Share

บทที่ 35 ฝากตัวเป็นศิษย์

last update Last Updated: 2025-03-04 22:39:20

เซี่ยซูเจี๋ย เซี่ยซูเหยาเดินนำท่านหมอเทวาดาหญิงไปยังที่บ้านเซี่ย ต่อให้เซี่ยซูเจี๋ยอยากฝากตัวเป็นศิษย์มากเพียงใด ทว่าการตัดสินใจขึ้นอยู่กับบิดา และเป็นท่านหมอเทวดาหญิงเองที่ต้องการพบเซี่ยห้าวไห่ ด้านหลังยังมีชาวบ้านอีกกลุ่มใหญ่ที่ตามมาดู

“ท่าน!”

ทันทีที่เซี่ยห้าวไห่เห็นผู้มาใหม่เขาก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ หลายปีที่ผ่านมาคนผู้นี้ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลย

“เจ้าจำข้าได้สินะ” หมอเทวดาหญิงกล่าวยิ้มๆ ใต้ผ้าคลุมผืนบาง พลางเดินไปใกล้กับเซี่ยห้าวไห่ที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่

“ขอรับ”

เซี่ยห้าวไห่มองท่านหมอเทวดาหญิงอย่างอึ้งๆ พลางหันไปมองลูกสาวคนโตเป็นระยะ ความทรงจำครั้งนั้นที่เคยลืมเลือนไปแล้วย้อนกลับมาอีกครั้ง

‘จำเอาไว้ว่าบุตรของพวกเจ้าจะเติบโตได้ก็ต่อเมื่อต้องแยกย้ายกันเท่านั้น หนึ่งหมอผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง หนึ่งท่านแม่ทัพผู้องอาจ และหนึ่งสตรีผู้มาเพื่อช่วยเหลือครอบครัว’ ท่านหมอเทวดาหญิงในอดีตเคยกล่าวเอาไว้เมื่อช่วยเหลือเขาและภรรยาจากเหล่านักฆ่า

“หนึ่งหมอ หนึ่งแม่ทัพ และหนึ่งความช่วยเหลือของครอบครัว ที่ข้ามาในวันนี้เพื่อมารับลูกศิษย์ ในอดีตมีคนผู้หนึ่งที่ปฏิเสธข้า ทว่าวันนี้ทายาทของนางยังอยู่”

ท่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 36 ซื้อทาสเพิ่ม

    เซี่ยซูเจี๋ยติดตามอาจารย์เพื่อศึกษาการเป็นหมอได้หนึ่งเดือนแล้ว ที่บ้านจึงเหลือเพียงเซี่ยห้าวไห่ เซี่ยซูเหยาและหลิวซิ่นที่ช่วยกันทำอาหารไปขาย เรื่องนี้กว่าเซี่ยซูเหยียนจะรู้ก็ผ่านไปหลายวันแล้วเพราะทุกคนยุ่งๆ อีกทั้งช่วงที่เข้าไปจะบอกเซี่ยซูเหยียนก็ติดเรียนทุกๆ เช้าทั้งสามคนกล่าวได้ว่าหัวหมุนกันมาก บางวันยังไม่ได้นอนก็ต้องทำอาหารไปขายแล้ว และด้วยความที่ทำอาหารขายติดต่อกันหลายวันเซี่ยซูเหยาจึงคิดที่จะซื้อทาสเพิ่มไหนๆ พวกนางก็มีเงินที่ได้มาจากการช่วยคนบาดเจ็บแล้ว เซี่ยซูเหยาจึงต้องการที่จะสร้างบ้านหลังใหม่ อีกทั้งยังต้องการขยายบ้านให้มีห้องให้คนที่นางซื้อมาอยู่ เพราะยามนี้ในบ้านมีเพียงสี่ห้องนอน หากนางต้องการคนช่วยเพิ่มก็ต้องทำห้องเพิ่มเซี่ยซูเหยาวางไข่ไก่จำนวนห้าสิบสี่ฟองที่ไปเก็บมาลงบนแคร่ไม้ไผ่หลังบ้าน ตอนนี้ไก่ในเล้ามีมากกว่าเจ็ดสิบตัวแล้ว ทว่าออกไข่ได้เพียงสี่สิบตัวเท่านั้น ต้องรอให้มันโตกว่านี้ก่อน“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านกล่าวว่าให้คุณหนูเตรียมของให้หน่อย อีกสามวันนายท่านจะเข้าไปพบคุณชายใหญ่ที่สำนักศึกษาเจ้าค่ะ" หลิวซิ่นที่นั่งหั่นสมุนไพรหันมาบอกเซี่ยซูเหยานับวันคำพูดของพี่หลิวซิ่

    Last Updated : 2025-03-04
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 37 ข้าวไข่ตุ๋นผักที่เลื่องลือ

