ภีมภพพาญารินดามาทานอาหารญี่ปุ่นตามที่เคยได้สัญญาไว้ตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม
“น้าภพจำได้ด้วยเหรอคะ ว่าหนูอยากกินอาหารญี่ปุ่น”
“จำได้สิ น้ายังไม่แก่นะกอหญ้า”
“ก็ไม่ได้ว่าแก่ แต่มันนานแล้วคิดว่าน้าภพลืมนี่ค่ะ”
“ไม่ลืมหรอกครับ”
“น้าภพคะ หนูฝากความคิดถึงให้แม่กับน้าพรด้วยนะคะ”
“แล้วไม่คิดถึงน้าบ้างเหรอ”
“จะคิดถึงทำไมคะ”
“อ้าว” ภีมภพทำหน้าเสีย
“ก็น้าภพอยู่ตรงหน้าแล้วนี่คะ”
“อ๋อ แล้วกอหญ้าเรียนเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่โชคดีที่มีพี่รหัสคอยช่วย”
“แล้วพี่รหัสเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิงค่ะ สวยด้วยนะคะ”
“วันหลังต้องแนะนำให้น้ารู้จักบ้างนะครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูกลัวน้าภพจะไปจีบพี่รหัสหนู”
“คิดไปนู่น น้าแค่อยากรู้จักไว้เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะจีบเลย”
“จริงสิคะ ตั้งแต่อกหักครั้งนั้นน้าภพได้คบกับคนอื่นไหมคะ”
“มันก็ต้องมีบ้าง น้าเป็นผู้ชาย แต่ก็คบๆ เลิก ๆ”
“ไม่คิดจะแต่งงานเหรอคะ” ญารินดาถามไปก็ใจเต้นแรง
“ยังไม่เจอคนที่ใช่”
“คนที่ใช่ของน้าภพเป็นแบบไหนคะ”
“ไม่รู้สิครับ ถ้าเจอแล้วใช่ก็คงรู้เอง แล้วเราล่ะกอหญ้ามาอยู่ที่นี่มีหนุ่มมาจีบบ้างไหม”
“ไม่มีเลยค่ะ แค่เรียนหนูก็ปวดหัวแล้ว”
“หนูเคยมีแฟนไหมกอหญ้า”
“ไม่เคยค่ะ มีแต่แอบชอบรุ่นพี่ที่โรงเรียน แต่ก็แค่ชอบ ไม่กล้าเข้าไปคุย”
“ดีแล้ววัยอย่างกอหญ้ามีหน้าที่เรียนหนังสือ”
“ค่ะหนูรู้” ญารินดาได้แต่หวังว่าระหว่างที่เธอกำลังตั้งใจเรียนอยู่นั้น เขาคงยังไม่เจอคนที่ใช่
“เอาล่ะ รีบกินเถอะ เดี๋ยวจะได้ไปซื้อของกัน อยากได้อะไรคิดไว้เลยวันนี้น้าอารมณ์ดีจ่ายไม่อั้น”
“น้าภพใจดีที่สุดเลยค่ะ”
ญารินดาไม่ได้ซื้อของใช้อะไรมากเพราะที่เตรียมไว้ก็ยังไม่หมด แต่ที่ได้เพิ่มมาเยอะก็จะเป็นพวกอาหารแห้ง ขนม ช็อกโกแลต
“กอหญ้าไม่ซื้อนมเหรอ”
“น้าภพคะ หนูอายุ 19 แล้วนะคะ”
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย อายุเท่าไหร่ก็กินได้ น้ายังกินเลย”
“อย่ามาหลอกกันค่ะ ในตู้เย็นบ้านน้าภพมีแต่เบียร์
“ก็กินแบบไม่เย็นไงครับ” ภีมภพอ้างไปเรื่อย ครั้งสุดท้ายที่เขาดื่มนมก็ตอนเรียน ม.ต้น
แล้วญารินดาก็พ่ายแพ้ให้กับน้าชายต่างสายเลือด
“ขอบคุณนะคะน้าภพ”
“ไม่เป็นไร แล้วเสาร์หน้าจะกลับบ้านไหมครับ”
“กลับค่ะ”
“แน่หรือเปล่า อย่าหลอกให้น้าดีใจเก้อนะ”
“จริงค่ะ น้าภพดีใจเหรอที่หนูจะกลับ”
“ดีใจสิ จะได้มีคนช่วยงาน”
“อ้าว นึกว่าอยากกลับเพราะคิดถึงกันเสียอีก”
“ก็ทั้งสองอย่าง แม่หนูกับน้าพรก็คงจะดีใจด้วย”
“หนูสัญญาเลยค่ะ ยังไงก็ต้องกลับ”
“น้ามารับนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูนั่งรถตู้กลับไปก็ได้ค่ะ”
“น้าอยากมารับ กรุงเทพ สุพรรณใกล้นิดเดียวเอง”
“ก็ได้ค่ะ แล้วอย่ามาบ่นนะคะว่าขับรถเหนื่อย”
