Share

เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา
เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา
Author: Ainthira06 / โจวเหว่ยฟาง

บทที่ 1 เนเน่ เนตรนภา

last update Last Updated: 2025-02-14 02:57:41

หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ทุก ๆ ครั้งที่มหาวิทยาลัยมีโครงงานศึกษาดูงานต่างประเทศ เนเน่จะเป็นตัวเลือกคนแรกที่ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกเข้าพบ แม้เธอจะไม่ต้องการก็ตาม

ลำพังแค่ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยจนขึ้นปีสองคนเดียวก็ยากแล้ว เพื่อนในสาขาที่เรียนด้วยกันยังเหมือนจะไม่ชอบเธออีก เธอจึงชอบตัดปัญหาโดยการไม่สุงสิงกับใคร

“นะ เนตรนภา เธอก็รู้ว่ายังไงถ้าไม่อ้างอิงตามคะแนนของรายวิชา เธอก็ผ่านไปได้อยู่แล้ว”

เนตรนภาคือชื่อจริงของเนเน่ เธอเรียกว่าเป็นตัวท็อปอันดับต้น ๆ ของสาขาเลยก็ว่าได้ อีกอย่างก็เป็นเด็กกิจกรรมที่เข้าร่วมไม่เคยขาดจนเป็นที่เอ็นดูของเหล่าอาจารย์

ครั้งนี้มหาวิทยาลัยสามารถพานิสิตไปศึกษางานเกี่ยวกับอดีตและยุคสมัยได้ถึงสิบคน ที่ไม่รวมกับอาจารย์ที่ปรึกษาของรายวิชาและอาจารย์อีกสองท่าน อาจารย์กมลนิลจึงเรียกเธอเข้ามาพูดคุย

“อีกตั้งหลายวันจะมีการทำงานกลุ่มน่าจะเป็นงานสุดท้ายที่ตัดสินหรือเปล่าคะ? หนูขอกลับไปถามครอบครัวก่อนเพราะประเทศจีนต้องเดินทางไกล ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก หนูกลัวว่าที่บ้านจะไม่อนุญาตค่ะ”

“ได้ ๆ”

เพราะสามารถพาไปได้หลายคนเหล่าอาจารย์จึงปรึกษากันว่าคะแนนเก็บใครเยอะสุดคนนั้นจะได้ไป แต่ถ้าไม่ต้องการที่จะไปก็สละสิทธิ์ให้คนอื่นได้ ถึงต้องนับคะแนนเก็บแต่เนเน่ก็เป็นตัวเลือกที่เหล่าอาจารย์จะพาไปต่อให้คะแนนน้อย

ครอบครัวของเนเน่มีเชื้อสายคนจีนที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาว และเนเน่ก็เกือบจะไม่ได้ต่อในระดับมหาวิทยาลัยเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะพี่ชายกับน้องชายต่อรองกับอาป๊าและหม่าม้าให้

ครอบครัวของเธอมีร้านอาหารที่ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็ก เพราะอาป๊ากับหม่าม้าสามารถทำงานส่งเฮียนราเรียนจบถึงปริญญาโท ตอนนี้กำลังหาเงินต่อปริญญาเอกเอง น้องชายคนเล็กก็ขึ้นปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ และส่งเธอเรียนในระดับปริญญาตรี นอกจากค่าเทอมแล้วยังต้องให้เธอใช้ต่อเดือนอีกเดือนละเป็นหมื่น

แต่ถึงท่านทั้งสองจะรักลูกชายมากกว่าลูกสาวอย่างที่หลาย ๆ บ้านเป็น แต่ทั้งสองก็ไม่ได้บังคับเนเน่เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ อยากเรียนก็เรียนไปแต่ถ้าเรียนจบปริญญาตรีก็คงไม่ส่งเรียนต่อ

“ม้าคะ หนูกลับมาแล้วค่ะ”

เนเน่ส่งเสียงบอกหม่าม้าที่นั่งเล่นอยู่กลางบ้าน หม่าม้าของเธออายุจะหกสิบแล้วเลยหยุดทำงานในร้าน ให้ลูกจ้างทำงานแทน ส่วนอาป๊าก็อายุเท่ากันแต่ชอบไปนั่งดูร้าน

“กลับมาแล้วรึอาเนเน่ ตี๋เล็กล่ะ กลับมาพร้อมลื้อหรือเปล่า”

หญิงสาวถอนหายใจออกมา ที่บ้านก็แบบนี้แหละ ถ้าเฮียนราอยู่บ้านไม่ออกไปอยู่คอนโด หม่าม้าก็จะถามหาเฮียกับตี๋เล็ก

“ไม่ค่ะม้า ตี๋เล็กคงอยู่กับเพื่อน”

“เหรอ”

“งั้นเน่เอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะคะ”

“อือ”

มหาวิทยาลัยกับบ้านห่างกันเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร สมัยที่เฮียนรายังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็เรียนที่เดียวกับเธอ และอาป๊ากับหม่าม้าก็เช่าคอนโดให้อยู่ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย โดยให้เหตุผลว่าจะได้ไปเรียนสะดวก ตี๋เล็กก็เหมือนกัน ยกเว้นเธอที่ต้องไปกลับบ้านกับมหาวิทยาลัย ทั้งที่ได้เงินเดือนน้อยกว่าพี่ชายกับน้องชายเกือบเท่าตัว

“เอาล่ะ นิสิตสามารถเดินดูได้แต่อย่าไปไกลมาก อาจารย์ขอคุยกับคนดูแลที่นี่ก่อน ไม่ก็ขึ้นไปรอบนรถ” อาจารย์กมลนิลเอ่ยบอกหลังพากันเดินดูภายในหมู่บ้านเก่าแก่

อาจารย์กมลนิลกลัวว่าเธอจะไม่ได้มาด้วยเลยติดต่อไปหาอาป๊าว่าต้องการที่จะพาเธอไป อาป๊าก็เลยอนุญาต แต่ถึงจะไม่ติดต่อมาหาเนเน่ก็มีสิทธิ์ที่จะไปอยู่แล้ว เพราะเธอมีคะแนนรวมติดท็อปหนึ่งในสามของสาขา

นี่เป็นวันที่สองที่เธอได้เข้ามาศึกษาที่นี่ เนเน่รู้สึกได้ว่าเธอชอบที่นี่มาก ภายในหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านร้างไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่ถูกดูแลทำความสะอาดทุกเดือน เป็นหนึ่งในที่สถานที่ที่หลายมหาวิทยาลัยเลือกเป็นโครงงานศึกษางาน

ถึงเพื่อนร่วมสาขาจะมีท่าทีว่าไม่ชอบเธอแต่เนเน่ก็ทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้เธอมีคะแนนเก็บที่มากกว่าคนอื่นล่ะ กว่าจะพยายามได้ขนาดนี้ไม่ใช่ง่ายเลย

