ญารินดาตื่นนอนแต่เช้า เธอเข้าไปในห้องอย่างเงียบเสียงที่สุด ตอนนี้ภีมภพยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงนอน หญิงสาวมองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะตัวเขาสูงจนเท้าเลยออกมาจากเตียง
ใบหน้าหล่อนั้นคล้ำแดดลงไปมาก แต่ก่อนเธอคอยเตือนให้เข้าใช้ครีมกันแดด และซื้อให้อยู่ตลอด คิดแล้วก็รู้สึกว่าการไม่ได้คุยกันอย่างเคยนั้นไม่มีอะไรดีเลยสักนิด
อาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จแล้วภีมภพก็ยังคงหลับสนิท ญารินดาไม่คิดจะปลุก เพราะคิดว่าเขาคงเหนื่อยสะสมมาหลายวัน เธอออกมาจากห้องแล้วลงไปหาซื้ออาหารเช้า อย่างน้อยท้องก็ควรจะอิ่มก่อนที่จะกลับบ้าน
พอกลับขึ้นมาบนห้องภีมภพก็อาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกเดินทางแล้ว
“กินข้าวก่อนนะคะ กอหญ้าซื้อไปโจ๊กร้านประจำมาให้”
หญิงสาวเทโจ๊กเครื่องในใส่ชามของเขาและโจ๊กหมูของตัวเอง ก่อนจะยกมาวางบนโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ที่ทางหอพักมีให้
“น่ากินจัง” เพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่บ่ายเมื่อวานพอเห็นอาหารตรงหน้ากระเพาะอาหารก็เริ่มหลั่งน้ำย่อย
“ร้านนี้อร่อยค่ะ กอหญ้ากินประจำ”
ภีมภพรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเธอกับเขาเหมือนจะกลับมาเป็นอย่างเดิม ช่วงที่ผ่านมาเขาคงคิดไปเองว่าหญิงสาวพยายามอยู่ห่าง เธออาจทั้งเรียนและฝึกงานจนเหนื่อยอย่างที่บอกก็ได้
เมื่อเป็นอย่างนี้เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก เขาชวนเธอคุยไปทานไป จนโจ๊กในชามไม่หลือสักนิด
“อร่อยจริงๆ ด้วย” ไม่รู้เพราะโจ๊กอร่อยหรือเพราะได้ทานกับคนที่คิดถึงกันแน่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรภีมภพก็ทานจนหมดชาม
“เอาของกอหญ้าเพิ่มไหมคะ”
“ไม่เป็นไร กอหญ้ากินเถอะ”
“กอหญ้าอิ่มแล้ว”
“กินนิดเดียวแล้วเมื่อไหร่จะโต”
“น้าภพ กอหญ้าโตแล้วนะคะ อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว”
“โอเคครับ งั้นคนโตแล้วพร้อมจะกลับบ้านหรือยัง”
“พร้อมค่ะ น้าภพรอกอหญ้าล้างจาน 5 นาทีนะคะ”
พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยทั้งสองคนก็เดินลงมายังชั้นล่างเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
“น้าภพ ไหนว่านิดเดียว” เมื่อคืนตอนลงมาเอากระเป๋าญารินดาไม่เห็นว่ารถของภีมภพนั้นมีรอยครูดยาวไปทั้งแถบ แถมประตูด้านข้างก็มีรอยบุบ
“ตอนนั้นมันมืดน้าก็คิดว่ามันนิดเดียวนะกอหญ้า”
เพราะตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าจะมารับเธอกลับบ้านเลยไม่สนใจดูว่าสภาพรถเป็นยังไงบ้าง แค่ขับต่อมาได้มันก็โอเคสำหรับเขาในเวลาดึกอย่างนั้นแล้ว
“น้าพรกับแม่เห็น มีหวังน้าภพโดนบ่นหูชาแน่นเลยค่ะ”
“นั่นสิ เอายังไงดีล่ะกอหญ้า”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เราขับไปคิดไปก็ได้มั้งคะ” เธอเองก็คิดไม่ออกว่าจะบอกมารดากับน้า
“อืม” พอตกลงกันได้ทั้งสองคนก็ขึ้นไปนั่งบนรถ ภีมภพขับออกไปอย่างช้าๆ เขาอย่างอยู่ลำพังกับเธอมากที่สุด
“น้าภพคะ เมื่อคืนขับมาเท่าไหร่”
“ปกติ”
“เอาความจริงค่ะ” เธอรู้ดีว่าเขาขับรถเร็วมากแต่ก็เคยให้สัญญาไว้ว่าขับไม่เกิน 120
“140 เองครับ”
“ทำไมขับเร็วจังล่ะคะ”
“ก็กลัวกอหญ้ารอนาน แล้วถนนมันก็โล่งมาก”
“กอหญ้าจะรอได้ยังไม่รู้สักหน่อยว่าน้าภพจะมารับ แล้วคราวหน้าถ้าจะมาก็ต้องโทรบอกกอหญ้าก่อนนะคะ”
“ก็น้าอยากมาถึงเร็วๆ นี่” เขาอยากบอกว่าเพราะคิดถึงเลยขับเร็วอันที่จริงช่วงที่ไม่มีคนเขาก็ขับเกือบจะ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ช่วงที่เกิดอุบัติเหตุนั้นเขาขับแค่ 80 เพราะตอนนั้นฝนตกหนัก ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าตอนนั้นขับมาด้วยความเร็ว 160 จะสภาพของเขาและรถคันนี้จะเป็นยังไง
“น้าภพจำได้ไหม ว่าเคยสัญญากับกอหญ้าไว้ว่าจะไม่ขับเร็ว น้าภพผิดสัญญา”
“น้ารู้ น้าขอโทษต่อไปจะไม่ทำอีก น้าให้กอหญ้าลงโทษก็ได้ จะให้น้าอะไรน้ายอมทุกอย่างเลย”
“จริงๆ นะคะ”
“จริงสิ”
“งั้นกอหญ้าขอคิดดูก่อนว่าจะลงโทษยังไง คิดออกแล้วจะบอกอีกที”
ภีมภพแอบยิ้ม ตอนนี้ญารินดากลับมาเป็นสาวน้อยของเขาเหมือนเดิมแล้ว
“กอหญ้าน้าว่าเราเอารถไปเข้าอู่เลยดีไหม” เขาถามเมื่อขับรถเข้าเขตจังหวัดสุพรรณบุรี
“แล้วจะบอกน้าเพ็ญกับแม่ว่ายังไงคะ”
“บอกว่าขับมาแล้วเครื่องมันกระตุกๆ ความร้อนก็ขึ้น”
“น้าภพนี่หัวไวเหมือนกันนะคะ”
“กอหญ้ากำลังชมว่าน้าโกหกเก่งใช่ไหม”
“เปล่านะคะ” ญารินดาหัวเราะ
“กอหญ้าเห็นด้วยไหม เราบอกไปแบบนั้นแล้วให้ก้านเอารถมารับอีกที ถ้ากอหญ้าพูดเหมือนกับน้าทุกอย่างก็ไม่น่ามีปัญหา น้าก็ไม่อยากโกหกหรอกนะ แต่ถ้าบอกความจริงไปสองคนนั้นก็ต้องตกใจแน่ๆ”
“ก็ได้ค่ะ เราบอกไปแบบนั้นก็ได้ ตอนนี้กอหญ้าชักกลัวน้าภพแล้วล่ะค่ะ”
“กลัวทำไมครับ” ภีมภพหันมาถามด้วยความสงสัย
“ก็น้าภพโกหกเก่งอย่างนี้ ไม่รู้โกหกอะไรกอหญ้าบ้างหรือเปล่า”
“น้าจะโกหกกอหญ้าทำไม”
“ไม่รู้สิคะ”
การได้ใกล้ชิดกับญารินดามากขึ้นทำให้ภีมภพยอมรับกับตัวเองแล้วว่าเขามอบหัวใจทั้งหมดให้กับเธอไปจนหมดและคงไม่คิดจะมีใครเข้ามาแทนที่ เธอเป็นทุกอย่างของเขาเป็นความสดใสเป็นความสบายใจและเป็นคนที่เขาอยากชีวิตร่วมด้วยตลอดไป
