เซี่ยห้าวไห่นั่งแทบไม่ติดแคร่ไม้ไผ่หลังจากกลับมาจากการล่าสัตว์ ท่านยายหลี่ฮัวที่อยู่ข้างบ้านบอกว่าเซี่ยซูเหยียนพาพี่สาวและน้องสาวเข้าป่าไปแล้ว ยังเล่าเรื่องที่สายรองเซี่ยมาที่บ้านอีกทว่าที่เซี่ยห้าวไห่ไม่เข้าไปตามลูก ๆ เพราะอีกไม่นานเซี่ยซูเหยียนก็คงพาพี่สาวและน้องสาวกลับมา ลูกชายคนรองของเขารู้ตัวว่าสามารถพาไปที่ไหนได้บ้าง และกว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้านเซี่ยห้าวไห่ก็หมดแรงแล้วผ่านไปเกือบชั่วยามเซี่ยห้าวไห่จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นลูกชายพาพี่สาวและน้องสาวกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย“ท่านพ่อ”“ท่านพ่อ”“ท่านพ่อ!”เสียงสุดท้ายเป็นเสียงของเซี่ยซูเหยาที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ นางคำนวณวันตามที่พี่สาวบอกทว่าเหลืออีกตั้งสองวันไม่ใช่หรือ ทำไมรอบนี้ถึงกลับมาเร็วกว่าปกติ“อาเจี๋ย! อาเหยียน! อาเหยา!”เซี่ยซูเจี๋ยรีบเข้าไปในบ้านเพื่อทำอาหารให้เซี่ยห้าวไห่ ปกติเวลาที่เซี่ยห้าวไห่กลับมาจากการล่าสัตว์ เซี่ยซูเจี๋ยก็จะรีบทำอาหารให้ เพราะเหล่านายพรานเร่งเดินทางกลับพวกเขาจึงไม่หยุดแวะพัก ทว่า
เซี่ยห้าวไห่ยื่นเงินจำนวนเจ็ดสิบห้าอีแปะจากการนำไข่ไก่ไปขาย ให้ลูกสาวคนเล็กอย่างเซี่ยซูเหยาที่นั่งเล่นกับเจ้าเสี่ยวเฮยบนแคร่ไม้ไผ่เขาได้ปรึกษากับลูกอีกสองคนแล้วว่าเงินนี้ควรจะเป็นของเซี่ยซูเหยา หลังจากนำไข่ไก่ไปขายบางส่วน เขาก็เอากลับมาให้ลูกสาวโดยที่ไม่หักค่าไปขายเซี่ยซูเหยาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อด้วยความมึนงง คนที่เก็บเงินในบ้านคือเซี่ยซูเจี๋ย ทว่าวันนี้พ่อของนางกลับมอบเงินจำนวนหลายอีแปะให้นาง“เงินนี้ได้มากจากการขายไข่จำนวนเจ็ดสิบห้าฟอง โรงเตี๊ยมประกาศรับไข่ไก่ให้ฟองละหนึ่งอีแปะพ่อเลยลองไปดู” เซี่ยห้าวไห่ตอบอย่างละเอียด ลูกสาวจะไม่ได้ถามเขาซ้ำอีก“ให้พี่สาวเถิดเจ้าค่ะ”เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เซี่ยซูเหยียน เซี่ยซูเจี๋ยไปรับจ้างหาเงินเข้าบ้านยังไม่เก็บไว้เอง นางจึงไม่ต้องการส่วนแบ่งนี้ อีกทั้งที่ผ่านมาทุกคนก็ทำเพื่อนางมาก“พ่อกับพี่สาว พี่ชายคุยกันแล้ว” เซี่ยห้าวไห่ถอนหายใจพลางนั่งลงข้างลูกสาว เขาคิดเอาไว้แล้วว่านางจะไม่ยอมรับ“ท่านพ่อ อาเหยาอยากขายอาหาร”เซี่ยซูเหยาใ
กลิ่นอาหารของบ้านเซี่ยหอมถึงบ้านที่อยู่ห่างกันหลายจั้ง มีบางคนถึงขั้นเดินออกมาดูว่าเป็นกลิ่นอาหารจากบ้านหลังไหน พอตามกลิ่นมาถึงเห็นว่ามาจากบ้านเซี่ยก็แยกย้ายไปข่าวลือที่บ้านเซี่ยเลี้ยงสุนัขถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่บ้าน ใคร ๆ ก็รู้ว่าบ้านเซี่ยไม่มีเงิน ทว่าพวกเขากลับเอาภาระมาเลี้ยงเซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าให้ท่านยายไห่ซือที่เดินมาถามหลังนางนั่งซักเสื้อ นางมี่ซือเป็นลูกสะใภ้ของท่านยายไห่ซือที่มาตามน้องชายคนรองเมื่อวานนี้ นางจึงไม่แปลกใจที่จะมีคนมาถาม ลำพังแต่ละบ้านก็อยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แต่บ้านเซี่ยกลับไปเอาภาระมาเพิ่ม“พี่สาว”เซี่ยซูเหยาที่เดินตามพี่สาวมานั่งลงข้าง ๆ กัน วันนี้นางขอเซี่ยซูเจี๋ยมาซักผ้าเองเพราะพี่สาวปวดท้อง มันจึงเป็นข้ออ้างที่เซี่ยซูเจี๋ยปฏิเสธไม่ได้“อาเหยานั่งนิ่ง ๆ นะ! รอรับผ้าก็พอ” เซี่ยซูเจี๋ยหันไปบอกน้องสาว“เจ้าค่ะ”ทว่าเซี่ยซูเจี๋ยก็คือเซี่ยซูเจี๋ย นางไม่ต้องการให้น้องสาวของนางออกแรงแม้แต่น้อย เซี่ยซูเจี๋ยหาที่นั่งให้น้องสาวก่อนจะลงมือซักเสื้อ“อาเจี๋ย ทำไมเจ้าไม่
เหลือเพียงหนึ่งวันบ้านเซี่ยก็จะนำของไปขายที่ตลาดแล้ว วันนี้จึงต้องเตรียมของที่จะนำไปขาย อย่างข้าวไข่ตุ๋นผักเซี่ยซูเหยาก็จะใช้ท่อนไม้ไผ่ที่ถูกตัดทำความสะอาดด้านในเป็นภาชนะอะไรที่ประหยัดได้เซี่ยซูเหยาก็ต้องประหยัดที่สุด เนื่องจากไข่ที่มีในบ้านเหลือไม่มาก เซี่ยซูเหยียนจึงไปซื้อมาเพิ่ม ถึงบอกประหยัดแต่ก็ใช้เงินไม่น้อยเลยเซี่ยซูเหยาบอกวิธีตัดท่อนไม้ไผ่เพื่อจะนำมาเป็นถ้วยข้าวไข่ตุ๋นผัก วันนี้คงต้องเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมและลุกมานึ่งไข่ตุ๋นยามโฉ่ว เพราะกว่าจะแต่งตัวและไปถึงก็ปลายยามอิ๋น แล้วซึ่งวันแรกของการขายเซี่ยซูเหยาจะทำเพียงห้าสิบถ้วยเท่านั้น นางไม่รู้ว่ามันจะขายได้ไหม หากเอาไปน้อยแล้วหมดเร็วมันน่าเสียดาย ทว่าหากเอาไปมากแล้วไม่หมดก็น่าเสียดาย ห้าสิบถ้วยจึงคิดว่ามันเหมาะสมแล้วเซี่ยห้าวไห่ออกไปเช่าแผงตลาดตั้งแต่เช้าและยังไม่กลับมาบ้าน เพราะเขาต้องไปเช่าเกวียนวัวมาจากพ่อค้าเพื่อนำของไปขายท่อนไม้ไผ่ที่ตัดออกมาจะใช้เป็นถ้วยมีมากนับร้อยอัน ระหว่างพี่สาวกำลังทำงานบ้าน พี่ชายขัดไม้ไผ่ เซี่ยซูเหยาจึงเป็นคนล้างด้านใน ต่อให้มันจะไม่โดนดิน ทว่าเซี่ยซูเหยาไม่อยากกังวลช่วงบ่ายทุกคนตกลงกันว่าจะแก
เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวขึ้นกลางยามโฉ่วเพราะได้กลิ่นหอมของไข่ที่กำลังตุ๋น นางรีบลุกจากเตียงเตา ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จถึงออกมานอกห้อง ทุกคนคงลุกขึ้นมาตั้งแต่ต้นยามโฉ่วแล้ว“พี่สาว” เซี่ยซูเหยาเอ่ยเรียกพี่สาวที่ผสมไข่ตุ๋นอยู่ด้วยความง่วง เพราะที่บ้านไม่ได้มีชามใหญ่และกลัวว่าจะผสมเครื่องปรุงไม่ทั่วถึง เซี่ยซูเจี๋ยเสนอที่จะปรุงไข่ตุ๋นชามต่อชาม ปรุงเสร็จเทใส่ท่อนไม้ไผ่ที่เตรียมเอาไว้ ก่อนจะนำไปนึ่งในหม้อยังดีที่ได้ทดลองปล่อยข้าวไข่ตุ๋นทิ้งไว้หนึ่งชั่วยาม ปรากฏว่ามันยังร้อนอยู่ ขอเพียงไม่โดนอากาศเย็นมากและต่อให้ข้าวไข่ตุ๋นเย็น