ตอนนี้มันใกล้มืดแล้วพรุ่งนี้เช้าพวกเธอก็ต้องกลับไปยังมหาวิทยาลัย และไม่ใช่ว่ามาศึกษางานเปล่า ๆ ใครที่มาในครั้งนี้ต้องเขียนรายงาน และบอกเล่ารายละเอียดของที่นี่ส่งให้อาจารย์ประจำคณะ ใครที่อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายก็มีโอกาสได้ไปศึกษางานหน้า

“เนเน่”

เสียงเรียกชื่อของเธอทำให้เนเน่ต้องหันไปมอง เป็นกลุ่มหญิงสาวที่สวยที่สุดในสาขาของพวกเธอ และกลุ่มนี้มีทั้งหมดสี่คน แต่มาโครงงานนี้แค่สามคนเพราะอีกคนคะแนนไม่ถึง

“ทอแสงมีอะไรหรือเปล่า”

ทอแสง แพรฝัน วาดหวาน และน้ำตาลเป็นกลุ่มนักศึกษาสาวที่มีหลายคนพูดถึง และเป็นกลุ่มหญิงสาวที่ติดท็อปความสวยของมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่ค่อยได้คุยกับคนในกลุ่มนี้เท่าไร หรือบางทีเรียกได้ว่าไม่เคยคุยก็ว่าได้

“เธอรู้จักฉันด้วย?” ทอแสงชี้นิ้วใส่ตัวเองพร้อมตั้งคำถาม

“อืม” เนเน่พยักหน้า ก็คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนดังนี่ เธอจะไม่รู้จักก็ไม่แปลก อีกอย่างในสาขาของเธอก็มีไม่ถึงสามสิบคน

“อ๋อ พอดีอาจารย์ดิออร์อยากคุยกับเธอน่ะ เราเลยอาสามาบอกให้ อาจารย์รออยู่ท้ายหมู่บ้านนะ”

“เหรอ แต่อาจารย์บอกว่าไม่ให้ไปไกลนี่” เนเน่ลังเล เธอไม่เห็นอาจารย์ดิออร์อยู่บริเวณนี้มาสักพักแล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะไปหาเพราะอาจารย์ให้รออยู่ตรงนี้

“ไม่เชื่อเหรอ? ให้เราพาไปก็ได้นะ”

“ได้สิ”

เนเน่เดินตามหลังเพื่อนร่วมสาขาโดยที่ไม่เอะใจเลยว่าไม่มีแพรฝันกับวาดหวานที่ตัวติดกับทอแสง เธอรู้แค่ว่าอาจารย์เรียกก็เท่านั้น

“กรี๊ดดดดด”

เสียงหัวเราะด้านนอกทำให้เนเน่สับสน เธอเรียกให้ทอแสงช่วยแต่กลับไม่ช่วยเธอ เมื่อกี้เธอหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านเก่าหลังหนึ่งแล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนกับมีคนผลักเข้ามา

ปัง! ปัง!

“ช่วยด้วย!”

แม้จะเป็นบ้านที่เก่าแก่แต่ไม่รู้ว่าทำประตูบ้านถึงแข็งมากขนาดนี้ ทั้งที่มันควรจะพังลงเพราะเธอเขย่ามัน เนเน่น้ำตาไหลนองใบหน้า เธอเป็นคนที่กลัวความมืดมาก ข้างนอกก็เริ่มจะมืดแล้ว แต่ที่นี่มันห่างจากที่เธอมาไกลพอสมควร ภาวนาให้มีคนมาช่วยก่อนที่จะมืด

เฮือก!

“กรี๊ดดดดด”

“ฮ่า ฮ่า”

ทอแสงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี พอถึงห้องพัก ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมสาขา หรือแม้แต่อาจารย์ก็ไม่เอะใจถามหายัยเฉิ่มนั่น

“โง่มากอะ” วาดหวานพูดเสริม

เหตุการณ์ก่อนหน้าก็เป็นเธอนั่นแหละที่ผลักยัยเฉิ่มนั่นเข้าบ้านร้างไป ช่วยไม่ได้ที่ใครให้หล่อนมีคะแนนที่สูงจนทำให้เพื่อนอีกคนของเธอไม่ได้มาด้วยกันล่ะ

“จริง เป็นลูกรักอาจารย์ แต่โง่มาก ฮ่า ฮ่า” แพรฝันหัวเราะตาม

อุตส่าห์นัดกันไว้แล้วว่าจะไปเดินชอปปิงกันที่นี่ แต่ยัยโง่นี่กลับทำให้น้ำตาลเพื่อนสนิทของเธอมาด้วยไม่ได้

“แต่มันจะไม่มีปัญหาแน่นะ” แพรฝันกังวล

เธอกับกลุ่มเพื่อนก็แค่ต้องการแกล้งยัยเฉิ่มที่ทำให้เพื่อนของเธออีกคนไม่ได้มาด้วย พรุ่งนี้อาจารย์ก็คงจะเอะใจกลับไปถามหา

“ไม่มีหรอก ถ้ามันบอกว่าเราแกล้ง ใครจะไปเชื่ออะ คนก็ไม่มี ไม่มีใครเห็น อีกอย่างในมหาลัยเราก็ไม่เคยไปคุยกับมัน” ทอแสงไม่มีความกังวลใด ๆ

“ใช่”

“ไปอาบน้ำไป ฉันจะออกไปข้างนอก”

“เออ”

“ยัยน้ำตาลมันกรี๊ดมาอีกแล้ว รำคาญมาก”

“ก็คนเอาแต่ใจ”

เช้าวันใหม่ทุกคนต้องวุ่นวายตั้งแต่เช้าเพราะเพื่อนร่วมห้องของเนเน่แจ้งอาจารย์ว่าเนเน่ไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน ที่ไม่ได้แจ้งตั้งแต่เมื่อคืนเพราะคิดว่าเนเน่จะกลับไปหาญาติ แต่เธอพึ่งจำได้ว่าโทรศัพท์ของเนเน่ฝากไว้กับเธอก่อนที่เนเน่จะหายไป

“ได้ยังไง เพื่อนหายไปทำไมไม่มีใครบอก”

อาจารย์ทั้งสามคนรู้สึกเครียดมากเพราะนับดูแล้วเวลาที่นิสิตหายไปก็เกือบสิบชั่วโมง อีกทั้งยังเป็นนิสิตที่อาจารย์รับปากผู้ปกครองว่าจะดูแลเป็นอย่างดี

“ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ เมื่อวานหนูเหนื่อยมาก พอมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำแล้วพักเลย”

จะโทษนิสิตก็ไม่ถูกเพราะเมื่อวานเหนื่อยกันมากจริง ๆ ไหนจะกลับวันนี้อีก ทุกคนเลยไม่ใส่ใจเพื่อนร่วมสาขา