    "ร้านนี้หรือ" เจิ้งรั่วซาน เอ่ยถามองครักษ์คนสนิทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวอย่างสงสัย เขาติดตามท่านตามายังชนบทที่ห่างไกลจากเมืองหลวง ไม่คิดว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขนาดกล้าส่งนักฆ่ามาตามล่าเขา ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในความดูแลของท่านแม่ทัพใหญ่เสวี่ยผู้เป็นท่านตา"ขอรับ บ่าวสอบถามองครักษ์ของคุณหนูเสวี่ยแล้ว อีกทั้งหลิวซิ่นคนรักของบ่าวก็อยู่ที่นี่" อวี้ชิงพยักหน้าพลางผินหน้าไปยังร้านขายอาหารของบ้านเซี่ยที่กำลังช่วยกันยกของลงจากเกวียนวัวหลังจากพวกเขาทั้งสองได้รับการช่วยเหลือและรักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี อยู่ๆ นายน้อยก็นึกถึงครอบครัวได้ที่ช่วยชีวิตพวกเขา จนกระทั่งสอบถามองครักษ์เสวี่ยจึงรู้ว่าผู้ที่พวกเขาขอความช่วยเหลือคือผู้ใดครอบครัวสกุลเซี่ย แห่งหมู่บ้านหลี่ฮวนเป็นคนที่ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ หลังจากส่งบุตรสาวมารักษาอาการพวกเขา เซี่ยห้าวไห่ผู้เป็นบิดาก็รีบเข้าเมืองไปติดต่อสกุลเสวี่ย และพวกเขาก็เพิ่งได้รับคำตอบว่าบุตรสาวคนเล็กของบ้านเซี่ย เป็นสหายสนิทของคุณหนูเสวี่ยจริงๆเจิ้งรั่วซานถอนหายใจออกมาอย่างไม่เข้าใจ ปีนี้เขาอายุสิบสี่แล้ว และรู้สึกเบื่อเมืองหลวงจึงขอติดตามท่านตามา

    Last Updated : 2025-03-05
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 38 ข้าวไข่เจียวกุ้ง

    เซี่ยซูเหยาได้บ่าวชายมาสองคน สาวใช้อีกสามคนตามที่นางวางแผนไว้ตั้งแต่แรก โดยคนที่นางซื้อตัวมามีพี่น้องอยู่สองคู่คู่แรกเป็นแฝดบุรุษนามว่าหม่าลี่ปิงและสตรีนามหม่าลี่หลิน ทั้งคู่ขายตัวเป็นทาสเพื่อเอาเงินไปทำศพให้บิดาและมารดาตั้งแต่อายุสิบเอ็ดหนาว ปัจจุบันทั้งคู่อายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ก่อนจะกลายมาเป็นทาสอีกรอบ จวนที่ทั้งสองเคยทำงานอยู่เป็นจวนขุนนางก่อนจะถูกฮูหยินใหญ่ของจวนขายออกมาเพราะตัวของหม่าลี่หลินถึงจะไม่ได้งดงามแต่นางก็มีใบหน้าที่อ่อนหวาน ทำให้คุณชายของนางต้องการหม่าลี่หลินไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียง ทว่าน่าเสียดายที่ฮูหยินใหญ่ชิงลงมือก่อนบุตรชาย ขายฝาแฝดชายหญิงสกุลหม่าออกจากจวนเนื่องจากสัญญาการซื้อขายทั้งคู่เป็นสัญญาฉบับเดียวกัน จึงทำให้ขายออกจากการเป็นทาสยาก และพอรู้ประวัติของทาสคู่นี้ก็มีหลายคนที่ไม่ต้องการ เซี่ยซูเหยาซื้อทั้งคู่มาในราคายี่สิบห้าตำลึงเงินคนที่สามเป็นบุรุษที่หน่วยก้านดีมาก ฟางไฉ่อายุยี่สิบห้า ทว่าเขาเคยเป็นหัวหน้าองครักษ์จวนขุนนางสกุลใหญ่มาก่อน และไม่มีประวัติว่าทำไมถึงโดนไล่ออก ทำให้หลายคนมองข้ามเขาไป ยกเว้นเซี่ยซูเหยาที่เห็นว่าเขาไม่ได้เลวร้ายจึงซื้อตัวมาในราคายี่สิบห้

    Last Updated : 2025-03-05
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 39 ไว้เจอกันใหม่นะ

    ได้ยินว่าชาวบ้านที่มาขอทำงานกับบ้านเซี่ยไปอาละวาดที่บ้านรองเซี่ย นางซือหลิงเกือบถูกหย่า! เพราะว่าช่วงนี้บ้านรองเซี่ยมีเรื่องที่น่าปวดหัวตลอด ทว่านางซือหลิงกลับหาเรื่องให้ไม่หยุดไม่หย่อน ดีที่เซี่ยหยุนหรงกลับบ้านมาพอดีไม่เช่นนั้นนางซือหลิงคงถูกหย่าไปแล้วตายยากจริงๆเซี่ยซูเหยารีบล้างหน้าแล้วเข้าไปช่วยทุกคนเตรียมของ ต้องบอกว่าตั้งแต่มีบ่าวชายและสาวใช้ นางตื่นสายมากจริงๆ จากที่เคยตื่นกลางยามโฉ่วก็ตื่นปลายยามอิ๋น หรือกล่าวได้ว่าของทั้งหมดถูกเตรียมพร้อมสำหรับออกไปขายอาหารแล้วเมื่อวานนางเพิ่งให้บิดาของนางกับฝาแฝดหม่าไปทำความสะอาดแผงตลาดที่เช่า พรุ่งนี้คาดว่าน่าจะสามารถนำอาหารกลับไปขายที่ตลาดเหวินเซ่อได้แล้วนางจะให้บิดาของนาง พี่หลิวซิ่นและฝาแฝดหม่าไปขายอาหารที่ตลาดเหวินเซ่อส่วนนาง ฟางไฉ่ สองพี่น้องมี่จะเข้าไปขายอาหารในอำเภอเพียงสี่คนเท่านั้น ซึ่งไม่มีอันใดให้น่าเป็นห่วงเลย เนื่องจากฟางไฉ่เป็นถึงอดีตหัวหน้าองครักษ์ เขาจึงมีฝีมือเก่งกาจพอสมควรในการใช้แรงงาน ส่วนมี่ถิงก็ขายอาหารได้คล่องแล้ว มี่ถงอาการเพิ่งจะดีขึ้นและตามมาขายอาหารได้เพียงสองวัน“อาเหยา!”เสียงตะโกนของเสวี่ยอ้ายทำให้เซี่ยซูเ

    Last Updated : 2025-03-06
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 40 ปิดตลาด

    เป็นไปตามที่เซี่ยซูเหยาคำนวณไว้จริงๆ พายุเข้าหลังทุกคนเข้านอนในวันถัดไป ช่วงยามที่ต้องเตรียมของไปขายก็เป็นช่วงที่หิมะตกหนัก เหล่าสาวใช้และบ่าวชายจึงย้ายจากบ้านพักเข้าไปที่บ้านใหญ่เซี่ยทันทีบ้านใหญ่เซี่ยหรือก็คือบ้านหลังใหม่ที่เป็นบ้านอิฐที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นและแข็งแรงมาก บุรุษหนุ่มอย่างฟางไฉ่ หม่าลี่ปิง และเจ้าบ้านอย่างเซี่ยห้าวไห่จึงคอยช่วยกันดูแลด้านนอกบ้าน ไม่ให้หิมะและน้ำเข้าไปในบ้านได้ และไม่ใช่เพียงบ้านใหญ่ บ้านพักของสาวใช้และบ่าวชายก็ช่วยกันไปกวาดหิมะลงจากหลังคาส่วนเหล่าสตรีอย่างหลิวซิ่น หม่าลี่หลิน และมี่ถิงช่วยกันหาผ้ามาอุดหน้าต่างไม่ให้ลมเข้ามาได้ ถึงจะเป็นบ้านใหม่ทว่าลมก็ยังสามารถลอดผ่านมาด้านในบ้านได้ เหล่าสาวใช้ทั้งสามจึงช่วยกันหาผ้ามาปิดหน้าต่างห้องของเซี่ยซูเหยากว่าเซี่ยซูเหยาจะรู้สึกตัวก็ยามที่พายุหิมะเข้ามาได้แล้วเกือบชั่วยาม นางรีบลุกขึ้นอย่างตกใจเพราะได้ยินเสียงดังด้านนอก ทว่าพอมองไปที่หน้าต่างภายในห้อง นางกลับเห็นผ้าหลายผืนที่แขวนบังไว้ ส่วนข้างๆ บนหัวเตียงของนางยังมีตะเกียงที่ส่องแสงสว่างให้เอ๊ะ!บริเวณใกล้หน้าประตูมีร่างของเด็กสาวที่คุ้นตานอนอยู่ เซี่ยซูเหยาชะ

    Last Updated : 2025-03-06
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 41 โง่งม