รสชาติที่ทำก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ทว่าหากรับประทานตอนร้อน ๆ จะอร่อยมากกว่าเซี่ยซูเหยาตั้งราคาไว้ที่ถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ซื้อสิบถ้วยขึ้นไปลดเหลือเพียงถ้วยละยี่สิบอีแปะเท่านั้น ราคาจริง ๆ ที่นางต้องการขายคือถ้วยละยี่สิบอีแปะ ทว่านางจะได้รับกำไรที่น้อยลงหรือบางทีอาจขาดทุนไปด้วยข้าวไข่ตุ๋นผักสามสิบห้าถ้วย ถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ซื้อสิบถ้วยขึ้นไปก็เหลือถ้วยละยี่สิบอีแปะ ทว่าข้าวไข่ตุ๋นกุ้งต้องเพิ่มราคาอีกห้าอีแปะต่อถ้วย มันเป็นเนื้อสัตว์จึงมีราคาที่แพงมากกว่า วันนี้นางทำเพียงสิ
วันนี้สี่คนพ่อลูกบ้านเซี่ยกลับจากตลาดต้นยามซื่อ เซี่ยห้าวไห่เป็นคนบังคับเกวียนวัวกลับเหมือนเดิม ทว่าเซี่ยซูเหยียนที่นั่งข้างเซี่ยห้าวไห่ตอนมา กลับเข้าไปนั่งในเกวียนวัวอย่างอ่อนล้า การค้าขายไม่ง่ายเลยจริง ๆระหว่างนั่งเกวียนวัวกลับหมู่บ้าน เซี่ยซูเหยานับเงินที่ค้าขายได้ของวันนี้ วันนี้มีเพียงไม่กี่คนที่ซื้อหลายถ้วย ส่วนมากจะซื้อกันที่ถ้วย สองถ้วย“หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบห้า หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบหก หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบเจ็ด หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบแปด หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบเก้า!” เซี่ยซูเหยียนนับเงินที่ได้มาอย่างตื่นเต้น โดยที่คนอื่นไม่สงสัยในความสามารถของนาง“หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบเก้าอีแปะ! รวมเป็นเงินหนึ่งตำลึงเงินสองร้อยเก้าสิบเก้าอีแปะ!” คราวนี้เป็นเซี่ยซูเหยียนที่รวมจำนวนเงิน เขาเคยเข้ามาขายเนื้อสัตว์กับผู้เป็นพ่อ การคำนวณเงินจึงถูกสอนให้เขารับรู้“ขายได้มากถึงเพียงนี้!”เซี่ยซูเจี๋ยนั่งเก็บเงินที่น้องสาวนับใส่อีกตะกร้าอุทานอย่างตกใจ หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบเก้าอีแปะหรือหนึ่งตำลึงเงินสองร้อยเก้าสิบเก้าอีแปะ เป็นจำนวนเงินที่ทำให้บ้านของพวกนางอิ่มท้องไปได้หลายวัน!ทว่า สำหรับเซี่ยซูเหย
เซี่ยห้าวไห่ส่ายหน้าให้บ้านรองเซี่ยที่เดินจากไปอย่างไม่พอใจ ครั้งนี้ถือว่าเขาเตือนไป หากบ้านรองเซี่ยยังเข้ามายุ่งกับบ้านของเขาอีก เห็นทีต้องได้เรียกผู้อาวุโสรวมจริง ๆ ที่อาสะใภ้ยังเกรงใจเขาอยู่เพราะหากตำแหน่งผู้นำสกุลไม่ใช่ของลูกชายนาง อำนาจของนางที่เคยมีในสกุลก็จะไม่เหลือ“ท่านพ่อเจ้าค่ะ! เงินพวกนี้อย่ายกให้พวกเขานะเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยขึ้นอย่างกังวล นางกลัวว่าเซี่ยห้าวไห่จะลังเล“ไม่ให้ ๆ พ่อไม่พวกเขาหรอก อาเหยาอยากให้พี่ชายรองได้ร่ำเรียนนี่” เซี่ยห้าวไห่กล่าวยิ้ม ๆ เรื่องนี้ลูกสาวคนโตของเขามาปรึกษาแล้ว เหลือเพียงคุยกับเซี่ยซูเหยียนเท่านั้น มันก็คงถึงเวลาจริง ๆ ที่เขาจะทำเพื่อครอบครัวไม่ใช่สกุลเซี่ย“ท่านพ่อรู้?”