“เดี๋ยวอาจารย์จะไปประสานงานกับผู้ดูแลหมู่บ้านก่อน เราก็ไปรวมกับเพื่อนไป แล้วบอกเพื่อนว่าอาจกลับช้า”

“ได้ค่ะ”

หมิงหมิงเพื่อนร่วมห้องของเนเน่ถอนหายใจออกมาหลังจากแจ้งอาจารย์เสร็จ เป็นความไม่รอบคอบของเธอจริง ๆ ที่ไม่ดูเพื่อน เธอจำได้ว่าเนเน่ฝากของไว้กับเธอเพราะอยากเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็ไปช่วยอาจารย์ถือของ เมื่อคืนก็คิดว่าไปกับญาติไหนจะเหนื่อยอีก แต่ตอนเช้าพอคิดดูแล้วเธอคิดว่ามันไม่ใช่

“เป็นอะไรหมิง น่าเครียดมาแต่ไกลเลย” เพื่อนสนิทของเธอถาม

“เนเน่อะ เมื่อคืนไม่ได้กลับห้อง แกเห็นไหม”

หมิงหมิงเป็นเด็กกิจกรรมและเด็กที่ติดท็อปสาขาไม่ต่างจากเนเน่ ทั้งสองเข้าร่วมแทบจะทุกกิจกรรมเลยสนิทกันไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน มีบ้างที่ชวนกันไปกินข้าว

“อ้าว แต่ไม่เห็นกลับด้วยกันตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ” ใยไหมตอบด้วยความงง

“เหรอ”

“ฉันบอกแล้วยัยเฉิ่มมันโง่ เพื่อนก็ไม่มี จะมาทำไหมก็ไม่รู้” วาดหวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดีหลังหัวหน้าสาขาพูดกับเพื่อนสนิท ทั้งสามคนยืนอยู่ด้านหลังจึงไม่แปลกที่จะได้ยินสิ่งที่พูด

“เออ หงุดหงิดวะ ถ้าไม่ใช่เพราะมันยัยน้ำตาลมันก็ไม่ต้องมากรี๊ดใส่เราหรอก”

“จริง หายไปจากโลกได้ก็ดี”

“ฮ่า ฮ่า”

เสียงหัวเราะจากกลุ่มสาวสามเรียกรอยยิ้มจากคนรอบข้างได้ไม่ยาก ทั้งสามคนสวยมาก ยิ่งหัวเราะก็ยิ่งสดใส แต่ทุกคนคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ทั้งสามทำ มันทำลายชีวิตของหญิงสาวอีกคน

“ไม่จริง!”

“จริง ๆ ผมได้ยินอาจารย์แกพูดอยู่”

“เมื่อวานก่อนจะกลับเนเน่ก็ยังดี ๆ อยู่เลยนะ”

“มีอะไรกันเหรอคะ” วาดหวานเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่โวยวายกันอยู่ จริง ๆ ก็เป็นกลุ่มคนในสาขาแหละ

“ยัยเนเน่ตายแล้ว”

“ห้ะ!”

“ไม่น่าเชื่อใช่ไหม เมื่อวานเรายังยืนอยู่ด้วยกันอยู่เลย”

หากมีคนสังเกตคงจะเห็นอาการหวาดกลัวของสามสาวที่เดินเข้ามาใหม่ แต่ทุกคนกำลังสนใจสิ่งที่รับรู้มามากกว่า

Related chapters

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 2 เซี่ยซูเหยา

    เนเน่ขยับตัวด้วยความอ่อนล้า ความจำล่าสุดของเธอก่อนที่จะหมดสติคือการที่เธอกลัวความมืดและกรีดร้องจนหมดสติ แต่พอลืมตาขึ้นมามันทำให้เธอถึงกับชะงัก เธอยังไม่ได้ออกจากบ้านร้างที่เก่าแก่?แต่พอมองรอบ ๆ แล้วเนเน่ต้องขยี้ตาหลายรอบ ต่อให้เป็นความมืดแต่สิ่งที่เธอจำได้ก็คือ บ้านหลังนั้นมันรกมากและกลิ่นอับชื้นก็ตีขึ้นจมูก แต่ที่นี่ไม่ใช่ และเธอยังจำได้อีกว่าเธออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้เธอกลับนอนอยู่บนเตียงที่มีเศษผ้าเก่า และรู้สึกถึงมือที่เล็กลง“อึก!”เนเน่ยกมือขึ้นกุมขมับทันทีที่ครามทรงจำบางอย่างไหลเข้าหัว มันเป็นความเจ็บปวดที่ร่างกายแทบจะทนไม่ไหว เกือบสิบนาทีที่เนเน่ต้องทนเจ็บปวดก่อนที่ความเจ็บปวดมันจะหายไป‘มันคืออะไร’เนเน่นอนนิ่งก่อนจะทบทวนความทรงจำที่ได้รับมา ดูเหมือนว่าเธอจะตายในบ้านที่ถูกผลักเข้าไป และตื่นขึ้นมาบนร่างของ เซี่ยซูเหยา เด็กน้อยวัยสิบหนาวในแคว้นหนาน แคว้นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพืชผักและกำลังทหารเซี่ยซูเหยาเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวสกุลเซี่ย เป็นสกุลเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของแคว้น และอยู่ในเมืองที่เลือกได้ว่ายากจนที่สุด ต่อให้แคว้นอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหนแต่พอห่างไกลจากเมืองหลวง

    Last Updated : 2025-02-14
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 3 เซี่ยซูเหยาหายป่วย

    เซี่ยซูเหยาท้าวคางมองหน้าบ้านด้วยความเบื่อหน่าย เข้าวันที่เจ็ดแล้วที่นางได้มาอยู่ที่นี่ แต่เพราะมีร่างกายที่อ่อนแอจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหน แม้แต่แสงแดดก็ห้ามโดนจนกว่าอาการจะดีขึ้นแต่ยามนี้อาการนางดีขึ้นมากแล้วเพราะได้กินน้ำแกงไก่บำรุงร่างกายเกือบทุกวัน ไหนจะการที่นางลอบออกกำลังกายในห้องนอนอีก อาการต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีแล้ว คงจะมีแต่ความเบื่อนี่แหละ“พี่สาว อาเหยาเบื่ิอ” เซี่ยซูเหยาหันไปบอกเซี่ยซูเจี๋ยที่ล้างผักอยู่ ผักพวกนี้จะถูกนำไปดองเก็บไว้กิน“อาเหยาเบื่อหรือ แต่ท่านพ่อไม่ให้อาเหยาออกไปไหน” เซี่ยซูเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมองแม้ตัวน้องสาวจะบอกว่าหายดีแล้วแต่เซี่ยซูเจี๋ยกับผู้เป็นพ่อและน้องชายก็ไม่เชื่อ อาเหยาชอบบอกว่าหายดีแล้วเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง“เฮ้อ”เซี่ยซูเหยาถอนหายใจครั้งที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้ นางเบื่อจริง ๆ นะ แม้แต่งานในครัวพี่สาวก็ไม่ยอมให้นางแตะ ให้เหตุผลว่ารอให้อากาศดีกว่านี้เสียก่อน“งั้นมาช่วยพี่สาวล้างผักดีไหม พรุงนี้พี่สาวจะทำเกี่ยมฉ่าย กับซึงไฉ่ เก็บไว้กินเดือนหน้า” เซี่ยซูเจี๋ยบอกน้องสาวนางสามารถออกไปไหนมาไหนได้ แต่อาเหยาไม่สามารถออกไปได้เพราะทุกคนเป็นห่วง เซี

    Last Updated : 2025-02-14
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 4 เข้าป่า

    เซี่ยซูเหยาอดตื่นเต้นไม่ได้ นับรวมจากที่ได้คุยกับผู้เป็นพ่อ วันนี้ก็เข้าวันที่สิบแล้ว อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือไม่หนาวจนเกินไป เซี่ยห้าวไห่จึงบอกให้ลูกชายและลูกสาวเตรียมตัว เพราะจะไปด้วยกันทั้งหมดเซี่ยห้าวไห่ไม่ค่อยเป็นห่วงเซี่ยซูเหยียนเพราะไปด้วยกันทุกวัน จะเป็นห่วงก็แต่ลูกสาวอีกสองคน คนโตไม่เท่าไรเพราะเขาเชื่อว่านางเอาตัวรอดได้ ต่างจากอาเหยาที่เป็นครั้งแรกของการเข้าป่าวันนี้เซี่ยห้าวไห่จะพาไปก็จริงแต่เขาจะให้อยู่เพียงตีนป่าเท่านั้น ข้างในมันอันตราย เขาไม่สามารถช่วยลูก ๆ ได้ทั้งหมดหากเกิดอะไรขึ้นมา ลำพังพาลูกชายไปด้วยทุกวันก็ยังเป็นห่วง“พี่สาวห่อข้าวไปด้วยหรือ” เซี่ยซูเหยาเอียงคอถามจนเซี่ยซูเจี๋ยเอื้อมมือมาบีบแก้มน้องสาว น้องสาวของนางเดิมทีก็น่ารักอยู่แล้ว พอทำท่าทางแบบนี้ยิ่งน่ารักไปใหญ่“แก้มอาเหยา!” เซี่ยซูเหยาพองแก้มพลางเท้าเอว“ฮ่า ฮ่า วันนี้ท่านพ่อให้พี่สาวทำอาหารไปเผื่อด้วย” เซี่ยซูเจี๋ยตอบปกติเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนไม่ได้ห่อกับข้าวไปด้วย เพราะทั้งสองจะกลับมากินข้าวที่บ้านทุกวัน จะมีก็แต่ยามขึ้นเขาไปล่าสัตว์เท่านั้นที่เซี่ยห้าวไห่จะให้ลูกสาวทำไว้ให้“อ๋อ”เซี่ยซูเหยา

    Last Updated : 2025-02-14
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 5 ไก่ย่างสมุนไพร

    ทุกคนดูชอบกุ้งนึ่งกับน้ำจิ้มที่เซี่ยซูเหยาทำมาก โดยเฉพาะเซี่ยห้าวไห่ที่เอ่ยชมลูกสาวไม่หยุด ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เซี่ยซูเหยาจะทำอาหารให้คนในครอบครัวกินบ่อย ๆ ยามที่จะเปิดร้านอาหารจะได้ไม่มีใครกังวล และจะได้สนับสนุนนางวันนี้ทั้งเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนออกไปรับจ้างนอกบ้านไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์ เซี่ยซูเจี๋ยก็นำตะกร้าผ้าไปซักที่ลำธาร ซึ่งที่บ้านก็เหลือเพียงเซี่ยซูเหยาผ่านมาสามวันแล้วพ่อของนางก็ยังไม่พานางเข้าป่าอีกครั้ง แต่นางเห็นว่ายุ่งเลยไม่ได้ไปอ้อนให้พาไป กุ้งกับปลาที่จับมายังไม่หมด เปลี่ยนน้ำทุกวันจึงยังไม่ตายและสดอยู่เซี่ยซูเหยาอาศัยช่วงที่ไม่มีใครอยู่บ้านออกไปหาผักในแปลงผัก เซี่ยซูเจี๋ยจะย่างไก่ป่าที่ได้มาหลายวันก่อนแต่นางไปซักผ้าอยู่ เซี่ยซูเหยาเบื่อย่างแบบเกลือแล้วนางเห็นว่าแปลงผักมีผักหลายชนิดที่เป็นสมุนไพร สามารถนำมาปรุงอาหารได้ ไหน ๆ ในอนาคตนางต้องการจะเปิดร้านอาหารอยู่แล้ว เลยคิดค้นเมนูใหม่ของที่บ้าน แม้อาจเป็นเมนูที่หลายร้านมีก็ตาม เซี่ยซูเหยาคิดว่าต่อให้ชื่อเหมือนกันแต่วิธีปรุงหรือสูตรมันต่างกันก็เพียงพอแล้วเซี่ยซูเหยาเก็บเจียง หนันเจียง และหนิงเหมิงเฉ่า จา

    Last Updated : 2025-02-14
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 6 ช่วยชีวิตลูกหมาป่า

    เซี่ยซูเหยารีบเตรียมของเมื่อพ่อของนางอนุญาตและจะพาเข้าป่าไปจับปลาอีกครั้ง เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนรับจ้างชาวบ้านทำงานวันละสิบอีแปะ ทำทั้งหมดห้าวันจึงได้เงินมาหนึ่งร้อยอีแปะ ซึ่งเซี่ยซูเหยาปวดใจไม่น้อย เงินที่ได้รับน้อยมากเมื่อเทียบกับแรงงานที่ได้ทำไปข้าวสาร 1 จิน เกือบสามร้อยอีแปะ ทั้งสองต้องทำงานมากกว่าครึ่งเดือนเพื่อซื้อข้าวสารให้นางกิน แล้วคนอื่นในบ้านกินเพียงน้ำข้าวต้มที่เหลืออยู่เท่านั้น หากนางไม่ใช่ผู้ตักข้าวเองเซี่ยซูเหยาไม่เข้าใจพ่อของนางเลย ทุกวันหากเข้าป่าล่าสัตว์ไปขายและเหลือไว้กินในบ้าน อย่างน้อยวันหนึ่งก็ได้เงินไม่ตำกว่าห้าสิบอีแปะ ทั้งยังใช้เวลาไม่นานและพักเหนื่อยได้ตลอดรับจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านไม่เพียงแต่ต้องใช้แรง ยังได้รับเงินที่สมควรจะได้รับน้อยมาก สู้เข้าป่าหาอาหารมากินดีกว่าได้เงินเพียงน้อยแล้วอดกินแต่นางก็ไม่ได้ถามอันใดต่อ เอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นค่อยถาม เซี่ยซูเหยารอให้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนหยุดพักหนึ่งวันหลังออกไปรับจ้าง และวันต่อมานางถึงอ้อนท่านพ่อเพื่อขอให้พาเข้าป่าอีกครั้ง ซึ่งท่านก็ตกลง“วันนี้พี่คงไม่ได้ไปด้วย อาเหยาระวังตัวดี ๆ นะ!” เซี่ยซูเจี๋ย

