เนเน่ขยับตัวด้วยความอ่อนล้า ความจำล่าสุดของเธอก่อนที่จะหมดสติคือการที่เธอกลัวความมืดและกรีดร้องจนหมดสติ แต่พอลืมตาขึ้นมามันทำให้เธอถึงกับชะงัก เธอยังไม่ได้ออกจากบ้านร้างที่เก่าแก่?
แต่พอมองรอบ ๆ แล้วเนเน่ต้องขยี้ตาหลายรอบ ต่อให้เป็นความมืดแต่สิ่งที่เธอจำได้ก็คือ บ้านหลังนั้นมันรกมากและกลิ่นอับชื้นก็ตีขึ้นจมูก แต่ที่นี่ไม่ใช่ และเธอยังจำได้อีกว่าเธออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้เธอกลับนอนอยู่บนเตียงที่มีเศษผ้าเก่า และรู้สึกถึงมือที่เล็กลง
“อึก!”
เนเน่ยกมือขึ้นกุมขมับทันทีที่ครามทรงจำบางอย่างไหลเข้าหัว มันเป็นความเจ็บปวดที่ร่างกายแทบจะทนไม่ไหว เกือบสิบนาทีที่เนเน่ต้องทนเจ็บปวดก่อนที่ความเจ็บปวดมันจะหายไป
‘มันคืออะไร’
เนเน่นอนนิ่งก่อนจะทบทวนความทรงจำที่ได้รับมา ดูเหมือนว่าเธอจะตายในบ้านที่ถูกผลักเข้าไป และตื่นขึ้นมาบนร่างของ เซี่ยซูเหยา เด็กน้อยวัยสิบหนาวในแคว้นหนาน แคว้นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพืชผักและกำลังทหาร
เซี่ยซูเหยาเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวสกุลเซี่ย เป็นสกุลเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของแคว้น และอยู่ในเมืองที่เลือกได้ว่ายากจนที่สุด ต่อให้แคว้นอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหนแต่พอห่างไกลจากเมืองหลวง ความช่วยเหลือยากที่จะมาถึง
สกุลเซี่ยมีหลายสายยิ่งมีลูกเยอะยิ่งแยกย้ายกันไป ปัจจุบันสกุลเซี่ยมีมากถึงสิบเอ็ดสาย และสายหลักปัจจุบันคือครอบครัวของพวกนาง
บิดานามว่า เซี่ยห้าวไห่ ส่วนมารดานามว่า เซี่ยเมี่ยวผิง ปัจจุบันท่านเสียชีวิตตั้งแต่เซี่ยซูเหยาไม่กี่เดือน เซี่ยห้าวไห่เป็นนายพรานในหมู่บ้านที่จะขึ้นเขาล่าสัตว์เดือนละครั้ง และเข้าป่าทุกวันเพื่อล่าสัตว์ชนิดเล็ก ๆ
ลูกสาวคนโต เซี่ยซูเจี๋ย อายุสิบสี่หนาวใกล้ถึงวัยปักปิ่นแล้ว มีหน้าที่ดูแลภายในบ้านเนื่องจากเป็นลูกสาวคนโต และดูแลน้องสาวคนเล็ก
ลูกชายคนรอง เซี่ยซูเหยียน อายุสิบสองหนาว ตามบิดาเข้าป่าล่าสัตว์ทุกวัน หรือบางวันก็จะไปหารับจ้างชาวบ้านลงแปลงนา หรือบางวันก็จะเก็บฟืนไปขาย
ลูกสาวคนเล็ก เซี่ยซูเหยา อายุสิบหนาว ยามที่อยู่ในครรภ์มารดาก่อนจะคลอดออกมา เซี่ยเมี่ยวผิงลื่นล้มอยู่บ่อยครั้งจนเซี่ยซูเหยาเกือบไม่รอด พอคลอดมาร่างกายมารดาทรุดโทรมไม่สามารถให้ลูกสาวดื่มนมจากอกได้ และนับตั้งแต่นั้นมาเซี่ยซูเหยาจึงมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง และเจ็บป่วยแทบทุกวัน เงินภายในบ้านจึงเริ่มหมดและไม่มีเงินใช้
ดูเหมือนว่าครั้งนี้เซี่ยซูเหยาจะล้มป่วยหลังช่วยพี่สาวทำอาหารรอบิดาและพี่ชาย และนอนซมถึงห้าวันก่อนที่จะจากไปอย่างสงบโดยที่ไม่มีใครรู้ และมีเนเน่เข้ามาอยู่
เนเน่ในร่างเซี่ยซูเหยาขยับตัวลุกขึ้นมามองรอบข้าง ในห้องแคบ ๆ นี้เป็นห้องไม้ที่น่าจะทำมาจากต้นไผ่ เป็นห้องที่เล็กมาก นางสามารถนอนได้คนเดียวและเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูไม้
เนเน่ก้มลงมองมือตัวเองที่เล็กลงกว่าเดิมและรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะสะอื้นออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมนางถึงต้องมาอยู่ที่นี่
อาป๊า หม่าม้า เฮียนรา และตี๋เล็กจะรู้หรือไม่ว่านางไม่อยู่แล้ว หากเอ่ยปฏิเสธอาจารย์ไปยามนี้นางคงได้เข้าไปช่วยหม่าม้าทำอาหารรอพี่ชายกับน้องชายแล้ว
“อาเหยา!”
