เซี่ยห้าวไห่ไปล่าสัตว์ได้สองวันแล้ว สามพี่น้องบ้านเซี่ยจึงได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง โชคดีที่บ้านไม่ได้อยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นมาก เซี่ยห้าวไห่เลยไม่ค่อยเป็นห่วงทว่าวันนี้ผักที่ปลูกในแปลงถูกเซี่ยซูเหยียนเก็บขึ้นมาให้พี่สาวนำไปทำอาหารหมดแล้ว ทั้งสามเลยคุยกันว่าจะปลูกผักใหม่เซี่ยซูเหยาเสนอแนวคิดว่านำมูลไก่ที่มีในคอกมาผสมหน้าดินเตรียมเอาไว้ก่อนลงมือปลูก วิธีนี้จะทำให้ผักเจริญงอกงาม และไม่ใช่ว่าสามารถปลูกได้ทุกอย่าง ผักบางอย่างไม่สามารถเจริญเติบโตบนดินพวกนี้ได้ระหว่างรอเซี่ยซูเจี๋ยไปเลือกซื้อเมล็ดผัก เซี่ยซูเหยียนกับเซี่ยซูเหยาก็ช่วยกันปรับหน้าดินรอ และงานในบ้านที่ยังทำค้างไว้อยู่ เซี่ยซูเหยาก็อาสาทำก่อนพี่สาวจะกลับจริง ๆ วันนี้มีชาวบ้านมาเรียกให้เซี่ยซูเหยียนไปช่วยเก็บฟืนในป่า ทว่าที่บ้านมีน้องสาวอยู่คนเดียวเลยปฏิเสธไป แม้ตอนแรกคนที่มาเรียกจะหัวเสียก็ตามเซี่ยซูเหยาอ้าปากหาวพลางอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนหลับอย่างสบายใจ อีกไม่นานนางคงอุ้มไม่ได้แล้ว ยังดีที่มันไม่ได้โตเร็วมากเมื่อวานเซี่ยซูเหยาให้เซี่ยซูเหยียนไปซื้อข้าวสารมาห้าจิน เป็นเงินหนึ่งตำลึงเงินและห้าร้อยอีแปะ เงินจำนวนนี้ต้องทำงานส
เป็นไปตามที่สามพี่น้องบ้านเซี่ยคิดกันจริง ๆ หลังจากฝาแฝดเซี่ยกลับไปไม่นานทั้งสามก็ได้ยินเสียงก่นด่าทอดังเข้ามาใกล้‘นังเด็กสารเลว!มา‘ท่านแม่ ท่านแม่ต้องให้ความยุติธรรมกับยุ่นเอ๋อร์นะเจ้าคะ! โฮ หลานของท่านแม่จะมีแผลไม่ได้!’‘ใช่ ๆ’‘เด็กพวกนี้มันกล้าทำขนาดนี้ ถ้าปล่อยไว้มันต้องทำอาหรงแน่ ๆ’‘นั่นสิ’“เซี่ยซูเจี๋ย!”เซี่ยซูเหยาหลบหลังพี่สาวทันทีที่เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาใกล้ ในกลุ่มมีนางซือหลิงที่ตาแดงเดินมาด้วย คาดว่าคงเห็นที่แขนลูกสาวแล้ว“ท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยเรียกย่าเซี่ยหรือก็คือย่ารองสกุลเซี่ย ภรรยาปู่รอง น้องชายของปู่นางท่านปู่และท่านย่าแท้ ๆ ขของพวกนางเสียไปนานแล้วท่านย่าเซี่ยคือผู้อาวุโสของสกุลเซี่ย พวกนางจึงต้องเรียกตามที่คนอื่นเรียก“เซี่ยหลินยุ่นเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเจ้าคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องลงมือด้วย”“นางจะตีอาเหยา ข้าจึงปกป้องน้องสาวของข้าเจ้าค่ะท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยขึ้นเสียงเบาเซี่ยหลินยุ่นเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของท่านย่าเซี่ยที่ขึ้นชื่อว่าใจร้ายในหมู่บ้าน นางทำให้หลานสาวของท่านย่าเซี่ยมีบาดแผล ไม่รู้จะโดนอะไรบ้างยิ่งมากับนางซือหลิงและลูกชาย ลูกสะใภ้ อีกสามสี่คน เซี่ยซู