    Last Updated : 2025-02-16
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 7 เสี่ยวเฮย

    เซี่ยซูเหยากอดเข่านั่งมองเสี่ยวเฮย ที่นางเก็บกลับมาด้วย นางอ้อนพ่อของนางเกือบครึ่งวันเพื่อขอเลี้ยงลูกหมาป่าตัวสีขาวเสี่ยวเฮยมีขนสีขาวแต่ที่ไม่ได้ตั้งว่าเสี่ยวไป๋ เพราะเซี่ยซูเหยานึกถึงแม่หมาป่ากับบรรดาพี่น้องของเสี่ยวเฮยที่มีขนสีดำ นางเลยตั้งชื่อนี้ให้เสี่ยวเฮยถึงเซี่ยซูเจี๋ยไม่ต้องการให้น้องสาวเลี้ยงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกหมาป่ายังเด็กมันช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น และนางก็ไม่ได้ใจดำ“ท่านพ่อ อาเหยาอยากกินปลาย่าง” เซี่ยซูเหยาหันไปบอกเซี่ยห่าวไห่ที่นั่งสานตะกร้าเซี่ยห้าวไห่สามารถทำได้หลายอย่าง ล่าสัตว์ รับจ้างทั่วไป หรือสานตะกร้าเขาก็สามารถทำได้ วันนี้เขาไม่ได้เข้าป่าเพราะเพิ่งเข้าไปเมื่อวานและของที่ได้มาก็กลัวจะกินไม่ทัน อีกทั้งไม่มีใครจ้างงาน“ทำไมไม่บอกพี่สาวทำให้ล่ะ”“อาเหยาอยากทำเองเจ้าค่ะ”เวลาเซี่ยห้าวไห่อยู่บ้านเขาจะจับตานางตลอดเวลา และไม่ต้องการให้นางทำอะไรที่เหนื่อย เซี่ยซูเหยาจึงต้องขอผู้เป็นพ่อ ส่วนพี่สาวนั้นอนุญาตแล้ว“อืม ให้พี่สาวช่วยทำด้วย”เซี่ยซูเหยาพยักหน้า อันที่จริงตอนนี้พี่สาวคงล้างทำความสะอาดปลาเสร็จแล้ว นางเลยรีบเดินไปยังหลังบ้านเพื่อหาหนิงเหมิงเฉ่ามายัดไส้ตัวปลา อ

    Last Updated : 2025-02-16
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 8 กาฝาก

    เซี่ยซูเหยามองตามเซี่ยหยุนหรงที่ถูกพี่สาวลากกลับไปด้วยความไม่พอใจ นางซือหลิงเลี้ยงลูกของนางแต่ละคนได้ดีจริง ๆถ้าจำไม่ผิดนางเคยได้ยินท่านพ่อเล่าว่าลูกสาวคนโตของนางซือหลิงแต่งออกไปก่อนที่เซี่ยซูเหยาจะเกิดซะอีก ส่วนลูกชายอีกสามคนของนางที่ไม่รวมเด็กแฝดคู่นี้เห็นว่าไม่มีการงานมั่นคง ออกไปรับจ้างอย่างเกียจคร้าน แต่มีลูกมีเมียเต็มบ้านอายุลูกชายของนางซือหลิงแต่ละคนก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว และแต่ละบ้านก็มีลูกไม่ต่ำกว่าสามคน เห็นว่ายามนี้ลูกสะใภ้ของนางก็ใกล้คลอดอีกแล้ว“พี่ชายมาแล้ว อาเหยาว่าเรากินข้าวกันเถอะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยขึ้น“ได้”อากาศด้านนอกมันดีกว่าในบ้านที่อบอ้าว เซี่ยซูเจี๋ยจึงยกถาดปลาย่างเกลือและน้ำจิ้ม ที่น้องสาวเตรียมของไว้ให้ปรุงออกมากินที่หน้าบ้าน ส่วยเซี่ยซูเหยายกหม้อข้าวที่หุงไว้มาตามหลังนอกจากปลาย่างเกลือและน้ำจิ้มแล้ว ยังมีผักดองและลวกผักเอาไว้กินคู่ด้วย เซี่ยซูเหยาคิดว่าเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนจะไม่ชินหากไม่มีผักหรือของที่กินประจำ“โอ้ นี่หรือปลาย่างเกลือที่อาเหยาบอก” เซี่ยห้าวไห่ที่เตรียมลงมือกินข้าวมื้อกลางวันอุทานถาม“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”มิใช่ว่าเซี่ยซูเจี๋ยไม่เคยทำให้คนในบ้

    Last Updated : 2025-02-16
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 10 ฝาแฝดสกุลเซี่ยมาอีกแล้ว

    เซี่ยห้าวไห่ไปล่าสัตว์ได้สองวันแล้ว สามพี่น้องบ้านเซี่ยจึงได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง โชคดีที่บ้านไม่ได้อยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นมาก เซี่ยห้าวไห่เลยไม่ค่อยเป็นห่วงทว่าวันนี้ผักที่ปลูกในแปลงถูกเซี่ยซูเหยียนเก็บขึ้นมาให้พี่สาวนำไปทำอาหารหมดแล้ว ทั้งสามเลยคุยกันว่าจะปลูกผักใหม่เซี่ยซูเหยาเสนอแนวคิดว่านำมูลไก่ที่มีในคอกมาผสมหน้าดินเตรียมเอาไว้ก่อนลงมือปลูก วิธีนี้จะทำให้ผักเจริญงอกงาม และไม่ใช่ว่าสามารถปลูกได้ทุกอย่าง ผักบางอย่างไม่สามารถเจริญเติบโตบนดินพวกนี้ได้ระหว่างรอเซี่ยซูเจี๋ยไปเลือกซื้อเมล็ดผัก เซี่ยซูเหยียนกับเซี่ยซูเหยาก็ช่วยกันปรับหน้าดินรอ และงานในบ้านที่ยังทำค้างไว้อยู่ เซี่ยซูเหยาก็อาสาทำก่อนพี่สาวจะกลับจริง ๆ วันนี้มีชาวบ้านมาเรียกให้เซี่ยซูเหยียนไปช่วยเก็บฟืนในป่า ทว่าที่บ้านมีน้องสาวอยู่คนเดียวเลยปฏิเสธไป แม้ตอนแรกคนที่มาเรียกจะหัวเสียก็ตามเซี่ยซูเหยาอ้าปากหาวพลางอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนหลับอย่างสบายใจ อีกไม่นานนางคงอุ้มไม่ได้แล้ว ยังดีที่มันไม่ได้โตเร็วมากเมื่อวานเซี่ยซูเหยาให้เซี่ยซูเหยียนไปซื้อข้าวสารมาห้าจิน เป็นเงินหนึ่งตำลึงเงินและห้าร้อยอีแปะ เงินจำนวนนี้ต้องทำงานส