เสียงร้องตกใจของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นหลังเปิดประตูห้อง พลางรีบวิ่งมาหาน้องสาวที่กำลังสะอื้น เซี่ยซูเจี๋ยรีบกอดปลอบน้องสาว
เซี่ยซูเหยาเป็นแก้วตาดวงใจของบิดาและพี่สาว พี่ชาย ท่านพ่อเคยกล่าวว่ามารดาทิ้งน้องสาวเอาไว้เป็นตัวแทนของนาง จึงควรจะรักน้องสาวมาก ๆ ยิ่งน้องสาวร่างกายอ่อนแอจึงต้องดูแลอย่างดี
แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอรวมถึงการร้องไห้ เนเน่ในร่างเซี่ยซูเหยาจึงหลับคาอ้อมกอดของพี่สาว ทั้งใบหน้ายังเต็มไปด้วยน้ำตา
สกุลเซี่ยสายหลักเป็นครอบครัวของเซี่ยห้าวไห่ ปัจจุบันเหลือสมาชิกเพียงสี่คน และที่บ้านก็ยากจนมาก เงินเก็บที่มีเหลือไม่ถึงสองตำลึง เงินที่หามาได้นอกจากค่าใช้จ่ายในบ้านแล้วก็จะใช้ซื้อสมุนไพรมารักษาอาการลูกสาวคนเล็ก
“ท่านพ่อ”
เซี่ยซูเจี๋ยมีสีหน้ากังวลเมื่อบิดาเดินเข้ามาในห้องของน้องสาวที่กำลังหลับอยู่ อาการของน้องเล็กเป็นแบบนี้ปกติ แต่ช่วงหลัง ๆ มานี้ อาการเริ่มแย่ลง เงินเก็บที่มีก็ซื้อสมุนไพรจนเงินไม่เหลือ
“เจ้าไปพักเถอะ”
เซี่ยห้าวไห่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พลางลูบผมลูกสาวคนโตที่เริ่มจะร้องไห้ เขาเข้าใจลูกสาวดีที่ไม่อยากให้น้องสาวเจ็บปวด เขาก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกสาวเป็นแบบนี้
“ท่านพ่อไม่เข้าป่าหรือเจ้าคะ”
“อืม วันนี้เหมือนฝนจะตก”
“เช่นนั้นข้าจะไปซักผ้า”
เซี่ยซูเจี๋ยตอบบิดาก่อนจะเก็บเสื้อของน้องสาวออกไปซัก นอกจากเสื้อของนางแล้วก็มีเสื้อของน้องสาวที่นางต้องซัก ส่วนของบิดากับน้องชายนั้นทั้งสองจะซักเองเพื่อแบ่งเบาภาระของนาง
เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวอีกที่ก็กลางยามโหย่ว เพราะทนเสียงร้องของของกระเพาะไม่ไหว และนางยังได้กลิ่นของเนื้อสัตว์อีก ถึงต้องประคองตัวเองออกมานอกห้องเพื่อตามกลิ่นอาหารไป
บ้านหลังนี้จริง ๆ แล้วเป็นบ้านดินผสมฟาง เพียงแต่ห้องของเซี่ยซูเหยาที่เป็นไม้เพราะนางไม่สามารถทนอยู่กับฝุ่นได้ บิดาจึงต้องทำห้องให้ใหม่
“อาเหยา”
เสียงเรียกทำให้เซี่ยซูเหยาหันไปมองอย่างคุ้นชิน คนตรงหน้าคงจะเป็นพี่ชายคนรองอย่างเซี่ยซูเหยียนจากความทรงจำ
“เจ้าคะ”
“หิวแล้วหรือ ไปรอที่ห้องก่อนหรือไม่ พี่ชายจะเอาเข้าไปให้” เซี่ยซูเหยียนตกใจไม่น้อยที่เห็นน้องสาวเดินออกจากห้องด้วยอาการอ่อนล้า
“ข้า…ข้า” เซี่ยซูเหยานึกอะไรไม่ออก นางไม่คิดว่าจะเจอพี่ชายเร็วขนาดนี้
“น้องรองพาอาเหยามานั่งรอที่โต๊ะเถิด พี่สาวจะยกอาหารออกมาให้ อาเหยาคงจะหิวแล้ว” เซี่ยซูเจี๋ยเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะร้องบอก
“ขอรับ”
เซี่ยซูเหยาเดินไปนั่งเก้าอี้พร้อมทั้งถูกเซี่ยซูเหยียนพยุงตัว แต่พอมีคนมาพยุงนางก็เดินเร็วขึ้นจริง ๆ ยามนี้นางยังปรับตัวไม่ได้คงต้องให้คนอื่นช่วยไปก่อน
“ทะ…ท่านพ่อ” เซี่ยซูเหยาเรียกเซี่ยห้าวไห่ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“เจ้าหายดีแล้วเหรอ” เซี่ยห้าวไห่เอ่ยถามลูกสาว
“เจ้าค่ะ”
“พรุ่งนี้พ่อจะไปล่าไก่ป่ามาทำน้ำแกงให้กินดีหรือไม่” เซี่ยห้าวไห่ถามลูกสาวด้วยรอยยิ้ม
นับวันลูกสาวคนเล็กยิ่งโตยิ่งงดงามเหมือนมารดา แต่ก่อนมารดาของนางเนื้อหอมยิ่ง เพียงแต่มีร่างกายที่อ่อนแอจึงไม่มีใครสนใจ ต่างจากลูกสาวคนโตที่หน้าตาได้เขามา คงจะมีแต่ดวงตาที่ได้มารดา
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยาไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดี แต่เธอแค่ตอบผู้เป็นพ่อไปเพื่อคลายความสงสัย นางจำได้ว่าเซี่ยซูเหยาเป็นเด็กที่เก็บตัว ไม่ค่อยร่าเริงเพราะคิดว่าตัวเองเป็นภาระของคนในครอบครัว
เซี่ยซูเจี๋ยทำอาหารไม่นานก็ยกออกมา มีเซี่ยซูเหยียนไปช่วยยกด้วย ทั้งหมดจึงกินข้าวมื้อเย็นเพราะเซี่ยซูเหยาจะได้ไปพัก
อาหารมื้อเย็นมีเพียงน้ำต้มข้าวเพราะเซี่ยซูเจี๋ยตักให้น้องสาวคนเล็กไป และน้ำแกงปลาที่เซี่ยห้าวไห่ได้มาเมื่อวานเท่านั้น
เซี่ยซูเหยาตื่นขึ้นมายามเช้า อาการของนางดีขึ้นมาก ร่างกายที่เจ็บปวดก็ค่อยหายไป คงเป็นเพราะพี่สาวนำสมุนไพรมาให้ก่อนนอน เช้านี้เซี่ยซูเหยาจึงอาการดีขึ้นมาก
“พี่สาว”
“อาเหยา”
