วาสนาและญารินดามาอยู่ที่บ้านของเพียงพรได้ 2 อาทิตย์แล้ว การใช้ชีวิตเริ่มลงตัว ทุกเช้าวาสนาจะตื่นมาทำอาหารเช้าให้กับเพียงพร และภีมภพที่มาทานด้วยเกือบทุกวัน ส่วนเธอกับลูกสาวก็ทานกันในครัว 2 คน แม้เพียงพรจะชวนให้นั่งทานด้วยกันแต่วาสนาไม่อยากทำตัวเสมอเจ้านาย
จากนั้นช่วงสายก็เข้าไปที่ร้านแล้วออกไปซื้อของสดมาทำเป็นมื้อกลางวันให้กับคนงาน ทุกคนต่างพูดกันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้าวาสนาทำกับข้าวอร่อย
ส่วนเรื่องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุก็ได้เงินมาก้อนหนึ่ง เธอชั่งใจอยู่นานว่าจะนำเงินไปปรับปรุงร้านหรือเก็บเป็นเงินก้อนไว้ให้กับญารินดาเรียน เมื่อปรึกษากับเพียงพรเลยได้ข้อตกลงว่า วาสนาจะยังทำงานที่นี่ต่อ รอจนลูกสาวเรียนจบ จากนั้นจะออกไปเปิดร้านอย่างเดิมก็ได้ วาสนาและลูกสาวก็เห็นด้วยกับคำแนะนำของเพียงพร
“แม่คะ หนูจะขอแม่ไปดูหอพักกับเพื่อนได้ไหมคะ”
“หนูไปกันสองคนได้เหรอลูก”
“ได้ค่ะ มีรถตู้วิ่งจากสุพรรณไปกรุงเทพทุกวัน หนูไปเช้าเย็นก็กลับ ไปกัน 4 คนค่ะ มีหนู กัญ ต้นหลิวแล้วก็ทีเจค่ะ” ทั้ง 4 คนวาสนาเคยเจอมาบ้างแล้วจึงวางใจ
“แม่อยากไปด้วย แต่ติดที่ต้องทำงาน อีกอย่างก็ไม่อยากเกะกะ”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูว่าจะถ่ายรูปมาให้แม่ช่วยเลือกก่อน”
“ได้สิ กอหญ้าไปบอกน้าพรด้วยนะลูก”
“ค่ะ เย็นนี้หนูจะบอกหลังจากทานข้าว”
ทุกเย็นเพียงพรจะกลับมาทานอาหารเย็นที่บ้าน ส่วนภีมภพนั้นมาบ้างมาไม่มาบ้างแล้วแต่อารมณ์ของเขา แต่พักหลังมาบ่อยขึ้นเพราะเพียงพรเริ่มบ่นที่เขาเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำอาหารให้อาหารที่วาสนาทำเผื่อนั้นต้องเททิ้ง
“น้าวาสครับเย็นนี้มีอะไรกินบ้างครับ” เสียงภีมภพตะโกนมาก่อนตัว
“ทำไมต้องตะโกนด้วยอยู่กันแค่นี้ เดินไปอีกนิดก็ถึงแล้ว” เพียงพรเอ็ดน้องชายที่อายุ 28 ปีแล้วแต่ยังทำอะไรเป็นเด็กเวลาอยู่บ้าน ผิดกับตอนอยู่ต่อหน้าลูกน้องที่ทำเป็นมาดเข้มเสียงแข็งตลอดเวลา
“วันนี้มีผัดฉ่าปลาดุก น้ำพริกกับผักต้ม แล้วก็ต้มยำไก่บ้านค่ะ อ้อมีกล้วยบวชชีอีกอย่าง”
“น่ากินทั้งนั้นเลยนะคะ พรน้ำหนักขึ้นเป็นกิโลแล้วตั้งแต่น้าวาสมาอยู่กับเรา”
“คุณพรไม่อ้วนหรอกนะนะ ทานได้อีกเยอะเลย”
“น้าวาสไม่มาทานด้วยกันเหรอคะ แล้วนี่กอหญ้าไปไหน”
“คุยกับเพื่อนอยู่ค่ะ คงนัดแนะกันเรื่องเวลาเดินทาง”
“กอหญ้าจะไปไหนเหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ เขาไม่เห็นเธอออกไหนโดยที่เขาไม่ไปด้วยเลยสักครั้ง
“น้าได้ยินว่าจะไปดูหอพักกัน”
“ภพ พรุ่งนี้ที่ร้านงานไม่ยุ่งมาก พี่ว่าเราไปกับน้องดีไหม ไปช่วยดูแทนน้าวาส”
“อย่าเลยค่ะน้าเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ น้าพรไปด้วยกันไหมจะได้ช่วยตัดสินใจ”