    Last Updated : 2025-02-17

Latest chapter

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 15 เซี่ยซูเหยาโมโห

    กลิ่นอาหารของบ้านเซี่ยหอมถึงบ้านที่อยู่ห่างกันหลายจั้ง มีบางคนถึงขั้นเดินออกมาดูว่าเป็นกลิ่นอาหารจากบ้านหลังไหน พอตามกลิ่นมาถึงเห็นว่ามาจากบ้านเซี่ยก็แยกย้ายไปข่าวลือที่บ้านเซี่ยเลี้ยงสุนัขถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่บ้าน ใคร ๆ ก็รู้ว่าบ้านเซี่ยไม่มีเงิน ทว่าพวกเขากลับเอาภาระมาเลี้ยงเซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าให้ท่านยายไห่ซือที่เดินมาถามหลังนางนั่งซักเสื้อ นางมี่ซือเป็นลูกสะใภ้ของท่านยายไห่ซือที่มาตามน้องชายคนรองเมื่อวานนี้ นางจึงไม่แปลกใจที่จะมีคนมาถาม ลำพังแต่ละบ้านก็อยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แต่บ้านเซี่ยกลับไปเอาภาระมาเพิ่ม“พี่สาว”เซี่ยซูเหยาที่เดินตามพี่สาวมานั่งลงข้าง ๆ กัน วันนี้นางขอเซี่ยซูเจี๋ยมาซักผ้าเองเพราะพี่สาวปวดท้อง มันจึงเป็นข้ออ้างที่เซี่ยซูเจี๋ยปฏิเสธไม่ได้“อาเหยานั่งนิ่ง ๆ นะ! รอรับผ้าก็พอ” เซี่ยซูเจี๋ยหันไปบอกน้องสาว“เจ้าค่ะ”ทว่าเซี่ยซูเจี๋ยก็คือเซี่ยซูเจี๋ย นางไม่ต้องการให้น้องสาวของนางออกแรงแม้แต่น้อย เซี่ยซูเจี๋ยหาที่นั่งให้น้องสาวก่อนจะลงมือซักเสื้อ“อาเจี๋ย ทำไมเจ้าไม่

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 14 เซี่ยห้าวไห่หนุนหลัง

    เซี่ยห้าวไห่ยื่นเงินจำนวนเจ็ดสิบห้าอีแปะจากการนำไข่ไก่ไปขาย ให้ลูกสาวคนเล็กอย่างเซี่ยซูเหยาที่นั่งเล่นกับเจ้าเสี่ยวเฮยบนแคร่ไม้ไผ่เขาได้ปรึกษากับลูกอีกสองคนแล้วว่าเงินนี้ควรจะเป็นของเซี่ยซูเหยา หลังจากนำไข่ไก่ไปขายบางส่วน เขาก็เอากลับมาให้ลูกสาวโดยที่ไม่หักค่าไปขายเซี่ยซูเหยาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อด้วยความมึนงง คนที่เก็บเงินในบ้านคือเซี่ยซูเจี๋ย ทว่าวันนี้พ่อของนางกลับมอบเงินจำนวนหลายอีแปะให้นาง“เงินนี้ได้มากจากการขายไข่จำนวนเจ็ดสิบห้าฟอง โรงเตี๊ยมประกาศรับไข่ไก่ให้ฟองละหนึ่งอีแปะพ่อเลยลองไปดู” เซี่ยห้าวไห่ตอบอย่างละเอียด ลูกสาวจะไม่ได้ถามเขาซ้ำอีก“ให้พี่สาวเถิดเจ้าค่ะ”เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เซี่ยซูเหยียน เซี่ยซูเจี๋ยไปรับจ้างหาเงินเข้าบ้านยังไม่เก็บไว้เอง นางจึงไม่ต้องการส่วนแบ่งนี้ อีกทั้งที่ผ่านมาทุกคนก็ทำเพื่อนางมาก“พ่อกับพี่สาว พี่ชายคุยกันแล้ว” เซี่ยห้าวไห่ถอนหายใจพลางนั่งลงข้างลูกสาว เขาคิดเอาไว้แล้วว่านางจะไม่ยอมรับ“ท่านพ่อ อาเหยาอยากขายอาหาร”เซี่ยซูเหยาใ

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 13 หัวหมู

    เซี่ยห้าวไห่นั่งแทบไม่ติดแคร่ไม้ไผ่หลังจากกลับมาจากการล่าสัตว์ ท่านยายหลี่ฮัวที่อยู่ข้างบ้านบอกว่าเซี่ยซูเหยียนพาพี่สาวและน้องสาวเข้าป่าไปแล้ว ยังเล่าเรื่องที่สายรองเซี่ยมาที่บ้านอีกทว่าที่เซี่ยห้าวไห่ไม่เข้าไปตามลูก ๆ เพราะอีกไม่นานเซี่ยซูเหยียนก็คงพาพี่สาวและน้องสาวกลับมา ลูกชายคนรองของเขารู้ตัวว่าสามารถพาไปที่ไหนได้บ้าง และกว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้านเซี่ยห้าวไห่ก็หมดแรงแล้วผ่านไปเกือบชั่วยามเซี่ยห้าวไห่จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นลูกชายพาพี่สาวและน้องสาวกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย“ท่านพ่อ”“ท่านพ่อ”“ท่านพ่อ!”เสียงสุดท้ายเป็นเสียงของเซี่ยซูเหยาที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ นางคำนวณวันตามที่พี่สาวบอกทว่าเหลืออีกตั้งสองวันไม่ใช่หรือ ทำไมรอบนี้ถึงกลับมาเร็วกว่าปกติ“อาเจี๋ย! อาเหยียน! อาเหยา!”เซี่ยซูเจี๋ยรีบเข้าไปในบ้านเพื่อทำอาหารให้เซี่ยห้าวไห่ ปกติเวลาที่เซี่ยห้าวไห่กลับมาจากการล่าสัตว์ เซี่ยซูเจี๋ยก็จะรีบทำอาหารให้ เพราะเหล่านายพรานเร่งเดินทางกลับพวกเขาจึงไม่หยุดแวะพัก ทว่า