เซี่ยซูเหยาชะงัก นางลองคุยแค่เซี่ยซูเหยียน เซี่ยซูเจี๋ยยังไม่ได้คุย ทว่านางคิดว่าเซี่ยซูเจี๋ยคงได้ยินตอนที่นางสนทนากับเซี่ยซูเหยียน ส่วนผู้เป็นพ่อนางยังไม่ได้คุย คิดว่ารอให้ที่บ้านมีเงินอีกหน่อย“พ่อรู้แล้ว ไม่อย่างนั้นพ่อจะตกลงค้าขายหรือ” เซี่ยห้าวไห่ยอมรับว่าเขาลำเอียงรักลูกสาวคนเล็กที่มีใบหน้าเหมือนภรรยามากกว่าลูกอีกสองคน ทว่าอีกสองคนเขาก็รักไม่ต่างกัน ตอนที่เซี่ยซูเจี
เงินอีแปะจำนวนมากวางลงตรงหน้าสี่คนพ่อลูกบ้านเซี่ย เงินพวกนี้เป็นเงินที่ขายเนื้อหมูไปจำนวนสามสิบจิน! ชาวบ้านหลายคนไม่มีทางเลือกเพราะบอกลูก บอกหลานชายเอาไว้ว่าวันนี้จะมีเนื้อกิน เลยต้องกัดฟันซื้อกลับไปทว่าใครที่ชำแหละเนื้อหมูช่วยก็จะได้ส่วนแบ่งเพิ่มอีกคนละไม่น้อย ตอนนี้เหลือหัวหมู เครื่องในหมู กระดูกหมู ขาหมูสองขา เนื้อหมูอีกยี่สิบจิน ทั้งสี่คนตกลงกันว่าหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จจะช่วยกันทำความสะอาด และหาวิธีเก็บรักษาเซี่ยซูเหยาจะตุ๋นขาหมูไว้รับประทานพรุ่งนี้หลังกลับจากตลาด นางเห็นในครัวมีถั่วลิสงอยู่ จะทำขาหมูตุ๋นถั่วลิสงบำรุงคนทั้งบ้าน ส่วนเครื่องในหมูนางว่าจะนำไปย่างไม่ก็ทอด ส่วนของอย่างอื่นยังไม่ทันหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนก็มาจัดการแล่เนื้อให้เหลือชิ้นเล็ก ๆ เวลาจะใช้ทำอันใดก็จะได้จัดการง่าย อีกทั้งจะรมควันเก็บไว้ขาหมูทั้งสองขาถูกเซี่ยซูเหยาเผาขนจนสะอาด จากนั้นจึงนำขาหมูไปตุ๋นในหม้อ หลังจากกลับมาจากตลาดก็คงได้รับประทานพอดีเซี่ยซูเจี๋ยรับหน้าที่นึ่งหัวหมูให้สุก พรุ่งนี้จะเลาะเอาเนื้อออกมาแยกใส่ชามเอาไว้ เซี่ยซูเหยาบอกจะลองเอาไปขายดู อีก
เซี่ยซูเหยามองใบหน้าที่ซีดเซียวของบิดา ผ่านไปไม่ถึงชั่วยามเซี่ยห้าวไห่ที่หลับไปด้วยฤทธิ์ยาก็รู้สึกตัว นางที่หลับไปไม่นานก็ถูกปลุกด้วยฝีมือของพี่มี่ถิง“ท่านพ่อ”ตามร่างกายของบิดามีผ้าพันแผลพันรอบกาย ไม่ต้องพูดก็สามารถรับรู้ได้ว่าบิดาของนางถูกทำร้ายอย่างหนัก นางรีบนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง“แค่กๆ อาเหยา” เซี่ยห้าวไห่ต้องการลุกขึ้นนั่ง จึงถูกมี่ถิงที่ยืนรออยู่ช่วยประคองดวงตากลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเมื่อเห็นบิดาได้รับบาดเจ็บมากกว่าที่คิด ภายในอกราวกับถูกบดขยี้ด้วยอะไรสักอย่าง เป็นนางที่ชะล่าใจเกินไปที่คิดว่าบิดาของนางเก่ง จึงไม่ได้ส่งคนมาเฝ้าที่จวน“ท่านพ่อเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ”กลิ่นสมุนไพรคละคลุ้งไปทั่วห้องนอนของบิดา เป็นกลิ่นที่พวกนางคุ้นเคยกันดี เซี่ยซูเหยาหยิบถ้วยกระเบื้องเคลือบราคาแพงที่นางซื้อกลับมาด้วยให้บิดาจิบน้ำอุ่นที่นางสั่งให้ต้มเอาไว้“ขอบคุณอาเหยา”ภายในห้องมีเพียงเซี่ยซูเหยา เซี่ยห้าวไห่ และมี่ถิงเท่านั้น หม่าลี่หลินขอกลับไปดูอาการของพี่ชาย ส่วนแม่ทัพเสวี่ยกล่าวว่าเซี่ยห้าวไห่คงอยากคุยกับบุตรสาวมากกว่า“ท่านพ่อรู้หรือไม่เจ้าคะว่าเป็นผู้ใดที่ทำร้ายท่าน” มองดูบาดแผลแล้วคนร้า