    กุ้งผัดซึงไฉ่ กุ้งคั่วเกี่ยมฉ่ายและกุ้งนึ่งถูกปรุงขึ้นด้วยฝีมือของเซี่ยซูเหยา หรืออันที่จริงอาหารที่เตรียมเอาไว้ก็เป็นฝีมือของนางทั้งหมด ซึ่งเซี่ยซูเหยียนไม่ได้ลิ้มรสฝีมือการทำอาหารของนางมาตั้งนาน และนางก็ไม่ได้ไปเจอพี่ชายเลย นางควรเป็นคนลงมือทำอาหารทั้งหมดเองถึงจะถูกวันนี้บ้านเซี่ยจะมีเพียงเซี่ยห้าวไห่ เซี่ยซูเหยา หลิวซิ่น และฟางไฉ่ที่บังคับเกวียนวัว เห็นทีนางคงต้องหาซื้อรถม้าเสียแล้วเพราะเกวียนวัวเดินทางลำบาก อีกทั้งยังน่าสงสารมากในแต่ละวันพวกนางบรรทุกอาหารเพื่อนำไปขายเป็นจำนวนมาก หากพวกนางยังทำแบบนี้ต่อไปเรี่อยๆ เห็นทีว่าวัวอาจจะตายเอาได้“ท่านพ่อ เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จก็ออกมาหาบิดาที่หน้าบ้านเซี่ยห้าวไห่กำชับสาวใช้และหม่าลี่ปิงที่ต้องอยู่ด้วยกันเพียงลำพังว่าห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามาในเขตบ้าน และสามารถจัดการผู้บุกรุกได้ทันทีหากไม่ใช่คนที่มากับพวกเขาเข้าไปในตัวเมืองเฟิงคราวนี้เซี่ยซูเหยาต้องการที่จะเข้าไปดูภายในตัวเมือง แน่นอนว่าเขาต้องไปลงทะเบียนพาลูกชายออกจากสำนักศึกษาด้วย“เสร็จแล้วหรือ พ่อกับคนที่เหลือยกอาหารแห้งขึ้นไปเก็บแล้ว เหลืออาหารที่หลิวซิ่น

    Last Updated : 2025-03-07
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 42 ในรอบหลายเดือน

    พอใกล้ถึงเวลาที่สำนักศึกษาจะปิดแล้ว เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยาก็เดินเท้าไปยังสำนักศึกษา เพราะบริเวณนั้นไม่สามารถนำเกวียนวัวหรือพาหนะไปด้วยได้ ทางสำนักศึกษากล่าวว่าหากมีเสียงสัตว์รบกวน จะทำให้เหล่าศิษย์ไม่สามารถมีสมาธิอ่านหนังสือได้เซี่ยซูเหยาปล่อยให้หลิวซิ่นจัดการเสื้อผ้าและให้ฟางไฉ่ดูแลห้องพักทั้งสี่เอาไว้ นางจึงเดินมายังสำนักศึกษาที่ไม่ห่างไกลมากกับบิดาเพียงลำพังหน้าสำนักศึกษามีศิษย์หลายคนที่มายืนรอญาติและคนดูแลมารับออกไปด้านนอก บางคนก็รอรับของที่ถูกส่งมาให้ หากไม่ใช่คนในครอบครัวหรือคนที่มีตำแหน่งมาลงชื่อรับรอง ก็ยากที่จะพาคนออกมาได้เว้นก็แต่คุณหนู คุณชายของจวนใหญ่ต่างๆ ในเมืองเฟิง ก็จะได้รับคำอนุญาตพิเศษที่สามารถเข้าออกสำนักศึกษาได้ตลอดส่วนมากคนที่พักอยู่ในสำนักศึกษาล้วนเป็นลูกหลานของชาวบ้าน เหล่าคุณชายมีน้อยมากที่จะเข้ามาพักในสำนักศึกษาหากไม่มีเหตุการณ์เร่งด่วนยื่นเรื่องขอเข้าพบเซี่ยซูเหยียนและรอให้ทหารเฝ้ายามเข้าไปเรียกลูกชายมา เซี่ยห้าวไห่ก็ลงทะเบียนรับลูกชายออกจากสำนักศึกษาไม่ถึงหนึ่งเค่อเซี่ยซูเหยาก็เห็นเซี่ยซูเหยียนเดินออกมาพร้อมห่อผ้าหนึ่งห่อ นางยิ้มกว้างพลางตะโกนเรียก

    Last Updated : 2025-03-07
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 43 เหลาอาหาร

    ยามเฉินทุกคนก็ลงมานั่งรอที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม เพื่อรออาหารเช้าที่สั่งเอาไว้ และที่ด้านล่างของโรงเตี๊ยมก็คล้ายๆ กับเหลาอาหาร ที่สามารถสั่งอาหารรับประทานได้เซี่ยซูเหยาตื่นหลังคนอื่นนางจึงเดินลงมาทีหลังพร้อมกับหลิวซิ่นที่อยู่รอ เมื่อวานนี้นางไม่ได้พักเลยจึงตื่นสายมากกว่าปกติ“ท่านพ่อ”หลิวซิ่นเดินแยกไปนั่งอีกโต๊ะที่มีฟางไฉ่นั่งรออยู่ เซี่ยซูเหยาจึงนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างข้างพี่ชาย อาหารเช้าของวันนี้เป็นอาหารที่สั่งจากโรงเตี๊ยมไม่กี่จาน ที่เหลือก็จะเป็นอาหารที่เตรียมมาจากบ้านและขออุ่นที่นี่“อาเหยาอยากไปเดินดูตลาดต่อหรือไม่” ตลาดยามเช้าและกลางคืนไม่เหมือนกัน เซี่ยห้าวไห่จึงต้องการให้ลูกสาวไปเดินดูอีกครั้ง“อยากเจ้าค่ะ!”“อืม”ทั้งสามลงมือรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะพากันออกมาเดินตลาด ครั้งนี้เกวียนวัวของบ้านก็ถูกบังคับตามหลังสามพ่อลูกบ้านเซี่ยที่ตั้งใจเดิน เพราะเซี่ยซูเหยาคิดว่าอาจต้องซื้อของเยอะ เลยให้เอาเกวียนวัวไปด้วยเซี่ยซูเหยามองสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างตื่นเต้น วันนี้นางมองเห็นอย่างเต็มตา ไม่ว่าจะเป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เหลาอาหาร ร้านอาภรณ์ ร้านเครื่องประดับ