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   หาของแปรรูป

    ผ่านมาแล้วสองวันใบหน้าที่บวมช้ำของเซี่ยซูเจี๋ยก็กลับมาเป็นปกติ และทั้งสามก็ลงมือนปลูกผักเรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วันเซี่ยห้าวไห่ก็จะกลับมา เซี่ยซูเหยาเลยอ้อนขอให้เซี่ยซูเหยียนพาเข้าป่า จริง ๆ เซี่ยซูเหยียนปฏิเสธทว่าเซี่ยซูเหยาไม่ยอมแพ้ นางอ้อนขอจนได้ไปก็ยังเป็นเซี่ยซูเจี๋ยที่เตรียมอาหารสำหรับเข้าป่าวันนี้ มีเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ไปทำงาน และท่านยายหลี่ฮัวก็อยู่ที่บ้าน เซี่ยซูเจี๋ยเลยไปขอให้ช่วยดูบ้านให้ด้วย นางไม่ไว้ใจที่จะให้น้องชายกับน้องสาวพากันไปเองปลาในถังเหลือออยู่เจ็ดตัว กุ้งอีกเป็นร้อยตัวเซี่ยซูเจี๋ยก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องพากันเข้าป่าอีก นางไม่อยากปฏิเสธน้องสาวที่ยิ้มกว้างตอนที่เซี่ยซูเหยียนอนุญาต“ครบแล้วใช่ไหม”นอกจากตะกร้าอาหารมื้อกลางวันแล้วทั้งสามก็มีตะกร้าสานสะพายคนละอัน เซี่ยซูเหยาได้ตะกร้าที่มันเล็กแต่ก็ใส่ของได้เยอะ และเซี่ยซูเหยียนก็เอาพวกมีดกับขวานไปด้วย ของพวกนี้เขาเอาติดตัวไปด้วยตลอดยามเข้าป่า“ขอรับ” เซี่ยซูเหยียนพยักหน้าเซี่ยซูเหยาไม่เอาเสี่ยวเฮยไปด้วย น้ำหนักของเสี่ยวเฮยไม่ใช่น้อย ๆ นางกลัวว่ามันจะถ่วงเวลาเดินนาง จึงเลือกที่จะขังไว้ในห้องครัว ทว่านางเทน้ำต้มข้าว น้

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 11 ท่านย่าเซี่ยโมโห

    เป็นไปตามที่สามพี่น้องบ้านเซี่ยคิดกันจริง ๆ หลังจากฝาแฝดเซี่ยกลับไปไม่นานทั้งสามก็ได้ยินเสียงก่นด่าทอดังเข้ามาใกล้‘นังเด็กสารเลว!มา‘ท่านแม่ ท่านแม่ต้องให้ความยุติธรรมกับยุ่นเอ๋อร์นะเจ้าคะ! โฮ หลานของท่านแม่จะมีแผลไม่ได้!’‘ใช่ ๆ’‘เด็กพวกนี้มันกล้าทำขนาดนี้ ถ้าปล่อยไว้มันต้องทำอาหรงแน่ ๆ’‘นั่นสิ’“เซี่ยซูเจี๋ย!”เซี่ยซูเหยาหลบหลังพี่สาวทันทีที่เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาใกล้ ในกลุ่มมีนางซือหลิงที่ตาแดงเดินมาด้วย คาดว่าคงเห็นที่แขนลูกสาวแล้ว“ท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยเรียกย่าเซี่ยหรือก็คือย่ารองสกุลเซี่ย ภรรยาปู่รอง น้องชายของปู่นางท่านปู่และท่านย่าแท้ ๆ ขของพวกนางเสียไปนานแล้วท่านย่าเซี่ยคือผู้อาวุโสของสกุลเซี่ย พวกนางจึงต้องเรียกตามที่คนอื่นเรียก“เซี่ยหลินยุ่นเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเจ้าคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องลงมือด้วย”“นางจะตีอาเหยา ข้าจึงปกป้องน้องสาวของข้าเจ้าค่ะท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยขึ้นเสียงเบาเซี่ยหลินยุ่นเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของท่านย่าเซี่ยที่ขึ้นชื่อว่าใจร้ายในหมู่บ้าน นางทำให้หลานสาวของท่านย่าเซี่ยมีบาดแผล ไม่รู้จะโดนอะไรบ้างยิ่งมากับนางซือหลิงและลูกชาย ลูกสะใภ้ อีกสามสี่คน เซี่ยซู

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 10 ฝาแฝดสกุลเซี่ยมาอีกแล้ว

    เซี่ยห้าวไห่ไปล่าสัตว์ได้สองวันแล้ว สามพี่น้องบ้านเซี่ยจึงได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง โชคดีที่บ้านไม่ได้อยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นมาก เซี่ยห้าวไห่เลยไม่ค่อยเป็นห่วงทว่าวันนี้ผักที่ปลูกในแปลงถูกเซี่ยซูเหยียนเก็บขึ้นมาให้พี่สาวนำไปทำอาหารหมดแล้ว ทั้งสามเลยคุยกันว่าจะปลูกผักใหม่เซี่ยซูเหยาเสนอแนวคิดว่านำมูลไก่ที่มีในคอกมาผสมหน้าดินเตรียมเอาไว้ก่อนลงมือปลูก วิธีนี้จะทำให้ผักเจริญงอกงาม และไม่ใช่ว่าสามารถปลูกได้ทุกอย่าง ผักบางอย่างไม่สามารถเจริญเติบโตบนดินพวกนี้ได้ระหว่างรอเซี่ยซูเจี๋ยไปเลือกซื้อเมล็ดผัก เซี่ยซูเหยียนกับเซี่ยซูเหยาก็ช่วยกันปรับหน้าดินรอ และงานในบ้านที่ยังทำค้างไว้อยู่ เซี่ยซูเหยาก็อาสาทำก่อนพี่สาวจะกลับจริง ๆ วันนี้มีชาวบ้านมาเรียกให้เซี่ยซูเหยียนไปช่วยเก็บฟืนในป่า ทว่าที่บ้านมีน้องสาวอยู่คนเดียวเลยปฏิเสธไป แม้ตอนแรกคนที่มาเรียกจะหัวเสียก็ตามเซี่ยซูเหยาอ้าปากหาวพลางอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนหลับอย่างสบายใจ อีกไม่นานนางคงอุ้มไม่ได้แล้ว ยังดีที่มันไม่ได้โตเร็วมากเมื่อวานเซี่ยซูเหยาให้เซี่ยซูเหยียนไปซื้อข้าวสารมาห้าจิน เป็นเงินหนึ่งตำลึงเงินและห้าร้อยอีแปะ เงินจำนวนนี้ต้องทำงานส