“ถ้าคุณภพจะช่วยดูให้น้าก็วางใจ รบกวนด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมพอมีคนรู้จักอยู่เดี๋ยวจะช่วยหาที่ปลอดภัยให้ น้าวาสจะได้สบายใจด้วย ดีไหม สุพรรณกรุงเทพขับรถแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว”
“น้าไม่รู้จะขอบคุณทั้งสองคนยังไงดี”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ช่วย ๆ กันไป ผมสิครับต้องขอบคุณเพราะน้าวาสทำของอร่อยให้กินทุกวัน ขอบคุณนะครับน้าวาส” ภีมภพรู้สึกรักและเคารพวาสนาเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง การช่วยเธอดูแลกอหญ้าก็ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ซึ่งเขาเต็มใจทำ
“น้าภพว่างจริง ๆ ไหมคะ” แม้ตอนนี้จะขึ้นมานั่งคู่กับเขาบนรถแต่ก็ยังถามไม่เลิก
“กอหญ้าถามรอบที่เท่าไหร่แล้ว ถ้าน้าไม่ว่างจะมาด้วยทำไม แล้วนี่นัดเพื่อนไว้ที่ไหน” ภีมภพนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ SUV ขนาด 7 ที่นั่งสีขาวยกสูงกว่าปกติเล็กน้อย
“นั้นไงคะ ตรงนั้น” ญารินดาชี้ไปยังเด็กวัยรุ่น 3 คนที่ยืนอยู่ริมทางเท้าหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
“กอหญ้า” หนึ่งในนั้นโบกมือทักทาย
“ทุกคนนี่น้าภพ”
“สวัสดีค่ะน้าภพ”
“น้าภพคะนี่เพื่อนกอหญ้าค่ะ มีกัญ ต้นหลิว แล้วก็ทีเจค่ะ” ญารินดาแนะนำก่อนทั้งหมดจะพากันขึ้นรถ
“กอหญ้า มีน้าชายหล่ออย่างนี้ทำไม่ไม่ยอมบอกกันบ้าง” ทีเจสาวสวยเพศชายรีบเข้ามากระซิบ
“แก อย่ามาทำหื่นกับน้าภพของฉันนะ”
“อะไรนะ เขาเป็นของแกตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ยังไม่เป็นแต่ฉันจองไว้ก่อน”
“หูย มีหวง แล้วน้าภพของแกรู้ไหม”
“ไม่รู้ ฉันบอกแกคนเดียว” เพราะสนิทกับทีเจมากที่สุดเธอเลยบอกความในใจออกไป
“สองคนนั้นจะไปไหม ถ้าจะไปก็คาดเข็มขัดด้วย น้าจะได้ออกรถ” เสียงภีมภพเรียกสติของสองเพื่อนซี้ที่เอาแต่กระซิบกระซาบกันอยู่เป็นนาน
เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานทำให้ภีมภพเองก็รู้สึกสนุกไปด้วย พอขับรถมาถึงจุดหมายเขาก็ช่วยไปดูห้องพักที่ญารินดาเคยบอกไว้ ห้องดูเล็กเกินไปสำหรับอยู่สองคน แต่ก็ใกล้กับมหาวิทยาลัยอยู่มาก
“กอหญ้าว่าไง”
“หนูก็ว่าดีนะคะ ต้นหลิวล่ะ”
“อือ ใกล้ดีเดินทางสะดวก แต่ห้องเล็กไปนิด” หญิงสาวเห็นด้วยกับน้าชายของเพื่อน
“หรือกอหญ้ากับต้นหลิวจะอยู่คนละห้อง น้าเห็นว่าขั้น 4 มีห้องว่างสองห้องอยู่ตรงกันข้ามกัน ขนาดห้องเล็กกว่านี้นิดหน่อย แต่ถ้าอยู่เดียวก็ดูไม่แคบมาก แต่จะเดินขึ้นไหวหรือเปล่า”
เพราะหอพักแห่งนี้มีเพียง 6 ชั้นจึงไม่มีลิฟต์ และคนที่มาพักส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาจึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเดินขึ้นบันได
“ว่าไงต้นหลิว”
“น่าสนใจดีเหมือนกันนะ”
“เดี๋ยวน้าลองไปคุยกับเจ้าของให้ พวกเรารอน้าตรงนี้ก่อน” ภีมภพเคยมีเพื่อนที่ทำหอพักอยู่เขาจึงพอรู้ปัญญาว่าเจ้าของหอนั้นกังวลเรื่องอะไรมากที่สุด