    Last Updated : 2025-03-08

Latest chapter

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 80 ตราบชั่วนิรันดร์

    เช้าวันนี้ในเมืองหลวงแคว้นหนานมีการถกเถียงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนของคนสกุลเจิ้ง ว่ากันว่าวันนั้นภรรยาทั้งสามคนของอดีตเสนาบดีเจิ้งที่ล่วงลับไปแล้วคลอดบุตรพร้อมกันหนึ่งฮูหยินใหญ่ภรรยาเอกของเสนาบดีเจิ้งคลอดบุตรชายออกมาเป็นคนที่สอง บุตรชายของนางจึงกลายเป็นคุณชายรองไปโดยปริยาย หากไม่เกิดเรื่องถูกไล่ออกจากสกุลครานั้นคงได้ขึ้นเป็นเสนาบดีเจิ้งคนปัจจุบัน แทนพี่ชายที่เป็นบุตรอนุสองฮูหยินรองที่คลอดบุตรสาวคนเล็กพร้อมเสียชีวิตลงระหว่างคลอดบุตรสาวออกมา จากการสอบถามหมอที่ทำคลอด หมอผู้นั้นกล่าวว่าฮูหยินรองเสียเลือดมาก อีกทั้งเด็กขาดอากาศหายใจจึงไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้สามคืออนุสามที่คลอดบุตรชายคนโตของสกุลเจิ้งก่อนฮูหยินทั้งสอง กล่าวได้ง่ายๆ ก็คือคุณชายใหญ่เจิ้ง หรือประมุขสกุลเจิ้งคนปัจจุบันนั่นเองทว่าเรื่องที่ถกเถียงในวันนี้ก็คือบุตรชายของฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งนั้นเป็นบุตรชายแท้ๆ ของฮูหยินรอง! ส่วนบุตรแท้ๆ ของนางนั้นเป็นบุตรสาวที่คลอดออกมาแล้วเสียชีวิต หมอทำคลอดกล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งในยามนั้นเสียเลือดมากและไม่มีโอกาสที่จะมีบุตรได้อีก จึงทำการสลับเปลี่ยนตัวเด็กทั้งยังสังหารฮูหยินรองทิ้ง ซึ่งเรื่องนี

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 79 ง้อ

    ซื่อจื่อหมิงซูเหยียนที่กำลังช่วยสหายสะสางฎีกาต้องรีบกลับตำหนักบูรพาทันทีเมื่อได้ยินว่าน้องสาวมีใบหน้าเศร้าหมองมาจากจวนสกุลเจิ้ง พอๆ กับผู้เป็นสามีอย่างรองแม่ทัพเจิ้งที่ตามพี่ภรรยาไปด้วยตำหนักบูรพาเดิมทีเป็นตำหนักขององค์รัชทายาทที่จะได้รับตำแหน่งฮ่องเต้องค์ถัดไป ทว่าฮ่องเต้หมิงหลงอันกลับไม่ยอมให้องค์รัชทายาทเข้าไปอยู่และสร้างตำหนักใหม่ให้แทน ในระหว่างนี้องค์รัชทายาทก็ต้องอยู่ในตำหนักเดิมของพระองค์ไปก่อนส่วนตำหนักบูรพาถูกยกให้เป็นจวนสกุลเซี่ยที่มีรองแม่ทัพเซี่ยเป็นประมุขสกุล ซึ่งองค์รัชทายาทไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เพราะหากเขายอมรับตำหนักใหม่ยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการตำหนักแบบใด และเรื่องนี้เหล่าขุนนางก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน อาจเป็นเพราะแต่ละคนล้วนเป็นขุนนางที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้หมิงหลงอันเพียงผู้เดียวก็ได้ยิ่งยามนี้จวนสกุลเซี่ยเพิ่งถูกองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่สั่งทุบไป และจะสร้างเป็นสวนดอกไม้เพื่อรำลึกถึงคนที่เสียชีวิตแทน ทำให้สามพี่น้องไม่ได้ย้ายไปพักที่นี่ อีกอย่างความทรงจำต่างๆ คงไม่ดีสำหรับผู้รอดชีวิตในวันนั้นรองแม่ทัพเจิ้งกระโดดลงจากรถม้าด้วยความเร่งรีบ เมื่อสอบถามนางกำนั