เซี่ยซูเจี๋ยยิ้มกว้างเมื่อน้องสาวเดินเข้าครัวมาหา พอมองดูแล้วอาการของน้องสาวคงจะดีขึ้นมาก ไม่นั้นคงไม่ตื่นเช้าเช่นนี้
“พี่สาวทำอาหารหรือ” เซี่ยซูเหยาชะโงกหน้ามองหม้อที่กำลังต้มข้าวอยู่
“ใช่แล้ว”
ฟ้ายังไม่สางมีเพียงแสงไฟจากบ้านอื่นที่เป็นแสงสว่างให้เซี่ยซูเจี๋ยต้มข้าว รอฟ้าสว่างกว่านี้ถึงจะออกไปดูแปลงผักว่ามีผักอะไรให้ทำอาหารใด้บ้าง ส่วนของเซี่ยซูเหยานั้นเซี่ยห้าวไห่ออกไปล่าสัตว์ตามที่ได้บอกลูกสาวเอาไว้
“มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่”
เซี่ยซูเหยารู้สึกไม่คุ้นชิน ในยามที่เป็นเนเน่นางต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร และทำเวลาให้ไปถึงมหาวิทยาลัยให้ทันก่อนเข้าเรียน พอเรียนเสร็จก็กลับมาทำงานในบ้าน ต่อให้ป่วยก็ต้องทำให้เสร็จก่อน แต่พอมาที่นี่แค่วันเดียวเซี่ยซูเหยาก็ไม่ชิน
“ไม่ต้อง ๆ อาเหยาไปพักเถิด พี่สาวจะทำเอง” เซี่ยซูเจี๋ยรีบปฏิเสธ
ยามนี้เป็นฤดูร้อนพอเซี่ยซูเหยาเข้าครัวทีไรเหงื่อก็ท่วมตัวตลอด เซี่ยซูเจี๋ยจึงชอบปฏิเสธน้องสาว หรือเวลาเข้าครัวส่วนมากก็เป็นยามที่อากาศไม่หนาวและไม่ร้อน
“ท่านพ่อกับพี่รองเล่า”
จากควาทรงจำเวลานี้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนควรจะตื่นหมดแล้ว แต่เซี่ยซูเหยาไม่เห็น เห็นเพียงพี่สาวคนโต
“ท่านพ่อกับน้องรองออกไปล่าสัตว์ตั้งแต่ยามอิ๋น คงจะกลับยามเฉิน เหมือนเดิม” เซี่ยซูเจี๋ยตอบน้องสาว
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยาถูกพี่สาวห้ามช่วย นางจึงทำได้แค่เดินมานั่งโต๊ะในห้องโถงของบ้านอย่างปลงตก นางคงต้องรีบบำรุงร่างกายนี้เร็ว ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ทำอะไรแน่ ๆ
เป็นไปตามที่เซี่ยซูเจี๋ยบอก กลางยามเฉินเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนกับมาจากการล่าสัตว์และกลับมาช้ากว่าปกติ เพราะทุกวันจะกลับมาต้นยามเฉิน
“ท่านพ่อได้ไก่ป่ามาด้วย!” เซี่ยซูเจี๋ยร้องด้วยความดีใจ
หลายวันมานี้นอกจากปลาที่ไปจับมาก็แทบจะไม่มีเนื้อให้กินเลย ส่วนมากจะนำไปขายแลกเงินและเหลือกลับมาเพียงเสี้ยวเดียวให้น้องสาวคนเล็ก
“วันนี้พ่อได้ไก่มา 3 ตัว อีก 2 ตัวขายไปแล้ว ตัวนี้อาเจี๋ยนำไปตุ๋นให้น้องสาวแล้วก็ย่างเถิด” เซี่ยห้าวไห่พูดด้วยความเหนื่อย
เพราะต้องเอาไก่เข้าไปขายในเมืองจึงต้องรีบทำเวลา ยามนี้ลูกสาวคนเล็กควรที่จะกินข้าวและดื่มสมุนไพรแล้ว
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยารีบรับไก่ป่ามาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย นาน ๆ ที จะได้กินเนื้อ นางจึงรีบเอาไก่เข้าไปทำความสะอาด น้องสาวคนเล็กคงจะหิวมากแล้ว มีเซี่ยซูเหยียนที่เข้าไปช่วยพี่สาวฆ่าไก่ป่าด้วย
เซี่ยซูเหยาท้าวคางมองหน้าบ้านด้วยความเบื่อหน่าย เข้าวันที่เจ็ดแล้วที่นางได้มาอยู่ที่นี่ แต่เพราะมีร่างกายที่อ่อนแอจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหน แม้แต่แสงแดดก็ห้ามโดนจนกว่าอาการจะดีขึ้นแต่ยามนี้อาการนางดีขึ้นมากแล้วเพราะได้กินน้ำแกงไก่บำรุงร่างกายเกือบทุกวัน ไหนจะการที่นางลอบออกกำลังกายในห้องนอนอีก อาการต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีแล้ว คงจะมีแต่ความเบื่อนี่แหละ“พี่สาว อาเหยาเบื่ิอ” เซี่ยซูเหยาหันไปบอกเซี่ยซูเจี๋ยที่ล้างผักอยู่ ผักพวกนี้จะถูกนำไปดองเก็บไว้กิน“อาเหยาเบื่อหรือ แต่ท่านพ่อไม่ให้อาเหยาออกไปไหน” เซี่ยซูเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมองแม้ตัวน้องสาวจะบอกว่าหายดีแล้วแต่เซี่ยซูเจี๋ยกับผู้เป็นพ่อและน้องชายก็ไม่เชื่อ อาเหยาชอบบอกว่าหายดีแล้วเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง“เฮ้อ”เซี่ยซูเหยาถอนหายใจครั้งที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้ นางเบื่อจริง ๆ นะ แม้แต่งานในครัวพี่สาวก็ไม่ยอมให้นางแตะ ให้เหตุผลว่ารอให้อากาศดีกว่านี้เสียก่อน“งั้นมาช่วยพี่สาวล้างผักดีไหม พรุงนี้พี่สาวจะทำเกี่ยมฉ่าย กับซึงไฉ่ เก็บไว้กินเดือนหน้า” เซี่ยซูเจี๋ยบอกน้องสาวนางสามารถออกไปไหนมาไหนได้ แต่อาเหยาไม่สามารถออกไปได้เพราะทุกคนเป็นห่วง เซี