ภีมภพเอารถเข้าไปจอดที่อู่รถซึ่งเป็นของเพื่อนตัวและกำชับว่าถ้าบังเอิญเจอเพียงพรหรือคนอื่นมาเห็นรถของเขาจอดที่นี่ก็ให้บอกไปว่าเครื่องยนต์และหม้อน้ำมีปัญหา
“ใช้เวลาซ่อมนานไหมวะเจษ” เขาถามเจษฎาที่เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถและมาประเมินระยะเวลาซ่อมด้วยตนเอง
“ไม่นานหรอกเดี๋ยวกูเร่งให้ มึงจะเอารถกูไปใช้ก่อนไหม”
“ขอบใจมาก แต่เดี๋ยวกูให้เด็กที่บ้านมารับ”
“น้องที่มึงพามาด้วยนี่ใครวะ ทั้งสวยทั้งหุ่นดีเลย” เจษฎามองไปหน้าร้านที่หญิงสาวนั่งรออยู่
“อย่ายุ่งนั่นเด็กกู”
“ระวังพรากผู้เยาว์นะมึงดูแล้วไม่น่าจะเกิน 18”
“เกินมาหลายปีแล้วล่ะ”
“แต่หน้ายังเด็กอยู่เลยนะ คนที่ไหนทำไมกูไม่เคยเห็นมาก่อน”
“มึงจำกอหญ้าไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งจำไม่ได้วะ”
“กอหญ้าเด็กผู้หญิงที่มึงเคยพามาแล้วบอกว่าพี่สาวมึงจะส่งให้เรียนน่ะเหรอ โตขึ้นแล้วสวยจนกูจำไม่ได้เลย มีแฟนยังวะ ถ้ายังกูจะจีบให้น้องชายกู”
“กูเพิ่งบอกมึงไปว่าอย่ายุ่งกับเด็กกู”
“ดูมึงจริงจังมากนะ”
“เอาสิวะ คนนี้กูเลี้ยงของกูมาตั้งนานใครห้ามยุ่ง”
“ถึงว่าละไม่ได้ข่าวว่ามึงควงสาวที่ไหนเลย หลงเด็กเลี้ยงนี่เอง”
“ก็มันน่ารักน่าหลงไหมละ”
“นั่นสินะ”
ภีมภพคุยกับเพื่อนอีกไม่นานหญิงสาวที่นั่งรออยู่หน้าร้านก็เกินเข้ามาตาม
“น้าภพ พี่ก้านมารับแล้วค่ะ”
“กูไปก่อนนะ”
“เออ เสร็จแล้วกูจะรีบโทรบอก”
พอกลับมาถึงบ้านวาสนาก็อดแปลกใจเพราะเมื่อวานตอนที่คุยกับลูกสาวเธอยังบอกอยู่เลยว่าขอหางานทำที่กรุงเทพ แต่วาสนาก็ไม่อยากถามเหตุผลเพราะแค่เธอกลับมาก็ดีมากแล้ว
“เพิ่งกลับมา แม่ว่าพักก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยงานกับน้าพร”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย แม่กับน้าพรเหนื่อยกว่าหนูเยอะเลย”
“ถ้างั้นหนูไปช่วยน้าพรที่ร้านนะลูก เดี๋ยวแม่ไปซื้อของที่ตลาดแล้วจะตามไป อยากกินกับข้าวอะไรเป็นพิเศษไหมล่ะ”
“วันนี้แม่จะทำอะไรให้พี่คนงานกินล่ะคะ”
“ต้มข่าไก่ ผัดผักรวมมิตรแล้วก็หมูยอทอดจ้ะ”
“หนูกินเหมือนคนอื่นก็ได้ค่ะ ถ้างั้นหนูเอาของไปเก็บแล้วจะรีบไปหาน้าพรที่ร้านนะคะ”