ชายหนุ่มต่อรองเรื่องราคาและเสนอชำระเงินค่าหอพักล่วงหน้าสี่เดือน เจ้าของหอดูจะพอใจ เพราะเคยถูกนักศึกษาเบี้ยวค่าหอพักมาก็มาก พอได้ข้อเสนอนี้เขาไปก็เลยยอมลดราคาให้กับทั้งสองห้อง
“ว่ายังไงคะน้าภพ”
“ปกติห้องเดิมที่ดูไว้ห้องละ 5000 สองคนก็เหลือคนละ 2500 แต่ถ้าเช่าห้องข้างบนห้องละ 4000 น้าเลยขอให้เขาลดให้เหลือห้องละ 3000 แต่ต้องจ่ายค่าหอล่วงหน้าตลอดเทอม 4 เดือน”
“เราสองคนคิดว่าจะเอายังไง”
“แพงขึ้นอีกนิดแต่เหมือนจะสะดวกสบายขึ้นนะ หลิวว่าโอเคเลยแหละ กอหญ้าล่ะว่ายังไง” บ้านของต้นหลิวค่อนข้างมีฐานะและก่อนจะมาวันนี้ทางบ้านก็บอกไว้แล้วว่าเรื่องค่าหอให้ลูกสาวจัดการได้เลย
“ก็ดี แต่ต้องจ่ายล่วงหน้าทั้ง 4 เดือนตั้ง 12000 เลยนะ”
“กังวลอะไรกอหญ้า คนที่จ่ายคือน้าพรนะ”
“หนูเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจ น้าว่ามันสะดวกด้วย ต้นหลิวกับกอหญ้าก็ได้อยู่ห้องตรงข้ามกัน เวลาเรียนสองคนอาจไม่ตรงกันจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องเวลานอน”
“ฉันว่าดีนะแก ส่วนตัวดีด้วย เผื่อจะแอบพาผู้ชายมาค้าง” ทีเจเห็นด้วย
“ทีเจ อย่าเอาเรื่องตัวเองมาพูดแบบนี้สิ กอหญ้ากับต้นหลิวเป็นเด็กเรียนนะ” กัญรีบพูดเพราะกลัวน้าชายเพื่อนจะมองพวกเธอเป็นเด็กใจแตก
“ถ้าอย่างวนั้นกอหญ้าก็ตกลงค่ะ เผื่อแม่จะได้มานอนกับกอหญ้าบ้าง”
“งั้นน้าไปบอกเจ้าของหอก่อนนะจะได้ให้เขาร่างสัญญาไว้ วันนี้อาจแค่จ่ายมัดจำไว้ก่อน วันที่ย้ายถึงจะจ่ายส่วนที่เหลือ ของต้นหลิวเดี๋ยวน้าจ่ายให้ไปก่อนนะ”
“ขอบคุณนะคะน้าภพ” ต้นหลิวรีบกล่าวของคุณ
ภีมภพเดินเข้าไปจัดการเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง
“กอหญ้า น้าภพมีแฟนหรือยัง” กัญรีบถามเมื่อชายหนุ่มเดินลับตาไปแล้ว
“กอหญ้าไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่เคยเห็นผู้หญิงมาหานะ ทำไม กันสนใจเหรอ”
“เปล่าๆ เราถามเฉย ๆ น้าภพไม่ใช่สเปกของกัญ”
“ใช่อย่างยัยกัญต้องหล่อขาวสไตล์หลี ส่วนต้นหลิวก็สายฝอ น้าภพนี่แบบชายในฝันของกอหญ้าไม่ใช่เหรอ”
“อย่าพูดให้น้าภพได้ยินนะ” ญารินดารีบห้าม
“ทำไม ไม่ใช่น้าแท้ๆ สักหน่อย จีบเลยกอหญ้า” ต้นหลิวเชียร์อย่างออกนอกหน้า
“น้าภพกับน้าพรเป็นผู้มีบุญคุณ เราไม่กล้าคิดแบบนั้นหรอก”
“ตอนนี้ไม่คิด อีกหน่อย มคปด นะจ๊ะ แล้วมันคนละเรื่องบุญคุณกับหัวใจต้องแยกให้ชัดนะ”
“ถ้ายังไม่คิดก็รอเรียนจบก่อนก็ได้ ระหว่างนี้ใครเข้ามาก็กันท่าไว้ก่อน” ทีเจออกความเห็น
ญารินดาแอบคิดตามที่เพื่อนบอก แต่เวลาตั้ง 4 ปีเธอจะทนได้หรือเปล่า แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต
ขากลับจากกรุงเทพเสียงในรถเงียบกว่าเมื่อเช้ามากผู้โดยสารทั้งสี่คนหมดแรงหลับไปตามๆ กัน เพราะหลังจากทำธุระเรื่องหอพักกันเสร็จ ภีมภพก็พาพวกเธอทุกคนไปทานอาหารกลางวันและสาวๆ ขอไปเดินเที่ยวกันต่อ ส่วนเขานั่งรอที่ร้านกาแฟอยู่เกือบ 3 ชั่วโมง สายตาคมแอบมองคนที่นั่งคู่มาด้วย ญารินดาในวันนี้ สดใส ร่างเริงช่างพูด เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอหัวเราะอย่างมีความสุขนับตั้งแต่วันที่เขาได้เจอเธอ ภีมภพรู้สึกว่าคนของตัวเองเป็นต้นเหตุที่พรากเอาความสดใสของเธอไป จากนี้เขาตั้งใจว่าจะคอยอยู่ข้าง ๆ เธอคอยช่วยเหลือ เขาอยากเห็นเธอสดใสร่าเริงแบบนี้ไปตลอด เพราะมันทำให้คนที่ได้อยู่ใกล้อย่างเขารู้สึกดีไปด้วย “กอหญ้า” ภีมภพเรียกเบาๆ “คะ น้าภพถึงบ้านแล้วเหรอคะ” “ใกล้ถึงแล้วครับ บ้านเพื่อนกอหญ้าอยู่ที่ไหนกันบ้างน้าจะได้ไปส่งถูก” “น้าภพขับส่งที่เดิมเมื่อเช้าก็ได้ค่ะ พวกนั้นเอารถมอเตอร์ไซค์มาจอดไว้ที่นั่น” ญารินดาหมายถึงร้านรับฝากที่อยู่ใกล้กับท่ารถโดยสาร เมื่อส่งทุกคนเสร็จแล้วเขาก็ขับรถกลับมาถึงบ้านทันเวลาอาหารเย็นพอดี “เป็นไงบ้างคะคุณภพ”
เด็กฝึกของน้าภพตอนนี้แทบจะกลายเป็นแฝดของน้าภพไปแล้วไม่ว่าเขาจะไปไหนก็จะพาเธอไปด้วยทุกที่ ด้วยเหตุผลคืออยากให้เธอเรียนรู้งานให้มาก เวลาขับรถไปไหนก็มักจะสอนเธอไปว่าทางแบบนี้ ถนนแบบนี้ สภาพการจราจรแบบนี้ ควรขับรถแบบไหนใช้เกียร์แบบไหน ตอนนี้หญิงสาวขับได้ทั้งรถเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ“น้าภพ คิดว่าหนูจะทำได้ไหมคะ” ญารินดาวันนี้ญารินดาต้องมาสอบใบขับขี่หลังจากฝึกมาจนมั่นใจและอ่านข้อสอบไปเป็นสิบรอบ“ได้สิครับ มั่นใจหน่อยอย่าทำหน้าแบบนั้น”“ถ้าวันนี้ไม่ผ่าน ครั้งหน้าน้าภพจะมากับหนูอีกไหมคะ”“ไม่” ภีมภพปฏิเสธ“น้าภพอะ ใจร้าย”“ก็น้ารู้ว่ายังไงวันนี้กอหญ้าก็ต้องทำได้”“หนูจะพยายามค่ะ จากนี้หนูขอเป็นคนพาแม่ไปซื้อของมาทำอาหารนะคะ”“ได้สิ กอหญ้าจะยืมรถน้าพาแม่ไหนก็ได้ น้าอนุญาต” เพราะเป็นคนเธอเองเขาจึงมั่นใจว่าญารินดาจจะขับรถได้ดีและมีสติ“แบบนี้หนูสู้ตายเลยค่ะ”อาหารบนโต๊ะเย็นนี้มากกว่าทุกวันเพราะภีมภพอยากฉลองให้กับญารินดาที่สอบใบขับขี่ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก“กอหญ้า น้ามีความลับจะบอก”“ความลับอะไรคะน้าพร”“เรื่องสอบใบขับขี่ น้าขอชื่นชมเลยว่ากอหญ้าเก่งมากที่สอบผ่านได้ในครั้งแรก หนูรู้ไหมมีใครบาง
ภีมภพพาญารินดามาทานอาหารญี่ปุ่นตามที่เคยได้สัญญาไว้ตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม “น้าภพจำได้ด้วยเหรอคะ ว่าหนูอยากกินอาหารญี่ปุ่น” “จำได้สิ น้ายังไม่แก่นะกอหญ้า” “ก็ไม่ได้ว่าแก่ แต่มันนานแล้วคิดว่าน้าภพลืมนี่ค่ะ”“ไม่ลืมหรอกครับ”“น้าภพคะ หนูฝากความคิดถึงให้แม่กับน้าพรด้วยนะคะ” “แล้วไม่คิดถึงน้าบ้างเหรอ” “จะคิดถึงทำไมคะ” “อ้าว” ภีมภพทำหน้าเสีย “ก็น้าภพอยู่ตรงหน้าแล้วนี่คะ” “อ๋อ แล้วกอหญ้าเรียนเป็นยังไงบ้าง” “ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่โชคดีที่มีพี่รหัสคอยช่วย” “แล้วพี่รหัสเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” “ผู้หญิงค่ะ สวยด้วยนะคะ” “วันหลังต้องแนะนำให้น้ารู้จักบ้างนะครับ” “ไม่ดีกว่าค่ะ หนูกลัวน้าภพจะไปจีบพี่รหัสหนู” “คิดไปนู่น น้าแค่อยากรู้จักไว้เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะจีบเลย” “จริงสิคะ ตั้งแต่อกหักครั้งนั้นน้าภพได้คบกับคนอื่นไหมคะ” “มันก็ต้องมีบ้าง น้าเป็นผู้ชาย แต่ก็คบๆ เลิก ๆ” “ไม่คิดจะแต่งงานเหรอคะ” ญารินดาถามไปก็ใจเต้นแรง
เพราะคำพูดของเพียงพรทำให้ภีมภพไม่ค่อยมาทานอาหารที่บ้านทุกวันอย่างเคย“น้าพรคะ ทำไมน้าภพถึงไม่มากินข้าวด้วยกันเหมือนก่อนล่ะคะ”“น้าภพงานเยอะ กินข้าวไม่เป็นเวลาจ้ะ”“หนูนึกว่าน้าภพไปกินที่อื่น” สีหน้าของหญิงสาวดูผิดหวังที่ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้วทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้“จะไปกินที่อื่นได้ยังไงน้าวาสทำกับข้าวอร่อยอย่างนี้” เสียงของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังคิดน้อยใจยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว“น้าภพ” ญารินดารีบตักข้าวใส่จานให้เขาทันที“ขอบใจนะกอหญ้า”ชายหนุ่มนั่งทานอย่างเงียบๆ อันที่จริงเขาไม่ได้งานยุ่งแต่พยายามออกห่างเธอ แต่ทำได้เพียงไม่กี่วันก็ทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ได้“กินเยอะ ๆ นะคะ ของโปรดน้าภพทั้งนั้นเลย”“น้าวาสครับ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามากินข้าวเท่าไหร่เพราะชาวบ้านเริ่มใช้รถเกี่ยวกันมากขึ้นแล้ว ผมคงต้องไปดูเลยอยากขอให้น้าวาสช่วยทำข้าวกล่องให้ได้ไหมครับ”“ได้ค่ะคุณภพ น้าก็ว่าจะถามอยู่ พวกคนงานออกกันแต่เช้า กว่าจะกลับก็ดึก แล้วตอนเย็นทานกันที่ไหนคะ”“กินกับชาวบ้านครับ แต่กินบ่อยๆ ก็เกรงใจ เลยคิดว่าให้น้าวาสทำให้ดีกว่า กลางวันกับเย็นนะครับ เดี๋ยวบอกอีกทีว่าวันละเท่าไหร่ น้าจะได้เตรีย
แล้วภีมภพก็เล่าเรื่องงานแต่งงานให้กับคนที่นั่งข้างๆ ฟังแต่ไม่ได้บอกว่ารักแรกของเขาจะมาร่วมงานด้วย ตอนนี้สถานะของเขากับญารินดายังไม่มีอะไรคืบหน้า เขาไม่อยากให้เรื่องในอดีตมีผลกระทบกับเรื่องที่เขาตั้งใจจะทำในอนาคต “ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรนี่คะ ไปเถอะค่ะ ไปเจอเพื่อนๆ น่าสนุกดีออกนะคะ” “กอหญ้าไปด้วยกันไหม” “ไปได้เหรอคะ แต่กอหญ้าไม่รู้จักใครเลยสักคน” “ไม่รู้จักที่ไหน พี่ยุ้ยก็ไปนะครับ” เขาหมายถึงแฟนสาวของเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านคอมพิวเตอร์ “เหรอคะ” “ว่าไงสนใจไหมล่ะ” ภีมภพคิดว่าจะพาเธอไปด้วยไม่รู้ว่าในสถานะไหน แต่ก็ยังดีกว่าไปคนเดียว อย่างน้อยก็เป็นการปิดโอกาสของปวีรดาไปในตัว “แต่กอหญ้าไม่มีชุดนะคะ” “เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าพาไปซื้อดีไหม แต่กอหญ้าต้องขอแม่กับน้าพรก่อนนะครับ” เพราะรู้ว่าสองคนนั้นทั้งหวงและห่วงเธอมากแค่ไหน “ค่ะ แต่ถ้าแม่ไม่ให้ไปล่ะคะ” “ต้องลองขอดูก่อนสิกอหญ้า” เพราะครั้งนี้งานแต่งค่อนข้างจะจัดใหญ่ เพราะเจ้าบ่าวเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเจ้าใหญ่ของจังหว