เซี่ยซูเหยาอดตื่นเต้นไม่ได้ นับรวมจากที่ได้คุยกับผู้เป็นพ่อ วันนี้ก็เข้าวันที่สิบแล้ว อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือไม่หนาวจนเกินไป เซี่ยห้าวไห่จึงบอกให้ลูกชายและลูกสาวเตรียมตัว เพราะจะไปด้วยกันทั้งหมดเซี่ยห้าวไห่ไม่ค่อยเป็นห่วงเซี่ยซูเหยียนเพราะไปด้วยกันทุกวัน จะเป็นห่วงก็แต่ลูกสาวอีกสองคน คนโตไม่เท่าไรเพราะเขาเชื่อว่านางเอาตัวรอดได้ ต่างจากอาเหยาที่เป็นครั้งแรกของการเข้าป่าวันนี้เซี่ยห้าวไห่จะพาไปก็จริงแต่เขาจะให้อยู่เพียงตีนป่าเท่านั้น ข้างในมันอันตราย เขาไม่สามารถช่วยลูก ๆ ได้ทั้งหมดหากเกิดอะไรขึ้นมา ลำพังพาลูกชายไปด้วยทุกวันก็ยังเป็นห่วง“พี่สาวห่อข้าวไปด้วยหรือ” เซี่ยซูเหยาเอียงคอถามจนเซี่ยซูเจี๋ยเอื้อมมือมาบีบแก้มน้องสาว น้องสาวของนางเดิมทีก็น่ารักอยู่แล้ว พอทำท่าทางแบบนี้ยิ่งน่ารักไปใหญ่“แก้มอาเหยา!” เซี่ยซูเหยาพองแก้มพลางเท้าเอว“ฮ่า ฮ่า วันนี้ท่านพ่อให้พี่สาวทำอาหารไปเผื่อด้วย” เซี่ยซูเจี๋ยตอบปกติเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนไม่ได้ห่อกับข้าวไปด้วย เพราะทั้งสองจะกลับมากินข้าวที่บ้านทุกวัน จะมีก็แต่ยามขึ้นเขาไปล่าสัตว์เท่านั้นที่เซี่ยห้าวไห่จะให้ลูกสาวทำไว้ให้“อ๋อ”เซี่ยซูเหยา
ทุกคนดูชอบกุ้งนึ่งกับน้ำจิ้มที่เซี่ยซูเหยาทำมาก โดยเฉพาะเซี่ยห้าวไห่ที่เอ่ยชมลูกสาวไม่หยุด ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เซี่ยซูเหยาจะทำอาหารให้คนในครอบครัวกินบ่อย ๆ ยามที่จะเปิดร้านอาหารจะได้ไม่มีใครกังวล และจะได้สนับสนุนนางวันนี้ทั้งเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนออกไปรับจ้างนอกบ้านไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์ เซี่ยซูเจี๋ยก็นำตะกร้าผ้าไปซักที่ลำธาร ซึ่งที่บ้านก็เหลือเพียงเซี่ยซูเหยาผ่านมาสามวันแล้วพ่อของนางก็ยังไม่พานางเข้าป่าอีกครั้ง แต่นางเห็นว่ายุ่งเลยไม่ได้ไปอ้อนให้พาไป กุ้งกับปลาที่จับมายังไม่หมด เปลี่ยนน้ำทุกวันจึงยังไม่ตายและสดอยู่เซี่ยซูเหยาอาศัยช่วงที่ไม่มีใครอยู่บ้านออกไปหาผักในแปลงผัก เซี่ยซูเจี๋ยจะย่างไก่ป่าที่ได้มาหลายวันก่อนแต่นางไปซักผ้าอยู่ เซี่ยซูเหยาเบื่อย่างแบบเกลือแล้วนางเห็นว่าแปลงผักมีผักหลายชนิดที่เป็นสมุนไพร สามารถนำมาปรุงอาหารได้ ไหน ๆ ในอนาคตนางต้องการจะเปิดร้านอาหารอยู่แล้ว เลยคิดค้นเมนูใหม่ของที่บ้าน แม้อาจเป็นเมนูที่หลายร้านมีก็ตาม เซี่ยซูเหยาคิดว่าต่อให้ชื่อเหมือนกันแต่วิธีปรุงหรือสูตรมันต่างกันก็เพียงพอแล้วเซี่ยซูเหยาเก็บเจียง หนันเจียง และหนิงเหมิงเฉ่า จา
เซี่ยซูเหยารีบเตรียมของเมื่อพ่อของนางอนุญาตและจะพาเข้าป่าไปจับปลาอีกครั้ง เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนรับจ้างชาวบ้านทำงานวันละสิบอีแปะ ทำทั้งหมดห้าวันจึงได้เงินมาหนึ่งร้อยอีแปะ ซึ่งเซี่ยซูเหยาปวดใจไม่น้อย เงินที่ได้รับน้อยมากเมื่อเทียบกับแรงงานที่ได้ทำไปข้าวสาร 1 จิน เกือบสามร้อยอีแปะ ทั้งสองต้องทำงานมากกว่าครึ่งเดือนเพื่อซื้อข้าวสารให้นางกิน แล้วคนอื่นในบ้านกินเพียงน้ำข้าวต้มที่เหลืออยู่เท่านั้น หากนางไม่ใช่ผู้ตักข้าวเองเซี่ยซูเหยาไม่เข้าใจพ่อของนางเลย ทุกวันหากเข้าป่าล่าสัตว์ไปขายและเหลือไว้กินในบ้าน อย่างน้อยวันหนึ่งก็ได้เงินไม่ตำกว่าห้าสิบอีแปะ ทั้งยังใช้เวลาไม่นานและพักเหนื่อยได้ตลอดรับจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านไม่เพียงแต่ต้องใช้แรง ยังได้รับเงินที่สมควรจะได้รับน้อยมาก สู้เข้าป่าหาอาหารมากินดีกว่าได้เงินเพียงน้อยแล้วอดกินแต่นางก็ไม่ได้ถามอันใดต่อ เอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นค่อยถาม เซี่ยซูเหยารอให้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนหยุดพักหนึ่งวันหลังออกไปรับจ้าง และวันต่อมานางถึงอ้อนท่านพ่อเพื่อขอให้พาเข้าป่าอีกครั้ง ซึ่งท่านก็ตกลง“วันนี้พี่คงไม่ได้ไปด้วย อาเหยาระวังตัวดี ๆ นะ!” เซี่ยซูเจี๋ย