“ก็ให้กอหญ้าขับตอนกลับ เอาไหมล่ะ”
“ตกลงตามนั้นค่ะ น้ามารับหนูเช้าวันเสาร์ก็ได้”
“เย็นวันศุกร์ดีไหมจะได้นอนที่บ้านหลายคืนหน่อย วันศุกร์เลิกเรียนกี่โมง”
“สี่โมงเย็นค่ะ น้าภพมาสัก สี่โมงครึ่งนะคะ เผื่อเวลาหนูเก็บของ”
“ได้ตกลงตามนั้นนะ กอหญ้าส่งตารางเรียนให้น้าด้วยได้ไหม”
“จะเอาไปทำอะไร”
“ก็เอาไว้ดูไงเผื่อวันไหนมีธุระด่วน ตอนกลางวันจะได้รู้ว่ากอหญ้าเรียนอยู่หรือเปล่า”
เหตุผลของภีมภพทำให้ญารินดาไม่ติดใจอะไร หญิงสาวส่งตารางเรียนรวมถึงตารางกิจกรรมให้กับเขาทันที
“น้าภพ รีบกลับเถอะค่ะ”
“ทำไมรีบไล่จังเบื่อหน้ากันแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น หนูกลัวน้าภพกลับถึงบ้านดึก ไม่อยากให้ขับรถตอนกลางคืน มันอันตราย น้าภพขับเร็วด้วย”
“ตอนนี้ขับไม่เร็วแล้ว” ภีมภพเลิกขับรถเร็วตั้งแต่ขากลับจากส่งญารินดาเข้าหอครั้งก่อน เพราะไม่อยากให้เธอเป็นห่วง ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเขาก็คงไม่มีโอกาสมาหาเธอได้แบบนี้
“เยี่ยมไปเลยค่ะ”
ผ่านไป 2 ชั่วโมงภีมภพก็โทรกลับมาบอกว่าตอนนี้ถึงบ้านแล้ว
ญารินดาวางสายจากเขาแล้วก็ยิ้มให้กับโทรศัพท์ ความสุขที่ได้เจอกับภีมภพยังอบอวลอยู่เต็มห้อง เธอดีใจที่เขามาหา ถึงแม้จะเป็นเพราะมาทำธุระแล้วเลยมาก็ตาม อย่างน้อยก็ยังได้เจอกับชายหนุ่มที่เธอแอบปลื้ม มิหนำซ้ำยังรู้ว่าตอนนี้หัวใจของเขายังว่างอยู่ มันทำให้เธอมีแรงใจในการเรียนอยู่มาก ตอนนี้แทบอย่าจะเร่งเวลาให้ตัวเองเรียนจบโดยเร็วจะได้บอกความในใจให้กับเขาได้รับรู้
ภีมภพเดินทางไป กลับระหว่างกรุงเทพ สุพรรณบุรีเกือบทุกสัปดาห์ แต่ตัวชายหนุ่มนั้นไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด เขาทำอย่างนี้จนกระทั่งสิ้นสุดปลายภาคของนักศึกษา ปี 1 ภีมภพมารอรับเด็กสาวคนเดิม แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นหญิงสาวไปแล้ว ผมสั้นทรงนักเรียนตอนนี้ถูกมัดรวบไว้บนศีรษะทุยอย่างลวกๆ มีปอยผมตกมาข้างแก้ม เขาเห็นแล้วอยากจะยื่นมือไปเขี่ยให้ แต่ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะสถานะของเธอกับเขามันทำแบบนั้นไม่ได้
“น้าภพคะ นั่งมองหนูแบบนั้นทำไม” ความสนิทสนมระหว่างเธอกับน้าชายยังคงเหมือนเดิม แต่เธอสังเกตว่าช่วงๆ หลังมานี้ภีมภพมักมองเธอแปลกๆ และแวะมาหาเธอบ่อยขึ้น ญารินดาไม่ห้ามที่เขามาบ่อย เพราะเองก็ชอบเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับภีมภพแบบนี้
“มองไปเรื่อย น้าคิดว่าตอนนี้กอหญ้าโตขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”
“โตขึ้นแล้วสวยขึ้นไหมคะ”
“ก็ประมาณหนึ่ง”
“เหรอคะ แต่หนูว่าหนูสวยขึ้นนะ น้าภพรู้ไหม วันก่อนมีรุ่นพี่คณะวิศวะมาจีบหนูด้วย”
“อย่าไปสนใจเลย พวกวิศวะเจ้าชู้กันทุกคน”
“ลืมไปหรือเปล่า น้าก็จบวิศวะนะคะ”
“ก็ยกเว้นน้าไง”
“น้าภพเป็นคนดีว่างั้น”
“ใช่สิ”