“เมื่อครู่เจ้าว่าอันใดนะ!”มือที่กำลังหยิบผลไม้เข้าปากชะงักค้าง ใบหน้าเล็กรีบหันไปมองฟางไฉ่ที่เอ่ยรายงาน เมื่อวานบิดาของนางไม่ได้นำของมาส่ง เซี่ยซูเหยาจึงต้องให้เขาไปดู“นายท่านถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บขอรับ! โชคดีที่ท่านแม่ทัพเสวี่ยไปหาที่บ้านพอดี จึงได้รับการช่วยเหลือจากหมอหลวง” ฟางไฉ่พยักหน้าเมื่อทวนคำพูดจบเซี่ยซูเหยามองพี่ชายที่หน้าซีดเผือด นางเองก็มีอาการไม่ต่างกันเพียงแต่นางมีสติมากกว่า อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้และบิดาของนางก็เตือนเอาไว้แล้วทว่าคนเป็นลูกอย่างพวกนางเมื่อได้รับข่าวก็ต้องกลับไป! นางพยักหน้าให้ฟางไฉ่ออกจากห้องโถง ส่วนนางหันกลับมาหาพี่ชายที่หยุดรับประทารอาหารมื้อเย็นแล้ว“ท่านพ่อ ท่านพ่อจะเป็นอะไรมากหรือไม่” เซี่ยซูเหยียนพึมพำเซี่ยอยู่เหยานั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด พรุ่งนี้ที่ร้านนางต้องทำอาหารให้ห้องบนชั้นสองไม่มากและมีทำอาหารเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เห็นทีคงต้องกลับไปหาบิดา นางไม่เชื่อว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกายธรรมดา“พรุ่งนี้หลังทำอาหารให้ลูกค้าบนชั้นสองเสร็จ อาเหยาจะกลับบ้านเจ้าค่ะ”“พี่ไปด้วย!”“ไม่ได้เจ้าค่ะ พี่ชายมีทดสอบสำคัญไม่ใช่หรือเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยารีบปฏิเสธ ก่อนหน
กว่าท่านแม่ทัพใหญ่เสวี่ยจะรู้สึกตัวก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว และกว่าจะตอบสนองได้ก็ราวๆ สองเดือน เรื่องนี้มีเพียงขุนนางคนสำคัญที่รับรู้ ไม่เช่นนั้นวังหลวงคงปั่นป่วนแล้วท่านแม่ทัพใหญ่เสวี่ยเดินวนด้านหน้าตำหนักทรงอักษรขององค์ฮ่องเต้ ถึงจะยังไม่หายดีทว่าเรื่องราวที่รับรู้มาก็สำคัญยิ่ง! คนที่ช่วยชีวิตหลานชายคนเล็กของเขามาจากสกุลเซี่ย เซี่ยห้าวไห่! หลายปีก่อนเขาเป็นคนพาท่านหญิงหมิงเมี่ยวผิงหลบหนีไปโชคช่างไม่เข้าข้างท่านแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหนานมากนักเมื่อองค์ฮ่องเต้ที่มาขอเข้าเฝ้ายังไม่ทรงงาน เวลานี้เห็นว่ายังไม่ออกจากตำหนักของฮองเฮาที่เสด็จไปหาตั้งแต่เมื่อคืน“ท่านพ่อ นั่งก่อนหรือไม่ขอรับ”แม่ทัพเสวี่ยที่ตามมาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง บิดาของเขาเพิ่งลุกขึ้นมาได้ก็ฝืนร่างกายมาที่วังหลวงแล้ว แม้ว่าตัวเขาอาสาจะมาให้แทนก็ไม่ยอมท่านแม่ทัพใหญ่เสวี่ยส่ายหน้า จริงๆ ขันทีหน้าตำหนักก็เชิญให้เข้าไปนั่งรอด้านในแล้ว ทว่าฝ่าบาทไม่อยู่ ถึงเขาจะมีศักดิ์เป็นลุงของอีกฝ่ายก็ไม่ควรทำตัวไม่เหมาะสม“ฮ่องเต้เสด็จจจจจ”เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป เสียงขานแหลมสูงของขันทีหน้าขบวนเสด็จของฮ่องเต้หมิงหลงอันก็ดังขึ้นมา บรรดานา