เซี่ยซูเหยากอดเข่านั่งมองเสี่ยวเฮย ที่นางเก็บกลับมาด้วย นางอ้อนพ่อของนางเกือบครึ่งวันเพื่อขอเลี้ยงลูกหมาป่าตัวสีขาวเสี่ยวเฮยมีขนสีขาวแต่ที่ไม่ได้ตั้งว่าเสี่ยวไป๋ เพราะเซี่ยซูเหยานึกถึงแม่หมาป่ากับบรรดาพี่น้องของเสี่ยวเฮยที่มีขนสีดำ นางเลยตั้งชื่อนี้ให้เสี่ยวเฮยถึงเซี่ยซูเจี๋ยไม่ต้องการให้น้องสาวเลี้ยงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกหมาป่ายังเด็กมันช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น และนางก็ไม่ได้ใจดำ“ท่านพ่อ อาเหยาอยากกินปลาย่าง” เซี่ยซูเหยาหันไปบอกเซี่ยห่าวไห่ที่นั่งสานตะกร้าเซี่ยห้าวไห่สามารถทำได้หลายอย่าง ล่าสัตว์ รับจ้างทั่วไป หรือสานตะกร้าเขาก็สามารถทำได้ วันนี้เขาไม่ได้เข้าป่าเพราะเพิ่งเข้าไปเมื่อวานและของที่ได้มาก็กลัวจะกินไม่ทัน อีกทั้งไม่มีใครจ้างงาน“ทำไมไม่บอกพี่สาวทำให้ล่ะ”“อาเหยาอยากทำเองเจ้าค่ะ”เวลาเซี่ยห้าวไห่อยู่บ้านเขาจะจับตานางตลอดเวลา และไม่ต้องการให้นางทำอะไรที่เหนื่อย เซี่ยซูเหยาจึงต้องขอผู้เป็นพ่อ ส่วนพี่สาวนั้นอนุญาตแล้ว“อืม ให้พี่สาวช่วยทำด้วย”เซี่ยซูเหยาพยักหน้า อันที่จริงตอนนี้พี่สาวคงล้างทำความสะอาดปลาเสร็จแล้ว นางเลยรีบเดินไปยังหลังบ้านเพื่อหาหนิงเหมิงเฉ่ามายัดไส้ตัวปลา อ
เซี่ยซูเหยามองตามเซี่ยหยุนหรงที่ถูกพี่สาวลากกลับไปด้วยความไม่พอใจ นางซือหลิงเลี้ยงลูกของนางแต่ละคนได้ดีจริง ๆถ้าจำไม่ผิดนางเคยได้ยินท่านพ่อเล่าว่าลูกสาวคนโตของนางซือหลิงแต่งออกไปก่อนที่เซี่ยซูเหยาจะเกิดซะอีก ส่วนลูกชายอีกสามคนของนางที่ไม่รวมเด็กแฝดคู่นี้เห็นว่าไม่มีการงานมั่นคง ออกไปรับจ้างอย่างเกียจคร้าน แต่มีลูกมีเมียเต็มบ้านอายุลูกชายของนางซือหลิงแต่ละคนก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว และแต่ละบ้านก็มีลูกไม่ต่ำกว่าสามคน เห็นว่ายามนี้ลูกสะใภ้ของนางก็ใกล้คลอดอีกแล้ว“พี่ชายมาแล้ว อาเหยาว่าเรากินข้าวกันเถอะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยขึ้น“ได้”อากาศด้านนอกมันดีกว่าในบ้านที่อบอ้าว เซี่ยซูเจี๋ยจึงยกถาดปลาย่างเกลือและน้ำจิ้ม ที่น้องสาวเตรียมของไว้ให้ปรุงออกมากินที่หน้าบ้าน ส่วยเซี่ยซูเหยายกหม้อข้าวที่หุงไว้มาตามหลังนอกจากปลาย่างเกลือและน้ำจิ้มแล้ว ยังมีผักดองและลวกผักเอาไว้กินคู่ด้วย เซี่ยซูเหยาคิดว่าเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนจะไม่ชินหากไม่มีผักหรือของที่กินประจำ“โอ้ นี่หรือปลาย่างเกลือที่อาเหยาบอก” เซี่ยห้าวไห่ที่เตรียมลงมือกินข้าวมื้อกลางวันอุทานถาม“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”มิใช่ว่าเซี่ยซูเจี๋ยไม่เคยทำให้คนในบ้
เซี่ยห้าวไห่ไปล่าสัตว์ได้สองวันแล้ว สามพี่น้องบ้านเซี่ยจึงได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง โชคดีที่บ้านไม่ได้อยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นมาก เซี่ยห้าวไห่เลยไม่ค่อยเป็นห่วงทว่าวันนี้ผักที่ปลูกในแปลงถูกเซี่ยซูเหยียนเก็บขึ้นมาให้พี่สาวนำไปทำอาหารหมดแล้ว ทั้งสามเลยคุยกันว่าจะปลูกผักใหม่เซี่ยซูเหยาเสนอแนวคิดว่านำมูลไก่ที่มีในคอกมาผสมหน้าดินเตรียมเอาไว้ก่อนลงมือปลูก วิธีนี้จะทำให้ผักเจริญงอกงาม และไม่ใช่ว่าสามารถปลูกได้ทุกอย่าง ผักบางอย่างไม่สามารถเจริญเติบโตบนดินพวกนี้ได้ระหว่างรอเซี่ยซูเจี๋ยไปเลือกซื้อเมล็ดผัก เซี่ยซูเหยียนกับเซี่ยซูเหยาก็ช่วยกันปรับหน้าดินรอ และงานในบ้านที่ยังทำค้างไว้อยู่ เซี่ยซูเหยาก็อาสาทำก่อนพี่สาวจะกลับจริง ๆ วันนี้มีชาวบ้านมาเรียกให้เซี่ยซูเหยียนไปช่วยเก็บฟืนในป่า ทว่าที่บ้านมีน้องสาวอยู่คนเดียวเลยปฏิเสธไป แม้ตอนแรกคนที่มาเรียกจะหัวเสียก็ตามเซี่ยซูเหยาอ้าปากหาวพลางอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนหลับอย่างสบายใจ อีกไม่นานนางคงอุ้มไม่ได้แล้ว ยังดีที่มันไม่ได้โตเร็วมากเมื่อวานเซี่ยซูเหยาให้เซี่ยซูเหยียนไปซื้อข้าวสารมาห้าจิน เป็นเงินหนึ่งตำลึงเงินและห้าร้อยอีแปะ เงินจำนวนนี้ต้องทำงานส