การกลับมาอยู่บ้านครั้งนี้ญารินดาช่วยงานของเพียงพรได้มากขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านเพียงพรสอนงานทุกอย่างจนหญิงสาวสามารถทำงานแทนตนเองได้ทั้งหมด เพียงพรกับวาสนาจึงชวนกันไปปฏิบัติที่วัดในต่างจังหวัด งานบัญชีหน้าร้านเพียงพรมอบหมายให้ญารินดาเป็นคนจัดการส่วนเรื่องอาหารของคนงานก็ให้แม่ครัวที่เป็นลูกมือของวาสนาช่วยกันทำเพราะที่ผ่านมาวาสนาก็สอนพวกเขาไว้ค่อนข้างเยอะพอสมควร “น้าฝากร้านด้วยนะกอหญ้า” “น้าพรกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ กอหญ้าคิดว่าทุกอย่างคงไม่มีปัญหาอะไร” “ได้สิ แล้วน้าจะเอาบุญมาฝากนะ” “เดินทางปลอดภัยนะคะ” “กอหญ้าอยู่บ้านคนเดียวก็ปิดประตูลงกลอนให้มิดชิดนะ ใครมาเคาะกลางคืนก็อย่างเปิด แล้วถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกน้าภพนะ น้าสั่งเขาไว้แล้วว่าอย่าเปิดเพลงและกินเหล้าเสียงดัง” “ค่ะน้าพร” ญารินดาบอกลาทั้งสองคนที่บริเวณลานวัดซึ่งตอนนี้มีผู้ใหญ่อีกหลายคนมารอขึ้นรถตู้เพื่อไปยังสถานที่ปฏิบัติธรรม ก่อนที่ตัวเองจะขับรถกลับไปยังร้านซึ่งตอนนี้ได้ภีมภพมาช่วยอีกคน “น้าภพไม่ไปเช็กของที่โกดังเหรอคะ” “ไปมาแล้วครั
“น้าภพพูดแบบนี้ไม่กลัวว่าคุณวีจะโกรธเหรอคะ” “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับวี” ภีมภพถามอย่างสงสัยเพราะเขากับปวีรดานั้นเลิกกันไปนานแล้ว “ก็น้าภพกับคุณวีเป็นแฟนกัน” “เคยเป็นครับกอหญ้าน้ากับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนะครับ” “น้าภพคิดว่ากอหญ้าไม่รู้เหรอคะว่าคืนนั้นน้าภพกับเธอยังนอนด้วยกันอยู่เลย” “น้าว่ากอหญ้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะครับ” “ไม่ค่ะ กอหญ้าได้ยินที่น้าภพคุยกับเธอคืนนั้น แล้วตอนเช้าเธอก็ออกมาจากห้องน้าภพ” “แล้วกอหญ้าเห็นว่าน้าเข้าห้องไปกับเขาหรือเปล่าล่ะ” “ไม่เห็นค่ะ” “ไม่เห็นแต่ก็คิดไปเอง แล้วยังจะพาลโกรธน้าหนีไปกรุงเทพอีก” “กอหญ้าไม่ได้โกรธนะคะ ก็แค่ไม่อยากเห็นน้าภพอยู่กับแฟน” “เพราะอะไร หึงน้าเหรอ” “ใครจะหึงกัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ” “แต่น้าอยากให้เป็นนี่ครับ สนใจเป็นแฟนน้าไหมล่ะ” “น้าภพคะ กอหญ้าไม่อยากให้น้าภพมาล้อเล่นแบบนี้นะคะ” “น้าก็ไม่ได้ล้อเล่น น้ารักกอหญ้าจริงๆ อยากเป็นแฟนกอหญ้าจริงๆ ส่วนเรื่องคืนนั้นมันไม่มีอะ
ภีมภพไล้มือไปตามลำตัวขาวเนียนของคนรักเรื่อยมาจนถึงขอบกางเกงนอนขาสั้น เขาดึงมันออกจากเรียวขาสวยแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี ตอนนี้บนเรือนร่างของหญิงสาวเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋วเพียงตัวเดียว ชายหนุ่มยังคงเล้าโลมคนรักด้วยการดูดเม้มยอดอกสีสวยในขณะที่มือก็เริ่มลากไล้ลงมายังจุดกึ่งกลางกายสาวที่มีเพียงแพนตีปิดอยู่เขาสอดมือเข้าไปภายในก็สัมผัสถึงได้ถึงความเปียกชื้นของดอกไม้งาม“อ๊ะ!”