เพราะชื่อเสียงข้าวไข่ตุ๋นของบ้านเซี่ย ทำให้เหลาอาหารขนาดเล็กที่ปรับปรุงขึ้นใหม่และใช้ชื่อว่าเหลาอาหารเซี่ย ได้มีโอกาสได้ต้อนรับลูกค้าอย่างล้นหลาม เหลาอาหารเปิดตัวได้เพียงหนึ่งเดือนทว่าห้องอาหารส่วนตัวที่มีเพียงสองห้อง ก็ถูกจองยาวเกือบสามร้อยชื่อแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าการจองที่ว่าก็ไม่ได้จองปากเปล่าชั้นสองของเหลาอาหารเซี่ยมีสองห้อง เซี่ยซูเหยาจึงรับลูกค้าเพียงสองชื่อต่อวันเท่านั้น และการจองของนางก็ต่างจากคนอื่น เพราะผู้ที่จองต้องเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใช้งาน ลงชื่อจองว่ามากี่คน รับอาหารรายการไหนบ้าง และต้องมัดจำไว้ครึ่งหนึ่งของราคาอาหารหากมีจำนวนคนเพิ่มและอาหารเพิ่ม เมื่อถึงวันนั้นก็ต้องจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า เพราะข้อตกลงนี้ลูกค้าได้อ่านแล้ว ซึ่งใครที่คิดว่าเหลาอาหารเอาเปรียบก็ไม่สามารถจองได้ปัญหาต่างๆ แทบไม่มีเลย หรืออันที่จริงมีหลายคนรู้มาว่านางเป็นสหายของหลานสาวท่านแม่ทัพใหญ่เสวี่ยจึงไม่กล้าหาเรื่องแน่นอนว่าพอเป็นเหลาอาหารแล้วเซี่ยซูเหยาก็เพิ่มราคาอาหารขึ้นเป็นเท่าตัว อย่างข้าวไข่ตุ๋นที่ราคาไม่ถึงร้อยอีแปะ เซี่ยซูเหยาก็เพิ่มเป็นถ้วยละหนึ่งตำลึงเงิน! ซึ่งนางต้องขนผัก ขนกุ้งมาจากบ้าน ราคาจะ
ของบางส่วนถูกขนเข้าไปไว้ในจวนแล้ว จวนและเหลาอาหารที่ซื้อมาก็ถูกซ่อมแซมพร้อมเข้าอยู่ พร้อมเปิดเหลาอาหารแล้ว ท่านปู่ซ่งพร้อมภรรยาจากไปทันทีที่ขายเหลาอาหารได้จากที่คิดว่าจะเข้าไปในเมืองเลยเซี่ยซูเหยาก็ต้องวางแผนใหม่ทั้งหมด เซี่ยซูเหยียนก็ต้องออกมาเช่าโรงเตี๊ยมอยู่ระหว่างที่พวกนางยังจัดการอะไรไม่เสร็จ รวมๆ ก็สิบกว่าวันเลยทีเดียวเซี่ยห้าวไห่ได้มาคุยกับนางแล้ว เซี่ยซูเหยาจะไปอยู่ในเมืองพร้อมพี่หลิวซิ่น ฟางไฉ่ ส่วนหม่าลี่ปิง หม่าลี่หลิน และสองพี่น้องมี่จะอยู่กับบิดานาง เนื่องจากทุกคนยังต้องทำอาหารขายเหมือนเดิมบางวันก็ต้องเอาของเข้าไปส่งให้พวกนางอีก อีกอย่างก็คือเซี่ยซูเหยาไม่ต้องการแยกพี่น้องออกจากกันฟางไฉ่เคยเป็นองครักษ์มาก่อน บิดาของนางจึงไว้ใจให้ติดตามนางไป ส่วนพี่หลิวซิ่นนั้นติดตามนางมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางจะพาไปด้วย หม่าลี่ปิงเป็นบุรุษจึงต้องอยู่ช่วยเซี่ยห้าวไห่ ผู้เป็นน้องสาวอย่างหม่าลี่หลินจึงต้องอยู่ด้วยส่วนสองพี่น้องมี่ถิง มี่ถง หากเซี่ยซูเหยานำไปด้วยทั้งสองคน ที่บ้านเซี่ยก็จะไม่มีคนไว้ช่วยงาน นางเชื่อว่าหากนางไปหาคนใหม่อย่างไรก็หาได้ ส่วนเจ้าเสี่ยวเฮยนาง