เป็นไปตามที่สามพี่น้องบ้านเซี่ยคิดกันจริง ๆ หลังจากฝาแฝดเซี่ยกลับไปไม่นานทั้งสามก็ได้ยินเสียงก่นด่าทอดังเข้ามาใกล้‘นังเด็กสารเลว!มา‘ท่านแม่ ท่านแม่ต้องให้ความยุติธรรมกับยุ่นเอ๋อร์นะเจ้าคะ! โฮ หลานของท่านแม่จะมีแผลไม่ได้!’‘ใช่ ๆ’‘เด็กพวกนี้มันกล้าทำขนาดนี้ ถ้าปล่อยไว้มันต้องทำอาหรงแน่ ๆ’‘นั่นสิ’“เซี่ยซูเจี๋ย!”เซี่ยซูเหยาหลบหลังพี่สาวทันทีที่เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาใกล้ ในกลุ่มมีนางซือหลิงที่ตาแดงเดินมาด้วย คาดว่าคงเห็นที่แขนลูกสาวแล้ว“ท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยเรียกย่าเซี่ยหรือก็คือย่ารองสกุลเซี่ย ภรรยาปู่รอง น้องชายของปู่นางท่านปู่และท่านย่าแท้ ๆ ขของพวกนางเสียไปนานแล้วท่านย่าเซี่ยคือผู้อาวุโสของสกุลเซี่ย พวกนางจึงต้องเรียกตามที่คนอื่นเรียก“เซี่ยหลินยุ่นเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเจ้าคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องลงมือด้วย”“นางจะตีอาเหยา ข้าจึงปกป้องน้องสาวของข้าเจ้าค่ะท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยขึ้นเสียงเบาเซี่ยหลินยุ่นเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของท่านย่าเซี่ยที่ขึ้นชื่อว่าใจร้ายในหมู่บ้าน นางทำให้หลานสาวของท่านย่าเซี่ยมีบาดแผล ไม่รู้จะโดนอะไรบ้างยิ่งมากับนางซือหลิงและลูกชาย ลูกสะใภ้ อีกสามสี่คน เซี่ยซู
กลิ่นอาหารของบ้านเซี่ยหอมถึงบ้านที่อยู่ห่างกันหลายจั้ง มีบางคนถึงขั้นเดินออกมาดูว่าเป็นกลิ่นอาหารจากบ้านหลังไหน พอตามกลิ่นมาถึงเห็นว่ามาจากบ้านเซี่ยก็แยกย้ายไปข่าวลือที่บ้านเซี่ยเลี้ยงสุนัขถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่บ้าน ใคร ๆ ก็รู้ว่าบ้านเซี่ยไม่มีเงิน ทว่าพวกเขากลับเอาภาระมาเลี้ยงเซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าให้ท่านยายไห่ซือที่เดินมาถามหลังนางนั่งซักเสื้อ นางมี่ซือเป็นลูกสะใภ้ของท่านยายไห่ซือที่มาตามน้องชายคนรองเมื่อวานนี้ นางจึงไม่แปลกใจที่จะมีคนมาถาม ลำพังแต่ละบ้านก็อยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แต่บ้านเซี่ยกลับไปเอาภาระมาเพิ่ม“พี่สาว”เซี่ยซูเหยาที่เดินตามพี่สาวมานั่งลงข้าง ๆ กัน วันนี้นางขอเซี่ยซูเจี๋ยมาซักผ้าเองเพราะพี่สาวปวดท้อง มันจึงเป็นข้ออ้างที่เซี่ยซูเจี๋ยปฏิเสธไม่ได้“อาเหยานั่งนิ่ง ๆ นะ! รอรับผ้าก็พอ” เซี่ยซูเจี๋ยหันไปบอกน้องสาว“เจ้าค่ะ”ทว่าเซี่ยซูเจี๋ยก็คือเซี่ยซูเจี๋ย นางไม่ต้องการให้น้องสาวของนางออกแรงแม้แต่น้อย เซี่ยซูเจี๋ยหาที่นั่งให้น้องสาวก่อนจะลงมือซักเสื้อ“อาเจี๋ย ทำไมเจ้าไม่
เซี่ยห้าวไห่ยื่นเงินจำนวนเจ็ดสิบห้าอีแปะจากการนำไข่ไก่ไปขาย ให้ลูกสาวคนเล็กอย่างเซี่ยซูเหยาที่นั่งเล่นกับเจ้าเสี่ยวเฮยบนแคร่ไม้ไผ่เขาได้ปรึกษากับลูกอีกสองคนแล้วว่าเงินนี้ควรจะเป็นของเซี่ยซูเหยา หลังจากนำไข่ไก่ไปขายบางส่วน เขาก็เอากลับมาให้ลูกสาวโดยที่ไม่หักค่าไปขายเซี่ยซูเหยาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อด้วยความมึนงง คนที่เก็บเงินในบ้านคือเซี่ยซูเจี๋ย ทว่าวันนี้พ่อของนางกลับมอบเงินจำนวนหลายอีแปะให้นาง“เงินนี้ได้มากจากการขายไข่จำนวนเจ็ดสิบห้าฟอง โรงเตี๊ยมประกาศรับไข่ไก่ให้ฟองละหนึ่งอีแปะพ่อเลยลองไปดู” เซี่ยห้าวไห่ตอบอย่างละเอียด ลูกสาวจะไม่ได้ถามเขาซ้ำอีก“ให้พี่สาวเถิดเจ้าค่ะ”เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เซี่ยซูเหยียน เซี่ยซูเจี๋ยไปรับจ้างหาเงินเข้าบ้านยังไม่เก็บไว้เอง นางจึงไม่ต้องการส่วนแบ่งนี้ อีกทั้งที่ผ่านมาทุกคนก็ทำเพื่อนางมาก“พ่อกับพี่สาว พี่ชายคุยกันแล้ว” เซี่ยห้าวไห่ถอนหายใจพลางนั่งลงข้างลูกสาว เขาคิดเอาไว้แล้วว่านางจะไม่ยอมรับ“ท่านพ่อ อาเหยาอยากขายอาหาร”เซี่ยซูเหยาใ
เซี่ยห้าวไห่นั่งแทบไม่ติดแคร่ไม้ไผ่หลังจากกลับมาจากการล่าสัตว์ ท่านยายหลี่ฮัวที่อยู่ข้างบ้านบอกว่าเซี่ยซูเหยียนพาพี่สาวและน้องสาวเข้าป่าไปแล้ว ยังเล่าเรื่องที่สายรองเซี่ยมาที่บ้านอีกทว่าที่เซี่ยห้าวไห่ไม่เข้าไปตามลูก ๆ เพราะอีกไม่นานเซี่ยซูเหยียนก็คงพาพี่สาวและน้องสาวกลับมา ลูกชายคนรองของเขารู้ตัวว่าสามารถพาไปที่ไหนได้บ้าง และกว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้านเซี่ยห้าวไห่ก็หมดแรงแล้วผ่านไปเกือบชั่วยามเซี่ยห้าวไห่จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นลูกชายพาพี่สาวและน้องสาวกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย“ท่านพ่อ”“ท่านพ่อ”“ท่านพ่อ!”เสียงสุดท้ายเป็นเสียงของเซี่ยซูเหยาที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ นางคำนวณวันตามที่พี่สาวบอกทว่าเหลืออีกตั้งสองวันไม่ใช่หรือ ทำไมรอบนี้ถึงกลับมาเร็วกว่าปกติ“อาเจี๋ย! อาเหยียน! อาเหยา!”เซี่ยซูเจี๋ยรีบเข้าไปในบ้านเพื่อทำอาหารให้เซี่ยห้าวไห่ ปกติเวลาที่เซี่ยห้าวไห่กลับมาจากการล่าสัตว์ เซี่ยซูเจี๋ยก็จะรีบทำอาหารให้ เพราะเหล่านายพรานเร่งเดินทางกลับพวกเขาจึงไม่หยุดแวะพัก ทว่า