เช้าที่สดใสของใครหลายคน แต่เช้าคำนี้กับญารินดาไม่ได้เลย เพราะนอกจากจะนอนดึกแล้ว เธอยังต้องมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ภีมภพพามานอนค้างที่บ้านบนโต๊ะอาหาร“กอหญ้าไม่สบายหรือเปล่า” เพียงพรสังเกตว่าเช้านี้เธอไม่สดใส ไม่ช่างพูดเหมือนเคย“เมื่อคืนนอนดึกค่ะน้าพร เช้านี้เลยปวดหัวนิดหน่อย”“แล้วทำไมไม่บอกแม่ ยังจะมาช่วยทำกับข้าวแต่เช้าอีก”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก”“น้องกอหญ้าทำอาหารเช้าเหรอคะ อร่อยมาก”“ค่ะ”“กอหญ้า วันนี้หนูนอนพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวน้าให้น้าก้านไปส่งแม่ที่ตลาด”“ก็ได้ค่ะน้าพร”“ทานยาแล้วนอนพักนะ วันนี้ไม่ต้องเข้าร้านก็ได้”“ถ้าหนูดีขึ้นแล้วจะตามไปนะคะ”“ได้จ้ะ แต่ถ้าไม่ไหวก็พักต่อนะ” เพียงพรเป็นห่วงเพราะไม่เคยเห็นญารินดาเป็นแบบนี้มาก่อน“ค่ะ”“กอหญ้าน่ารักดีนะคะ เชื่อฟังผู้ใหญ่ แล้วเรียนชั้นไหนแล้วคะ” ปวีรดาพยายามชวนคุย เพราะเมื่อวานเห็นแล้วว่าเด็กสาวคนนี้สนิทสนมกับภีมภพมาก ถ้าเธอเข้าทางเพียงพรไม่ได้ก็คงมีเด็กสาวอีกคนที่จะช่วยให้เธอกับภีมภพได้กลับมาคบกันอีกครั้ง“กำลังจะขึ้น ปี 4 แล้วค่ะ”“ปีนี้ก็คงจบแล้วสินะคะ เรียนคณะอะไร ถ้าจบแล้วให้น้าช่วยฝากงานให้ได้นะคะ”“ขอบคุ
สองวันแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่หอพัก เธอยังรอการติดต่อจากน้าชายแต่เขาก็เงียบ หรือเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ครั้นจะเป็นฝ่ายโทรไปหาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับเขายังไงเพราะความรู้สึกของเธอมันเปลี่ยนไปแล้วยิ่งคิดถึงเธอก็ยิ่งรู้สึกไร้ค่า ตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอมีความสุขมาก เธอพยายามแสดงออกอยู่หลายครั้งว่ารู้สึกยังไง แต่มันคงไม่ได้อยู่ในสายตาของภีมภพเลย สถานะที่เขาวางไว้ให้เธอก็คือหลานสาว คงเป็นเธอคนเดียวที่คิดว่าความสัมพันธ์มันจะไปได้ไกลกว่านั้น คนที่คิดถึงไม่เคยโทรหาแต่อีกคนที่พึ่งได้เจอกันทั้งโทรหาและทักทายมาทางไลน์วันละหลายรอบพี่ชายของต้นหลิวเป็นคนที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.1 เพราะต้นหลิวมักพูดถึงพี่ชายที่อยู่ชั้น ม.4 ให้ฟังอยู่เสมอ จนวันหนึ่งทั้งสองก็ได้เจอกัน จากนั้นก็พูดคุย ทักทายกันมาเรื่อย จนกระทั่งเขาไปเรียนที่ต่างประเทศเธอกับเขาก็เลยห่างๆ กันไปพอได้เจอกันอีกครั้งเขาก็เรียนจบและเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ตอนแรกคิดว่าเขาพูดเล่นๆ ว่าจะจีบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะต้นโมกบอกกับเธอตรงๆ ว่าเขาอยากลองคบหากับเธอ ญารินดาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่บอกช