ผ่านมาแล้วสองวันใบหน้าที่บวมช้ำของเซี่ยซูเจี๋ยก็กลับมาเป็นปกติ และทั้งสามก็ลงมือนปลูกผักเรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วันเซี่ยห้าวไห่ก็จะกลับมา เซี่ยซูเหยาเลยอ้อนขอให้เซี่ยซูเหยียนพาเข้าป่า จริง ๆ เซี่ยซูเหยียนปฏิเสธทว่าเซี่ยซูเหยาไม่ยอมแพ้ นางอ้อนขอจนได้ไปก็ยังเป็นเซี่ยซูเจี๋ยที่เตรียมอาหารสำหรับเข้าป่าวันนี้ มีเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ไปทำงาน และท่านยายหลี่ฮัวก็อยู่ที่บ้าน เซี่ยซูเจี๋ยเลยไปขอให้ช่วยดูบ้านให้ด้วย นางไม่ไว้ใจที่จะให้น้องชายกับน้องสาวพากันไปเองปลาในถังเหลือออยู่เจ็ดตัว กุ้งอีกเป็นร้อยตัวเซี่ยซูเจี๋ยก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องพากันเข้าป่าอีก นางไม่อยากปฏิเสธน้องสาวที่ยิ้มกว้างตอนที่เซี่ยซูเหยียนอนุญาต“ครบแล้วใช่ไหม”นอกจากตะกร้าอาหารมื้อกลางวันแล้วทั้งสามก็มีตะกร้าสานสะพายคนละอัน เซี่ยซูเหยาได้ตะกร้าที่มันเล็กแต่ก็ใส่ของได้เยอะ และเซี่ยซูเหยียนก็เอาพวกมีดกับขวานไปด้วย ของพวกนี้เขาเอาติดตัวไปด้วยตลอดยามเข้าป่า“ขอรับ” เซี่ยซูเหยียนพยักหน้าเซี่ยซูเหยาไม่เอาเสี่ยวเฮยไปด้วย น้ำหนักของเสี่ยวเฮยไม่ใช่น้อย ๆ นางกลัวว่ามันจะถ่วงเวลาเดินนาง จึงเลือกที่จะขังไว้ในห้องครัว ทว่านางเทน้ำต้มข้าว น้
เซี่ยห้าวไห่นั่งแทบไม่ติดแคร่ไม้ไผ่หลังจากกลับมาจากการล่าสัตว์ ท่านยายหลี่ฮัวที่อยู่ข้างบ้านบอกว่าเซี่ยซูเหยียนพาพี่สาวและน้องสาวเข้าป่าไปแล้ว ยังเล่าเรื่องที่สายรองเซี่ยมาที่บ้านอีกทว่าที่เซี่ยห้าวไห่ไม่เข้าไปตามลูก ๆ เพราะอีกไม่นานเซี่ยซูเหยียนก็คงพาพี่สาวและน้องสาวกลับมา ลูกชายคนรองของเขารู้ตัวว่าสามารถพาไปที่ไหนได้บ้าง และกว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้านเซี่ยห้าวไห่ก็หมดแรงแล้วผ่านไปเกือบชั่วยามเซี่ยห้าวไห่จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นลูกชายพาพี่สาวและน้องสาวกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย“ท่านพ่อ”“ท่านพ่อ”“ท่านพ่อ!”เสียงสุดท้ายเป็นเสียงของเซี่ยซูเหยาที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ นางคำนวณวันตามที่พี่สาวบอกทว่าเหลืออีกตั้งสองวันไม่ใช่หรือ ทำไมรอบนี้ถึงกลับมาเร็วกว่าปกติ“อาเจี๋ย! อาเหยียน! อาเหยา!”เซี่ยซูเจี๋ยรีบเข้าไปในบ้านเพื่อทำอาหารให้เซี่ยห้าวไห่ ปกติเวลาที่เซี่ยห้าวไห่กลับมาจากการล่าสัตว์ เซี่ยซูเจี๋ยก็จะรีบทำอาหารให้ เพราะเหล่านายพรานเร่งเดินทางกลับพวกเขาจึงไม่หยุดแวะพัก ทว่า