ญารินดาหัวเราะกับความคิดเข้าข้างตัวเองของน้าชาย ตอนนี้เธอกำลังเก็บของเพื่อกลับไปอยู่ที่บ้านอย่างน้อยก็ 3 เดือน โดยที่ยังชำระค่าหอเพราะไม่อยากต้องกลับมาหาที่พักใหม่
ญารินดาได้กลับมาช่วยงานที่ร้านอีกครั้ง แต่ต่างไปจากเดิมเพราะตอนนี้เธอไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับภีมภพอย่างเคย เนื่องจากเพียงพรให้เธอช่วยงานจนแทบไม่มีเวลาออกไปข้างนอกเลย
ในสายตาของเพียงพรนั้นรู้ดีว่าตอนนี้น้องชายคนเดียวรู้สึกยังไงกับเด็กในอุปการะของเธอ เธอไม่ได้รังเกียจแต่คิดว่ามันดูไม่เหมาะสม เพราะญารินดายังเรียนไม่จบและเธอควรมีโอกาสได้เจอคนอื่นอีกมาก
“พี่พรมาหาผมถึงที่บ้านมีเรื่องด่วนหรือเปล่า” ภีมภพแปลกใจที่พี่สาวเดินมาหาตัวเองที่เรือนหลังเล็กเพราะปกติเพียงพรจะเป็นฝ่ายเรียกให้เขาเข้าไปหามากกว่า
“พี่มีเรื่องอยากถาม”
“ผมใจไม่ดีเลย พี่จะถามอะไรทำไมหน้าเครียดจัง” ภีมภพหย่อนตัวนั่งลงข้างพี่สาว
“เรื่องกอหญ้า”
“ทำไมครับ กอหญ้าเป็นอะไร” สีหน้าละแววตาของน้องชายนั้นชัดเจน
“เปล่า กอหญ้าไม่ได้เป็นอะไร”
“เฮ้อ โล่งอกไปที”
“ดูภพห่วงกอหญ้ามาก”
“ก็ห่วงเป็นปกติครับ” เขารู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียบเฉยของพี่สาว
“พี่ไม่อ้อมค้อมนะ ภพชอบกอหญ้าใช่ไหม”
ชายหนุ่มเงียบ เขาไม่รู้จะตอบคำถามนั้นยังไงเพราะตัวเองก็ยังไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้
“ผมไม่รู้”
“ถ้ายังไม่แน่ใจตัวเองก็อย่าไปสนิทสนมกันให้มาก กอหญ้าโตขึ้นทุกวัน ถ้าไม่จริงจังก็อย่าทำให้เธอหวั่นไหว”
“แล้วถ้าจริงจังล่ะ”
“พูดแบบนี้คิดดีแล้วใช่ไหม”
“ผมรู้ว่ามันไม่เหมาะสม เพราะกอหญ้าเป็นหลาน”
“มันก็แค่คำเรียก ถ้าภพชอบหนูกอหญ้าจริง พี่ว่าตอนนี้อยู่ห่างเธอไว้ก่อน”
“ทำไมครับ”
“พี่อยากให้กอหญ้าเรียนจบ เรื่องความรักมันห้ามไม่ได้ก็จริง แต่ภพเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควรให้โอกาสน้องได้เจอกับโลกภายนอกบ้าง”
“ผมก็ไม่ได้ห้าม”
“ไม่ได้ห้ามแต่ตามติดตลอด อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ว่าเราแอบไปหากอหญ้าบ่อยแค่ไหน”
“ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะครับพี่พร”
“พี่รู้ แล้วกอหญ้ารู้หรือเปล่าว่าภพชอบ”
“ไม่ครับ ผมคิดว่ายังไม่ควรบอกเธอ”
“เรื่องนี้พี่ว่าน้าวาสก็คงพอรู้ เพราะภพดูจะเป็นห่วงกอหญ้ามากกว่าเดิม แต่น้าวาสคงไม่กล้าพูด”
“ผมจะระวังให้มากขึ้น”
“ช่วงนี้น้องอยู่บ้านภพก็อย่าทำอะไรให้น้าวาสไม่สบายใจ”
“พี่พรไม่ห้ามใช่ไหมถ้าในอนาคตผมกับกอหญ้าจะคบกัน”
“พี่ไม่ห้าม แต่ขอร้องให้น้องเรียนจบก่อนได้ไหม”
“ครับ”