ตลอดเวลาสองเดือนที่ญารินดากับภีมภพห่างเหินกันไป เพราะหญิงสาวทั้งเรียนทั้งฝึกงาน เธอกับภีมภพคุยกันแทบจะนับครั้งได้ ญารินดาพยายามเลี่ยงที่จะเจอกับชายหนุ่ม เวลาเดินทางไปกลับก็มักจะไปกับพี่ชายของต้นหลิวความสนิทสนมระหว่างเธอกับต้นโมกก็มีมากขึ้น ชายหนุ่มหมั่นแวะมาหา ซื้อขนมมาให้และมารอรับกลับบ้าน โดยอ้างว่ามารับน้องสาววันสุดท้ายของการสอบต้นโมกอาสามารับอย่างเคย แต่ญารินดาปฏิเสธเพราะเธอยังไม่อยากกลับบ้าน ช่วงเวลาปิดเทอมแค่ไม่ถึงเดือน ญารินดากำลังคิดว่าจะอยู่ที่หอต่อ เพราะถ้ากลับไปก็ต้องไปช่วยงานเพียงพรและชายหนุ่มไม่ใช่เพราะขี้เกียจทำงาน แต่เพราะรู้สึกอึดอัด และกลัวว่าถ้ากลับไปแล้วเจอกับแฟนของน้าชาย เธอจะทำใจได้อีกไหม ให้อยู่ห่างกันอย่างนี้ถึงแม่เธอจะเจ็บแต่ก็ไม่ต้องคอยปั้นหน้าว่ามีความสุข“กอหญ้า ไม่กลับบ้านเหรอลูก”วาสนาโทรศัพท์มาถามลูกสาว หลังจากที่ต้นหลิวกับพี่ชายแวะไปหา เธอเป็นห่วงเพราะน้อยครั้งมากที่ญารินดาจะอยู่ที่หอในขณะที่เพื่อนรักกลับบ้าน“หนูขออยู่ต่ออีกนิดนะคะแม่”“มีอะไรหรือเปล่าลูก หนูไปไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน” วาสนาจับได้ถึงความผิดปกติของลูกสาว“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูแค่คิดว่าจะ
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง
หัวใจของญารินดาเป็นสีชมพูสดใส ในทุกวันจะมีกำลังใจจากภีมภพให้เธอตื่นเช้ามาเรียนเสมอ แม้จะเรียนและมีงานกลุ่มมากแต่ไหน แต่เพราะมีกำลังใจที่ดี เธอจึงผ่านในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเสม็ดก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน วันนี้หลังเลิกเรียนก็เลยนัดให้เขามารับเพราะวันจันทร์อาจารย์งดการเรียน“กอหญ้าหน้าซีดมาเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำใสเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนเองหน้าซีดกว่าทุกวันแถมใบหน้ายังชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโตทั้งที่ห้องเรียนก็เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ “เราปวดท้องประจำเดือนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “ไหวไหม กินยาหรือยังล่ะ” “กินแล้วจ้ะ น้ำใส่ไม่ต้องห่วง” “วันหยุดกลับบ้านหรืออยู่หอล่ะกอหญ้า” “กลับบ้านจ้ะ น้ำใสกลับไหม” “เราไม่กลับ พ่อกับแม่จะขึ้นมาหาน่ะ” “ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ” “ได้เลย นึกว่ากอหญ้าจะไม่กลับบ้านจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” “เอาไว้ครั้งหน้านะน้ำใส” ทั้งสองคุยกันแค่นี้เพราะอาจารย์ประจำรายวิชาเดินเข