ญารินดาสะดุ้งและขยับสะโพกหนี แต่เขาก็รั้งไว้ด้วยมืออีกข้าง“ไม่ต้องกลัวนะครับกอหญ้า”เสียงกระซิบที่ข้างหูบวกกับสัมผัสเร่าร้อนทำให้สติสัมปชัญญะของญารินดาแตกกระเจิง“น้าภีพ อื้อ..”เสียงหวานเรียกชื่อคนรักเมื่อเขาลากปลายนิ้วไปบนกลีบกุหลาบ ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างดึงชั้นในออกจากเรียวขาขณะที่ปากร้อนก็พรมจูบไปทั่วริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อนมือบางปัดป่ายไปตามลำตัวคนรักตามสัญชาตญาณ สัมผัสของหญิงสาวกระตุ้นอารมณ์ของเขาจนร่างกายรู้สึกปวดร้าวแทบระเบิด แต่ภีมภพก็อยากจะมอบความสุขให้เธอก่อนเขาจึงได้แต่กัดกรามแน่นข่มอารมณ์ของคนเองไว้ให้ได้มากที่สุดริมฝีปากร้อนจูบพรมไปตามหน้าอกอวบอิ่มดูดกินราวกับทารกที่กระหาย ก่อนจ
ภีมภพตื่นนอนตั้งแต่เช้าในขณะที่ญารินดายังคงนอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง ชายหนุ่มลงมาดักรอใบตองเพราะกลัวว่าเด็กสาวจะขึ้นไปบนห้องของเขา “ใบตองวันนี้ฉันให้ลางานหนึ่งวัน ไม่ต้องขึ้นไปทำความสะอาดนะ” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ฉันอยากจะนอนต่อไงล่ะ ไม่อยากให้เธอทำเสียงดัง” “แล้วคุณภพจะให้ใบตองทำกับข้าวไหมคะ แล้วคุณกอหญ้าไปไหนคะ” “ไม่ต้องทำกับข้าวหรอก กอหญ้าก็คงอยู่ในห้องของเธอนั่นแหละ นี่เป็นวันหยุดเธอก็คงอยากจะตื่นสายบ้าง ใบตองไปพักเถอะ ฉันจะไปนอนต่อแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยมาทำงานก็แล้วกันนะ” “คุณภพไม่หิวแน่นะคะ ให้ใบตองทำอะไรให้ไหม” “เดี๋ยวฉันให้กอหญ้าทำให้กินก็ได้ หรือใบตองคิดว่าตัวเองทำอาหารอร่อยกว่ากอหญ้าล่ะ” “ไม่ดีกว่าค่ะ ให้คุณกอหญ้าทำดีกว่าค่ะ งั้นวันนี้ใบตองไปเที่ยวตลาดนัดดีกว่าคุณภพจะฝากซื้ออะไรไหมคะ” “ไม่เป็นไรรีบไปเถอะ” “ขอบคุณนะคะที่ให้ใบตองหยุดงาน” พอใบตองออกไปจากบ้านแล้วชายหนุ่มก็เดินกลับขึ้นไปนอนกอดญารินดาบนห้องนอนอีกครั้ง ญารินดาตื่นขึ้นมาในเวลาสิบโมงเช้า เธออายจนหน้
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ความสัมพันธ์ของญารินดากับภีมภพก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ช่วงกลางวันชายหนุ่มก็ทำงานตามปกติ พอทานอาหารค่ำเสร็จเขาก็กลับไปนอนที่บ้านหลังเล็กของเขาเวลาดูเหมือนจะเดินช้ากว่าเดิม เพราะเธอกำลังสับสนและคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าหากภีมภพได้เธอแล้วทิ้งจากนี้ชีวิตของเธอจะเป็นยังไง จะทำงานกับเขาแบบนี้ต่อไปได้หรือเปล่าที่เธอกังวลว่าเขาจะทิ้งก็เพราะตั้งแต่คืนนั้นเขาไม่เคยแตะต้องเธออีกเลย