เซี่ยห้าวไห่ยื่นเงินจำนวนเจ็ดสิบห้าอีแปะจากการนำไข่ไก่ไปขาย ให้ลูกสาวคนเล็กอย่างเซี่ยซูเหยาที่นั่งเล่นกับเจ้าเสี่ยวเฮยบนแคร่ไม้ไผ่เขาได้ปรึกษากับลูกอีกสองคนแล้วว่าเงินนี้ควรจะเป็นของเซี่ยซูเหยา หลังจากนำไข่ไก่ไปขายบางส่วน เขาก็เอากลับมาให้ลูกสาวโดยที่ไม่หักค่าไปขายเซี่ยซูเหยาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อด้วยความมึนงง คนที่เก็บเงินในบ้านคือเซี่ยซูเจี๋ย ทว่าวันนี้พ่อของนางกลับมอบเงินจำนวนหลายอีแปะให้นาง“เงินนี้ได้มากจากการขายไข่จำนวนเจ็ดสิบห้าฟอง โรงเตี๊ยมประกาศรับไข่ไก่ให้ฟองละหนึ่งอีแปะพ่อเลยลองไปดู” เซี่ยห้าวไห่ตอบอย่างละเอียด ลูกสาวจะไม่ได้ถามเขาซ้ำอีก“ให้พี่สาวเถิดเจ้าค่ะ”เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เซี่ยซูเหยียน เซี่ยซูเจี๋ยไปรับจ้างหาเงินเข้าบ้านยังไม่เก็บไว้เอง นางจึงไม่ต้องการส่วนแบ่งนี้ อีกทั้งที่ผ่านมาทุกคนก็ทำเพื่อนางมาก“พ่อกับพี่สาว พี่ชายคุยกันแล้ว” เซี่ยห้าวไห่ถอนหายใจพลางนั่งลงข้างลูกสาว เขาคิดเอาไว้แล้วว่านางจะไม่ยอมรับ“ท่านพ่อ อาเหยาอยากขายอาหาร”เซี่ยซูเหยาใ
กลิ่นอาหารของบ้านเซี่ยหอมถึงบ้านที่อยู่ห่างกันหลายจั้ง มีบางคนถึงขั้นเดินออกมาดูว่าเป็นกลิ่นอาหารจากบ้านหลังไหน พอตามกลิ่นมาถึงเห็นว่ามาจากบ้านเซี่ยก็แยกย้ายไปข่าวลือที่บ้านเซี่ยเลี้ยงสุนัขถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่บ้าน ใคร ๆ ก็รู้ว่าบ้านเซี่ยไม่มีเงิน ทว่าพวกเขากลับเอาภาระมาเลี้ยงเซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าให้ท่านยายไห่ซือที่เดินมาถามหลังนางนั่งซักเสื้อ นางมี่ซือเป็นลูกสะใภ้ของท่านยายไห่ซือที่มาตามน้องชายคนรองเมื่อวานนี้ นางจึงไม่แปลกใจที่จะมีคนมาถาม ลำพังแต่ละบ้านก็อยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แต่บ้านเซี่ยกลับไปเอาภาระมาเพิ่ม“พี่สาว”เซี่ยซูเหยาที่เดินตามพี่สาวมานั่งลงข้าง ๆ กัน วันนี้นางขอเซี่ยซูเจี๋ยมาซักผ้าเองเพราะพี่สาวปวดท้อง มันจึงเป็นข้ออ้างที่เซี่ยซูเจี๋ยปฏิเสธไม่ได้“อาเหยานั่งนิ่ง ๆ นะ! รอรับผ้าก็พอ” เซี่ยซูเจี๋ยหันไปบอกน้องสาว“เจ้าค่ะ”ทว่าเซี่ยซูเจี๋ยก็คือเซี่ยซูเจี๋ย นางไม่ต้องการให้น้องสาวของนางออกแรงแม้แต่น้อย เซี่ยซูเจี๋ยหาที่นั่งให้น้องสาวก่อนจะลงมือซักเสื้อ“อาเจี๋ย ทำไมเจ้าไม่
เหลือเพียงหนึ่งวันบ้านเซี่ยก็จะนำของไปขายที่ตลาดแล้ว วันนี้จึงต้องเตรียมของที่จะนำไปขาย อย่างข้าวไข่ตุ๋นผักเซี่ยซูเหยาก็จะใช้ท่อนไม้ไผ่ที่ถูกตัดทำความสะอาดด้านในเป็นภาชนะอะไรที่ประหยัดได้เซี่ยซูเหยาก็ต้องประหยัดที่สุด เนื่องจากไข่ที่มีในบ้านเหลือไม่มาก เซี่ยซูเหยียนจึงไปซื้อมาเพิ่ม ถึงบอกประหยัดแต่ก็ใช้เงินไม่น้อยเลยเซี่ยซูเหยาบอกวิธีตัดท่อนไม้ไผ่เพื่อจะนำมาเป็นถ้วยข้าวไข่ตุ๋นผัก วันนี้คงต้องเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมและลุกมานึ่งไข่ตุ๋นยามโฉ่ว เพราะกว่าจะแต่งตัวและไปถึงก็ปลายยามอิ๋น แล้วซึ่งวันแรกของการขายเซี่ยซูเหยาจะทำเพียงห้าสิบถ้วยเท่านั้น นางไม่รู้ว่ามันจะขายได้ไหม หากเอาไปน้อยแล้วหมดเร็วมันน่าเสียดาย ทว่าหากเอาไปมากแล้วไม่หมดก็น่าเสียดาย ห้าสิบถ้วยจึงคิดว่ามันเหมาะสมแล้วเซี่ยห้าวไห่ออกไปเช่าแผงตลาดตั้งแต่เช้าและยังไม่กลับมาบ้าน เพราะเขาต้องไปเช่าเกวียนวัวมาจากพ่อค้าเพื่อนำของไปขายท่อนไม้ไผ่ที่ตัดออกมาจะใช้เป็นถ้วยมีมากนับร้อยอัน ระหว่างพี่สาวกำลังทำงานบ้าน พี่ชายขัดไม้ไผ่ เซี่ยซูเหยาจึงเป็นคนล้างด้านใน ต่อให้มันจะไม่โดนดิน ทว่าเซี่ยซูเหยาไม่อยากกังวลช่วงบ่ายทุกคนตกลงกันว่าจะแก
เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวขึ้นกลางยามโฉ่วเพราะได้กลิ่นหอมของไข่ที่กำลังตุ๋น นางรีบลุกจากเตียงเตา ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จถึงออกมานอกห้อง ทุกคนคงลุกขึ้นมาตั้งแต่ต้นยามโฉ่วแล้ว“พี่สาว” เซี่ยซูเหยาเอ่ยเรียกพี่สาวที่ผสมไข่ตุ๋นอยู่ด้วยความง่วง เพราะที่บ้านไม่ได้มีชามใหญ่และกลัวว่าจะผสมเครื่องปรุงไม่ทั่วถึง เซี่ยซูเจี๋ยเสนอที่จะปรุงไข่ตุ๋นชามต่อชาม ปรุงเสร็จเทใส่ท่อนไม้ไผ่ที่เตรียมเอาไว้ ก่อนจะนำไปนึ่งในหม้อยังดีที่ได้ทดลองปล่อยข้าวไข่ตุ๋นทิ้งไว้หนึ่งชั่วยาม ปรากฏว่ามันยังร้อนอยู่ ขอเพียงไม่โดนอากาศเย็นมากและต่อให้ข้าวไข่ตุ๋นเย็น รสชาติที่ทำก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ทว่าหากรับประทานตอนร้อน ๆ จะอร่อยมากกว่าเซี่ยซูเหยาตั้งราคาไว้ที่ถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ซื้อสิบถ้วยขึ้นไปลดเหลือเพียงถ้วยละยี่สิบอีแปะเท่านั้น ราคาจริง ๆ ที่นางต้องการขายคือถ้วยละยี่สิบอีแปะ ทว่านางจะได้รับกำไรที่น้อยลงหรือบางทีอาจขาดทุนไปด้วยข้าวไข่ตุ๋นผักสามสิบห้าถ้วย ถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ซื้อสิบถ้วยขึ้นไปก็เหลือถ้วยละยี่สิบอีแปะ ทว่าข้าวไข่ตุ๋นกุ้งต้องเพิ่มราคาอีกห้าอีแปะต่อถ้วย มันเป็นเนื้อสัตว์จึงมีราคาที่แพงมากกว่า วันนี้นางทำเพียงสิ
เช้าวันนี้ในเมืองหลวงแคว้นหนานมีการถกเถียงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนของคนสกุลเจิ้ง ว่ากันว่าวันนั้นภรรยาทั้งสามคนของอดีตเสนาบดีเจิ้งที่ล่วงลับไปแล้วคลอดบุตรพร้อมกันหนึ่งฮูหยินใหญ่ภรรยาเอกของเสนาบดีเจิ้งคลอดบุตรชายออกมาเป็นคนที่สอง บุตรชายของนางจึงกลายเป็นคุณชายรองไปโดยปริยาย หากไม่เกิดเรื่องถูกไล่ออกจากสกุลครานั้นคงได้ขึ้นเป็นเสนาบดีเจิ้งคนปัจจุบัน แทนพี่ชายที่เป็นบุตรอนุสองฮูหยินรองที่คลอดบุตรสาวคนเล็กพร้อมเสียชีวิตลงระหว่างคลอดบุตรสาวออกมา จากการสอบถามหมอที่ทำคลอด หมอผู้นั้นกล่าวว่าฮูหยินรองเสียเลือดมาก อีกทั้งเด็กขาดอากาศหายใจจึงไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้สามคืออนุสามที่คลอดบุตรชายคนโตของสกุลเจิ้งก่อนฮูหยินทั้งสอง กล่าวได้ง่ายๆ ก็คือคุณชายใหญ่เจิ้ง หรือประมุขสกุลเจิ้งคนปัจจุบันนั่นเองทว่าเรื่องที่ถกเถียงในวันนี้ก็คือบุตรชายของฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งนั้นเป็นบุตรชายแท้ๆ ของฮูหยินรอง! ส่วนบุตรแท้ๆ ของนางนั้นเป็นบุตรสาวที่คลอดออกมาแล้วเสียชีวิต หมอทำคลอดกล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งในยามนั้นเสียเลือดมากและไม่มีโอกาสที่จะมีบุตรได้อีก จึงทำการสลับเปลี่ยนตัวเด็กทั้งยังสังหารฮูหยินรองทิ้ง ซึ่งเรื่องนี