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 8 กาฝาก

    เซี่ยซูเหยามองตามเซี่ยหยุนหรงที่ถูกพี่สาวลากกลับไปด้วยความไม่พอใจ นางซือหลิงเลี้ยงลูกของนางแต่ละคนได้ดีจริง ๆถ้าจำไม่ผิดนางเคยได้ยินท่านพ่อเล่าว่าลูกสาวคนโตของนางซือหลิงแต่งออกไปก่อนที่เซี่ยซูเหยาจะเกิดซะอีก ส่วนลูกชายอีกสามคนของนางที่ไม่รวมเด็กแฝดคู่นี้เห็นว่าไม่มีการงานมั่นคง ออกไปรับจ้างอย่างเกียจคร้าน แต่มีลูกมีเมียเต็มบ้านอายุลูกชายของนางซือหลิงแต่ละคนก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว และแต่ละบ้านก็มีลูกไม่ต่ำกว่าสามคน เห็นว่ายามนี้ลูกสะใภ้ของนางก็ใกล้คลอดอีกแล้ว“พี่ชายมาแล้ว อาเหยาว่าเรากินข้าวกันเถอะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยขึ้น“ได้”อากาศด้านนอกมันดีกว่าในบ้านที่อบอ้าว เซี่ยซูเจี๋ยจึงยกถาดปลาย่างเกลือและน้ำจิ้ม ที่น้องสาวเตรียมของไว้ให้ปรุงออกมากินที่หน้าบ้าน ส่วยเซี่ยซูเหยายกหม้อข้าวที่หุงไว้มาตามหลังนอกจากปลาย่างเกลือและน้ำจิ้มแล้ว ยังมีผักดองและลวกผักเอาไว้กินคู่ด้วย เซี่ยซูเหยาคิดว่าเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนจะไม่ชินหากไม่มีผักหรือของที่กินประจำ“โอ้ นี่หรือปลาย่างเกลือที่อาเหยาบอก” เซี่ยห้าวไห่ที่เตรียมลงมือกินข้าวมื้อกลางวันอุทานถาม“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”มิใช่ว่าเซี่ยซูเจี๋ยไม่เคยทำให้คนในบ้

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 7 เสี่ยวเฮย

    เซี่ยซูเหยากอดเข่านั่งมองเสี่ยวเฮย ที่นางเก็บกลับมาด้วย นางอ้อนพ่อของนางเกือบครึ่งวันเพื่อขอเลี้ยงลูกหมาป่าตัวสีขาวเสี่ยวเฮยมีขนสีขาวแต่ที่ไม่ได้ตั้งว่าเสี่ยวไป๋ เพราะเซี่ยซูเหยานึกถึงแม่หมาป่ากับบรรดาพี่น้องของเสี่ยวเฮยที่มีขนสีดำ นางเลยตั้งชื่อนี้ให้เสี่ยวเฮยถึงเซี่ยซูเจี๋ยไม่ต้องการให้น้องสาวเลี้ยงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกหมาป่ายังเด็กมันช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น และนางก็ไม่ได้ใจดำ“ท่านพ่อ อาเหยาอยากกินปลาย่าง” เซี่ยซูเหยาหันไปบอกเซี่ยห่าวไห่ที่นั่งสานตะกร้าเซี่ยห้าวไห่สามารถทำได้หลายอย่าง ล่าสัตว์ รับจ้างทั่วไป หรือสานตะกร้าเขาก็สามารถทำได้ วันนี้เขาไม่ได้เข้าป่าเพราะเพิ่งเข้าไปเมื่อวานและของที่ได้มาก็กลัวจะกินไม่ทัน อีกทั้งไม่มีใครจ้างงาน“ทำไมไม่บอกพี่สาวทำให้ล่ะ”“อาเหยาอยากทำเองเจ้าค่ะ”เวลาเซี่ยห้าวไห่อยู่บ้านเขาจะจับตานางตลอดเวลา และไม่ต้องการให้นางทำอะไรที่เหนื่อย เซี่ยซูเหยาจึงต้องขอผู้เป็นพ่อ ส่วนพี่สาวนั้นอนุญาตแล้ว“อืม ให้พี่สาวช่วยทำด้วย”เซี่ยซูเหยาพยักหน้า อันที่จริงตอนนี้พี่สาวคงล้างทำความสะอาดปลาเสร็จแล้ว นางเลยรีบเดินไปยังหลังบ้านเพื่อหาหนิงเหมิงเฉ่ามายัดไส้ตัวปลา อ

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 6 ช่วยชีวิตลูกหมาป่า

    เซี่ยซูเหยารีบเตรียมของเมื่อพ่อของนางอนุญาตและจะพาเข้าป่าไปจับปลาอีกครั้ง เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนรับจ้างชาวบ้านทำงานวันละสิบอีแปะ ทำทั้งหมดห้าวันจึงได้เงินมาหนึ่งร้อยอีแปะ ซึ่งเซี่ยซูเหยาปวดใจไม่น้อย เงินที่ได้รับน้อยมากเมื่อเทียบกับแรงงานที่ได้ทำไปข้าวสาร 1 จิน เกือบสามร้อยอีแปะ ทั้งสองต้องทำงานมากกว่าครึ่งเดือนเพื่อซื้อข้าวสารให้นางกิน แล้วคนอื่นในบ้านกินเพียงน้ำข้าวต้มที่เหลืออยู่เท่านั้น หากนางไม่ใช่ผู้ตักข้าวเองเซี่ยซูเหยาไม่เข้าใจพ่อของนางเลย ทุกวันหากเข้าป่าล่าสัตว์ไปขายและเหลือไว้กินในบ้าน อย่างน้อยวันหนึ่งก็ได้เงินไม่ตำกว่าห้าสิบอีแปะ ทั้งยังใช้เวลาไม่นานและพักเหนื่อยได้ตลอดรับจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านไม่เพียงแต่ต้องใช้แรง ยังได้รับเงินที่สมควรจะได้รับน้อยมาก สู้เข้าป่าหาอาหารมากินดีกว่าได้เงินเพียงน้อยแล้วอดกินแต่นางก็ไม่ได้ถามอันใดต่อ เอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นค่อยถาม เซี่ยซูเหยารอให้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนหยุดพักหนึ่งวันหลังออกไปรับจ้าง และวันต่อมานางถึงอ้อนท่านพ่อเพื่อขอให้พาเข้าป่าอีกครั้ง ซึ่งท่านก็ตกลง“วันนี้พี่คงไม่ได้ไปด้วย อาเหยาระวังตัวดี ๆ นะ!” เซี่ยซูเจี๋ย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status