จนกระทั่งถึงวันที่มารดาของเธอและน้าเพียงพรกลับมาความกังวลของญารินดาทำให้เพียงพรที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน“กอหญ้า หนูมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า น้าว่าช่วงนี้หนูเหม่อลอยกว่าปกตินะ”“เปล่าค่ะน้าพร”“แล้วหนูจะกลับไปเรียนเมื่อไหร่ล่ะ”“วันจันทร์ก็จะเปิดเทอมแล้วค่ะน้าพร หนูก็เลยว่าจะขอกลับพรุ่งนี้ เผื่อจะต้องเตรียมตัวและทำความสะอาดหอค่ะ”“นั้นสิ จะเปิดเทอมแล้ว น้าว่าเร็วเหมือนกัน อีกไม่กี่เดือนกอหญ้าก็จะเรียนจบ แล้วหนูตัดสินใจหรือยังว่าจะกลับมาทำงานกับน้าหรือเปล่า” ที่เพียงพรรู้มาจากมารดาของหญิงสาวว่าเธออยากลองทำงานที่กรุงเทพดูสักพัก ซึ่งเพียงพรก็ไม่ได้ห้ามอะไรเพราะเธอเองก็เคยทำแบบนั้น และตอ
“กอหญ้า”เสียงเรียกที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้หญิงสาวสะดุ้งเพราะเมื่อครู่เธอนั่งคิดอะไรเพลินจึงไม่ทันเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะน้าภพ” ถามออกไปทั้งๆ ที่เห็นว่าเขาเปลี่ยนมาสวมชุดนอนแล้วภีมภพมองอย่างแปลกใจเพราะเขาออกมาจากห้องน้ำตั้งนานแล้วแต่เหมือนเธอจะรู้ตัวด้วยซ้ำ “กอหญ้าเอาแต่ใจลอยไม่สนใจน้าเลย น้าเรียกตั้งหลายครั้งแล้วนะครับ คิดอะไรอยู่” พอถูกถามว่าคิดอะไรอยู่เธอก็เม้มริมฝีปาก ก้มหน้าลงต่ำจะให้บอกได้ยังไง ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร แต่สีหน้าของเธอก็ทำให้พอจะเดาออกว่าคงไม่พ้นเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มเดินมานั่งบนที่พักแขนแล้วโอบไหล่เธอก่อนจะพูดต่อ “คิดเรื่องของเราใช่ไหม คิดว่าน้าไม่จริงจังใช่ไหมและจะทิ้งกอหญ้าใช่ไหม” เมื่อเขาเดาออกเธอก็ไม่กล้ามองหน้าเขา จึงได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างเดิม ภีมภพยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะเชยปลายคางมนให้เธอเงยหน้ามาสบตาเขา“ถ้าเพราะเรื่องที่พี่ยังไม่บอกแม่กอหญ้าก็เพราะน้าพรขอให้ เขาอยากพี่บอกตอนกอหญ้าเรียนจบก่อนใช่เรื่องนี้ไหมครับ หรือมีเรื่องอื่นอีก”“ค่ะ”“แต่น้าว่ามีมากกว่านั้นว่านะ กอหญ้าคิ
ภีมภพก้มลงจูบหญิงสาวอย่างปลุกเร้าก่อนจะกดท่อนเอ็นแข็งร้อนเขาไปตัวเธออีกครั้ง ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาหายใจเป็นปกติสะดุ้งเฮือกเพราะไม่คิดว่าเขาจะเริ่มบทรักอีกครั้งในเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ “น้าภพ” “ก็น้ากำลังพิสูจน์ให้กอหญ้ารู้ว่าน้าพอใจแค่ไหนที่ได้นอนกับกอหญ้า” เสียงเขาแสดงออกชัดเจนว่าความพอใจในตัวหญิงสาวนั้นมันมีมากแค่ไหน “กอหญ้ารู้แล้ว แต่ว่าเราเพิ่ง เอ่อ....” “รู้ว่าอะไรคะ เราเพิ่งอะไรคะ น้าก็อยากให้กอหญ้าพอใจ อยากให้กอหญ้าเรียนรู้อีกจะได้เก่งๆ ไงคะ” “ถ้าไม่เก่งน้าภพจะไม่รักเหรอคะ” “ร