ซื่อจื่อหมิงซูเหยียนที่กำลังช่วยสหายสะสางฎีกาต้องรีบกลับตำหนักบูรพาทันทีเมื่อได้ยินว่าน้องสาวมีใบหน้าเศร้าหมองมาจากจวนสกุลเจิ้ง พอๆ กับผู้เป็นสามีอย่างรองแม่ทัพเจิ้งที่ตามพี่ภรรยาไปด้วยตำหนักบูรพาเดิมทีเป็นตำหนักขององค์รัชทายาทที่จะได้รับตำแหน่งฮ่องเต้องค์ถัดไป ทว่าฮ่องเต้หมิงหลงอันกลับไม่ยอมให้องค์รัชทายาทเข้าไปอยู่และสร้างตำหนักใหม่ให้แทน ในระหว่างนี้องค์รัชทายาทก็ต้องอยู่ในตำหนักเดิมของพระองค์ไปก่อนส่วนตำหนักบูรพาถูกยกให้เป็นจวนสกุลเซี่ยที่มีรองแม่ทัพเซี่ยเป็นประมุขสกุล ซึ่งองค์รัชทายาทไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เพราะหากเขายอมรับตำหนักใหม่ยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการตำหนักแบบใด และเรื่องนี้เหล่าขุนนางก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน อาจเป็นเพราะแต่ละคนล้วนเป็นขุนนางที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้หมิงหลงอันเพียงผู้เดียวก็ได้ยิ่งยามนี้จวนสกุลเซี่ยเพิ่งถูกองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่สั่งทุบไป และจะสร้างเป็นสวนดอกไม้เพื่อรำลึกถึงคนที่เสียชีวิตแทน ทำให้สามพี่น้องไม่ได้ย้ายไปพักที่นี่ อีกอย่างความทรงจำต่างๆ คงไม่ดีสำหรับผู้รอดชีวิตในวันนั้นรองแม่ทัพเจิ้งกระโดดลงจากรถม้าด้วยความเร่งรีบ เมื่อสอบถามนางกำนั
เสียงการเคลื่อนไหวที่ข้างนอกห้องนอนทำให้เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้นบนที่นอน ตั้งแต่แต่งงานมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ วันนี้นางตื่นสายมากๆ ได้ยินว่าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งกลับมาจากเยี่ยมบุตรชายที่นอกเมืองหลวง นางผู้เป็นหลานสะใภ้จึงต้องไปยกน้ำชาเพื่อแสดงความเคารพสักหน่อย“องค์หญิง”“ยามใดแล้ว” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามคนสนิทที่เข้ามาช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้น ทั้งยังยกอ่างล้างหน้ามาให้ผู้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเจิ้งหมาดๆ นางพยักหน้า“ยามซื่อแล้วเพคะ ท่านเขยกล่าวว่าไม่ต้องปลุกท่าน บ่าวจึงรอให้ท่านตื่นเอง”“ยามซื่อ!”สามวันมานี้เหลาอาหารอิ้งเยว่เกิดเรื่องขึ้น นางจึงต้องจัดการปัญหาต่างๆ จะให้สามีจัดการให้ก็ไม่ได้ เขาไม่รู้เรื่องในเหลาอาหารทั้งยังมีเพียงนางที่แก้ปัญหาได้ จึงต้องนอนดึกและตื่นเช้ามาตลอดสามวัน เพียงทว่าเมื่อคืนนางคงจะเหนื่อยจริงๆ จึงหลับลึกมากชนิดที่ว่าคนข้างกายลุกไปก็ยังไม่รู้สึกตัว“เพคะ”“เขาล่ะ” นางหมายถึงสามีของนางที่ไม่เห็นหน้าเมื่อตื่นนอน“ท่านเขยออกไปพบองค์รัชทายาทเพคะ ได้ยินว่าพระองค์ป่วยหนักหลังจากถูกฝ่าบาททิ้งงานไว้ให้หลายวัน” หลิวซิ่นกล่าวยิ้มๆ อย่างขบขัน เมื่อองค์รัชทายาทถูกบิดาและบรรด
วันที่สิบเจ็ด เดือนสอง รัชศกหมิงปีที่ยี่สิบเอ็ด แคว้นหนานมีงานมงคลครั้งใหญ่โดยมีฮ่องเต้หมิงหลงอันเป็นญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง หรือก็คือองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่ ที่สมรสกับรองแม่ทัพเจิ้งรั่วซาน คุณชายรองเจิ้งแห่งสกุลเจิ้งแม้จะมีเสียงกล่าวว่าไม่เหมาะสมบ้าง แต่ใครจะสนกันล่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ผู้เป็นพี่สาวไม่ปราถนาที่จะแต่งงานเร็วๆ นี้ ทั้งได้ยินว่านางจะออกบวชชีที่อารามนอกเมือง หากรอพี่สาวแต่งงาน องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่ผู้เป็นน้องสาวก็คงไม่ได้แต่งงานแล้วชีวิตนี้ฮ่องเต้หมิงหลงอันมีราชโองการให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่แต่งให้รองแม่ทัพเจิ้งรั่วซาน โดยที่ไม่ต้องลดบรรดาศักดิ์เชื้อพระวงศ์หญิงอันดับหนึ่ง ยังเป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วเช่นเดิม ไม่ต้องกล่าวก็รู้ว่าเป็นคนโปรดเพียงใด ขนาดองค์หญิงรอง องค์หญิงสี่ที่แต่งไปกับเชื้อพระวงศ์แคว้นอื่นยังต้องลดบรรดาศักดิ์ลงเลยเสียงสนทนาเบาๆ ดังขึ้นที่หน้าห้องแต่งตัวของผู้เป็นเจ้าสาว ทำให้เซี่ยซูเหยาที่แต่งตัวอยู่อดที่จะมองดูไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าคนสนิทของนางเดินทางมาถึงแล้ว“องค์หญิง”“ฟางไฉ่!”ฟางไฉ
เสียงหัวเราะท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบสร้างความสุขให้แก่นางกำนัลและองครักษ์ในตำหนักบูรพาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งอากาศยังเย็นสบาย“ได้ยินมาว่าพี่หญิงถูกชินอ๋องแคว้นหลิงตามเกี้ยวหรือขอรับ” ซื่อจื่อหมิงซูเหยียนที่นั่งตรงข้ามกล่าวถามองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ชะงักมือที่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย หวนนึกถึงคนผู้หนึ่งที่ตามเกี้ยวมาตลอดห้าปีอย่างขบขัน“อืม”“พี่หญิงยังไม่ใจอ่อนให้เขาอีกหรือเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาผู้นั่งข้างๆ พี่สาวเอ่ยถามบ้าง“ใจอ่อนอันใด นางมาปรึกษาข้าว่าอยากบวชชีอยู่เลย”แค่กๆหลายคนถึงกับน้ำพุ่งออกจากปากเมื่อได้ยินคุณหนูเจ็ดเย่กล่าว ทั้งยังหันมององค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ที่นั่งจิบน้ำชาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเป็นตาเดียว“ฮ่าๆ เหตุใดสีหน้าพวกเจ้าจึงเป็นเช่นนั้น” นางเพียงอยากบวชชีก็เท่านั้นเองเซี่ยซูเหยามองพี่สาวอย่างอึ้งๆ หลายปีที่ผ่านมาชินอ๋องผู้นั้นยังพิชิตใจพี่หญิงของนางไม่ได้อีกหรือ นางคิดว่าเขาจะตามเกี้ยวพี่สาวจนยอมตกลงแล้วเสียอีก“แล้วชินอ๋องแคว้นหลิงเล่า”“ชินอ๋องผู้นนั้นหรือ พี่ไล่เขากลับแคว้นหลิงแล้ว เชื้อพระวงศ์สองแคว้นควรเกี่ยวดอง