เพราะคำพูดของเพียงพรทำให้ภีมภพไม่ค่อยมาทานอาหารที่บ้านทุกวันอย่างเคย“น้าพรคะ ทำไมน้าภพถึงไม่มากินข้าวด้วยกันเหมือนก่อนล่ะคะ”“น้าภพงานเยอะ กินข้าวไม่เป็นเวลาจ้ะ”“หนูนึกว่าน้าภพไปกินที่อื่น” สีหน้าของหญิงสาวดูผิดหวังที่ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้วทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้“จะไปกินที่อื่นได้ยังไงน้าวาสทำกับข้าวอร่อยอย่างนี้” เสียงของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังคิดน้อยใจยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว“น้าภพ” ญารินดารีบตักข้าวใส่จานให้เขาทันที“ขอบใจนะกอหญ้า”ชายหนุ่มนั่งทานอย่างเงียบๆ อันที่จริงเขาไม่ได้งานยุ่งแต่พยายามออกห่างเธอ แต่ทำได้เพียงไม่กี่วันก็ทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ได้“กินเยอะ ๆ นะคะ ของโปรดน้าภพทั้งนั้นเลย”“น้าวาสครับ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามากินข้าวเท่าไหร่เพราะชาวบ้านเริ่มใช้รถเกี่ยวกันมากขึ้นแล้ว ผมคงต้องไปดูเลยอยากขอให้น้าวาสช่วยทำข้าวกล่องให้ได้ไหมครับ”“ได้ค่ะคุณภพ น้าก็ว่าจะถามอยู่ พวกคนงานออกกันแต่เช้า กว่าจะกลับก็ดึก แล้วตอนเย็นทานกันที่ไหนคะ”“กินกับชาวบ้านครับ แต่กินบ่อยๆ ก็เกรงใจ เลยคิดว่าให้น้าวาสทำให้ดีกว่า กลางวันกับเย็นนะครับ เดี๋ยวบอกอีกทีว่าวันละเท่าไหร่ น้าจะได้เตรีย
แล้วภีมภพก็เล่าเรื่องงานแต่งงานให้กับคนที่นั่งข้างๆ ฟังแต่ไม่ได้บอกว่ารักแรกของเขาจะมาร่วมงานด้วย ตอนนี้สถานะของเขากับญารินดายังไม่มีอะไรคืบหน้า เขาไม่อยากให้เรื่องในอดีตมีผลกระทบกับเรื่องที่เขาตั้งใจจะทำในอนาคต “ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรนี่คะ ไปเถอะค่ะ ไปเจอเพื่อนๆ น่าสนุกดีออกนะคะ” “กอหญ้าไปด้วยกันไหม” “ไปได้เหรอคะ แต่กอหญ้าไม่รู้จักใครเลยสักคน” “ไม่รู้จักที่ไหน พี่ยุ้ยก็ไปนะครับ” เขาหมายถึงแฟนสาวของเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านคอมพิวเตอร์ “เหรอคะ” “ว่าไงสนใจไหมล่ะ” ภีมภพคิดว่าจะพาเธอไปด้วยไม่รู้ว่าในสถานะไหน แต่ก็ยังดีกว่าไปคนเดียว อย่างน้อยก็เป็นการปิดโอกาสของปวีรดาไปในตัว “แต่กอหญ้าไม่มีชุดนะคะ” “เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าพาไปซื้อดีไหม แต่กอหญ้าต้องขอแม่กับน้าพรก่อนนะครับ” เพราะรู้ว่าสองคนนั้นทั้งหวงและห่วงเธอมากแค่ไหน “ค่ะ แต่ถ้าแม่ไม่ให้ไปล่ะคะ” “ต้องลองขอดูก่อนสิกอหญ้า” เพราะครั้งนี้งานแต่งค่อนข้างจะจัดใหญ่ เพราะเจ้าบ่าวเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเจ้าใหญ่ของจังหว
เช้าที่สดใสของใครหลายคน แต่เช้าคำนี้กับญารินดาไม่ได้เลย เพราะนอกจากจะนอนดึกแล้ว เธอยังต้องมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ภีมภพพามานอนค้างที่บ้านบนโต๊ะอาหาร“กอหญ้าไม่สบายหรือเปล่า” เพียงพรสังเกตว่าเช้านี้เธอไม่สดใส ไม่ช่างพูดเหมือนเคย“เมื่อคืนนอนดึกค่ะน้าพร เช้านี้เลยปวดหัวนิดหน่อย”“แล้วทำไมไม่บอกแม่ ยังจะมาช่วยทำกับข้าวแต่เช้าอีก”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก”“น้องกอหญ้าทำอาหารเช้าเหรอคะ อร่อยมาก”“ค่ะ”“กอหญ้า วันนี้หนูนอนพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวน้าให้น้าก้านไปส่งแม่ที่ตลาด”“ก็ได้ค่ะน้าพร”“ทานยาแล้วนอนพักนะ วันนี้ไม่ต้องเข้าร้านก็ได้”“ถ้าหนูดีขึ้นแล้วจะตามไปนะคะ”“ได้จ้ะ แต่ถ้าไม่ไหวก็พักต่อนะ” เพียงพรเป็นห่วงเพราะไม่เคยเห็นญารินดาเป็นแบบนี้มาก่อน“ค่ะ”“กอหญ้าน่ารักดีนะคะ เชื่อฟังผู้ใหญ่ แล้วเรียนชั้นไหนแล้วคะ” ปวีรดาพยายามชวนคุย เพราะเมื่อวานเห็นแล้วว่าเด็กสาวคนนี้สนิทสนมกับภีมภพมาก ถ้าเธอเข้าทางเพียงพรไม่ได้ก็คงมีเด็กสาวอีกคนที่จะช่วยให้เธอกับภีมภพได้กลับมาคบกันอีกครั้ง“กำลังจะขึ้น ปี 4 แล้วค่ะ”“ปีนี้ก็คงจบแล้วสินะคะ เรียนคณะอะไร ถ้าจบแล้วให้น้าช่วยฝากงานให้ได้นะคะ”“ขอบคุ
สองวันแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่หอพัก เธอยังรอการติดต่อจากน้าชายแต่เขาก็เงียบ หรือเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ครั้นจะเป็นฝ่ายโทรไปหาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับเขายังไงเพราะความรู้สึกของเธอมันเปลี่ยนไปแล้วยิ่งคิดถึงเธอก็ยิ่งรู้สึกไร้ค่า ตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอมีความสุขมาก เธอพยายามแสดงออกอยู่หลายครั้งว่ารู้สึกยังไง แต่มันคงไม่ได้อยู่ในสายตาของภีมภพเลย สถานะที่เขาวางไว้ให้เธอก็คือหลานสาว คงเป็นเธอคนเดียวที่คิดว่าความสัมพันธ์มันจะไปได้ไกลกว่านั้น คนที่คิดถึงไม่เคยโทรหาแต่อีกคนที่พึ่งได้เจอกันทั้งโทรหาและทักทายมาทางไลน์วันละหลายรอบพี่ชายของต้นหลิวเป็นคนที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.1 เพราะต้นหลิวมักพูดถึงพี่ชายที่อยู่ชั้น ม.4 ให้ฟังอยู่เสมอ จนวันหนึ่งทั้งสองก็ได้เจอกัน จากนั้นก็พูดคุย ทักทายกันมาเรื่อย จนกระทั่งเขาไปเรียนที่ต่างประเทศเธอกับเขาก็เลยห่างๆ กันไปพอได้เจอกันอีกครั้งเขาก็เรียนจบและเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ตอนแรกคิดว่าเขาพูดเล่นๆ ว่าจะจีบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะต้นโมกบอกกับเธอตรงๆ ว่าเขาอยากลองคบหากับเธอ ญารินดาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่บอกช
ตลอดเวลาสองเดือนที่ญารินดากับภีมภพห่างเหินกันไป เพราะหญิงสาวทั้งเรียนทั้งฝึกงาน เธอกับภีมภพคุยกันแทบจะนับครั้งได้ ญารินดาพยายามเลี่ยงที่จะเจอกับชายหนุ่ม เวลาเดินทางไปกลับก็มักจะไปกับพี่ชายของต้นหลิวความสนิทสนมระหว่างเธอกับต้นโมกก็มีมากขึ้น ชายหนุ่มหมั่นแวะมาหา ซื้อขนมมาให้และมารอรับกลับบ้าน โดยอ้างว่ามารับน้องสาววันสุดท้ายของการสอบต้นโมกอาสามารับอย่างเคย แต่ญารินดาปฏิเสธเพราะเธอยังไม่อยากกลับบ้าน ช่วงเวลาปิดเทอมแค่ไม่ถึงเดือน ญารินดากำลังคิดว่าจะอยู่ที่หอต่อ เพราะถ้ากลับไปก็ต้องไปช่วยงานเพียงพรและชายหนุ่มไม่ใช่เพราะขี้เกียจทำงาน