“น้าพรคะ กอหญ้าตัดสินใจแล้วนะคะ ถ้าเรียนจบกอหญ้าจะกลับมาทำงานกับน้าพรที่นี่ค่ะ” ญารินดาเข้ามาบอกเพียงพรก่อนที่เธอจะกลับไปเรียนเทอมสุดท้าย “น้าดีใจนะที่กอหญ้าจะกลับมาช่วยน้า แต่ไม่เสียใจแน่นะที่ไม่ได้ทำงานหาประสบการณ์ที่กรุงเทพก่อน” “ไม่ค่ะ กอหญ้าอยากกับมาอยู่กับแม่กับน้าพรที่นี่ค่ะ กอหญ้าอยากเรียนยรู้งานจากน้าพรให้มากที่สุด กอหญ้าไม่อยากให้น้าพรเหนื่อย" “ได้ยินแบบนี้น้าชื่นใจจัง แล้วนี่จะไปแล้วใช่ไหม” “ค่ะ ครั้งนี้กอหญ้าคงไม่ค่อยได้กลับบ้านนะคะเพราะต้องรีบทำงานส่งอาจารย์ค่ะ” “ไม่เป็นไร น้าเข้าใจเทอมสุดท้ายแล้วทั้งงานทั้งเรียนจะหนักมาก แต่กอหญ้าก็หาเวลา
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง
หัวใจของญารินดาเป็นสีชมพูสดใส ในทุกวันจะมีกำลังใจจากภีมภพให้เธอตื่นเช้ามาเรียนเสมอ แม้จะเรียนและมีงานกลุ่มมากแต่ไหน แต่เพราะมีกำลังใจที่ดี เธอจึงผ่านในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเสม็ดก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน วันนี้หลังเลิกเรียนก็เลยนัดให้เขามารับเพราะวันจันทร์อาจารย์งดการเรียน“กอหญ้าหน้าซีดมาเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำใสเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนเองหน้าซีดกว่าทุกวันแถมใบหน้ายังชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโตทั้งที่ห้องเรียนก็เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ “เราปวดท้องประจำเดือนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “ไหวไหม กินยาหรือยังล่ะ” “กินแล้วจ้ะ น้ำใส่ไม่ต้องห่วง” “วันหยุดกลับบ้านหรืออยู่หอล่ะกอหญ้า” “กลับบ้านจ้ะ น้ำใสกลับไหม” “เราไม่กลับ พ่อกับแม่จะขึ้นมาหาน่ะ” “ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ” “ได้เลย นึกว่ากอหญ้าจะไม่กลับบ้านจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” “เอาไว้ครั้งหน้านะน้ำใส” ทั้งสองคุยกันแค่นี้เพราะอาจารย์ประจำรายวิชาเดินเข