ต้นไม้สั่นไหวไปตามสายลมที่พัดมาเอื่อย ๆ บนเนินเขาเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงมาก ทั้งยังเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ทั่วทั้งเนินเขาไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ เพราะเป็นพื้นที่ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่ที่ได้รับพระราชทานมาในยามที่ได้รับตำแหน่งองค์หญิงเจิ้นกั๋วม้าสองตัวถูกบังคับตามกันขึ้นไปยังเนินเขาที่มีเหล่าองครักษ์รออยู่ตีนเขา เสียงหัวเราะของสองพี่น้องช่างทำให้ฟางไฉ่และผู้ที่ติดตามมาตั้งแต่เมืองเฟิงยิ้มกว้าง หลายปีที่ผ่านมาองค์หญิงของพวกเขาร่าเริงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนก็จริงทว่าโดดเดี่ยวนักเมื่ออยู่เพียงลำพังเด็กหนุ่มเด็กสาวที่เคยเรียกว่าคุณชาย คุณหนู ยามนี้กลายเป็นองค์หญิงและซื่อจื่อกันหมดแล้ว ยิ่งแต่ละคนเติบโตการมีบรรดาศักดิ์ยิ่งแตกต่างกันมากขึ้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ผู้เป็นพี่สาวคนโต ยามนี้มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือนั่นก็คือการเป็นศิษย์ของหมอเทวดาหญิง ทั้งยังมีชื่อเรียกว่าองค์หญิงเทพธิดาจากการช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจน กลับมาหาน้องสาวเพียงปีละครั้งเท่านั้นซื่อจื่อหมิงซูเหยียนพี่ชายคนรองที่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะได้รับบรรดาศักดิ์อ๋องและยามนี้เ
ท้องฟ้าเริ่มมืด รถม้าของจวนขุนนางต่างทยอยจอดที่หน้าประตูวังเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ยิ่งงานเลี้ยงครั้งนี้อนุญาตให้นำบุตรอนุเข้าร่วมได้ ผู้คนจึงเยอะมากเป็นพิเศษ หากเป็นที่ถูกใจของเชื้อพระวงศ์อย่างน้อยก็อาจได้เป็นสนมเซี่ยซูเหยาก้าวลงรถม้าเมื่อถึงเวลาที่ควรเข้าไปด้านใน อาภรณ์ที่สวมใส่ล้วนเป็นสีแดงที่หมายถึงมงคล กลับปักหลายหงส์ที่ไม่ควรจะสวมใส่ เสด็จลุงเป็นผู้ส่งอาภรณ์นี้ให้นางเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แม้ตัวนางจะไม่เห็นด้วยเนื่องจากหงส์เป็นสัญลักษณ์ของฮองเฮาที่เคียงคู่มังกร ทว่าก็ถูกลี่กงกงเอ่ยขอร้อง มิเช่นนั้นจะถูกเสด็จลุงโทษนางจึงยอมเมินเหล่าคุณหนูสกุลใหญ่ที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น ก้าวเท้าตามลี่กงกงที่นั่งเฝ้านางแต่งตัวเพื่อไปหาเสด็จลุง อันที่จริงนางควรจะเข้าไปในงานเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่เสด็จลุงของนางกล่าวว่าให้ไปหาก่อนเสียงซุบซิบที่พอเห็นว่านางเหลือบมองก็เงียบลง เซี่ยซูเหยาถอนหายใจ หมายมั่นว่าหลังจากจบงานเลี้ยงนี้นางจะไม่ยอมใส่ชุดหงส์ที่เสด็จลุงส่งมาให้แน่“หลานรักมาแล้วหรือ”เซี่ยซูเหยามองฮ่องเต้หมิงหลงอันที่ให้นางกำนัลสวมชุดให้อย่างเบื่อหน่าย หลายปีมานี้นางสนิทกับเสด็จลุงและเสด็