ยามเหมาเซี่ยห้าวไห่กับหลิวซิ่นที่กลับไปเอาเงินและเอาของก็กลับมาถึงเมืองเฟิง เนื่องจากเร่งเดินทางไปกลับจึงยังไม่ได้พัก ทั้งสองจึงตัดสินใจเข้าไปนอนพักก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสาย พอดีกับฟางไฉ่ที่จะออกไปจองโต๊ะนั่งด้านล่างเจอเข้ากับเซี่ยห้าวไห่พอดีเซี่ยซูเหยารู้ว่าบิดาของนางกลับมาแล้วทว่าก็ไม่ได้เข้าไปปลุก นางรอให้เขาตื่นดีกว่า หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จนางก็สั่งอาหารไว้สองสามอย่าง รอให้ทั้งสองคนตื่น“เห็นทีคงต้องกลับแล้ว” เซี่ยซูเหยาพึมพำนางต้องกลับไปเตรียมของใช้และอาหารบางส่วนเพื่อนำมาเก็บในจวนหลังใหม่ ถึงนางจะต้องการใช้ชีวิตในเมืองเฟิง ทว่านางก็ไม่คิดที่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายหรอก อะไรที่สามารถเก็บไว้นานๆ ได้ นางก็จะนำมาจากบ้าน“อาเหยาว่าอย่างไรนะ” เซี่ยซูเหยียนหันมาถามน้องสาวอย่างงๆ“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าสองพี่น้องนั่งรออยู่บนเหลาอาหารชั้นสองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงเตี๊ยมที่พวกนางเข้าพัก เซี่ยซูเหยานั่งรอให้บิดาตื่น ทว่าจะให้นั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมมันก็คงจะแปลกๆ นางจึงข้ามมาอีกฝั่งเพื่อจิบน้ำชารอแทนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การกระทำของเซี่ยซูเหยาเปลี่
“หนึ่งร้อยตำลึงทอง!”สิ้นเสียงเถ้าแก่เจ้าของเหลาอาหารขนาดเล็ก ทั้งห้าคนไม่เว้นแม้แต่เซี่ยซูเหยาก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา หนึ่งร้อยตำลึงทองไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลย ทว่าหากเทียบกับทำเลแล้ว ก็คุ้มค่าไม่น้อยหากได้มาครองเซี่ยซูเหยานับเงินที่นำมาในใจ ยามนี้พวกนางเหลือเงินเพียงเก้าสิบห้าตำลึงทองเท่านั้น หากต้องการซื้อเหลาอาหารนี้ก็ต้องกลับไปเอาเงินที่บ้านอีก แน่นอนว่านางอยากได้เหลาอาหารในราคาที่นางสามารถจ่ายได้“ท่านปู่ อาเหยาขอจ่ายเพียงเก้าสิบตำลึงทองได้หรือไม่เจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาทำหน้าอ้อนมิน่าละ ป้ายที่ติดเอาไว้ว่าขายจึงดูเก่า คงเป็นเพราะเหลาอาหารมีขนาดเล็กและเก่า เถ้าแก่เจ้าของเหลาอาหารจึงไม่สามารถขายออกได้ในราคาที่สูงถึงจะเป็นที่ทำเลเหมาะสำหรับขายอาหาร ทว่ามันคงขายได้ไม่ถึงแปดสิบตำลึงทองแน่ๆ ทางเหลาอาหารขนาดใหญ่หรือใครก็ตามที่อยากได้เหลาอาหารนี้จึงไม่ยอมซื้อ และรอให้ที่นี่ลดราคาลงคงจะมาซื้อ“ที่นี่ข้าตั้งราคาไว้หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงทอง หลายปีมานี้ขายไม่ออกเลย ข้าจึงลดลงเหลือเพียงหนึ่งร้อยตำลึงทองเท่านั้น” เขาปฏิเสธแต่ก่อนเหลาอาหารนี้เคยมีชื่อเสียงมาก่อน ทว่าเขาไปมีปัญหากับเจ้าเมืองคนล่าสุ