ผ่านมาแล้วสองวันใบหน้าที่บวมช้ำของเซี่ยซูเจี๋ยก็กลับมาเป็นปกติ และทั้งสามก็ลงมือนปลูกผักเรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วันเซี่ยห้าวไห่ก็จะกลับมา เซี่ยซูเหยาเลยอ้อนขอให้เซี่ยซูเหยียนพาเข้าป่า จริง ๆ เซี่ยซูเหยียนปฏิเสธทว่าเซี่ยซูเหยาไม่ยอมแพ้ นางอ้อนขอจนได้ไปก็ยังเป็นเซี่ยซูเจี๋ยที่เตรียมอาหารสำหรับเข้าป่าวันนี้ มีเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ไปทำงาน และท่านยายหลี่ฮัวก็อยู่ที่บ้าน เซี่ยซูเจี๋ยเลยไปขอให้ช่วยดูบ้านให้ด้วย นางไม่ไว้ใจที่จะให้น้องชายกับน้องสาวพากันไปเองปลาในถังเหลือออยู่เจ็ดตัว กุ้งอีกเป็นร้อยตัวเซี่ยซูเจี๋ยก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องพากันเข้าป่าอีก นางไม่อยากปฏิเสธน้องสาวที่ยิ้มกว้างตอนที่เซี่ยซูเหยียนอนุญาต“ครบแล้วใช่ไหม”นอกจากตะกร้าอาหารมื้อกลางวันแล้วทั้งสามก็มีตะกร้าสานสะพายคนละอัน เซี่ยซูเหยาได้ตะกร้าที่มันเล็กแต่ก็ใส่ของได้เยอะ และเซี่ยซูเหยียนก็เอาพวกมีดกับขวานไปด้วย ของพวกนี้เขาเอาติดตัวไปด้วยตลอดยามเข้าป่า“ขอรับ” เซี่ยซูเหยียนพยักหน้าเซี่ยซูเหยาไม่เอาเสี่ยวเฮยไปด้วย น้ำหนักของเสี่ยวเฮยไม่ใช่น้อย ๆ นางกลัวว่ามันจะถ่วงเวลาเดินนาง จึงเลือกที่จะขังไว้ในห้องครัว ทว่านางเทน้ำต้มข้าว น้
เป็นไปตามที่สามพี่น้องบ้านเซี่ยคิดกันจริง ๆ หลังจากฝาแฝดเซี่ยกลับไปไม่นานทั้งสามก็ได้ยินเสียงก่นด่าทอดังเข้ามาใกล้‘นังเด็กสารเลว!มา‘ท่านแม่ ท่านแม่ต้องให้ความยุติธรรมกับยุ่นเอ๋อร์นะเจ้าคะ! โฮ หลานของท่านแม่จะมีแผลไม่ได้!’‘ใช่ ๆ’‘เด็กพวกนี้มันกล้าทำขนาดนี้ ถ้าปล่อยไว้มันต้องทำอาหรงแน่ ๆ’‘นั่นสิ’“เซี่ยซูเจี๋ย!”เซี่ยซูเหยาหลบหลังพี่สาวทันทีที่เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาใกล้ ในกลุ่มมีนางซือหลิงที่ตาแดงเดินมาด้วย คาดว่าคงเห็นที่แขนลูกสาวแล้ว“ท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยเรียกย่าเซี่ยหรือก็คือย่ารองสกุลเซี่ย ภรรยาปู่รอง น้องชายของปู่นางท่านปู่และท่านย่าแท้ ๆ ขของพวกนางเสียไปนานแล้วท่านย่าเซี่ยคือผู้อาวุโสของสกุลเซี่ย พวกนางจึงต้องเรียกตามที่คนอื่นเรียก“เซี่ยหลินยุ่นเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเจ้าคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องลงมือด้วย”“นางจะตีอาเหยา ข้าจึงปกป้องน้องสาวของข้าเจ้าค่ะท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยขึ้นเสียงเบาเซี่ยหลินยุ่นเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของท่านย่าเซี่ยที่ขึ้นชื่อว่าใจร้ายในหมู่บ้าน นางทำให้หลานสาวของท่านย่าเซี่ยมีบาดแผล ไม่รู้จะโดนอะไรบ้างยิ่งมากับนางซือหลิงและลูกชาย ลูกสะใภ้ อีกสามสี่คน เซี่ยซู
เซี่ยห้าวไห่ไปล่าสัตว์ได้สองวันแล้ว สามพี่น้องบ้านเซี่ยจึงได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง โชคดีที่บ้านไม่ได้อยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นมาก เซี่ยห้าวไห่เลยไม่ค่อยเป็นห่วงทว่าวันนี้ผักที่ปลูกในแปลงถูกเซี่ยซูเหยียนเก็บขึ้นมาให้พี่สาวนำไปทำอาหารหมดแล้ว ทั้งสามเลยคุยกันว่าจะปลูกผักใหม่เซี่ยซูเหยาเสนอแนวคิดว่านำมูลไก่ที่มีในคอกมาผสมหน้าดินเตรียมเอาไว้ก่อนลงมือปลูก วิธีนี้จะทำให้ผักเจริญงอกงาม และไม่ใช่ว่าสามารถปลูกได้ทุกอย่าง ผักบางอย่างไม่สามารถเจริญเติบโตบนดินพวกนี้ได้ระหว่างรอเซี่ยซูเจี๋ยไปเลือกซื้อเมล็ดผัก เซี่ยซูเหยียนกับเซี่ยซูเหยาก็ช่วยกันปรับหน้าดินรอ และงานในบ้านที่ยังทำค้างไว้อยู่ เซี่ยซูเหยาก็อาสาทำก่อนพี่สาวจะกลับจริง ๆ วันนี้มีชาวบ้านมาเรียกให้เซี่ยซูเหยียนไปช่วยเก็บฟืนในป่า ทว่าที่บ้านมีน้องสาวอยู่คนเดียวเลยปฏิเสธไป แม้ตอนแรกคนที่มาเรียกจะหัวเสียก็ตามเซี่ยซูเหยาอ้าปากหาวพลางอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนหลับอย่างสบายใจ อีกไม่นานนางคงอุ้มไม่ได้แล้ว ยังดีที่มันไม่ได้โตเร็วมากเมื่อวานเซี่ยซูเหยาให้เซี่ยซูเหยียนไปซื้อข้าวสารมาห้าจิน เป็นเงินหนึ่งตำลึงเงินและห้าร้อยอีแปะ เงินจำนวนนี้ต้องทำงานส