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 78 ย่าสามีหรือ ข้าไม่ต้องการ

    เสียงการเคลื่อนไหวที่ข้างนอกห้องนอนทำให้เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวตื่นขึ้นบนที่นอน ตั้งแต่แต่งงานมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ วันนี้นางตื่นสายมากๆ ได้ยินว่าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้งกลับมาจากเยี่ยมบุตรชายที่นอกเมืองหลวง นางผู้เป็นหลานสะใภ้จึงต้องไปยกน้ำชาเพื่อแสดงความเคารพสักหน่อย“องค์หญิง”“ยามใดแล้ว” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามคนสนิทที่เข้ามาช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้น ทั้งยังยกอ่างล้างหน้ามาให้ผู้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเจิ้งหมาดๆ นางพยักหน้า“ยามซื่อแล้วเพคะ ท่านเขยกล่าวว่าไม่ต้องปลุกท่าน บ่าวจึงรอให้ท่านตื่นเอง”“ยามซื่อ!”สามวันมานี้เหลาอาหารอิ้งเยว่เกิดเรื่องขึ้น นางจึงต้องจัดการปัญหาต่างๆ จะให้สามีจัดการให้ก็ไม่ได้ เขาไม่รู้เรื่องในเหลาอาหารทั้งยังมีเพียงนางที่แก้ปัญหาได้ จึงต้องนอนดึกและตื่นเช้ามาตลอดสามวัน เพียงทว่าเมื่อคืนนางคงจะเหนื่อยจริงๆ จึงหลับลึกมากชนิดที่ว่าคนข้างกายลุกไปก็ยังไม่รู้สึกตัว“เพคะ”“เขาล่ะ” นางหมายถึงสามีของนางที่ไม่เห็นหน้าเมื่อตื่นนอน“ท่านเขยออกไปพบองค์รัชทายาทเพคะ ได้ยินว่าพระองค์ป่วยหนักหลังจากถูกฝ่าบาททิ้งงานไว้ให้หลายวัน” หลิวซิ่นกล่าวยิ้มๆ อย่างขบขัน เมื่อองค์รัชทายาทถูกบิดาและบรรด

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 77 งานมงคล

    วันที่สิบเจ็ด เดือนสอง รัชศกหมิงปีที่ยี่สิบเอ็ด แคว้นหนานมีงานมงคลครั้งใหญ่โดยมีฮ่องเต้หมิงหลงอันเป็นญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง หรือก็คือองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่ ที่สมรสกับรองแม่ทัพเจิ้งรั่วซาน คุณชายรองเจิ้งแห่งสกุลเจิ้งแม้จะมีเสียงกล่าวว่าไม่เหมาะสมบ้าง แต่ใครจะสนกันล่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ผู้เป็นพี่สาวไม่ปราถนาที่จะแต่งงานเร็วๆ นี้ ทั้งได้ยินว่านางจะออกบวชชีที่อารามนอกเมือง หากรอพี่สาวแต่งงาน องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่ผู้เป็นน้องสาวก็คงไม่ได้แต่งงานแล้วชีวิตนี้ฮ่องเต้หมิงหลงอันมีราชโองการให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่แต่งให้รองแม่ทัพเจิ้งรั่วซาน โดยที่ไม่ต้องลดบรรดาศักดิ์เชื้อพระวงศ์หญิงอันดับหนึ่ง ยังเป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วเช่นเดิม ไม่ต้องกล่าวก็รู้ว่าเป็นคนโปรดเพียงใด ขนาดองค์หญิงรอง องค์หญิงสี่ที่แต่งไปกับเชื้อพระวงศ์แคว้นอื่นยังต้องลดบรรดาศักดิ์ลงเลยเสียงสนทนาเบาๆ ดังขึ้นที่หน้าห้องแต่งตัวของผู้เป็นเจ้าสาว ทำให้เซี่ยซูเหยาที่แต่งตัวอยู่อดที่จะมองดูไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าคนสนิทของนางเดินทางมาถึงแล้ว“องค์หญิง”“ฟางไฉ่!”ฟางไฉ