เมื่อดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้วภีมภพก็เอาขาที่พาดบ่าของเธอบนพื้นก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมอบจูบให้เธออีกครั้งอย่างเอาใจ “กอหญ้ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าน้าจะขอไม่ใส่ถุงได้ไหม ถ้าให้น้าเดินกลับเอาถุงยางน้าคงได้ขาดใจตายกลางทางแน่ๆ” “อีกสามวันรอบเดือนกอหญ้าจะมาค่ะ” “งั้นนั้นน้าขอสดทุกวันนะคะ กอหญ้าหันหลังให้น้านะคะคนเก่ง” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูมือใหญ่จับไหล่มนให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ เขากดตัวหญิงสาวให้แอ่นสะโพกกลมกลึงขึ้นเล็กน้อย แล้วกดแก่นกายแข็งลากไปบนกลีบกุหลาบอย่างหยอกล้อ“อ๊ะ น้าภพ”หญิงสาวสะดุ้งกับความแข็งร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งเนื้อที่แนบชิดกันกว่าทุกครั้ง ทั้งสถานที่และท่วงท่าแปลกใหม่มันทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ความเสียวมันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“ที่รักของน้าไม่เกร็งนะคะ”ปากร้อนพรมจูบไปทั้งลาดไหล่และหลังขาวเนียนฝ่ามือใหญ่ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเล็กน้อย ภีมภพย่อตัวลงแล้วกดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน“อ่าห์...กอหญ้า ขอน้าเข้าไปอีกนิดนะคะ”ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อตัวตนถูกตอดรัดจา
ภีมภพขับรถมาถึงท่าเรือในเวลาเกือบค่ำ พวกเขาทันขึ้นเรือเที่ยวหกโมงเย็นพอดี พอมาถึงบนเกาะท้องฟ้าก็มืดพอดีบ้านพักแบบพูลวิลล่ามองเห็นวิวทะเลหลังไม่ใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะชายหนุ่มอยากจะใกล้ชิดกับคนรักอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหลังจากนี้ญารินดาจะต้องเรียนอย่างหนัก โอกาสจะได้เที่ยวคงมีน้อยเต็มที“ชอบไหมครับกอหญ้า” เขาถามคนรักที่ยืนมองแล้วยิ้ม“ชอบค่ะ บ้านพักสวยมากแพงไหมคะ มีทั้งสระว่ายน้ำและยังมองเห็นวิวทะเลอีกด้วย”“ถ้าชอบก็ไม่ต้องถามราคาครับ” เขาตอบขณะที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่ตอนนี้ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องดื่มเย็นๆ วางไว้ต้อนรับ“มันคงแพงมากใช่ไหมคะ กอหญ้าเกรงใจน้าภพ”“จะเกรงใจทำไมครับ เรามาเที่ยวนะอย่าคิดเรื่องเงิน มันจะไม่สนุก”“ถ้ากอหญ้าเรียนจบแล้วกอหญ้าจะช่วยน้าภพกับน้าพรอย่างเต็มที่เลยนะคะ” หญิงสาวรีบให้คำมั่น“กอหญ้าเป็นเด็กดีแบบนี้จะไม่ให้น้ารักได้ยังไง” ภีมภพรวบเธอเข้ามากอดอย่างรักใคร“กอหญ้าก็รักน้าภพค่ะ”“หิวหรือยังครับ” เพราะทั้งสองทานแค่แซนด์วิชอบร้อนในร้านสะดวกซื้อแค่คนละชิ้นเป็นอาหารมื้อกลางวัน เพราะกลัวว่าจะมาถึงที่นี่ช้า“เริ่มหิวแล้วค่ะ”“งั้นไปกินข้า