แต่เพราะรู้สึกอึดอัด และกลัวว่าถ้ากลับไปแล้วเจอกับแฟนของน้าชาย เธอจะทำใจได้อีกไหม ให้อยู่ห่างกันอย่างนี้ถึงแม่เธอจะเจ็บแต่ก็ไม่ต้องคอยปั้นหน้าว่ามีความสุข“กอหญ้า ไม่กลับบ้านเหรอลูก”วาสนาโทรศัพท์มาถามลูกสาว หลังจากที่ต้นหลิวกับพี่ชายแวะไปหา เธอเป็นห่วงเพราะน้อยครั้งมากที่ญารินดาจะอยู่ที่หอในขณะที่เพื่อนรักกลับบ้าน“หนูขออยู่ต่ออีกนิดนะคะแม่”“มีอะไรหรือเปล่าลูก หนูไปไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน” วาสนาจับได้ถึงความผิดปกติของลูกสาว“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูแค่คิดว่าจะ
ญารินดาตื่นนอนแต่เช้า เธอเข้าไปในห้องอย่างเงียบเสียงที่สุด ตอนนี้ภีมภพยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงนอน หญิงสาวมองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะตัวเขาสูงจนเท้าเลยออกมาจากเตียงใบหน้าหล่อนั้นคล้ำแดดลงไปมาก แต่ก่อนเธอคอยเตือนให้เข้าใช้ครีมกันแดด และซื้อให้อยู่ตลอด คิดแล้วก็รู้สึกว่าการไม่ได้คุยกันอย่างเคยนั้นไม่มีอะไรดีเลยสักนิดอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จแล้วภีมภพก็ยังคงหลับสนิท ญารินดาไม่คิดจะปลุก เพราะคิดว่าเขาคงเหนื่อยสะสมมาหลายวัน เธอออกมาจากห้องแล้วลงไปหาซื้ออาหารเช้า อย่างน้อยท้องก็ควรจะอิ่มก่อนที่จะกลับบ้านพอกลับขึ้นมาบนห้องภีมภพก็อาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกเดินทางแล้ว“กินข้าวก่อนนะคะ กอหญ้าซื้อไปโจ๊กร้านประจำมาให้”หญิงสาวเทโจ๊กเครื่องในใส่ชามของเขาและโจ๊กหมูของตัวเอง ก่อนจะยกมาวางบนโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ที่ทางหอพักมีให้“น่ากินจัง” เพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่บ่ายเมื่อวานพอเห็นอาหารตรงหน้ากระเพาะอาหารก็เริ่มหลั่งน้ำย่อย“ร้านนี้อร่อยค่ะ กอหญ้ากินประจำ”ภีมภพรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเธอกับเขาเหมือนจะกลับมาเป็นอย่างเดิม ช่วงที่ผ่านมาเขาคงคิดไปเองว่าหญิงสาวพยายามอยู่ห่าง เธออาจทั้งเรียนและฝึกงานจนเหนื่อยอย่าง
การกลับมาอยู่บ้านครั้งนี้ญารินดาช่วยงานของเพียงพรได้มากขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านเพียงพรสอนงานทุกอย่างจนหญิงสาวสามารถทำงานแทนตนเองได้ทั้งหมด เพียงพรกับวาสนาจึงชวนกันไปปฏิบัติที่วัดในต่างจังหวัด งานบัญชีหน้าร้านเพียงพรมอบหมายให้ญารินดาเป็นคนจัดการส่วนเรื่องอาหารของคนงานก็ให้แม่ครัวที่เป็นลูกมือของวาสนาช่วยกันทำเพราะที่ผ่านมาวาสนาก็สอนพวกเขาไว้ค่อนข้างเยอะพอสมควร “น้าฝากร้านด้วยนะกอหญ้า” “น้าพรกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ กอหญ้าคิดว่าทุกอย่างคงไม่มีปัญหาอะไร” “ได้สิ แล้วน้าจะเอาบุญมาฝากนะ” “เดินทางปลอดภัยนะคะ” “กอหญ้าอยู่บ้านคนเดียวก็ปิดประตูลงกลอนให้มิดชิดนะ ใครมาเคาะกลางคืนก็อย่างเปิด