากใช่ไหมคะ กอหญ้าเกรงใจน้าภพ”“จะเกรงใจทำไมครับ เรามาเที่ยวนะอย่าคิดเรื่องเงิน มันจะไม่สนุก”“ถ้ากอหญ้าเรียนจบแล้วกอหญ้าจะช่วยน้าภพกับน้าพรอย่างเต็มที่เลยนะคะ” หญิงสาวรีบให้คำมั่น“กอหญ้าเป็นเด็กดีแบบนี้จะไม่ให้น้ารักได้ยังไง” ภีมภพรวบเธอเข้ามากอดอย่างรักใคร“กอหญ้าก็รักน้าภพค่ะ”“หิวหรือยังครับ” เพราะทั้งสองทานแค่แซนด์วิชอบร้อนในร้านสะดวกซื้อแค่คนละชิ้นเป็นอาหารมื้อกลางวัน เพราะกลัวว่าจะมาถึงที่นี่ช้า“เริ่มหิวแล้วค่ะ”“งั้นไปกินข้า