ยามเฉินทุกคนก็ลงมานั่งรอที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม เพื่อรออาหารเช้าที่สั่งเอาไว้ และที่ด้านล่างของโรงเตี๊ยมก็คล้ายๆ กับเหลาอาหาร ที่สามารถสั่งอาหารรับประทานได้เซี่ยซูเหยาตื่นหลังคนอื่นนางจึงเดินลงมาทีหลังพร้อมกับหลิวซิ่นที่อยู่รอ เมื่อวานนี้นางไม่ได้พักเลยจึงตื่นสายมากกว่าปกติ“ท่านพ่อ”หลิวซิ่นเดินแยกไปนั่งอีกโต๊ะที่มีฟางไฉ่นั่งรออยู่ เซี่ยซูเหยาจึงนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างข้างพี่ชาย อาหารเช้าของวันนี้เป็นอาหารที่สั่งจากโรงเตี๊ยมไม่กี่จาน ที่เหลือก็จะเป็นอาหารที่เตรียมมาจากบ้านและขออุ่นที่นี่“อาเหยาอยากไปเดินดูตลาดต่อหรือไม่” ตลาดยามเช้าและกลางคืนไม่เหมือนกัน เซี่ยห้าวไห่จึงต้องการให้ลูกสาวไปเดินดูอีกครั้ง“อยากเจ้าค่ะ!”“อืม”ทั้งสามลงมือรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะพากันออกมาเดินตลาด ครั้งนี้เกวียนวัวของบ้านก็ถูกบังคับตามหลังสามพ่อลูกบ้านเซี่ยที่ตั้งใจเดิน เพราะเซี่ยซูเหยาคิดว่าอาจต้องซื้อของเยอะ เลยให้เอาเกวียนวัวไปด้วยเซี่ยซูเหยามองสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างตื่นเต้น วันนี้นางมองเห็นอย่างเต็มตา ไม่ว่าจะเป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เหลาอาหาร ร้านอาภรณ์ ร้านเครื่องประดับ
พอใกล้ถึงเวลาที่สำนักศึกษาจะปิดแล้ว เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยาก็เดินเท้าไปยังสำนักศึกษา เพราะบริเวณนั้นไม่สามารถนำเกวียนวัวหรือพาหนะไปด้วยได้ ทางสำนักศึกษากล่าวว่าหากมีเสียงสัตว์รบกวน จะทำให้เหล่าศิษย์ไม่สามารถมีสมาธิอ่านหนังสือได้เซี่ยซูเหยาปล่อยให้หลิวซิ่นจัดการเสื้อผ้าและให้ฟางไฉ่ดูแลห้องพักทั้งสี่เอาไว้ นางจึงเดินมายังสำนักศึกษาที่ไม่ห่างไกลมากกับบิดาเพียงลำพังหน้าสำนักศึกษามีศิษย์หลายคนที่มายืนรอญาติและคนดูแลมารับออกไปด้านนอก บางคนก็รอรับของที่ถูกส่งมาให้ หากไม่ใช่คนในครอบครัวหรือคนที่มีตำแหน่งมาลงชื่อรับรอง ก็ยากที่จะพาคนออกมาได้เว้นก็แต่คุณหนู คุณชายของจวนใหญ่ต่างๆ ในเมืองเฟิง ก็จะได้รับคำอนุญาตพิเศษที่สามารถเข้าออกสำนักศึกษาได้ตลอดส่วนมากคนที่พักอยู่ในสำนักศึกษาล้วนเป็นลูกหลานของชาวบ้าน เหล่าคุณชายมีน้อยมากที่จะเข้ามาพักในสำนักศึกษาหากไม่มีเหตุการณ์เร่งด่วนยื่นเรื่องขอเข้าพบเซี่ยซูเหยียนและรอให้ทหารเฝ้ายามเข้าไปเรียกลูกชายมา เซี่ยห้าวไห่ก็ลงทะเบียนรับลูกชายออกจากสำนักศึกษาไม่ถึงหนึ่งเค่อเซี่ยซูเหยาก็เห็นเซี่ยซูเหยียนเดินออกมาพร้อมห่อผ้าหนึ่งห่อ นางยิ้มกว้างพลางตะโกนเรียก