แล้วถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกน้าภพนะ น้าสั่งเขาไว้แล้วว่าอย่าเปิดเพลงและกินเหล้าเสียงดัง” “ค่ะน้าพร” ญารินดาบอกลาทั้งสองคนที่บริเวณลานวัดซึ่งตอนนี้มีผู้ใหญ่อีกหลายคนมารอขึ้นรถตู้เพื่อไปยังสถานที่ปฏิบัติธรรม ก่อนที่ตัวเองจะขับรถกลับไปยังร้านซึ่งตอนนี้ได้ภีมภพมาช่วยอีกคน “น้าภพไม่ไปเช็กของที่โกดังเหรอคะ” “ไปมาแล้วครั
“น้าภพพูดแบบนี้ไม่กลัวว่าคุณวีจะโกรธเหรอคะ” “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับวี” ภีมภพถามอย่างสงสัยเพราะเขากับปวีรดานั้นเลิกกันไปนานแล้ว “ก็น้าภพกับคุณวีเป็นแฟนกัน” “เคยเป็นครับกอหญ้าน้ากับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนะครับ” “น้าภพคิดว่ากอหญ้าไม่รู้เหรอคะว่าคืนนั้นน้าภพกับเธอยังนอนด้วยกันอยู่เลย” “น้าว่ากอหญ้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะครับ” “ไม่ค่ะ กอหญ้าได้ยินที่น้าภพคุยกับเธอคืนนั้น แล้วตอนเช้าเธอก็ออกมาจากห้องน้าภพ” “แล้วกอหญ้าเห็นว่าน้าเข้าห้องไปกับเขาหรือเปล่าล่ะ” “ไม่เห็นค่ะ” “ไม่เห็นแต่ก็คิดไปเอง แล้วยังจะพาลโกรธน้าหนีไปกรุงเทพอีก” “กอหญ้าไม่ได้โกรธนะคะ ก็แค่ไม่อยากเห็นน้าภพอยู่กับแฟน” “เพราะอะไร หึงน้าเหรอ” “ใครจะหึงกัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ” “แต่น้าอยากให้เป็นนี่ครับ สนใจเป็นแฟนน้าไหมล่ะ” “น้าภพคะ กอหญ้าไม่อยากให้น้าภพมาล้อเล่นแบบนี้นะคะ” “น้าก็ไม่ได้ล้อเล่น น้ารักกอหญ้าจริงๆ อยากเป็นแฟนกอหญ้าจริงๆ ส่วนเรื่องคืนนั้นมันไม่มีอะ
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง
หัวใจของญารินดาเป็นสีชมพูสดใส ในทุกวันจะมีกำลังใจจากภีมภพให้เธอตื่นเช้ามาเรียนเสมอ แม้จะเรียนและมีงานกลุ่มมากแต่ไหน แต่เพราะมีกำลังใจที่ดี เธอจึงผ่านในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเสม็ดก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน วันนี้หลังเลิกเรียนก็เลยนัดให้เขามารับเพราะวันจันทร์อาจารย์งดการเรียน“กอหญ้าหน้าซีดมาเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำใสเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนเองหน้าซีดกว่าทุกวันแถมใบหน้ายังชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโตทั้งที่ห้องเรียนก็เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ “เราปวดท้องประจำเดือนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “ไหวไหม กินยาหรือยังล่ะ” “กินแล้วจ้ะ น้ำใส่ไม่ต้องห่วง” “วันหยุดกลับบ้านหรืออยู่หอล่ะกอหญ้า” “กลับบ้านจ้ะ น้ำใสกลับไหม” “เราไม่กลับ พ่อกับแม่จะขึ้นมาหาน่ะ” “ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ” “ได้เลย นึกว่ากอหญ้าจะไม่กลับบ้านจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” “เอาไว้ครั้งหน้านะน้ำใส” ทั้งสองคุยกันแค่นี้เพราะอาจารย์ประจำรายวิชาเดินเข