เซี่ยซูเหยามองตามเซี่ยหยุนหรงที่ถูกพี่สาวลากกลับไปด้วยความไม่พอใจ นางซือหลิงเลี้ยงลูกของนางแต่ละคนได้ดีจริง ๆถ้าจำไม่ผิดนางเคยได้ยินท่านพ่อเล่าว่าลูกสาวคนโตของนางซือหลิงแต่งออกไปก่อนที่เซี่ยซูเหยาจะเกิดซะอีก ส่วนลูกชายอีกสามคนของนางที่ไม่รวมเด็กแฝดคู่นี้เห็นว่าไม่มีการงานมั่นคง ออกไปรับจ้างอย่างเกียจคร้าน แต่มีลูกมีเมียเต็มบ้านอายุลูกชายของนางซือหลิงแต่ละคนก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว และแต่ละบ้านก็มีลูกไม่ต่ำกว่าสามคน เห็นว่ายามนี้ลูกสะใภ้ของนางก็ใกล้คลอดอีกแล้ว“พี่ชายมาแล้ว อาเหยาว่าเรากินข้าวกันเถอะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยขึ้น“ได้”อากาศด้านนอกมันดีกว่าในบ้านที่อบอ้าว เซี่ยซูเจี๋ยจึงยกถาดปลาย่างเกลือและน้ำจิ้ม ที่น้องสาวเตรียมของไว้ให้ปรุงออกมากินที่หน้าบ้าน ส่วยเซี่ยซูเหยายกหม้อข้าวที่หุงไว้มาตามหลังนอกจากปลาย่างเกลือและน้ำจิ้มแล้ว ยังมีผักดองและลวกผักเอาไว้กินคู่ด้วย เซี่ยซูเหยาคิดว่าเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนจะไม่ชินหากไม่มีผักหรือของที่กินประจำ“โอ้ นี่หรือปลาย่างเกลือที่อาเหยาบอก” เซี่ยห้าวไห่ที่เตรียมลงมือกินข้าวมื้อกลางวันอุทานถาม“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”มิใช่ว่าเซี่ยซูเจี๋ยไม่เคยทำให้คนในบ้
เซี่ยซูเหยากอดเข่านั่งมองเสี่ยวเฮย ที่นางเก็บกลับมาด้วย นางอ้อนพ่อของนางเกือบครึ่งวันเพื่อขอเลี้ยงลูกหมาป่าตัวสีขาวเสี่ยวเฮยมีขนสีขาวแต่ที่ไม่ได้ตั้งว่าเสี่ยวไป๋ เพราะเซี่ยซูเหยานึกถึงแม่หมาป่ากับบรรดาพี่น้องของเสี่ยวเฮยที่มีขนสีดำ นางเลยตั้งชื่อนี้ให้เสี่ยวเฮยถึงเซี่ยซูเจี๋ยไม่ต้องการให้น้องสาวเลี้ยงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกหมาป่ายังเด็กมันช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น และนางก็ไม่ได้ใจดำ“ท่านพ่อ อาเหยาอยากกินปลาย่าง” เซี่ยซูเหยาหันไปบอกเซี่ยห่าวไห่ที่นั่งสานตะกร้าเซี่ยห้าวไห่สามารถทำได้หลายอย่าง ล่าสัตว์ รับจ้างทั่วไป หรือสานตะกร้าเขาก็สามารถทำได้ วันนี้เขาไม่ได้เข้าป่าเพราะเพิ่งเข้าไปเมื่อวานและของที่ได้มาก็กลัวจะกินไม่ทัน อีกทั้งไม่มีใครจ้างงาน“ทำไมไม่บอกพี่สาวทำให้ล่ะ”“อาเหยาอยากทำเองเจ้าค่ะ”เวลาเซี่ยห้าวไห่อยู่บ้านเขาจะจับตานางตลอดเวลา และไม่ต้องการให้นางทำอะไรที่เหนื่อย เซี่ยซูเหยาจึงต้องขอผู้เป็นพ่อ ส่วนพี่สาวนั้นอนุญาตแล้ว“อืม ให้พี่สาวช่วยทำด้วย”เซี่ยซูเหยาพยักหน้า อันที่จริงตอนนี้พี่สาวคงล้างทำความสะอาดปลาเสร็จแล้ว นางเลยรีบเดินไปยังหลังบ้านเพื่อหาหนิงเหมิงเฉ่ามายัดไส้ตัวปลา อ
เซี่ยซูเหยารีบเตรียมของเมื่อพ่อของนางอนุญาตและจะพาเข้าป่าไปจับปลาอีกครั้ง เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนรับจ้างชาวบ้านทำงานวันละสิบอีแปะ ทำทั้งหมดห้าวันจึงได้เงินมาหนึ่งร้อยอีแปะ ซึ่งเซี่ยซูเหยาปวดใจไม่น้อย เงินที่ได้รับน้อยมากเมื่อเทียบกับแรงงานที่ได้ทำไปข้าวสาร 1 จิน เกือบสามร้อยอีแปะ ทั้งสองต้องทำงานมากกว่าครึ่งเดือนเพื่อซื้อข้าวสารให้นางกิน แล้วคนอื่นในบ้านกินเพียงน้ำข้าวต้มที่เหลืออยู่เท่านั้น หากนางไม่ใช่ผู้ตักข้าวเองเซี่ยซูเหยาไม่เข้าใจพ่อของนางเลย ทุกวันหากเข้าป่าล่าสัตว์ไปขายและเหลือไว้กินในบ้าน อย่างน้อยวันหนึ่งก็ได้เงินไม่ตำกว่าห้าสิบอีแปะ ทั้งยังใช้เวลาไม่นานและพักเหนื่อยได้ตลอดรับจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านไม่เพียงแต่ต้องใช้แรง ยังได้รับเงินที่สมควรจะได้รับน้อยมาก สู้เข้าป่าหาอาหารมากินดีกว่าได้เงินเพียงน้อยแล้วอดกินแต่นางก็ไม่ได้ถามอันใดต่อ เอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นค่อยถาม เซี่ยซูเหยารอให้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนหยุดพักหนึ่งวันหลังออกไปรับจ้าง และวันต่อมานางถึงอ้อนท่านพ่อเพื่อขอให้พาเข้าป่าอีกครั้ง ซึ่งท่านก็ตกลง“วันนี้พี่คงไม่ได้ไปด้วย อาเหยาระวังตัวดี ๆ นะ!” เซี่ยซูเจี๋ย