เมื่อดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้วภีมภพก็เอาขาที่พาดบ่าของเธอบนพื้นก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมอบจูบให้เธออีกครั้งอย่างเอาใจ “กอหญ้ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าน้าจะขอไม่ใส่ถุงได้ไหม ถ้าให้น้าเดินกลับเอาถุงยางน้าคงได้ขาดใจตายกลางทางแน่ๆ” “อีกสามวันรอบเดือนกอหญ้าจะมาค่ะ” “งั้นนั้นน้าขอสดทุกวันนะคะ กอหญ้าหันหลังให้น้านะคะคนเก่ง” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูมือใหญ่จับไหล่มนให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ เขากดตัวหญิงสาวให้แอ่นสะโพกกลมกลึงขึ้นเล็กน้อย แล้วกดแก่นกายแข็งลากไปบนกลีบกุหลาบอย่างหยอกล้อ“อ๊ะ น้าภพ”หญิงสาวสะดุ้งกับความแข็งร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งเนื้อที่แนบชิดกันกว่าทุกครั้ง ทั้งสถานที่และท่วงท่าแปลกใหม่มันทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ความเสียวมันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“ที่รักของน้าไม่เกร็งนะคะ”ปากร้อนพรมจูบไปทั้งลาดไหล่และหลังขาวเนียนฝ่ามือใหญ่ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเล็กน้อย ภีมภพย่อตัวลงแล้วกดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน“อ่าห์...กอหญ้า ขอน้าเข้าไปอีกนิดนะคะ”ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อตัวตนถูกตอดรัดจา
ภีมภพขับรถมาถึงท่าเรือในเวลาเกือบค่ำ พวกเขาทันขึ้นเรือเที่ยวหกโมงเย็นพอดี พอมาถึงบนเกาะท้องฟ้าก็มืดพอดีบ้านพักแบบพูลวิลล่ามองเห็นวิวทะเลหลังไม่ใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะชายหนุ่มอยากจะใกล้ชิดกับคนรักอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหลังจากนี้ญารินดาจะต้องเรียนอย่างหนัก โอกาสจะได้เที่ยวคงมีน้อยเต็มที“ชอบไหมครับกอหญ้า” เขาถามคนรักที่ยืนมองแล้วยิ้ม“ชอบค่ะ บ้านพักสวยมากแพงไหมคะ มีทั้งสระว่ายน้ำและยังมองเห็นวิวทะเลอีกด้วย”“ถ้าชอบก็ไม่ต้องถามราคาครับ” เขาตอบขณะที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่ตอนนี้ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องดื่มเย็นๆ วางไว้ต้อนรับ“มันคงแพงมากใช่ไหมคะ กอหญ้าเกรงใจน้าภพ”“จะเกรงใจทำไมครับ เรามาเที่ยวนะอย่าคิดเรื่องเงิน มันจะไม่สนุก”“ถ้ากอหญ้าเรียนจบแล้วกอหญ้าจะช่วยน้าภพกับน้าพรอย่างเต็มที่เลยนะคะ” หญิงสาวรีบให้คำมั่น“กอหญ้าเป็นเด็กดีแบบนี้จะไม่ให้น้ารักได้ยังไง” ภีมภพรวบเธอเข้ามากอดอย่างรักใคร“กอหญ้าก็รักน้าภพค่ะ”“หิวหรือยังครับ” เพราะทั้งสองทานแค่แซนด์วิชอบร้อนในร้านสะดวกซื้อแค่คนละชิ้นเป็นอาหารมื้อกลางวัน เพราะกลัวว่าจะมาถึงที่นี่ช้า“เริ่มหิวแล้วค่ะ”“งั้นไปกินข้า