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 76 สมรสพระราชทาน

    เสียงหัวเราะท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบสร้างความสุขให้แก่นางกำนัลและองครักษ์ในตำหนักบูรพาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งอากาศยังเย็นสบาย“ได้ยินมาว่าพี่หญิงถูกชินอ๋องแคว้นหลิงตามเกี้ยวหรือขอรับ” ซื่อจื่อหมิงซูเหยียนที่นั่งตรงข้ามกล่าวถามองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ชะงักมือที่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย หวนนึกถึงคนผู้หนึ่งที่ตามเกี้ยวมาตลอดห้าปีอย่างขบขัน“อืม”“พี่หญิงยังไม่ใจอ่อนให้เขาอีกหรือเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาผู้นั่งข้างๆ พี่สาวเอ่ยถามบ้าง“ใจอ่อนอันใด นางมาปรึกษาข้าว่าอยากบวชชีอยู่เลย”แค่กๆหลายคนถึงกับน้ำพุ่งออกจากปากเมื่อได้ยินคุณหนูเจ็ดเย่กล่าว ทั้งยังหันมององค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ที่นั่งจิบน้ำชาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเป็นตาเดียว“ฮ่าๆ เหตุใดสีหน้าพวกเจ้าจึงเป็นเช่นนั้น” นางเพียงอยากบวชชีก็เท่านั้นเองเซี่ยซูเหยามองพี่สาวอย่างอึ้งๆ หลายปีที่ผ่านมาชินอ๋องผู้นั้นยังพิชิตใจพี่หญิงของนางไม่ได้อีกหรือ นางคิดว่าเขาจะตามเกี้ยวพี่สาวจนยอมตกลงแล้วเสียอีก“แล้วชินอ๋องแคว้นหลิงเล่า”“ชินอ๋องผู้นนั้นหรือ พี่ไล่เขากลับแคว้นหลิงแล้ว เชื้อพระวงศ์สองแคว้นควรเกี่ยวดอง

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 75 พี่น้องพบหน้า

    ต้นไม้สั่นไหวไปตามสายลมที่พัดมาเอื่อย ๆ บนเนินเขาเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงมาก ทั้งยังเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ทั่วทั้งเนินเขาไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ เพราะเป็นพื้นที่ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวซือจ่างกงจู่ที่ได้รับพระราชทานมาในยามที่ได้รับตำแหน่งองค์หญิงเจิ้นกั๋วม้าสองตัวถูกบังคับตามกันขึ้นไปยังเนินเขาที่มีเหล่าองครักษ์รออยู่ตีนเขา เสียงหัวเราะของสองพี่น้องช่างทำให้ฟางไฉ่และผู้ที่ติดตามมาตั้งแต่เมืองเฟิงยิ้มกว้าง หลายปีที่ผ่านมาองค์หญิงของพวกเขาร่าเริงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนก็จริงทว่าโดดเดี่ยวนักเมื่ออยู่เพียงลำพังเด็กหนุ่มเด็กสาวที่เคยเรียกว่าคุณชาย คุณหนู ยามนี้กลายเป็นองค์หญิงและซื่อจื่อกันหมดแล้ว ยิ่งแต่ละคนเติบโตการมีบรรดาศักดิ์ยิ่งแตกต่างกันมากขึ้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วหมิงเมี่ยวลี่จ่างกงจู่ผู้เป็นพี่สาวคนโต ยามนี้มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือนั่นก็คือการเป็นศิษย์ของหมอเทวดาหญิง ทั้งยังมีชื่อเรียกว่าองค์หญิงเทพธิดาจากการช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจน กลับมาหาน้องสาวเพียงปีละครั้งเท่านั้นซื่อจื่อหมิงซูเหยียนพี่ชายคนรองที่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะได้รับบรรดาศักดิ์อ๋องและยามนี้เ

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 74 งานเลี้ยงฉลองชัยชนะ

    ท้องฟ้าเริ่มมืด รถม้าของจวนขุนนางต่างทยอยจอดที่หน้าประตูวังเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ยิ่งงานเลี้ยงครั้งนี้อนุญาตให้นำบุตรอนุเข้าร่วมได้ ผู้คนจึงเยอะมากเป็นพิเศษ หากเป็นที่ถูกใจของเชื้อพระวงศ์อย่างน้อยก็อาจได้เป็นสนมเซี่ยซูเหยาก้าวลงรถม้าเมื่อถึงเวลาที่ควรเข้าไปด้านใน อาภรณ์ที่สวมใส่ล้วนเป็นสีแดงที่หมายถึงมงคล กลับปักหลายหงส์ที่ไม่ควรจะสวมใส่ เสด็จลุงเป็นผู้ส่งอาภรณ์นี้ให้นางเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แม้ตัวนางจะไม่เห็นด้วยเนื่องจากหงส์เป็นสัญลักษณ์ของฮองเฮาที่เคียงคู่มังกร ทว่าก็ถูกลี่กงกงเอ่ยขอร้อง มิเช่นนั้นจะถูกเสด็จลุงโทษนางจึงยอมเมินเหล่าคุณหนูสกุลใหญ่ที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น ก้าวเท้าตามลี่กงกงที่นั่งเฝ้านางแต่งตัวเพื่อไปหาเสด็จลุง อันที่จริงนางควรจะเข้าไปในงานเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่เสด็จลุงของนางกล่าวว่าให้ไปหาก่อนเสียงซุบซิบที่พอเห็นว่านางเหลือบมองก็เงียบลง เซี่ยซูเหยาถอนหายใจ หมายมั่นว่าหลังจากจบงานเลี้ยงนี้นางจะไม่ยอมใส่ชุดหงส์ที่เสด็จลุงส่งมาให้แน่“หลานรักมาแล้วหรือ”เซี่ยซูเหยามองฮ่องเต้หมิงหลงอันที่ให้นางกำนัลสวมชุดให้อย่างเบื่อหน่าย หลายปีมานี้นางสนิทกับเสด็จลุงและเสด็