วันที่สิบสาม เดือนสอง รัชศกหมิงปีที่สิบห้า สกุลเย่เป็นหนึ่งในกบฎเมื่อหลายปีก่อน ฮ่องเต้หมิงหลงอันมีราชโองการประหารเจ็ดชั่วโคตรโทษฐานกบฏ ละเว้นคุณหนูหกเย่ คุณหนูเจ็ดเย่ ที่สร้างชื่อเสียงให้แคว้นในการแข่งขันที่ผ่านมา ทว่าถูกกักตัวภายในคุก ส่วนคุณชายสี่เย่ไม่ได้รับการละเว้น บุรุษสกุลเย่ไม่สามารถสอบขุนนางได้อีกตลอดชีวิต รวมถึงสตรีที่ไม่สามารถเข้าวังเป็นพระสนมได้เย่ฮองเฮาคบชู้สู่ชายสวมหมวกเขียวให้ฝ่าบาทจนมีองค์ชายเจ็ด ปลดออกจากตำแหน่งฮองเฮา พระราชทานผ้าแพรขาว รวมถึงพระราชทานยาพิษให้แก่องค์ชายน้อยให้เป็นเยี่ยงอย่างของพระสนม ว่าหากคบชู้จะถูกลงโทษอย่างไร องค์หญิงใหญ่ถูกกักบริเวณภายในตำหนักจนกว่าจะมีการสืบสวนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่บ้านรองสกุลเซี่ยถูกราชโองการประหารโทษฐานสร้างความเสื่อมเสียให้แก่แคว้นหนานในขณะที่มีแคว้นพันธมิตรอยู่ในแคว้น ทั้งยังลอบทำร้ายองครักษ์ของฮ่องเต้หมิงหลงอันที่เป็นบิดาขององค์หญิงเจิ้นกั๋วทั้งสองจนถึงแก่ความตายวันที่สิบห้า เดือนสอง รัชศกหมิงปีที่สิบห้ามีราชโองการประกาศรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับสกุลเย่ ขุนนางที่เกี่ยวข้องล้วนต้องโทษประหาร บุรุษในสกุลถูกส่งไปเป็นทาสนอกเมืองหล
เสียงกระทบกันของโลหะบ่งบอกว่ามีคนเปิดประตูคุก ฝีเท้าหลายคู่เดินตามทางที่ทอดยาวไปยังห้องขังใต้ดิน คบเพลิงถูกจุดตามกรงขังเป็นระยะๆ เพื่อให้แสงสว่างแก่ทางเดิน ห้องขังที่เต็มไปด้วยน้ำขังถูกสนิมกัดเซาะชวนให้อาเจียนกลิ่นอับชื้นตีขึ้นคละคลุ้งไปทั่วจมูก เซี่ยซูเหยารีบใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกเอาไว้ รีบก้าวเท้าตามองครักษ์ที่ถูกส่งมาเปิดห้องขังในยามวิกาล ด้านหลังมีคนติดตามมาอีกหลายคน วันนี้นางมายังคุกคุมขังนักโทษที่บังอาจก่อเรื่องในวันงาน‘ปล่อยข้านะ!’‘หยุนหรง! เพราะเจ้า เป็นเพราะเจ้าคนเดียว!’‘ท่านพ่อ!’‘ข้ากลัว ฮืออ’‘แม่เจ้าก็เข้าคุกไปแล้ว! ยังต้องพาข้าเข้าคุกอีก’‘หุบปาก! ท่านเป็นคนฆ่ามันเองไม่ใช่เหรอ’‘ฮือๆ'เสียงทะเลาะกันที่คุ้นหูทำให้เซี่ยซูเหยาเหยียดยิ้ม หลายวันมานี้คงจะอยู่กันอย่างทรมานสินะ ถึงได้ด่ากันมากขนาดนี้ หลังจัดงานศพบิดาเสร็จนางก็เพิ่งมีเวลามาที่นี่“องค์หญิง ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ที่ฮ่องเต้หมิงหลงอันสั่งให้นำหลานสาวมายังคุกหลวงกล่าวกับเด็กสาวด้วยความเคารพ หากไม่ใช่บุคคลสำคัญหรือมีอำนาจมากพอ มีหรือที่จะสามารถเดินเข้าออกคุกหลวงได้อย่างสบายแบบนี้นัยน์ตาเล็กหรี่มองเซี่ยหยุนหรง