เมื่อดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้วภีมภพก็เอาขาที่พาดบ่าของเธอบนพื้นก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมอบจูบให้เธออีกครั้งอย่างเอาใจ “กอหญ้ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าน้าจะขอไม่ใส่ถุงได้ไหม ถ้าให้น้าเดินกลับเอาถุงยางน้าคงได้ขาดใจตายกลางทางแน่ๆ” “อีกสามวันรอบเดือนกอหญ้าจะมาค่ะ” “งั้นนั้นน้าขอสดทุกวันนะคะ กอหญ้าหันหลังให้น้านะคะคนเก่ง” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูมือใหญ่จับไหล่มนให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ เขากดตัวหญิงสาวให้แอ่นสะโพกกลมกลึงขึ้นเล็กน้อย แล้วกดแก่นกายแข็งลากไปบนกลีบกุหลาบอย่างหยอกล้อ“อ๊ะ น้าภพ”หญิงสาวสะดุ้งกับความแข็งร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งเนื้อที่แนบชิดกันกว่าทุกครั้ง ทั้งสถานที่และท่วงท่าแปลกใหม่มันทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ความเสียวมันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“ที่รักของน้าไม่เกร็งนะคะ”ปากร้อนพรมจูบไปทั้งลาดไหล่และหลังขาวเนียนฝ่ามือใหญ่ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเล็กน้อย ภีมภพย่อตัวลงแล้วกดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน“อ่าห์...กอหญ้า ขอน้าเข้าไปอีกนิดนะคะ”ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อตัวตนถูกตอดรัดจา
ภีมภพขับรถมาถึงท่าเรือในเวลาเกือบค่ำ พวกเขาทันขึ้นเรือเที่ยวหกโมงเย็นพอดี พอมาถึงบนเกาะท้องฟ้าก็มืดพอดีบ้านพักแบบพูลวิลล่ามองเห็นวิวทะเลหลังไม่ใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะชายหนุ่มอยากจะใกล้ชิดกับคนรักอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหลังจากนี้ญารินดาจะต้องเรียนอย่างหนัก โอกาสจะได้เที่ยวคงมีน้อยเต็มที“ชอบไหมครับกอหญ้า” เขาถามคนรักที่ยืนมองแล้วยิ้ม“ชอบค่ะ บ้านพักสวยมากแพงไหมคะ มีทั้งสระว่ายน้ำและยังมองเห็นวิวทะเลอีกด้วย”“ถ้าชอบก็ไม่ต้องถามราคาครับ” เขาตอบขณะที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่ตอนนี้ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องดื่มเย็นๆ วางไว้ต้อนรับ“มันคงแพงมากใช่ไหมคะ กอหญ้าเกรงใจน้าภพ”“จะเกรงใจทำไมครับ เรามาเที่ยวนะอย่าคิดเรื่องเงิน มันจะไม่สนุก”“ถ้ากอหญ้าเรียนจบแล้วกอหญ้าจะช่วยน้าภพกับน้าพรอย่างเต็มที่เลยนะคะ” หญิงสาวรีบให้คำมั่น“กอหญ้าเป็นเด็กดีแบบนี้จะไม่ให้น้ารักได้ยังไง” ภีมภพรวบเธอเข้ามากอดอย่างรักใคร“กอหญ้าก็รักน้าภพค่ะ”“หิวหรือยังครับ” เพราะทั้งสองทานแค่แซนด์วิชอบร้อนในร้านสะดวกซื้อแค่คนละชิ้นเป็นอาหารมื้อกลางวัน เพราะกลัวว่าจะมาถึงที่นี่ช้า“เริ่มหิวแล้วค่ะ”“งั้นไปกินข้า