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 73 ห้าวสันต์ที่พ้นผ่าน

    วันที่สิบสาม เดือนสอง รัชศกหมิงปีที่สิบห้า สกุลเย่เป็นหนึ่งในกบฎเมื่อหลายปีก่อน ฮ่องเต้หมิงหลงอันมีราชโองการประหารเจ็ดชั่วโคตรโทษฐานกบฏ ละเว้นคุณหนูหกเย่ คุณหนูเจ็ดเย่ ที่สร้างชื่อเสียงให้แคว้นในการแข่งขันที่ผ่านมา ทว่าถูกกักตัวภายในคุก ส่วนคุณชายสี่เย่ไม่ได้รับการละเว้น บุรุษสกุลเย่ไม่สามารถสอบขุนนางได้อีกตลอดชีวิต รวมถึงสตรีที่ไม่สามารถเข้าวังเป็นพระสนมได้เย่ฮองเฮาคบชู้สู่ชายสวมหมวกเขียวให้ฝ่าบาทจนมีองค์ชายเจ็ด ปลดออกจากตำแหน่งฮองเฮา พระราชทานผ้าแพรขาว รวมถึงพระราชทานยาพิษให้แก่องค์ชายน้อยให้เป็นเยี่ยงอย่างของพระสนม ว่าหากคบชู้จะถูกลงโทษอย่างไร องค์หญิงใหญ่ถูกกักบริเวณภายในตำหนักจนกว่าจะมีการสืบสวนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่บ้านรองสกุลเซี่ยถูกราชโองการประหารโทษฐานสร้างความเสื่อมเสียให้แก่แคว้นหนานในขณะที่มีแคว้นพันธมิตรอยู่ในแคว้น ทั้งยังลอบทำร้ายองครักษ์ของฮ่องเต้หมิงหลงอันที่เป็นบิดาขององค์หญิงเจิ้นกั๋วทั้งสองจนถึงแก่ความตายวันที่สิบห้า เดือนสอง รัชศกหมิงปีที่สิบห้ามีราชโองการประกาศรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับสกุลเย่ ขุนนางที่เกี่ยวข้องล้วนต้องโทษประหาร บุรุษในสกุลถูกส่งไปเป็นทาสนอกเมืองหล

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 72 โทษประหาร

    เสียงกระทบกันของโลหะบ่งบอกว่ามีคนเปิดประตูคุก ฝีเท้าหลายคู่เดินตามทางที่ทอดยาวไปยังห้องขังใต้ดิน คบเพลิงถูกจุดตามกรงขังเป็นระยะๆ เพื่อให้แสงสว่างแก่ทางเดิน ห้องขังที่เต็มไปด้วยน้ำขังถูกสนิมกัดเซาะชวนให้อาเจียนกลิ่นอับชื้นตีขึ้นคละคลุ้งไปทั่วจมูก เซี่ยซูเหยารีบใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกเอาไว้ รีบก้าวเท้าตามองครักษ์ที่ถูกส่งมาเปิดห้องขังในยามวิกาล ด้านหลังมีคนติดตามมาอีกหลายคน วันนี้นางมายังคุกคุมขังนักโทษที่บังอาจก่อเรื่องในวันงาน‘ปล่อยข้านะ!’‘หยุนหรง! เพราะเจ้า เป็นเพราะเจ้าคนเดียว!’‘ท่านพ่อ!’‘ข้ากลัว ฮืออ’‘แม่เจ้าก็เข้าคุกไปแล้ว! ยังต้องพาข้าเข้าคุกอีก’‘หุบปาก! ท่านเป็นคนฆ่ามันเองไม่ใช่เหรอ’‘ฮือๆ'เสียงทะเลาะกันที่คุ้นหูทำให้เซี่ยซูเหยาเหยียดยิ้ม หลายวันมานี้คงจะอยู่กันอย่างทรมานสินะ ถึงได้ด่ากันมากขนาดนี้ หลังจัดงานศพบิดาเสร็จนางก็เพิ่งมีเวลามาที่นี่“องค์หญิง ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ที่ฮ่องเต้หมิงหลงอันสั่งให้นำหลานสาวมายังคุกหลวงกล่าวกับเด็กสาวด้วยความเคารพ หากไม่ใช่บุคคลสำคัญหรือมีอำนาจมากพอ มีหรือที่จะสามารถเดินเข้าออกคุกหลวงได้อย่างสบายแบบนี้นัยน์ตาเล็กหรี่มองเซี่ยหยุนหรง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status